ฆราวาสธรรม ๔

ขันติ ความอดทน คือ ทนลำบาก ทนตรากตรำ ทนเจ็บใจ, ความหนักเอาเบาสู้ เพื่อบรรลุจุดหมายที่ดีงาม
(ข้อ ๓ ในฆราวาสธรรม ๔, ข้อ ๑ ในธรรมที่ทำให้งาม ๒, ข้อ ๖ ในบารมี ๑๐)

แสดงผลการค้น ลำดับที่ 2 / 5
จาคะ การสละ, การให้ปัน, การเสียสละ, การสละสิ่งที่เป็นข้าศึกแก่ความจริงใจ; การสละกิเลส
(ข้อ ๔ ในฆราวาสธรรม ๔, ข้อ ๓ ในอธิษฐานธรรม ๔, ข้อ ๖ ในอริยทรัพย์ ๗)

แสดงผลการค้น ลำดับที่ 3 / 5
ทมะ การฝึก, การฝึกฝนปรับปรุงตน,
การรู้จักข่มจิตข่มใจ บังคับควบคุมตนเองได้ ไม่พูดไม่ทำเพียงตามที่อยาก แต่พูดและทำตามเหตุผลที่พิจารณาเห็นด้วยปัญญาว่า ดีงาม สมควร เป็นประโยชน์ รู้จักปรับตัวปรับใจ และแก้ไขปรับปรุงตนด้วยปัญญาไตร่ตรองให้งอกงามดียิ่งขึ้นอยู่เสมอ
(ข้อ ๒ ในฆราวาสธรรม ๔)

แสดงผลการค้น ลำดับที่ 4 / 5
ธรรมของฆราวาส ๔ ดู ฆราวาสธรรม ๔

แสดงผลการค้น ลำดับที่ 5 / 5
สัจจะ
1. ความจริง มี ๒ คือ
๑. สมมติสัจจะ จริงโดยสมมติ เช่น คน พ่อค้า ปลา แมว โต๊ะ เก้าอี้
๒. ปรมัตถสัจจะ จริงโดยปรมัตถ์ เช่น รูป เวทนา สัญญา สังขาร วิญญาณ
2. ความจริง คือ
จริงใจ ได้แก่ ซื่อสัตย์
จริงวาจา ได้แก่ พูดจริง และ
จริงการ ได้แก่ ทำจริง
(ข้อ ๑ ในฆราวาสธรรม ๔, ข้อ ๒ ในอธิษฐานธรรม ๔, ข้อ ๔ ในเบญจธรรม, ข้อ ๗ ในบารมี ๑๐)



การใช้หัวใจเศรษฐีในการทำงาน

ประจบสอพล เลียแข้ง เลียขา ในการทำงาน

เกี่ยวมั๊ยคะ

เห็นได้ดี ก้าวน้า ข้ามขั้น เป็นแถวๆ

ผมขออนุญาตกล่าวไปตามลำดับครับ

ส่วนในตอนี้กล่าวถึงพระอริยะสัจ ๔ อยู่ ดังนั้นจะเห็นดีงาม หรือไม่งาม ควรยินดี หรือไม่ยินดีในเรื่องนี้แค่ไหน ผมกล่าวธรรมแรกไว้คือพระอริยะสัจ ๔ ก็ขอรบกวนน้องเม ลองใช้พระอริยะสัจ ๔ พิจารณาดูไปก่อนครับ ทั้งเรื่องความต้องการในใจตน ทั้งเรื่องความก้องการของใจผู้อื่น ทั้งการแก้ปัญญาของตน มีกล่าวไว้แล้วครับ นั่นคือหัวใจหลักจึงกล่าวไว้เริ่มต้นครับ

ขอบคุณที่ให้เกียรติพูดคุยฉันท์กัลยาณมิตรครับ

พูดเอาเองทั้งเพ คือยกเอาหลักที่เรียกกันว่าธรรมข้อนั้นข้อนี้ แล้วก็มโนเอาเองว่า ...ทำฮาน ข้อนี้...ทำงาน ฯลฯ นั่นแหละธรรมปฏิรูปไกลกว่าที่กรัชกายคิดไว้มาก คิกๆๆๆ ถ้าพูดตรงๆเขาเรียกว่าบ้าคำบ้าศัพท์ว่าธรรมะ

ถามนะ ลิเก นักร้อง คนตาบอดพากย์หนังตะลุง ชาวไร่ ชาวนา คนกวาดถนน คนหาของเก่า คนหาปลา ฯลฯ เขาเอาพุทธธรรมข้อไหนทำงาน

ไล่ๆดูคำตอบนี้ ไม่เห็น คุณแค่อากาศตอบยังครับ ตอบแล้วอ้างอิงให้เห็นที หาไม่เห็น คือ อยากรู้ว่า คุณปฏิบัติแบบไหนมา เห็นบอกว่าปฏิบัติมาๆ

ขอบคุณท่านกรัชกายที่ถาม และแสดงความเห็นมานะครับ ทำให้ผมเห็นมุมมองของการตอบโจทย์ความต้องการของคนมากขึ้นครับ

เห็นถกเถียงกันเรื่องสังขาร นี่แหละขอรับสังขาร ซึ่งมันปรุงแต่งจิตให้เป็นไปต่างๆนานา



เท่าที่สังเกตดูเวปธรรมะ (เขาว่างั้น) ทั่วๆไปผู้ปฏิบัติก็จอดที่นี่เอง คือ ข้ามไม่พ้น

พูดในแง่มุมสังขารนะ นี่ก็สังขารซึ่งมันปรุงแต่งจิตให้เป็นได้หลากหลาย




ผู้ปฏิบัติจะเพี้ยนก็แถวๆนี้แหละ บางรายเห็นผู้นั้นผู้นี้มาบอกมาสอนกรรมฐานให้ คิกๆๆ

ขอบคุณท่านกรัซกาย ให้ความรู้เพิ่มเติมครับ

พูดในแง่สังขาร ก็เป็นสังขารทั้งนั้น



อันที่จริงสังขาร เติมขันธ์เข้าไปด้วยก็ได้ "สังขารขันธ์" มันปรุงแต่งความคิด (ปรุงแต่งจิต) ตั้งแต่ตื่นนอนลืมตา จนถึงนอนหลับ คือคิดเรื่องนั้นเรื่องนี้ทั้งวัน แต่เจ้าตัวไม่เข้าใจ ครั้นไปหลับตาภาวนาเห็นมันเข้าเท่านั้น ตกอกตกใจคิดว่าเป็นของแปลกเป็นของใหม่ไป




ดูสิแม้ตัวเองยังไม่เข้าใจตัวเองเลย นั่นถ้าไปปรึกษาคนที่หนักในภูตผีปีศาจเทพเจ้าเจ้ากรรมนายเวรเอาเลยไปเลยเจ้ากรรมนายเวร

อนึ่ง ที่พวกเราคิดเรื่องนั่นๆนี่ๆแล้วเอามาพิมพ์เป็นตัวหนังสือถกเถียงกันต่างก็ใช้สังขารกันทั้งเพ คิกๆๆๆ

เง้อ

งั้นหนูเป็นคนละพวกกะลุงกรัชกายแระหละ เพราะสังขารไม่ใช่ตน

คริคริ