วันเวลาปัจจุบัน 28 มี.ค. 2024, 20:29  



เขตเวลา GMT + 7 ชั่วโมง




กลับไปยังกระทู้  [ 91 โพสต์ ]  ไปที่หน้า ย้อนกลับ  1, 2, 3, 4, 5, 6, 7  ต่อไป  Bookmark and Share
เจ้าของ ข้อความ
โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 10 ก.พ. 2019, 19:54 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
สมาชิกระดับสูงสุด
สมาชิกระดับสูงสุด
ลงทะเบียนเมื่อ: 24 ต.ค. 2006, 12:36
โพสต์: 33766

อายุ: 0

 ข้อมูลส่วนตัว


โลกสวย เขียน:
กรัชกาย เขียน:
กบนอกกะลา เขียน:
การปรุงแต่งสังขารนี้..ร้ายกาจ..นัก

เขาว่าเรา..เขาดูถูกเรา....เขา...เขา...ไม่หยุด

แม้แต่รูปภาพ...เราก็เอามาทิ้มแทงตน...แล้วตนนั้นเองที่ทุกข์...

เราถือศีล...เว้นการเบียดเบียนผู้อื่น..กันอย่างเคร่งครัด...เคร่งเครียด

แต่..ตนเบียดเบียนตน..ตนเป็นผู้ทุกข์...กลับมองไม่เห็น

ทุกข์..พึงกำหนดรู้...

เหตุของทุกข์..พึงสืบเสาะ



อ้างคำพูด:
การปรุงแต่งสังขารนี้..ร้ายกาจ..นัก


นี่เข้าใจผิด

สังขารมันปรุงแต่งจิต ให้เป็นไปนานา

ขี้เกียจพูดขี้เกียจอธิบายพูดไปก็เท่านั้นแหละ


นี่ไม่ได้เรียนอภิธรรม

เข้าใจผิดอีกแระ

จิต 89 เจตสิก52 สภาวะรูป 18 เรียกว่าสังขาร

ขี้เกียจพูด เหมือนกาน อ่ะค่ะ

หัวเราะดีก่า คริคริ



อ้างคำพูด:
จิต 89 เจตสิก52 สภาวะรูป 18 เรียกว่าสังขาร


นั่นคือความเข้าใจผิด ถ้าจะพูดอย่างนั้น ต้องพูดใหม่

คือพูดรวมไปเลยว่า ชีวิตหมดทั้งเนื้อทั้งตัวทั้งนามธรรมรูปธรรมนี่แหละสังขาร นี่พูดว่าสังขารอีกนัยหนึ่ง

สังขารมีหลายนัย แต่ตรงนี้เอาแค่สองนัย ไม่อยากหัวเราะเจ็บคอ

หรือจะพูดให้เถียงต่ออีกก็ว่า คนนี่เอง คิกๆๆ

.....................................................
https://dhammachati.blogspot.com/


โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 10 ก.พ. 2019, 20:37 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
สมาชิกระดับ 19
สมาชิกระดับ 19
ลงทะเบียนเมื่อ: 11 มี.ค. 2018, 02:56
โพสต์: 2157

โฮมเพจ: maybe
แนวปฏิบัติ: สติปัฎฐาน
งานอดิเรก: กีฬา
สิ่งที่ชื่นชอบ: แบรนด์เเนม
ชื่อเล่น: เม
อายุ: 22
ที่อยู่: Bangkok Thailand

 ข้อมูลส่วนตัว


กรัชกาย เขียน:
โลกสวย เขียน:
กรัชกาย เขียน:
กบนอกกะลา เขียน:
การปรุงแต่งสังขารนี้..ร้ายกาจ..นัก

เขาว่าเรา..เขาดูถูกเรา....เขา...เขา...ไม่หยุด

แม้แต่รูปภาพ...เราก็เอามาทิ้มแทงตน...แล้วตนนั้นเองที่ทุกข์...

เราถือศีล...เว้นการเบียดเบียนผู้อื่น..กันอย่างเคร่งครัด...เคร่งเครียด

แต่..ตนเบียดเบียนตน..ตนเป็นผู้ทุกข์...กลับมองไม่เห็น

ทุกข์..พึงกำหนดรู้...

เหตุของทุกข์..พึงสืบเสาะ



อ้างคำพูด:
การปรุงแต่งสังขารนี้..ร้ายกาจ..นัก


นี่เข้าใจผิด

สังขารมันปรุงแต่งจิต ให้เป็นไปนานา

ขี้เกียจพูดขี้เกียจอธิบายพูดไปก็เท่านั้นแหละ


นี่ไม่ได้เรียนอภิธรรม

เข้าใจผิดอีกแระ

จิต 89 เจตสิก52 สภาวะรูป 18 เรียกว่าสังขาร

ขี้เกียจพูด เหมือนกาน อ่ะค่ะ

หัวเราะดีก่า คริคริ


ว่าจะไม่พูดไม่อธิบายแล้วนะ นู่เมล่อเสือออกจากถ้ำอีก

เจตสิก มี 52 จริง แต่ตัดออก 2 เหลือ 50 นี่แหละเรียกว่า สังขาร ซึ่งก็มีทั้งกุศล อกุศล ที่ว่าปรุงแต่งจิตให้ดี ให้ชั่ว สังเกตข้อ 4


๑. รูป ได้แก่ ส่วนประกอบฝ่ายรูปธรรมทั้งหมด ร่างกาย และพฤติกรรมทั้งหมดของร่างกาย หรือสสารและพลังงานฝ่ายวัตถุ พร้อมทั้งคุณสมบัติ และพฤติกรรมต่างๆ ของสสารพลังงานเหล่านั้น

๒. เวทนา ได้แก่ ความรู้สึกสุข ทุกข์ หรือเฉยๆ ซึ่งเกิดจากผัสสะทางประสาททั้ง ๕ และทางใจ

๓. สัญญา ได้แก่ ความกำหนดได้ หรือหมายรู้ คือ กำหนดรู้อาการเครื่องหมายลักษณะต่างๆ อันเป็นเหตุให้จำอารมณ์นั้นๆได้

๔. สังขาร ได้แก่ องค์ประกอบ หรือคุณสมบัติต่างๆของจิต มีเจตนาเป็นตัวนำ ซึ่งแต่งจิตให้ดีหรือชั่วหรือเป็นกลางๆ ปรุงแปรการตริตรึกนึกคิดในใจ และการแสดงออกทางกาย วาจา ให้เป็นไปต่างๆ เป็นที่มาของกรรม เช่น ศรัทธา สติ หิริ โอตตัปปะ เมตตา กรุณา มุทิตา อุเบกขา ปัญญา โมหะ โลภะ โทสะ มานะ ทิฏฐิ อิสสา มัจฉริยะเป็นต้น เรียกรวมอย่างง่ายๆว่า เครื่องปรุงของจิต เครื่องปรุงของความคิด หรือเครื่องปรุงของกรรม

๕. วิญญาณ ได้แก่ ความรู้แจ้งอารมณ์ทางประสาททั้ง ๕ และทางใจ คือ การเห็น การได้ยิน การได้กลิ่น การรู้รส การรู้สัมผัสทางกาย และการรู้อารมณ์ทางใจ

ข้อ ๑ เป็นรูปขันธ์ ๔ ข้อหลังเป็นนามขันธ์ เรียกสั้นๆว่า รูปนาม


คริคริ

เสือสิ้นลายแระหละค่ะ
เพราะไม่เรียนพระอภิธรรม


ไปเอาขันธ์ห้ามาตอบ

เวทนา กะสัญญาเรยหลุดออกนอกสังขาร ไปแระ

ขำดีก่า คริคริ


แก้ไขล่าสุดโดย โลกสวย เมื่อ 10 ก.พ. 2019, 20:38, แก้ไขแล้ว 1 ครั้ง

โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 10 ก.พ. 2019, 20:38 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
สมาชิกระดับสูงสุด
สมาชิกระดับสูงสุด
ลงทะเบียนเมื่อ: 24 ต.ค. 2006, 12:36
โพสต์: 33766

อายุ: 0

 ข้อมูลส่วนตัว


สังขาร 1. สิ่งที่ถูกปัจจัยปรุงแต่ง, สิ่งที่เกิดจากเหตุปัจจัย เป็นรูปธรรม ก็ตาม เป็นนามธรรม ก็ตาม, ได้แก่ ขันธ์ ๕ ทั้งหมด, ตรงกับคำว่า สังขารทั้งหลายทั้งปวงไม่เที่ยง ดังนี้เป็นต้น 2. สภาพที่ปรุงแต่งใจให้ดีหรือชั่ว, ธรรมมีเจตนาเป็นประธาน ที่ปรุงแต่งความคิด การพูด การกระทำ มีทั้งที่ดีเป็นกุศล ที่ชั่วเป็นอกุศล ที่กลางๆ เป็นอัพยากฤต ได้แก่ เจตสิก ๕๐ อย่าง (คือ เจตสิกทั้งปวง เว้น เวทนาและสัญญา) เป็นนามธรรมอย่างเดียว, ตรงกับสังขารขันธ์ ในขันธ์ ๕ ได้ในคำว่า รูปไม่เที่ยง เวทนาไม่เที่ยง สัญญาไม่เที่ยง สังขารไม่เที่ยง วิญญาณไม่เที่ยง ดังนี้เป็นต้น

อีกปริยายหนึ่ง สังขารตามความหมายนี้ ยกเอาเจตนาขึ้นเป็นตัวนำหน้า ได้แก่ สัญเจตนา คือเจตนาที่แต่งกรรม หรือปรุงแต่งการกระทำ มี ๓ อย่าง คือ

๑. กายสังขาร สภาพที่ปรุงแต่งการกระทำทางกาย คือ กายสัญเจตนา

๒. วจีสังขาร สภาพที่ปรุงแต่งการกระทำทางวาจา คือ วจีสัญเจตนา

๓. จิตตสังขาร หรือ มโนสังขาร สภาพที่ปรุงแต่งการกระทำทางใจ คือ มโนสัญเจตนา


3. สภาพที่ปรุงแต่งชีวิต มี ๓ คือ

๑. กายสังขาร สภาพที่ปรุงแต่งกาย ได้แก่ อัสสาสะ ปัสสาสะ คือ หายใจเข้า ลมหายใจออก

๒. วจีสังขาร สภาพที่ปรุงแต่งวาจา ได้แก่ วิตก และวิจาร

๓. จิตตสังขาร สภาพที่ปรุงแต่งใจ ได้แก่ สัญญาและเวทนา

.....................................................
https://dhammachati.blogspot.com/


โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 10 ก.พ. 2019, 20:39 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
สมาชิกระดับสูงสุด
สมาชิกระดับสูงสุด
ลงทะเบียนเมื่อ: 24 ต.ค. 2006, 12:36
โพสต์: 33766

อายุ: 0

 ข้อมูลส่วนตัว


โลกสวย เขียน:
กรัชกาย เขียน:
โลกสวย เขียน:
กรัชกาย เขียน:
กบนอกกะลา เขียน:
การปรุงแต่งสังขารนี้..ร้ายกาจ..นัก

เขาว่าเรา..เขาดูถูกเรา....เขา...เขา...ไม่หยุด

แม้แต่รูปภาพ...เราก็เอามาทิ้มแทงตน...แล้วตนนั้นเองที่ทุกข์...

เราถือศีล...เว้นการเบียดเบียนผู้อื่น..กันอย่างเคร่งครัด...เคร่งเครียด

แต่..ตนเบียดเบียนตน..ตนเป็นผู้ทุกข์...กลับมองไม่เห็น

ทุกข์..พึงกำหนดรู้...

เหตุของทุกข์..พึงสืบเสาะ



อ้างคำพูด:
การปรุงแต่งสังขารนี้..ร้ายกาจ..นัก


นี่เข้าใจผิด

สังขารมันปรุงแต่งจิต ให้เป็นไปนานา

ขี้เกียจพูดขี้เกียจอธิบายพูดไปก็เท่านั้นแหละ


นี่ไม่ได้เรียนอภิธรรม

เข้าใจผิดอีกแระ

จิต 89 เจตสิก52 สภาวะรูป 18 เรียกว่าสังขาร

ขี้เกียจพูด เหมือนกาน อ่ะค่ะ

หัวเราะดีก่า คริคริ


ว่าจะไม่พูดไม่อธิบายแล้วนะ นู่เมล่อเสือออกจากถ้ำอีก

เจตสิก มี 52 จริง แต่ตัดออก 2 เหลือ 50 นี่แหละเรียกว่า สังขาร ซึ่งก็มีทั้งกุศล อกุศล ที่ว่าปรุงแต่งจิตให้ดี ให้ชั่ว สังเกตข้อ 4


๑. รูป ได้แก่ ส่วนประกอบฝ่ายรูปธรรมทั้งหมด ร่างกาย และพฤติกรรมทั้งหมดของร่างกาย หรือสสารและพลังงานฝ่ายวัตถุ พร้อมทั้งคุณสมบัติ และพฤติกรรมต่างๆ ของสสารพลังงานเหล่านั้น

๒. เวทนา ได้แก่ ความรู้สึกสุข ทุกข์ หรือเฉยๆ ซึ่งเกิดจากผัสสะทางประสาททั้ง ๕ และทางใจ

๓. สัญญา ได้แก่ ความกำหนดได้ หรือหมายรู้ คือ กำหนดรู้อาการเครื่องหมายลักษณะต่างๆ อันเป็นเหตุให้จำอารมณ์นั้นๆได้

๔. สังขาร ได้แก่ องค์ประกอบ หรือคุณสมบัติต่างๆของจิต มีเจตนาเป็นตัวนำ ซึ่งแต่งจิตให้ดีหรือชั่วหรือเป็นกลางๆ ปรุงแปรการตริตรึกนึกคิดในใจ และการแสดงออกทางกาย วาจา ให้เป็นไปต่างๆ เป็นที่มาของกรรม เช่น ศรัทธา สติ หิริ โอตตัปปะ เมตตา กรุณา มุทิตา อุเบกขา ปัญญา โมหะ โลภะ โทสะ มานะ ทิฏฐิ อิสสา มัจฉริยะเป็นต้น เรียกรวมอย่างง่ายๆว่า เครื่องปรุงของจิต เครื่องปรุงของความคิด หรือเครื่องปรุงของกรรม

๕. วิญญาณ ได้แก่ ความรู้แจ้งอารมณ์ทางประสาททั้ง ๕ และทางใจ คือ การเห็น การได้ยิน การได้กลิ่น การรู้รส การรู้สัมผัสทางกาย และการรู้อารมณ์ทางใจ

ข้อ ๑ เป็นรูปขันธ์ ๔ ข้อหลังเป็นนามขันธ์ เรียกสั้นๆว่า รูปนาม


คริคริ

เสือสิ้นลายแระหละค่ะ

ไปเอาขันธ์ห้ามาตอบ

เวทนา กะสัญญาเรยหลุดออกนอกสังขาร ไปแระ

ขำดีก่า คริคริ


เวทนา ไปเป็นขันธ์หนึ่ง คือ เวทนาขันธ์ สัญญาแยกไปเป็นขันธ์หนึ่ง คือ สัญญาขันธ์ ที่เหลือ 50 นั่นแลสังขาร (ขันธ์)

.....................................................
https://dhammachati.blogspot.com/


โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 10 ก.พ. 2019, 20:45 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
สมาชิกระดับ 19
สมาชิกระดับ 19
ลงทะเบียนเมื่อ: 11 มี.ค. 2018, 02:56
โพสต์: 2157

โฮมเพจ: maybe
แนวปฏิบัติ: สติปัฎฐาน
งานอดิเรก: กีฬา
สิ่งที่ชื่นชอบ: แบรนด์เเนม
ชื่อเล่น: เม
อายุ: 22
ที่อยู่: Bangkok Thailand

 ข้อมูลส่วนตัว


กรัชกาย เขียน:
สังขาร 1. สิ่งที่ถูกปัจจัยปรุงแต่ง, สิ่งที่เกิดจากเหตุปัจจัย เป็นรูปธรรม ก็ตาม เป็นนามธรรม ก็ตาม, ได้แก่ ขันธ์ ๕ ทั้งหมด, ตรงกับคำว่า สังขารทั้งหลายทั้งปวงไม่เที่ยง ดังนี้เป็นต้น 2. สภาพที่ปรุงแต่งใจให้ดีหรือชั่ว, ธรรมมีเจตนาเป็นประธาน ที่ปรุงแต่งความคิด การพูด การกระทำ มีทั้งที่ดีเป็นกุศล ที่ชั่วเป็นอกุศล ที่กลางๆ เป็นอัพยากฤต ได้แก่ เจตสิก ๕๐ อย่าง (คือ เจตสิกทั้งปวง เว้น เวทนาและสัญญา) เป็นนามธรรมอย่างเดียว, ตรงกับสังขารขันธ์ ในขันธ์ ๕ ได้ในคำว่า รูปไม่เที่ยง เวทนาไม่เที่ยง สัญญาไม่เที่ยง สังขารไม่เที่ยง วิญญาณไม่เที่ยง ดังนี้เป็นต้น

อีกปริยายหนึ่ง สังขารตามความหมายนี้ ยกเอาเจตนาขึ้นเป็นตัวนำหน้า ได้แก่ สัญเจตนา คือเจตนาที่แต่งกรรม หรือปรุงแต่งการกระทำ มี ๓ อย่าง คือ

๑. กายสังขาร สภาพที่ปรุงแต่งการกระทำทางกาย คือ กายสัญเจตนา

๒. วจีสังขาร สภาพที่ปรุงแต่งการกระทำทางวาจา คือ วจีสัญเจตนา

๓. จิตตสังขาร หรือ มโนสังขาร สภาพที่ปรุงแต่งการกระทำทางใจ คือ มโนสัญเจตนา


3. สภาพที่ปรุงแต่งชีวิต มี ๓ คือ

๑. กายสังขาร สภาพที่ปรุงแต่งกาย ได้แก่ อัสสาสะ ปัสสาสะ คือ หายใจเข้า ลมหายใจออก

๒. วจีสังขาร สภาพที่ปรุงแต่งวาจา ได้แก่ วิตก และวิจาร

๓. จิตตสังขาร สภาพที่ปรุงแต่งใจ ได้แก่ สัญญาและเวทนา



คริคริ

เจตสิกเหลือ 50 เรยไม่มีเวทนากะสัญญา

เรยเอาไปไส่ใน จิตตสังขาร

หนูขี้เกียจตอบแระ

ขำเยอะเรย
คริคริ


โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 10 ก.พ. 2019, 20:52 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
สมาชิกระดับ 19
สมาชิกระดับ 19
ลงทะเบียนเมื่อ: 11 มี.ค. 2018, 02:56
โพสต์: 2157

โฮมเพจ: maybe
แนวปฏิบัติ: สติปัฎฐาน
งานอดิเรก: กีฬา
สิ่งที่ชื่นชอบ: แบรนด์เเนม
ชื่อเล่น: เม
อายุ: 22
ที่อยู่: Bangkok Thailand

 ข้อมูลส่วนตัว


สรุป

จริงๆแล้วพระไตรปิฎกพระอภิธรรม ไม่มีอะไรขัดกะเรย
แต่ไปยกเอา แต่ละส่วนมาทะเลาะกัน มาทำให้ขำได้ เนอะคะลุงกรัช

คริคริ


โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 10 ก.พ. 2019, 21:05 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
สมาชิกระดับ 19
สมาชิกระดับ 19
ลงทะเบียนเมื่อ: 11 มี.ค. 2018, 02:56
โพสต์: 2157

โฮมเพจ: maybe
แนวปฏิบัติ: สติปัฎฐาน
งานอดิเรก: กีฬา
สิ่งที่ชื่นชอบ: แบรนด์เเนม
ชื่อเล่น: เม
อายุ: 22
ที่อยู่: Bangkok Thailand

 ข้อมูลส่วนตัว


ขอบพระคุณนะคะ คุณลุงกรัชกาย ที่ช่วยแสดง


นี่คือตัวอย่าง การเอาพระธรรมมาตรวจสอบพระธรรม ตามมหาประเทศ ที่พระพุทธองค์ได้ทรงตรัสไว้

เพื่อชัดเจนว่า พระธรรมของพระพุทธองค์ ไม่มีจุดโหว่ แม้แต่นิดเดียว

งามทั้งเบื้องต้น ท่ามกลาง และเบื้องปลาย


โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 11 ก.พ. 2019, 08:46 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
สมาชิกระดับ 19
สมาชิกระดับ 19
ลงทะเบียนเมื่อ: 29 ต.ค. 2009, 15:06
โพสต์: 7503

อายุ: 0

 ข้อมูลส่วนตัว


โลกสวย เขียน:
กรัชกาย เขียน:
สังขาร 1. สิ่งที่ถูกปัจจัยปรุงแต่ง, สิ่งที่เกิดจากเหตุปัจจัย เป็นรูปธรรม ก็ตาม เป็นนามธรรม ก็ตาม, ได้แก่ ขันธ์ ๕ ทั้งหมด, ตรงกับคำว่า สังขารทั้งหลายทั้งปวงไม่เที่ยง ดังนี้เป็นต้น 2. สภาพที่ปรุงแต่งใจให้ดีหรือชั่ว, ธรรมมีเจตนาเป็นประธาน ที่ปรุงแต่งความคิด การพูด การกระทำ มีทั้งที่ดีเป็นกุศล ที่ชั่วเป็นอกุศล ที่กลางๆ เป็นอัพยากฤต ได้แก่ เจตสิก ๕๐ อย่าง (คือ เจตสิกทั้งปวง เว้น เวทนาและสัญญา) เป็นนามธรรมอย่างเดียว, ตรงกับสังขารขันธ์ ในขันธ์ ๕ ได้ในคำว่า รูปไม่เที่ยง เวทนาไม่เที่ยง สัญญาไม่เที่ยง สังขารไม่เที่ยง วิญญาณไม่เที่ยง ดังนี้เป็นต้น

อีกปริยายหนึ่ง สังขารตามความหมายนี้ ยกเอาเจตนาขึ้นเป็นตัวนำหน้า ได้แก่ สัญเจตนา คือเจตนาที่แต่งกรรม หรือปรุงแต่งการกระทำ มี ๓ อย่าง คือ

๑. กายสังขาร สภาพที่ปรุงแต่งการกระทำทางกาย คือ กายสัญเจตนา

๒. วจีสังขาร สภาพที่ปรุงแต่งการกระทำทางวาจา คือ วจีสัญเจตนา

๓. จิตตสังขาร หรือ มโนสังขาร สภาพที่ปรุงแต่งการกระทำทางใจ คือ มโนสัญเจตนา


3. สภาพที่ปรุงแต่งชีวิต มี ๓ คือ

๑. กายสังขาร สภาพที่ปรุงแต่งกาย ได้แก่ อัสสาสะ ปัสสาสะ คือ หายใจเข้า ลมหายใจออก

๒. วจีสังขาร สภาพที่ปรุงแต่งวาจา ได้แก่ วิตก และวิจาร

๓. จิตตสังขาร สภาพที่ปรุงแต่งใจ ได้แก่ สัญญาและเวทนา



คริคริ

เจตสิกเหลือ 50 เรยไม่มีเวทนากะสัญญา

เรยเอาไปไส่ใน จิตตสังขาร

หนูขี้เกียจตอบแระ

ขำเยอะเรย
คริคริ

คนเราเนี่ยนะไม่รู้จักกิเลส
กำลังมีกิเลสขันธ์5มีอยู่ครบ
เจตสิก50น่ะมันนับได้เหรอ555
กระพริบตาแล้วจิต+เจตสิก+รูปทั้ง6ทางดับหมดเลย
จิตเกิดดับ1ขณะมีชวนะ7ภพชาติเกิดแล้วชั่ว7ทีดี7หน
หลังกระพริบตาคือจิตทั้ง6ทางขณะใหม่แล้วคิดตรง1คำแค่คำว่าเม
ไม่รู้เลย42ชวนะคือเจตสิก42ชนิดดับหมดมันนับไม่ได้เมท่องปัญญาของพระพุทธเจ้าก็ท่องจำบัญญัติไงล่ะ
:b32: :b32: :b32:


โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 11 ก.พ. 2019, 08:51 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
สมาชิกระดับ 19
สมาชิกระดับ 19
ลงทะเบียนเมื่อ: 29 ต.ค. 2009, 15:06
โพสต์: 7503

อายุ: 0

 ข้อมูลส่วนตัว


Rosarin เขียน:
โลกสวย เขียน:
กรัชกาย เขียน:
สังขาร 1. สิ่งที่ถูกปัจจัยปรุงแต่ง, สิ่งที่เกิดจากเหตุปัจจัย เป็นรูปธรรม ก็ตาม เป็นนามธรรม ก็ตาม, ได้แก่ ขันธ์ ๕ ทั้งหมด, ตรงกับคำว่า สังขารทั้งหลายทั้งปวงไม่เที่ยง ดังนี้เป็นต้น 2. สภาพที่ปรุงแต่งใจให้ดีหรือชั่ว, ธรรมมีเจตนาเป็นประธาน ที่ปรุงแต่งความคิด การพูด การกระทำ มีทั้งที่ดีเป็นกุศล ที่ชั่วเป็นอกุศล ที่กลางๆ เป็นอัพยากฤต ได้แก่ เจตสิก ๕๐ อย่าง (คือ เจตสิกทั้งปวง เว้น เวทนาและสัญญา) เป็นนามธรรมอย่างเดียว, ตรงกับสังขารขันธ์ ในขันธ์ ๕ ได้ในคำว่า รูปไม่เที่ยง เวทนาไม่เที่ยง สัญญาไม่เที่ยง สังขารไม่เที่ยง วิญญาณไม่เที่ยง ดังนี้เป็นต้น

อีกปริยายหนึ่ง สังขารตามความหมายนี้ ยกเอาเจตนาขึ้นเป็นตัวนำหน้า ได้แก่ สัญเจตนา คือเจตนาที่แต่งกรรม หรือปรุงแต่งการกระทำ มี ๓ อย่าง คือ

๑. กายสังขาร สภาพที่ปรุงแต่งการกระทำทางกาย คือ กายสัญเจตนา

๒. วจีสังขาร สภาพที่ปรุงแต่งการกระทำทางวาจา คือ วจีสัญเจตนา

๓. จิตตสังขาร หรือ มโนสังขาร สภาพที่ปรุงแต่งการกระทำทางใจ คือ มโนสัญเจตนา


3. สภาพที่ปรุงแต่งชีวิต มี ๓ คือ

๑. กายสังขาร สภาพที่ปรุงแต่งกาย ได้แก่ อัสสาสะ ปัสสาสะ คือ หายใจเข้า ลมหายใจออก

๒. วจีสังขาร สภาพที่ปรุงแต่งวาจา ได้แก่ วิตก และวิจาร

๓. จิตตสังขาร สภาพที่ปรุงแต่งใจ ได้แก่ สัญญาและเวทนา



คริคริ

เจตสิกเหลือ 50 เรยไม่มีเวทนากะสัญญา

เรยเอาไปไส่ใน จิตตสังขาร

หนูขี้เกียจตอบแระ

ขำเยอะเรย
คริคริ

คนเราเนี่ยนะไม่รู้จักกิเลส
กำลังมีกิเลสขันธ์5มีอยู่ครบ
เจตสิก50น่ะมันนับได้เหรอ555
กระพริบตาแล้วจิต+เจตสิก+รูปทั้ง6ทางดับหมดเลย
จิตเกิดดับ1ขณะมีชวนะ7ภพชาติเกิดแล้วชั่ว7ทีดี7หน
หลังกระพริบตาคือจิตทั้ง6ทางขณะใหม่แล้วคิดตรง1คำแค่คำว่าเม
ไม่รู้เลย42ชวนะคือเจตสิก42ชนิดดับหมดมันนับไม่ได้เมท่องปัญญาของพระพุทธเจ้าก็ท่องจำบัญญัติไงล่ะ
:b32: :b32: :b32:

เจตสิกที่นับได้คือเวทนาขันธ์และสัญญาขันธ์
สังขารขันธ์มันไม่ปรากฏให้นับได้เลยรู้ไหม
:b12: :b12:
https://youtu.be/B41e-ZMM0FI


โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 11 ก.พ. 2019, 09:13 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
สมาชิกระดับ 19
สมาชิกระดับ 19
ลงทะเบียนเมื่อ: 29 ต.ค. 2009, 15:06
โพสต์: 7503

อายุ: 0

 ข้อมูลส่วนตัว


กรัชกาย เขียน:
โลกสวย เขียน:
กรัชกาย เขียน:
โลกสวย เขียน:
กรัชกาย เขียน:
กบนอกกะลา เขียน:
การปรุงแต่งสังขารนี้..ร้ายกาจ..นัก

เขาว่าเรา..เขาดูถูกเรา....เขา...เขา...ไม่หยุด

แม้แต่รูปภาพ...เราก็เอามาทิ้มแทงตน...แล้วตนนั้นเองที่ทุกข์...

เราถือศีล...เว้นการเบียดเบียนผู้อื่น..กันอย่างเคร่งครัด...เคร่งเครียด

แต่..ตนเบียดเบียนตน..ตนเป็นผู้ทุกข์...กลับมองไม่เห็น

ทุกข์..พึงกำหนดรู้...

เหตุของทุกข์..พึงสืบเสาะ



อ้างคำพูด:
การปรุงแต่งสังขารนี้..ร้ายกาจ..นัก


นี่เข้าใจผิด

สังขารมันปรุงแต่งจิต ให้เป็นไปนานา

ขี้เกียจพูดขี้เกียจอธิบายพูดไปก็เท่านั้นแหละ


นี่ไม่ได้เรียนอภิธรรม

เข้าใจผิดอีกแระ

จิต 89 เจตสิก52 สภาวะรูป 18 เรียกว่าสังขาร

ขี้เกียจพูด เหมือนกาน อ่ะค่ะ

หัวเราะดีก่า คริคริ


ว่าจะไม่พูดไม่อธิบายแล้วนะ นู่เมล่อเสือออกจากถ้ำอีก

เจตสิก มี 52 จริง แต่ตัดออก 2 เหลือ 50 นี่แหละเรียกว่า สังขาร ซึ่งก็มีทั้งกุศล อกุศล ที่ว่าปรุงแต่งจิตให้ดี ให้ชั่ว สังเกตข้อ 4


๑. รูป ได้แก่ ส่วนประกอบฝ่ายรูปธรรมทั้งหมด ร่างกาย และพฤติกรรมทั้งหมดของร่างกาย หรือสสารและพลังงานฝ่ายวัตถุ พร้อมทั้งคุณสมบัติ และพฤติกรรมต่างๆ ของสสารพลังงานเหล่านั้น

๒. เวทนา ได้แก่ ความรู้สึกสุข ทุกข์ หรือเฉยๆ ซึ่งเกิดจากผัสสะทางประสาททั้ง ๕ และทางใจ

๓. สัญญา ได้แก่ ความกำหนดได้ หรือหมายรู้ คือ กำหนดรู้อาการเครื่องหมายลักษณะต่างๆ อันเป็นเหตุให้จำอารมณ์นั้นๆได้

๔. สังขาร ได้แก่ องค์ประกอบ หรือคุณสมบัติต่างๆของจิต มีเจตนาเป็นตัวนำ ซึ่งแต่งจิตให้ดีหรือชั่วหรือเป็นกลางๆ ปรุงแปรการตริตรึกนึกคิดในใจ และการแสดงออกทางกาย วาจา ให้เป็นไปต่างๆ เป็นที่มาของกรรม เช่น ศรัทธา สติ หิริ โอตตัปปะ เมตตา กรุณา มุทิตา อุเบกขา ปัญญา โมหะ โลภะ โทสะ มานะ ทิฏฐิ อิสสา มัจฉริยะเป็นต้น เรียกรวมอย่างง่ายๆว่า เครื่องปรุงของจิต เครื่องปรุงของความคิด หรือเครื่องปรุงของกรรม

๕. วิญญาณ ได้แก่ ความรู้แจ้งอารมณ์ทางประสาททั้ง ๕ และทางใจ คือ การเห็น การได้ยิน การได้กลิ่น การรู้รส การรู้สัมผัสทางกาย และการรู้อารมณ์ทางใจ

ข้อ ๑ เป็นรูปขันธ์ ๔ ข้อหลังเป็นนามขันธ์ เรียกสั้นๆว่า รูปนาม


คริคริ

เสือสิ้นลายแระหละค่ะ

ไปเอาขันธ์ห้ามาตอบ

เวทนา กะสัญญาเรยหลุดออกนอกสังขาร ไปแระ

ขำดีก่า คริคริ


เวทนา ไปเป็นขันธ์หนึ่ง คือ เวทนาขันธ์ สัญญาแยกไปเป็นขันธ์หนึ่ง คือ สัญญาขันธ์ ที่เหลือ 50 นั่นแลสังขาร (ขันธ์)

:b1:
นิพพานแค่ท่องคำได้ยังไม่ต้องเอ่ย
เมคะเวลาจิตทำงานดูนะ1ทาง=จิต+เจตสิก+รูป
1ทางมี7ชวนะกระพริบตาดับครบ6ทาง=7ชวนะคูณ6ทาง=42ชวนะ
:b12:
จิตคือวิญญาณขันธ์คือจิต89-121ประเภท
เจตสิกไม่ขาดทั้ง3ขันธ์นี้คือเวทนาขันธ์1/สัญญาขันธ์1/สังขารขันธ์50=เจตสิก52ประเภท
รูปคือรูปขันธ์แบ่งเป็นมหาภูตรูป4เป็นประธาน+อุปาทายรูป24ประกอบ=รูป28ประเภทนับทันไหมเป็นปัจจุบัน
:b4: :b4:


โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 11 ก.พ. 2019, 14:27 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
สมาชิกระดับ 19
สมาชิกระดับ 19
ลงทะเบียนเมื่อ: 11 มี.ค. 2018, 02:56
โพสต์: 2157

โฮมเพจ: maybe
แนวปฏิบัติ: สติปัฎฐาน
งานอดิเรก: กีฬา
สิ่งที่ชื่นชอบ: แบรนด์เเนม
ชื่อเล่น: เม
อายุ: 22
ที่อยู่: Bangkok Thailand

 ข้อมูลส่วนตัว


Rosarin เขียน:
โลกสวย เขียน:
กรัชกาย เขียน:
สังขาร 1. สิ่งที่ถูกปัจจัยปรุงแต่ง, สิ่งที่เกิดจากเหตุปัจจัย เป็นรูปธรรม ก็ตาม เป็นนามธรรม ก็ตาม, ได้แก่ ขันธ์ ๕ ทั้งหมด, ตรงกับคำว่า สังขารทั้งหลายทั้งปวงไม่เที่ยง ดังนี้เป็นต้น 2. สภาพที่ปรุงแต่งใจให้ดีหรือชั่ว, ธรรมมีเจตนาเป็นประธาน ที่ปรุงแต่งความคิด การพูด การกระทำ มีทั้งที่ดีเป็นกุศล ที่ชั่วเป็นอกุศล ที่กลางๆ เป็นอัพยากฤต ได้แก่ เจตสิก ๕๐ อย่าง (คือ เจตสิกทั้งปวง เว้น เวทนาและสัญญา) เป็นนามธรรมอย่างเดียว, ตรงกับสังขารขันธ์ ในขันธ์ ๕ ได้ในคำว่า รูปไม่เที่ยง เวทนาไม่เที่ยง สัญญาไม่เที่ยง สังขารไม่เที่ยง วิญญาณไม่เที่ยง ดังนี้เป็นต้น

อีกปริยายหนึ่ง สังขารตามความหมายนี้ ยกเอาเจตนาขึ้นเป็นตัวนำหน้า ได้แก่ สัญเจตนา คือเจตนาที่แต่งกรรม หรือปรุงแต่งการกระทำ มี ๓ อย่าง คือ

๑. กายสังขาร สภาพที่ปรุงแต่งการกระทำทางกาย คือ กายสัญเจตนา

๒. วจีสังขาร สภาพที่ปรุงแต่งการกระทำทางวาจา คือ วจีสัญเจตนา

๓. จิตตสังขาร หรือ มโนสังขาร สภาพที่ปรุงแต่งการกระทำทางใจ คือ มโนสัญเจตนา


3. สภาพที่ปรุงแต่งชีวิต มี ๓ คือ

๑. กายสังขาร สภาพที่ปรุงแต่งกาย ได้แก่ อัสสาสะ ปัสสาสะ คือ หายใจเข้า ลมหายใจออก

๒. วจีสังขาร สภาพที่ปรุงแต่งวาจา ได้แก่ วิตก และวิจาร

๓. จิตตสังขาร สภาพที่ปรุงแต่งใจ ได้แก่ สัญญาและเวทนา



คริคริ

เจตสิกเหลือ 50 เรยไม่มีเวทนากะสัญญา

เรยเอาไปไส่ใน จิตตสังขาร

หนูขี้เกียจตอบแระ

ขำเยอะเรย
คริคริ

คนเราเนี่ยนะไม่รู้จักกิเลส
กำลังมีกิเลสขันธ์5มีอยู่ครบ
เจตสิก50น่ะมันนับได้เหรอ555
กระพริบตาแล้วจิต+เจตสิก+รูปทั้ง6ทางดับหมดเลย
จิตเกิดดับ1ขณะมีชวนะ7ภพชาติเกิดแล้วชั่ว7ทีดี7หน
หลังกระพริบตาคือจิตทั้ง6ทางขณะใหม่แล้วคิดตรง1คำแค่คำว่าเม
ไม่รู้เลย42ชวนะคือเจตสิก42ชนิดดับหมดมันนับไม่ได้เมท่องปัญญาของพระพุทธเจ้าก็ท่องจำบัญญัติไงล่ะ
:b32: :b32: :b32:


คริคริ

คุณยายโรสยังนับไม่ได้เหรอคะ

นี่เมนับเฉพาะตัวทีซ้ำๆกันเท่านั้นนะเนี่ย


โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 11 ก.พ. 2019, 14:45 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
สมาชิกระดับ 19
สมาชิกระดับ 19
ลงทะเบียนเมื่อ: 11 มี.ค. 2018, 02:56
โพสต์: 2157

โฮมเพจ: maybe
แนวปฏิบัติ: สติปัฎฐาน
งานอดิเรก: กีฬา
สิ่งที่ชื่นชอบ: แบรนด์เเนม
ชื่อเล่น: เม
อายุ: 22
ที่อยู่: Bangkok Thailand

 ข้อมูลส่วนตัว


บอกตงๆ นะคะคุณยายโรส
เพราะคุณยายโรสไม่ได้เรียนพระอภิธรรม เรยเข้าใจผิดๆๆๆ
แสดงความรู้ผิดๆๆออกมา

กระพริบตามันไม่ได้ดับอย่างที่คุณยายเข้าใจผิดๆๆ

มันหมายถึง ความเร็วในการดับ มันแค่ในชั่วพริบตา

แค่ชั่วพริบตา อันนี้นะ มันยังช้ามาก ไม่ทันกินหรอกค่ะ
คุณภาพของจิต ห่วยมากเรยค่ะคุณยาย
เพราะคุณยาย ไม่ได้เรียนมหาสติปัฎฐาน 44 บรรพะ
เรยมั่วแหลก ค่ะ

โฮ ฮิ้ว


โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 11 ก.พ. 2019, 18:28 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
สมาชิกระดับสูงสุด
สมาชิกระดับสูงสุด
ลงทะเบียนเมื่อ: 24 ต.ค. 2006, 12:36
โพสต์: 33766

อายุ: 0

 ข้อมูลส่วนตัว


Rosarin เขียน:
กรัชกาย เขียน:
โลกสวย เขียน:
กรัชกาย เขียน:
โลกสวย เขียน:
กรัชกาย เขียน:
กบนอกกะลา เขียน:
การปรุงแต่งสังขารนี้..ร้ายกาจ..นัก

เขาว่าเรา..เขาดูถูกเรา....เขา...เขา...ไม่หยุด

แม้แต่รูปภาพ...เราก็เอามาทิ้มแทงตน...แล้วตนนั้นเองที่ทุกข์...

เราถือศีล...เว้นการเบียดเบียนผู้อื่น..กันอย่างเคร่งครัด...เคร่งเครียด

แต่..ตนเบียดเบียนตน..ตนเป็นผู้ทุกข์...กลับมองไม่เห็น

ทุกข์..พึงกำหนดรู้...

เหตุของทุกข์..พึงสืบเสาะ



อ้างคำพูด:
การปรุงแต่งสังขารนี้..ร้ายกาจ..นัก


นี่เข้าใจผิด

สังขารมันปรุงแต่งจิต ให้เป็นไปนานา

ขี้เกียจพูดขี้เกียจอธิบายพูดไปก็เท่านั้นแหละ


นี่ไม่ได้เรียนอภิธรรม

เข้าใจผิดอีกแระ

จิต 89 เจตสิก52 สภาวะรูป 18 เรียกว่าสังขาร

ขี้เกียจพูด เหมือนกาน อ่ะค่ะ

หัวเราะดีก่า คริคริ


ว่าจะไม่พูดไม่อธิบายแล้วนะ นู่เมล่อเสือออกจากถ้ำอีก

เจตสิก มี 52 จริง แต่ตัดออก 2 เหลือ 50 นี่แหละเรียกว่า สังขาร ซึ่งก็มีทั้งกุศล อกุศล ที่ว่าปรุงแต่งจิตให้ดี ให้ชั่ว สังเกตข้อ 4


๑. รูป ได้แก่ ส่วนประกอบฝ่ายรูปธรรมทั้งหมด ร่างกาย และพฤติกรรมทั้งหมดของร่างกาย หรือสสารและพลังงานฝ่ายวัตถุ พร้อมทั้งคุณสมบัติ และพฤติกรรมต่างๆ ของสสารพลังงานเหล่านั้น

๒. เวทนา ได้แก่ ความรู้สึกสุข ทุกข์ หรือเฉยๆ ซึ่งเกิดจากผัสสะทางประสาททั้ง ๕ และทางใจ

๓. สัญญา ได้แก่ ความกำหนดได้ หรือหมายรู้ คือ กำหนดรู้อาการเครื่องหมายลักษณะต่างๆ อันเป็นเหตุให้จำอารมณ์นั้นๆได้

๔. สังขาร ได้แก่ องค์ประกอบ หรือคุณสมบัติต่างๆของจิต มีเจตนาเป็นตัวนำ ซึ่งแต่งจิตให้ดีหรือชั่วหรือเป็นกลางๆ ปรุงแปรการตริตรึกนึกคิดในใจ และการแสดงออกทางกาย วาจา ให้เป็นไปต่างๆ เป็นที่มาของกรรม เช่น ศรัทธา สติ หิริ โอตตัปปะ เมตตา กรุณา มุทิตา อุเบกขา ปัญญา โมหะ โลภะ โทสะ มานะ ทิฏฐิ อิสสา มัจฉริยะเป็นต้น เรียกรวมอย่างง่ายๆว่า เครื่องปรุงของจิต เครื่องปรุงของความคิด หรือเครื่องปรุงของกรรม

๕. วิญญาณ ได้แก่ ความรู้แจ้งอารมณ์ทางประสาททั้ง ๕ และทางใจ คือ การเห็น การได้ยิน การได้กลิ่น การรู้รส การรู้สัมผัสทางกาย และการรู้อารมณ์ทางใจ

ข้อ ๑ เป็นรูปขันธ์ ๔ ข้อหลังเป็นนามขันธ์ เรียกสั้นๆว่า รูปนาม


คริคริ

เสือสิ้นลายแระหละค่ะ

ไปเอาขันธ์ห้ามาตอบ

เวทนา กะสัญญาเรยหลุดออกนอกสังขาร ไปแระ

ขำดีก่า คริคริ


เวทนา ไปเป็นขันธ์หนึ่ง คือ เวทนาขันธ์ สัญญาแยกไปเป็นขันธ์หนึ่ง คือ สัญญาขันธ์ ที่เหลือ 50 นั่นแลสังขาร (ขันธ์)

:b1:
นิพพานแค่ท่องคำได้ยังไม่ต้องเอ่ย
เมคะเวลาจิตทำงานดูนะ1ทาง=จิต+เจตสิก+รูป
1ทางมี7ชวนะกระพริบตาดับครบ6ทาง=7ชวนะคูณ6ทาง=42ชวนะ
:b12:
จิตคือวิญญาณขันธ์คือจิต89-121ประเภท
เจตสิกไม่ขาดทั้ง3ขันธ์นี้คือเวทนาขันธ์1/สัญญาขันธ์1/สังขารขันธ์50=เจตสิก52ประเภท
รูปคือรูปขันธ์แบ่งเป็นมหาภูตรูป4เป็นประธาน+อุปาทายรูป24ประกอบ=รูป28ประเภทนับทันไหมเป็นปัจจุบัน
:b4: :b4:


ตามหาจิตกันยังไม่เจอะอีกหรา เรียนแล้วนำมาใช้ไม่ได้ สู้คนตาบอดพากย์หนังตะลุงไม่ได้

https://www.youtube.com/watch?v=k8Kh0PEo7D8

.....................................................
https://dhammachati.blogspot.com/


โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 11 ก.พ. 2019, 19:10 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
สมาชิกระดับสูงสุด
สมาชิกระดับสูงสุด
ลงทะเบียนเมื่อ: 24 ต.ค. 2006, 12:36
โพสต์: 33766

อายุ: 0

 ข้อมูลส่วนตัว


ชมพูทวีป"ทวีปที่กำหนดหมายด้วยต้นหว้า (มีต้นหว้าเป็นเครื่องหมาย) หรือทวีปที่มีต้นหว้าใหญ่ (มหาชมพู) เป็นประธาน"

ตามคติโบราณว่า มีสัณฐานคือรูปร่างเหมือนเกวียน, เป็นชื่อครั้งโบราณอันใช้เรียกดินแดนที่กำหนดคร่าวๆ ว่า คือ ประเทศอินเดียในปัจจุบัน (แต่แท้จริงนั้น ชมพูทวีปกว้างใหญ่กว่าอินเดียปัจจุบันมาก เพราะครอบคลุมถึงปากีสถานและอัฟกานิสถาน เป็นต้น ด้วย)

ชมพูทวีปในสมัยพุทธกาล ประกอบด้วยมหาชนบท คือ แว่นแคว้นใหญ่ หรือมหาอาณาจักร ๑๖ เรียงคร่าวๆ จากตะวันออก (แถบบังคลาเทศ) ขึ้นไปทางตะวันตกเฉียงเหนือ (แถบเหนือของอัฟกานิสถาน) คือ อังคะ มคธ กาสี โกศล วัชชี มัลละ เจตี วังสะ กุรุ ปัญจาละ มัจฉะ สุรเสนะ อัสสกะ อวันตี คันธาระ และกัมโพชะ (กล่าว่ในพระไตรปิฎก เช่น องฺ.ติก. 20/510/273) ดู อินเดีย



รูปภาพ

.....................................................
https://dhammachati.blogspot.com/


โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 11 ก.พ. 2019, 20:14 
 
ออฟไลน์
สมาชิกระดับสูงสุด
สมาชิกระดับสูงสุด
ลงทะเบียนเมื่อ: 25 เม.ย. 2009, 02:43
โพสต์: 12233


 ข้อมูลส่วนตัว


กรัชกาย เขียน:
ชมพูทวีป"ทวีปที่กำหนดหมายด้วยต้นหว้า (มีต้นหว้าเป็นเครื่องหมาย) หรือทวีปที่มีต้นหว้าใหญ่ (มหาชมพู) เป็นประธาน"

ตามคติโบราณว่า มีสัณฐานคือรูปร่างเหมือนเกวียน, เป็นชื่อครั้งโบราณอันใช้เรียกดินแดนที่กำหนดคร่าวๆ ว่า คือ ประเทศอินเดียในปัจจุบัน (แต่แท้จริงนั้น ชมพูทวีปกว้างใหญ่กว่าอินเดียปัจจุบันมาก เพราะครอบคลุมถึงปากีสถานและอัฟกานิสถาน เป็นต้น ด้วย)

ชมพูทวีปในสมัยพุทธกาล ประกอบด้วยมหาชนบท คือ แว่นแคว้นใหญ่ หรือมหาอาณาจักร ๑๖ เรียงคร่าวๆ จากตะวันออก (แถบบังคลาเทศ) ขึ้นไปทางตะวันตกเฉียงเหนือ (แถบเหนือของอัฟกานิสถาน) คือ อังคะ มคธ กาสี โกศล วัชชี มัลละ เจตี วังสะ กุรุ ปัญจาละ มัจฉะ สุรเสนะ อัสสกะ อวันตี คันธาระ และกัมโพชะ (กล่าว่ในพระไตรปิฎก เช่น องฺ.ติก. 20/510/273) ดู อินเดีย



รูปภาพ


แล้ว...แถวๆ..พม่า..ไทย..ลาว..เขมร..เวียตนาม..มาเลย์...เรียกทวีปอะไรคับ?....มีปรากฏในปิฏกมั้ย?


แสดงโพสต์จาก:  เรียงตาม  
กลับไปยังกระทู้  [ 91 โพสต์ ]  ไปที่หน้า ย้อนกลับ  1, 2, 3, 4, 5, 6, 7  ต่อไป

เขตเวลา GMT + 7 ชั่วโมง


 ผู้ใช้งานขณะนี้

กำลังดูบอร์ดนี้: ไม่มีสมาชิก และ บุคคลทั่วไป 45 ท่าน


ท่าน ไม่สามารถ โพสต์กระทู้ในบอร์ดนี้ได้
ท่าน ไม่สามารถ ตอบกระทู้ในบอร์ดนี้ได้
ท่าน ไม่สามารถ แก้ไขโพสต์ของท่านในบอร์ดนี้ได้
ท่าน ไม่สามารถ ลบโพสต์ของท่านในบอร์ดนี้ได้
ท่าน ไม่สามารถ แนบไฟล์ในบอร์ดนี้ได้

ค้นหาสำหรับ:
ไปที่:  
Google
ทั่วไป เว็บธรรมจักร