ลานธรรมจักร http://www.dhammajak.net/forums/ |
|
ว่าด้วยเรื่องความไม่รู้และขาดสุตมยปัญญา http://www.dhammajak.net/forums/viewtopic.php?f=1&t=56892 |
หน้า 22 จากทั้งหมด 33 |
เจ้าของ: | Rosarin [ 06 ม.ค. 2019, 21:17 ] |
หัวข้อกระทู้: | Re: ว่าด้วยเรื่องความไม่รู้และขาดสุตมยปัญญา |
Rosarin เขียน: กบนอกกะลา เขียน: Rosarin เขียน: Kiss ทำฟังเสียงนะไม่ใช่ทำอ่านตัวอักษรคริคริคริ ปากก็ว่า..ปฏิบัติภาวนา.. ระวัง..จะช้ากว่าคนสวดมนต์..แม้แต่บุญก็ไม่มีให้บันทึก...นะเอ้อ.. ให้สนใจอย่างเดียว..คือ..บันทึกบุญ แค่คิดก็ไม่ตรง555 ถ้าปากว่ากบก็ตาขยิบไง กบกำลังฟังเสียงโรสหรือคิดเอง ไม่เห็นเหรอที่อ่านเนี่ยมีแต่จำตัวอักษร บอกว่าสีดับในตาดำไม่มีสีนอกตาดำก็คิดให้ตรงสิคะ เดี๋ยวนี้เห็นผิดอยู่ก็ดูให้ชัดสิก็บอกอยู่เนี่ยว่าคิดเห็นผิดตามตัวอักษร ไม่ตรงเหรอจะไปรู้สึกตัวตอนไหนทำอะไรตามเห็นผิดไม่ใช่ปัญญาบอกไม่ฟังไม่รู้ตัวเลย เดี๋ยวนี้ใช้ตาดูตัวอักษรจำแต่ตัวอักษรคิดตามตัวอักษรมันไม่ตรงทางของจิตได้ยินเสียงเกิดทางหูใช้หูดูได้รึ? คิดไม่ออกหรือว่าทำฟังตรงทางตรงขณะทำยังไง แนะนำวิธีให้ใช้ตาดูคลิปแล้วก็ฟังเสียงที่คุยกัน เงี่ยหูฟังตั้งใจฟังต้องใช้สมาธิมากฟังสัก10รอบ จะได้รู้สึกตัวว่ากิเลสตัวเองส่งออกนอกสิ่งที่ฟังมากขนาดไหน https://youtu.be/6jT7gP89krc |
เจ้าของ: | กบนอกกะลา [ 07 ม.ค. 2019, 04:56 ] |
หัวข้อกระทู้: | Re: ว่าด้วยเรื่องความไม่รู้และขาดสุตมยปัญญา |
Rosarin เขียน: กบนอกกะลา เขียน: Rosarin เขียน: Kiss ทำฟังเสียงนะไม่ใช่ทำอ่านตัวอักษรคริคริคริ ปากก็ว่า..ปฏิบัติภาวนา.. ระวัง..จะช้ากว่าคนสวดมนต์..แม้แต่บุญก็ไม่มีให้บันทึก...นะเอ้อ.. ให้สนใจอย่างเดียว..คือ..บันทึกบุญ แค่คิดก็ไม่ตรง555 ถ้าปากว่ากบก็ตาขยิบไง กบกำลังฟังเสียงโรสหรือคิดเอง ไม่เห็นเหรอที่อ่านเนี่ยมีแต่จำตัวอักษร บอกว่าสีดับในตาดำไม่มีสีนอกตาดำก็คิดให้ตรงสิคะ เดี๋ยวนี้เห็นผิดอยู่ก็ดูให้ชัดสิก็บอกอยู่เนี่ยว่าคิดเห็นผิดตามตัวอักษร ไม่ตรงเหรอจะไปรู้สึกตัวตอนไหนทำอะไรตามเห็นผิดไม่ใช่ปัญญาบอกไม่ฟังไม่รู้ตัวเลย เดี๋ยวนี้ใช้ตาดูตัวอักษรจำแต่ตัวอักษรคิดตามตัวอักษรมันไม่ตรงทางของจิตได้ยินเสียงเกิดทางหูใช้หูดูได้รึ? ตลกแล้ว..คุณโรส.. คุณโรสพิมพ์..ไม่ได้บันทึกเสียง..ซะหน่อย.. ถ้าอ่านแล้ว....คิดเห็นผิดตามตัวอักษร.. คุณโรสก็เลิกโพสต์ซะ...เลิกเข้ามาพิมพ์ในลานซะไป.. |
เจ้าของ: | Rosarin [ 07 ม.ค. 2019, 07:05 ] |
หัวข้อกระทู้: | Re: ว่าด้วยเรื่องความไม่รู้และขาดสุตมยปัญญา |
กบนอกกะลา เขียน: Rosarin เขียน: กบนอกกะลา เขียน: Rosarin เขียน: Kiss ทำฟังเสียงนะไม่ใช่ทำอ่านตัวอักษรคริคริคริ ปากก็ว่า..ปฏิบัติภาวนา.. ระวัง..จะช้ากว่าคนสวดมนต์..แม้แต่บุญก็ไม่มีให้บันทึก...นะเอ้อ.. ให้สนใจอย่างเดียว..คือ..บันทึกบุญ แค่คิดก็ไม่ตรง555 ถ้าปากว่ากบก็ตาขยิบไง กบกำลังฟังเสียงโรสหรือคิดเอง ไม่เห็นเหรอที่อ่านเนี่ยมีแต่จำตัวอักษร บอกว่าสีดับในตาดำไม่มีสีนอกตาดำก็คิดให้ตรงสิคะ เดี๋ยวนี้เห็นผิดอยู่ก็ดูให้ชัดสิก็บอกอยู่เนี่ยว่าคิดเห็นผิดตามตัวอักษร ไม่ตรงเหรอจะไปรู้สึกตัวตอนไหนทำอะไรตามเห็นผิดไม่ใช่ปัญญาบอกไม่ฟังไม่รู้ตัวเลย เดี๋ยวนี้ใช้ตาดูตัวอักษรจำแต่ตัวอักษรคิดตามตัวอักษรมันไม่ตรงทางของจิตได้ยินเสียงเกิดทางหูใช้หูดูได้รึ? ตลกแล้ว..คุณโรส.. คุณโรสพิมพ์..ไม่ได้บันทึกเสียง..ซะหน่อย.. ถ้าอ่านแล้ว....คิดเห็นผิดตามตัวอักษร.. คุณโรสก็เลิกโพสต์ซะ...เลิกเข้ามาพิมพ์ในลานซะไป.. ปากก็ว่า..ปฏิบัติภาวนา.. อันนี้หมายถึงปากโรสพูดใช่ไหม...เราไม่เคยพูดกันเลยสักคำ ที่กบเขียนมาถึงได้ถามไงว่ากบได้ยินเสียงโรสด้วยหูตัวเองเหรอ555 กบน่ะไม่ยอมรับความจริงว่าจิตตัวเองวิปลาสตามคำสอนตรงเป๊ะอยู่ ทุกคำในพระไตรปิฎกไม่เว้นเลยแม้แต่คำเดียวเลยนะมีแล้วเดี๋ยวนี้ อายคนที่เขาฟังคำสอนมานานจนรู้จักกิเลสตัวเองแล้วนะคะกบ รู้จักตนเองตามเป็นจริงว่ามีกิเลสคือมีปัญญาคิดตรงตามคำสอนได้แล้ว ส่วนจะไปทำอะไรก็แล้วแต่ถ้าไม่ได้กำลังทำฟังแปลว่าไม่มีปัญญาใหม่เกิดเพิ่มไงคะ เพราะกิเลสไหลออกมาทางตาหูจมูกลิ้นกายใจของตัวเองตลอดเวลาที่คิดไม่ตรงทางตามคำสอน จิตเห็นสีจำผิดว่าเห็นตัวอักษรอ่านท่องจำได้คิดเหมาเอาเองว่าเป็นปัญญาเขาเรียกว่าสัญญาวิปลาส3อยู่ครบ |
เจ้าของ: | Rosarin [ 07 ม.ค. 2019, 07:16 ] |
หัวข้อกระทู้: | Re: ว่าด้วยเรื่องความไม่รู้และขาดสุตมยปัญญา |
Rosarin เขียน: กบนอกกะลา เขียน: Rosarin เขียน: กบนอกกะลา เขียน: Rosarin เขียน: Kiss ทำฟังเสียงนะไม่ใช่ทำอ่านตัวอักษรคริคริคริ ปากก็ว่า..ปฏิบัติภาวนา.. ระวัง..จะช้ากว่าคนสวดมนต์..แม้แต่บุญก็ไม่มีให้บันทึก...นะเอ้อ.. ให้สนใจอย่างเดียว..คือ..บันทึกบุญ แค่คิดก็ไม่ตรง555 ถ้าปากว่ากบก็ตาขยิบไง กบกำลังฟังเสียงโรสหรือคิดเอง ไม่เห็นเหรอที่อ่านเนี่ยมีแต่จำตัวอักษร บอกว่าสีดับในตาดำไม่มีสีนอกตาดำก็คิดให้ตรงสิคะ เดี๋ยวนี้เห็นผิดอยู่ก็ดูให้ชัดสิก็บอกอยู่เนี่ยว่าคิดเห็นผิดตามตัวอักษร ไม่ตรงเหรอจะไปรู้สึกตัวตอนไหนทำอะไรตามเห็นผิดไม่ใช่ปัญญาบอกไม่ฟังไม่รู้ตัวเลย เดี๋ยวนี้ใช้ตาดูตัวอักษรจำแต่ตัวอักษรคิดตามตัวอักษรมันไม่ตรงทางของจิตได้ยินเสียงเกิดทางหูใช้หูดูได้รึ? ตลกแล้ว..คุณโรส.. คุณโรสพิมพ์..ไม่ได้บันทึกเสียง..ซะหน่อย.. ถ้าอ่านแล้ว....คิดเห็นผิดตามตัวอักษร.. คุณโรสก็เลิกโพสต์ซะ...เลิกเข้ามาพิมพ์ในลานซะไป.. ปากก็ว่า..ปฏิบัติภาวนา.. อันนี้หมายถึงปากโรสพูดใช่ไหม...เราไม่เคยพูดกันเลยสักคำ ที่กบเขียนมาถึงได้ถามไงว่ากบได้ยินเสียงโรสด้วยหูตัวเองเหรอ555 กบน่ะไม่ยอมรับความจริงว่าจิตตัวเองวิปลาสตามคำสอนตรงเป๊ะอยู่ ทุกคำในพระไตรปิฎกไม่เว้นเลยแม้แต่คำเดียวเลยนะมีแล้วเดี๋ยวนี้ อายคนที่เขาฟังคำสอนมานานจนรู้จักกิเลสตัวเองแล้วนะคะกบ รู้จักตนเองตามเป็นจริงว่ามีกิเลสคือมีปัญญาคิดตรงตามคำสอนได้แล้ว ส่วนจะไปทำอะไรก็แล้วแต่ถ้าไม่ได้กำลังทำฟังแปลว่าไม่มีปัญญาใหม่เกิดเพิ่มไงคะ เพราะกิเลสไหลออกมาทางตาหูจมูกลิ้นกายใจของตัวเองตลอดเวลาที่คิดไม่ตรงทางตามคำสอน จิตเห็นสีจำผิดว่าเห็นตัวอักษรอ่านท่องจำได้คิดเหมาเอาเองว่าเป็นปัญญาเขาเรียกว่าสัญญาวิปลาส3อยู่ครบ 1กำลังเห็นผิดเป็นตัวอักษร=มีทิฏฐิวิปลาส 2คิดล่วงหน้าว่าท่องจำตัวอักษรได้แม่นยำจำแต่บัญญัติที่ไม่มีในตน=สัญญาวิปลาส 3จิตวิปลาสเพราะเมื่อข้อ1+2วิปลาสจึงทำให้ข้อ3วิปลาสตามไปด้วยเหตุผลคือทุก1ขณะจิต=จิต+เจตสิก+รูป |
เจ้าของ: | Rosarin [ 07 ม.ค. 2019, 07:29 ] |
หัวข้อกระทู้: | Re: ว่าด้วยเรื่องความไม่รู้และขาดสุตมยปัญญา |
Rosarin เขียน: Rosarin เขียน: กบนอกกะลา เขียน: Rosarin เขียน: กบนอกกะลา เขียน: Rosarin เขียน: Kiss ทำฟังเสียงนะไม่ใช่ทำอ่านตัวอักษรคริคริคริ ปากก็ว่า..ปฏิบัติภาวนา.. ระวัง..จะช้ากว่าคนสวดมนต์..แม้แต่บุญก็ไม่มีให้บันทึก...นะเอ้อ.. ให้สนใจอย่างเดียว..คือ..บันทึกบุญ แค่คิดก็ไม่ตรง555 ถ้าปากว่ากบก็ตาขยิบไง กบกำลังฟังเสียงโรสหรือคิดเอง ไม่เห็นเหรอที่อ่านเนี่ยมีแต่จำตัวอักษร บอกว่าสีดับในตาดำไม่มีสีนอกตาดำก็คิดให้ตรงสิคะ เดี๋ยวนี้เห็นผิดอยู่ก็ดูให้ชัดสิก็บอกอยู่เนี่ยว่าคิดเห็นผิดตามตัวอักษร ไม่ตรงเหรอจะไปรู้สึกตัวตอนไหนทำอะไรตามเห็นผิดไม่ใช่ปัญญาบอกไม่ฟังไม่รู้ตัวเลย เดี๋ยวนี้ใช้ตาดูตัวอักษรจำแต่ตัวอักษรคิดตามตัวอักษรมันไม่ตรงทางของจิตได้ยินเสียงเกิดทางหูใช้หูดูได้รึ? ตลกแล้ว..คุณโรส.. คุณโรสพิมพ์..ไม่ได้บันทึกเสียง..ซะหน่อย.. ถ้าอ่านแล้ว....คิดเห็นผิดตามตัวอักษร.. คุณโรสก็เลิกโพสต์ซะ...เลิกเข้ามาพิมพ์ในลานซะไป.. ปากก็ว่า..ปฏิบัติภาวนา.. อันนี้หมายถึงปากโรสพูดใช่ไหม...เราไม่เคยพูดกันเลยสักคำ ที่กบเขียนมาถึงได้ถามไงว่ากบได้ยินเสียงโรสด้วยหูตัวเองเหรอ555 กบน่ะไม่ยอมรับความจริงว่าจิตตัวเองวิปลาสตามคำสอนตรงเป๊ะอยู่ ทุกคำในพระไตรปิฎกไม่เว้นเลยแม้แต่คำเดียวเลยนะมีแล้วเดี๋ยวนี้ อายคนที่เขาฟังคำสอนมานานจนรู้จักกิเลสตัวเองแล้วนะคะกบ รู้จักตนเองตามเป็นจริงว่ามีกิเลสคือมีปัญญาคิดตรงตามคำสอนได้แล้ว ส่วนจะไปทำอะไรก็แล้วแต่ถ้าไม่ได้กำลังทำฟังแปลว่าไม่มีปัญญาใหม่เกิดเพิ่มไงคะ เพราะกิเลสไหลออกมาทางตาหูจมูกลิ้นกายใจของตัวเองตลอดเวลาที่คิดไม่ตรงทางตามคำสอน จิตเห็นสีจำผิดว่าเห็นตัวอักษรอ่านท่องจำได้คิดเหมาเอาเองว่าเป็นปัญญาเขาเรียกว่าสัญญาวิปลาส3อยู่ครบ 1กำลังเห็นผิดเป็นตัวอักษร=มีทิฏฐิวิปลาส 2คิดล่วงหน้าว่าท่องจำตัวอักษรได้แม่นยำจำแต่บัญญัติที่ไม่มีในตน=สัญญาวิปลาส 3จิตวิปลาสเพราะเมื่อข้อ1+2วิปลาสจึงทำให้ข้อ3วิปลาสตามไปด้วยเหตุผลคือทุก1ขณะจิต=จิต+เจตสิก+รูป จิต+เจตสิก+รูปกำลังเกิดดับทำภายในจิตตรงปสาทะรูปที่ตาที่หูที่จมูกที่ลิ้นที่กายที่ใจ ไม่ได้ทำงานให้เห็นนอกตัวเลย...จะเอาแต่อ่านแล้วคิดเองไปเรื่อยๆรู้ตรงวิสยรูปอะไรบ้าง เพราะรูปที่ปรากฏตามปกติในชีวิตประจำวันให้รู้ได้ไม่มีตัวอักษรมีวิสยรูป7ที่ตัวตนเท่านั้น สิกขาไม่ตรงทางอยากรู้คำไหนก็ไปอ่านตำรา555สิกขาไม่ตรงทางไม่ฟังคำสอนก็จะไม่ได้พบพระพุทธเจ้าน๊า |
เจ้าของ: | eragon_joe [ 07 ม.ค. 2019, 07:45 ] |
หัวข้อกระทู้: | Re: ว่าด้วยเรื่องความไม่รู้และขาดสุตมยปัญญา |
คิดไปเรื่อยจริง ๆ ... เหมือนกำลังนั่งมองคนตาม Google Map แล้วไปโผล่ในป่าอ้อย อ๊บซ์ ธรรมออกแนวอันว่าด้วย Google Map พอจะมียกมาแบบ ขำ ขำ มั๊ย เป็นกรณีศึกษา...ได้นะนั่น ธรรมอันว่าด้วยผู้นำ กับ ผู้ตาม สไตล์ Google Map |
เจ้าของ: | Love J. [ 07 ม.ค. 2019, 10:38 ] |
หัวข้อกระทู้: | Re: ว่าด้วยเรื่องความไม่รู้และขาดสุตมยปัญญา |
Rosarin เขียน: Love J. เขียน: Rosarin เขียน: Love J. เขียน: Rosarin เขียน: Kiss มิจฉาทิฏฐิคือความคิดเห็นผิดคลาดเคลื่อนจากความจริงไม่ตรงไม่ฟังและไม่คิดตรงตามคำสอนอยู่ สัมมาทิฏฐิคือความเห็นถูกเข้าใจถูกตรงตามคำสอนตอนกำลังเห็นรู้ว่าตนเห็นผิดอย่างไร คนบนโลกนี้เหมือนแมลงเม่าบินเข้ากองไฟ ตาเนื้อกำลังเห็นผิดจากคำสอน เหมือนแมลงเม่ามองแสงไฟไกลๆ ยังไม่สัมผัสไม่รู้ว่าตัวไฟร้อนต่อเมื่อ บินถึงตัวไฟจึงเผาไหม้ทันที เปรียบเหมือนตาเนื้อที่กำลัง เห็นผิดว่าเป็นคนสัตว์วัตถุ ทำไปตามอยากบินเข้าไป ในกองไฟคือกองกิเลสด้วย ความไม่เข้าใจความจริงจนกว่า จะเริ่มฟังคำสอนของพระพุทธเจ้า เพื่อเข้าใจความจริงที่กำลังมีถูกตามได้ เพียรอาศัยการฟังพึ่งคิดตามคำสอน เพื่อเข้าใจจึงเป็นหนทางเดียวที่จะนำ ออกจากกิเลสคือความไม่รู้ที่กำลังมี https://youtu.be/Pr-Djg44m68 ลักษณะบุคคลที่ยังไม่เกิดสัมมาทิฏฐิ จะเข้าไปในส่วนสุดข้างหนึ่งเพราะยึดมั่นถือมันอย่างหนึ่ง จึงมีทิฏฐิอย่างหนึ่ง อีกพวกหนึ่งมีทิฏฐืไม่ยึดมั่นใดๆ มักกล่าววาจาดิ้นได้ไม่ตายตัว เพรายึดมั่นถือมั่นทิฏฐิจึงไม่เห็น ตามจริง ในกุศล อกุศล จึงมีความคิด คำพูด การกระทำผิด ไม่เป็นไปเพื่อประโยชน์สุขเพื่อความสิ้นทุกข์ อันว่าการนั่งสมาธิหลับตาที่สอนทำตามๆกันอยู่เนี่ย มันมีมาตั้งแต่ดึกดำบรรพ์ก่อนมีพระพุทธเจ้ามาตรัสรู้ การตรัสรู้อนุตรสัมมาสัมโพธิญาณคือทศพลญาณมีคนเดียว ที่ทรงตรัสรู้แล้วทรงมหากรุณาแสดงความจริงให้ผู้ฟังเข้าใจถูกตื่นรู้ ไม่ใช่ไปนั่งหลับหูหลับตาดูกิริยาอาการตนเองโดยขาดการฟังคือไม่พึ่งคำสอน แม้พระปัจเจกพุทธเจ้าจะตรัสรู้ได้เองแต่ก็ไม่มีบุญเปล่งบัญญัติสอนใครได้ตรัสรู้เองได้ในยุคไม่มีคำสอน ยุคนี้คำสอนยังมีครบถ้วนสมบูรณ์ตรงจริงชัดเจนแม่นยำไม่คลาดเคลื่อนแม้แต่น้อยนิดขาดแค่ไม่ฟังแค่นั้นเอง https://youtu.be/-DgvX8k110I [/qu ยุคนี้คำสอนสมบูรณ์ตรงจริงไม่คลาดเคลื่อน เหตุใดจึงแสดงทิฏฐิคลาดเคลื่อนคำสอน อย่างไม่สนใจคำสอนกล่าวไว้อย่างไร เห็นเพียงนั้นตรัสรู้แล้วหรือ ตัณหา 3 สิ้นแล้วหรือ นิโรธแจ้งแล้วหรือ นิโรธคามินีปฏิปทาเป็นอย่างไร อริยมรรคมีองค์ 8 เป็นอย่างไร เห็นเพียงนั้นแล้ว พระรัตนตรัยยังศรัทธาอยู่มั้ย ความเพียรยังปรารภมั้ย วิชชาจรณะสัมปันโนมั้ย ถามเพียงนี้ ขอตัวไปนั่งดูกิริยาอารตนเองต่อ ตามมี่พระพุทธองค์ตรัสไว้ สติปัฏฐานคือทางสายเอก ปัญญาคือความเข้าใจความจริงตามปกติถูกตามคำสอนได้ว่ากำลังมีความคิดเห็นที่กำลังเห็นผิด คุณกำลังคิดเห็นที่กำลังเห็นคลาดเคลื่อนจากสีตามคำสอนคิดไม่ตรงตามคำสอนคือเห็นแค่แสง+สี1สี ที่คุณกำลังเห็นเดี๋ยวนี้มีแค่แสง+สี1สีไหมตรงขณะปัจจุบันขณะของเห็นที่กำลังเห็นไม่ได้แยกตัวตนไปไหน มีแล้วความเห็นผิดนั้นน่ะ...คิดให้ตรงไม่เข้าใจหรือว่าเดี๋ยวนี้เห็นผิดอยู่...ตาไม่บอดมันเห็นเป็นคนสัตว์วัตถุอยู่ จิตเห็นทุก1ขณะมีแค่นี้...สี1สี+แสงกระทบตาดำดับในตาดำทันทีไม่มีสีปัจจุบันนอกตาดำ...เข้าใจเบ๊าะล่ะค๊ะะ ปัญญาในทางพุทธคือรู้อริยสัจ 4 รู้จักทุกข์ รู้จักเหตุ รู้จักความดับทุกข์ รู้จักทาง |
เจ้าของ: | Rosarin [ 07 ม.ค. 2019, 15:14 ] |
หัวข้อกระทู้: | Re: ว่าด้วยเรื่องความไม่รู้และขาดสุตมยปัญญา |
จิตเห็นสีดับไม่เหลือซากเลย ถึงจะเกิดจิตทางอื่นต่อไปและ จิตทางอื่นๆก็ไม่เกิดร่วมกันเลย คนละวิถีจิตเหมือนเข้าท่อ6ท่อ ไม่ได้โผล่เสียงมาดูแสงได้เพราะ หูใช้ดูแทนตาไม่ได้หูใช้ฟังในมืด ตาไม่บอดก็ดูไปสิเห็นตาตัวเองได้ไหม ไม่รู้ตัวว่ากำลังคิดไม่ซื่อตรงเพราะขาดสุตมยปัญญา |
เจ้าของ: | Love J. [ 07 ม.ค. 2019, 17:00 ] |
หัวข้อกระทู้: | Re: ว่าด้วยเรื่องความไม่รู้และขาดสุตมยปัญญา |
ที่จริงพอจิตเห็นความดับ ความทนอยู่ไม่ได้ ความไม่ใช่เรา ใจก็เข้าพิจารณาด้วยความเป็นทุกข์ ยึดมั่นถือมั่นเป็นโทษ ควรละ จิตมันก็สลัดทุกข์เสวยวิมุติ เมื่อจิตเสวยวิมุติ ใจก็ได้รู้ลักษณะนิโรธ ใจได้รู้ลักษณะนิโรธ มันก็เชื่อมั่น มรรคผล มีจริงติดใจในรสพระนิพพาน มันก็พิจารณามรรคลำดับ ต่อไป กิเลสใดละแล้ว กิเลสใดเหลือ มันค่อยเห็นกิเลสได้เอง ไม่วนกับที่ |
เจ้าของ: | Rosarin [ 07 ม.ค. 2019, 18:45 ] |
หัวข้อกระทู้: | Re: ว่าด้วยเรื่องความไม่รู้และขาดสุตมยปัญญา |
Love J. เขียน: ที่จริงพอจิตเห็นความดับ ความทนอยู่ไม่ได้ ความไม่ใช่เรา ใจก็เข้าพิจารณาด้วยความเป็นทุกข์ ยึดมั่นถือมั่นเป็นโทษ ควรละ จิตมันก็สลัดทุกข์เสวยวิมุติ เมื่อจิตเสวยวิมุติ ใจก็ได้รู้ลักษณะนิโรธ ใจได้รู้ลักษณะนิโรธ มันก็เชื่อมั่น มรรคผล มีจริงติดใจในรสพระนิพพาน มันก็พิจารณามรรคลำดับ ต่อไป กิเลสใดละแล้ว กิเลสใดเหลือ มันค่อยเห็นกิเลสได้เอง ไม่วนกับที่ เมาตัวอักษรมากไปแระตราบใดที่ยังไม่ได้ฟังคำสอนก็เขียนและพูดทุกคำที่ตนไม่รู้จักเลยแม้แต่คำเดียว ยังปรุงรสก๊วยเตี๋ยวอยู่ไหมยังอยากเห็นอยากได้ยินอยากทำด้วยตัวตนอยากให้ถึงมันจึงเข้าถึงไม่ได้ไงคะ ไม่ใช่ตัวตนทำและนิโรธคือสภาพธรรมเดียวที่รู้ความจริงของนิพพานคือสภาพหมดอยากถึงคือถึงอรหัตตผล |
เจ้าของ: | กบนอกกะลา [ 07 ม.ค. 2019, 19:06 ] |
หัวข้อกระทู้: | Re: ว่าด้วยเรื่องความไม่รู้และขาดสุตมยปัญญา |
กบนอกกะลา เขียน: Rosarin เขียน: Kiss ทำฟังเสียงนะไม่ใช่ทำอ่านตัวอักษรคริคริคริ ปากก็ว่า..ปฏิบัติภาวนา.. ระวัง..จะช้ากว่าคนสวดมนต์..แม้แต่บุญก็ไม่มีให้บันทึก...นะเอ้อ.. :b32: ให้สนใจอย่างเดียว..คือ..บันทึกบุญ ว่าทุกคน..ที่คิดว่าตนภาวนา..แต่ระวังจะช้ากว่าคนสวดมนต์.. โดยเฉพาะคนที่ชอบด่าเหมารวมคนในผ้าเหลือง... อนาคตโชติช่วง... |
เจ้าของ: | Rosarin [ 07 ม.ค. 2019, 19:06 ] |
หัวข้อกระทู้: | Re: ว่าด้วยเรื่องความไม่รู้และขาดสุตมยปัญญา |
Rosarin เขียน: Love J. เขียน: ที่จริงพอจิตเห็นความดับ ความทนอยู่ไม่ได้ ความไม่ใช่เรา ใจก็เข้าพิจารณาด้วยความเป็นทุกข์ ยึดมั่นถือมั่นเป็นโทษ ควรละ จิตมันก็สลัดทุกข์เสวยวิมุติ เมื่อจิตเสวยวิมุติ ใจก็ได้รู้ลักษณะนิโรธ ใจได้รู้ลักษณะนิโรธ มันก็เชื่อมั่น มรรคผล มีจริงติดใจในรสพระนิพพาน มันก็พิจารณามรรคลำดับ ต่อไป กิเลสใดละแล้ว กิเลสใดเหลือ มันค่อยเห็นกิเลสได้เอง ไม่วนกับที่ เมาตัวอักษรมากไปแระตราบใดที่ยังไม่ได้ฟังคำสอนก็เขียนและพูดทุกคำที่ตนไม่รู้จักเลยแม้แต่คำเดียว ยังปรุงรสก๊วยเตี๋ยวอยู่ไหมยังอยากเห็นอยากได้ยินอยากทำด้วยตัวตนอยากให้ถึงมันจึงเข้าถึงไม่ได้ไงคะ ไม่ใช่ตัวตนทำและนิโรธคือสภาพธรรมเดียวที่รู้ความจริงของนิพพานคือสภาพหมดอยากถึงคือถึงอรหัตตผล ยังหิวอยู่...ยังอยากตื่นขึ้นมาเห็น...ยังไม่อยากตาย...ยังพอใจว่ามีตัวตนไปทำด้วยความอยากถึงคือโลภะ รู้จักกิเลสตัวเองบ้างไหม...ที่คิดทำตามความต้องการอยากถึงนิพพานเร็วเป็นไปไม่ได้...ฟังจนกว่านิพพานน๊า |
เจ้าของ: | Love J. [ 07 ม.ค. 2019, 20:47 ] |
หัวข้อกระทู้: | Re: ว่าด้วยเรื่องความไม่รู้และขาดสุตมยปัญญา |
ที่ผมเล่านั้นเล่าจากประสบการณ์ เล่าตามภาษาของผมอย่างอิงอรรถอิงธรรม เพื่อให้เพื่อน ๆ เก็บไว้พิจารณา ว่ามีคนเห็นอริยสัจ ๔ อย่างนี้ มีคนยืนยันอย่างนี้แสดงว่าอริยสัจ ๔ น่าจะมีจริง จะได้สนใจในอริยสัจ ๔ เรื่องอยากนิพพาน อยากบรรลุนี้ไม่ใช่ความอยาก แต่เป็นฉันทะ ยินดีพอใจกับการเจริญสติ สำรวมอินทรีย์ ยินดีพอใจในความสงบ ยินดีพอใจในสมถะ วิปัสสนาภาวนา ไม่ใช่อยากปฏิบัติ จนไม่มีความสุข สภาวะนิโรธนี้ผมว่าผมเคยเห็นจะเล่าตามที่เคยเห็นโดยย่อ ตอนนั้นดูความคันตามเนื้อตัว ไม่เกา ไม่คิด ไม่ปรุง ไม่ยุ่ง คันก็รู้ แล้วมันก็ค่อย ๆเห็นตามลำดับวิปัสนาญาน จนเห็นว่าจิตมันไปเกิดที่ไหน ก็ดับ เกิดปุ้บดับย้าย ไปเกิดที่ไหม่ กี่ที่ ๆ ก็ดับ ใจมันก็สรุปว่าจะพึ่งพาอาศัยที่ใดเกิดแล้วไม่ดับไม่มีสรุปดังนี้จิตมันก็ปล่อยแล้วก็หลุด ใจก็รู้ชัดทั้ง ปล่อยทั้งหลุด อารมณ์มันเหมือนยุงสักตัวหนึ่ง บินหิ้วตุ่มน้ำใหญ่ ๆสักใบหนึ่งแล้วปล่อยยุงตัวนั้นจะ สุขปานใด นั่นเป็นลักษณะความสุขที่ใจรู้ ไม่ใช่ไปจับประเด็นอัตตา อนัตตา นะครับ พอใจได้รู้ลักษณะจิตหลุดพ้น มันก็ค่อยเห็นๆปฏิจสมุปบาท เห็นกามราคะ ปฏิฆะ เห็นคุณประโยชน์ใน สมถะ วิปัสนา ภาวนา ว่างเมื่อไหร่รู้กายใจพิจารณากายใจ |
เจ้าของ: | Rosarin [ 07 ม.ค. 2019, 23:10 ] |
หัวข้อกระทู้: | Re: ว่าด้วยเรื่องความไม่รู้และขาดสุตมยปัญญา |
Love J. เขียน: ที่ผมเล่านั้นเล่าจากประสบการณ์ เล่าตามภาษาของผมอย่างอิงอรรถอิงธรรม เพื่อให้เพื่อน ๆ เก็บไว้พิจารณา ว่ามีคนเห็นอริยสัจ ๔ อย่างนี้ มีคนยืนยันอย่างนี้แสดงว่าอริยสัจ ๔ น่าจะมีจริง จะได้สนใจในอริยสัจ ๔ เรื่องอยากนิพพาน อยากบรรลุนี้ไม่ใช่ความอยาก แต่เป็นฉันทะ ยินดีพอใจกับการเจริญสติ สำรวมอินทรีย์ ยินดีพอใจในความสงบ ยินดีพอใจในสมถะ วิปัสสนาภาวนา ไม่ใช่อยากปฏิบัติ จนไม่มีความสุข สภาวะนิโรธนี้ผมว่าผมเคยเห็นจะเล่าตามที่เคยเห็นโดยย่อ ตอนนั้นดูความคันตามเนื้อตัว ไม่เกา ไม่คิด ไม่ปรุง ไม่ยุ่ง คันก็รู้ แล้วมันก็ค่อย ๆเห็นตามลำดับวิปัสนาญาน จนเห็นว่าจิตมันไปเกิดที่ไหน ก็ดับ เกิดปุ้บดับย้าย ไปเกิดที่ไหม่ กี่ที่ ๆ ก็ดับ ใจมันก็สรุปว่าจะพึ่งพาอาศัยที่ใดเกิดแล้วไม่ดับไม่มีสรุปดังนี้จิตมันก็ปล่อยแล้วก็หลุด ใจก็รู้ชัดทั้ง ปล่อยทั้งหลุด อารมณ์มันเหมือนยุงสักตัวหนึ่ง บินหิ้วตุ่มน้ำใหญ่ ๆสักใบหนึ่งแล้วปล่อยยุงตัวนั้นจะ สุขปานใด นั่นเป็นลักษณะความสุขที่ใจรู้ ไม่ใช่ไปจับประเด็นอัตตา อนัตตา นะครับ พอใจได้รู้ลักษณะจิตหลุดพ้น มันก็ค่อยเห็นๆปฏิจสมุปบาท เห็นกามราคะ ปฏิฆะ เห็นคุณประโยชน์ใน สมถะ วิปัสนา ภาวนา ว่างเมื่อไหร่รู้กายใจพิจารณากายใจ เข้าใจความหมายตรงขณะของคำว่า...บอกไม่ฟัง...ว่าอย่างไร บอกคือบอก ไม่คือไม่ ฟังคือฟัง ตรงขณะคือ ไม่ได้กำลังฟังอยู่ ถึงไม่เกิดปัญญาเพิ่มเพราะปัญญาเกิดตอนฟังส่วนกิเลสเกิดที่ เห็นแล้วคิดผิดๆไปตามสิ่งที่เห็นผิดๆ...เห็นผิด...คือไม่ได้เห็นสี สีคือสีจริงๆมีแต่สีล้วนดับทันทีทีละ1สีไม่มีหลายสีที่เกิดพร้อมกัน ตอนเห็นสีคือจิตเห็น ไม่มีคิดเห็นปน ตอนคิดน่ะไม่มีเห็นแล้ว555 |
เจ้าของ: | Rosarin [ 08 ม.ค. 2019, 00:00 ] |
หัวข้อกระทู้: | Re: ว่าด้วยเรื่องความไม่รู้และขาดสุตมยปัญญา |
Rosarin เขียน: Love J. เขียน: ที่ผมเล่านั้นเล่าจากประสบการณ์ เล่าตามภาษาของผมอย่างอิงอรรถอิงธรรม เพื่อให้เพื่อน ๆ เก็บไว้พิจารณา ว่ามีคนเห็นอริยสัจ ๔ อย่างนี้ มีคนยืนยันอย่างนี้แสดงว่าอริยสัจ ๔ น่าจะมีจริง จะได้สนใจในอริยสัจ ๔ เรื่องอยากนิพพาน อยากบรรลุนี้ไม่ใช่ความอยาก แต่เป็นฉันทะ ยินดีพอใจกับการเจริญสติ สำรวมอินทรีย์ ยินดีพอใจในความสงบ ยินดีพอใจในสมถะ วิปัสสนาภาวนา ไม่ใช่อยากปฏิบัติ จนไม่มีความสุข สภาวะนิโรธนี้ผมว่าผมเคยเห็นจะเล่าตามที่เคยเห็นโดยย่อ ตอนนั้นดูความคันตามเนื้อตัว ไม่เกา ไม่คิด ไม่ปรุง ไม่ยุ่ง คันก็รู้ แล้วมันก็ค่อย ๆเห็นตามลำดับวิปัสนาญาน จนเห็นว่าจิตมันไปเกิดที่ไหน ก็ดับ เกิดปุ้บดับย้าย ไปเกิดที่ไหม่ กี่ที่ ๆ ก็ดับ ใจมันก็สรุปว่าจะพึ่งพาอาศัยที่ใดเกิดแล้วไม่ดับไม่มีสรุปดังนี้จิตมันก็ปล่อยแล้วก็หลุด ใจก็รู้ชัดทั้ง ปล่อยทั้งหลุด อารมณ์มันเหมือนยุงสักตัวหนึ่ง บินหิ้วตุ่มน้ำใหญ่ ๆสักใบหนึ่งแล้วปล่อยยุงตัวนั้นจะ สุขปานใด นั่นเป็นลักษณะความสุขที่ใจรู้ ไม่ใช่ไปจับประเด็นอัตตา อนัตตา นะครับ พอใจได้รู้ลักษณะจิตหลุดพ้น มันก็ค่อยเห็นๆปฏิจสมุปบาท เห็นกามราคะ ปฏิฆะ เห็นคุณประโยชน์ใน สมถะ วิปัสนา ภาวนา ว่างเมื่อไหร่รู้กายใจพิจารณากายใจ เข้าใจความหมายตรงขณะของคำว่า...บอกไม่ฟัง...ว่าอย่างไร บอกคือบอก ไม่คือไม่ ฟังคือฟัง ตรงขณะคือ ไม่ได้กำลังฟังอยู่ ถึงไม่เกิดปัญญาเพิ่มเพราะปัญญาเกิดตอนฟังส่วนกิเลสเกิดที่ เห็นแล้วคิดผิดๆไปตามสิ่งที่เห็นผิดๆ...เห็นผิด...คือไม่ได้เห็นสี สีคือสีจริงๆมีแต่สีล้วนดับทันทีทีละ1สีไม่มีหลายสีที่เกิดพร้อมกัน ตอนเห็นสีคือจิตเห็น ไม่มีคิดเห็นปน ตอนคิดน่ะไม่มีเห็นแล้ว555 ไม่เข้าใจสัจจธรรมของความจริงตรงปัจจุบันขณะเลยหรือ เนี่ยเขียนให้ทราบว่ามันกำลังเกิดดับสลับกันอยู่เป็นปกติครบ มี6ทางเกิดดับสลับกันหมดไปทีละ1ทางตรงจริงไม่ปนกันไม่ซ้ำเก่า ความเร็วของการเกิดดับมันเร็วมากความจริงเนี่ยเข้าใจตามได้เท่านั้น ปฏิสนธิมาแล้วถึงจะมีวิถีจิตตอนลืมตาตื่นขึ้นมาเห็นแล้วตาไม่บอดหูไม่หนวกถึงจะฟังรู้เรื่องไม่เข้าใจหรือคะ จิตเกิดตรงไหนดับตรงนั้นทันที ไม่มีจิตภายนอกกายตัวเองรู้สึกตัวไหมว่าผลิตกิเลสใหม่ตลอดเวลาเนี่ยดูสิ ปฏิสนธิจิต1ขณะแรกเกิดสืบต่อมาเมื่อตื่นลืมตาเห็นกิเลสไหลออกมาครบ6ทางแล้วตั้งแต่กระพริบตาแล้ว จิตเกิดดับสืบต่อไม่ขาดสายตั้งแต่เกิดจนตายขณะสุดท้ายเรียกจุติจิต1ขณะตอนตายไม่รู้ว่าตายทางไหน ตั้งแต่เกิดจนตายเป็นแบบนี้มันเลือกเกิดล่วงหน้าไม่ได้เข้าใจไหมบอกให้ฟังไม่มีใครรู้ความจริงเข้าใจรึเปล่า 1คนตั้งแต่เกิดจนตายอาจตายตอนเห็นหรือตอนได้ยินตายแค่1ทางและไม่รู้ล่วงหน้าไงคะ ปฏิสนธิจิต จิตเห็นที่ตา จิตได้ยินที่หู จิตดมกลิ่นที่จมูก จิตลิ้มรสที่ลิ้น จิตรับกระทบที่กาย จิตคิดนึกดับในมโนทวาร จิตเห็นที่ตา จิตได้ยินที่หู จิตดมกลิ่นที่จมูก จิตลิ้มรสที่ลิ้น จิตรับกระทบที่กาย จิตคิดนึกดับในมโนทวาร จิตเห็นที่ตา จิตได้ยินที่หู จิตดมกลิ่นที่จมูก จิตลิ้มรสที่ลิ้น จิตรับกระทบที่กาย จิตคิดนึกดับในมโนทวาร จุติจิต จิตเกิดดับสลับกันใหม่ทุกขณะมีแล้วไม่ต้องทำเพราะมันดับหมดนับไม่ถ้วน บอกไม่ฟังเป็นผู้ว่ายากมากๆๆๆๆ |
หน้า 22 จากทั้งหมด 33 | เขตเวลา GMT + 7 ชั่วโมง |
Powered by phpBB © 2000, 2002, 2005, 2007 phpBB Group http://www.phpbb.com/ |