ลานธรรมจักร
http://www.dhammajak.net/forums/

ว่าด้วยเรื่องความไม่รู้และขาดสุตมยปัญญา
http://www.dhammajak.net/forums/viewtopic.php?f=1&t=56892
หน้า 3 จากทั้งหมด 33

เจ้าของ:  sssboun [ 19 ธ.ค. 2018, 09:47 ]
หัวข้อกระทู้:  Re: ว่าด้วยเรื่องความไม่รู้และขาดสุตมยปัญญา

:b8:

อาจจะต้องใช้วิธีลงพรหมทัณฑ์ ที่ใช้กับพระฉันนะมาใช้
มั้งครับ อาจได้ผลบ้าง

:b8:

เจ้าของ:  Rosarin [ 19 ธ.ค. 2018, 20:24 ]
หัวข้อกระทู้:  Re: ว่าด้วยเรื่องความไม่รู้และขาดสุตมยปัญญา

sssboun เขียน:
:b8:

สังเกตุ เห็น คุณ Rosarin เขียนมาโดยส่วนมากแล้วก็แต่
สิ่งเดิมๆ สั้นๆ พอเพื่อนๆนำพระธรรมคำสอนก็เน้นตรงจุดเดียว
ที่ตนเข้าใจและรู้เห็นเท่านั้นส่วนอื่นมิให้สนใจเลย

แล้วที่ผ่านๆมา คุณ Rosarin นำธรรมที่คุณได้แจกจาย ให้ใครๆ
คนใดคนหนึ่งรู้เข้าใจบ้างหรือยังครับ

:b8:

พระพุทธเจ้าตรัสรู้ความจริง
รู้ความจริงนี้คนเดียวในจักรวาล
ทรงตรัสรู้ความจริงที่ทุกคนมีแล้วกำลังมี
เกี่ยวกับตาหูจมูกลิ้นกายใจกำลังปรากฏตลอดเวลา
ไม่ให้เขียนซ้ำๆในสิ่งที่ทุกคนกำลังไม่รู้เพื่อให้รู้สึกตัวเกิดสติระลึกตามได้แต่ก็ระลึกตามไม่ได้
ปัญญาก็เลยเกิดไม่ได้เพราะปัญญาแรกตามคำสอนแทรกเกิดตามหลังกิเลสตอนกำลังฟังไม่เข้าใจหรือคะ
:b32: :b32:

เจ้าของ:  Rosarin [ 19 ธ.ค. 2018, 20:35 ]
หัวข้อกระทู้:  Re: ว่าด้วยเรื่องความไม่รู้และขาดสุตมยปัญญา

eragon_joe เขียน:
Rosarin เขียน:
Kiss
:b12:
ขอโทษนะคะ...ความจริงตามคำสอนคิดเองไม่ได้เลยแม้แต่คำเดียวค่ะ
จำไม่ได้หรือคะ...ตถาคตบอกว่าไม่ใช่ให้เชื่อแต่ให้ฟังเพื่อไตร่ตรองตาม
คำสอนของพระพุทธเจ้าทุกคำตรงจริงตรงขณะเป็นปัจจุบันอารมณ์เดี๋ยวนี้
:b32:
ตัวตนน่ะมีแล้วไม่ต้องแยกตัวตนออกไปจากตาที่กำลังเห็นเลยค่ะและหูก็กำลังได้ยิน
ไม่มีอะไรปิดบังสภาพธรรมเลยและไม่ต้องทำเห็นทำได้ยินใหม่เพราะเห็นแล้วได้ยินแล้ว
ไม่มีใครทำเห็นที่กำลังเห็นและไม่มีใครทำได้ยินที่กำลังได้ยินตาไม่บอดหูไม่หนวกไม่เข้าใจรึ
:b16:
ความจริงทนต่อการพิสูจน์จริงๆเดี๋ยวนี้เลยฟังไม่รู้เรื่องแปลว่าปัญญาตัวเองมันไม่พอเลยไม่รู้ว่ามีครบแล้ว
https://youtu.be/cdpCI1AnzjE
:b17: :b17:


คุณรสเป็นอริยะเจ้าแล้วเหร๋อคะ
เห็นท่าจะฟังสำนักนี้สนทนามานานมากแล้ว

:b1:

จะเป็นอริยะระดับไหนก็รู้ที่กายใจตนเองค่ะ
ไม่ใช่พูดว่านั่นพระอรหันต์นั่นอริยเจ้าอ่ะค่ะ
มันไม่เป็นตามที่มองเห็นแล้วพูดว่าเป็น
จะมีอริยะตรงระดับไหนรู้ได้ที่กายใจ
ของตัวเองไม่ทราบหรือคะเอกอน
ตัวเอกอนเป็นระดับไหนล่ะคะ
ถึงเที่ยวบอกว่าคนนั้นคนนี้เป็น
ลืมไหมคะตถาคตให้รู้สึกตัว
รู่ได้เท่าที่ตนเองมีปัญญาค่ะ
อริยสัจจะธรรมสำหรับสาวก
ใครไม่ฟังจึงไม่มีวาสนาไงคะ
เกิดมาพบคำสอนแต่ฟังไม่เป็น
แถมดูหมิ่นผู้กล่าวตรงตามคำสอน
ทราบไหมคะทิฏฐิมานะถือตนมันเยอะ
เลยไม่สามารถดำรงกายตั้งมั่นเพื่อตามรู้ความจริงตรงตามที่กำลังฟังไงคะ
:b17: :b17:

เจ้าของ:  eragon_joe [ 19 ธ.ค. 2018, 20:38 ]
หัวข้อกระทู้:  Re: ว่าด้วยเรื่องความไม่รู้และขาดสุตมยปัญญา

Rosarin เขียน:
eragon_joe เขียน:
Rosarin เขียน:
Kiss
:b12:
ขอโทษนะคะ...ความจริงตามคำสอนคิดเองไม่ได้เลยแม้แต่คำเดียวค่ะ
จำไม่ได้หรือคะ...ตถาคตบอกว่าไม่ใช่ให้เชื่อแต่ให้ฟังเพื่อไตร่ตรองตาม
คำสอนของพระพุทธเจ้าทุกคำตรงจริงตรงขณะเป็นปัจจุบันอารมณ์เดี๋ยวนี้
:b32:
ตัวตนน่ะมีแล้วไม่ต้องแยกตัวตนออกไปจากตาที่กำลังเห็นเลยค่ะและหูก็กำลังได้ยิน
ไม่มีอะไรปิดบังสภาพธรรมเลยและไม่ต้องทำเห็นทำได้ยินใหม่เพราะเห็นแล้วได้ยินแล้ว
ไม่มีใครทำเห็นที่กำลังเห็นและไม่มีใครทำได้ยินที่กำลังได้ยินตาไม่บอดหูไม่หนวกไม่เข้าใจรึ
:b16:
ความจริงทนต่อการพิสูจน์จริงๆเดี๋ยวนี้เลยฟังไม่รู้เรื่องแปลว่าปัญญาตัวเองมันไม่พอเลยไม่รู้ว่ามีครบแล้ว
https://youtu.be/cdpCI1AnzjE
:b17: :b17:


คุณรสเป็นอริยะเจ้าแล้วเหร๋อคะ
เห็นท่าจะฟังสำนักนี้สนทนามานานมากแล้ว

:b1:

อริยสัจจะธรรมสำหรับสาวกค่ะ
ใครไม่ฟังจึงไม่มีวาสนาไงคะ
เกิดมาพบคำสอนแต่ฟังไม่เป็น
แถมดูหมิ่นผู้กล่าวตรงตามคำสอน
ทราบไหมคะทิฏฐิมานะถือตนมันเยอะ
เลยไม่สามารถดำรงกายตั้งมั่นเพื่อตามรู้ความจริงตรงตามที่กำลังฟังไงคะ
:b17: :b17:


:b1: ยังคงเอกลักษณ์เดิม คือตอบไม่ตรงคำถาม

เจ้าของ:  Rosarin [ 19 ธ.ค. 2018, 20:42 ]
หัวข้อกระทู้:  Re: ว่าด้วยเรื่องความไม่รู้และขาดสุตมยปัญญา

eragon_joe เขียน:
Rosarin เขียน:
eragon_joe เขียน:
Rosarin เขียน:
Kiss
:b12:
ขอโทษนะคะ...ความจริงตามคำสอนคิดเองไม่ได้เลยแม้แต่คำเดียวค่ะ
จำไม่ได้หรือคะ...ตถาคตบอกว่าไม่ใช่ให้เชื่อแต่ให้ฟังเพื่อไตร่ตรองตาม
คำสอนของพระพุทธเจ้าทุกคำตรงจริงตรงขณะเป็นปัจจุบันอารมณ์เดี๋ยวนี้
:b32:
ตัวตนน่ะมีแล้วไม่ต้องแยกตัวตนออกไปจากตาที่กำลังเห็นเลยค่ะและหูก็กำลังได้ยิน
ไม่มีอะไรปิดบังสภาพธรรมเลยและไม่ต้องทำเห็นทำได้ยินใหม่เพราะเห็นแล้วได้ยินแล้ว
ไม่มีใครทำเห็นที่กำลังเห็นและไม่มีใครทำได้ยินที่กำลังได้ยินตาไม่บอดหูไม่หนวกไม่เข้าใจรึ
:b16:
ความจริงทนต่อการพิสูจน์จริงๆเดี๋ยวนี้เลยฟังไม่รู้เรื่องแปลว่าปัญญาตัวเองมันไม่พอเลยไม่รู้ว่ามีครบแล้ว
https://youtu.be/cdpCI1AnzjE
:b17: :b17:


คุณรสเป็นอริยะเจ้าแล้วเหร๋อคะ
เห็นท่าจะฟังสำนักนี้สนทนามานานมากแล้ว

:b1:

อริยสัจจะธรรมสำหรับสาวกค่ะ
ใครไม่ฟังจึงไม่มีวาสนาไงคะ
เกิดมาพบคำสอนแต่ฟังไม่เป็น
แถมดูหมิ่นผู้กล่าวตรงตามคำสอน
ทราบไหมคะทิฏฐิมานะถือตนมันเยอะ
เลยไม่สามารถดำรงกายตั้งมั่นเพื่อตามรู้ความจริงตรงตามที่กำลังฟังไงคะ
:b17: :b17:

:b1: ตอบไม่ตรงคำถามแฮะ

มีเพิ่มเติมให้เต็มๆ

Rosarin เขียน:
eragon_joe เขียน:
Rosarin เขียน:
Kiss
:b12:
ขอโทษนะคะ...ความจริงตามคำสอนคิดเองไม่ได้เลยแม้แต่คำเดียวค่ะ
จำไม่ได้หรือคะ...ตถาคตบอกว่าไม่ใช่ให้เชื่อแต่ให้ฟังเพื่อไตร่ตรองตาม
คำสอนของพระพุทธเจ้าทุกคำตรงจริงตรงขณะเป็นปัจจุบันอารมณ์เดี๋ยวนี้
:b32:
ตัวตนน่ะมีแล้วไม่ต้องแยกตัวตนออกไปจากตาที่กำลังเห็นเลยค่ะและหูก็กำลังได้ยิน
ไม่มีอะไรปิดบังสภาพธรรมเลยและไม่ต้องทำเห็นทำได้ยินใหม่เพราะเห็นแล้วได้ยินแล้ว
ไม่มีใครทำเห็นที่กำลังเห็นและไม่มีใครทำได้ยินที่กำลังได้ยินตาไม่บอดหูไม่หนวกไม่เข้าใจรึ
:b16:
ความจริงทนต่อการพิสูจน์จริงๆเดี๋ยวนี้เลยฟังไม่รู้เรื่องแปลว่าปัญญาตัวเองมันไม่พอเลยไม่รู้ว่ามีครบแล้ว
https://youtu.be/cdpCI1AnzjE
:b17: :b17:


คุณรสเป็นอริยะเจ้าแล้วเหร๋อคะ
เห็นท่าจะฟังสำนักนี้สนทนามานานมากแล้ว

:b1:

จะเป็นอริยะระดับไหนก็รู้ที่กายใจตนเองค่ะ
ไม่ใช่พูดว่านั่นพระอรหันต์นั่นอริยเจ้าอ่ะค่ะ
มันไม่เป็นตามที่มองเห็นแล้วพูดว่าเป็น
จะมีอริยะตรงระดับไหนรู้ได้ที่กายใจ
ของตัวเองไม่ทราบหรือคะเอกอน
ตัวเอกอนเป็นระดับไหนล่ะคะ
ถึงเที่ยวบอกว่าคนนั้นคนนี้เป็น
ลืมไหมคะตถาคตให้รู้สึกตัว
รู่ได้เท่าที่ตนเองมีปัญญาค่ะ
อริยสัจจะธรรมสำหรับสาวก
ใครไม่ฟังจึงไม่มีวาสนาไงคะ
เกิดมาพบคำสอนแต่ฟังไม่เป็น
แถมดูหมิ่นผู้กล่าวตรงตามคำสอน
ทราบไหมคะทิฏฐิมานะถือตนมันเยอะ
เลยไม่สามารถดำรงกายตั้งมั่นเพื่อตามรู้ความจริงตรงตามที่กำลังฟังไงคะ
:b17: :b17:

เจ้าของ:  eragon_joe [ 19 ธ.ค. 2018, 20:43 ]
หัวข้อกระทู้:  Re: ว่าด้วยเรื่องความไม่รู้และขาดสุตมยปัญญา

Rosarin เขียน:
eragon_joe เขียน:
Rosarin เขียน:
eragon_joe เขียน:
Rosarin เขียน:
Kiss
:b12:
ขอโทษนะคะ...ความจริงตามคำสอนคิดเองไม่ได้เลยแม้แต่คำเดียวค่ะ
จำไม่ได้หรือคะ...ตถาคตบอกว่าไม่ใช่ให้เชื่อแต่ให้ฟังเพื่อไตร่ตรองตาม
คำสอนของพระพุทธเจ้าทุกคำตรงจริงตรงขณะเป็นปัจจุบันอารมณ์เดี๋ยวนี้
:b32:
ตัวตนน่ะมีแล้วไม่ต้องแยกตัวตนออกไปจากตาที่กำลังเห็นเลยค่ะและหูก็กำลังได้ยิน
ไม่มีอะไรปิดบังสภาพธรรมเลยและไม่ต้องทำเห็นทำได้ยินใหม่เพราะเห็นแล้วได้ยินแล้ว
ไม่มีใครทำเห็นที่กำลังเห็นและไม่มีใครทำได้ยินที่กำลังได้ยินตาไม่บอดหูไม่หนวกไม่เข้าใจรึ
:b16:
ความจริงทนต่อการพิสูจน์จริงๆเดี๋ยวนี้เลยฟังไม่รู้เรื่องแปลว่าปัญญาตัวเองมันไม่พอเลยไม่รู้ว่ามีครบแล้ว
https://youtu.be/cdpCI1AnzjE
:b17: :b17:


คุณรสเป็นอริยะเจ้าแล้วเหร๋อคะ
เห็นท่าจะฟังสำนักนี้สนทนามานานมากแล้ว

:b1:

อริยสัจจะธรรมสำหรับสาวกค่ะ
ใครไม่ฟังจึงไม่มีวาสนาไงคะ
เกิดมาพบคำสอนแต่ฟังไม่เป็น
แถมดูหมิ่นผู้กล่าวตรงตามคำสอน
ทราบไหมคะทิฏฐิมานะถือตนมันเยอะ
เลยไม่สามารถดำรงกายตั้งมั่นเพื่อตามรู้ความจริงตรงตามที่กำลังฟังไงคะ
:b17: :b17:

:b1: ตอบไม่ตรงคำถามแฮะ

มีเพิ่มเติมให้เต็มๆ

Rosarin เขียน:
eragon_joe เขียน:
Rosarin เขียน:
Kiss
:b12:
ขอโทษนะคะ...ความจริงตามคำสอนคิดเองไม่ได้เลยแม้แต่คำเดียวค่ะ
จำไม่ได้หรือคะ...ตถาคตบอกว่าไม่ใช่ให้เชื่อแต่ให้ฟังเพื่อไตร่ตรองตาม
คำสอนของพระพุทธเจ้าทุกคำตรงจริงตรงขณะเป็นปัจจุบันอารมณ์เดี๋ยวนี้
:b32:
ตัวตนน่ะมีแล้วไม่ต้องแยกตัวตนออกไปจากตาที่กำลังเห็นเลยค่ะและหูก็กำลังได้ยิน
ไม่มีอะไรปิดบังสภาพธรรมเลยและไม่ต้องทำเห็นทำได้ยินใหม่เพราะเห็นแล้วได้ยินแล้ว
ไม่มีใครทำเห็นที่กำลังเห็นและไม่มีใครทำได้ยินที่กำลังได้ยินตาไม่บอดหูไม่หนวกไม่เข้าใจรึ
:b16:
ความจริงทนต่อการพิสูจน์จริงๆเดี๋ยวนี้เลยฟังไม่รู้เรื่องแปลว่าปัญญาตัวเองมันไม่พอเลยไม่รู้ว่ามีครบแล้ว
https://youtu.be/cdpCI1AnzjE
:b17: :b17:


คุณรสเป็นอริยะเจ้าแล้วเหร๋อคะ
เห็นท่าจะฟังสำนักนี้สนทนามานานมากแล้ว

:b1:

จะเป็นอริยะระดับไหนก็รู้ที่กายใจตนเองค่ะ
ไม่ใช่พูดว่านั่นพระอรหันต์นั่นอริยเจ้าอ่ะค่ะ
มันไม่เป็นตามที่มองเห็นแล้วพูดว่าเป็น
จะมีอริยะตรงระดับไหนรู้ได้ที่กายใจ
ของตัวเองไม่ทราบหรือคะเอกอน
ถ้าเอกอนเป็นระดับไหนล่ะคะ
ถึงเที่ยวบอกว่าคนนั้นคนนี้เป็น
ลืมไหมคะตถาคตให้รู้สึกตัว
รู่ได้เท่าที่ตนเองมีปัญญาค่ะ
อริยสัจจะธรรมสำหรับสาวก
ใครไม่ฟังจึงไม่มีวาสนาไงคะ
เกิดมาพบคำสอนแต่ฟังไม่เป็น
แถมดูหมิ่นผู้กล่าวตรงตามคำสอน
ทราบไหมคะทิฏฐิมานะถือตนมันเยอะ
เลยไม่สามารถดำรงกายตั้งมั่นเพื่อตามรู้ความจริงตรงตามที่กำลังฟังไงคะ
:b17: :b17:

:b12: ก็ยังตอบไม่ตรงคำถาม ... เหมือนเดิม

เจ้าของ:  Rosarin [ 19 ธ.ค. 2018, 20:46 ]
หัวข้อกระทู้:  Re: ว่าด้วยเรื่องความไม่รู้และขาดสุตมยปัญญา

eragon_joe เขียน:
Rosarin เขียน:
eragon_joe เขียน:
Rosarin เขียน:
eragon_joe เขียน:
Rosarin เขียน:
Kiss
:b12:
ขอโทษนะคะ...ความจริงตามคำสอนคิดเองไม่ได้เลยแม้แต่คำเดียวค่ะ
จำไม่ได้หรือคะ...ตถาคตบอกว่าไม่ใช่ให้เชื่อแต่ให้ฟังเพื่อไตร่ตรองตาม
คำสอนของพระพุทธเจ้าทุกคำตรงจริงตรงขณะเป็นปัจจุบันอารมณ์เดี๋ยวนี้
:b32:
ตัวตนน่ะมีแล้วไม่ต้องแยกตัวตนออกไปจากตาที่กำลังเห็นเลยค่ะและหูก็กำลังได้ยิน
ไม่มีอะไรปิดบังสภาพธรรมเลยและไม่ต้องทำเห็นทำได้ยินใหม่เพราะเห็นแล้วได้ยินแล้ว
ไม่มีใครทำเห็นที่กำลังเห็นและไม่มีใครทำได้ยินที่กำลังได้ยินตาไม่บอดหูไม่หนวกไม่เข้าใจรึ
:b16:
ความจริงทนต่อการพิสูจน์จริงๆเดี๋ยวนี้เลยฟังไม่รู้เรื่องแปลว่าปัญญาตัวเองมันไม่พอเลยไม่รู้ว่ามีครบแล้ว
https://youtu.be/cdpCI1AnzjE
:b17: :b17:


คุณรสเป็นอริยะเจ้าแล้วเหร๋อคะ
เห็นท่าจะฟังสำนักนี้สนทนามานานมากแล้ว

:b1:

อริยสัจจะธรรมสำหรับสาวกค่ะ
ใครไม่ฟังจึงไม่มีวาสนาไงคะ
เกิดมาพบคำสอนแต่ฟังไม่เป็น
แถมดูหมิ่นผู้กล่าวตรงตามคำสอน
ทราบไหมคะทิฏฐิมานะถือตนมันเยอะ
เลยไม่สามารถดำรงกายตั้งมั่นเพื่อตามรู้ความจริงตรงตามที่กำลังฟังไงคะ
:b17: :b17:

:b1: ตอบไม่ตรงคำถามแฮะ

มีเพิ่มเติมให้เต็มๆ

Rosarin เขียน:
eragon_joe เขียน:
Rosarin เขียน:
Kiss
:b12:
ขอโทษนะคะ...ความจริงตามคำสอนคิดเองไม่ได้เลยแม้แต่คำเดียวค่ะ
จำไม่ได้หรือคะ...ตถาคตบอกว่าไม่ใช่ให้เชื่อแต่ให้ฟังเพื่อไตร่ตรองตาม
คำสอนของพระพุทธเจ้าทุกคำตรงจริงตรงขณะเป็นปัจจุบันอารมณ์เดี๋ยวนี้
:b32:
ตัวตนน่ะมีแล้วไม่ต้องแยกตัวตนออกไปจากตาที่กำลังเห็นเลยค่ะและหูก็กำลังได้ยิน
ไม่มีอะไรปิดบังสภาพธรรมเลยและไม่ต้องทำเห็นทำได้ยินใหม่เพราะเห็นแล้วได้ยินแล้ว
ไม่มีใครทำเห็นที่กำลังเห็นและไม่มีใครทำได้ยินที่กำลังได้ยินตาไม่บอดหูไม่หนวกไม่เข้าใจรึ
:b16:
ความจริงทนต่อการพิสูจน์จริงๆเดี๋ยวนี้เลยฟังไม่รู้เรื่องแปลว่าปัญญาตัวเองมันไม่พอเลยไม่รู้ว่ามีครบแล้ว
https://youtu.be/cdpCI1AnzjE
:b17: :b17:


คุณรสเป็นอริยะเจ้าแล้วเหร๋อคะ
เห็นท่าจะฟังสำนักนี้สนทนามานานมากแล้ว

:b1:

จะเป็นอริยะระดับไหนก็รู้ที่กายใจตนเองค่ะ
ไม่ใช่พูดว่านั่นพระอรหันต์นั่นอริยเจ้าอ่ะค่ะ
มันไม่เป็นตามที่มองเห็นแล้วพูดว่าเป็น
จะมีอริยะตรงระดับไหนรู้ได้ที่กายใจ
ของตัวเองไม่ทราบหรือคะเอกอน
ถ้าเอกอนเป็นระดับไหนล่ะคะ
ถึงเที่ยวบอกว่าคนนั้นคนนี้เป็น
ลืมไหมคะตถาคตให้รู้สึกตัว
รู่ได้เท่าที่ตนเองมีปัญญาค่ะ
อริยสัจจะธรรมสำหรับสาวก
ใครไม่ฟังจึงไม่มีวาสนาไงคะ
เกิดมาพบคำสอนแต่ฟังไม่เป็น
แถมดูหมิ่นผู้กล่าวตรงตามคำสอน
ทราบไหมคะทิฏฐิมานะถือตนมันเยอะ
เลยไม่สามารถดำรงกายตั้งมั่นเพื่อตามรู้ความจริงตรงตามที่กำลังฟังไงคะ
:b17: :b17:

:b12: ก็ยังตอบไม่ตรงคำถาม ... เหมือนเดิม

เอกอนดับโทสะได้แค่ไหนก็แค่นั้นล่ะค่ะ
จะรู้หรือคะว่าใครดับโทสะได้หมด
บอกไปจะเชื่องั้นหรือคะ
:b32: :b32:

เจ้าของ:  eragon_joe [ 19 ธ.ค. 2018, 20:50 ]
หัวข้อกระทู้:  Re: ว่าด้วยเรื่องความไม่รู้และขาดสุตมยปัญญา

Rosarin เขียน:
แถมดูหมิ่นผู้กล่าวตรงตามคำสอน


คุณรสว่า 2 บทความนี้ ใครกล่าวตรงคำสอนคะ

อ้างคำพูด:
สัมมาทิฏฐิ=ปัญญา=ญาณ=วิปัสสนา เกิดตอนเริ่มฟังแล้วคิดตรงตามคำสอนได้จากการฟังตอนลืมตาดูหูฟัง
ปัญญาเกิดตรงข้ามกับฌานซึ่งส่วนใหญ่เข้าใจผิดว่าเป็นสมาธิหลับตาคือสภาพเพ่งเผาธัมมะฝ่ายตรงข้าม
ถ้าทำฌานจิตโดยขาดปัญญาฌานนั้นก็ทำลายสัมมาทิฏฐิเพราะไม่รู้และไม่พึ่งคิดตามคำสอนไม่เข้าใจอะไร
(ศาสนาคือคำสอน)(ศาสดาคือตถาคต)(ตถาคตยกคำสอนแทนตนเอง)=ศาสดาคือคำสอนไม่ใช่ภิกษุบุคคล


อ้างคำพูด:
ที่เรียกว่า อวิชชา อวิชชา ดังนี้ อวิชชาเป็นไฉน
หนอแล และบุคคลเป็นผู้ประกอบด้วยอวิชชา ด้วยเหตุเพียงเท่าไร? ท่านพระมหาโกฏฐิตะกล่าวว่า
ดูกรท่านผู้มีอายุ ปุถุชนผู้ไม่ได้สดับแล้วในโลกนี้ ย่อมไม่รู้ชัดซึ่งรูป ย่อมไม่รู้ชัดซึ่งเหตุเกิดแห่ง
รูป ย่อมไม่รู้ชัดซึ่งความดับแห่งรูป ย่อมไม่รู้ชัดซึ่งข้อปฏิบัติเครื่องให้ถึงความดับแห่งรูป ย่อม
ไม่รู้ชัดซึ่งเวทนา ... ซึ่งสัญญา ... ซึ่งสังขาร ... ซึ่งวิญญาณ ย่อมไม่รู้ชัดซึ่งเหตุเกิดแห่งวิญญาณ
ย่อมไม่รู้ชัดซึ่งความดับแห่งวิญญาณ ย่อมไม่รู้ชัดซึ่งข้อปฏิบัติเครื่องให้ถึงความดับแห่งวิญญาณ.
ดูกรท่านผู้มีอายุ นี้เรียกว่า อวิชชา และบุคคลเป็นผู้ประกอบด้วยอวิชชา ด้วยเหตุเพียงเท่านี้แล.
[๓๓๓] เมื่อท่านพระมหาโกฏฐิตะกล่าวอย่างนี้แล้ว ท่านพระสารีบุตรจึงได้ถามว่า ดูกร
ท่านโกฏฐิตะ ที่เรียกว่า วิชชา วิชชา ดังนี้ วิชชาเป็นไฉนหนอแล และบุคคลเป็นผู้ประกอบ
ด้วยวิชชา ด้วยเหตุเพียงเท่าไร? ท่านพระมหาโกฏฐิตะตอบว่า ดูกรท่านผู้มีอายุ อริยสาวกผู้ได้
สดับแล้วในธรรมวินัยนี้ ย่อมรู้ชัดซึ่งรูป ย่อมรู้ชัดซึ่งเหตุเกิดแห่งรูป ย่อมรู้ชัดซึ่งความดับแห่ง
รูป ย่อมรู้ชัดซึ่งข้อปฏิบัติเครื่องให้ถึงความดับแห่งรูป ย่อมรู้ชัดซึ่งเวทนา ... ซึ่งสัญญา ... ซึ่ง
สังขาร ... ซึ่งวิญญาณ ย่อมรู้ชัดซึ่งเหตุเกิดแห่งวิญญาณ ย่อมรู้ชัดซึ่งความดับแห่งวิญญาณ ย่อม
รู้ชัดซึ่งข้อปฏิบัติเครื่องให้ถึงความดับแห่งวิญญาณ ดูกรท่านผู้มีอายุ นี้เรียกว่า วิชชา และ
บุคคลเป็นผู้ประกอบด้วยวิชชา ด้วยเหตุเพียงเท่านี้แล.

เจ้าของ:  eragon_joe [ 19 ธ.ค. 2018, 20:55 ]
หัวข้อกระทู้:  Re: ว่าด้วยเรื่องความไม่รู้และขาดสุตมยปัญญา

Rosarin เขียน:
เอกอนดับโทสะได้แค่ไหนก็แค่นั้นล่ะค่ะ
จะรู้หรือคะว่าใครดับโทสะได้หมด
บอกไปจะเชื่องั้นหรือคะ
:b32: :b32:


โทสะ เป็นแค่ ส่วนหนึ่งเท่านั้นค่ะ
โทสะดับ ไม่ได้หมายความว่า อวิชชา จะดับ

เอกอนเจอมาเยอะแล้วค่ะ
สำนักปฏิบัติที่มักจะเอาเกณฑ์บางอย่างมาวัด
และเอาเกณฑ์นั้นเป็นเกณฑ์ มอบถ้วยรางวัล

กิเลส ไม่ได้มีแต่ โทสะ นะคะ

โทสะ ดับ ไม่ใช่ว่า อวิชชา จะดับ นะคะ

:b1:

และการดับไปของโทสะ ก็มีด้วยหลายปัจจัย
บางสำนัก ไม่ได้สอนให้เท่าทันปัจจัยเลยด้วยซ้ำ
พออาการใดปรากฏ ก็จะหลงไปติดอยู่กับอาการ

:b1:

เจ้าของ:  Rosarin [ 19 ธ.ค. 2018, 20:56 ]
หัวข้อกระทู้:  Re: ว่าด้วยเรื่องความไม่รู้และขาดสุตมยปัญญา

eragon_joe เขียน:
Rosarin เขียน:
แถมดูหมิ่นผู้กล่าวตรงตามคำสอน


คุณรสว่า 2 บทความนี้ ใครกล่าวตรงคำสอนคะ

อ้างคำพูด:
สัมมาทิฏฐิ=ปัญญา=ญาณ=วิปัสสนา เกิดตอนเริ่มฟังแล้วคิดตรงตามคำสอนได้จากการฟังตอนลืมตาดูหูฟัง
ปัญญาเกิดตรงข้ามกับฌานซึ่งส่วนใหญ่เข้าใจผิดว่าเป็นสมาธิหลับตาคือสภาพเพ่งเผาธัมมะฝ่ายตรงข้าม
ถ้าทำฌานจิตโดยขาดปัญญาฌานนั้นก็ทำลายสัมมาทิฏฐิเพราะไม่รู้และไม่พึ่งคิดตามคำสอนไม่เข้าใจอะไร
(ศาสนาคือคำสอน)(ศาสดาคือตถาคต)(ตถาคตยกคำสอนแทนตนเอง)=ศาสดาคือคำสอนไม่ใช่ภิกษุบุคคล


อ้างคำพูด:
ที่เรียกว่า อวิชชา อวิชชา ดังนี้ อวิชชาเป็นไฉน
หนอแล และบุคคลเป็นผู้ประกอบด้วยอวิชชา ด้วยเหตุเพียงเท่าไร? ท่านพระมหาโกฏฐิตะกล่าวว่า
ดูกรท่านผู้มีอายุ ปุถุชนผู้ไม่ได้สดับแล้วในโลกนี้ ย่อมไม่รู้ชัดซึ่งรูป ย่อมไม่รู้ชัดซึ่งเหตุเกิดแห่ง
รูป ย่อมไม่รู้ชัดซึ่งความดับแห่งรูป ย่อมไม่รู้ชัดซึ่งข้อปฏิบัติเครื่องให้ถึงความดับแห่งรูป ย่อม
ไม่รู้ชัดซึ่งเวทนา ... ซึ่งสัญญา ... ซึ่งสังขาร ... ซึ่งวิญญาณ ย่อมไม่รู้ชัดซึ่งเหตุเกิดแห่งวิญญาณ
ย่อมไม่รู้ชัดซึ่งความดับแห่งวิญญาณ ย่อมไม่รู้ชัดซึ่งข้อปฏิบัติเครื่องให้ถึงความดับแห่งวิญญาณ.
ดูกรท่านผู้มีอายุ นี้เรียกว่า อวิชชา และบุคคลเป็นผู้ประกอบด้วยอวิชชา ด้วยเหตุเพียงเท่านี้แล.
[๓๓๓] เมื่อท่านพระมหาโกฏฐิตะกล่าวอย่างนี้แล้ว ท่านพระสารีบุตรจึงได้ถามว่า ดูกร
ท่านโกฏฐิตะ ที่เรียกว่า วิชชา วิชชา ดังนี้ วิชชาเป็นไฉนหนอแล และบุคคลเป็นผู้ประกอบ
ด้วยวิชชา ด้วยเหตุเพียงเท่าไร? ท่านพระมหาโกฏฐิตะตอบว่า ดูกรท่านผู้มีอายุ อริยสาวกผู้ได้
สดับแล้วในธรรมวินัยนี้ ย่อมรู้ชัดซึ่งรูป ย่อมรู้ชัดซึ่งเหตุเกิดแห่งรูป ย่อมรู้ชัดซึ่งความดับแห่ง
รูป ย่อมรู้ชัดซึ่งข้อปฏิบัติเครื่องให้ถึงความดับแห่งรูป ย่อมรู้ชัดซึ่งเวทนา ... ซึ่งสัญญา ... ซึ่ง
สังขาร ... ซึ่งวิญญาณ ย่อมรู้ชัดซึ่งเหตุเกิดแห่งวิญญาณ ย่อมรู้ชัดซึ่งความดับแห่งวิญญาณ ย่อม
รู้ชัดซึ่งข้อปฏิบัติเครื่องให้ถึงความดับแห่งวิญญาณ ดูกรท่านผู้มีอายุ นี้เรียกว่า วิชชา และ
บุคคลเป็นผู้ประกอบด้วยวิชชา ด้วยเหตุเพียงเท่านี้แล.

ญาณ(บาลี)=ปัญญา(บาลี)แปลไทยว่าความเข้าใจถูกตามคำสอน
ส่วนจะเข้าใจระดับไหนก็มี3ระดับถ้าไม่ทำลำดับแรกจนถึงสัจญาณ
แปลว่าข้ามสุตมยปัญญาแสดงว่าไม่มีปัญญาเกิดเพิ่มไงคะเพราะว่า
สุตมยปัญญา=สัจญาณ...เห็นคำว่าญาณต่อท้ายสัจจะไหมคะนั่นน่ะ
คือสัมมาทิฏฐิคือฟังแล้วคิดถูกตามได้ไง...กรุณาดูว่าตรงคำไหนบ้าง
ตามมรรคแรกที่เขียนเรียนให้ทราบตามนั้นข้างบนนั้นน่ะเท่ากับอะไรบ้าง
:b55: :b55: :b55:

เจ้าของ:  eragon_joe [ 19 ธ.ค. 2018, 21:01 ]
หัวข้อกระทู้:  Re: ว่าด้วยเรื่องความไม่รู้และขาดสุตมยปัญญา

Rosarin เขียน:
eragon_joe เขียน:
Rosarin เขียน:
แถมดูหมิ่นผู้กล่าวตรงตามคำสอน


คุณรสว่า 2 บทความนี้ ใครกล่าวตรงคำสอนคะ

อ้างคำพูด:
สัมมาทิฏฐิ=ปัญญา=ญาณ=วิปัสสนา เกิดตอนเริ่มฟังแล้วคิดตรงตามคำสอนได้จากการฟังตอนลืมตาดูหูฟัง
ปัญญาเกิดตรงข้ามกับฌานซึ่งส่วนใหญ่เข้าใจผิดว่าเป็นสมาธิหลับตาคือสภาพเพ่งเผาธัมมะฝ่ายตรงข้าม
ถ้าทำฌานจิตโดยขาดปัญญาฌานนั้นก็ทำลายสัมมาทิฏฐิเพราะไม่รู้และไม่พึ่งคิดตามคำสอนไม่เข้าใจอะไร
(ศาสนาคือคำสอน)(ศาสดาคือตถาคต)(ตถาคตยกคำสอนแทนตนเอง)=ศาสดาคือคำสอนไม่ใช่ภิกษุบุคคล


อ้างคำพูด:
ที่เรียกว่า อวิชชา อวิชชา ดังนี้ อวิชชาเป็นไฉน
หนอแล และบุคคลเป็นผู้ประกอบด้วยอวิชชา ด้วยเหตุเพียงเท่าไร? ท่านพระมหาโกฏฐิตะกล่าวว่า
ดูกรท่านผู้มีอายุ ปุถุชนผู้ไม่ได้สดับแล้วในโลกนี้ ย่อมไม่รู้ชัดซึ่งรูป ย่อมไม่รู้ชัดซึ่งเหตุเกิดแห่ง
รูป ย่อมไม่รู้ชัดซึ่งความดับแห่งรูป ย่อมไม่รู้ชัดซึ่งข้อปฏิบัติเครื่องให้ถึงความดับแห่งรูป ย่อม
ไม่รู้ชัดซึ่งเวทนา ... ซึ่งสัญญา ... ซึ่งสังขาร ... ซึ่งวิญญาณ ย่อมไม่รู้ชัดซึ่งเหตุเกิดแห่งวิญญาณ
ย่อมไม่รู้ชัดซึ่งความดับแห่งวิญญาณ ย่อมไม่รู้ชัดซึ่งข้อปฏิบัติเครื่องให้ถึงความดับแห่งวิญญาณ.
ดูกรท่านผู้มีอายุ นี้เรียกว่า อวิชชา และบุคคลเป็นผู้ประกอบด้วยอวิชชา ด้วยเหตุเพียงเท่านี้แล.
[๓๓๓] เมื่อท่านพระมหาโกฏฐิตะกล่าวอย่างนี้แล้ว ท่านพระสารีบุตรจึงได้ถามว่า ดูกร
ท่านโกฏฐิตะ ที่เรียกว่า วิชชา วิชชา ดังนี้ วิชชาเป็นไฉนหนอแล และบุคคลเป็นผู้ประกอบ
ด้วยวิชชา ด้วยเหตุเพียงเท่าไร? ท่านพระมหาโกฏฐิตะตอบว่า ดูกรท่านผู้มีอายุ อริยสาวกผู้ได้
สดับแล้วในธรรมวินัยนี้ ย่อมรู้ชัดซึ่งรูป ย่อมรู้ชัดซึ่งเหตุเกิดแห่งรูป ย่อมรู้ชัดซึ่งความดับแห่ง
รูป ย่อมรู้ชัดซึ่งข้อปฏิบัติเครื่องให้ถึงความดับแห่งรูป ย่อมรู้ชัดซึ่งเวทนา ... ซึ่งสัญญา ... ซึ่ง
สังขาร ... ซึ่งวิญญาณ ย่อมรู้ชัดซึ่งเหตุเกิดแห่งวิญญาณ ย่อมรู้ชัดซึ่งความดับแห่งวิญญาณ ย่อม
รู้ชัดซึ่งข้อปฏิบัติเครื่องให้ถึงความดับแห่งวิญญาณ ดูกรท่านผู้มีอายุ นี้เรียกว่า วิชชา และ
บุคคลเป็นผู้ประกอบด้วยวิชชา ด้วยเหตุเพียงเท่านี้แล.

ญาณ(บาลี)=ปัญญา(บาลี)แปลไทยว่าความเข้าใจถูกตามคำสอน
ส่วนจะเข้าใจระดับไหนก็มี3ระดับถ้าไม่ทำลำดับแรกจนถึงสัจญาณ
แปลว่าข้ามสุตมยปัญญาแสดงว่าไม่มีปัญญาเกิดเพิ่มไงคะเพราะว่า
สุตมยปัญญา=สัจญาณ...เห็นคำว่าญาณต่อท้ายสัจจะไหมคะนั่นน่ะ
คือสัมมาทิฏฐิคือฟังแล้วคิดถูกตามได้ไง...กรุณาดูว่าตรงคำไหนบ้าง
ตามมรรคแรกที่เขียนเรียนให้ทราบตามนั้นข้างบนนั้นน่ะเท่ากับอะไรบ้าง
:b55: :b55: :b55:


ยังคงตอบไม่ตรงกับคำถาม ... เช่นเดิม

ทั้ง ๆ ที่ บทความข้างต้นที่ยกมาเทียบกันให้ดู มันก็ชัดเจนอยู่แล้วนะ
ทำไมยังแสดงความรักและหวงแหนความเห็นของตนอยู่อีกล่ะ

:b1:

เจ้าของ:  Rosarin [ 19 ธ.ค. 2018, 21:07 ]
หัวข้อกระทู้:  Re: ว่าด้วยเรื่องความไม่รู้และขาดสุตมยปัญญา

eragon_joe เขียน:
Rosarin เขียน:
eragon_joe เขียน:
Rosarin เขียน:
แถมดูหมิ่นผู้กล่าวตรงตามคำสอน


คุณรสว่า 2 บทความนี้ ใครกล่าวตรงคำสอนคะ

อ้างคำพูด:
สัมมาทิฏฐิ=ปัญญา=ญาณ=วิปัสสนา เกิดตอนเริ่มฟังแล้วคิดตรงตามคำสอนได้จากการฟังตอนลืมตาดูหูฟัง
ปัญญาเกิดตรงข้ามกับฌานซึ่งส่วนใหญ่เข้าใจผิดว่าเป็นสมาธิหลับตาคือสภาพเพ่งเผาธัมมะฝ่ายตรงข้าม
ถ้าทำฌานจิตโดยขาดปัญญาฌานนั้นก็ทำลายสัมมาทิฏฐิเพราะไม่รู้และไม่พึ่งคิดตามคำสอนไม่เข้าใจอะไร
(ศาสนาคือคำสอน)(ศาสดาคือตถาคต)(ตถาคตยกคำสอนแทนตนเอง)=ศาสดาคือคำสอนไม่ใช่ภิกษุบุคคล


อ้างคำพูด:
ที่เรียกว่า อวิชชา อวิชชา ดังนี้ อวิชชาเป็นไฉน
หนอแล และบุคคลเป็นผู้ประกอบด้วยอวิชชา ด้วยเหตุเพียงเท่าไร? ท่านพระมหาโกฏฐิตะกล่าวว่า
ดูกรท่านผู้มีอายุ ปุถุชนผู้ไม่ได้สดับแล้วในโลกนี้ ย่อมไม่รู้ชัดซึ่งรูป ย่อมไม่รู้ชัดซึ่งเหตุเกิดแห่ง
รูป ย่อมไม่รู้ชัดซึ่งความดับแห่งรูป ย่อมไม่รู้ชัดซึ่งข้อปฏิบัติเครื่องให้ถึงความดับแห่งรูป ย่อม
ไม่รู้ชัดซึ่งเวทนา ... ซึ่งสัญญา ... ซึ่งสังขาร ... ซึ่งวิญญาณ ย่อมไม่รู้ชัดซึ่งเหตุเกิดแห่งวิญญาณ
ย่อมไม่รู้ชัดซึ่งความดับแห่งวิญญาณ ย่อมไม่รู้ชัดซึ่งข้อปฏิบัติเครื่องให้ถึงความดับแห่งวิญญาณ.
ดูกรท่านผู้มีอายุ นี้เรียกว่า อวิชชา และบุคคลเป็นผู้ประกอบด้วยอวิชชา ด้วยเหตุเพียงเท่านี้แล.
[๓๓๓] เมื่อท่านพระมหาโกฏฐิตะกล่าวอย่างนี้แล้ว ท่านพระสารีบุตรจึงได้ถามว่า ดูกร
ท่านโกฏฐิตะ ที่เรียกว่า วิชชา วิชชา ดังนี้ วิชชาเป็นไฉนหนอแล และบุคคลเป็นผู้ประกอบ
ด้วยวิชชา ด้วยเหตุเพียงเท่าไร? ท่านพระมหาโกฏฐิตะตอบว่า ดูกรท่านผู้มีอายุ อริยสาวกผู้ได้
สดับแล้วในธรรมวินัยนี้ ย่อมรู้ชัดซึ่งรูป ย่อมรู้ชัดซึ่งเหตุเกิดแห่งรูป ย่อมรู้ชัดซึ่งความดับแห่ง
รูป ย่อมรู้ชัดซึ่งข้อปฏิบัติเครื่องให้ถึงความดับแห่งรูป ย่อมรู้ชัดซึ่งเวทนา ... ซึ่งสัญญา ... ซึ่ง
สังขาร ... ซึ่งวิญญาณ ย่อมรู้ชัดซึ่งเหตุเกิดแห่งวิญญาณ ย่อมรู้ชัดซึ่งความดับแห่งวิญญาณ ย่อม
รู้ชัดซึ่งข้อปฏิบัติเครื่องให้ถึงความดับแห่งวิญญาณ ดูกรท่านผู้มีอายุ นี้เรียกว่า วิชชา และ
บุคคลเป็นผู้ประกอบด้วยวิชชา ด้วยเหตุเพียงเท่านี้แล.

ญาณ(บาลี)=ปัญญา(บาลี)แปลไทยว่าความเข้าใจถูกตามคำสอน
ส่วนจะเข้าใจระดับไหนก็มี3ระดับถ้าไม่ทำลำดับแรกจนถึงสัจญาณ
แปลว่าข้ามสุตมยปัญญาแสดงว่าไม่มีปัญญาเกิดเพิ่มไงคะเพราะว่า
สุตมยปัญญา=สัจญาณ...เห็นคำว่าญาณต่อท้ายสัจจะไหมคะนั่นน่ะ
คือสัมมาทิฏฐิคือฟังแล้วคิดถูกตามได้ไง...กรุณาดูว่าตรงคำไหนบ้าง
ตามมรรคแรกที่เขียนเรียนให้ทราบตามนั้นข้างบนนั้นน่ะเท่ากับอะไรบ้าง
:b55: :b55: :b55:


ยังคงตอบไม่ตรงกับคำถาม ... เช่นเดิม

ทั้ง ๆ ที่ บทความข้างต้นที่ยกมาเทียบกันให้ดู มันก็ชัดเจนอยู่แล้วนะ
ทำไมยังห่วงหวงความเห็นของตนอยู่อีกล่ะ

:b1:

บอกล้านครั้งก็ยังไม่เข้าใจอ่ะ
เอกอนคิดตรงไหมว่าตัวเองกำลังเห็นตัวอักษร
แปลว่ากำลังเห็นผิดเกินคำสอนเรียกว่าความเห็นผิดมีแล้วกำลังมี
ที่ถูกคือจริงตรงตามคำสอนเข้าใจถูกตามเดี๋ยวนี้ว่าจิตเห็นแสงสี1สีกระทบในลูกตาดำดับมืดทันทีไม่มีตัวอักษร
:b32: :b32:

เจ้าของ:  sssboun [ 19 ธ.ค. 2018, 21:08 ]
หัวข้อกระทู้:  Re: ว่าด้วยเรื่องความไม่รู้และขาดสุตมยปัญญา

:b8:

อ้างคำพูด:
ยังคงตอบไม่ตรงกับคำถาม ... เช่นเดิม

ทั้ง ๆ ที่ บทความข้างต้นที่ยกมาเทียบกันให้ดู มันก็ชัดเจนอยู่แล้วนะ
ทำไมยังแสดงความรักและหวงแหนความเห็นของตนอยู่อีกล่ะ

:b1:


เมื่อเป็นเช่นนี้ ผมว่าต่างคนต่างทำหน้าที่ของตนให้ดีที่สุด
ก็ เคโอนะครับ ทุกคนมีทั้งส่วนดีและส่วนเสียด้วยกันทั้งนั้น
แตกต่างกันว่าส่วนไหนจะมีมากน้อยกว่ากัน หากส่วนดีมีมาก
ก็ จงยินดีก็เค้าเถอะครับ

หยุดเราได้ และง่ายที่สุด

:b4:

:b8:

เจ้าของ:  Rosarin [ 19 ธ.ค. 2018, 21:11 ]
หัวข้อกระทู้:  Re: ว่าด้วยเรื่องความไม่รู้และขาดสุตมยปัญญา

Rosarin เขียน:
eragon_joe เขียน:
Rosarin เขียน:
eragon_joe เขียน:
Rosarin เขียน:
แถมดูหมิ่นผู้กล่าวตรงตามคำสอน


คุณรสว่า 2 บทความนี้ ใครกล่าวตรงคำสอนคะ

อ้างคำพูด:
สัมมาทิฏฐิ=ปัญญา=ญาณ=วิปัสสนา เกิดตอนเริ่มฟังแล้วคิดตรงตามคำสอนได้จากการฟังตอนลืมตาดูหูฟัง
ปัญญาเกิดตรงข้ามกับฌานซึ่งส่วนใหญ่เข้าใจผิดว่าเป็นสมาธิหลับตาคือสภาพเพ่งเผาธัมมะฝ่ายตรงข้าม
ถ้าทำฌานจิตโดยขาดปัญญาฌานนั้นก็ทำลายสัมมาทิฏฐิเพราะไม่รู้และไม่พึ่งคิดตามคำสอนไม่เข้าใจอะไร
(ศาสนาคือคำสอน)(ศาสดาคือตถาคต)(ตถาคตยกคำสอนแทนตนเอง)=ศาสดาคือคำสอนไม่ใช่ภิกษุบุคคล


อ้างคำพูด:
ที่เรียกว่า อวิชชา อวิชชา ดังนี้ อวิชชาเป็นไฉน
หนอแล และบุคคลเป็นผู้ประกอบด้วยอวิชชา ด้วยเหตุเพียงเท่าไร? ท่านพระมหาโกฏฐิตะกล่าวว่า
ดูกรท่านผู้มีอายุ ปุถุชนผู้ไม่ได้สดับแล้วในโลกนี้ ย่อมไม่รู้ชัดซึ่งรูป ย่อมไม่รู้ชัดซึ่งเหตุเกิดแห่ง
รูป ย่อมไม่รู้ชัดซึ่งความดับแห่งรูป ย่อมไม่รู้ชัดซึ่งข้อปฏิบัติเครื่องให้ถึงความดับแห่งรูป ย่อม
ไม่รู้ชัดซึ่งเวทนา ... ซึ่งสัญญา ... ซึ่งสังขาร ... ซึ่งวิญญาณ ย่อมไม่รู้ชัดซึ่งเหตุเกิดแห่งวิญญาณ
ย่อมไม่รู้ชัดซึ่งความดับแห่งวิญญาณ ย่อมไม่รู้ชัดซึ่งข้อปฏิบัติเครื่องให้ถึงความดับแห่งวิญญาณ.
ดูกรท่านผู้มีอายุ นี้เรียกว่า อวิชชา และบุคคลเป็นผู้ประกอบด้วยอวิชชา ด้วยเหตุเพียงเท่านี้แล.
[๓๓๓] เมื่อท่านพระมหาโกฏฐิตะกล่าวอย่างนี้แล้ว ท่านพระสารีบุตรจึงได้ถามว่า ดูกร
ท่านโกฏฐิตะ ที่เรียกว่า วิชชา วิชชา ดังนี้ วิชชาเป็นไฉนหนอแล และบุคคลเป็นผู้ประกอบ
ด้วยวิชชา ด้วยเหตุเพียงเท่าไร? ท่านพระมหาโกฏฐิตะตอบว่า ดูกรท่านผู้มีอายุ อริยสาวกผู้ได้
สดับแล้วในธรรมวินัยนี้ ย่อมรู้ชัดซึ่งรูป ย่อมรู้ชัดซึ่งเหตุเกิดแห่งรูป ย่อมรู้ชัดซึ่งความดับแห่ง
รูป ย่อมรู้ชัดซึ่งข้อปฏิบัติเครื่องให้ถึงความดับแห่งรูป ย่อมรู้ชัดซึ่งเวทนา ... ซึ่งสัญญา ... ซึ่ง
สังขาร ... ซึ่งวิญญาณ ย่อมรู้ชัดซึ่งเหตุเกิดแห่งวิญญาณ ย่อมรู้ชัดซึ่งความดับแห่งวิญญาณ ย่อม
รู้ชัดซึ่งข้อปฏิบัติเครื่องให้ถึงความดับแห่งวิญญาณ ดูกรท่านผู้มีอายุ นี้เรียกว่า วิชชา และ
บุคคลเป็นผู้ประกอบด้วยวิชชา ด้วยเหตุเพียงเท่านี้แล.

ญาณ(บาลี)=ปัญญา(บาลี)แปลไทยว่าความเข้าใจถูกตามคำสอน
ส่วนจะเข้าใจระดับไหนก็มี3ระดับถ้าไม่ทำลำดับแรกจนถึงสัจญาณ
แปลว่าข้ามสุตมยปัญญาแสดงว่าไม่มีปัญญาเกิดเพิ่มไงคะเพราะว่า
สุตมยปัญญา=สัจญาณ...เห็นคำว่าญาณต่อท้ายสัจจะไหมคะนั่นน่ะ
คือสัมมาทิฏฐิคือฟังแล้วคิดถูกตามได้ไง...กรุณาดูว่าตรงคำไหนบ้าง
ตามมรรคแรกที่เขียนเรียนให้ทราบตามนั้นข้างบนนั้นน่ะเท่ากับอะไรบ้าง
:b55: :b55: :b55:


ยังคงตอบไม่ตรงกับคำถาม ... เช่นเดิม

ทั้ง ๆ ที่ บทความข้างต้นที่ยกมาเทียบกันให้ดู มันก็ชัดเจนอยู่แล้วนะ
ทำไมยังห่วงหวงความเห็นของตนอยู่อีกล่ะ

:b1:

บอกล้านครั้งก็ยังไม่เข้าใจอ่ะ
เอกอนคิดตรงไหมว่าตัวเองกำลังเห็นตัวอักษร
แปลว่ากำลังเห็นผิดเกินคำสอนเรียกว่าความเห็นผิดมีแล้วกำลังมี
ที่ถูกคือจริงตรงตามคำสอนเข้าใจถูกตามเดี๋ยวนี้ว่าจิตเห็นแสงสี1สีกระทบในลูกตาดำดับมืดทันทีไม่มีตัวอักษร
:b32: :b32:

บอกเป็นพันล้านครั้งแล้วว่าให้ผลิตปัญญาจากการฟังไม่ใช่อ่านไม่รู้เรื่องที่กำลังสื่อสารหรือคะ
:b32: :b32:

เจ้าของ:  eragon_joe [ 19 ธ.ค. 2018, 21:14 ]
หัวข้อกระทู้:  Re: ว่าด้วยเรื่องความไม่รู้และขาดสุตมยปัญญา

sssboun เขียน:
:b8:

อ้างคำพูด:
ยังคงตอบไม่ตรงกับคำถาม ... เช่นเดิม

ทั้ง ๆ ที่ บทความข้างต้นที่ยกมาเทียบกันให้ดู มันก็ชัดเจนอยู่แล้วนะ
ทำไมยังแสดงความรักและหวงแหนความเห็นของตนอยู่อีกล่ะ

:b1:


เมื่อเป็นเช่นนี้ ผมว่าต่างคนต่างทำหน้าที่ของตนให้ดีที่สุด
ก็ เคโอนะครับ ทุกคนมีทั้งส่วนดีและส่วนเสียด้วยกันทั้งนั้น
แตกต่างกันว่าส่วนไหนจะมีมากน้อยกว่ากัน หากส่วนดีมีมาก
ก็ จงยินดีก็เค้าเถอะครับ

หยุดเราได้ และง่ายที่สุด

:b4:

:b8:


:b32: :b12: :b16:

เน๊อะ นั่นสิ่

หน้า 3 จากทั้งหมด 33 เขตเวลา GMT + 7 ชั่วโมง
Powered by phpBB © 2000, 2002, 2005, 2007 phpBB Group
http://www.phpbb.com/