ลานธรรมจักร
http://www.dhammajak.net/forums/

พัฒนากามสุข
http://www.dhammajak.net/forums/viewtopic.php?f=1&t=56830
หน้า 1 จากทั้งหมด 2

เจ้าของ:  กรัชกาย [ 29 พ.ย. 2018, 20:01 ]
หัวข้อกระทู้:  พัฒนากามสุข

รูปภาพ

ต่อจาก กท.นี้

viewtopic.php?f=1&t=56750

ทำความเข้าใจกามสุขให้ชัดก่อน :b12:

เจ้าของ:  กรัชกาย [ 29 พ.ย. 2018, 20:06 ]
หัวข้อกระทู้:  Re: พัฒนากามสุข

พัฒนากามสุขที่สุขแย่งกัน ให้มีความสุขที่สุขด้วยกัน


มองอออกไปอีกด้านหนึ่ง แม้แต่ท่ามกลางกามสุขที่ผูกอยู่ กับ ความเห็นแก่ตัวนั้น เมื่อมนุษย์มีธรรมชุดพรหมวิหารมาแผ่ขยายจิตใจออกไปแล้ว จิตใจของเขาก็จะเริ่มคลายออกจากความเห็นแก่ตัวนั้น เขาจะมีจิตใจที่ไม่แต่เพียงคิดอยากได้โน่นได้นี่ และหาทางให้ได้เสพสมปรารถนาแล้วก็มีความสุข เอาสุขแต่ตัว แต่ตอนนี้ เขาไม่คิดแค่นั้น บางครั้งเขาคิดถึงความสุขของคนอื่นขึ้นมาบ้าง และเขาจะมีความสุขเพิ่มขึ้นอีกประเภทหนึ่ง ที่พอจะมาถ่วงมาดุลได้บ้าง คือ ฉันทะและความสุขเชิงสังคมนี้ ที่ว่า เมื่อเห็นใคร ก็อยากให้เขามีหน้าตาดี มีร่างกายแข็งแรง สมบูรณ์ มีความสุข เป็นต้น ไม่ใช่เอาแค่ตัว แต่คิดจะให้คนอื่นเป็นสุขด้วย

อย่างที่ว่าแล้ว แค่อยากให้เขามีความสุข ก็เป็นเมตตา ก็คือไมตรี หรือมีความเป็นมิตรนั่นเอง

ถ้าอยากให้เขาพ้นจากทุกข์ ก็เป็นกรุณา

ถ้าพลอยสุขด้วย เมื่อเขามีความสุขสำเร็จยิ่งขึ้นไป ก็เรียกว่า มุทิตา

แล้วเมื่อเขาจะทำอะไรผิดพลาด เราอยากให้เขาอยู่ในความถูกต้อง เป็นไปในทางที่ชอบธรรม เราก็วางใจอยู่ในอุเบกขาที่จะรักษาธรรมไว้

พอมี ๔ อย่างนี้ จิตใจคนก็กว้างใหญ่แผ่ขยายออกไป สมอย่างที่เรียกว่าเป็นพรหม แล้วคนก็มีความสุขเพิ่มขึ้น และที่สำคัญ คือ เป็นความสุขร่วมกัน หรือสุขด้วยกัน

เจ้าของ:  กรัชกาย [ 29 พ.ย. 2018, 20:12 ]
หัวข้อกระทู้:  Re: พัฒนากามสุข

ถ้าอยู่แค่ความสุขแบบกามสุข คือ ความสุขที่อาศัยอามิสวัตถุภายนอก ก็แน่ชัดว่า จะเป็นความสุขแบบแย่งกัน แย่งกันสุข ชิงกันสุข ถ้าฉันได้ คุณก็เสีย หรือฉันได้ คุณอด คุณได้ ฉันอด
ถ้าฉันสุข เขาก็ไม่ได้สุข หรือ เขาอาจจะทุกข์ไปเลย หรือถ้าเขาสุข ฉันก็ไม่ได้สุข หรือฉันอาจจะได้ความทุกข์

สรุปก็คือ ไม่ได้สุขร่วมกัน แต่เป็นการแย่งกันสุข หรือสุขแบบแย่งกัน

อย่างที่ว่าแล้ว ผลเสียที่สำคัญของกามสุข หรือสามิสสุข อยู่ตรงนี้ และที่โลกเดือดร้อน มีปัญหาเบียดเบียนรบราฆ่าฟันกันนัก ก็เพราะแย่งกามสุขกันนี่แหละ จึงต้องปฏิบัติจัดการกับมันให้ลดปัญหา และขยายประโยชน์ พร้อมทั้งให้คนพัฒนาสูงขึ้นไป

เจ้าของ:  กรัชกาย [ 29 พ.ย. 2018, 20:14 ]
หัวข้อกระทู้:  Re: พัฒนากามสุข

แต่ถ้าเป็นความสุขจากชุดพรหมวิหาร เริ่มแต่เมตตาไป ก็เป็นการร่วมกันสุข คือเป็นความสุขร่วมกัน สุขด้วยกัน อยากให้เขามีความสุข เมื่อเขาสุขสมใจเราแล้ว เราก็สุขด้วย แม่ต้องการให้ลูกมีความสุข ถ้าลูกยังไม่สุข แม่ก็สุขไม่ได้ ต้องให้ลูกมีความสุข แม่จึงจะเป็นสุขได้ ลูกสุขได้ แม่ก็สุขได้ ก็จึงสุขด้วยกัน ร่วมกันสุข

อันนี้ คือ การพัฒนาความสุขขึ้นไปอีกขั้นหนึ่ง เป็นความสุขเชิงสังคม ก้าวจากความสุขแบบแย่งกัน หรือ สุขแบบตัวใครตัวมัน แย่งกันสุข ขึ้นมาเป็นความสุขแบบร่วมกัน หรือสุขด้วยกัน ซึ่งเป็นการศึกษาและพัฒนาจริยธรรมอย่างสำคัญยวดยิ่ง จะช่วยให้โลกก้าวไปสู่สันติสุขได้อย่างมั่นใจ

เพราะฉะนั้น พระพุทธเจ้าจึงทรงเน้นมากให้สร้าง ให้พัฒนาความสุขทางสังคมขึ้นมาให้ได้ จึงเน้นเหลือเกินในเรื่อง เมตตา กรุณา มุทิตา อุเบกขา

แต่ที่จริงไม่ใช่เท่านี้ อันนี้เป็นเรื่องของการพัฒนาจิตใจให้มีคุณภาพ ถ้าจะให้เป็นผลจริง ก็ต้องออกสู่ปฏิบัติ
การด้วยสังคหวัตถุ และสาราณียธรรมด้วย

เจ้าของ:  กรัชกาย [ 29 พ.ย. 2018, 20:20 ]
หัวข้อกระทู้:  Re: พัฒนากามสุข

ในที่นี้ แม้จะไม่พูดเรื่องการบริหารจัดการกามสุขโดยตรง แต่เรื่องกามสุขโยงเข้ามา ในแง่ของการพัฒนาที่มาสัมพันธ์ กับ ความสุขเชิงสังคม จึงต้องพูดบ้างเล็กน้อยตามที่จำเป็น หรือพาดพิงอิงกัน

เจ้าของ:  กรัชกาย [ 29 พ.ย. 2018, 20:22 ]
หัวข้อกระทู้:  Re: พัฒนากามสุข

ดังที่กล่าวแล้ว พระพุทธเจ้าตรัสเรื่องกามสุข ว่าจะจัดการอย่างไรให้เป็นไปโดยถูกต้องชอบธรรม ให้ไม่เสียหาย อย่างน้อยก็ให้ลดทุกข์บรรเทาโทษลงมา และให้รู้จักในทางบวก ให้เป็นคุณเป็นประโยชน์ให้มากที่สุด

พระองค์ตรัสตามที่มันเป็นว่า กามสุขนั้นก็เป็นสุข แล้วก็ตรัสต่อไปตามหลักที่เคยบอกแล้วว่า กามนั้น มีอัสสาทะ คือ ข้อดี มีอาทีนวะ คือข้อเสีย และมีนิสสรณะ คือทางออกที่แก้ไข หรือให้หลุดพ้นไปจากข้อบกพร่องนั้นอย่างไรด้วย (จะใช้เป็นคำไทยให้ง่ายขึ้นว่า อัสสาห์ อาทีนว์ และนิสสรณ์ ก็ได้)

จะเอานิสสรณ์ของกาม ก็มาที่นี่แหละ คือมาพัฒนาความสุขที่สูงขึ้นไป เริ่มด้วยการพัฒนาความสุขทางสังคมนี่เอง ถึงยังจะเสพกามสุข ท่านก็ไม่ว่าอะไร แต่นอกจากใช้ศีล ๕ คุมยั้งกันไว้บ้างแล้ว ก็มาพัฒนาความสุขทางสังคมขึ้นไป ก็จะช่วยให้ประดามนุษย์ ไม่มัววุ่นวายอยู่กับตัวเองมากเกินไป และไม่มัวมุ่งแต่แข่งขันแย่งชิงกัน แต่จะมีการช่วยเหลือร่วมมือกันมากขึ้น ขณะที่ตัวเองก็มีความสุขเพิ่มขึ้นมาอีกด้านหนึ่ง ที่ยั่งยืนกว่ากามสุขด้วย


บางทีคนไม่รู้ตัวว่า การหาความสุขให้กับตัวเอง ที่มัวเห็นแก่ความสุขของตนนั้น ไปๆมาๆ โดยไม่รู้ตัว มันทำให้กลายเป็นคนที่ทุกข์ง่าย และเมื่อทุกข์ได้ง่าย ก็มีความโน้มเอียงที่จะมีทุกข์มากขึ้น เรื่องเป็นอย่างไร

เจ้าของ:  กรัชกาย [ 29 พ.ย. 2018, 20:53 ]
หัวข้อกระทู้:  Re: พัฒนากามสุข

ต่อ


หันไปดูด้านความสุขแบบร่วมกันสุขนั้น เริ่มจากเราเห็นคนทั้งหลายอยู่ดีมีความสุข เราก็มีความสุขไปด้วย นี่คือเมตตา
ทีนี้ต่อไปก็คือกรุณา ที่ว่าเราอยากเห็นเขาพ้นจากทุกข์ หายป่วยหายไข้ และพอเขาหายได้จริง มีร่างกายแข็งแรงดี เราก็มีความสุข แต่ข้อกรุณานี้ ไม่ใช่ให้ผลแค่นั้น ยังมีผลดีมากกว่านั้นอีก

แม้แต่ว่าเราเจ็บไข้อยู่ หรือว่าเราเจ็บไข้ได้ป่วยขึ้นมา เราเป็นโรคนั้นโรคนี้ มีความทุกข์ทรมานเหลือเกิน ทีนี้ ถ้าเรามัวแต่ใส่ใจเรื่องตัวเอง นึกถึงตัวเองว่า ทำไมฉันถึงต้องเป็นอย่างนั้น ทำไมฉันถึงต้องเป็นอย่างนี้ ก็ทุกข์แย่เลย
บางคนหนังกว่านั้นอีก คิดว่าโรคนี้ ใครจะเป็นก็เป็นไป ทำไมจะต้องเป็นกับเราด้วย คิดอย่างนี้ ก็มีแต่จะต้องทุกข์ แล้วก็ทุกข์มากมากเกินกว่าธรรมดาด้วย

ทีนี้ ถ้ามีกรุณา พอเราเจ็บไข้ได้ป่วย ก็ไม่ครุ่นคิดอยู่แค่ตัวเอง แต่จะมองกว้างออกไปถึงเพื่อนมนุษย์ ก็คิดถึงคนอื่นๆ เออ นี่เราเจ็บไข้ เป็นโรคนี้ ขนาดนี้ ยังมีทุกขเวทนาและยากลำบากอย่างนี้ แล้วคนในโลกนี้ แม้แต่ในเมืองไทยเรานี้ ที่ยากจนข้นแค้น ไร้ญาติขาดมิตร ไม่มีเงินซื้อยา ไม่มีคนดูแล เขาจะเป็นอย่างไร

รูปภาพ


เราเจ็บป่วยอย่างนี้ก็จริง แต่ยังมีญาติมิตรดูแล ยังมีคนพาไปหาคุณหมอ หรือบางทีคุณหมอก็มารักษาให้ อย่างน้อยก็ยังมีที่อยู่ที่กินที่นอน แล้วคนที่ป่วยอย่างนี้ แถมไม่มีที่อยู่ที่กินที่นอน จะทุกข์ยากลำบากแค่ไหน

พอนึกขึ้นมาอย่างนี้ โรคที่เจ็บป่วยของตัวเอง ก็กลายเป็นเบา เลยบางทีหมดความหมาย คือแทบไม่รู้สึกอะไรเลย ความเจ็บป่วยของเรานี้ ไม่สำคัญอะไรเลย

พอคิดด้วยกรุณาต่อไปอีกชั้นหนึ่ง ความเจ็บป่วยของเรากลับเป็นเครื่องเตือนใจให้นึกว่า เออ ถ้าเราไม่ป่วยอย่างนี้ เราก็คงลืมนึกไปเลย ถึงคนในโลกที่ยังมีทุกข์จากโรคภัยไข้เจ็บอย่างนี้ ตอนนี้เรานึกขึ้นมาได้แล้ว เราจะไปช่วยคนเหล่านั้นอย่างไรดี

เจ้าของ:  กรัชกาย [ 30 พ.ย. 2018, 05:33 ]
หัวข้อกระทู้:  Re: พัฒนากามสุข

คคห. บน มองอีกด้านหนึ่ง จะเห็นโยนิโสมนสิการ คือ การรู้จักคิด คิดเป็น คิดถูกวิธี คิดมีเหตุผล คิดปลุกเร้ากุศลด้วย

เจ้าของ:  กรัชกาย [ 30 พ.ย. 2018, 09:16 ]
หัวข้อกระทู้:  Re: พัฒนากามสุข

ต่อ

นี่ก็คือว่า ความเจ็บป่วยของเรานี้ กลับมาเป็นสัญญาณเตือนว่า เราจะต้องเร่งหาทางไปช่วยเพื่อนมนุษย์เหล่านั้น ซึ่งมีอยู่มากมาย ที่ขัดสนข้นแค้นทุกข์ยากลำเค็ญ ไร้ญาติขาดมิตร ขาดคนดูแลเอาใจใส่ เราจะต้องไปช่วยคนเหล่านั้นให้พ้นทุกข์

รวมแล้ว ก็กลายเป็นว่า โรคนั้นมากระตุ้นเร้ากรุณา นอกจากมองออกไปที่จะหาทางช่วยคนอื่นแล้ว ก็กลายเป็นว่า ทำให้ทุกข์ของตนเองลดน้อยลงไป หรือบางทีก็เลยไม่ทุกข์ แต่ความเจ็บไข้นั้นแทบหมดความหมายไปเลย

เจ้าของ:  กรัชกาย [ 30 พ.ย. 2018, 09:16 ]
หัวข้อกระทู้:  Re: พัฒนากามสุข

จะเห็นว่าคุณธรรมเหล่านี้สำคัญมาก ไม่ใช่เป็นแค่นามธรรมที่นอนอยู่เฉยๆ ในจิตใจ แต่ส่งผลกว้างไกลอย่างยิ่งพระพุทธเจ้าจึงทรงเน้นการพัฒนามนุษย์ และแน่นอนว่าจุดสำคัญ ตัวตั้งต้น ที่ว่าเป็นมูล ก็คือฉันทะ ซึ่งในที่นี้ ได้เน้นการพัฒนาฉันทะในเชิงสังคม และก็เพียงแต่ยกตัวอย่างมาเน้นให้ฟังว่า มันเป็นเรื่องที่จะต้องเอาใจใส่กันให้จริงจัง

เจ้าของ:  กรัชกาย [ 30 พ.ย. 2018, 09:19 ]
หัวข้อกระทู้:  Re: พัฒนากามสุข

ตอนนี้ ก็เป็นอันได้พูดถึงว่า กามสุขที่อาศัยอามิสที่เสพที่ได้ที่เอาเพื่อตัว ซึ่งมีทางก่อทุกข์ภัยได้นักหนานั้น นอกจากต้องบริหารจัดการให้ดีแล้ว ต้องให้ประสานไปด้วยกันกับการพัฒนาตัวคน ให้เขาเกิดมีความสุขทางสังคม โดยส่งเสริมฉันทะที่เป็นไปต่อเพื่อมนุษย์ทาง เมตตา กรุณา มุทิตา อุเบกขา ที่จะทำให้เขามีความสุขร่วมกันกับเพื่อนมนุษย์ แล้วไปกระตุ้นเร้าให้มนุษย์ทำความดีช่วยเหลือกันต่างๆ อย่างน้อยก็จะมาช่วยดุล ทำให้ปัญหาจากกามสุขเบาบางลงไป

เจ้าของ:  กรัชกาย [ 30 พ.ย. 2018, 09:23 ]
หัวข้อกระทู้:  Re: พัฒนากามสุข

จบตอน :b48: พุทธธรรมหน้า ๑๑๑๑ :b41:

“กามสุข” ความสุขคือ รูป เสียง กลิ่น รส สัมผัสกาย (โผฏฐัพพะ) ส่วนที่น่าปรารถนา น่าใคร่ น่าพอใจ ดังนั้น พระพุทธเจ้าตรัสตามที่มันเป็นว่า กามสุขนั้นก็เป็นสุข จึงมีชื่อเฉพาะของมันว่า "กามสุข" แต่ก็ให้มองอีกด้านหนึ่งว่า กามสุขนั้น กลายเป็นกามทุกข์ได้ ฉะนั้น ท่านจึงให้รู้เท่าทัน และไม่ประมาท



ต่อตอน

ชีวิตจะวัฒนา ถ้าได้ปราโมทย์มาเป็นพื้นใจ ที่

viewtopic.php?f=1&t=56887

เจ้าของ:  Rosarin [ 05 ธ.ค. 2018, 10:03 ]
หัวข้อกระทู้:  Re: พัฒนากามสุข

Kiss
ลืมเสมอไม่เคยระลึกตามคำสอนตรงตามเป็นจริง
วิบากกรรมทำให้เกิดมาเป็นแบบนั้นแล้ว
ไม่มีใครทำให้ทำมาเองแล้วก็มารับผลเอง
จะสุขจะทุกข์จะวุ่นวายเดือดร้อนสาหัสก็เป็นไปตามการปรุงแต่ง
เป็นไปตามกิเลสที่ตนส่งออกทำมาเองทั้งนั้นเลยค่ะ
ถ้าตรงตามคำสอนไม่มีใครทำมีแต่จิตเกิดดับสืบต่อแต่ละ1หลากหลายตามการสะสม
เป็นไปตามอุปาทานขันธ์ยึดมั่นถือมั่นว่าเป็นเราทำทุกอย่างที่อยากทำนั่นเองลืมฟังคำสอน
:b32: :b32:
onion onion onion

เจ้าของ:  กรัชกาย [ 06 ธ.ค. 2018, 04:47 ]
หัวข้อกระทู้:  Re: พัฒนากามสุข

Rosarin เขียน:
Kiss
ลืมเสมอไม่เคยระลึกตามคำสอนตรงตามเป็นจริง
วิบากกรรมทำให้เกิดมาเป็นแบบนั้นแล้ว
ไม่มีใครทำให้ทำมาเองแล้วก็มารับผลเอง
จะสุขจะทุกข์จะวุ่นวายเดือดร้อนสาหัสก็เป็นไปตามการปรุงแต่ง
เป็นไปตามกิเลสที่ตนส่งออกทำมาเองทั้งนั้นเลยค่ะ
ถ้าตรงตามคำสอนไม่มีใครทำมีแต่จิตเกิดดับสืบต่อแต่ละ1หลากหลายตามการสะสม
เป็นไปตามอุปาทานขันธ์ยึดมั่นถือมั่นว่าเป็นเราทำทุกอย่างที่อยากทำนั่นเองลืมฟังคำสอน


นั่งฟังอยู่นั่นแหละ ลุกขึ้นมาเดินจงกรม ซ้าย ย่าง หนอ ขวา ย่าง หนอ เป็นต้นบ้าง เดินแล้วก็กลับมานั่งกำหนดอารมณ์อีก พองหนอ ยุบหนอ คิดหนอ ฟุ้งซ่านหนอ คันหนอ เป็นต้นไปอีก เป็นยังไง รู้สึกยังไง กำหนดยังงั้น ตามที่มันเป็น

มิใช่ไปนั่งฟังแม่สุจินแล้วมโนไปตามเรื่อง เออ :b32:

เจ้าของ:  Rosarin [ 06 ธ.ค. 2018, 15:07 ]
หัวข้อกระทู้:  Re: พัฒนากามสุข

กรัชกาย เขียน:
Rosarin เขียน:
Kiss
ลืมเสมอไม่เคยระลึกตามคำสอนตรงตามเป็นจริง
วิบากกรรมทำให้เกิดมาเป็นแบบนั้นแล้ว
ไม่มีใครทำให้ทำมาเองแล้วก็มารับผลเอง
จะสุขจะทุกข์จะวุ่นวายเดือดร้อนสาหัสก็เป็นไปตามการปรุงแต่ง
เป็นไปตามกิเลสที่ตนส่งออกทำมาเองทั้งนั้นเลยค่ะ
ถ้าตรงตามคำสอนไม่มีใครทำมีแต่จิตเกิดดับสืบต่อแต่ละ1หลากหลายตามการสะสม
เป็นไปตามอุปาทานขันธ์ยึดมั่นถือมั่นว่าเป็นเราทำทุกอย่างที่อยากทำนั่นเองลืมฟังคำสอน


นั่งฟังอยู่นั่นแหละ ลุกขึ้นมาเดินจงกรม ซ้าย ย่าง หนอ ขวา ย่าง หนอ เป็นต้นบ้าง เดินแล้วก็กลับมานั่งกำหนดอารมณ์อีก พองหนอ ยุบหนอ คิดหนอ ฟุ้งซ่านหนอ คันหนอ เป็นต้นไปอีก เป็นยังไง รู้สึกยังไง กำหนดยังงั้น ตามที่มันเป็น

มิใช่ไปนั่งฟังแม่สุจินแล้วมโนไปตามเรื่อง เออ :b32:

ยืนเดินก็ฟังได้ไม่ได้ใช้ขาฟังไม่ได้ใช้ตัวตนฟังเพราะใช้หูฟัง
:b32: :b32:

หน้า 1 จากทั้งหมด 2 เขตเวลา GMT + 7 ชั่วโมง
Powered by phpBB © 2000, 2002, 2005, 2007 phpBB Group
http://www.phpbb.com/