ลานธรรมจักร http://www.dhammajak.net/forums/ |
|
ตามหาความจริง สมองมีไว้บันทึกจริงหรือไม่? http://www.dhammajak.net/forums/viewtopic.php?f=1&t=56963 |
หน้า 1 จากทั้งหมด 1 |
เจ้าของ: | sssboun [ 05 ม.ค. 2019, 09:10 ] |
หัวข้อกระทู้: | ตามหาความจริง สมองมีไว้บันทึกจริงหรือไม่? |
จากบทความ อ้างคำพูด: ๒. การฟัง ตามทฤษฎีที่ว่าข้อมูลที่เราได้รับทุกอย่างจะถูกบันทึกในสมองของเรา ถ้าเราได้รับข้อมูลที่ถูกต้องในทางบวกเยอะๆ ย่อมทำให้เราเป็นคนมองโลกในแง่บวก พร้อมที่จะแก้ปัญหามากกว่ายอมแพ้ปัญหา ดังนั้น เราควรกลั่นกรองแต่ละข้อมูลที่เราได้รับ ก่อนที่ข้อมูลนั้นจะถูก Memory ในสมองของเรา ซึ่งมีกลวิธีดังนี้ จริงแค่ไหน และเมื่อก่อนผมก็ได้รับความรู้เช่นนี้มา เหมือนกัน ตอนสมัยเรียน แต่หลังจากบวชปฏิบัติและสึก ออกมาศึกษาเพิ่มเรื่องศาสนาแล้ว จึงได้รู้ว่าจริงว่า สมองนั้น มีไว้คิด ส่วนการบันทึกข้อมูลต่างๆนั้น เป็นหน้าที่ของจิตเป็น ตัวเก็บบันทึกครับ เพราะเป็นเช่นนี้ผมจึงได้แรงบันดาลใจในการอ่านหนังสือพระ ไตรปิฏกนั้นเอง |
เจ้าของ: | ลุงหมาน [ 05 ม.ค. 2019, 10:30 ] |
หัวข้อกระทู้: | Re: ตามหาความจริง สมองมีไว้บันทึกจริงหรือไม่? |
sssboun เขียน: :b8: จากบทความ อ้างคำพูด: ๒. การฟัง ตามทฤษฎีที่ว่าข้อมูลที่เราได้รับทุกอย่างจะถูกบันทึกในสมองของเรา ถ้าเราได้รับข้อมูลที่ถูกต้องในทางบวกเยอะๆ ย่อมทำให้เราเป็นคนมองโลกในแง่บวก พร้อมที่จะแก้ปัญหามากกว่ายอมแพ้ปัญหา ดังนั้น เราควรกลั่นกรองแต่ละข้อมูลที่เราได้รับ ก่อนที่ข้อมูลนั้นจะถูก Memory ในสมองของเรา ซึ่งมีกลวิธีดังนี้ จริงแค่ไหน และเมื่อก่อนผมก็ได้รับความรู้เช่นนี้มา เหมือนกัน ตอนสมัยเรียน แต่หลังจากบวชปฏิบัติและสึก ออกมาศึกษาเพิ่มเรื่องศาสนาแล้ว จึงได้รู้ว่าจริงว่า สมองนั้น มีไว้คิด ส่วนการบันทึกข้อมูลต่างๆนั้น เป็นหน้าที่ของจิตเป็น ตัวเก็บบันทึกครับ เพราะเป็นเช่นนี้ผมจึงได้แรงบันดาลใจในการอ่านหนังสือพระ ไตรปิฏกนั้นเอง สมองในคำสอนของพระอภิธรรม จัดเป็นกายปสาท การที่ได้รับข้อมูลเยอะๆนัันช่วยในการจดจำสิ่งทั้งหลาย ได้แก่ สัญญาเจตสิก บันทึกจดจำไว้ในภวังคจิต มาแล้วจนนับภพนับชาติไม่ถ้วนและก็จะไม่หายไปไหน จนกว่าจะปรินิพพาน เพราะเป็นความวิจิตรพิศดารของจิต ที่คนอย่างเราๆจะสามารถเข้าไปรู้ได้ มันเป็นสัพพัญญูของพระพุทธเจ้าเท่านั้น |
เจ้าของ: | sssboun [ 05 ม.ค. 2019, 13:32 ] |
หัวข้อกระทู้: | Re: ตามหาความจริง สมองมีไว้บันทึกจริงหรือไม่? |
ลุงหมาน เขียน: sssboun เขียน: :b8: จากบทความ อ้างคำพูด: ๒. การฟัง ตามทฤษฎีที่ว่าข้อมูลที่เราได้รับทุกอย่างจะถูกบันทึกในสมองของเรา ถ้าเราได้รับข้อมูลที่ถูกต้องในทางบวกเยอะๆ ย่อมทำให้เราเป็นคนมองโลกในแง่บวก พร้อมที่จะแก้ปัญหามากกว่ายอมแพ้ปัญหา ดังนั้น เราควรกลั่นกรองแต่ละข้อมูลที่เราได้รับ ก่อนที่ข้อมูลนั้นจะถูก Memory ในสมองของเรา ซึ่งมีกลวิธีดังนี้ จริงแค่ไหน และเมื่อก่อนผมก็ได้รับความรู้เช่นนี้มา เหมือนกัน ตอนสมัยเรียน แต่หลังจากบวชปฏิบัติและสึก ออกมาศึกษาเพิ่มเรื่องศาสนาแล้ว จึงได้รู้ว่าจริงว่า สมองนั้น มีไว้คิด ส่วนการบันทึกข้อมูลต่างๆนั้น เป็นหน้าที่ของจิตเป็น ตัวเก็บบันทึกครับ เพราะเป็นเช่นนี้ผมจึงได้แรงบันดาลใจในการอ่านหนังสือพระ ไตรปิฏกนั้นเอง สมองในคำสอนของพระอภิธรรม จัดเป็นกายปสาท การที่ได้รับข้อมูลเยอะๆนัันช่วยในการจดจำสิ่งทั้งหลาย ได้แก่ สัญญาเจตสิก บันทึกจดจำไว้ในภวังคจิต มาแล้วจนนับภพนับชาติไม่ถ้วนและก็จะไม่หายไปไหน จนกว่าจะปรินิพพาน เพราะเป็นความวิจิตรพิศดารของจิต ที่คนอย่างเราๆจะสามารถเข้าไปรู้ได้ มันเป็นสัพพัญญูของพระพุทธเจ้าเท่านั้น |
เจ้าของ: | sssboun [ 06 ม.ค. 2019, 16:47 ] |
หัวข้อกระทู้: | Re: ตามหาความจริง สมองมีไว้บันทึกจริงหรือไม่? |
ครั้งแรกที่ได้อ่านเรื่องมิลินทปัญหาเจอ ท่านบอกว่า สมอง มีไว้คิด จิตมีไว้บันทึก ผมก็เชื่อ ประมาณร้อยละ ๙๐ จากนั้น ผมก็คิดค้นหาเหตุ และคิดไปเจอเรื่องราวของเด็กหรือบุคคล ผู้เกิดใหม่แล้วระลึกชาติได้ จดจำหลายสิ่งหลายอย่างทั้งตัวบุค คลทั้งที่อยู่ การเกิดใหม่นั้นหมายถึงการได้ร่างกายใหม่และสมอง ใหม่แต่ความจำเรื่องราวเก่าๆยังมีอยู่นั้นก็แสดงว่าสมองมิได้บันทึก จริงดั่งเรื่องนี้ อ้างคำพูด: กรัชกาย เขียน: ปาฐกถาในวันนั้น เล่าถึงเรื่องเด็กระลึกชาติได้ในประเทศศรีลังกา (ระหว่างที่เขาบวชพระอยู่ที่นั่น) เด็กคนนี้พออายุได้ประมาณ ๙ ขวบ ก็บอกกับพ่อแม่ของเขาว่าเขามิใช่ลูกของพ่อ เขาเป็นน้องของพ่อซึ่งถูกลงโทษแขวนคอด้วยข้อหาใช้มีดฆ่าสาวคู่รัก ซึ่งไม่ยอมแต่งงานด้วย ระหว่างที่เขากำลังถูกแขวนคอเขาก็คลุ้มคลั่งตะโกนลั่นๆว่า เขาจะกลับมาเกิดอีกเพื่อแก้แค้นคู่รักที่ไม่ยอมแต่งงานด้วย ในที่สุด ๑๐ ปี ต่อมาเขาก็มาเกิดในครรภ์ของพี่สะใภ้ดังกล่าว เขาสามารถชี้ที่ทางที่เขาเคยอยู่ ชี้ญาติพี่น้องในชาติก่อนของเขาได้ถูกต้องทุกอย่าง แต่เขาเกิดมาพิการ คือ มือขวา (ที่เคยจับมีดจ้วงแทงคนรักของเขา) นิ้วติดกันทั้ง ๕ นิ้ว อยู่ในท่ากำมือ เหยียดไม่ออก คอของเขามีรอยแผลเป็นแต่กำเนิดเป็นรอยขวั้นรอบๆ คอ (ถูกแขวนคอ) หน้าอกเบื้องซ้ายมีรอยแผลเป็นแต่กำเนิด เป็นรูบุ๋ม (เขาแทงคู่รักด้วยมีดตรงหน้าอกเบื้องซ้าย) เด็กคนนี้เล่าอย่างถูกต้องว่า ชาติก่อนเขาถูกแขวนคอ เขาดิ้นเขาร้องอย่างไร ในที่สุดรู้สึกวูบตกลงไปในท่ามกลางไฟที่ลุกโพลงและรู้สึกรุ่มร้อนทุรนทุรายแล้วก็ดับไป มารู้ตัวอีกทีก็เมื่อตอนกลับมาเกิดใหม่ Professor ท่านนี้ได้ศึกษาเรื่องคล้ายคลึงอย่างหลายแห่งในโลกนี้ ศึกษาถึงอดีตชาติและพยายามจะศึกษาย้อนหลังด้วยการสะกดจิตมนุษย์ให้ถอยหลังอายุลงไปจนถึงชาติปางก่อน ว่าได้ทำกรรมอะไรมาเมื่อชาติก่อน พยายามหาคำอธิบายว่า ทำไมมนุษย์เราจึงเกิดมาไม่เหมือนกัน ก็แล้วบางคนเกิดมาก็พิการแต่กำเนิด เรื่องมันเป็นมาอย่างไร พยายามหาหลักวิชาการทางวิทยาศาสตร์อธิบาย สัพพัญญูรู้แจ้งของสมเด็จพระสัมมาสัมพุทธเจ้าให้ได้ จนกระทั่งบัดนี้ก็ยังไม่มีใครพิสูจน์ให้ถ่องแท้ได้ แต่มันมีปรากฏการณ์ให้เห็นกันอยู่ชัดๆ อย่างนี้แหละ อ้างอิง http://www.dhammajak.net/forums/viewtopic.php?p=434440#p434440 |
เจ้าของ: | muisun [ 06 ม.ค. 2019, 19:14 ] |
หัวข้อกระทู้: | Re: ตามหาความจริง สมองมีไว้บันทึกจริงหรือไม่? |
ในพระไตรปิฎกไม่มีหรอกเรื่องสมอง มีแต่รู้ 6 รู้ตา หู จมูก ลิ้น กาย ใจ เรียกว่าวิญญาณ 6 สัมผัส ตา หู จมูก ลิ้น กาย ใจ เรียกว่าประสาท 6 รู้สึกตา หู จมูก ลิ้น กาย ใจ เรียกว่า เวทนา 6 รู้ที่ตาก็ดับที่ตา รู้ที่ใจก็ดับที่ใจ คิดที่ตาก็ดับที่ตา คิดที่ใจก็ดับที่ใจ เรื่องรู้ทางสมองไม่มีเลย เพราะสมองก็รู้แค่ทางกายเท่านั้น รู้ทันจะคิดดับๆ ก็รู้ทันปัจจุบันตามความเป็นจริง จะฉลาดได้ทุกเรื่อง ถ้าใช้สมองคิด ก็ใช้นิ้วคิดได้เช่นกัน เพราะสมองเป็นกายวิญญาณ นิ้วก็เป็นกายวิญญาณ จากสายสืบนิสัยศาสตร์ |
เจ้าของ: | sssboun [ 06 ม.ค. 2019, 19:39 ] |
หัวข้อกระทู้: | Re: ตามหาความจริง สมองมีไว้บันทึกจริงหรือไม่? |
muisun เขียน: ในพระไตรปิฎกไม่มีหรอกเรื่องสมอง มีแต่รู้ 6 รู้ตา หู จมูก ลิ้น กาย ใจ เรียกว่าวิญญาณ 6 สัมผัส ตา หู จมูก ลิ้น กาย ใจ เรียกว่าประสาท 6 รู้สึกตา หู จมูก ลิ้น กาย ใจ เรียกว่า เวทนา 6 รู้ที่ตาก็ดับที่ตา รู้ที่ใจก็ดับที่ใจ คิดที่ตาก็ดับที่ตา คิดที่ใจก็ดับที่ใจ เรื่องรู้ทางสมองไม่มีเลย เพราะสมองก็รู้แค่ทางกายเท่านั้น รู้ทันจะคิดดับๆ ก็รู้ทันปัจจุบันตามความเป็นจริง จะฉลาดได้ทุกเรื่อง ถ้าใช้สมองคิด ก็ใช้นิ้วคิดได้เช่นกัน เพราะสมองเป็นกายวิญญาณ นิ้วก็เป็นกายวิญญาณ จากสายสืบนิสัยศาสตร์ Quote Tipitaka: เหล่าชนผู้ชื่อว่า เป็นผู้สลัดทิ้ง เพราะเห็นเหตุที่ถูกต้องแล้ว ก็ สลัด (ลัทธิเก่า) ทิ้ง. แต่เหล่าชนผู้ชื่อว่า ทุปฺปฏินิสฺสคฺคี เพราะ (สลัดได้) โดยยาก คือโดยลำบาก ได้แก่ฝืด อธิบายว่า เห็นเหตุตั้ง มากมาย ก็ไม่อาจสละได้. คำว่า ทุปฺปฏินิสฺสคฺคี นี้เป็นชื่อของเหล่าชน ผู้ยึดมั่นทิฏฐิที่เกิดขึ้นแก่ตนว่า สิ่งนี้เท่านั้นจริง ถึงแม้พระพุทธเจ้าเป็นต้น จะทรงชี้แจงแสดงเหตุให้ฟังก็ไม่สลัดทิ้ง. อธิบายว่า บุคคลประเภทนั้น ฟังเรื่องใด ๆ มาจะเป็นเรื่องธรรมะหรือไม่ใช่ธรรมะก็ตาม ประมวลเรื่อง ทั้งหมดนั้นไว้ภายใน (สมอง) นั้นเอง ว่าอาจารย์ของเราทั้งหลายกล่าว ไว้อย่างนี้ เราทั้งหลายได้สดับมาอย่างนี้. เหมือนเต่าเก็บอวัยวะทั้งหลาย ไว้ภายในกระดองของตน คือยึด (ทิฏฐินั้นไว้) ไม่ปล่อย เหมือน การฮุบไว้ของจระเข้. ส่วนธรรมฝ่ายขาว พึงทราบโดยบรรยายตรงกันข้าม กับที่กล่าวมาแล้ว. จากอรรถกถาเล่ม ๑๗ หน้า ๕๐๘ |
เจ้าของ: | Love J. [ 10 ม.ค. 2019, 16:58 ] |
หัวข้อกระทู้: | Re: ตามหาความจริง สมองมีไว้บันทึกจริงหรือไม่? |
ผมเข้าใจอย่างนี้ว่า สมองคืออายตนะใจ เป็นอายตนะภายใน ธรรมารมณ์ทั้งหลายเป็นอายตนะภายนอก |
เจ้าของ: | sssboun [ 10 ม.ค. 2019, 19:42 ] |
หัวข้อกระทู้: | Re: ตามหาความจริง สมองมีไว้บันทึกจริงหรือไม่? |
Love J. เขียน: ผมเข้าใจอย่างนี้ว่า สมองคืออายตนะใจ เป็นอายตนะภายใน ธรรมารมณ์ทั้งหลายเป็นอายตนะภายนอก คงเป็นเช่นนั้นครับ เพราะหากจะตอบไปว่าสมองไม่ มีเลย พวกวิทยาศาทเค้าจะเชื่อหรือ แม้ตัวผมเองก็ยังไม่ เชื่อ |
เจ้าของ: | Love J. [ 14 ม.ค. 2019, 02:45 ] |
หัวข้อกระทู้: | Re: ตามหาความจริง สมองมีไว้บันทึกจริงหรือไม่? |
ที่เราเรียกกันว่าสมองนั้นคือใจ ส่วนที่เราเรียกว่าใจนั้นคืออวิชชา |
เจ้าของ: | sssboun [ 14 ม.ค. 2019, 13:40 ] |
หัวข้อกระทู้: | Re: ตามหาความจริง สมองมีไว้บันทึกจริงหรือไม่? |
Love J. เขียน: ที่เราเรียกกันว่าสมองนั้นคือใจ ส่วนที่เราเรียกว่าใจนั้นคืออวิชชา แต่ผมคิดว่า สมองรับข้อมูลมาแล้วส่งต่อให้ใจบัณทึก ไว้นะครับ มีหน้าที่รับข้อมูลมาจากใจ(จิต)ด้วยแล้วสั่งงาน ไปยังอวัยวะต่างๆอีกต่อหนึ่ง อย่างรวดเร็ว ดั่งคำว่า จิตเป็นนาย กายเป็นบ่าว คำว่ากายคือรวมทั้งสมอง ด้วย แต่สมองนั้นก็จะเป็นรองจากจิต เพราะเมื่อสมองโดนทำลาย จนเสียหาย ร่างกายก็อาจขยับมิได้ หรืออาจเสียชีวิตได้เลย |
หน้า 1 จากทั้งหมด 1 | เขตเวลา GMT + 7 ชั่วโมง |
Powered by phpBB © 2000, 2002, 2005, 2007 phpBB Group http://www.phpbb.com/ |