วันเวลาปัจจุบัน 19 เม.ย. 2024, 02:27  



เขตเวลา GMT + 7 ชั่วโมง




กลับไปยังกระทู้  [ 2 โพสต์ ]    Bookmark and Share
เจ้าของ ข้อความ
โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 15 ธ.ค. 2018, 09:11 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
อาสาสมัคร
อาสาสมัคร
ลงทะเบียนเมื่อ: 06 มี.ค. 2009, 10:48
โพสต์: 5091


 ข้อมูลส่วนตัว


"บัณฑิตต้องฝึกตัวเอง
มองตัวเอง แก้ตัวเอง

คนพาลเท่านั้น ที่ไปแก้คนอื่น
ไปห้ามคนอื่น ไม่ให้เขาทำกับเรา
มันเป็นไปได้ยาก

ทุกข์ก็ดี สุขก็ดี
มันเกิดขึ้นจากตัวเรา

โกรธก็ดี โลภก็ดี หลงก็ดี
เกิดขึ้นจากตัวเรา

แม้คนอื่นจะทำเรา
มันเป็นเรื่องของเรา
ที่จะไม่สุข ไม่ทุกข์"

หลวงพ่อคำเขียน สุวัณโณ





...ถ้าต้องการให้ใจนิ่ง
ให้ใจสงบ ก็ "พุทโธ"ไป
พุทโธนี้เป็นเหมือน..เบรค..
...............................................
.
คัดลอกการสนทนาธรรม
ธรรมะบนเขา 15 / 12 / 2559
พระอาจารย์สุชาติ อภิชาโต
วัดญาณสังวรารามฯ ชลบุรี






....ชาวพุทธในปัจจุบันอยู่ในขั้นอนุบาลมาก ไปไหนก็เห็นแห่กันไปทำบุญ หิ้วของสังฆทานเหมือนจะบุญมาก แต่ไม่เคยไปรักษาศีล วัดแต่ละวัดก็ว่างเว้น โบสถ์ศาลาแทบจะไม่มีอุบาสกอุบาสิกามารักษาศีลเลย ยิ่งภาวนายิ่งไม่เอา จะมีบ้างก็ที่แห่ไปทำบุญเฉย ๆ
...
บุญในส่วนทานมันเป็นปกติของชาวพุทธอยู่แล้ว แต่บุญรักษาศีล บุญภาวนา นี่ บุญใหญ่ บุญจะเข้าถึงพระพุทธ พระธรรม พระสงฆ์ บุญจะเข้าถึงมรรคถึงผล มันต้องบุญที่เกิดจากจิตตภาวนาเท่านั้น ไม่ใช่จะไปอ่าน ไม่ใช่จะไปฟัง ไม่ใช่จะไปจำธรรมะ ความจำจะมีประโยชน์อะไร มีประโยชน์ก็แค่เอามาเป็นคติเฉย ๆ ความจริงต่างหากที่จะแก้กิเลส ถึงบอกให้พวกเรายกระดับให้ถึงความจริงให้ได้ พวกเราต้องพยายาม อย่าคว้าแต่น้ำเหลว พุทธศาสนาไม่ใช่ของเล่น ไม่ใช่ตุ๊กตา ต้องจริงต้องจัง ถึงจะเข้าสู่ความจริง ถ้าเราเหลาะ ๆ แหละ ๆ ไม่มีวันจะเข้าถึงความจริง คนที่จะเข้าถึงความจริงต้องเป็นคนที่จริงจัง เรามีแต่ความจอมปลอมอยู่ในใจ แล้วจะได้ความจริงได้ยังไง
...
ดูครูบาอาจารย์แต่ละองค์สิ ท่านเดนตายมาแล้วทั้งนั้น ท่านไม่เคยได้อรรถได้ธรรมด้วยความสุขสบายที่ไหน นั่งหามรุ่งหามค่ำ เดินจงกรมตลอดทั้งคืน ไอ้เรานั่งสมาธินิด ๆ หน่อย ๆ ก็บ่นนั่นบ่นนี่ จะทนแค่นี้ก็ทนไม่ได้ เพราะความจริงมันไม่ปรากฏ มีแต่ความจอมปลอม กลัวนั่นกลัวนี่ กลัวยากลำบาก ธรรมถ้าไม่เอาความทุกข์ไปแลก ยังไงก็ไม่ได้ เราจะเอาแต่สบาย จะเอากิเลสไปแก้กิเลสเหรอ มันเป็นไปไม่ได้ ต้องเอาทุกข์เข้าไปสู้ นี่อะไร พอทุกข์เกิดขึ้นก็ พอแล้ว ๆ

...
พระอาจารย์โสภา สมโณ
๒๑ มกราคม ๒๕๖๑





เคยได้ยินคำนี้ไหม
“ เวลาแห่งความสุขมักหมดไปเร็ว
แต่เวลามีความทุกข์แต่ละนาทีนานมาก “
เวลามันเท่าเดิม
แต่จิตใจเราต่างหากที่หลงไปเอง
ด้วยความอยากและไม่อยาก
พระอธิการครรชิต อกิญจโน
วัดป่าสันติธรรม อ.เมือง ชัยภูมิ







สุขอื่นยิ่งกว่าความสงบไม่มี
-------------------------------
เราละฆราวาสวิสัยมาบรรพชาอุปสมบทกับพระพุทธเจ้า เมื่อได้ฟังคำสอนของพระพุทธเจ้าแล้ว ก็ต้องตั้งใจปฏิบัติอย่างจริงจัง เอาชีวิตเป็นเดิมพันแม้จะตายก็ไม่ได้เสียดาย เมื่อท่านได้ตั้งใจอธิษฐานอย่างนี้แล้ว ก็ตั้งใจประกอบความพากความเพียรให้มั่นคงถาวร เพื่อจะได้สำเร็จเป็นพระอรหันต์ขีณาสพเป็นผู้ที่ไม่เกิด

ทีนี้อย่างพวกเรายังจะต้องเกิด แต่ว่าเกิดนั้นให้เกิดดี ให้เกิดในตระกูลที่ดี ก็เพราะเนื่องมาจากที่เราได้ประพฤติปฏิบัติอยู่อย่างในปัจจุบันนี้ เพราะฉะนั้น การที่ประพฤติปฏิบัติธรรม คำสั่งสอนของพระสัมมาสัมพุทธเจ้านั้น พระองค์เป็นแต่ผู้บอก ครูบาอาจารย์ทั้งหลายที่เราได้อาราธนาท่านมาให้โอวาทนั้น ก็เป็นแต่เพียงผู้บอก แม้ตัวท่านเองก็ต้องประพฤติปฏิบัติเช่นเดียวกับพวกท่าน แต่จะต่างกันก็คือ ท่านเป็นเพศบรรพชิต จิตของท่านก็จะละเอียดลออกว่าที่เป็นฆราวาส ถึงแม้ว่าเป็นฆราวาสนั้น ถ้าตั้งใจประพฤติปฏิบัติอย่างจริงจัง ก็จะเห็นความสุขอันเกิดขึ้นในขณะที่เรากำลังนั่งกำหนดจิต เมื่อจิตมันวางจากอารมณ์ภายนอกได้แล้ว ความสุขทางจิต คือ ปิติก็ย่อมเกิดจึ้น

ท่านจึงให้ชื่อว่า นตฺถิ สนฺติ ปรํ สุขํ (นัตถ สันติ ปะรัง สุขขัง) สุขอื่นยิ่งกว่าความสงบไม่มี ความสงบในที่นี้ หมายถึง ใจของเรามันวางจากอารมณ์ภายนอก แม้สิ่งใดจะผ่านเข้ามา เช่น อย่างรูปผ่านเข้ามาทางตา เสียงผ่านเข้ามาทางหู กลิ่นผ่านเข้ามาทางจมูก รสผ่านเข้ามาทางลิ้น อย่างนี้เป็นต้น ใจไม่ยึด ใจไม่ถือ ใจวางเสีย นั้นแหละเรียกว่า ได้รับความสุขกายสบายใจ เมื่อใจสบายแล้ว กายก็พลอยสบายไปด้วย

หลวงปู่จันทร์ศรี จนฺททีโป


โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 15 ธ.ค. 2018, 13:24 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
Moderators-2
Moderators-2
ลงทะเบียนเมื่อ: 16 พ.ย. 2007, 16:58
โพสต์: 7548

แนวปฏิบัติ: พุทธานุสติ
งานอดิเรก: ทำหลายอย่างแต่ตอนนี้ไฟฟ้า
สิ่งที่ชื่นชอบ: ปฏิบัติธรรม ศึกษาธรรม และแบ่งปันต่อไป
อายุ: 0
ที่อยู่: จาก ลาว ครับ

 ข้อมูลส่วนตัว


Kiss Kiss Kiss
:b8: :b8: :b8:

อยากได้ของจริงก็ต้องทำจริง อยากได้ความสุขต้องเอาความทุกข์เข้าแลก

เพราะสุขและทุกข์ก็อยู่กันคนละด้าน เมื่อทุกข์ถึงที่สุดแล้วความสุขก็ย่อม
เข้ามาแทนที่ อันนี้ทำไปทุกข์หน่อยก็บอกว่าเคร่งเกินไป มีแต่เข้าข้างกิเสล
เพราะเดินตามกระแสกิเลสนั้นง่าย ชอบสะบาย ไม่ชอบความลำบาก การตาม
ความอยากของทวารทั้ง ๖ นั้นใครๆก็ทำได้ แต่การฝืนกระแสความอยากสิทำ

ได้อยาก เรียนมากแต่ไม่ลงมือปฏิบัติแบบจริงจังสักทีก็เป็นเพียงได้แค่พูดเท่า
นั้น ลองดูง่ายๆ อีกอย่างเวลาเราหิวๆ ไปนั่งต่อหน้าคนที่เค้าทานข้าวกันเราจะ
ทนได้ไหม s006 คือไม่ทานข้าว เห็นคนอื่นทานข้าวดื่มเหล้าดื่มเบียร์แล้ว
ปติเสดได้ไหม? ไม่เริ่มฝึกฝืนใจตัวเองบ้างก็ทำไม่ได้สักที เริ่มวันนี้ เริ่มจากเล็ก
ๆน้อยๆ หลายๆครั้ง หลายเวลา หลายโอกาศ หลายอย่าง แล้วค่อยเพิ่มขึ้นรวม
เป็นกำลังที่จะสามารถทำงานต่างๆได้

:b8:

.....................................................
เมื่อความเห็นใดมีการหัวเราะ ผมขออนุญาตไม่ยุ่ง และตอบนะครับ

สนทนาธรรมโปรดเคารพในพระธรรม และเพื่อนสมาชิกด้วย

เจริญ สติ และปัญญา


เพื่อลดละเลิก ป้องกันสิ่งที่เป็นอกุศลทาง กาย วาจา ใจ
เพื่อเจริญและรักษาไว้ชึ่งสิ่งที่เป็นกุศลทาง กาย วาจา ใจ


แสดงโพสต์จาก:  เรียงตาม  
กลับไปยังกระทู้  [ 2 โพสต์ ] 

เขตเวลา GMT + 7 ชั่วโมง


 ผู้ใช้งานขณะนี้

กำลังดูบอร์ดนี้: Google [Bot] และ บุคคลทั่วไป 16 ท่าน


ท่าน ไม่สามารถ โพสต์กระทู้ในบอร์ดนี้ได้
ท่าน ไม่สามารถ ตอบกระทู้ในบอร์ดนี้ได้
ท่าน ไม่สามารถ แก้ไขโพสต์ของท่านในบอร์ดนี้ได้
ท่าน ไม่สามารถ ลบโพสต์ของท่านในบอร์ดนี้ได้
ท่าน ไม่สามารถ แนบไฟล์ในบอร์ดนี้ได้

ค้นหาสำหรับ:
ไปที่:  
Google
ทั่วไป เว็บธรรมจักร