ลานธรรมจักร
http://www.dhammajak.net/forums/

ว่าด้วยเรื่องความไม่รู้และขาดสุตมยปัญญา
http://www.dhammajak.net/forums/viewtopic.php?f=1&t=56892
หน้า 23 จากทั้งหมด 33

เจ้าของ:  Love J. [ 08 ม.ค. 2019, 00:09 ]
หัวข้อกระทู้:  Re: ว่าด้วยเรื่องความไม่รู้และขาดสุตมยปัญญา

Rosarin เขียน:
Love J. เขียน:
ที่ผมเล่านั้นเล่าจากประสบการณ์ เล่าตามภาษาของผมอย่างอิงอรรถอิงธรรม เพื่อให้เพื่อน ๆ
เก็บไว้พิจารณา ว่ามีคนเห็นอริยสัจ ๔ อย่างนี้ มีคนยืนยันอย่างนี้แสดงว่าอริยสัจ ๔ น่าจะมีจริง
จะได้สนใจในอริยสัจ ๔

เรื่องอยากนิพพาน อยากบรรลุนี้ไม่ใช่ความอยาก แต่เป็นฉันทะ ยินดีพอใจกับการเจริญสติ
สำรวมอินทรีย์ ยินดีพอใจในความสงบ ยินดีพอใจในสมถะ วิปัสสนาภาวนา ไม่ใช่อยากปฏิบัติ
จนไม่มีความสุข

สภาวะนิโรธนี้ผมว่าผมเคยเห็นจะเล่าตามที่เคยเห็นโดยย่อ ตอนนั้นดูความคันตามเนื้อตัว ไม่เกา
ไม่คิด ไม่ปรุง ไม่ยุ่ง คันก็รู้ แล้วมันก็ค่อย ๆเห็นตามลำดับวิปัสนาญาน จนเห็นว่าจิตมันไปเกิดที่ไหน
ก็ดับ เกิดปุ้บดับย้าย ไปเกิดที่ไหม่ กี่ที่ ๆ ก็ดับ

ใจมันก็สรุปว่าจะพึ่งพาอาศัยที่ใดเกิดแล้วไม่ดับไม่มีสรุปดังนี้จิตมันก็ปล่อยแล้วก็หลุด ใจก็รู้ชัดทั้ง
ปล่อยทั้งหลุด อารมณ์มันเหมือนยุงสักตัวหนึ่ง บินหิ้วตุ่มน้ำใหญ่ ๆสักใบหนึ่งแล้วปล่อยยุงตัวนั้นจะ
สุขปานใด นั่นเป็นลักษณะความสุขที่ใจรู้ ไม่ใช่ไปจับประเด็นอัตตา อนัตตา นะครับ

พอใจได้รู้ลักษณะจิตหลุดพ้น มันก็ค่อยเห็นๆปฏิจสมุปบาท เห็นกามราคะ ปฏิฆะ เห็นคุณประโยชน์ใน
สมถะ วิปัสนา ภาวนา ว่างเมื่อไหร่รู้กายใจพิจารณากายใจ


cool
เข้าใจความหมายตรงขณะของคำว่า...บอกไม่ฟัง...ว่าอย่างไร
บอกคือบอก ไม่คือไม่ ฟังคือฟัง ตรงขณะคือ ไม่ได้กำลังฟังอยู่
ถึงไม่เกิดปัญญาเพิ่มเพราะปัญญาเกิดตอนฟังส่วนกิเลสเกิดที่
เห็นแล้วคิดผิดๆไปตามสิ่งที่เห็นผิดๆ...เห็นผิด...คือไม่ได้เห็นสี
สีคือสีจริงๆมีแต่สีล้วนดับทันทีทีละ1สีไม่มีหลายสีที่เกิดพร้อมกัน
ตอนเห็นสีคือจิตเห็น ไม่มีคิดเห็นปน ตอนคิดน่ะไม่มีเห็นแล้ว555
:b32: :b32: :b32:


ปัญญามี ๓
สุตตะมยปัญญา เกิดตอนฟัง
จินตมยปัญญา เกิดตอนโยนิโสมนสิการ
ภาวนามยปัญญา เกิดตอนเห็นอริยสัจ ๔

กิเลสทั้งหลายเกิดเมื่อมีผัสสะ แล้วอโยนิโสมนสิการ
อโยนิโสมนสิการมีอาหารคือ ไม่ศรัทธา ขาดศรัทธา

สัทธินทรีย์ พึงเห็นได้ในโสดาปัตติยังคะ ๔
๑ คบสัตตบุรุษ
๒ ฟังสัทธรรม
๓ ทำในใจโดยแยบคาย
๔ ปฏิบัติธรรมสมควรแก่ธรรม

ยังศรัทธาพระรัตนตรัยดีอยู่มั้ย

เจ้าของ:  Rosarin [ 08 ม.ค. 2019, 02:44 ]
หัวข้อกระทู้:  Re: ว่าด้วยเรื่องความไม่รู้และขาดสุตมยปัญญา

Love J. เขียน:
Rosarin เขียน:
Love J. เขียน:
ที่ผมเล่านั้นเล่าจากประสบการณ์ เล่าตามภาษาของผมอย่างอิงอรรถอิงธรรม เพื่อให้เพื่อน ๆ
เก็บไว้พิจารณา ว่ามีคนเห็นอริยสัจ ๔ อย่างนี้ มีคนยืนยันอย่างนี้แสดงว่าอริยสัจ ๔ น่าจะมีจริง
จะได้สนใจในอริยสัจ ๔

เรื่องอยากนิพพาน อยากบรรลุนี้ไม่ใช่ความอยาก แต่เป็นฉันทะ ยินดีพอใจกับการเจริญสติ
สำรวมอินทรีย์ ยินดีพอใจในความสงบ ยินดีพอใจในสมถะ วิปัสสนาภาวนา ไม่ใช่อยากปฏิบัติ
จนไม่มีความสุข

สภาวะนิโรธนี้ผมว่าผมเคยเห็นจะเล่าตามที่เคยเห็นโดยย่อ ตอนนั้นดูความคันตามเนื้อตัว ไม่เกา
ไม่คิด ไม่ปรุง ไม่ยุ่ง คันก็รู้ แล้วมันก็ค่อย ๆเห็นตามลำดับวิปัสนาญาน จนเห็นว่าจิตมันไปเกิดที่ไหน
ก็ดับ เกิดปุ้บดับย้าย ไปเกิดที่ไหม่ กี่ที่ ๆ ก็ดับ

ใจมันก็สรุปว่าจะพึ่งพาอาศัยที่ใดเกิดแล้วไม่ดับไม่มีสรุปดังนี้จิตมันก็ปล่อยแล้วก็หลุด ใจก็รู้ชัดทั้ง
ปล่อยทั้งหลุด อารมณ์มันเหมือนยุงสักตัวหนึ่ง บินหิ้วตุ่มน้ำใหญ่ ๆสักใบหนึ่งแล้วปล่อยยุงตัวนั้นจะ
สุขปานใด นั่นเป็นลักษณะความสุขที่ใจรู้ ไม่ใช่ไปจับประเด็นอัตตา อนัตตา นะครับ

พอใจได้รู้ลักษณะจิตหลุดพ้น มันก็ค่อยเห็นๆปฏิจสมุปบาท เห็นกามราคะ ปฏิฆะ เห็นคุณประโยชน์ใน
สมถะ วิปัสนา ภาวนา ว่างเมื่อไหร่รู้กายใจพิจารณากายใจ


cool
เข้าใจความหมายตรงขณะของคำว่า...บอกไม่ฟัง...ว่าอย่างไร
บอกคือบอก ไม่คือไม่ ฟังคือฟัง ตรงขณะคือ ไม่ได้กำลังฟังอยู่
ถึงไม่เกิดปัญญาเพิ่มเพราะปัญญาเกิดตอนฟังส่วนกิเลสเกิดที่
เห็นแล้วคิดผิดๆไปตามสิ่งที่เห็นผิดๆ...เห็นผิด...คือไม่ได้เห็นสี
สีคือสีจริงๆมีแต่สีล้วนดับทันทีทีละ1สีไม่มีหลายสีที่เกิดพร้อมกัน
ตอนเห็นสีคือจิตเห็น ไม่มีคิดเห็นปน ตอนคิดน่ะไม่มีเห็นแล้ว555
:b32: :b32: :b32:


ปัญญามี ๓
สุตตะมยปัญญา เกิดตอนฟัง
จินตมยปัญญา เกิดตอนโยนิโสมนสิการ
ภาวนามยปัญญา เกิดตอนเห็นอริยสัจ ๔

กิเลสทั้งหลายเกิดเมื่อมีผัสสะ แล้วอโยนิโสมนสิการ
อโยนิโสมนสิการมีอาหารคือ ไม่ศรัทธา ขาดศรัทธา

สัทธินทรีย์ พึงเห็นได้ในโสดาปัตติยังคะ ๔
๑ คบสัตตบุรุษ
๒ ฟังสัทธรรม
๓ ทำในใจโดยแยบคาย
๔ ปฏิบัติธรรมสมควรแก่ธรรม

ยังศรัทธาพระรัตนตรัยดีอยู่มั้ย

:b32:
รู้จักศรัทธาไหมและศรัทธาในตถาคต/คำสอนคือตัวแทนพระศาสดานะคะ
จะมีศรัทธาต่อคำสอนของพระพุทธเจ้าต้องมีศรัทธาที่จะฟังคำสอน
แค่ลืมตาเห็นยังไม่รู้เลยว่าปกติตัวเองเห็นอะไรก็เห็นผิดแล้ว
พระพุทธเจ้าบอกว่าจิตเห็นรูปของแสงและสีดับทันที
มันดับไหมตาไม่บอดยังอ่านแล้วตีความไม่ออกอีก
ตาคุณกำลังเห็นระดับไหนล่ะไม่รู้เลยว่าดับ
รูปสีสันวรรณะคือรูปเดียวที่เห็นได้
เห็นรูปคนสัตว์วัตถุอย่างนั้นหรือ
เห็นเกิดได้ตอนลืมตาดูเท่านั้น
สีกระทบตรงตาดำดับทันที
ไม่มีปัจจุบันสีนอกตาดำ
พระพุทธเจ้าตรัสรู้ว่า
จิตเห็นรูปของสี
ตัวเองเห็นอะไร
55555555555
ไม่ฟังก็ไม่รู้จักว่า
พระพุทธเจ้าคือใคร
เพราะผู้ฟังรู้จักพระพุทธเจ้าได้เท่าที่ตนระลึกตามได้ตรงจริงเท่านั้น
ไม่เกิน1คำวาจาสัจจะทุกครั้งที่ระลึกตามได้ตรงขณะที่กำลังปรากฏว่ามีก่อนดับทีละ1ทางด้วยนะ
:b32: :b32: :b32:

เจ้าของ:  Rosarin [ 08 ม.ค. 2019, 03:05 ]
หัวข้อกระทู้:  Re: ว่าด้วยเรื่องความไม่รู้และขาดสุตมยปัญญา

Rosarin เขียน:
Rosarin เขียน:
Love J. เขียน:
ที่ผมเล่านั้นเล่าจากประสบการณ์ เล่าตามภาษาของผมอย่างอิงอรรถอิงธรรม เพื่อให้เพื่อน ๆ
เก็บไว้พิจารณา ว่ามีคนเห็นอริยสัจ ๔ อย่างนี้ มีคนยืนยันอย่างนี้แสดงว่าอริยสัจ ๔ น่าจะมีจริง
จะได้สนใจในอริยสัจ ๔

เรื่องอยากนิพพาน อยากบรรลุนี้ไม่ใช่ความอยาก แต่เป็นฉันทะ ยินดีพอใจกับการเจริญสติ
สำรวมอินทรีย์ ยินดีพอใจในความสงบ ยินดีพอใจในสมถะ วิปัสสนาภาวนา ไม่ใช่อยากปฏิบัติ
จนไม่มีความสุข

สภาวะนิโรธนี้ผมว่าผมเคยเห็นจะเล่าตามที่เคยเห็นโดยย่อ ตอนนั้นดูความคันตามเนื้อตัว ไม่เกา
ไม่คิด ไม่ปรุง ไม่ยุ่ง คันก็รู้ แล้วมันก็ค่อย ๆเห็นตามลำดับวิปัสนาญาน จนเห็นว่าจิตมันไปเกิดที่ไหน
ก็ดับ เกิดปุ้บดับย้าย ไปเกิดที่ไหม่ กี่ที่ ๆ ก็ดับ

ใจมันก็สรุปว่าจะพึ่งพาอาศัยที่ใดเกิดแล้วไม่ดับไม่มีสรุปดังนี้จิตมันก็ปล่อยแล้วก็หลุด ใจก็รู้ชัดทั้ง
ปล่อยทั้งหลุด อารมณ์มันเหมือนยุงสักตัวหนึ่ง บินหิ้วตุ่มน้ำใหญ่ ๆสักใบหนึ่งแล้วปล่อยยุงตัวนั้นจะ
สุขปานใด นั่นเป็นลักษณะความสุขที่ใจรู้ ไม่ใช่ไปจับประเด็นอัตตา อนัตตา นะครับ

พอใจได้รู้ลักษณะจิตหลุดพ้น มันก็ค่อยเห็นๆปฏิจสมุปบาท เห็นกามราคะ ปฏิฆะ เห็นคุณประโยชน์ใน
สมถะ วิปัสนา ภาวนา ว่างเมื่อไหร่รู้กายใจพิจารณากายใจ


cool
เข้าใจความหมายตรงขณะของคำว่า...บอกไม่ฟัง...ว่าอย่างไร
บอกคือบอก ไม่คือไม่ ฟังคือฟัง ตรงขณะคือ ไม่ได้กำลังฟังอยู่
ถึงไม่เกิดปัญญาเพิ่มเพราะปัญญาเกิดตอนฟังส่วนกิเลสเกิดที่
เห็นแล้วคิดผิดๆไปตามสิ่งที่เห็นผิดๆ...เห็นผิด...คือไม่ได้เห็นสี
สีคือสีจริงๆมีแต่สีล้วนดับทันทีทีละ1สีไม่มีหลายสีที่เกิดพร้อมกัน
ตอนเห็นสีคือจิตเห็น ไม่มีคิดเห็นปน ตอนคิดน่ะไม่มีเห็นแล้ว555
:b32: :b32: :b32:

ไม่เข้าใจสัจจธรรมของความจริงตรงปัจจุบันขณะเลยหรือ
เนี่ยเขียนให้ทราบว่ามันกำลังเกิดดับสลับกันอยู่เป็นปกติครบ
มี6ทางเกิดดับสลับกันหมดไปทีละ1ทางตรงจริงไม่ปนกันไม่ซ้ำเก่า
ความเร็วของการเกิดดับมันเร็วมากความจริงเนี่ยเข้าใจตามได้เท่านั้น

ปฏิสนธิมาแล้วถึงจะมีวิถีจิตตอนลืมตาตื่นขึ้นมาเห็นแล้วตาไม่บอดหูไม่หนวกถึงจะฟังรู้เรื่องไม่เข้าใจหรือคะ
จิตเกิดตรงไหนดับตรงนั้นทันที ไม่มีจิตภายนอกกายตัวเองรู้สึกตัวไหมว่าผลิตกิเลสใหม่ตลอดเวลาเนี่ยดูสิ
ปฏิสนธิจิต1ขณะแรกเกิดสืบต่อมาเมื่อตื่นลืมตาเห็นกิเลสไหลออกมาครบ6ทางแล้วตั้งแต่กระพริบตาแล้ว
จิตเกิดดับสืบต่อไม่ขาดสายตั้งแต่เกิดจนตายขณะสุดท้ายเรียกจุติจิต1ขณะตอนตายไม่รู้ว่าตายทางไหน
ตั้งแต่เกิดจนตายเป็นแบบนี้มันเลือกเกิดล่วงหน้าไม่ได้เข้าใจไหมบอกให้ฟังไม่มีใครรู้ความจริงเข้าใจรึเปล่า

1คนตั้งแต่เกิดจนตายอาจตายตอนเห็นหรือตอนได้ยินตายแค่1ทางและไม่รู้ล่วงหน้าไงคะ

ปฏิสนธิจิต
จิตเห็นที่ตา จิตได้ยินที่หู จิตดมกลิ่นที่จมูก จิตลิ้มรสที่ลิ้น จิตรับกระทบที่กาย จิตคิดนึกดับในมโนทวาร
จิตเห็นที่ตา จิตได้ยินที่หู จิตดมกลิ่นที่จมูก จิตลิ้มรสที่ลิ้น จิตรับกระทบที่กาย จิตคิดนึกดับในมโนทวาร
จิตเห็นที่ตา จิตได้ยินที่หู จิตดมกลิ่นที่จมูก จิตลิ้มรสที่ลิ้น จิตรับกระทบที่กาย จิตคิดนึกดับในมโนทวาร
จุติจิต

จิตเกิดดับสลับกันใหม่ทุกขณะมีแล้วไม่ต้องทำเพราะมันดับหมดนับไม่ถ้วน บอกไม่ฟังเป็นผู้ว่ายากมากๆๆๆๆ

:b55: :b55: :b55:

ไม่มีใครรู้ความจริงว่าจิตเห็นสีนอกจากคิดถูกตามคำสอนได้แล้วเห็นโทษว่าตนไม่รู้จึงมีศรัทธาที่จะฟังคำสอน
:b8: :b8: :b8:

เจ้าของ:  Rosarin [ 08 ม.ค. 2019, 03:29 ]
หัวข้อกระทู้:  Re: ว่าด้วยเรื่องความไม่รู้และขาดสุตมยปัญญา

Kiss
ผู้รู้ความจริงถึงระดับเห็นสีและคิดเองได้โดยไม่ต้องถามใครหรือฟังจากใครในชาติสุดท้าย
มีแค่2คนคือ1พระพุทธเจ้าและ2พระปัจเจกพุทธเจ้า/ไม่มีพระปัจเจกพุทธเจ้าในยุคที่ยังมีคำสอนอยู่
นอกจากนั้นเป็นสาวกไม่มีสิทธิ์คิดเองได้แม้แต่คำเดียวต้องฟังจากคนอื่นบอกตรงสัจจะให้รู้สึกตัวตรงจริง
และผู้ที่จะบรรลุธรรมตามคำสอนได้ต้องคิดตามคือสาวกบรรลุได้ตามลำดับโดยไม่ขาดการระลึกตามคำสอน
ตนเองเป็นสาวกไม่ใช่หรือคะและสาวกคือผู้เข้าไปนั่งใกล้เพื่อเงี่ยโสตลงสดับเงี่ยหูฟังเพื่อให้คิดถูกตามได้ค่ะ
onion onion onion

เจ้าของ:  Love J. [ 08 ม.ค. 2019, 05:04 ]
หัวข้อกระทู้:  Re: ว่าด้วยเรื่องความไม่รู้และขาดสุตมยปัญญา

Rosarin เขียน:
Kiss
ผู้รู้ความจริงถึงระดับเห็นสีและคิดเองได้โดยไม่ต้องถามใครหรือฟังจากใครในชาติสุดท้าย
มีแค่2คนคือ1พระพุทธเจ้าและ2พระปัจเจกพุทธเจ้า/ไม่มีพระปัจเจกพุทธเจ้าในยุคที่ยังมีคำสอนอยู่
นอกจากนั้นเป็นสาวกไม่มีสิทธิ์คิดเองได้แม้แต่คำเดียวต้องฟังจากคนอื่นบอกตรงสัจจะให้รู้สึกตัวตรงจริง
และผู้ที่จะบรรลุธรรมตามคำสอนได้ต้องคิดตามคือสาวกบรรลุได้ตามลำดับโดยไม่ขาดการระลึกตามคำสอน
ตนเองเป็นสาวกไม่ใช่หรือคะและสาวกคือผู้เข้าไปนั่งใกล้เพื่อเงี่ยโสตลงสดับเงี่ยหูฟังเพื่อให้คิดถูกตามได้ค่ะ
onion onion onion


๑๖. ญาณวิภังค์ มาติกา เอกกมาติกา

[๗๙๕] ญาณวัตถุหมวดละ ๑ คือ วิญญาณ ๕ ๑- เป็นนเหตุ เป็น
อเหตุกะ เป็นเหตุวิปปยุต เป็นสัปปัจจยะ เป็นสังขตะ เป็นอรูป เป็นโลกิยะ
เป็นสาสวะ เป็นสัญโญชนิยะ เป็นคันถนิยะ เป็นโอฆนิยะ เป็นโยคนิยะ เป็น
@๑. จักขุวิญญาณ โสตวิญญาณ ฆานวิญญาณ ชิวหาวิญญาณ กายวิญญาณ
นีวรณิยะ เป็นปรามัฏฐะ เป็นอุปาทานิยะ เป็นสังกิเลสิกะ เป็นอัพยากฤต
เป็นสารัมมณะ เป็นอเจตสิกะ เป็นวิบาก เป็นอุปาทินนุปาทานิยะ เป็นอสังกิลิฏฐ-
*สังกิเลสิกะ เป็นนสวิตักกสวิจาระ เป็นนอวิตักกวิจารมัตตะ เป็นอวิตักกาวิจาระ
เป็นนปีติสหคตะ เป็นเนวทัสสนนภาวนาปหาตัพพะ เป็นเนวทัสสนนภาวนาปหา-
*ตัพพเหตุกะ เป็นเนวาจยคามินาปจยคามี เป็นเนวเสกขนาเสกขะ เป็นปริตตะ
เป็นกามาวจร เป็นนรูปาวจร เป็นนอรูปาวจร เป็นปริยาปันนะ เป็นโนอปริยาปันนะ
เป็นอนิยตะ เป็นอนิยยานิกะ เป็นอุปปันนมโนวิญญาณวิญเญยยะ เป็นอนิจจะ
เป็นชราภิภูตะ

วิญญาณ ๕ มีวัตถุเป็นปัจจุบัน มีอารมณ์เป็นปัจจุบัน มีวัตถุเกิดก่อน
มีอารมณ์เกิดก่อน มีวัตถุเป็นภายใน มีอารมณ์เป็นภายนอก มีวัตถุยังไม่แตกดับ
มีอารมณ์ยังไม่แตกดับ มีวัตถุต่างกัน มีอารมณ์ต่างกัน ย่อมไม่เสวยอารมณ์ของ-
*กันและกัน ย่อมไม่เกิดขึ้นเพราะไม่นึก ย่อมไม่เกิดขึ้นเพราะไม่ทำไว้ในใจ จะ
เกิดขึ้นโดยไม่สับสนกันก็หาไม่ จะเกิดขึ้นไม่ก่อนไม่หลังกันก็หาไม่ ย่อมไม่เกิด
ต่อจากลำดับของกันและกัน วิญญาณ ๕ ไม่มีความคิดนึก บุคคลย่อมไม่รู้แจ้ง
ธรรมอะไรๆ ด้วยวิญญาณ ๕ วิญญาณ ๕ สักแต่ว่าเป็นที่ตกไปแห่งอารมณ์อัน
ใดอันหนึ่ง บุคคลย่อมไม่รู้แจ้งธรรมอะไรๆ แม้ต่อจากลำดับแห่งวิญญาณ ๕
บุคคลย่อมไม่สำเร็จอิริยาบถอย่างใดอย่างหนึ่งด้วยวิญญาณ ๕ บุคคลย่อมไม่สำเร็จ
อิริยาบถอย่างใดอย่างหนึ่ง แม้ต่อจากลำดับแห่งวิญญาณ ๕ บุคคลย่อมไม่ประกอบ
กายกรรม ไม่ประกอบวจีกรรม ด้วยวิญญาณ ๕ ย่อมไม่ประกอบกายกรรม ไม่
ประกอบวจีกรรมแม้ต่อจากลำดับแห่งวิญญาณ ๕ บุคคลย่อมไม่สมาทานกุศลธรรม
และอกุศลธรรม ด้วยวิญญาณ ๕ ย่อมไม่สมาทานกุศลธรรมและอกุศลธรรม แม้
ต่อจากลำดับแห่งวิญญาณ ๕ บุคคลย่อมไม่เข้าสมาบัติ ไม่ออกจากสมาบัติด้วย
วิญญาณ ๕ ย่อมไม่เข้าสมาบัติ ไม่ออกจากสมาบัติ แม้ต่อจากลำดับแห่งวิญญาณ ๕
บุคคลย่อมไม่จุติ ไม่เกิดด้วยวิญญาณ ๕ ย่อมไม่จุติไม่เกิด แม้ต่อจากลำดับแห่ง
วิญญาณ ๕ บุคคลย่อมไม่หลับ ไม่ตื่น ไม่ฝัน ด้วยวิญญาณ ๕ ย่อมไม่หลับ ไม่ตื่น
ไม่ฝัน แม้ต่อจากลำดับแห่งวิญญาณ ๕ ปัญญาที่แสดงเรื่องของวิญญาณ ๕ ตาม
ความเป็นจริงดังที่กล่าวมานี้ ญาณวัตถุหมวดละ ๑ ย่อมมีด้วยประการฉะนี้

ผมเองก็ยังไม่แจ้งในธรรมนี้ ไม่รู้อรรถแห่งธรรมนี้ แต่เป็นสภาวะคล้ายกับที่คุณ rosarin
พยายามจะบอก เจริญในธรรมครับ

เจ้าของ:  Rosarin [ 08 ม.ค. 2019, 07:57 ]
หัวข้อกระทู้:  Re: ว่าด้วยเรื่องความไม่รู้และขาดสุตมยปัญญา

Love J. เขียน:
Rosarin เขียน:
Kiss
ผู้รู้ความจริงถึงระดับเห็นสีและคิดเองได้โดยไม่ต้องถามใครหรือฟังจากใครในชาติสุดท้าย
มีแค่2คนคือ1พระพุทธเจ้าและ2พระปัจเจกพุทธเจ้า/ไม่มีพระปัจเจกพุทธเจ้าในยุคที่ยังมีคำสอนอยู่
นอกจากนั้นเป็นสาวกไม่มีสิทธิ์คิดเองได้แม้แต่คำเดียวต้องฟังจากคนอื่นบอกตรงสัจจะให้รู้สึกตัวตรงจริง
และผู้ที่จะบรรลุธรรมตามคำสอนได้ต้องคิดตามคือสาวกบรรลุได้ตามลำดับโดยไม่ขาดการระลึกตามคำสอน
ตนเองเป็นสาวกไม่ใช่หรือคะและสาวกคือผู้เข้าไปนั่งใกล้เพื่อเงี่ยโสตลงสดับเงี่ยหูฟังเพื่อให้คิดถูกตามได้ค่ะ
onion onion onion


๑๖. ญาณวิภังค์ มาติกา เอกกมาติกา

[๗๙๕] ญาณวัตถุหมวดละ ๑ คือ วิญญาณ ๕ ๑- เป็นนเหตุ เป็น
อเหตุกะ เป็นเหตุวิปปยุต เป็นสัปปัจจยะ เป็นสังขตะ เป็นอรูป เป็นโลกิยะ
เป็นสาสวะ เป็นสัญโญชนิยะ เป็นคันถนิยะ เป็นโอฆนิยะ เป็นโยคนิยะ เป็น
@๑. จักขุวิญญาณ โสตวิญญาณ ฆานวิญญาณ ชิวหาวิญญาณ กายวิญญาณ
นีวรณิยะ เป็นปรามัฏฐะ เป็นอุปาทานิยะ เป็นสังกิเลสิกะ เป็นอัพยากฤต
เป็นสารัมมณะ เป็นอเจตสิกะ เป็นวิบาก เป็นอุปาทินนุปาทานิยะ เป็นอสังกิลิฏฐ-
*สังกิเลสิกะ เป็นนสวิตักกสวิจาระ เป็นนอวิตักกวิจารมัตตะ เป็นอวิตักกาวิจาระ
เป็นนปีติสหคตะ เป็นเนวทัสสนนภาวนาปหาตัพพะ เป็นเนวทัสสนนภาวนาปหา-
*ตัพพเหตุกะ เป็นเนวาจยคามินาปจยคามี เป็นเนวเสกขนาเสกขะ เป็นปริตตะ
เป็นกามาวจร เป็นนรูปาวจร เป็นนอรูปาวจร เป็นปริยาปันนะ เป็นโนอปริยาปันนะ
เป็นอนิยตะ เป็นอนิยยานิกะ เป็นอุปปันนมโนวิญญาณวิญเญยยะ เป็นอนิจจะ
เป็นชราภิภูตะ

วิญญาณ ๕ มีวัตถุเป็นปัจจุบัน มีอารมณ์เป็นปัจจุบัน มีวัตถุเกิดก่อน
มีอารมณ์เกิดก่อน มีวัตถุเป็นภายใน มีอารมณ์เป็นภายนอก มีวัตถุยังไม่แตกดับ
มีอารมณ์ยังไม่แตกดับ มีวัตถุต่างกัน มีอารมณ์ต่างกัน ย่อมไม่เสวยอารมณ์ของ-
*กันและกัน ย่อมไม่เกิดขึ้นเพราะไม่นึก ย่อมไม่เกิดขึ้นเพราะไม่ทำไว้ในใจ จะ
เกิดขึ้นโดยไม่สับสนกันก็หาไม่ จะเกิดขึ้นไม่ก่อนไม่หลังกันก็หาไม่ ย่อมไม่เกิด
ต่อจากลำดับของกันและกัน วิญญาณ ๕ ไม่มีความคิดนึก บุคคลย่อมไม่รู้แจ้ง
ธรรมอะไรๆ ด้วยวิญญาณ ๕ วิญญาณ ๕ สักแต่ว่าเป็นที่ตกไปแห่งอารมณ์อัน
ใดอันหนึ่ง บุคคลย่อมไม่รู้แจ้งธรรมอะไรๆ แม้ต่อจากลำดับแห่งวิญญาณ ๕
บุคคลย่อมไม่สำเร็จอิริยาบถอย่างใดอย่างหนึ่งด้วยวิญญาณ ๕ บุคคลย่อมไม่สำเร็จ
อิริยาบถอย่างใดอย่างหนึ่ง แม้ต่อจากลำดับแห่งวิญญาณ ๕ บุคคลย่อมไม่ประกอบ
กายกรรม ไม่ประกอบวจีกรรม ด้วยวิญญาณ ๕ ย่อมไม่ประกอบกายกรรม ไม่
ประกอบวจีกรรมแม้ต่อจากลำดับแห่งวิญญาณ ๕ บุคคลย่อมไม่สมาทานกุศลธรรม
และอกุศลธรรม ด้วยวิญญาณ ๕ ย่อมไม่สมาทานกุศลธรรมและอกุศลธรรม แม้
ต่อจากลำดับแห่งวิญญาณ ๕ บุคคลย่อมไม่เข้าสมาบัติ ไม่ออกจากสมาบัติด้วย
วิญญาณ ๕ ย่อมไม่เข้าสมาบัติ ไม่ออกจากสมาบัติ แม้ต่อจากลำดับแห่งวิญญาณ ๕
บุคคลย่อมไม่จุติ ไม่เกิดด้วยวิญญาณ ๕ ย่อมไม่จุติไม่เกิด แม้ต่อจากลำดับแห่ง
วิญญาณ ๕ บุคคลย่อมไม่หลับ ไม่ตื่น ไม่ฝัน ด้วยวิญญาณ ๕ ย่อมไม่หลับ ไม่ตื่น
ไม่ฝัน แม้ต่อจากลำดับแห่งวิญญาณ ๕ ปัญญาที่แสดงเรื่องของวิญญาณ ๕ ตาม
ความเป็นจริงดังที่กล่าวมานี้ ญาณวัตถุหมวดละ ๑ ย่อมมีด้วยประการฉะนี้

ผมเองก็ยังไม่แจ้งในธรรมนี้ ไม่รู้อรรถแห่งธรรมนี้ แต่เป็นสภาวะคล้ายกับที่คุณ rosarin
พยายามจะบอก เจริญในธรรมครับ

อ่านตามตัวอักษรคือคิดเห็นผิดบอกไม่รู้จักไปเริ่มต้นฟังจริงๆ
รู้ไหมคะว่าเริ่มฟังน่ะไม่ใช่จะเข้าใจได้คำสอนยากมาก
ทุกอย่างดับหมดแล้วกระพริบตาแล้วไม่ทันเลยแม้1
คิดว่าตัวเองฉลาดมากไหมก็อปมาแปะเนี่ย
บอกให้ดูความจริงที่กายใจตัวเองกำลังมี
เดี๋ยวนี้ตาหูจมูกลิ้นกายใจมีแล้วไม่ได้ทำ
มีสภาพธรรมกำลังเกิดดับทั้ง6ทางครบ
เห็นก็เห็นแล้วได้ยินก็ได้ยินแล้วไม่ได้ทำไงคะ
กิเลสอยู่ที่จิตตนเองมีแล้วดับสะสมใหม่ตลอดเวลาที่เห็นแล้วไม่รู้ความจริงว่าเห็นอะไร
หลับตาลงแล้วลืมตาขึ้นเห็นทีไรก็ปรากฏอะไรบ้างจำผิดแล้วไงคะมันทำอะไรไม่ได้ก็ไม่คิด
ปัญญาเกิดเองไม่ได้เลยจนกว่าจะเริ่มฟังเกิดปัญญาแรกแทรกตามหลังเห็นจนรู้ตรงสัจจะทีละ1ทางตามปกติ
ที่ลืมตาเห็นแล้ว คิดเอง ไปตามที่กำลังเห็น มีสิ่งที่เห็นจำเป็นคนสัตว์วัตถุตัวอักษร คือ ความคิดถึง เห็นที่ผิดไง
ไตร่ตรองตรงคำที่กำลังอ่านตรงความจริงที่กายใจตนกำลังมีคือความจริงตรงสัจจะที่กำลังมีเดี๋ยวนี้ขาดฟังไง
:b32: :b32: :b32:

เจ้าของ:  Rosarin [ 08 ม.ค. 2019, 08:06 ]
หัวข้อกระทู้:  Re: ว่าด้วยเรื่องความไม่รู้และขาดสุตมยปัญญา

Kiss
คิดให้ตรงทีละ1ทางปัญญาเกิดตอนกำลังฟัง
กิเลสนอนมาในจิตตนเองไหลออกมาตอนเห็น
แค่เห็นดับเพียง3ขณะคือ3ทางยังไม่ครบ6ทาง
อาสาวะที่นอนเนื่องในจิตก็ปรุงไปตามเห็นผิดแล้ว
เป็นอวิชชาไปแล้วตั้งแต่จิตเกิดดับสลับกันแค่4ทาง
ถ้าไม่เริ่มสะสมปัญญาแรกตามคำสอนคือฟังเพื่อให้คิดถูกตามได้
การจะคิดถูกตามได้ต้องกำลังดูและคิดตามเสียงว่าที่ดูนั้นเห็นผิดอยู่ไงคะ
เห็นผิดคลาดเคลื่อนจากจริงตามคำสอนอยู่คือมีสีล้วน1สีกระทบตาดำดับตรงตาดำทันทีบอกไม่ฟัง555
:b12:
:b32: :b32:

เจ้าของ:  กบนอกกะลา [ 09 ม.ค. 2019, 07:24 ]
หัวข้อกระทู้:  Re: ว่าด้วยเรื่องความไม่รู้และขาดสุตมยปัญญา

ปัญญาสะสมมาดี...ก็ชอบใจฟังใน ธรรม
หากยังไม่ดี..มักพอใจฟัง อธรรม

ลองชวนคุณโรส...มาพอใจในธรรมะ..ดูซิ
:b12: :b12: :b12:
หลวงพ่อพุธ ฐานิโย เทศน์ - ตอบปัญหาธรรม...

20-10-2525


เจ้าของ:  Love J. [ 09 ม.ค. 2019, 18:56 ]
หัวข้อกระทู้:  Re: ว่าด้วยเรื่องความไม่รู้และขาดสุตมยปัญญา

Rosarin เขียน:
Kiss
คิดให้ตรงทีละ1ทางปัญญาเกิดตอนกำลังฟัง
กิเลสนอนมาในจิตตนเองไหลออกมาตอนเห็น
แค่เห็นดับเพียง3ขณะคือ3ทางยังไม่ครบ6ทาง
อาสาวะที่นอนเนื่องในจิตก็ปรุงไปตามเห็นผิดแล้ว
เป็นอวิชชาไปแล้วตั้งแต่จิตเกิดดับสลับกันแค่4ทาง
ถ้าไม่เริ่มสะสมปัญญาแรกตามคำสอนคือฟังเพื่อให้คิดถูกตามได้
การจะคิดถูกตามได้ต้องกำลังดูและคิดตามเสียงว่าที่ดูนั้นเห็นผิดอยู่ไงคะ
เห็นผิดคลาดเคลื่อนจากจริงตามคำสอนอยู่คือมีสีล้วน1สีกระทบตาดำดับตรงตาดำทันทีบอกไม่ฟัง555
:b12:
:b32: :b32:


เห็นผิดคือเห็นสิ่งที่ไม่เที่ยงว่าเที่ยง สิ่งที่เป็นทุกข์ว่าเป็นสุข สิ่งที่ไม่ใช่ตัวใช่ตนยึดว่าเป็นตัวเป็นตน
เห็นผิดมีการทำไว้ในใจโดยไม่แยบคายเป็นอาหาร
เห็นผิดมีวิธีแก้คือฟังสัทธรรม ทำไว้ในใจให้ถูกให้แยบคายตั้งไว้เป็นเครื่องระลึกสติ เมื่อเห็นสติระลึกได้
มันก็เห็นถูก สีจะกระทบตากี่สีมันก็เห็นถูก เห็นทุกข์ สมุทัย นิโรธ มรรค ซึ่งเป็นสาระแก่นสาร
นี่สิ่งเป็นสาระดันไม่เห็นเป็นสาระ ไปจับประเด็นไม่เป็นสาระว่าเป็นสาระ แล้วเอาประเด็นไม่เป็นสาระมาชี้ว่าคนนั้นคนนี้เห็นผิด มันก็ติดอยู่ตรงวิวาทะเอาชนะคนอื่น แพ้ตนเองราบคาบ

เจ้าของ:  กบนอกกะลา [ 11 ม.ค. 2019, 04:55 ]
หัวข้อกระทู้:  Re: ว่าด้วยเรื่องความไม่รู้และขาดสุตมยปัญญา

" อย่าไปเชื่อ..คนภาวนาไม่เป็นเด้อ "
:b12: :b12: :b12:

หลวงพ่อพุธ นาที ที่ 1:05 :00


เจ้าของ:  แค่อากาศ [ 11 ม.ค. 2019, 20:52 ]
หัวข้อกระทู้:  Re: ว่าด้วยเรื่องความไม่รู้และขาดสุตมยปัญญา

[youtube]https://youtu.be/8QT_GDML_mA[/youtube]


ชุดนี้ครบครับ หลวงพ่อพุธ ดีมากครับ

เจ้าของ:  eragon_joe [ 11 ม.ค. 2019, 21:56 ]
หัวข้อกระทู้:  Re: ว่าด้วยเรื่องความไม่รู้และขาดสุตมยปัญญา

แค่อากาศ เขียน:
[youtube]https://youtu.be/8QT_GDML_mA[/youtube]

ชุดนี้ครบครับ หลวงพ่อพุธ ดีมากครับ


ใช่ชุดนี้รึเปล่า


เจ้าของ:  Rosarin [ 11 ม.ค. 2019, 22:28 ]
หัวข้อกระทู้:  Re: ว่าด้วยเรื่องความไม่รู้และขาดสุตมยปัญญา

rolleyes
รู้จักคำว่าฟังด้วยดีย่อมได้ปัญญาไหมคะ
ทำเหตุตรงให้เกิดปัญญาตรงปัจจุบัน
เป็นอารมณ์ตรงขณะที่รู้ตรงสัจจะ
ขาดฟังเมื่อใดไหลเลยอวิชชา
รู้ไหมเพราะอะไรถึงไม่ดี
ก็เห็นแล้วคิดเองไงคะ
:b32:
รู้จักธัมมะไหม
ธัมมะอยู่ที่ไหน
ธัมมะเป็นธัมมะ
ธัมมะจึงไม่ใช่เรา
แต่เป็นเราคิดพูดทำ
ลืมฟังโทษใครได้ไหม
เพราะคิดพูดทำตามคิดเอง
ขาดการฟังเมื่อใดเหตุปัจจัยคืออวิชชา
เป็นสาวกต้องฟังมากพหูสูตรู้จักไหมว่าคำไหนที่จำเป็นต้องฟังเพื่อเข้าใจจนเห็นแจ้ง
:b12:
:b4: :b4:
https://youtu.be/gdv1baxOOsA

เจ้าของ:  กบนอกกะลา [ 12 ม.ค. 2019, 03:31 ]
หัวข้อกระทู้:  Re: ว่าด้วยเรื่องความไม่รู้และขาดสุตมยปัญญา

แค่อากาศ เขียน:
ได้ดูหลวงพ่อพุธ จากท่านอ๊บแล้ว ทำให้ผมเจริญใจดีมากครับ :b16: :b16: :b16:

...ผมนี้ยังต่ำต้อยมาก หลงมาก จนลืมคำครูสอนหมด เพราะปารถนาปฏิสัมภิทาญาณมากเกินไป เลยเรียนและมีครูหลายสำนัก (เรียนรู้ให้มากแบบพระราหุล) เรียนหลายอย่างจนลืมคลองเก่ากรรมฐานเก่าๆที่ตนได้ ผมเองก็บวชเรียนกรรมฐานสายพระป่าตามบ้านอกครูอุปัชฌาย์ผมเป็นศิษย์หลวงปู่เสาร์ก่อนหลวงพ่อพุธหน่อยหนึ่ง ท่านเดินทางมากับกองทัพธรรมหลวงปู่มั่น หลวงปู่สิงห์ หลวงปู่เสาร์ ซึ่งตอนนั้นหลวงพ่อพุธคาดว่าเป็นสามเณรอยู่ ชาวบ้านขอหลวงปู่มั่นเป็นเจ้าอาวาสวัดที่นั่น แต่หลวงปู่มั่น ท่านให้หลวงปู่พระอุปัชฌาย์ผมอยู่แทนแล้วเผยแพร่ธรรมที่นั่นจนละสังขารเข้าพระนิพพาน สมัยทีท่านยังครองขันธ์อยู่เวลาหลวงพ่อพุธเจอท่านก็จะเข้าไปกราบนมัสการท่านตามทำเนียมพระป่า เพราะพรรษาแก่กว่า บรรลุอรหันต์ก่อน สอนเหมือนกันศิษย์หลวงป๔่เสาร์เหมือนกัน ธาตุขันธ์กลายเป็นพระธาตุ ผมเชื่อว่าสมัยยุคนั้นสายพระป่ากองทัพธรรมจะบรรลุกันทุกรูป เพราะเท่าที่ด๔มาเป็นแบบนั้น

พอผมดูหลวงพ่อพุธแล้วให้นึกถึงท่าน คำสอนที่หลงลืม สิ่งที่ควรเดินต่อผมกลับมาคลำจุดได้แล้ว ขอบคุณท่านอ๊บมากๆครับ นี่แหละหนาเขาว่าหากเจอบัณฑิต และบุญเก่าเรามีก็จะช่วยให้เดินออกจากสิ่งที่หลงไม่ถึงคลำจุดไม่เจอได้ สาธุครับท่านอ๊บ :b8: :b8: :b8:

จะขอกลับไปทำคลองเก่าตามหลวงปู่ท่านสอนให้ดีก่อนแล้วจะกลับมาโม้สนุกสนานต่อครับ


ขอบคุณท่านอ๊บ ท่านเอกอนมากครับ :b8: :b8: :b8: :b16: :b16: :b16:


:b8: :b8: :b8:

เจ้าของ:  กบนอกกะลา [ 12 ม.ค. 2019, 04:39 ]
หัวข้อกระทู้:  Re: ว่าด้วยเรื่องความไม่รู้และขาดสุตมยปัญญา

กำลังใจเป็นสิ่งสำคัญของการภาวนา ภาคปฏิบัติ

หลวงตามหาบัว ญาณสัมปันโน


หน้า 23 จากทั้งหมด 33 เขตเวลา GMT + 7 ชั่วโมง
Powered by phpBB © 2000, 2002, 2005, 2007 phpBB Group
http://www.phpbb.com/