วันเวลาปัจจุบัน 24 เม.ย. 2024, 16:22  



เขตเวลา GMT + 7 ชั่วโมง




กลับไปยังกระทู้  [ 44 โพสต์ ]  ไปที่หน้า ย้อนกลับ  1, 2, 3  Bookmark and Share
เจ้าของ ข้อความ
โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 15 ธ.ค. 2018, 11:05 
 
ออฟไลน์
สมาชิก ระดับ 6
สมาชิก ระดับ 6
ลงทะเบียนเมื่อ: 17 ส.ค. 2018, 07:07
โพสต์: 482

อายุ: 0

 ข้อมูลส่วนตัว


หาสัตว์ บุคคล ไม่ได้ในปรมัตถ์ ไม่ใช่ สัตว์บุคคลไม่มี
หากสัตว์ บุคคล ไม่มี ปรมัตถ์จะไปมีอยู่ที่ใดใช่มั้ยล่ะครับ

พอเห็นแล้วกลายเป็นคน เป็นสัตว์ อันนี้ไม่ใช่ความเห็นผิด
มันเป็นการทำงานของขันธ์ เป็นธรรมชาติปกติ

การเห็นแล้วใจไม่ปรุงแต่ง จึงเห็นรูปเป็นแสง+สีเกิดดับ ๆ
อะไรนั้นมันคือญาณเห็นไตรลักษณ์ อันเกิดจากสัมมาสติ
โพชฌงค์ ๗ บริบูรณ์ก็เป็นสัมมาสมาธิ

ที่คุณ rosarin บอกว่าต้องรู้ตรงตามสัจจะ คุณลองเทียบ
สภาวะที่คุณเห็น ที่ว่าความเห็นตรงตามจริงตามคำสอนเดี๋ยวนี้
ปัจจุบันขณะ แล้วบอกหน่อยว่าคือสัจจะญาณอย่างไร

ทุกข์อย่างไร สมุทัยอย่างไร นิโรธอย่างไร มรรคอย่างไร

ผมอยากแลกเปลี่ยน


โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 15 ธ.ค. 2018, 12:48 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
สมาชิกระดับ 19
สมาชิกระดับ 19
ลงทะเบียนเมื่อ: 29 ต.ค. 2009, 15:06
โพสต์: 7502

อายุ: 0

 ข้อมูลส่วนตัว


กรัชกาย เขียน:
Rosarin เขียน:
ไปอ่านดูในกระทู้ไม่มีใครเกิดไม่มีใครตายที่ลุงหมานโพสต์
viewtopic.php?f=1&t=56032
ลุงหมาน เขียน:
ในปรมัตถธรรม ๔ หาคนหาสัตว์เจอไหม

เข้าใจไหมคะว่าสุตมยปัญญาคือปริยัติต้องฟังจนเกิดปัญญาระดับสัจญาณรู้จริงตรงสัจจะ
ไม่มีปัญญาถึงระดับสัจญาณแปลว่าไม่มีปัญญาจะไปถึงระดับปัญญาที่สูงขึ้นได้ยังไงคะ
:b12:
:b16: :b16:


นี่แหละ เขาเรียกว่า คนอ่านหนังสือไม่เป็น ย้ำอ่านหนังสือไม่เป็น คิกกๆๆๆ

ก็บอกอยู่แม้ปๆ ว่า ภาษาธรรมเขาเรียกคนว่าขันธ์ อายตนะ ธาตุ อินทรีย์ อ้าว มองมุมกลับ ขันธ์ ๕ อายตนะ ๑๒ ธาตุ ๑๘ อินทรีย์ ๒๒ ก็ที่เรียกกันว่าคนว่าส้ตว์นี่แหละ

คนอ่านหนังสือไม่เป็นดังว่า พอไปอ่านๆๆ หนังสือ เขาว่ารูปเมื่อจำแนกแจกแจงแล้วได้ ๒๘ มีอะไรก็อ่านไปว่าไป ทีนี้ปัญหาเกิด เมื่อมีคนบอกว่า อิริยาบถ ๔ คือ ยืน เดิน นั่ง นอน คนอ่านหนังสือออกแต่อ่านไม่เป็นค้านเลยว่า ในรูป ๒๘ ไม่เห็นมีรูปเดินเลย ว่า คิกๆๆ

ถ้าแบบนี้ จบข่าว จาก ซีเอ็นเอ็น ขอรับ :b32:

เสียเวลาเปล่าๆขอรับโผน

:b1:
พระพุทธเจ้าตรัสรู้ความจริงรู้ความจริงนี้คนเดียวในโลก
ทรงแสดงโดยละเอียดเพื่อไม่ให้ไปตัดแต่งต่อเติมเองค่ะ
ความจริงตามคำสอนนี้ต้องพึ่งคิดตามตรงสัจจะที่กำลังมี
ทำได้ตามลำดับด้วยการเริ่มฟังเพื่อสะสมปัญญาตามลำดับ
ถ้าปัญญาขั้นการฟังยังไม่สามารถเข้าถึงสัจจะข้ามขั้นไม่ได้
ต้องปัญญาแรกล้นฟังต่อจนล้นไปปัญญาลำดับที่2และ3ตามลำดับ
รู้ไม่ตรงสัจจะจะเอาอะไรไปไตร่ตรองถูกตามและถ้าไตร่ตรองผิดก็ภาวนาผิดเห็นผิดอยู่เนี่ยยังไม่รู้ตัวเลย
:b12:
:b32: :b32:


แก้ไขล่าสุดโดย Rosarin เมื่อ 15 ธ.ค. 2018, 13:11, แก้ไขแล้ว 2 ครั้ง.

โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 15 ธ.ค. 2018, 12:52 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
สมาชิกระดับ 19
สมาชิกระดับ 19
ลงทะเบียนเมื่อ: 29 ต.ค. 2009, 15:06
โพสต์: 7502

อายุ: 0

 ข้อมูลส่วนตัว


กรัชกาย เขียน:
Rosarin เขียน:
กรัชกาย เขียน:
กรัชกาย เขียน:
คุณโรสพูดบ่อยมากๆ เรื่องทวาร 6 โดยเฉพาะทางจักขุทวาร แล้วก็เน้นตรงที่ว่าเห็นนั่นเห็นนี่แล้วดับไปแล้วก็มืดติ๊ดตื๋อ คิดในมืดอะไรประมาณนี้แหละ นั่นเป็นความเห็นผิด เป็นมิจฉาทิฏฐิบุคคลยุค 4.0 :b13:

ตั้งกระทู้นี้ไว้ก่อนแล้วค่อยนำความที่ว่ามาลงตรงนี้ต่อไป

ตอนนี้ให้ดูความเห็นต่างเห็นแย้ง คคห.ล่างประกอบไปด้วย



นี่ตัวอย่างดังว่า


อ้างคำพูด:
กรัชกาย
คุณโรสอ่านแล้วพอเข้าใจไหมขอรับ

หรือเห็นแค่เป็นตัวหนังสือ คิกๆๆ




อ้างคำพูด:
Rosarin
น้ำท่วมทุ่งผักบุ้งโหรงเหรง

คำสัจจะทุกคำคือคำตถาคต

คำที่ตถาคตบัญญัติเป็นภาษาต่างชาติ

จะเรียนให้เข้าใจต้องรู้ในภาษาปกติที่คุณฟังรู้เรื่องไม่ต้องแปลต่อ

จิตเห็นสี...มีแค่แสง+สี1สีกระทบประสาทตาดับทันทีแล้วมืดสลับกับมืดอีก5ทางแล้วเห็นใหม่ตอนกระพริบตา
แค่เห็นแสงสว่างนิดเดียวสลับด้วยความมืดของ จิตได้ยิน จิตรู้กลิ่น จิตรู้รส จิตรู้กระทบสัมผัส จิตคิดนึก

viewtopic.php?f=1&t=56876&p=432265#p432265


อ้างคำพูด:
คำที่ตถาคตบัญญัติเป็นภาษาต่างชาติ

จะเรียนให้เข้าใจต้องรู้ในภาษาปกติที่คุณฟังรู้เรื่องไม่ต้องแปลต่อ


ข้อเขียนที่กลั่นกรองออกมาจากความรู้สึกนึกคิด สับสนเต็มไปด้วยความเห็นผิด คิดเอาเอง

ยกตัวอย่างให้ดู ถ้าเราไม่เรียนภาษาต่างประเทศ ชาติใดก็ได้ เขมร พม่า ฝรั่งมังค่าอะไรก็ว่าไป เขาพูดภาษาของเขา เราฟังออกไหม ถ้าไม่มีล่ามแปล ฟังรู้เรื่องไหม เขาด่าแม่ด่าพ่อเราตัวเองยังยิ้มร่าเลย :b13:

บอกแล้วว่า ภาษาธรรมเป็นภาษามคธ เป็นบาลี ที่เราพออ่านพระไตรปิฎกพอเข้าใจบ้าง เพราะเขาแปลมาให้แล้ว :b32:

:b12:

ความจริงตามคำสอนมีเดี๋ยวนี้
ตรงกับทุกคำในพระไตรปิฎก
กิเลสอาสาวะนอนในจิตมีแล้ว
ที่ยังไม่มีคือปัญญาเข้าใจถูก
อายตนะ6ธาตุ4ขันธ์5มีครบ
ปกติลืมตาเห็นไม่รู้ความจริง
จนกว่าจะเริ่มฟังคำสอนเข้าใจ
เพราะความเข้าใจบาลีคือปัญญา
ปกติกำลังมีจิตครบ6ทางกำลังมี
และกำลังเกิดดับสลับกันกิเลสเกิด
ตั้งแต่เห็นดับเพียง3ขณะยังไม่ครบ6ทาง
กะพริบตาคือเห็นขณะใหม่แสดงว่าเกิดกิเลสไปแล้ว
เพียรฟังเพื่อให้ปัญญาเข้าใจถูกตามคำสอนตรงทาง
1ใน6ทางรู้ความจริงตามได้แม่นยำที่กายมีตอนกำลังฟัง
จนกว่าจะรู้ทั่วถึงครบ6ทางอายตนะก็ขาดการฟังคำสอนไม่ได้
เพราะจิตเห็น1ขณะดับแล้วกิเลสเกิดครบ6ทางตั้งแต่ขณะจิตที่4
กิเลสใหม่เกิดก่อนคุณกะพริบตาเพราะกะพริบตาคือเริ่มจิตเห็นขณะใหม่
:b32: :b32:


แน่ะๆ มีเถียงๆ

ทีนี้ ถามความหมายของแต่ละคำๆที่คุณโรสว่านั่นแหละนะ บอกความหมายมาสิว่าหมายถึงอะไร ยังไงบ้างแต่ละคำละศัพท์นี่

ไตรปิฎก

กิเลส

อายตนะ

ธาตุ

ขันธ์

บาลี

ปัญญา

จิต

เอ้าว่าไป :b1:

กะพริบตา ปริบๆ ไม่ถาม เห็นๆอยู่ ปริบๆๆ :b35:

ปัญญาไม่ใช่การท่องจำความหมายของทุกคำในตำรา
แต่ปัญญาเกิดจากเรียนความจริงเพื่อรู้ตรงสิ่งที่กำลังมี
ว่ากำลังเป็นไปตรงกับสภาพธรรมอะไรตรงที่กายใจตน
รู้เท่าทันปัจจุบันขณะตรงปัจจุบันอารมณ์รู้คิดตามเสียง
:b12:
:b16: :b16:


โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 15 ธ.ค. 2018, 13:00 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
สมาชิกระดับ 19
สมาชิกระดับ 19
ลงทะเบียนเมื่อ: 29 ต.ค. 2009, 15:06
โพสต์: 7502

อายุ: 0

 ข้อมูลส่วนตัว


Love J. เขียน:
หาสัตว์ บุคคล ไม่ได้ในปรมัตถ์ ไม่ใช่ สัตว์บุคคลไม่มี
หากสัตว์ บุคคล ไม่มี ปรมัตถ์จะไปมีอยู่ที่ใดใช่มั้ยล่ะครับ

พอเห็นแล้วกลายเป็นคน เป็นสัตว์ อันนี้ไม่ใช่ความเห็นผิด
มันเป็นการทำงานของขันธ์ เป็นธรรมชาติปกติ

การเห็นแล้วใจไม่ปรุงแต่ง จึงเห็นรูปเป็นแสง+สีเกิดดับ ๆ
อะไรนั้นมันคือญาณเห็นไตรลักษณ์ อันเกิดจากสัมมาสติ
โพชฌงค์ ๗ บริบูรณ์ก็เป็นสัมมาสมาธิ

ที่คุณ rosarin บอกว่าต้องรู้ตรงตามสัจจะ คุณลองเทียบ
สภาวะที่คุณเห็น ที่ว่าความเห็นตรงตามจริงตามคำสอนเดี๋ยวนี้
ปัจจุบันขณะ แล้วบอกหน่อยว่าคือสัจจะญาณอย่างไร

ทุกข์อย่างไร สมุทัยอย่างไร นิโรธอย่างไร มรรคอย่างไร

ผมอยากแลกเปลี่ยน

ตถาคตตรัสบอกให้ฟังโดยใช้กาลามสูตร10
ฟังสิคะจะได้รู้และเข้าใจปฏิกิริยาตนเอง
เพราะใช้ตาดูหูฟังรู้สึกที่ตัวตนเองไงคะ
บอกมาจากบทสนทนาเยอะแล้วก็ไม่รู้
บอกเท่าไหร่ก็รู้ไม่ได้เพราะเป็นปัญญา
สะสมจากการฟังตรงจริงตรงขณะคือ
การเงี่ยหูฟังเองไม่ฟังจะรู้หรือคะคุณ
ความเข้าใจเป็นของผู้ฟังไม่ใช่ของผู้บอก
เพราะผู้บอกเขาบอกตามการไตร่ตรองมาแล้ว
ความจริงพิสูจน์ได้ด้วยตนเองฟังไม่เข้าใจคือปัญญาไม่พอค่ะ
https://youtu.be/0149vcSl8vY
:b12:
:b16: :b16:


โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 15 ธ.ค. 2018, 19:13 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
สมาชิกระดับสูงสุด
สมาชิกระดับสูงสุด
ลงทะเบียนเมื่อ: 24 ต.ค. 2006, 12:36
โพสต์: 33766

อายุ: 0

 ข้อมูลส่วนตัว


Rosarin เขียน:
Love J. เขียน:
หาสัตว์ บุคคล ไม่ได้ในปรมัตถ์ ไม่ใช่ สัตว์บุคคลไม่มี
หากสัตว์ บุคคล ไม่มี ปรมัตถ์จะไปมีอยู่ที่ใดใช่มั้ยล่ะครับ

พอเห็นแล้วกลายเป็นคน เป็นสัตว์ อันนี้ไม่ใช่ความเห็นผิด
มันเป็นการทำงานของขันธ์ เป็นธรรมชาติปกติ

การเห็นแล้วใจไม่ปรุงแต่ง จึงเห็นรูปเป็นแสง+สีเกิดดับ ๆ
อะไรนั้นมันคือญาณเห็นไตรลักษณ์ อันเกิดจากสัมมาสติ
โพชฌงค์ ๗ บริบูรณ์ก็เป็นสัมมาสมาธิ

ที่คุณ rosarin บอกว่าต้องรู้ตรงตามสัจจะ คุณลองเทียบ
สภาวะที่คุณเห็น ที่ว่าความเห็นตรงตามจริงตามคำสอนเดี๋ยวนี้
ปัจจุบันขณะ แล้วบอกหน่อยว่าคือสัจจะญาณอย่างไร

ทุกข์อย่างไร สมุทัยอย่างไร นิโรธอย่างไร มรรคอย่างไร

ผมอยากแลกเปลี่ยน

ตถาคตตรัสบอกให้ฟังโดยใช้กาลามสูตร10
ฟังสิคะจะได้รู้และเข้าใจปฏิกิริยาตนเอง
เพราะใช้ตาดูหูฟังรู้สึกที่ตัวตนเองไงคะ
บอกมาจากบทสนทนาเยอะแล้วก็ไม่รู้
บอกเท่าไหร่ก็รู้ไม่ได้เพราะเป็นปัญญา
สะสมจากการฟังตรงจริงตรงขณะคือ
การเงี่ยหูฟังเองไม่ฟังจะรู้หรือคะคุณ
ความเข้าใจเป็นของผู้ฟังไม่ใช่ของผู้บอก
เพราะผู้บอกเขาบอกตามการไตร่ตรองมาแล้ว
ความจริงพิสูจน์ได้ด้วยตนเองฟังไม่เข้าใจคือปัญญาไม่พอค่ะ
https://youtu.be/0149vcSl8vY
:b12:
:b16: :b16:


ไปกาลามสูตรอีก คิกๆๆ

คคห.นี้บอกไปดูหนังโป้ดีกว่า :b35:

.....................................................
https://dhammachati.blogspot.com/


โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 15 ธ.ค. 2018, 20:17 
 
ออฟไลน์
สมาชิก ระดับ 6
สมาชิก ระดับ 6
ลงทะเบียนเมื่อ: 17 ส.ค. 2018, 07:07
โพสต์: 482

อายุ: 0

 ข้อมูลส่วนตัว


Rosarin เขียน:
Love J. เขียน:
หาสัตว์ บุคคล ไม่ได้ในปรมัตถ์ ไม่ใช่ สัตว์บุคคลไม่มี
หากสัตว์ บุคคล ไม่มี ปรมัตถ์จะไปมีอยู่ที่ใดใช่มั้ยล่ะครับ

พอเห็นแล้วกลายเป็นคน เป็นสัตว์ อันนี้ไม่ใช่ความเห็นผิด
มันเป็นการทำงานของขันธ์ เป็นธรรมชาติปกติ

การเห็นแล้วใจไม่ปรุงแต่ง จึงเห็นรูปเป็นแสง+สีเกิดดับ ๆ
อะไรนั้นมันคือญาณเห็นไตรลักษณ์ อันเกิดจากสัมมาสติ
โพชฌงค์ ๗ บริบูรณ์ก็เป็นสัมมาสมาธิ

ที่คุณ rosarin บอกว่าต้องรู้ตรงตามสัจจะ คุณลองเทียบ
สภาวะที่คุณเห็น ที่ว่าความเห็นตรงตามจริงตามคำสอนเดี๋ยวนี้
ปัจจุบันขณะ แล้วบอกหน่อยว่าคือสัจจะญาณอย่างไร

ทุกข์อย่างไร สมุทัยอย่างไร นิโรธอย่างไร มรรคอย่างไร

ผมอยากแลกเปลี่ยน

ตถาคตตรัสบอกให้ฟังโดยใช้กาลามสูตร10
ฟังสิคะจะได้รู้และเข้าใจปฏิกิริยาตนเอง
เพราะใช้ตาดูหูฟังรู้สึกที่ตัวตนเองไงคะ
บอกมาจากบทสนทนาเยอะแล้วก็ไม่รู้
บอกเท่าไหร่ก็รู้ไม่ได้เพราะเป็นปัญญา
สะสมจากการฟังตรงจริงตรงขณะคือ
การเงี่ยหูฟังเองไม่ฟังจะรู้หรือคะคุณ
ความเข้าใจเป็นของผู้ฟังไม่ใช่ของผู้บอก
เพราะผู้บอกเขาบอกตามการไตร่ตรองมาแล้ว
ความจริงพิสูจน์ได้ด้วยตนเองฟังไม่เข้าใจคือปัญญาไม่พอค่ะ
https://youtu.be/0149vcSl8vY
:b12:
:b16: :b16:


กาลมสูตรว่าโดยย่อก็คือควรเชื่อ เมื่อได้ทำในใจโดยแยบคายให้เกิด
สัมมาทิฏฐิ รู้กุศล อกุศล สิ่งควรละ สิ่งควรเจริญ ที่สำคัญคือรู้ อริยสัจ ๔

แต่ที่คุณ rosarin เพียรแสดงคือ สภาวะที่คุณเห็น และยึดมั่นถือมั่นว่า
ความเห็นนั้นเท่านั้นจริง ความเห็นอื่นผิด ทำให้คุณมักจะบอกว่าคนนั้น
ไม่เห็นจริง ตรงสัจจะ ไม่เข้าใจที่คุณพูดเพราะไม่มีปัญญา

ไหนทุกขสัจ
ไหนสมุทัยสัจ
ไหนนิโรธสัจ
ไหนมรรคสัจ

ผมเห็นแสดงแต่คนนั้นไม่เห็นตรงสัจจะ คนนั้นไม่เข้าใจ
สิ่งที่ตนพูดเพราะที่พูดเป็นปัญญา แต่คนอื่นเป็นสัญญา
จดจำตามกันมา

คำถามคือ ไหนปัญญาที่จะแสดงให้ผู้อ่านผู้ฟังเข้าใจ :b8: :b1:


โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 15 ธ.ค. 2018, 20:35 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
Moderators-2
Moderators-2
ลงทะเบียนเมื่อ: 16 พ.ย. 2007, 16:58
โพสต์: 7548

แนวปฏิบัติ: พุทธานุสติ
งานอดิเรก: ทำหลายอย่างแต่ตอนนี้ไฟฟ้า
สิ่งที่ชื่นชอบ: ปฏิบัติธรรม ศึกษาธรรม และแบ่งปันต่อไป
อายุ: 0
ที่อยู่: จาก ลาว ครับ

 ข้อมูลส่วนตัว


:b8:

ผู้มีปัญญามากย่อมแก้ปัญหาได้มาก เห็นเหตุการณ์ได้แจ่ม
แจ้ง ลองเข้าไปอ่านเรื่องนี้ดูครับ http://www.dhammajak.net/forums/viewtopic.php?p=432375#p432375

ปัญญาย่อมจะเห็นสิ่งที่เป็นกุศล และอกุศล เมื่อเห็นแล้วย่อม
เจริญสิ่งที่เป็นกุศลให้ยิ่งๆขึ้นไป ย่อมตัดขาดสิ่งที่เป็นอกุศล ที่เกิด
ทาง กาย วาจา ใจ ครับ

:b8:

.....................................................
เมื่อความเห็นใดมีการหัวเราะ ผมขออนุญาตไม่ยุ่ง และตอบนะครับ

สนทนาธรรมโปรดเคารพในพระธรรม และเพื่อนสมาชิกด้วย

เจริญ สติ และปัญญา


เพื่อลดละเลิก ป้องกันสิ่งที่เป็นอกุศลทาง กาย วาจา ใจ
เพื่อเจริญและรักษาไว้ชึ่งสิ่งที่เป็นกุศลทาง กาย วาจา ใจ


โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 16 ธ.ค. 2018, 07:21 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
Moderators-2
Moderators-2
ลงทะเบียนเมื่อ: 16 พ.ย. 2007, 16:58
โพสต์: 7548

แนวปฏิบัติ: พุทธานุสติ
งานอดิเรก: ทำหลายอย่างแต่ตอนนี้ไฟฟ้า
สิ่งที่ชื่นชอบ: ปฏิบัติธรรม ศึกษาธรรม และแบ่งปันต่อไป
อายุ: 0
ที่อยู่: จาก ลาว ครับ

 ข้อมูลส่วนตัว


:b8:

ทาน ศีล ภาวนา และ ศีล สมาธิ ปัญญาไม่ทราบ
ว่าทำมาแล้วหรือยังครับ ทุกสิ่งทุกอย่างล้วนแล้วเกิดแต่
เหตุ เมื่อปัจจัยพร้อมก็เกิดเหตุ เมื่อมีเหตุ ผลก็ย่อมมี

:b8:

.....................................................
เมื่อความเห็นใดมีการหัวเราะ ผมขออนุญาตไม่ยุ่ง และตอบนะครับ

สนทนาธรรมโปรดเคารพในพระธรรม และเพื่อนสมาชิกด้วย

เจริญ สติ และปัญญา


เพื่อลดละเลิก ป้องกันสิ่งที่เป็นอกุศลทาง กาย วาจา ใจ
เพื่อเจริญและรักษาไว้ชึ่งสิ่งที่เป็นกุศลทาง กาย วาจา ใจ


โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 16 ธ.ค. 2018, 09:55 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
สมาชิกระดับ 19
สมาชิกระดับ 19
ลงทะเบียนเมื่อ: 29 ต.ค. 2009, 15:06
โพสต์: 7502

อายุ: 0

 ข้อมูลส่วนตัว


Love J. เขียน:
Rosarin เขียน:
Love J. เขียน:
หาสัตว์ บุคคล ไม่ได้ในปรมัตถ์ ไม่ใช่ สัตว์บุคคลไม่มี
หากสัตว์ บุคคล ไม่มี ปรมัตถ์จะไปมีอยู่ที่ใดใช่มั้ยล่ะครับ

พอเห็นแล้วกลายเป็นคน เป็นสัตว์ อันนี้ไม่ใช่ความเห็นผิด
มันเป็นการทำงานของขันธ์ เป็นธรรมชาติปกติ

การเห็นแล้วใจไม่ปรุงแต่ง จึงเห็นรูปเป็นแสง+สีเกิดดับ ๆ
อะไรนั้นมันคือญาณเห็นไตรลักษณ์ อันเกิดจากสัมมาสติ
โพชฌงค์ ๗ บริบูรณ์ก็เป็นสัมมาสมาธิ

ที่คุณ rosarin บอกว่าต้องรู้ตรงตามสัจจะ คุณลองเทียบ
สภาวะที่คุณเห็น ที่ว่าความเห็นตรงตามจริงตามคำสอนเดี๋ยวนี้
ปัจจุบันขณะ แล้วบอกหน่อยว่าคือสัจจะญาณอย่างไร

ทุกข์อย่างไร สมุทัยอย่างไร นิโรธอย่างไร มรรคอย่างไร

ผมอยากแลกเปลี่ยน

ตถาคตตรัสบอกให้ฟังโดยใช้กาลามสูตร10
ฟังสิคะจะได้รู้และเข้าใจปฏิกิริยาตนเอง
เพราะใช้ตาดูหูฟังรู้สึกที่ตัวตนเองไงคะ
บอกมาจากบทสนทนาเยอะแล้วก็ไม่รู้
บอกเท่าไหร่ก็รู้ไม่ได้เพราะเป็นปัญญา
สะสมจากการฟังตรงจริงตรงขณะคือ
การเงี่ยหูฟังเองไม่ฟังจะรู้หรือคะคุณ
ความเข้าใจเป็นของผู้ฟังไม่ใช่ของผู้บอก
เพราะผู้บอกเขาบอกตามการไตร่ตรองมาแล้ว
ความจริงพิสูจน์ได้ด้วยตนเองฟังไม่เข้าใจคือปัญญาไม่พอค่ะ
https://youtu.be/0149vcSl8vY
:b12:
:b16: :b16:


กาลมสูตรว่าโดยย่อก็คือควรเชื่อ เมื่อได้ทำในใจโดยแยบคายให้เกิด
สัมมาทิฏฐิ รู้กุศล อกุศล สิ่งควรละ สิ่งควรเจริญ ที่สำคัญคือรู้ อริยสัจ ๔

แต่ที่คุณ rosarin เพียรแสดงคือ สภาวะที่คุณเห็น และยึดมั่นถือมั่นว่า
ความเห็นนั้นเท่านั้นจริง ความเห็นอื่นผิด ทำให้คุณมักจะบอกว่าคนนั้น
ไม่เห็นจริง ตรงสัจจะ ไม่เข้าใจที่คุณพูดเพราะไม่มีปัญญา

ไหนทุกขสัจ
ไหนสมุทัยสัจ
ไหนนิโรธสัจ
ไหนมรรคสัจ

ผมเห็นแสดงแต่คนนั้นไม่เห็นตรงสัจจะ คนนั้นไม่เข้าใจ
สิ่งที่ตนพูดเพราะที่พูดเป็นปัญญา แต่คนอื่นเป็นสัญญา
จดจำตามกันมา

คำถามคือ ไหนปัญญาที่จะแสดงให้ผู้อ่านผู้ฟังเข้าใจ :b8: :b1:

Kiss
พระพุทธเจ้าทรงแสดงว่าจิตเห็นสีตรงขณะมีแค่สี1สีดับในตาทันที
กำลังเห็นผิดตามที่ปรากฏต่อสายตาว่ามีคนสัตว์วัตถุตรงหน้าอยู่นอกตา
ก็คิดตามเห็นผิดอยู่กำลังทุกข์อยู่ไงไม่เคยเห็นถูกตรงตามคำสอนตรงปัจจุบันขณะ
ก็มองดูสิคะกำลังมองเห็นอะไรและสิ่งที่คิดถึงอยู่นอกตามีไม่ใช่เหรอคะ555สีมันดับในลูกตาตัวเอง
สีดับก่อนกะพริบตาโน่นแน่ะ...กลับหลังหันมองลูกตาตัวเอง?ก็เห็นสีไม่ได้พระพุทธเจ้าตรัสรู้ด้วยทศพลญาณ
ไม่สนใจไม่รับฟังความเห็นของคนอื่นกำลังเกิดโทสะอยู่นะคะเข้าใจคำสอนของพระพุทธเจ้าไหมว่ากำลังมีค่ะ
กำลังเป็นผู้ว่ายากเพราะไม่ยอมไปฟังคำสอนด้วยหูตนเองไม่มีกาลามสูต10ทำตามอยากทำและเห็นผิดอยู่ไง
กำลังทำตามเห็นผิดแบบนี้ยึดติด1ตำรา2ครูบาอาจารย์3ทำตามๆกัน4ขาดสติระลึกตามการฟังคำสอนอยู่ค่ะ
https://youtu.be/5Dc0upyfc_g
:b32: :b32: :b32:


โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 16 ธ.ค. 2018, 22:22 
 
ออฟไลน์
สมาชิก ระดับ 6
สมาชิก ระดับ 6
ลงทะเบียนเมื่อ: 17 ส.ค. 2018, 07:07
โพสต์: 482

อายุ: 0

 ข้อมูลส่วนตัว


'' เมื่อเจริญสติ ไม่เข้าคิดเข้าปรุงจนเห็น ตากระทบรูปเห็นสี 1 สีดับในตาทันที ''
ก็เห็นตามจริงว่า ........
สังขารทั้งหลายไม่เที่ยง ธรรมทั้งหลายเป็นอนัตตา
เห็นแล้วจึงเกิดความเบื่อหน่าย เมื่อเบื่อหน่ายก็คลายกำหนัด
เมื่อคลายกำหนัดจิตก็หลุดพ้น เมื่อจิตหลุดพ้นก็รู้ว่าจิตหลุดพ้น
ทั้งหมดก็ด้วยการทำในใจไว้ด้วยอุบายอันแยบคาย ตามคำสอน
สิ่งใดเป็นทุกข์ สิ่งใดเป็นโทษ สิ่งใดเป็นสาระ สิ่งใดไม่ใช่สาระ
สิ่งใดควรเจริญ สิ่งใดควรละ ทุกข์ สมุทัย นิโรธ มรรค

หากทำไว้ในใจด้วยอุปบายอันไม่แยบคาย
ก็เห็นผิดไปจากความจริง ไม่ได้เห็นอริยสัจ ๔ ผมยกตัวอย่างนะครับ
เช่นเห็นว่าโลกไม่มี สัตว์ไม่มี บุคคลไม่มี ไม่มีอะไรทั้งนั้น ไม่เห็นทุกข์
ไม่ดำริพ้นไปจากทุกข์ เค้าจึงไม่ปฏิบัติเพื่อพ้นไปจากทุกข์ แต่เข้าใจ
ว่าตนพ้นทุกข์ เพราะยึดมั่นถือมั่น ความเห็นที่ว่า โลกไม่มี สัตว์ไม่มี
บุคคลไม่มี ทุกสิ่งอนัตตา


โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 16 ธ.ค. 2018, 23:01 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
สมาชิกระดับ 19
สมาชิกระดับ 19
ลงทะเบียนเมื่อ: 29 ต.ค. 2009, 15:06
โพสต์: 7502

อายุ: 0

 ข้อมูลส่วนตัว


Love J. เขียน:
'' เมื่อเจริญสติ ไม่เข้าคิดเข้าปรุงจนเห็น ตากระทบรูปเห็นสี 1 สีดับในตาทันที ''
ก็เห็นตามจริงว่า ........
สังขารทั้งหลายไม่เที่ยง ธรรมทั้งหลายเป็นอนัตตา
เห็นแล้วจึงเกิดความเบื่อหน่าย เมื่อเบื่อหน่ายก็คลายกำหนัด
เมื่อคลายกำหนัดจิตก็หลุดพ้น เมื่อจิตหลุดพ้นก็รู้ว่าจิตหลุดพ้น
ทั้งหมดก็ด้วยการทำในใจไว้ด้วยอุบายอันแยบคาย ตามคำสอน
สิ่งใดเป็นทุกข์ สิ่งใดเป็นโทษ สิ่งใดเป็นสาระ สิ่งใดไม่ใช่สาระ
สิ่งใดควรเจริญ สิ่งใดควรละ ทุกข์ สมุทัย นิโรธ มรรค

หากทำไว้ในใจด้วยอุปบายอันไม่แยบคาย
ก็เห็นผิดไปจากความจริง ไม่ได้เห็นอริยสัจ ๔ ผมยกตัวอย่างนะครับ
เช่นเห็นว่าโลกไม่มี สัตว์ไม่มี บุคคลไม่มี ไม่มีอะไรทั้งนั้น ไม่เห็นทุกข์
ไม่ดำริพ้นไปจากทุกข์ เค้าจึงไม่ปฏิบัติเพื่อพ้นไปจากทุกข์ แต่เข้าใจ
ว่าตนพ้นทุกข์ เพราะยึดมั่นถือมั่น ความเห็นที่ว่า โลกไม่มี สัตว์ไม่มี
บุคคลไม่มี ทุกสิ่งอนัตตา

:b12:
คำสอนตรงจริงตรงทางตรงสัจจะทีละ1แต่ละ1ไม่ปนกันไม่ซ้ำเก่าและไม่มีตัวตนแม้แต่ขณะเดียวนะคะ
เห็นคือเห็น เห็นไม่คิด เห็นไม่มีเสียง เห็นไม่มีหู แมวเห็น คนเห็น เทวดาเห็น พรหมเห็น คือจิตเห็นเหมือนกัน
เห็นแต่เพียงสิ่งที่ปรากฏให้เห็นได้เท่านั้น สิ่งที่กำลังเห็นไม่ใช่สิ่งที่ถูกเห็น คนที่เห็นแล้วไม่ใช่คนที่ถูกเห็นค่ะ
1ขณะที่เห็นดับมีภวังคจิตคั่นส่งต่อไปทางมโนทวารวิถีดับที่ใจมีภวังคจิตคั่นครั้งที่2จึงเกิดจิตทางอื่นได้นะคะ
:b32:
:b16: :b16:


แก้ไขล่าสุดโดย Rosarin เมื่อ 16 ธ.ค. 2018, 23:54, แก้ไขแล้ว 1 ครั้ง

โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 16 ธ.ค. 2018, 23:50 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
สมาชิกระดับ 19
สมาชิกระดับ 19
ลงทะเบียนเมื่อ: 29 ต.ค. 2009, 15:06
โพสต์: 7502

อายุ: 0

 ข้อมูลส่วนตัว


Rosarin เขียน:
Love J. เขียน:
'' เมื่อเจริญสติ ไม่เข้าคิดเข้าปรุงจนเห็น ตากระทบรูปเห็นสี 1 สีดับในตาทันที ''
ก็เห็นตามจริงว่า ........
สังขารทั้งหลายไม่เที่ยง ธรรมทั้งหลายเป็นอนัตตา
เห็นแล้วจึงเกิดความเบื่อหน่าย เมื่อเบื่อหน่ายก็คลายกำหนัด
เมื่อคลายกำหนัดจิตก็หลุดพ้น เมื่อจิตหลุดพ้นก็รู้ว่าจิตหลุดพ้น
ทั้งหมดก็ด้วยการทำในใจไว้ด้วยอุบายอันแยบคาย ตามคำสอน
สิ่งใดเป็นทุกข์ สิ่งใดเป็นโทษ สิ่งใดเป็นสาระ สิ่งใดไม่ใช่สาระ
สิ่งใดควรเจริญ สิ่งใดควรละ ทุกข์ สมุทัย นิโรธ มรรค

หากทำไว้ในใจด้วยอุปบายอันไม่แยบคาย
ก็เห็นผิดไปจากความจริง ไม่ได้เห็นอริยสัจ ๔ ผมยกตัวอย่างนะครับ
เช่นเห็นว่าโลกไม่มี สัตว์ไม่มี บุคคลไม่มี ไม่มีอะไรทั้งนั้น ไม่เห็นทุกข์
ไม่ดำริพ้นไปจากทุกข์ เค้าจึงไม่ปฏิบัติเพื่อพ้นไปจากทุกข์ แต่เข้าใจ
ว่าตนพ้นทุกข์ เพราะยึดมั่นถือมั่น ความเห็นที่ว่า โลกไม่มี สัตว์ไม่มี
บุคคลไม่มี ทุกสิ่งอนัตตา

:b12:
คำสอนตรงจริงตรงทางตรงสัจจะทีละ1แต่ละ1ไม่ปนกันไม่ซ้ำเก่าและไม่มีตัวตนแม้แต่ขณะเดียวนะคะ
เห็นคือเห็น เห็นไม่คิด เห็นไม่มีเสียง เห็นไม่มีหู แมวเห็น คนเห็น เทวดาเห็น พรหมเห็น คือจิตเห็นเหมือนกัน
เห็นแต่เพียงสิ่งที่ปรากฏให้เห็นได้เท่านั้น สิ่งที่กำลังเห็นไม่ใช่สิ่งที่ถูกเห็น คนที่เห็นแล้วไม่ใช่คนที่ถูกเห็นค่ะ
1ขณะที่เห็นดับมีภวังคจิตคั่นส่งต่อไปทางมโนทวารวิถีดับที่ใจมีภวังคจิตคั่นครั้งที่2จึงเกิดจิตทางอื่นได้นะคะ
:b32:
:b16: :b16:

สวรรค์ของเหล่าเทพพรหมเทวาคือการได้อัตภาพมนุษย์ได้พบพระสัทธรรมและมีโอกาสได้ฟังพระสัทธรรม
ที่เกิดมาแล้วเนี่ยอาจมาจากเทวดาก็ได้แต่ลืมไงคะลืมว่าต้องฟังสะสมปัญญาเพราะทุกภพภูมิทำไปจากมนุษย์
:b20: :b20:


โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 17 ธ.ค. 2018, 00:37 
 
ออฟไลน์
สมาชิก ระดับ 6
สมาชิก ระดับ 6
ลงทะเบียนเมื่อ: 17 ส.ค. 2018, 07:07
โพสต์: 482

อายุ: 0

 ข้อมูลส่วนตัว


ผมเข้าใจสิ่งที่คุณพูดครับ แต่มันไม่เป็นสาระ
และผมเข้าใจยิ่งไปกว่านั้นว่า อะไรที่เป็นสาระ
อะไรคือทุกขสัจ
อะไรคือสมุทัยสัจ
อะไรคือมรรคสัจ
อะไรคือนิโรธสัจ

ที่คุณเห็นนั้น พระพุทธเจ้าไม่บังเกิดก็มีผู้เห็นได้
เกิดศาสดามากมาย เพราะได้เห็นสิ่งที่คุณเห็น
แล้วทำในใจอย่างไม่แยบคาย เห็นโลกสูญเปล่า
เป็นมิจฉาทิฏฐิ ไม่รู้อริยสัจ 4 ไม่รู้มรรคาปฏิปทา
แต่ยึดมั่นถือมั่นความเห็นผิดว่าโลกสูญเปล่านั้น
เป็นความหลุดพ้น


โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 17 ธ.ค. 2018, 01:04 
 
ออฟไลน์
สมาชิก ระดับ 6
สมาชิก ระดับ 6
ลงทะเบียนเมื่อ: 17 ส.ค. 2018, 07:07
โพสต์: 482

อายุ: 0

 ข้อมูลส่วนตัว


การเห็นว่าโลกไม่มี คนไม่ สัตว์ไม่มี ไม่ใช่ การเห็นอนัตตา หรือ อนัตลักษณะ

การเห็นอนัตตา หรือ อนัตลักษณะ นั้นคือการเห็นเหตุปัจจัยการเกิดขึ้น มีขึ้น ของ
ธรรมทั้งปวง เห็นเหตุปัจจัยการดับของธรรมทั้งปวง หาสิ่งใดเกิดเอง มีเอง เป็นเอง
ไม่ได้ หาความเป็นตัวตนในสิ่งใดไม่ได้ จึงเห็นทุกขสัจ สมุทัยสัจ นิโรธสัจ มรรคสัจ

ขอบนอบน้อมแด่พระสัมมาสัมพุทธเจ้าพระองค์นั้น

ปฏิจจสมุปบาท

อวิชชาปัจจะยา สังขารา เพราะอวิชชาเป็นปัจจัย สังขารจึงมี
สังขาระปัจจะยา วิญญานัง เพราะสังขารเป็นปัจจัย วิญญาณจึงมี
วิญญาณะปัจจะยา นามะรูปัง เพราะวิญญาณเป็นปัจจัย นามรูปจึงมี
นามะรูปะปัจจะยา สะฬายะตะนัง เพราะนามรูปเป็นปัจจัย สฬายตนะจึงมี
สะฬายะตะนะปัจจะยา ผัสโส เพราะสฬายตนเป็นปัจจัย ผัสสะจึงมี
ผัสสะปัจจะยา เวทนา เพราะผัสสะเป็นปัจจัย เวทนาจึงมี
เวทะนายะปัจจะยา ตัณหา เพราะเวทนาเป็นปัจจัย ตัณหาจึงมี
ตัณหาปัจจะยา อุปาทานัง เพราะตัณหาเป็นปัจจัย อุปาทานจึงมี
อุปาทานะปัจจะยา ภะโว เพราะอุปาทานเป็นปัจจัย ภพจึงมี
ภะวะปัจจะยา ชาติ เพราะภพเป็นปัจจัย ชาติจึงมี
ชาติปัจจะยา ชะรามะระณัง เพราะชาติเป็นปัจจัย ชรามรณะจึงมี
โสกะปะริเทวะทุกขะโทมะนัสสุปายาสา สัมภะวันติ ความโศก ความคร่ำครวญ ทุกข์ โทมนัส และความคับแค้นใจ ก็มีพร้อม
เอวะเมตัสสะ เกวะลัสสะ ทุกขักขันธัสสะ สะมุทะโย โหติ การเกิดขึ้นแห่งกองทุกข์ทั้งปวงนี้ จึงมีด้วยประการฉะนี้ ฯ
อวิชชายะ เตววะ อะเสสะวิราคะนิโรธา สังขาระนิโรโธ เพราะอวิชชาสำรอกดับไปไม่เหลือ สังขารจึงดับ
สังขาระนิโรธา วิญาณะนิโรโธ เพราะสังขารดับ วิญญาณจึงดับ
วิญญาณะนิโรธา นามรูปะนิโรโธ เพราะวิญญาณดับ นามรูปจึงดับ
นามะรูปะนิโรธา สะฬายะตะนะนิโรโธ เพราะนามรูปดับ สฬายตนะจึงดับ
สะฬายะตะนะนิโรธา ผัสสะนิโรโธ เพราะสฬายตนะดับ ผัสสะจึงดับ
ผัสสะนิโรธา เวทนานิโรโธ เพราะผัสสะดับ เวทนาจึงดับ
เวทนานิโรธา ตัณหานิโรโธ เพราะเวทนาดับ ตัณหาจึงดับ
ตัณหานิโรธา อุปาทานะนิโรโธ เพราะตัณหาดับ อุปาทานจึงดับ
อุปาทานะนิโรธา ภะวะนิโรโธ เพราะอุปาทานดับ ภพจึงดับ
ภะวะนิโรธา ชาตินิโรโธ เพราะภพดับ ชาติจึงดับ
ชาตินิโรธา ชะรามะระณัง เพราะชาติดับ ชรามรณะจึงดับ
โสกะปะริเทวะทุกขะโทมะนัสสุปายาสา นิรุชฌันติ ความโศก ความคร่ำครวญ ทุกข์ โทมนัส และความคับแค้นใจจึงดับ
เอวะเมตัสสะ เกวะลัสสะ ทุกขักขันธัสสะ นิโรโธ โหติ การดับแห่งกองทุกข์ทั้งปวงนี้ จึงมีด้วยประการฉะนี้ ฯ

สัพเพ ธัมมา อนัตตา


แสดงโพสต์จาก:  เรียงตาม  
กลับไปยังกระทู้  [ 44 โพสต์ ]  ไปที่หน้า ย้อนกลับ  1, 2, 3

เขตเวลา GMT + 7 ชั่วโมง


 ผู้ใช้งานขณะนี้

กำลังดูบอร์ดนี้: ไม่มีสมาชิก และ บุคคลทั่วไป 58 ท่าน


ท่าน ไม่สามารถ โพสต์กระทู้ในบอร์ดนี้ได้
ท่าน ไม่สามารถ ตอบกระทู้ในบอร์ดนี้ได้
ท่าน ไม่สามารถ แก้ไขโพสต์ของท่านในบอร์ดนี้ได้
ท่าน ไม่สามารถ ลบโพสต์ของท่านในบอร์ดนี้ได้
ท่าน ไม่สามารถ แนบไฟล์ในบอร์ดนี้ได้

ค้นหาสำหรับ:
ไปที่:  
Google
ทั่วไป เว็บธรรมจักร