วันเวลาปัจจุบัน 28 มี.ค. 2024, 15:27  



เขตเวลา GMT + 7 ชั่วโมง




กลับไปยังกระทู้  [ 212 โพสต์ ]  ไปที่หน้า ย้อนกลับ  1 ... 4, 5, 6, 7, 8, 9, 10 ... 15  ต่อไป  Bookmark and Share
เจ้าของ ข้อความ
โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 11 เม.ย. 2019, 07:05 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
Moderators-2
Moderators-2
ลงทะเบียนเมื่อ: 16 พ.ย. 2007, 16:58
โพสต์: 7548

แนวปฏิบัติ: พุทธานุสติ
งานอดิเรก: ทำหลายอย่างแต่ตอนนี้ไฟฟ้า
สิ่งที่ชื่นชอบ: ปฏิบัติธรรม ศึกษาธรรม และแบ่งปันต่อไป
อายุ: 0
ที่อยู่: จาก ลาว ครับ

 ข้อมูลส่วนตัว


Quote Tipitaka:
ปัญหาที่ ๖
พระเจ้ามิลินท์ตรัสถามว่า ดูก่อนพระนาคเสน เจตภูตมีหรือไม่
พระนาคเสนทูลตอบว่า ขอถวายพระพร เจตภูติคืออะไร
ม. คือสิ่งที่สิงิยู่ในกายซึ่งเป็นผู้บัญชาให้ตาดูรูป หูฟังเสียง จมูกดมกลิ่น
ลิ้นลิ้มรส กายแตะต้อง ใจรับรู้ ประหนึ่งเราอยู่บนปราสาทนี้ เมื่อจะดูจะฟัง
อะไรทางไหน ก็ให้เปิดหน้าต่างไปดูไปฟังทางนั้น

น. ถ้าเป็นอย่างพระองค์ตรัสเปรียบเทียบก็ได้ความว่า เจตภูตบัญชาให้
ตาดูรูปก็ได้ ให้ฟังเสียงก็ได้ เป็นอันว่าทางเดียวใช้ได้ทั่วไปทั้งดูทั้งฟังเป็นต้น
ม. ไม่ใช่อย่างนั้นสิเธอ
น. อาตมภาพขอทูลถามพระองค์ก่อนว่า เช่นเขาเทน้ำผึ้งลงในอ่างจนเต็ม
แล้วให้คนลงไปนอนอยู่ในอ่าง แต่ปิดปากเสีย ขอถวายพระพร ผู้นั้นจะรู้ได้
หรือไม่ว่าน้ำผึ้งนั้นมีรสหวานเพียงไร

ม. รู้ไม่ได้สิเธอ
น. เพราะเหตุไร ขอถวายพระพร
ม. เพราะลิ้นของผู้นั้นมิได้ลิ้มรสน้ำผึ้ง
น. พระดำรัสเปรียบของพระองค์เบื้องต้นไม่สมกับพระดำรัสเบื้องปลาย
ม. ข้าพเจ้าไม่สามารถจะโต้ตอบกับเธอ ขอเธอจงอธิบายให้ฟัง

พระนาคเสนจึงถวายวิสัชนาว่า อาศัยรูปกระทบตาเกิดความรู้ขึ้นเรียก
จักขุวิญญาณ อาศัยเสียงกระทบหู เกิดความรู้ขึ้นเรียกโสตวิญญาณ อาศัยกลิ่น
กระทบจมูก เกิดความรู้ขึ้นเรียกฆานวิญญาณ อาศัยรสกระทบลิ้น เกิดความรู้
ขึ้นเรียกชิวหาวิญญาณ อาศัยโผฏฐัพพะกระทบกายเกิดความรู้ขึ้นเรียกกาย
วิญญาณ อาศัยธรรมเกิดกับใจ เกิดความรู้ขึ้นเรียกมโนวิญญาณ ลำดับนี้ธรรม

คือ ผัสสะ เวทนาสัญญา เจตนา วิตก วิจาร ก็เกิดร่วมกันกับ ขณะเมื่อวิญญาณ
เกิดขึ้นนั้น
ม. ชอบแล้ว
จบเวทคูปัญหา

ปัญหาที่ ๗
พระเจ้ามิลินท์ตรัสถามว่า ดูก่อนพระนาคเสน ก็วิญญาณ (คำว่าวิญญาณ
นี้มี ๒ อย่าง คือปฏิสนธิวิญญาณ วิญญาณแรกเกิดอย่าง ๑ อีกอย่าง ๑ เรียกว่า
วิถีวิญญาณ (คือวิญญาณในปัญหานี้) ได้แก่วิญญาณอันเกิดตามทางทวาร ๖
คือ ตา หู จมูก ลิ้น กาย ใจ ซึ่งมีชื่อเรียกว่าจักขุวิญญาณ โสตวิญญาณ เป็นต้น )
มีลักษณะอย่างไร

พระนาคเสนทูลตอบว่า ขอถวายพระพร มีลักษณะรู้แจ้ง
ม. เธอจงเปรียบให้ฟัง
น. เหมือนคนยืนอยู่ที่ถนนสี่แยก ใครเดินไปมาจากถนนแยกไหนก็ย่อมรู้
ย่อมเห็นทั่วทุกคน นี้ฉันใด แม้วิญญาณก็ฉันนั้น คือเมื่อตาเห็นรูป หูได้ยินเสียง
เป็นต้น ก็ย่อมรู้แจ้งทันทีว่านั่นรูป นั่นเสียง
ม. เธอว่านี้ชอบแล้ว
จบวิญญาณลักขณปัญหา

.....................................................
เมื่อความเห็นใดมีการหัวเราะ ผมขออนุญาตไม่ยุ่ง และตอบนะครับ

สนทนาธรรมโปรดเคารพในพระธรรม และเพื่อนสมาชิกด้วย

เจริญ สติ และปัญญา


เพื่อลดละเลิก ป้องกันสิ่งที่เป็นอกุศลทาง กาย วาจา ใจ
เพื่อเจริญและรักษาไว้ชึ่งสิ่งที่เป็นกุศลทาง กาย วาจา ใจ


โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 11 เม.ย. 2019, 07:06 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
Moderators-2
Moderators-2
ลงทะเบียนเมื่อ: 16 พ.ย. 2007, 16:58
โพสต์: 7548

แนวปฏิบัติ: พุทธานุสติ
งานอดิเรก: ทำหลายอย่างแต่ตอนนี้ไฟฟ้า
สิ่งที่ชื่นชอบ: ปฏิบัติธรรม ศึกษาธรรม และแบ่งปันต่อไป
อายุ: 0
ที่อยู่: จาก ลาว ครับ

 ข้อมูลส่วนตัว


Quote Tipitaka:
ปัญหาที่ ๘
พระเจ้ามิลินท์ตรัสถามว่า ดูก่อนพระนาคเสน วิญญาณ ๕ เบื้องต้น
อย่างใดอย่างหนึ่งเกิดในที่ใด มโนวิญญาณก็เกิดขึ้นในที่นั้นกระนั้นหรือ
พระนาคเสนทูลตอบว่า ขอถวายพระพร ย่อมเกิดขึ้นเช่นนั้นแล
ม. ไหนเกิดก่อนหลังเล่าเธอ
น. วิญญาณ ๕ เบื้องต้นเกิดก่อนมโนวิญญาณเกิดทีหลัง
ม. วิญญาณ ๕ นั้นสั่งมโนวิญญาณไว้หรือว่าให้ตามไปเกิดด้วยกัน
น. หามิได้ ขอถวายพระพร
ม. ก็เมื่อไม่เป็นอย่างนั้น ไฉนจึงเป็นเช่นนั้นเล่าเธอ
น. ขอถวายพระพร เพราะมโนวิญญาณเป็นดุจที่ลุ่ม
ม. เธอว่าเป็นดุจที่ลุ่มนั้น เป็นอย่างไร

น. ขอถวายพระพร ฝนตกน้ำจะไหลไปทางไหน
ม. ที่ลุ่มอยู่ทางไหน น้ำก็ไหลไปทางไหน
น. ฝนตกครั้งที่ ๒ อีก น้ำจะไหลไปทางไหน
ม. น้ำคราวก่อนไหลไปทางไหน คราวหลังก็ไหลไปทางนั้น

น. ขอถวายพระพร น้ำคราวก่อนสั่งน้ำคราวหลังไว้หรือว่าให้ไหลตามไป
หรือว่าน้ำคราวหลังนัดไว้กับน้ำคราวก่อนว่า จะไหลไปตาม
ม. หามิได้ การที่น้ำทั้ง ๒ คราวนั้นไหลไปรวมกัน ก็เพราะทางนั้นเป็นที่ลุ่ม

น. วิญญาณ ๕ เบื้องต้นก็เป็นเช่นเดียวกับน้ำนั้นแล คือเกิดขึ้นแล้วก็ไหล
ไปหา มโนวิญญาณ ขอถวายพระพร การที่เป็นเช่นนี้ ก็เพราะว่ามโนวิญญาณ
มีหน้าที่รับรู้รับพิจารณาอารมณ์ที่วิญญาณทางตา, หู,จมูก, ลิ้น, กาย, น้อมเหนี่ยว
เข้าไว้ เพื่อกระทำความรู้แจ้งอีกชั้นหนึ่ง
ม. ชอบแล้ว
จบจักขุวิญญาณมโนวิญญาณปัญหา

ปัญหาที่ ๙
พระเจ้ามิลินท์ถามว่า ดูก่อนพระนาคเสน วิญญาณเกิดในที่ใด ธรรม
คือผัสสะ เวทนา สัญญา เจตนา วิตก วิจารก็เกิดขึ้นในที่นั้น กระนั้นหรือ
พระนาคเสนทูลตอบว่า ขอถวายพระพร ถูกแล้ว
ม. ก็ผัสสะมีลักษณะอย่างไร
น. มีลักษณะประจวบ อธิบายว่า เช่นตาเห็นรูปเกิด ความรู้ทางตา
ขอถวายพระพร ขณะเมื่อทั้ง ๓ นี้ ประจวบพร้อมกันเข้านั่นแล เป็นผัสสะ

ม. เธอจงเปรียบให้ฟัง
น. เหมือนแกะ ๒ ตัวชนกัน ตัว๑ เหมือนตา อักตัว ๑ เหมือนรูป อาการ
ที่ชนกันนั้นเทียบได้กับผัสสะ
ม. เข้าใจละ
จบผัสสลักขณปัญหา

ปัญหาที่ ๑๐
พระเจ้ามิลินท์ตรัสถามว่า ดูก่อนพระนาคเสน ก็เวทนา (เวทนามี ๓ อย่าง
คือ สุขเวทนา ๑ ทุกขเวทนา ๑ อุเบกขาเวทนา ๑) มีลักษณะอย่างไร
พระนาคเสนทูลตอบว่า ขอถวายพระพร มีลักษณะรู้สึกเป็นสุขบ้าง เป็น
ทุกข์บ้าง รู้สึกเฉยไม่เป็นทุกข์ไม่เป็นสุขบ้าง
ม. เธอจงยกตัวอย่างเวทนาอย่างใดอย่างหนึ่งมาเปรียบให้ฟัง
น. เหมือนข้าราชการผู้หนึ่ง ทำความดีมีความชอบพอพระราชหฤทัย
ได้รับพระราชทานบำเหน็จต่างๆ จนมีความสุขสบาย ครั้นผู้นั้นมารำพึงถึง
ความสุขนั้นๆ ก็เกิดความอิ่มใจ ขอถวายพระพร ความอิ่มใจนั้นแลเป็นสุขเวทนา
ม. ชอบแล้ว
จบเวทนาลักขณปัญหา

.....................................................
เมื่อความเห็นใดมีการหัวเราะ ผมขออนุญาตไม่ยุ่ง และตอบนะครับ

สนทนาธรรมโปรดเคารพในพระธรรม และเพื่อนสมาชิกด้วย

เจริญ สติ และปัญญา


เพื่อลดละเลิก ป้องกันสิ่งที่เป็นอกุศลทาง กาย วาจา ใจ
เพื่อเจริญและรักษาไว้ชึ่งสิ่งที่เป็นกุศลทาง กาย วาจา ใจ


โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 11 เม.ย. 2019, 07:07 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
Moderators-2
Moderators-2
ลงทะเบียนเมื่อ: 16 พ.ย. 2007, 16:58
โพสต์: 7548

แนวปฏิบัติ: พุทธานุสติ
งานอดิเรก: ทำหลายอย่างแต่ตอนนี้ไฟฟ้า
สิ่งที่ชื่นชอบ: ปฏิบัติธรรม ศึกษาธรรม และแบ่งปันต่อไป
อายุ: 0
ที่อยู่: จาก ลาว ครับ

 ข้อมูลส่วนตัว


Quote Tipitaka:
ปัญหาที่ ๑๑
พระเจ้ามิลินท์ตรัสถามว่า ดูก่อนพระนาคเสน ก็สัญญามีลักษณะอย่างไร
พระนาคเสนทูลตอบว่า ขอถวายพระพร มีลักษณะจำได้
ม. จำอะไรเธอ
น. เช่นจำสีแดงสีเขียว ว่ามีสีเป็นอย่างนั้นๆ
ม. เธอจงเปรียบให้ฟัง
น. เหมือนเจ้าพนักงานพระคลัง เมื่อเข้าไปในพระคลังหลวงย่อมเห็น
ชนิดเครื่องราชูปโภค ก็หมายจำไว้เป็นอย่างๆ แม้ภายหลังจะไม่ได้เข้าไปดู
ก็จำได้นึกได้ ขอถวายพระพรสัญญาก็เป็นเช่นนั้นแล ย่อมจำรูปเสียงเป็นต้นไป
ว่ามีชนิดมีลักษณะเป็นอย่างนั้นๆ
ม. เข้าใจละ
จบสัญญาลักขณปัญหา

ปัญหาที่ ๑๒
พระเจ้ามิลินท์ตรัสถามว่า ดูก่อนพระนาคเสน เจตนามีลักษณะอย่างไร
พระนาคเสนทูลตอบว่า ขอถวายพระพร มีลักษณะคิดอ่านปรุงขึ้น
ม. เธอจงเปรียบให้ฟัง
น. เหมือนแพทย์ตรวจอาการของโรคทราบตลอดแล้วเอาอาการนั้น ๆ
มาสอบสวนกับสรรพคุณยา ครั้นแน่ใจจึงหยิบเอาตัวยามาปรุงขึ้นตามความ
ประสงค์ ขอถวายพระพรเจตนาก็เป็นเช่นนั้นแล ย่อมคิดอารมณ์ที่ข้องอยู่ในใจ
แล้วก็ปรุงขึ้นเป็นโครงการ
ม. ชอบแล้ว
จบเจตนาลักขณปัญหา

ปัญหาที่ ๑๓
พระเจ้ามิลินท์ตรัสถามว่า ดูก่อนพระนาคเสน วิตกมีลักษณะอย่างไร
พระนาคเสนทูลตอบว่า ขอถวายพระพร มีลักษณะติดไปกับจิต
ม. เธอจงเปรียบให้ฟัง
น. ช่างไม้ผู้ชำนาญย่อมเข้าหน้าไม้ได้สนิทฉันใด วิตกก็มีลักษณะติดไป
กับจิตฉันนั้น คือตริถึงเรื่องราวที่เจตนาปรุงขึ้นนั้น
จบวิตักกลักขณปัญหา

ปัญหาที่ ๑๔
พระเจ้ามิลินท์ตรัสถามว่า ดูก่อนพระนาคเสน วิจารมีลักษณะอย่างไร
พระนาคเสนทูลตอบว่า ขอถวายพระพร มีลักษณะตามเคล้าอารมณ์
ม. เธอจงเปรียบให้ฟัง
น.หมือนเสียงระฆัง หลังจากเขาตีแล้ว ก็ยังคงมีเสียงครวญครางอยู่ฉันใด
วิจารก็ฉันนั้นแล คือตรองถึงเรื่องที่วิตกยกขึ้นมาพิจารณา
ม. เธอสามารถจริง
จบวิจารลักขณปัญหา
จบวรรคที่ ๓

.....................................................
เมื่อความเห็นใดมีการหัวเราะ ผมขออนุญาตไม่ยุ่ง และตอบนะครับ

สนทนาธรรมโปรดเคารพในพระธรรม และเพื่อนสมาชิกด้วย

เจริญ สติ และปัญญา


เพื่อลดละเลิก ป้องกันสิ่งที่เป็นอกุศลทาง กาย วาจา ใจ
เพื่อเจริญและรักษาไว้ชึ่งสิ่งที่เป็นกุศลทาง กาย วาจา ใจ


โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 11 เม.ย. 2019, 07:08 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
Moderators-2
Moderators-2
ลงทะเบียนเมื่อ: 16 พ.ย. 2007, 16:58
โพสต์: 7548

แนวปฏิบัติ: พุทธานุสติ
งานอดิเรก: ทำหลายอย่างแต่ตอนนี้ไฟฟ้า
สิ่งที่ชื่นชอบ: ปฏิบัติธรรม ศึกษาธรรม และแบ่งปันต่อไป
อายุ: 0
ที่อยู่: จาก ลาว ครับ

 ข้อมูลส่วนตัว


Quote Tipitaka:
ปัญหาที่ ๑
พระเจ้ามิลินท์ตรัสถามว่า ดูก่อนพระนาคเสน ธรรมมีวิญญาณเป็นต้น
ซึ่งเกิดร่วมขณะกันในขณะหนึ่งๆ นั้น จะแจงออกให้เห็นชัดๆ ว่า ขณะนี้
เป็นวิญญาณ นี้เป็นผัสสะ นี้เป็นเวทนา นี้เป็นสัญญา นี้เป็นเจตนา นี้เป็น
วิตก นี้เป็นวิจารเช่นนี้จะแจงออกมิได้หรือ
พระนาคเสนทูลตอบว่า ขอถวายพระพร ยากที่จะแจงออกให้เห็นชัดๆ
เช่นนั้นได้

ม. เธอจงเปรียบให้ฟัง
น. เหมือนเมื่อพนักงานห้องเครื่องจัดทำของเสวยเสร็จเรียบร้อยแล้ว
พระองค์ตรัสสั่งให้แยกของซึ่งมีรสต่างๆ กันออกถวาย ขอถวายพระพร
พนักงานคนนั้นเขาจะสามารถแยกของที่มีรสเค็ม รสเปรี้ยว รสหวาน ใน
ของเสวยเหล่านั้นออกถวายได้หรือไม่

ม. แยกออกเช่นนั้นไม่ได้ เพราะปรุงปนไปด้วยกันเสียแล้ว แต่ว่าถึง
เช่นนั้นรสเหล่านั้น ก็ยังคงปรากฏอยู่ตามสัญชาติของตน
น. นั่นแลฉันใด แม้การจะแจ้งธรรมเหล่านั้นออกให้เห็นชัดๆ ก็ไม่ได้ฉันนั้น
เพราะธรรมเหล่านั้นเกิดขึ้นรวดเร็วประหนึ่งว่าจะเกิดพร้อมกัน แต่แม้จะ
รวดเร็วถึงเช่นนั้น ลักษณะของธรรมเหล่านั้นก็ยังคงปรากฏพอกำหนดได้
ม. ละเอียดจริง
จบเอกภาวคตปัญหา

ปัญหาที่ ๒
พระนาคเสนทูลถามว่า ขอถวายพระพร เกลือเป็นของรู้ได้ด้วยอะไร
พระเจ้ามิลินท์ตรัสตอบว่า ด้วยตาสิเธอ
น. ขอถวายพระพร จะถูกหรือ
ม. ถ้าเช่นนั้น รู้ได้ด้วยอะไรเล่า
น. ขอถวายพระพร รู้ได้ด้วยลิ้น
ม. ด้วยลิ้นอย่างเดียวหรือเธอ
น. ขอถวายพระพร ด้วยลิ้นอย่างเดียว

ม. ถ้าเป็นเช่นนั้น ไฉนพวกพ่อค้าจึงต้องใช้เกวียนบรรทุกเกลือ
มาด้วยเล่า จะนำมาแต่รสเกลือจะมิเบากว่าหรือ
น. จะทำเช่นนั้นไม่ได้ เพราะเกลือมีน้ำหนัก ขอถวายพระพร
ก็เกลือชั่งด้วยตาชั่งจะได้หรือไม่
ม. ได้สิเธอ
น. ขอถวายพระพร เกลือชั่งไม่ได้ ชั่งได้ก็แต่น้ำหนักเกลือเท่านั้น
ม. ชอบกล
จบโลณลักขณปัญหา

ปัญหาที่ ๓
พระเจ้ามิลินท์ตรัสถามว่า ดูก่อนพระนาคเสน กิริยาที่ได้เห็นรูป
ได้ยินเสียง ได้ดมกลิ่น ได้ลิ้มรส ได้แตะต้องทั้ง ๕ อย่างนี้ เกิดมาแต่ใจ
อย่างเดียวกันหรือว่ามีฐานที่เกิดต่างกัน
พระนาคเสนทูลตอบว่า ขอถวายพระพร มีฐานที่เกิดต่างกัน
ม. เธอจงเปรียบให้ฟัง
น. ต้นไม้ ๕ ต้นมีสีและสัญฐานต่างกันพระองค์ทรงทราบหรือไม่ว่า
ต้นไม้เหล่านั้นมีพืชพันธุ์ อย่างเดียวกันหรือต่างกัน

ม. ก็ต่างกันสิเธอ ถ้ามีพืชพันธุ์ อย่างเดียวกัน ทำไมจะต่างสีและ
สัณฐานกันได้เล่า
น. กิริยาทั้ง ๕ อย่างนั้น ก็เช่นเดียวกับต้นไม้เหล่านั้นแล คือได้เห็นรูป
ก็เพราะรูปกระทบตา, ที่ได้ยินเสียงก็เพราะเสียงกระทบหู, ที่ได้ดมกลิ่นก็เพราะ
เสียงกระทบหู, ที่ได้ดมกลิ่นก็เพราะกลิ่นกระทบจมูก, ที่ได้ลิ้มรสก็เพราะ
รสกระทบลิ้น, ที่ได้แตะต้องก็เพราะวัตถุภายนอกถูกต้องกาย, ขอถวายพระพร
เมื่อกิริยา ๕ อย่างนี้อย่างใดอย่างหนึ่งกระทำหน้าที่ของตนแล้ว ทันทีนั้นก็ส่ง
รายงานเข้าไปยังใจ ใจเป็นผู้รับรู้รับพิจารณาต่อไป เป็นอันว่าใจกระทำหน้าที่
ของตนภายหลัง เหตุนี้ใจจึงมิใช่ฐานที่เกิดของกิริยาทั้ง ๕ นั้น
ม. เธอฉลาดว่า
จบปัญจายตนกัมมมนิพพัตตปัญหา

.....................................................
เมื่อความเห็นใดมีการหัวเราะ ผมขออนุญาตไม่ยุ่ง และตอบนะครับ

สนทนาธรรมโปรดเคารพในพระธรรม และเพื่อนสมาชิกด้วย

เจริญ สติ และปัญญา


เพื่อลดละเลิก ป้องกันสิ่งที่เป็นอกุศลทาง กาย วาจา ใจ
เพื่อเจริญและรักษาไว้ชึ่งสิ่งที่เป็นกุศลทาง กาย วาจา ใจ


โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 11 เม.ย. 2019, 07:09 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
Moderators-2
Moderators-2
ลงทะเบียนเมื่อ: 16 พ.ย. 2007, 16:58
โพสต์: 7548

แนวปฏิบัติ: พุทธานุสติ
งานอดิเรก: ทำหลายอย่างแต่ตอนนี้ไฟฟ้า
สิ่งที่ชื่นชอบ: ปฏิบัติธรรม ศึกษาธรรม และแบ่งปันต่อไป
อายุ: 0
ที่อยู่: จาก ลาว ครับ

 ข้อมูลส่วนตัว


Quote Tipitaka:
ปัญหาที่ ๔
พระเจ้ามิลินท์ตรัสถามว่า ดูก่อนพระนาคเสน ก็เหตุไฉนมนุษย์จึงต่างกัน
เป็นหลายประเภท เช่น บางคนอายุยืนยาวแต่บางคนอายุสั้น บางคนมีอำนาจ
วาสนาใหญ่ยิ่ง แต่บางคนอาภัพ ที่เป็นเช่นนี้ อะไรเป็นผู้จำแนก
พระนาคเสนทูลตอบว่า ขอถวายพระพร อาตมภาพขอทูลถาม
พระองค์บ้างว่า เป็นไฉนต้นไม้จึงผลิตผลมีรสต่างๆ กัน
บางชนิดมีรสหวาน บางชนิดรสขม บางชนิดรสเผ็ด

ม. เป็นด้วยต้นไม่เหล่านั้นมีพันธุ์ต่างกัน
น. นั่นแลฉันใด มนุษย์ก็มีพันธุ์ต่างกันฉันนั้นเหมือนกันจึงได้มีมากประเภท
เช่นนั้น คือใครทำความดีอย่างใดไว้ความดีอย่างนั้นก็อำนวยผลไปตามลักษณะ
ของตน แม้ความชั่วก็เช่นเดียวกัน ขอถวายพระพร เนื่องด้วยความดีความชั่ว
มีมากอย่างและให้ผลต่างๆ กันเช่นนั้นแล มนุษย์จึงแปลกกันไปเป็นหลายประเภท
ความข้อนี้สมเด็จพระผู้มีพระภาคเจ้าก็ได้ตรัสแก่สุภมาณพ ใจความว่า
กรรมย่อมจำแนกสัตว์โลกให้เป็นต่างๆ กัน
ม. จริงอย่างเธอว่า
จบกัมมนานากรณปัญหา

ปัญหาที่ ๕
พระเจ้ามิลินท์ตรัสถามว่า ดูก่อนพระนาคเสน ก็คำที่เธอว่าการบวชมี
ประโยชน์ที่จะได้รู้ว่า ทำอย่างไรจึงจะดับความทุกข์ที่มีอยู่ได้ และจะไม่ให้
ความทุกข์อย่างอื่นเกิดขึ้นอีกนั้น จะต้องรีบทำทำไม ถึงเวลาเกิดทุกข์จึง
ทำมิได้หรือ
พระนาคเสนทูลตอบว่า ขอถวายพระพร ถ้ารอไว้จนถึงเวลาเกิดทุกข์
ย่อมหาโอกาสทำได้ยาก หรือจะทำได้ก็ไม่ได้รับผลเท่าที่ปรารถนา แต่ถ้า
รีบพยายามทำเสียก่อนถึงคราวเกิดทุกข์ก็ย่อมได้รับผลสมความมุ่งหมาย
ม. เธอจงเปรียบให้ฟัง

น. ขอถวายพระพร เหมือนอย่างว่า พระองค์ทรงกระหายน้ำขึ้นเมื่อใด
จึงดำรัสสั่งให้ขุดสระเมื่อนั้นกระนั้นหรือ หรือว่าสงครามเกิดขึ้นเวลาใด
พระองค์จึงตรัสสั่งให้สร้างป้อมปราการให้ทหารหัดเพลงอาวุธในเวลานั้น
อย่างนั้นหรือ
ม. ต้องให้จัดทำไว้ก่อนสิเธอ รอไว้จนถึงเวลาจำเป็นเช่นนั้น ๆ แล้ว
จึงให้จัดทำจะทันความประสงค์ได้อย่างไร

น. อาตมภาพก็เป็นเช่นเดียวกับพระองค์เหมือนกัน คือต้องพยายามรีบ
ฝึกหัดกายวาจาใจไว้ให้มีกำลังพอ เพื่อว่าเมื่อถึงคราวเจ็บไข้ได้ทุกข์ จะได้
ใช้กายวาจาใจที่ได้ฝึกหัดไว้นั้น ออกผจญกับทุกข์ ถ้ามิได้เตรียมไว้ก่อนเช่นนี้

ความทุกข์ก็จะได้เปรียบ สามารถเอาชัยชนะครอบงำจิตได้เรื่อยๆ ไป เหตุนี้จึง
ต้องรีบทำ แม้พระพุทธเจ้าก็ได้ตรัสสอนไว้ ใจความว่า เมื่อรู้ว่ากิจใดจะทำให้
พ้นจากทุกข์ได้ ก็พึงรีบพยายามทำกิจนั้นเสียให้สำเร็จ เพราะรู้ไม่ได้ว่าจะตายเมื่อไร
ม. เธอว่านี้ชอบแล้ว
จบปฏิกัจเจววายามกรณปัญหา

.....................................................
เมื่อความเห็นใดมีการหัวเราะ ผมขออนุญาตไม่ยุ่ง และตอบนะครับ

สนทนาธรรมโปรดเคารพในพระธรรม และเพื่อนสมาชิกด้วย

เจริญ สติ และปัญญา


เพื่อลดละเลิก ป้องกันสิ่งที่เป็นอกุศลทาง กาย วาจา ใจ
เพื่อเจริญและรักษาไว้ชึ่งสิ่งที่เป็นกุศลทาง กาย วาจา ใจ


โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 11 เม.ย. 2019, 07:09 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
Moderators-2
Moderators-2
ลงทะเบียนเมื่อ: 16 พ.ย. 2007, 16:58
โพสต์: 7548

แนวปฏิบัติ: พุทธานุสติ
งานอดิเรก: ทำหลายอย่างแต่ตอนนี้ไฟฟ้า
สิ่งที่ชื่นชอบ: ปฏิบัติธรรม ศึกษาธรรม และแบ่งปันต่อไป
อายุ: 0
ที่อยู่: จาก ลาว ครับ

 ข้อมูลส่วนตัว


Quote Tipitaka:
ปัญหาที่ ๖
พระเจ้ามิลินท์ตรัสถามว่า ดูก่อนพระนาคเสน ก็คำที่เธอว่าไฟในนรกร้อนแรง
กว่าไฟธรรมดาในมนุษย์ เพราะไฟในมนุษย์นี้ถึงจะทิ้งก้อนหินย่อม ๆ ลงไป แม้
เผาอยู่วันยังค่ำก็ไม่ละลาย แต่ถ้าทิ้งหินก้อนโตๆ ลงไปในไฟนรก ครู่เดียวเท่านั้น
ก็แหลกย่อยไปหมด ถ้าจริงอย่างเธอว่านั้น เหตุไฉนสัตว์นรกบางพวกซึ่งไหม้อยู่
ตั้งหลายพันปี จึงไม่แหลกไม่ย่อยไปเสียสิ้นเล่า

พระนาคเสนทูลตอบว่า ขอถวายพระพร สัตว์จำพวกจระเข้ย่อมกลืนกินก้อน
หินก้อนกรวดเป็นอาหารมิใช่หรือ
ม. ใช่สิเธอ
น. ก็หินและกรวดในท้องสัตว์เหล่านั้น ไฟธาตุย่อยละเอียดหรือไม่
ม. ย่อยละเอียดหมด
น. ก็ถ้าเป็นเช่นนั้น ลูกที่ยังอยู่ในท้องสัตว์จำพวกนั้นถูกไฟธาตุย่อย
ละเอียดไปด้วยหรือไม่
ม. หามิได้

น. ขอถวายพระพร นั่นเป็นเพราะเหตุไร
ม. เข้าใจว่าเป็นเพราะกรรมชุบเลี้ยงไว้
น. สัตว์นรกก็เป็นเช่นเดียวกับลูกสัตว์จำพวกนั้นเหมือนกัน คือ
หาได้ถูกไฟนรกซึ่งร้อนแรงถึงปานนั้นเผาให้ละลายหายสูญไปไม่ ทั้งนี้ก็เพราะ
บาปกรรมที่ตนได้กระทำมาตามชะลอเลี้ยงไว้ ลมด้วยนัยพระพุทธภาษิตว่า
บาปกรรมยังไม่สิ้นเพียงใด สัตว์นรกก็ยังไม่หมดอายุเพียงนั้น
ม. เธอฉลาดเปรียบ
จบนิรยอุณหาการปัญหา

ปัญหาที่ ๗
พระเจ้ามิลินท์ตรัสถามว่า ดูก่อนพระนาคเสน ก็คำที่เธอว่าแผ่นดินนี้ตั้ง
อยู่บนน้ำ ๆ ตั้งอยู่บนลม ๆ อยู่ในอากาศที่ว่างนั้นจะจริงหรือ
พระนาคเสนจึงจับธัมกรกจุ่มน้ำแล้วยกขึ้นทูลเปรียบถวายว่า น้ำนี้ลมอุ้ม
ไว้ได้ฉันใด แม่น้ำซึ่งรองแผ่นดินก็เป็นฉันนั้นเหมือนกัน ได้อาศัยลมซึ่งอยู่ใน
อากาศประคองไว้ จึงได้ทรงตัวอยู่ได้
ม. ชอบกล
จบปฐวีสัณฐารกปัญหา

ปัญหาที่ ๘
พระเจ้ามิลินท์ตรัสถามว่า ดูก่อนพระนาคเสน ความดับกองทุกข์ได้ทั้งหมด
หรือเธอเป็นพระนิพพาน
พระนาคเสนทูลตอบว่า ขอถวายพระพร ถูกแล้ว
ม. ดับอย่างไรจึงจะได้ชื่อว่าพระนิพพาน
น. ดับจนหาเชื้อที่จะก่อให้ลุกลามอีกไม่ได้ชื่อว่าพระนิพพาน ขอถวายพระพร
อันผู้ที่ปล่อยใจไปตามอารมณ์ที่ผ่านมา ย่อมถูกความทุกข์เผาผลาญให้หม่นไหม้

ส่วนท่านที่มีใจชื้นมีใจหนักแน่น แม้จะมีอารมณ์ที่ร้อนรนมากระทบ ท่านก็ไม่ปล่อยใจ
ของท่านให้ไปหมกไหม้อยู่ในกองทุกข์เช่นนั้น ย่อมดับเสียได้ด้วยมาคิดเห็นว่า
คติธรรมดามีอยู่อย่างนั้น จนอารมณ์นั้นๆ มอดไปเอง
ม. เธอว่านี้ชอบแล้ว
จบนิโรธนิพพานปัญหา

.....................................................
เมื่อความเห็นใดมีการหัวเราะ ผมขออนุญาตไม่ยุ่ง และตอบนะครับ

สนทนาธรรมโปรดเคารพในพระธรรม และเพื่อนสมาชิกด้วย

เจริญ สติ และปัญญา


เพื่อลดละเลิก ป้องกันสิ่งที่เป็นอกุศลทาง กาย วาจา ใจ
เพื่อเจริญและรักษาไว้ชึ่งสิ่งที่เป็นกุศลทาง กาย วาจา ใจ


โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 11 เม.ย. 2019, 07:20 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
Moderators-2
Moderators-2
ลงทะเบียนเมื่อ: 16 พ.ย. 2007, 16:58
โพสต์: 7548

แนวปฏิบัติ: พุทธานุสติ
งานอดิเรก: ทำหลายอย่างแต่ตอนนี้ไฟฟ้า
สิ่งที่ชื่นชอบ: ปฏิบัติธรรม ศึกษาธรรม และแบ่งปันต่อไป
อายุ: 0
ที่อยู่: จาก ลาว ครับ

 ข้อมูลส่วนตัว


Quote Tipitaka:
ปัญหาที่ ๙
พระเจ้ามิลินท์ตรัสถามว่า ดูก่อนพระนาคเสน บุคคลย่อมได้พระนิพพาน
ด้วยกันทุกคนหรือ
พระนาคเสนทูลตอบว่า ได้เฉพาะผู้ที่เดินถูกทางเท่านั้น ขอถวายพระพร
ก็การที่จะเดินไปให้ถูกทางนั้น เบื้องต้นต้องทำความเห็นให้ตรงเสียก่อน คือ
ให้เห็นทุกข์ เหตุแห่งทุกข์ ความดับทุกข์ และทางเดินไปดับทุกข์ว่ามีอยู่อย่างไร
เมื่อทำความเห็นของตนให้ตรงได้เช่นนี้แล้ว จึงใช้ความเห็นตรงเห็นชอบนั้น
ให้เป็นผู้นำความคิดการพูดและการทำให้เดินตรงไปขณะเดินก็ต้องพยายาม
นึงมุ่งที่ที่ได้หมายไว้ให้แน่วแน่อยู่แต่ที่เดียว ขอถวายพระพร ผู้ที่เดินถูกทาง
เช่นนี้แลย่อมได้พระนิพพาน
ม. เธอสามารถจริง
จบนิพพานลภนปัญหา

ปัญหาที่ ๑๐
พระเจ้ามิลินท์ตรัสถามว่า ดูก่อนพระนาคเสน ก็ผู้ที่ยังไม่ได้พระนิพพาน
จะรู้หรือไม่ว่า พระนิพพานเป็นสุข
พระนาคเสนทูลตอบว่า ขอถวายพระพร รู้
ม. รู้ได้อย่างไร
น. อาตมภาพขอทูลถามบ้างว่า คนที่มีร่างกายบริบูรณ์มิได้พิการอะไร
จะรู้หรือไม่ว่า การตัดมือตัดเท้าเป็นความเจ็บปวด
ม. รู้สิเธอ
น. ขอถวายพระพร นั่นรู้ได้ด้วยอะไร

ม. รู้ได้ด้วยฟังเสียงครวญคราง หรือเห็นอาการดิ้นรนของคนที่ถูกตัดมือตัดเท้า
น. นั่นแลฉันใด แม้ผู้ที่ยังไม่ได้พระนิพพานก็ฉันนั้นเหมือนกัน คือได้เห็นกิริยา
มรรยาท หรือได้ยินได้ฟังถ้อยคำของท่านที่ได้พระนิพพานแล้ว ก็หยั่งรู้ได้ว่า
พระนิพพานเป็นสุข
ม. ชอบแล้ว
จบนิพพานสุขภาวชานนปัญหา
จบวรรค ๔

ปัญหาที่ ๑
พระเจ้ามิลินท์ตรัสถามว่า ดูก่อนพระนาคเสน เธอเคยเห็นพระพุทธเจ้าหรือไม่
พระนาคเสนทูลตอบว่า ขอถวายพระพร อาตมภาพไม่เคยเห็น
ม. อาจารย์ของเธอเล่าได้เห็นหรือไม่
น. อาจารย์ของอาตมภาพก็ไม่ได้เห็น
ม. ถ้าอย่างนั้น พระพุทธเจ้ามิไม่มีหรือ

น. ขอถวายพระพร พระองค์เคยเสด็จไปทอดพระเนตรแม่น้ำโอหานที
ที่ป่าหิมพานต์หรือไม่
ม. ข้าพเจ้าไม่เคยไปดู
น. พระชนกของพระองค์เล่าได้เสด็จไปทอดพระเนตรบ้างหรือไม่
ม. พระชนกของข้าพเจ้าก็ไม่ได้เสด็จไปทอดพระเนตร
น. ถ้าอย่างนั้น แม่น้ำโอหานทีมิไม่มีหรือ
ม. มีสิเธอ, เป็นแต่พระชนกและข้าพเจ้ามิได้ไปดูไปเห็นมาเท่านั้น

น. นั่นแลฉันใด นี่ก็ฉันนั้น อาจารย์และอาตมภาพก็ไม่ได้เห็นพระพุทธเจ้า
เหมือนกัน เพราะว่าเกิดไม่ทัน แต่ว่าพระพุทธเจ้ามีจริง ขอถวายพระพร เหตุที่
จะพึงนำมาพิสูจน์ข้อนี้ ก็คือ โลกุตรธรรม ๙ ประการ (๑. โสดาปัตติมรรค
๒. โสดาปัตติผล ๓. สกทาคามิมรรค ๔. สกทาคามิผล ๕. อนาคามิมรรค

๖. อนาคามิผล ๗. อรหัตตมรรค๘. อรหัตตผล ๙. นิพพาน) ซึ่งเป็นธรรม
ชั้นสูงสุด พ้นวิสัยที่คนสามัญจะพึงคิดเห็นได้เอง ต้องเฉพาะแต่ผู้ที่ได้อบรม
ความดีจนสติปัญญาแก่กล้าเท่านั้น จึงจะเป็นผู้รู้เองเห็นเองซึ่งธรรมเหล่า
นั้นได้ ครั้นแล้วนำมาเผยแพร่แก่พุทธบริษัทเพื่อให้รู้ตามเห็นตามบ้าง

ขอถวายพระพร เหตุมีโลกุตรธรรมเป็นพยานอยู่เช่นนี้จึงรู้ได้ว่า ผู้แรก
ตรัสรู้พระธรรมเหล่านั้นซึ่งได้พระนามว่าพระพุทธเจ้ามีจริง
ม. มองเห็นและ
จบพุทธอัตถินัตถิภาวปัญหา

.....................................................
เมื่อความเห็นใดมีการหัวเราะ ผมขออนุญาตไม่ยุ่ง และตอบนะครับ

สนทนาธรรมโปรดเคารพในพระธรรม และเพื่อนสมาชิกด้วย

เจริญ สติ และปัญญา


เพื่อลดละเลิก ป้องกันสิ่งที่เป็นอกุศลทาง กาย วาจา ใจ
เพื่อเจริญและรักษาไว้ชึ่งสิ่งที่เป็นกุศลทาง กาย วาจา ใจ


โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 11 เม.ย. 2019, 18:28 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
Moderators-2
Moderators-2
ลงทะเบียนเมื่อ: 16 พ.ย. 2007, 16:58
โพสต์: 7548

แนวปฏิบัติ: พุทธานุสติ
งานอดิเรก: ทำหลายอย่างแต่ตอนนี้ไฟฟ้า
สิ่งที่ชื่นชอบ: ปฏิบัติธรรม ศึกษาธรรม และแบ่งปันต่อไป
อายุ: 0
ที่อยู่: จาก ลาว ครับ

 ข้อมูลส่วนตัว


Quote Tipitaka:
ปัญหาที่ ๒
พระเจ้ามิลินท์ตรัสถามว่า ดูก่อนพระนาคเสน พระพุทธเจ้าไม่มีใครดี
เท่าเทียมมิใช่หรือ
พระนาคเสนทูลตอบว่า ขอถวายพระพร ถูกแล้ว
ม. ก็เธอไม่ได้เห็น ทำไมจึงรู้ได้เล่า
น. ขอถวายพระพร คนที่ยังไม่เคยเห็นทะเลเลย แต่เมื่อพูดถึงทะเล เขา
จะรู้สึกหรือไม่ว่า ทะเลกว้างใหญ่
ม. รู้สิเธอ
น. นั่นแลฉันใด นี่ก็ฉันนั้น แม้อาตมภาพมิได้เห็นพระพุทธเจ้าเลยก็จริง
แต่เมื่อมาได้ยินได้ฟังคำสั่งสอนของพระพุทธเจ้าหรือได้เห็นพระพุทธสาวก
ปฏิบัติดีปฏิบัติงาม แล้วได้รับความสุขกายเย็นใจ ก็หยั่งรู้ว่า พระพุทธเจ้าดียิ่งจริง
ม. จริงอย่างเธอว่า
จบพุทธานุตตรภาวปัญหา

ปัญหาที่ ๓
พระเจ้ามิลินท์ตรัสถามว่า ดูก่อนพระนาคเสน ก็ผู้อื่นเล่าเขาอาจจะรู้ได้
หรือว่า พระพุทธเจ้าดียิ่งจริง
พระนาคเสนทูลตอบว่า ขอถวายพระพร อาจรู้ได้
ม. จะรู้ได้อย่างไร
น. ขอถวายพระพร ก็พระติสสเถระซึ่งเป็นผู้ที่เขียนภาพงามจนเลื่องชื่อ
ลือนามรู้จักกันทั่วๆ ไปในครั้งกระนั้น แม้ท่านมรณภาพไปนานแล้ว แต่ถึง
เช่นนั้นในบัดนี้ก็ยังมีผู้รู้จัก ชื่อเสียงและเกียรติคุณของท่านได้ ขอถวายพระพร
นั่นเป็นเพราะอะไร

ม. เป็นเพราะฝีมือเขียนนั้น จับอกจับใจของผู้ที่ได้พบได้เห็น
น. นั่นแลฉันใด พระพุทธเจ้าก็ฉันนั้นเหมือนกัน พระองค์ทรงเปิดเผยธรรม
ซึ่งกระทำให้พระองค์เป็นผู้ลอยเลิศขึ้นนั้นไว้เป็นช่องทาง สำหรับให้ผู้ไตร่ตรอง
แล้วปฏิบัติตาม เดินเข้าไปพบเห็นพระองค์ซึ่งเปี่ยมด้วยพระคุณสมบัติ
ขอถวายพระพร เพราะฉะนั้นผู้ที่ใคร่ครวญธรรมคำสั่งสอนของพระพุทธเจ้า
ค้นหาเหตุหาผลแล้ว ก็ย่อมจะชอบใจเช่นเดียวกัน เมื่อนั้นแลเขาจะรู้ได้ว่า
พระพุทธเจ้าดีจริง
ม. เธอว่านี้ถูกใจข้าพเจ้า
จบพุทธานุตตรชานนปัญหา

ปัญหาที่ ๔
พระเจ้ามิลินท์ตรัสถามว่า ดูก่อนพระนาคเสน เมื่อธรรมเป็นช่องทางสำหรับ
เดินไปพบเห็นพระพุทธเจ้าได้เช่นนั้น ก็ตัวเธอเล่าได้เห็นธรรมแล้วหรือยัง
พระนาคเสนทูลตอบว่า ขอถวายพระพร อันสาวกของพระพุทธเจ้าย่อม
ประพฤติปฏิบัติตามแนวคำสั่งสอนของพระพุทธเจ้าโดยลำดับๆ ไป
ม. เธอช่างฉลาดจริงๆ
จบธัมมทิฏฐปัญหา

.....................................................
เมื่อความเห็นใดมีการหัวเราะ ผมขออนุญาตไม่ยุ่ง และตอบนะครับ

สนทนาธรรมโปรดเคารพในพระธรรม และเพื่อนสมาชิกด้วย

เจริญ สติ และปัญญา


เพื่อลดละเลิก ป้องกันสิ่งที่เป็นอกุศลทาง กาย วาจา ใจ
เพื่อเจริญและรักษาไว้ชึ่งสิ่งที่เป็นกุศลทาง กาย วาจา ใจ


โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 11 เม.ย. 2019, 18:28 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
Moderators-2
Moderators-2
ลงทะเบียนเมื่อ: 16 พ.ย. 2007, 16:58
โพสต์: 7548

แนวปฏิบัติ: พุทธานุสติ
งานอดิเรก: ทำหลายอย่างแต่ตอนนี้ไฟฟ้า
สิ่งที่ชื่นชอบ: ปฏิบัติธรรม ศึกษาธรรม และแบ่งปันต่อไป
อายุ: 0
ที่อยู่: จาก ลาว ครับ

 ข้อมูลส่วนตัว


Quote Tipitaka:
ปัญหาที่ ๕
พระเจ้ามิลินท์ตรัสถามว่า ดูก่อนพระนาคเสน เมื่อวิญญาณจะไปบังเกิด
ต้องก้าวต้องเดินไปหรือไม่
พระนาคเสนทูลตอบว่า ขอถวายพระพร ไม่ต้องก้าวไม่ต้องเดิน
ม. เธอจงเปรียบให้ฟัง
น. เหมือนการจุดไฟโดยต่อมาจากไฟอีกดวงหนึ่ง จะเป็นอันว่า ไฟดวง
ที่ถูกต่อก้าวมายังดวงที่ต่อใหม่กระนั้นหรือ
ม. หามิได้
น. หรือเช่นขณะเมื่อพระองค์ทรงศึกษาวิชาอยู่ในสำนักอาจารย์ วิชาเหล่านั้น
เคลื่อนจากอาจารย์มาหาพระองค์กระนั้นหรือ
ม. หามิได้

น. ขอถวายพระพร วิญญาณก็เป็นเช่นนั้นเหมือนกันขณะเมื่อจะไปบังเกิด
ยังภพอื่นหาได้ก้าวหรือเดินจากภพนี้ไปสู่ภพนั้นๆ ไม่
ม. เข้าใจละเธอ
จบนจสังกมติปฏิสนธิคหณปัญหา

ปัญหาที่ ๖
พระเจ้ามิลินท์ตรัสถามว่า ดูก่อนพระนาคเสน เจตภูตมีอยู่หรือเธอ
พระนาคเสนทูลตอบว่า ขอถวายพระพร ถ้าว่าโดยปรมัตถ์แล้ว ก็ไม่มี
ม. จริง
จบเวทคูปัญหา

ปัญหาที่ ๗
พระเจ้ามิลินท์ตรัสถามว่า ดูก่อนพระนาคเสน คนตายมีส่วนใดส่วนหนึ่ง
ซึ่งออกจากกายนี้ไปเป็นร่างกายอื่นบ้างหรือไม่
พระนาคเสนทูลตอบว่า ขอถวายพระพร ไม่มี
ม. ถ้าเช่นนั้น คนก็หนีบาปกรรมพ้นละสิเธอ
น. ถ้าว่าไม่เกิดต่อไปอีก ก็หนีพ้น, แต่ถ้ายังต้องไปเกิดอีก ก็หนีไม่พ้น
ม. เธอจงหาตัวอย่างมาเปรียบให้ฟัง

น. คนลักมะม่วง เมื่อมีผู้นำคดีไปถึงศาล จำเลยแก้ว่ามะม่วงต้นนั้นโจทก์
มิได้ปลูกไว้ต้นมะม่วงที่เขาลักผลไปนั้นเป็นของคนอื่นปลูกไว้ก่อน,
ขอถวายพระพร เมื่อจำเลยแก้เช่นนั้นจะพ้นโทษหรือไม่
ม. ไม่พ้นสิเธอ
น. ขอถวายพระพร ก็จำเลยมิได้ลักมะม่วงของโจทก์เหตุไรจึงไม่พ้นเล่า
ม. เหตุที่ไม่พ้น ก็เพราะจำเลยเอาผลมะม่วงนั้นมาด้วยอาการลักขโมย
ถึงหากว่าผลมะม่วงนั้นจะเป็นของอีกคนหนึ่งปลูกไว้ ศาลก็ลงโทษจำเลย
ได้ด้วยเหตุที่จำเลยมีเจตนาทุจริต

น. นั่นแลฉันใด นี่ก็ฉันนั้น คนตายแม้จะทอดทิ้งร่างกายทุกๆ ส่วนไว้
ไปเกิดเป็นร่างกายอื่นอีกต่างหากก็จริง แต่ถึงเช่นนั้นก็หนีบาปกรรมที่ตัวทำ
ไว้ในชาตินี้ไม่พ้น เพราะว่าคนย่อมมีแต่บุญบาปเท่านั้นซึ่งตามไปในชาติหน้า
ม. เธอว่านี้ชอบแล้ว
จบสังกมนปัญหา

.....................................................
เมื่อความเห็นใดมีการหัวเราะ ผมขออนุญาตไม่ยุ่ง และตอบนะครับ

สนทนาธรรมโปรดเคารพในพระธรรม และเพื่อนสมาชิกด้วย

เจริญ สติ และปัญญา


เพื่อลดละเลิก ป้องกันสิ่งที่เป็นอกุศลทาง กาย วาจา ใจ
เพื่อเจริญและรักษาไว้ชึ่งสิ่งที่เป็นกุศลทาง กาย วาจา ใจ


โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 11 เม.ย. 2019, 18:29 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
Moderators-2
Moderators-2
ลงทะเบียนเมื่อ: 16 พ.ย. 2007, 16:58
โพสต์: 7548

แนวปฏิบัติ: พุทธานุสติ
งานอดิเรก: ทำหลายอย่างแต่ตอนนี้ไฟฟ้า
สิ่งที่ชื่นชอบ: ปฏิบัติธรรม ศึกษาธรรม และแบ่งปันต่อไป
อายุ: 0
ที่อยู่: จาก ลาว ครับ

 ข้อมูลส่วนตัว


Quote Tipitaka:
ปัญหาที่ ๘
พระเจ้ามิลินท์ตรัสถามว่า ดูก่อนพระนาคเสน บุญก็ตามบาปก็ตาม
เมื่อยังไม่ให้ผลไปรออยู่ที่ไหน
พระนาคเสนทูลตอบว่า ขอถวายพระพร ก็ติดตามผู้ทำไปดุจเงาตามตัว
ถ้าได้โอกาสเมื่อใด ก็ให้ผลเมื่อนั้น
ม. เธอจะสามารถชี้ได้หรือไม่ว่าอยู่ที่นั่นที่นี่
น. ขอถวายพระพร อาตมภาพไม่สามารถจะชี้ถวายได้
ม. ถ้าเช่นนั้นจงเปรียบให้ฟัง
น. ต้นไม้เมื่อยังไม่ออกผล พระองค์จะทรงสามารถชี้ได้หรือไม่ว่า
ผลอยู่ที่นั่นที่นี่

ม. ชี้ไม่ได้
น. ขอถวายพระพร บุญบาปก็เป็นเช่นเดียวกับผลไม้นั้นเหมือนกัน คือ
เมื่อกำลังติดตามไป ก็รู้ไม่ได้ว่า เวลานี้อยู่ที่นั่นที่นี่
ม. เข้าใจละเธอ
จบกัมมผลอัตถิภาวปัญหา

ปัญหาที่ ๙
พระเจ้ามิลินท์ตรัสถามว่า ดูก่อนพระนาคเสน ผู้ที่จะต้องบังเกิดต่อไป
เขารู้ตัวหรือไม่ว่า จะต้องไปเกิดอีก
พระนาคเสนทูลตอบว่า ขอถวายพระพร รู้
ม. เธอจงเปรียบให้ฟัง
น. เหมือนชาวนาเมื่อหว่านข้าวปลูกลงในพื้นนาแล้ว ฝนก็โปรยปราย
ลงมาโดยลำดับ ขอถวายพระพร เมื่อนั้นชาวนาเขาจะรู้ได้หรือไม่ว่า
ข้าวปลูกจักงอกงาม

ม. รู้สิเธอ เพราะธรรมดาข้าวปลูก เมื่อมีน้ำหล่อเลี้ยงอยู่ ก็ย่อมงอกงาม
น. ผู้ที่จะบังเกิดต่อไป ก็รู้ตัวเช่นนั้นเหมือนกัน เพราะว่าพืชคือบุญบาป
ซึ่งเป็นเหตุให้เกิดยังเพาะยังทำอยู่
ม. เธอว่านี้ชอบแล้ว
จบอุปปัชชนชานนปัญหา

ปัญหาที่ ๑๐
พระเจ้ามิลินท์ตรัสถามว่า ดูก่อนพระนาคเสน พระพุทธเจ้ามีอยู่หรือไม่
พระนาคเสนทูลตอบว่า ขอถวายพระพร มีอยู่
ม. ถ้าเช่นนั้น เธอจะสามารถชี้ได้หรือไม่ว่า เวลานี้เสด็จประทับอยู่ที่นั่นที่นี่
น. ขอถวายพระพร พระพุทธเจ้าเสด็จปรินิพพานไปแล้วอาตมภาพไม่สามารถ
จะชี้ที่ ซึ่งเสด็จประทับอยู่ถวายได้
ม. ถ้าเช่นนั้นจงเปรียบให้ฟัง

น. เหมือนไฟกองใหญ่ซึ่งลุกโพลงอยู่ แต่เปลวไฟดับหายเรื่อยๆ ไป นั่น
พระองค์จะทรงชี้ได้หรือไม่ว่า เปลวไฟไปอยู่ที่ไหน
ม. ชี้ไม่ได้ เพราะเปลวไฟที่ดับไปแล้ว ก็เป็นอันดับสิ้นไปแล้ว
น. นั่นแลฉันใด แม้พระพุทธเจ้าก็ฉันนั้นถึงพระองค์มีอยู่จริง แต่เพราะ
พระองค์ได้เสด็จปรินิพพานด้วยอนุปาทิเสสนิพพานธาตุ (ดับจนสิ้นเชื้อ)
เสียแล้ว ฉะนั้นจึงชี้ถวายไม่ได้ ที่อาตมภาพจะพอชี้แจงถวายได้ ก็แต่ธรรมกาย
อันเป็นผู้แทนพระพุทธองค์เท่านั้น
ม. เธอช่างสามารถจริง
จบพุทธนิทัสสนปัญหา
จบวรรคที่ ๕

.....................................................
เมื่อความเห็นใดมีการหัวเราะ ผมขออนุญาตไม่ยุ่ง และตอบนะครับ

สนทนาธรรมโปรดเคารพในพระธรรม และเพื่อนสมาชิกด้วย

เจริญ สติ และปัญญา


เพื่อลดละเลิก ป้องกันสิ่งที่เป็นอกุศลทาง กาย วาจา ใจ
เพื่อเจริญและรักษาไว้ชึ่งสิ่งที่เป็นกุศลทาง กาย วาจา ใจ


โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 11 เม.ย. 2019, 18:30 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
Moderators-2
Moderators-2
ลงทะเบียนเมื่อ: 16 พ.ย. 2007, 16:58
โพสต์: 7548

แนวปฏิบัติ: พุทธานุสติ
งานอดิเรก: ทำหลายอย่างแต่ตอนนี้ไฟฟ้า
สิ่งที่ชื่นชอบ: ปฏิบัติธรรม ศึกษาธรรม และแบ่งปันต่อไป
อายุ: 0
ที่อยู่: จาก ลาว ครับ

 ข้อมูลส่วนตัว


Quote Tipitaka:
ปัญหาที่ ๑
พระเจ้ามิลินท์ตรัสถามว่า ดูก่อนพระนาคเสน นักบวชอย่างพวกเธอยังมีความ
รักใคร่ร่างกายอยู่หรือไม่
พระนาคเสนทูลถามว่า ขอถวายพระพร ไม่มีแล้ว
ม. ก็เมื่อเป็นเช่นนั้น ไฉนนักบวชเหล่านั้นจึงยังทะนุบำรุงร่างกายอยู่อีกเล่า
น. อาตมภาพขอทูลถามพระองค์บ้างว่า เมื่อพระองค์เสด็จไปงานพระราช
สงคราม เคยถูกอาวุธของข้าศึกบ้างหรือไม่
ม. ก็เคยถูกอยู่บ้าง
น. บาดแผลที่ต้องอาวุธนั้น พระองค์ทรงพอกยา ทรงทาน้ำมัน ทรงพันด้วย
ผ้าเนื้อละเอียดไว้มิใช่หรือ
ม. ก็ต้องทำอย่างนั้นสิเธอ

น. บาดแผลนั้นเป็นที่รักของพระองค์นักหรือ จึงได้ทรงประคบประหงมถึงเช่นนั้น
ม. หามิได้ แต่การที่ต้องกระทำเช่นนั้นก็เพื่อจะรักษาบาดแผลเรียกเนื้อให้เต็มเท่านั้น
น. ขอถวายพระพร แม้พวกบักบวชก็มิได้อาลัยร่างกายเช่นเดียวกับบาดแผลนั้น
เหมือนกัน แต่ที่ยังทำการทนุบำรุงร่างกายอยู่ ก็เพื่อจะเอาไว้อาศัยบำเพ็ญกิจที่เป็น
ประโยชน์สุขของตนและผู้อื่นให้บริบูรณ์ยิ่งๆ ขึ้นเท่านั้น
ม. เธอว่านี้ชอบแล้ว
จบกายอัปปิยปัญหา

ปัญหาที่ ๒
พระเจ้ามิลินท์ตรัสถามว่า ดูก่อนพระนาคเสน พระพุทธเจ้าย่อมทรงรู้เห็น
สิ่งทั้งปวงสิ้นมิใช่หรือ
พระนาคเสนทูลตอบว่า ขอถวายพระพร ถูกแล้ว
ม. ก็เมื่อเป็นเช่นนั้น เหตุไฉนพระองค์จึงทรงบัญญัติสิกขาบทห้ามตามหลัง
เหตุการณ์ที่สาวกทำให้เกิดขึ้นเล่า
น. อาตมภาพขอทูลถามพระองค์บ้างว่า ธรรมดาแพทย์ผูชำนาญย่อมรู้สรรพคุณ
แห่งตัวยาสิ้นมิใช่หรือ
ม. ใช่สิเธอ

น. ขอถวายพระพร แพทย์ผู้นั้นเขาวางยาต่อเมื่อมีโรค หรืออาการของโรคปรากฏขึ้น
ก่อน หรือว่าเวลาปรกติซึ่งยังคาดไม่ได้ว่าจะมีโรคภัยอะไรเกิดขึ้น เขาก็วางยาเหมือนกัน
ม. เวลาปรกติเขาจะวางบาประสงค์อะไร เพราะว่าการวางยาในเวลาเช่นนั้น อาจจะ
ให้โทษแก่ร่างกายก็ได้ แต่ถ้าถึงคราวเจ็บไข้ ยาเป็นของสำคัญยิ่ง เพราะถ้าทอดทิ้งไม่รีบ
ให้แพทย์วางยาเสียทันที โรคนั้น ก็ย่อมจะกำเริบขึ้นทุกทียากที่จะรักษาให้หายได้ต่อไป

น. ขอถวายพระพร แม้พระพุทธเจ้าผู้ทรงทราบเหตุการณ์ทั้งปวงก็เป็นเช่นเดียวกับ
แพทย์นั้นเหมือนกัน คือการที่พระพุทธองค์ไม่ทรงบัญญัติสิกขาบทห้ามล่วงหน้าไว้
ก็ด้วยทรงเห็นว่า ถ้าทรงบัญญัติสิกขาบทไว้ก่อน อาจจะเป็นข้อที่เห็นว่าหยุมหยิม
ของผู้แรกเข้ามาบวช จนให้เกิดความระอาใจก็เป็นได้ เนื่องด้วยมีพระหฤทัยทรง
อนุเคราะห์อยู่เช่นนี้แล จึงมิไดทรงบัญญัติไว้ก่อนแต่ความเสียหายเกิดขึ้น แต่ถ้ามี
เรื่องซึ่งทรงเห็นว่า ถ้าไม่ทรงห้ามเสียอาจจะนำความเสื่อมทรามมายังหมู่คณะ
เกิดขึ้นเมื่อใด ก็ทรงบัญญัติสิกขาบทห้ามเมื่อนั้น เพื่อมิให้สาวกล่วงละเมิดต่อไป
ม. ละเอียดแท้
จบสัมปัตตกาลปัญหา

.....................................................
เมื่อความเห็นใดมีการหัวเราะ ผมขออนุญาตไม่ยุ่ง และตอบนะครับ

สนทนาธรรมโปรดเคารพในพระธรรม และเพื่อนสมาชิกด้วย

เจริญ สติ และปัญญา


เพื่อลดละเลิก ป้องกันสิ่งที่เป็นอกุศลทาง กาย วาจา ใจ
เพื่อเจริญและรักษาไว้ชึ่งสิ่งที่เป็นกุศลทาง กาย วาจา ใจ


โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 11 เม.ย. 2019, 18:31 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
Moderators-2
Moderators-2
ลงทะเบียนเมื่อ: 16 พ.ย. 2007, 16:58
โพสต์: 7548

แนวปฏิบัติ: พุทธานุสติ
งานอดิเรก: ทำหลายอย่างแต่ตอนนี้ไฟฟ้า
สิ่งที่ชื่นชอบ: ปฏิบัติธรรม ศึกษาธรรม และแบ่งปันต่อไป
อายุ: 0
ที่อยู่: จาก ลาว ครับ

 ข้อมูลส่วนตัว


Quote Tipitaka:
ปัญหาที่ ๓
พระเจ้ามิลินท์ตรัสถามว่า ดูก่อนพระนาคเสน ตามประวัติปรากฏว่า
พระพุทธเจ้ามีพระสรีรกายทุก ๆ ส่วนได้ลักษณะพระมหาบุรุษ มีพระฉวีวรรณ
ผุดผ่องดุจสีทอง ข้อนี้จะจริงหรือเธอ
พระนาคเสนทูลตอบว่า ขอถวายพระพร จริง
ม. ก็พระชนกชนนีของพระองค์เล่า มีพระลักษณะเช่นนั้นเหมือนกันหรือ
น. ขอถวายพระพร หามิได้
ม. ถ้าเป็นเช่นนั้น จะจัดว่าดีได้หรือเธอ เพราะตามธรรมดา บุตรต้องคล้าย
คลึงบิดามารดาคนใดคนหนึ่งหรือทั้ง ๒ จึงจะชอบ

น. ขอถวายพระพร พระองค์ทรงรู้จักสีสันและกลิ่นของบัวหลวงหรือไม่
ม. รู้จักสิเธอ
น. บัวนั้นเกิดที่ไหน
ม. เกิดที่เปือกตมซึ่งมีน้ำหล่อเลี้ยงอยู่
น. ขอถวายพระพร บัวนั้นมีสีสันวรรณเหมือนเปือกตมหรือ
ม. หามิได้
น. หรือเหมือนน้ำ ขอถวายพระพร
ม. น้ำก็ไม่เหมือน, สัญชาติของบัวหลวงมีสีสันวรรณอย่างใด บัวนั้นก็มีอย่างนั้น

น. นั่นแลฉันใด แม้พระพุทธเจ้าก็ฉันนั้นถึงพระองค์จะทรงถือกำเนิดมาแต่
พระชนกชนนีก็จริง แต่ที่พระองค์มีพระลักษณะพิเศษยิ่งมิเหมือนพระชนกชนนีนั้น
ก็เพราะความดีทั้งหลายที่ได้ทรงสั่งสมไว้แต่หนหลัง มาตกแต่งให้พระองค์มีพระ
ลักษณะตามสัญชาติของพระมหาบุรุษผู้พิเศษยิ่งเช่นเดียวกัน
ม. เธอช่างฉลาดจริงๆ
จบทวัตตึสมหาปุริสลักขณปัญหา

ปัญหาที่ ๔
พระเจ้ามิลินท์ตรัสถามว่า ดูก่อนพระนาคเสน พระพุทธเจ้าทรงประกอบด้วย
พระเมตตากรุณาอย่างเดียวกับพรหมมิใช่หรือ
พระนาคเสนทูลตอบว่า ขอถวายพระพร ถูกแล้ว
ม. ถ้าเช่นนั้น จะมิเป็นอันว่า พระพุทธเจ้าเอาอย่างมาจากพรหมหรือเธอ
น. อาตมภาพขอทูลถามพระองค์ก่อนว่า ช้างที่พระที่นั่งร้องเคยร้องเสียงเหมือน
เสียงนกกระเรียนมีบ้างหรือไม่
ม. เคยมีอยู่บ้าง

น. ขอถวายพระพร ช้างนั้นจำเสียงนกกระเรียนมาร้องหรือ
ม. หามิได้ เสียงที่ช้างร้องอย่างนั้น ก็โดยเป็นวิสัยของช้างซึ่งบางครั้งก็ร้อง
เสียงอย่างนั้น แต่เผอิญไปพ้องกับเสียงนกกระเรียนเข้า
น. นี่ก็เช่นนั้นแล ด้วยว่าวิสัยของพระพุทธเจ้าทั้งหลายย่อมมีพระอัธยาศัย
กอบด้วยพระเมตตากรุณาอย่างเดียวกับพรหมทั้งหลาย ขอถวายพระพร
แต่อาตมภาพใคร่จะทราบว่าพรหมรู้ธรรมคำสั่งสอนของพระพุทธเจ้าหรือไม่
ม. รู้สิเธอ
น. ถ้าอย่างนั้น พรหมก็คงเรียนคงจำไปจากพระพุทธเจ้า
ม. เห็นจะเป็นอย่างนั้น
จบพรหมจารีปัญหา

.....................................................
เมื่อความเห็นใดมีการหัวเราะ ผมขออนุญาตไม่ยุ่ง และตอบนะครับ

สนทนาธรรมโปรดเคารพในพระธรรม และเพื่อนสมาชิกด้วย

เจริญ สติ และปัญญา


เพื่อลดละเลิก ป้องกันสิ่งที่เป็นอกุศลทาง กาย วาจา ใจ
เพื่อเจริญและรักษาไว้ชึ่งสิ่งที่เป็นกุศลทาง กาย วาจา ใจ


โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 11 เม.ย. 2019, 18:32 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
Moderators-2
Moderators-2
ลงทะเบียนเมื่อ: 16 พ.ย. 2007, 16:58
โพสต์: 7548

แนวปฏิบัติ: พุทธานุสติ
งานอดิเรก: ทำหลายอย่างแต่ตอนนี้ไฟฟ้า
สิ่งที่ชื่นชอบ: ปฏิบัติธรรม ศึกษาธรรม และแบ่งปันต่อไป
อายุ: 0
ที่อยู่: จาก ลาว ครับ

 ข้อมูลส่วนตัว


Quote Tipitaka:
ปัญหาที่ ๕
พระเจ้ามิลินท์ตรัสถามว่า ดูก่อนพระนาคเสน บวชกับไม่บวชไหนจะดี
พระนาคเสนทูลตอบว่า ขอถวายพระพร บวชดี
ม. ก็ถ้าบวชดี ทำไมพระพุทธเจ้าจึงไม่ทรงผนวชเล่า
น. ขอถวายพระพร พระพุทธเจ้าทรงผนวชเหมือนกัน
ทันทีนั้น พระเจ้ามิลินท์ตรัสประกาศถ้อยคำของพระนาคเสนกะพวกราช
บริษัทเพื่อให้เป็นพยานแล้ว จึงตรัสถามพระเถระว่าถ้าเช่นนั้น ใครเล่าเป็น
อุปัชฌาย์อาจารย์

น. ขอถวายพระพร การผนวชของพระพุทธเจ้าไม่มีอุปัชฌาย์อาจารย์
เพราะว่าการผนวชนั้นมีมาพร้อมกับการตรัสรู้เป็นพระพุทธเจ้าที่โคนไม้
ศรีมหาโพธิ อาตมภาพจะขอเปรียบถวายอย่างฟังง่ายๆ เช่นการบริโภค
อาหารถึงไม่มีครูอาจารย์ก็บริโภคเป็น แม้การทรงผนวชของพระพุทธเจ้า
ก็เป็นเช่นเดียวกันกับการบริโภคอาหารนี้แล คือพระองค์ทรงรู้เอง เห็นเอง
ซึ่งความจริงทั้งหลาย ที่สุดจนหาเหตุผลวิธีการแห่งการบวชก็ทรงทราบชัดเจน
เพราะฉะนั้นจึงหามีใครเป็นอุปัชฌาย์อาจารย์ของพระองค์ไม่
ม. เธอว่านี้ชอบแล้ว
จบอุปสัมปันนปัญหา

ปัญหาที่ ๖
พระเจ้ามิลินท์ตรัสถามว่า ดูก่อนพระนาคเสน ผู้หนึ่งบิดามารดาตายเสียใจ
ร้องไห้ ผู้อีกหนึ่งร้องไห้เพราะใคร่จะประพฤติธรรม น้ำตาของคนทั้งสองนี้
ของคนไหนเป็นยา
พระนาคเสนทูลตอบว่า ขอถวายพระพร น้ำตาของคนต้นขุ่นร้อนเพราะไฟ
คือความรักใคร่และหลงใหลมิรู้เท่าความเป็นจริงของสังขาร แต่น้ำตาของ
คนหลังใสเย็นเพราะกลั่นมาแต่ความอิ่มเอิมใจ เป็นอันว่าเป็นยาได้
ม. ชอบแล้ว
จบอัสสุปัญหา

ปัญหาที่ ๗
พระเจ้ามิลินท์ตรัสถามว่า ดูก่อนพระนาคเสน คนที่ยังมีความกำหนัดอยู่กับ
คนที่ไม่มีความกำหนัดแล้ว ต่างกันหรือเหมือนกัน
พระนาคเสนทูลตอบว่า ขอถวายพระพร ต่างกัน คือคนหนึ่งยังมีความปรารถนา
หรือความประสงค์อยู่อีก แต่อีกคนหนึ่งหามีความปรารถนาหรือความประสงค์
ต่อไปอีกไม่

ม. ความเห็นของข้าพเจ้าเห็นว่า คนสองคนนั้นมีบางอย่างซึ่งยังเหมือนกันอยู่
คือ ชอบบริโภคอาหารที่ดีมีรสอร่อยเช่นเดียวกัน
น. ขอถวายพระพร ย่อมเป็นเช่นพระองค์ทรงเห็นนั้นแล แต่ถึงเช่นนั้น
คน ๒ คนนั้นก็ยังต่างกันอยู่ คือคนที่ยังมีความกำหนัด ขณะเมื่อบริโภคอาหาร
ย่อมรู้สึกรสอร่อยและทั้งยังติดใจในรสอาหารนั้นอีกด้วย ส่วนคนที่ไม่มีความ
กำหนัดแล้ว ก็มีความรู้สึกในรสอาหารเช่นนั้นเหมือนกัน แต่มีเฉพาะเวลา
บริโภคเท่านั้น หาได้มีจิตใจข้องอยู่ในรสอาหารนั้นๆ ต่อไปอีกไม่
ม. จริงอย่างเธอว่า
จบรสปฏิสังเวทีปัญหา

ปัญหาที่ ๘
พระเจ้ามิลินท์ตรัสถามว่า ดูก่อนพระนาคเสน ปัญญาอยู่ที่ตรงไหน
พระนาคเสนทูลตอบว่า ขอถวายพระพร ที่อยู่ของปัญญาไม่ปรากฏ
ม. ถ้าเช่นนั้นปัญญามิไม่มีหรือ
น. ลมมีหรือไม่มี และถ้ามี ที่อยู่ ๆ ที่ตรงไหน
ม. ลมมีสิเธอ แต่ว่าที่อยู่ของลมไม่มีใครรู้
น. ขอถวายพระพร ปัญญาก็เช่นนั้นเหมือนกัน คือ แม้ปัญญามีอยู่แต่ก็ไม่
ปรากฏว่า ที่อยู่ๆ ที่ตรงไหน
จบปัญญาปฏิฏฐานปัญหา

.....................................................
เมื่อความเห็นใดมีการหัวเราะ ผมขออนุญาตไม่ยุ่ง และตอบนะครับ

สนทนาธรรมโปรดเคารพในพระธรรม และเพื่อนสมาชิกด้วย

เจริญ สติ และปัญญา


เพื่อลดละเลิก ป้องกันสิ่งที่เป็นอกุศลทาง กาย วาจา ใจ
เพื่อเจริญและรักษาไว้ชึ่งสิ่งที่เป็นกุศลทาง กาย วาจา ใจ


โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 11 เม.ย. 2019, 18:33 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
Moderators-2
Moderators-2
ลงทะเบียนเมื่อ: 16 พ.ย. 2007, 16:58
โพสต์: 7548

แนวปฏิบัติ: พุทธานุสติ
งานอดิเรก: ทำหลายอย่างแต่ตอนนี้ไฟฟ้า
สิ่งที่ชื่นชอบ: ปฏิบัติธรรม ศึกษาธรรม และแบ่งปันต่อไป
อายุ: 0
ที่อยู่: จาก ลาว ครับ

 ข้อมูลส่วนตัว


Quote Tipitaka:
ปัญหาที่ ๙
พระเจ้ามิลินท์ตรัสถามว่า ดูก่อนพระนาคเสน สังสารวัฏได้แก่อะไร
พระนาคเสนทูลตอบว่า ขอถวายพระพร ได้แก่การเวียนเกิดเวียนตาย
ม. เธอจงหาตัวอย่างมาเปรียบให้ฟัง
น. เหมือนชาวสวนผู้หนึ่งปลูกมะม่วงไว้ ครั้นเกิดผลก็เก็บมารับประทาน
เสร็จแล้วเอาเมล็ดมะม่วงนั้นเพาะปลูกต่อไป ถึงคราวเกิดผลอีกก็เก็บมารับ
ประทานแล้วปลูกใหม่ต่อๆ ไปอีก ขอถวายพระพร ธรรมดาของชาวสวน
ย่อมเป็นอยู่เช่นนี้มิใช่หรือ
ม. ใช่สิเธอ ด้วยว่าปรกติของชาวสวนย่อมหมั่นเพาะหมั่นปลูกพืชพันธุ์
หมุนเวียนอยู่เช่นนี้แล

น. ขอถวายพระพร สังสรวัฏก็มีอาการหมุนเวียนเช่นนั้นเหมือนกัน คือ
นับแต่เราเกิดมา เราก็ตั้งต้นเพาะความดีความชั่วเป็นตัวบุญบาปขึ้นเมื่อเรา
เพาะความดีความชั่วอันเป็นเหตุขึ้นแล้ว เราก็ต้องรับผลของความดีความชั่ว
นั้น แต่จะช้าหรือเร็วสุดแต่อำนาจบุญบาป ผลนั้นแลจูงใจให้เราเพาะเหตุต่อไปอีก
เหมือนผูที่ได้รับประทานผลมะม่วงแล้ว เพาะเมล็ดมะม่วงนั้นขึ้นใหม่ต่อไป

ฉะนั้น ก็ขณะเมื่อเราเพาะเหตุและรับผลอยู่นี้ เราย่อมถูกความแก่ชราพยาธิ
พัดผันให้ใกล้ความตายเข้าไปอยู่ทุกๆ ขณะครั้นเราถึงวาระแห่งความตาย
ความดี ความชั่ว คือบุญบาปที่เราได้เพาะได้ทำไว้ในชาตินี้นั้น ก็เริ่มปั่นให้
เราหมุนไปเกิดแก่เจ็บตายต่อๆ ไปอีก วนเวียนกันอยู่โดยทำนองนี้เรื่อยไป
จนกว่าเราจะได้หยุดเพราะเหตุทั้ง ๒ ประการนั้นเสีย

ขอถวายพระพร ก็เขตที่จะให้เราหยุดเพาะเหตุได้นั้นต้องต่อเมื่อเราได้
พยายามทำความดีล้างความชั่วซึ่งเป็นสิ่งโสโครก จนไม่มีแปดเปื้อนหยุด
กระทำการชำระล้างได้แล้วเมื่อนั้นเป็นอันว่า เราได้เขตหยุดเพาะเหตุคือ
ความดีความชั่ว ไม่ต้องเวียนเกิดเวียนตายต่อไปอีก ขอถวายพระพร แต่ถ้า
เรายังเพาะเหตุคือยังต้องทำความดีล้างความชั่วอยู่ตราบใด เราก็ยังจะต้อง
เวียนเกิดเวียนตายอยู่ตราบนั้น

ขอถวายพระพร สังสารวัฏได้แก่อาการหมุนเวียนดังทูลมาฉะนี้แล
ม. เธอว่านี้ชอบแล้ว
จบสังสารวัฏปัญหา

ปัญหาที่ ๑๐
พระเจ้ามิลินท์ตรัสถามว่า ดูก่อนพระนาคเสน อะไรเป็นผู้นึกผู้จำกิจการที่ได้
ทำหรือคำที่ได้พูดไว้นานๆ ได้
พระนาคเสนทูลตอบว่า ขอถวายพระพร สติ
ม. มิใช่จิตหรือเธอ
น. ถ้าพระองค์ยังทรงสงสัย ก็ขอให้ทรงพระหฤทัยนึกถึงพระราชกรณีกิจ
อย่างใดอย่างหนึ่ง ซึ่งได้ทรงไว้นานจนทรงจำไม่ได้แล้ว เพื่อทดลองดูว่าจะทรง
นึกขึ้นได้หรือไม่

ม. เมื่อนานจนจำไม่ได้แล้ว จะนึกขึ้นได้อย่างไรเล่าเธอ
น. ก็ในขณะเมื่อทดลองนี้ พระองค์ไม่มีพระหฤทัยซึ่งเป็นจิตใจหรือ
ม. มีสิเธอ
น. ขอถวายพระพร เพราะเป็นเช่นนี้แลอาตมภาพจึงทูลว่า สติเป็นผู้นึก
ผู้จำสาวเอากิจการที่ล่วงแล้วมาปรากฏขึ้นได้ ส่วนจิตเป็นแต่ผู้คิดอ่านโยง
ไปข้างหน้าเท่านั้น
ม. จริงอย่างเธอว่า
จบจิรกตสรณปัญหา

.....................................................
เมื่อความเห็นใดมีการหัวเราะ ผมขออนุญาตไม่ยุ่ง และตอบนะครับ

สนทนาธรรมโปรดเคารพในพระธรรม และเพื่อนสมาชิกด้วย

เจริญ สติ และปัญญา


เพื่อลดละเลิก ป้องกันสิ่งที่เป็นอกุศลทาง กาย วาจา ใจ
เพื่อเจริญและรักษาไว้ชึ่งสิ่งที่เป็นกุศลทาง กาย วาจา ใจ


โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 11 เม.ย. 2019, 18:34 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
Moderators-2
Moderators-2
ลงทะเบียนเมื่อ: 16 พ.ย. 2007, 16:58
โพสต์: 7548

แนวปฏิบัติ: พุทธานุสติ
งานอดิเรก: ทำหลายอย่างแต่ตอนนี้ไฟฟ้า
สิ่งที่ชื่นชอบ: ปฏิบัติธรรม ศึกษาธรรม และแบ่งปันต่อไป
อายุ: 0
ที่อยู่: จาก ลาว ครับ

 ข้อมูลส่วนตัว


Quote Tipitaka:
ปัญหาที่ ๑๑
พระเจ้ามิลินท์ตรัสถามว่า ดูก่อนพระนาคเสน สตินั้นเกิดขึ้นเอง หรือ
เกิดขึ้นต่อเมื่อมีคนเตือน
พระนาคเสนทูลตอบว่า ขอถวายพระพร เกิดขึ้นได้ทั้ง ๒ ทาง
ม. แต่ความเห็นของข้าพเจ้าว่าเกิดขึ้นเอง มิพักต้องมีคนอื่นเตือน
น. ถ้าเป็นอย่างพระองค์ตรัส คนก็ไม่ต้องมีครูอาจารย์คอยตักเตือนว่ากล่าว
แต่นี่เพราะมิเป็นเช่นนั้น จึ้งต้องมีครูอาจารย์คอยให้สติในเมื่องเราพลั้งเผลอ
ม. จริง
จบสติอภิชานนปัญหา

ปัญหาที่ ๑
พระเจ้ามิลินท์ตรัสถามว่า ดูก่อนพระนาคเสน สติความระลึกหรือความจำ
เกิดแต่อาการเท่าไร
พระนาคเสนทูลตอบว่า ขอถวายพระพร เกิดแต่อาการ ๑๗ อย่างคือ
(๑) เกิดแต่ความรู้ยิ่ง ดังผู้รู้ประวัติการณ์ที่ล่วงๆ มาแล้ว ความรู้นั้นย่อมเป็น
แนวให้ระลึกถึงเหตุการณ์แต่หลังได้
(๒) เกิดแต่การที่ได้กระทำเครื่องหมายไว้
(๓) เกิดแต่การได้ขยับฐานะสูงขึ้นซึ่งเป็นเหตุให้นึกให้จำกิจการที่ตนได้
กระทำมาแต่หลัง

(๔) เกิดแต่การได้รับความสุข ซึ่งชวนให้สาวเอากิจการที่ล่วงแล้วมานึก
มาคิดเพื่อไต่สวนสาเหตุ
(๕) เกิดแต่การได้รับความทุกข์ ซึ่งชวนให้หวนไปนึกถึงเหตุแห่งความทุกข์นั้น ๆ
(๖) เกิดแต่การได้รู้เห็นสิ่งที่คล้ายกัน ซึ่งเป็นการเตือนให้จำอีกสิ่งหนึ่งได้
(๗) เกิดแต่การรู้เห็นสิ่งที่ตรงกันข้ามเช่น เห็นสีขาวทำให้นึกถึงสีดำได้
(๘) เกิดแต่การได้รับคำตักเตือน
(๙) เกิดแต่รู้เห็นตำหนิหรือลักษณะทรวดทรง
(๑๐) เกิดแต่นึกขึ้นได้โดยลำพัง
(๑๑) เกิดแต่การพินิจพิเคราะห์
(๑๒) เกิดแต่การนับจำนวนไว้

(๑๓) เกิดแต่การทรงจำไว้ได้ตามธรรมดา
(๑๔) เกิดแต่การอบรม เช่นผู้ที่กระทำใจได้แน่วแน่ในเมื่อกระทำกิจการ
สามารถรวบรวมกำลังใจมาคิดมานึกเฉพาะในกิจการอย่างนั้น แม้ว่ากิจการนั้น
จะผ่านหูผ่านตามานานแล้ว เมื่อมานึกคิดขึ้นในภายหลัง ก็ยังคงจำได้ระลึกได้
(๑๕) เกิดแต่การได้จดได้เขียนไว้
(๑๖) เกิดแต่การเก็บไว้
(๑๗) เกิดแต่การเคยพบเคยเห็น
ม. มากอย่าง
จบสติอาการปัญหา

ปัญหาที่ ๒
พระเจ้ามิลินท์ตรัสถามว่า ดูก่อนพระนาคเสน คำที่เธอว่าผู้ที่ทำบาปกรรม
เรื่อยมาแม้ตั้ง ๑๐๐ ปี แต่ถ้าเวลาจะตายมีสติระลึกถึงพระคุณของพระพุทธเจ้าได้
ก็ย่อมนำไปเกิดในสวรรค์ ส่วนผู้ที่ทำบาปแม้แต่ครั้งเดียว ก็ย่อมไปบังเกิดในนรก
นั้น ดูไม่สมเหตุสมผลข้าพเจ้าก็ยังไม่เห็นด้วย
พระนาคเสนทูลตอบว่า ขอถวายพระพร ศิลาแม้ก้อนเล็กโดยลำพังจะลอยน้ำ
ได้หรือไม่
ม. ไม่ได้
น. ก็ถ้าศิลาตั้ง ๑๐๐ เล่มเกวียนแต่อยู่ในเรือ ศิลานั้นจะลอยน้ำได้หรือไม่
ม. ได้สิเธอ

:b8: :b8: :b8:

.....................................................
เมื่อความเห็นใดมีการหัวเราะ ผมขออนุญาตไม่ยุ่ง และตอบนะครับ

สนทนาธรรมโปรดเคารพในพระธรรม และเพื่อนสมาชิกด้วย

เจริญ สติ และปัญญา


เพื่อลดละเลิก ป้องกันสิ่งที่เป็นอกุศลทาง กาย วาจา ใจ
เพื่อเจริญและรักษาไว้ชึ่งสิ่งที่เป็นกุศลทาง กาย วาจา ใจ


แสดงโพสต์จาก:  เรียงตาม  
กลับไปยังกระทู้  [ 212 โพสต์ ]  ไปที่หน้า ย้อนกลับ  1 ... 4, 5, 6, 7, 8, 9, 10 ... 15  ต่อไป

เขตเวลา GMT + 7 ชั่วโมง


 ผู้ใช้งานขณะนี้

กำลังดูบอร์ดนี้: Google [Bot] และ บุคคลทั่วไป 41 ท่าน


ท่าน ไม่สามารถ โพสต์กระทู้ในบอร์ดนี้ได้
ท่าน ไม่สามารถ ตอบกระทู้ในบอร์ดนี้ได้
ท่าน ไม่สามารถ แก้ไขโพสต์ของท่านในบอร์ดนี้ได้
ท่าน ไม่สามารถ ลบโพสต์ของท่านในบอร์ดนี้ได้
ท่าน ไม่สามารถ แนบไฟล์ในบอร์ดนี้ได้

ค้นหาสำหรับ:
ไปที่:  
Google
ทั่วไป เว็บธรรมจักร