วันเวลาปัจจุบัน 25 เม.ย. 2024, 13:25  



เขตเวลา GMT + 7 ชั่วโมง




กลับไปยังกระทู้  [ 7 โพสต์ ]    Bookmark and Share
เจ้าของ ข้อความ
โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 23 พ.ย. 2018, 17:33 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
สมาชิกระดับสูงสุด
สมาชิกระดับสูงสุด
ลงทะเบียนเมื่อ: 24 ต.ค. 2006, 12:36
โพสต์: 33766

อายุ: 0

 ข้อมูลส่วนตัว


ต่อจากหัวข้อนี้

viewtopic.php?f=1&t=56792

.....................................................
https://dhammachati.blogspot.com/


โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 23 พ.ย. 2018, 17:42 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
สมาชิกระดับสูงสุด
สมาชิกระดับสูงสุด
ลงทะเบียนเมื่อ: 24 ต.ค. 2006, 12:36
โพสต์: 33766

อายุ: 0

 ข้อมูลส่วนตัว


ถ้าให้ระบบเงื่อนไขหนุนกฎธรรมชาติได้ ก็จะมีผลดีจริง

ตัณหานั้น มีพวกที่มักพ่วงพามาด้วยกัน ๓ อย่าง รวมเป็นชุด เรียกว่า ปปัญจธรรม (ธรรมที่ทำให้ยึดยาดเยิ่นเย้อยุ่งยาก) ขอแปลง่ายๆว่า “กิเลสตัวปั่น” ไม่ต้องอธิบายความหมาย พูดถึงแต่นัยที่จะให้จำง่ายๆ ได้แก่

๑. ตัณหา อยากได้
๒. มานะ อยากใหญ่
๓. ทิฏฐิ ใจแคบ (ยึดติดเอาแต่ความคิดเห็นของตัว, ทิฐิ ก็เขียน)

กิเลสตัวปั่น ๓ ข้อนี้ มุ่งเพื่อตัว รวมศูนย์ไว้ที่ตัวทั้งนั้น พูดง่ายๆว่า เป็นชุดความเห็นแก่ตัว เป็นตัวก่อปัญหาในระบบเงื่อนไข
ถ้าเมื่อไรมันมาเป็นแรงขับเคลื่อนระบบเงื่อนไขแล้วละก็ จะปั่นป่วนวุ่นวายกันไปหมด ไม่ใช่แค่ว่าทำงาน เล่าเรียน ศึกษาจะเป็นทุกข์เท่านั้น ปัญหาสารพัดในโลกนี้ ก็จะเกิดมีให้เดือดร้อนไปทั่วกัน

รู้อย่างนี้แล้ว ก็ต้องแก้ปัญหา และด้วยความรู้นั้น ก็แก้ปัญหาได้ นี่ก็ง่ายๆ คือว่า ถ้ามนุษย์ฉลาด ก็พยายามโยงกฎสมมติของมนุษย์ ให้ไปหนุนกฎธรรมชาติให้ได้

มนุษย์ที่ฉลาด ตั้งกฎสมมุติขึ้นเพื่ออะไร ก็เพื่อมาหนุนให้กระบวนการของกฎธรรมชาติดำเนินไป ในทางที่จะให้เกิดผลสมตามที่มนุษย์มุ่งหมาย เราอยากให้ต้นไม้เติบโตงอกงาม ต้นไม้จะงามได้ถ้ามีการดูแล เช่น ตัดแต่ง ให้ปุ๋ย รดน้ำ เราก็จึงใช้วิธีแบ่งงาน จัดให้มีคนมาทำสวน โดยให้เขาทำหน้าที่แบบทำจริงทำจังอย่างไม่ต้องห่วงกังวลอะไรเลย ในเรื่องความเป็นอยู่ก็มีเงินเดือนเลี้ยงชีพอย่างเพียงพอ บอกเขาว่า คุณไม่ต้องเดือดร้อนหรือห่วงอะไรแล้ว ก็ตั้งหน้าตั้งตาทำงานทำสวนนี้ให้เต็มที่ไปเลยนะ

นี่คือ เอาระบบเงื่อนไขของกฎมนุษย์มาเชื่อมต่อให้แล้ว ก็เปิดโอกาส และหนุนให้คนนั้นทำเหตุปัจจัยให้เป็นไปตามกฎธรรมชาติได้อย่างเต็มที่

.....................................................
https://dhammachati.blogspot.com/


โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 23 พ.ย. 2018, 18:18 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
สมาชิกระดับสูงสุด
สมาชิกระดับสูงสุด
ลงทะเบียนเมื่อ: 24 ต.ค. 2006, 12:36
โพสต์: 33766

อายุ: 0

 ข้อมูลส่วนตัว


ทีนี้ ถ้าคุณคนทำสวนนั้นมีฉันทะ แกอยากเห็นต้นไม้ดีเห็นต้นไม้งามสมบูรณ์ แล้วกอยากทำให้มันเป็นอย่างนั้นอยู่แล้ว พอไม่ต้องเป็นห่วงใยในเรื่องชีวิตความเป็นอยู่อะไรแล้ว แกก็ทำสวนเต็มที่สบายไปเลย ก็ได้ทำให้ต้นไม้งอกงามสมใจ ได้ทั้งความสุข ได้ทั้งเงินทองเครื่องยังชีพไปด้วย งานก็ได้ผล คนก็เป็นสุข

ถ้าอย่างนี้ ระบบเงื่อนไขของกฎมนุษย์ ก็มาเชื่อมประสานหนุนการทำงานในระบบเหตุปัจจัยของกฎธรรมชาติ ให้ดำเนินไปด้วยดีอย่างได้ผลสมดังที่มนุษย์ปรารถนา


แต่ทีนี้ ถ้าเกิดว่า นายคนทำสวนนั้นไม่มีฉันทะ ที่เป็นเหตุปัจจัยตัวเริ่มต้นในกระบวนการของกฎธรรมชาติล่ะ ก็จบกัน

นี่ก็เข้าในทางตรงข้าม ถ้าคนทำสวนนั้น มีแต่ตัณหา ต้องการแต่ผลในระบบเงื่อนไข คราวนี้ละ ตัวเขาเองก็ทำงานด้วยความทุกข์ เพราะมีแต่จำใจฝืนใจ และเมื่อเขาจำใจทำงาน การทำสวนก็ไม่ได้ผลดี

ถ้าเป็นอย่างนี้กันมาก หรือทั่วๆไป ระบบการทั้งหลายของโลกมนุษย์ก็รวน ก็แปรปรวนเสียไป พูดง่ายๆว่า งานก็ไม่ได้ผล คนก็เป็นทุกข์

ไม่ใช่แค่นั้น พอคนทำงานไม่มีฉันทะ แต่มากด้วยตัณหา เขาไม่ตั้งใจทำงาน เลี่ยงงาน หลบงาน ไม่ซื่อ หาทางเบี้ยว โกง ตลอดจนมีการทุจริตต่างๆ เช่น หาทางลัดในระบบเงื่อนไขนั้น และมีการรั่วไหลต่างๆ ก็ต้องมาเน้นการจัดตั้งระบบควบคุม

แล้วทีนี้ พอตัณหาเข้าไปครอบงำระบบควบคุมนั้น ระบบควบคุมก็ยังต้องจัดให้คุมกันซ้อนขึ้นไปๆ หลายๆชั้น และตัณหาก็พาพวกกิเลสชุดตัวปั่นมาก่อความวุ่นยายกันครบทั้งชุด ในที่สุด คุมกันไปคุมกันมา ตัณหาก็พาไปถึงอบาย ได้ผลอย่างที่คนไทยเคยอ่านโคลงโลกนิติที่ว่า “บาทสิ้น เสือตาย” นั่นแล

เพราะฉะนั้น จึงอย่าให้ระบบเงื่อนไขมาทำลายหรือสยบฉันทะ แต่ต้องไหวทัน มีความฉลาดที่จะจัดให้ระบบเงื่อนไขนั้น มาหนุนฉันทะที่จะขับเคลื่อนกระบวนการของธรรมชาติไปให้ได้

ในยุคปัจจุบัน ที่เรามีระบบเงื่อนไขของตัณหาเป็นใหญ่อยู่นี้ การที่ความเจริญงอกงามในทางที่ดียังพอมี พอเป็นไปได้ ก็เพราะยังพอมีพวกฉันทะแอบอาศัยแฝงตัวอยู่ในระบบนี้บ้าง

.....................................................
https://dhammachati.blogspot.com/


โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 23 พ.ย. 2018, 18:20 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
สมาชิกระดับสูงสุด
สมาชิกระดับสูงสุด
ลงทะเบียนเมื่อ: 24 ต.ค. 2006, 12:36
โพสต์: 33766

อายุ: 0

 ข้อมูลส่วนตัว


สำหรับโลกมนุษย์นี้ เอาแค่ว่า อย่าเพลินประมาทปล่อยให้ระบบตัณหาขึ้นมาเป็นกระแสใหญ่ จนพวกฉันทะอยู่ไม่ได้ ต้องหลบลี้ค่อยๆ เลือนหายหมดไป แต่ต้องให้ระบบฉันทะเป็นหลักเป็นแกนไว้ ถึงพวกตัณหาจะทำพิษบ้าง ก็ยังคงพอมีความมั่นคงปลอดภัย

ทั้งนี้ จะเอาอย่างใจเราไม่ได้ ต้องยอมรับรู้อยู่กับความจริงว่า ระบบเงื่อนไขนี่แหละที่พาโลกขับเคลื่อนไปจะทำอย่างไรได้ ในเมื่อ ณ เวลาหนึ่งๆ คนอยู่ในระดับการพัฒนาที่ไม่เท่ากัน และมนุษย์ส่วนใหญ่ก็ยังอยู่ในระดับตัณหา ข้อสำคัญอยู่ที่ว่า ผู้จัดการระบบเงื่อนไขต้องเป็นคนแบบฉันทะ และจัดการระบบเงื่อนไขนั้นให้ฉันทะมีช่องทางเข้าไปเป็นใหญ่ กับ ทั้งให้มาตรการเด็ดการอยู่ที่ความไม่ประมาทในการจัดให้คนได้พัฒนาตนของเขา

.....................................................
https://dhammachati.blogspot.com/


โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 23 พ.ย. 2018, 18:25 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
สมาชิกระดับสูงสุด
สมาชิกระดับสูงสุด
ลงทะเบียนเมื่อ: 24 ต.ค. 2006, 12:36
โพสต์: 33766

อายุ: 0

 ข้อมูลส่วนตัว


ได้พูดมาพอเป็นตัวอย่าง ในเรื่องความอยาก ความต้องการนี้ ที่เป็นเรื่องใหญ่มาก เราไม่ค่อยจะจับกันที่จุดนี้ จึงต้องย้ำไว้ ต้องพูดกันให้ชัด อย่าไปเลี่ยงที่จะพูดถึงมัน ต้องให้รู้ทั้งความอยากฝ่ายกุศล และความอยากฝ่ายอกุศล ต้องแยกได้ รู้ความแตกต่างระหว่างความอยาก ความต้องการ ๒ ประเภทนี้ ซึ่งเป็นเรื่องสำคัญอย่างยิ่ง

พอรู้เข้าใจแล้ว จะแก้ปัญหาอะไร ก็ถูกจุดได้ง่าย และจะก้าวไปในการพัฒนาความสุขด้วยความมั่นใจเป็นอย่างดี

.....................................................
https://dhammachati.blogspot.com/


โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 23 พ.ย. 2018, 18:28 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
สมาชิกระดับสูงสุด
สมาชิกระดับสูงสุด
ลงทะเบียนเมื่อ: 24 ต.ค. 2006, 12:36
โพสต์: 33766

อายุ: 0

 ข้อมูลส่วนตัว


จบตอน พุทธธรรมหน้า ๑๐๘๕


ต่อ รู้ทันว่าอยู่ในระบบเงื่อนไข ก็ใช้มันให้เต็มคุณค่า

viewtopic.php?f=1&t=56769

.....................................................
https://dhammachati.blogspot.com/


โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 23 พ.ย. 2018, 19:41 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
สมาชิกระดับสูงสุด
สมาชิกระดับสูงสุด
ลงทะเบียนเมื่อ: 24 ต.ค. 2006, 12:36
โพสต์: 33766

อายุ: 0

 ข้อมูลส่วนตัว




6fc39fdb01e584fa5b6255d82f9e67b7.jpg
6fc39fdb01e584fa5b6255d82f9e67b7.jpg [ 49.27 KiB | เปิดดู 1330 ครั้ง ]
http://g-picture2.wunjun.com/5/full/6fc ... ?s=194x259



ถ้าอ่านเป็นจับประเด็นได้ ก็โยงเข้าหาภาคปฏิบัติกรรมฐาน เช่น เดินจงกรม นั่งกำหนดอารมณ์ (เลี่ยงคำพูดสั้นๆติดปาก "นั่งสมาธิ" หน่อย หลายคนหลายกลุ่มเข้าใจผิด นั่งสมาธิ (นั่งเป็นสมาธิ) เดินไม่เป็นสมาธิ :b12: หลับตาทำฌาน ลืมตาทำวิปัสสนา)

ทั้งจงกรม ซ้าย ย่าง หนอ ขวา ย่าง หนอ เป็นต้น พองหนอ ยุบหนอ เป็นต้น เป็นกฎที่สมมุติขึ้นมาใช้ปฏิบัติเพื่อหนุนกฎธรรมชาติ ซึ่งก็ที่เขาสมมุติเรียกกันว่า คน ว่า มนุษย์ นี่แหละ ภาษาพระหรือภาษาทางธรรมไม่เรียก คน เรียกรวมว่า ธรรมชาติ, เรียกย่อยว่า ขันธ์ อายตนะ ธาตุ กระจายออกไปอีกก็ เป็นขันธ์ 5 อายตนะ 12 ธาตุ 18 อินทรีย์ 22

หรือคุณโรสจะเถียง เถียงประเด็นไหนก็ว่ามา :b13:

.....................................................
https://dhammachati.blogspot.com/
แสดงโพสต์จาก:  เรียงตาม  
กลับไปยังกระทู้  [ 7 โพสต์ ] 

เขตเวลา GMT + 7 ชั่วโมง


 ผู้ใช้งานขณะนี้

กำลังดูบอร์ดนี้: ไม่มีสมาชิก และ บุคคลทั่วไป 114 ท่าน


ท่าน ไม่สามารถ โพสต์กระทู้ในบอร์ดนี้ได้
ท่าน ไม่สามารถ ตอบกระทู้ในบอร์ดนี้ได้
ท่าน ไม่สามารถ แก้ไขโพสต์ของท่านในบอร์ดนี้ได้
ท่าน ไม่สามารถ ลบโพสต์ของท่านในบอร์ดนี้ได้
ท่าน ไม่สามารถ แนบไฟล์ในบอร์ดนี้ได้

ค้นหาสำหรับ:
ไปที่:  
Google
ทั่วไป เว็บธรรมจักร