วันเวลาปัจจุบัน 18 เม.ย. 2024, 19:35  



เขตเวลา GMT + 7 ชั่วโมง




กลับไปยังกระทู้  [ 11 โพสต์ ]    Bookmark and Share
เจ้าของ ข้อความ
โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 20 ต.ค. 2018, 13:24 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
Moderators-1
Moderators-1
ลงทะเบียนเมื่อ: 24 พ.ค. 2011, 14:20
โพสต์: 8123


 ข้อมูลส่วนตัว




1539994213481.jpg
1539994213481.jpg [ 173.87 KiB | เปิดดู 2507 ครั้ง ]
โอฆตรณสูตรที่ ๑

[๑] ข้าพเจ้าได้สดับมาแล้วอย่างนี้-

สมัยหนึ่ง พระผู้มีพระภาคประทับอยู่ ณ พระวิหารเชตวัน อารามของ
ท่านอนาถบิณฑิกเศรษฐี เขตพระนครสาวัตถี ครั้งนั้นแล เมื่อปฐมยามล่วงไปแล้ว
เทวดาองค์หนึ่ง มีวรรณงาม ยังพระวิหารเชตวันทั้งสิ้นให้สว่าง เข้าไปเฝ้าพระผู้มี
พระภาคถึงที่ประทับ ครั้นแล้วถวายอภิวาทพระผู้มีพระภาค แล้วได้ยืนอยู่ ณ ที่
ควรส่วนข้างหนึ่ง ฯ

[๒] เทวดานั้น ยืนอยู่ ณ ที่ควรส่วนข้างหนึ่งแล้ว ได้กราบทูลคำนี้
กะพระผู้มีพระภาคว่า ข้าแต่พระองค์ผู้ไม่มีทุกข์ ข้าพระองค์ขอทูลถาม พระองค์
ข้ามโอฆะได้อย่างไร ฯ

พระผู้มีพระภาคตรัสตอบว่า ท่านผู้มีอายุ เราไม่พักอยู่ ไม่เพียรอยู่ ข้ามโอฆะได้แล้ว ฯ
ท. ข้าแต่พระองค์ผู้ไม่มีทุกข์ ก็พระองค์ไม่พักไม่เพียร ข้ามโอฆะได้
อย่างไรเล่า ฯ
พ. ท่านผู้มีอายุ เมื่อใด เรายังพักอยู่ เมื่อนั้น เรายังจมอยู่โดยแท้
เมื่อใดเรายังเพียรอยู่ เมื่อนั้น เรายังลอยอยู่โดยแท้
ท่านผู้มีอายุ เราไม่พัก เราไม่เพียร ข้ามโอฆะได้แล้วอย่างนี้แล ฯ

เทวดานั้นกล่าวคาถานี้ว่า
นานหนอ ข้าพเจ้าจึงจะเห็นขีณาสวพราหมณ์ผู้ดับรอบแล้ว
ไม่พัก ไม่เพียรอยู่ ข้ามตัณหาเป็นเครื่องเกาะเกี่ยวในโลก ฯ

[๓] เทวดานั้นกล่าวคำนี้แล้ว พระศาสดาทรงอนุโมทนา ครั้งนั้นแล
เทวดานั้นดำริว่า พระศาสดาทรงอนุโมทนาคำของเรา จึงถวายอภิวาทพระผู้มีพระภาค
ทำประทักษิณแล้วก็หายไป ณ ที่นั้นแล ฯ

.....................................................
พระธรรมคำสอน บัญญัติ ตรัส ไว้ดีแล้ว ไม่ต้องลด ไม่ต้องเพิ่ม ไม่ต้องแก้ไข ใดๆ ทั้งสิ้น
โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 21 ต.ค. 2018, 15:26 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
Moderators-1
Moderators-1
ลงทะเบียนเมื่อ: 24 พ.ค. 2011, 14:20
โพสต์: 8123


 ข้อมูลส่วนตัว


ไม่พัก คือผู้ที่เพียรอยู่
ไม่เพียร คือ ผู้ที่พักอยู่
ไม่พักไม่เพียร เป็นสิ่งที่ข้ามโอฆะได้ (โอฆะคือห้วงน้ำ)

เราพักอยู่หมายถึงจมอยู่ หมายถึงจมอยู่ในทุคติอันเป็นที่หาสุขไม่ได้
เราเพียรอยู่ หมายถึงลอยอยู่ หมายถึงลอยอยู่ในสุคติที่มีความสุข
แม้ว่าจะจมหรือลอยอยู่ ทั้ง ๒ อย่างก็เป็นไปในสังสารวัฏฏ์ที่หาที่สิ้นสุดมิได้
เป็นทางสุดโต่งทั้งสองอย่าง พระองค์จึงตรัสว่าไม่พักไม่เพียรซึ่งเป็นทางสายกลางหรือเอกายมรรคเท่านั้นที่ข้ามโอฆะได้(คือพระนิพพาน)

.....................................................
พระธรรมคำสอน บัญญัติ ตรัส ไว้ดีแล้ว ไม่ต้องลด ไม่ต้องเพิ่ม ไม่ต้องแก้ไข ใดๆ ทั้งสิ้น


โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 22 ต.ค. 2018, 11:12 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
สมาชิกระดับ 19
สมาชิกระดับ 19
ลงทะเบียนเมื่อ: 29 ต.ค. 2009, 15:06
โพสต์: 7502

อายุ: 0

 ข้อมูลส่วนตัว


ลุงหมาน เขียน:
โอฆตรณสูตรที่ ๑

[๑] ข้าพเจ้าได้สดับมาแล้วอย่างนี้-

สมัยหนึ่ง พระผู้มีพระภาคประทับอยู่ ณ พระวิหารเชตวัน อารามของ
ท่านอนาถบิณฑิกเศรษฐี เขตพระนครสาวัตถี ครั้งนั้นแล เมื่อปฐมยามล่วงไปแล้ว
เทวดาองค์หนึ่ง มีวรรณงาม ยังพระวิหารเชตวันทั้งสิ้นให้สว่าง เข้าไปเฝ้าพระผู้มี
พระภาคถึงที่ประทับ ครั้นแล้วถวายอภิวาทพระผู้มีพระภาค แล้วได้ยืนอยู่ ณ ที่
ควรส่วนข้างหนึ่ง ฯ

[๒] เทวดานั้น ยืนอยู่ ณ ที่ควรส่วนข้างหนึ่งแล้ว ได้กราบทูลคำนี้
กะพระผู้มีพระภาคว่า ข้าแต่พระองค์ผู้ไม่มีทุกข์ ข้าพระองค์ขอทูลถาม พระองค์
ข้ามโอฆะได้อย่างไร ฯ

พระผู้มีพระภาคตรัสตอบว่า ท่านผู้มีอายุ เราไม่พักอยู่ ไม่เพียรอยู่ ข้ามโอฆะได้แล้ว ฯ
ท. ข้าแต่พระองค์ผู้ไม่มีทุกข์ ก็พระองค์ไม่พักไม่เพียร ข้ามโอฆะได้
อย่างไรเล่า ฯ
พ. ท่านผู้มีอายุ เมื่อใด เรายังพักอยู่ เมื่อนั้น เรายังจมอยู่โดยแท้
เมื่อใดเรายังเพียรอยู่ เมื่อนั้น เรายังลอยอยู่โดยแท้
ท่านผู้มีอายุ เราไม่พัก เราไม่เพียร ข้ามโอฆะได้แล้วอย่างนี้แล ฯ

เทวดานั้นกล่าวคาถานี้ว่า
นานหนอ ข้าพเจ้าจึงจะเห็นขีณาสวพราหมณ์ผู้ดับรอบแล้ว
ไม่พัก ไม่เพียรอยู่ ข้ามตัณหาเป็นเครื่องเกาะเกี่ยวในโลก ฯ

[๓] เทวดานั้นกล่าวคำนี้แล้ว พระศาสดาทรงอนุโมทนา ครั้งนั้นแล
เทวดานั้นดำริว่า พระศาสดาทรงอนุโมทนาคำของเรา จึงถวายอภิวาทพระผู้มีพระภาค
ทำประทักษิณแล้วก็หายไป ณ ที่นั้นแล ฯ

:b1:
ขออนุญาตแสดงความคิดเห็นเพราะ
ให้อ่านแล้วคิดอย่างไรก็เข้าใจไม่ได้
เพราะตถาคตพ้นทุกข์แล้วด้วยปัญญา
ไม่พักการฟังคำสอนไม่เพียรทำสิ่งอื่น
ตราบใดยังไม่รู้ตราบนั้นก็ไปแสวงหา
ไปเพียรเพื่อจะทำให้รู้โดยไม่สะสมปัญญา
การฟังทำให้เกิดปัญญารู้ตามคำตถาคต
เพราะปัญญาไม่พอจึงพักการฟังแล้ว
ไปเพียรทำไงคะคำจริงไม่ไปเพียรทำ
แต่ต้องไม่พักการฟังเพื่อรู้ตามคำตถาคต
ดังนั้นการฟังและไตร่ตรองตามอยู่ย่อมไม่หลงทาง
:b12:
:b4: :b4:


โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 22 ต.ค. 2018, 13:20 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
Moderators-1
Moderators-1
ลงทะเบียนเมื่อ: 24 พ.ค. 2011, 14:20
โพสต์: 8123


 ข้อมูลส่วนตัว


Rosarin เขียน:

:b1:
ขออนุญาตแสดงความคิดเห็นเพราะ
ให้อ่านแล้วคิดอย่างไรก็เข้าใจไม่ได้
เพราะตถาคตพ้นทุกข์แล้วด้วยปัญญา
ไม่พักการฟังคำสอนไม่เพียรทำสิ่งอื่น
ตราบใดยังไม่รู้ตราบนั้นก็ไปแสวงหา
ไปเพียรเพื่อจะทำให้รู้โดยไม่สะสมปัญญา
การฟังทำให้เกิดปัญญารู้ตามคำตถาคต
เพราะปัญญาไม่พอจึงพักการฟังแล้ว
ไปเพียรทำไงคะคำจริงไม่ไปเพียรทำ
แต่ต้องไม่พักการฟังเพื่อรู้ตามคำตถาคต
ดังนั้นการฟังและไตร่ตรองตามอยู่ย่อมไม่หลงทาง
:b12:
:b4: :b4:


ค่อย ๆ อ่านคิดตามไปด้วยเป็นสำนวนที่พระองค์สนทนากับเทวดา ฉะนั้นเราอาจจะไม่คุ้นเคยกับสำนวนนี้ เทวดาฟังแล้วเขาเข้าใจได้ง่ายมนุษย์อาจฟังยากเพราะปัญญาของมนุษย์ปัญญาทรามกว่าเทวดา ลองอ่านและคิดตามอีกครั้งบางที่อวิชชาที่คอยปิดบังอาจเปิดทางให้ได้รู้ได้เข้าใจบ้าง ครั้งหนึ่งมีเทวดาไปทูลถามพระพุทธเจ้าว่า ข้าแต่พระองค์ผู้เจริญ พระองค์ข้ามโอฆะได้อย่างไร โอฆะแปลว่าห้วงน้ำ ก็คือกิเลสทั้งหลายนั้นเอง พระพุทธเจ้าบอกว่า เราข้ามโอฆะได้เพราะเราไม่พักและเราไม่เพียร เทวดาฟังแล้วงง ไม่พักอยู่เนี่ยฟังแล้วเข้าใจ แต่ไม่เพียรฟังแล้วไม่เข้าใจ ก็ถามท่านอีกว่า ไม่พักไม่เพียรเป็นอย่างไร ท่านบอกว่า ถ้าพักอยู่เราจะจมลง ถ้าเพียรอยู่เราจะลอยขึ้น เราไม่พักเราไม่เพียร เราพ้นจากโอฆะข้ามห้วงน้ำได้ด้วยวิธีนี้

ทำไมจมลงไม่ดี จมลงไปทุคติ ฟูขึ้นลอยขึ้น ไปสู่สุคติ ไม่ได้ไปนิพพาน คำว่าไม่พักก็คือไม่ปล่อยตัวปล่อยใจไปตามกิเลส ไม่หลงไปตามกามสุขัลลิกานุโยค เผลอไปนั่นแหละ คำว่าไม่เพียรของท่านก็คือ ไม่ได้ไปเพ่งกายเพ่งใจ เป็นอัตตกิลมถานุโยค เพราะฉะนั้นเราต้องเดินทางสายกลางให้เป็น

.....................................................
พระธรรมคำสอน บัญญัติ ตรัส ไว้ดีแล้ว ไม่ต้องลด ไม่ต้องเพิ่ม ไม่ต้องแก้ไข ใดๆ ทั้งสิ้น


โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 24 ต.ค. 2018, 12:34 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
สมาชิกระดับ 19
สมาชิกระดับ 19
ลงทะเบียนเมื่อ: 29 ต.ค. 2009, 15:06
โพสต์: 7502

อายุ: 0

 ข้อมูลส่วนตัว


ลุงหมาน เขียน:
Rosarin เขียน:

:b1:
ขออนุญาตแสดงความคิดเห็นเพราะ
ให้อ่านแล้วคิดอย่างไรก็เข้าใจไม่ได้
เพราะตถาคตพ้นทุกข์แล้วด้วยปัญญา
ไม่พักการฟังคำสอนไม่เพียรทำสิ่งอื่น
ตราบใดยังไม่รู้ตราบนั้นก็ไปแสวงหา
ไปเพียรเพื่อจะทำให้รู้โดยไม่สะสมปัญญา
การฟังทำให้เกิดปัญญารู้ตามคำตถาคต
เพราะปัญญาไม่พอจึงพักการฟังแล้ว
ไปเพียรทำไงคะคำจริงไม่ไปเพียรทำ
แต่ต้องไม่พักการฟังเพื่อรู้ตามคำตถาคต
ดังนั้นการฟังและไตร่ตรองตามอยู่ย่อมไม่หลงทาง
:b12:
:b4: :b4:


ค่อย ๆ อ่านคิดตามไปด้วยเป็นสำนวนที่พระองค์สนทนากับเทวดา ฉะนั้นเราอาจจะไม่คุ้นเคยกับสำนวนนี้ เทวดาฟังแล้วเขาเข้าใจได้ง่ายมนุษย์อาจฟังยากเพราะปัญญาของมนุษย์ปัญญาทรามกว่าเทวดา ลองอ่านและคิดตามอีกครั้งบางที่อวิชชาที่คอยปิดบังอาจเปิดทางให้ได้รู้ได้เข้าใจบ้าง ครั้งหนึ่งมีเทวดาไปทูลถามพระพุทธเจ้าว่า ข้าแต่พระองค์ผู้เจริญ พระองค์ข้ามโอฆะได้อย่างไร โอฆะแปลว่าห้วงน้ำ ก็คือกิเลสทั้งหลายนั้นเอง พระพุทธเจ้าบอกว่า เราข้ามโอฆะได้เพราะเราไม่พักและเราไม่เพียร เทวดาฟังแล้วงง ไม่พักอยู่เนี่ยฟังแล้วเข้าใจ แต่ไม่เพียรฟังแล้วไม่เข้าใจ ก็ถามท่านอีกว่า ไม่พักไม่เพียรเป็นอย่างไร ท่านบอกว่า ถ้าพักอยู่เราจะจมลง ถ้าเพียรอยู่เราจะลอยขึ้น เราไม่พักเราไม่เพียร เราพ้นจากโอฆะข้ามห้วงน้ำได้ด้วยวิธีนี้

ทำไมจมลงไม่ดี จมลงไปทุคติ ฟูขึ้นลอยขึ้น ไปสู่สุคติ ไม่ได้ไปนิพพาน คำว่าไม่พักก็คือไม่ปล่อยตัวปล่อยใจไปตามกิเลส ไม่หลงไปตามกามสุขัลลิกานุโยค เผลอไปนั่นแหละ คำว่าไม่เพียรของท่านก็คือ ไม่ได้ไปเพ่งกายเพ่งใจ เป็นอัตตกิลมถานุโยค เพราะฉะนั้นเราต้องเดินทางสายกลางให้เป็น

:b1:
พระพุทธเจ้าทรงตรัสรู้คือถึงความจริงตรงลักษณะนั้นๆทั้งหมด
และทรงแสดงความจริงให้ฟังโดยละเอียดไม่ให้ไปคิดทำต่อแต่
ให้ฟังความจริงที่พระองค์ประจักษ์แล้วคิดถูกตามได้เพื่อเข้าใจถูก
พระองค์ไม่พักคือไม่ต้องรู้อะไรเพิ่มไม่เพียรคือไม่ต้องทำอะไรเพิ่มอีก
ทรงมีพระมหากรุณาแสดงพระธรรมเพื่ออนุเคราะห์ให้สาวกฟังเพื่อคิดถูกตาม
รู้บาปบุญคุณโทษเพื่อเว้นการไปทำผิดๆถ้าไม่ฟังให้รู้ย่อมละไม่รู้ไม่ได้มัวแต่คิดทำลืมว่าขาดสุตมยปัญญา
:b12:
:b4: :b4:


โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 27 ต.ค. 2018, 07:35 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
Moderators-1
Moderators-1
ลงทะเบียนเมื่อ: 24 พ.ค. 2011, 14:20
โพสต์: 8123


 ข้อมูลส่วนตัว


Rosarin เขียน:
:b1:
พระพุทธเจ้าทรงตรัสรู้คือถึงความจริงตรงลักษณะนั้นๆทั้งหมด
และทรงแสดงความจริงให้ฟังโดยละเอียดไม่ให้ไปคิดทำต่อแต่
ให้ฟังความจริงที่พระองค์ประจักษ์แล้วคิดถูกตามได้เพื่อเข้าใจถูก
พระองค์ไม่พักคือไม่ต้องรู้อะไรเพิ่มไม่เพียรคือไม่ต้องทำอะไรเพิ่มอีก
ทรงมีพระมหากรุณาแสดงพระธรรมเพื่ออนุเคราะห์ให้สาวกฟังเพื่อคิดถูกตาม
รู้บาปบุญคุณโทษเพื่อเว้นการไปทำผิดๆถ้าไม่ฟังให้รู้ย่อมละไม่รู้ไม่ได้มัวแต่คิดทำลืมว่าขาดสุตมยปัญญา
:b12:
:b4: :b4:


ต้องย้อนความกระจ่าง

อะไรคือ?
พระพุทธเจ้าทรงตรัสรู้คือถึงความจริงตรงลักษณะนั้นๆทั้งหมด

อะไรคือ?
และทรงแสดงความจริงให้ฟังโดยละเอียดไม่ให้ไปคิดทำต่อแต่
ให้ฟังความจริงที่พระองค์ประจักษ์แล้วคิดถูกตามได้เพื่อเข้าใจถูก

ตรงนี้คืออะไรขอให้ขยายหน่อย ?
พระองค์ไม่พักคือไม่ต้องรู้อะไรเพิ่มไม่เพียรคือไม่ต้องทำอะไรเพิ่มอีก
ทรงมีพระมหากรุณาแสดงพระธรรมเพื่ออนุเคราะห์ให้สาวกฟังเพื่อคิดถูกตาม
รู้บาปบุญคุณโทษเพื่อเว้นการไปทำผิดๆถ้าไม่ฟังให้รู้ย่อมละไม่รู้ไม่ได้มัวแต่คิดทำลืมว่าขาดสุตมยปัญญา

.....................................................
พระธรรมคำสอน บัญญัติ ตรัส ไว้ดีแล้ว ไม่ต้องลด ไม่ต้องเพิ่ม ไม่ต้องแก้ไข ใดๆ ทั้งสิ้น


โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 29 ต.ค. 2018, 08:05 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
สมาชิกระดับ 19
สมาชิกระดับ 19
ลงทะเบียนเมื่อ: 29 ต.ค. 2009, 15:06
โพสต์: 7502

อายุ: 0

 ข้อมูลส่วนตัว


ลุงหมาน เขียน:
Rosarin เขียน:
:b1:
พระพุทธเจ้าทรงตรัสรู้คือถึงความจริงตรงลักษณะนั้นๆทั้งหมด
และทรงแสดงความจริงให้ฟังโดยละเอียดไม่ให้ไปคิดทำต่อแต่
ให้ฟังความจริงที่พระองค์ประจักษ์แล้วคิดถูกตามได้เพื่อเข้าใจถูก
พระองค์ไม่พักคือไม่ต้องรู้อะไรเพิ่มไม่เพียรคือไม่ต้องทำอะไรเพิ่มอีก
ทรงมีพระมหากรุณาแสดงพระธรรมเพื่ออนุเคราะห์ให้สาวกฟังเพื่อคิดถูกตาม
รู้บาปบุญคุณโทษเพื่อเว้นการไปทำผิดๆถ้าไม่ฟังให้รู้ย่อมละไม่รู้ไม่ได้มัวแต่คิดทำลืมว่าขาดสุตมยปัญญา
:b12:
:b4: :b4:


ต้องย้อนความกระจ่าง

อะไรคือ?
พระพุทธเจ้าทรงตรัสรู้คือถึงความจริงตรงลักษณะนั้นๆทั้งหมด

อะไรคือ?
และทรงแสดงความจริงให้ฟังโดยละเอียดไม่ให้ไปคิดทำต่อแต่
ให้ฟังความจริงที่พระองค์ประจักษ์แล้วคิดถูกตามได้เพื่อเข้าใจถูก

ตรงนี้คืออะไรขอให้ขยายหน่อย ?
พระองค์ไม่พักคือไม่ต้องรู้อะไรเพิ่มไม่เพียรคือไม่ต้องทำอะไรเพิ่มอีก
ทรงมีพระมหากรุณาแสดงพระธรรมเพื่ออนุเคราะห์ให้สาวกฟังเพื่อคิดถูกตาม
รู้บาปบุญคุณโทษเพื่อเว้นการไปทำผิดๆถ้าไม่ฟังให้รู้ย่อมละไม่รู้ไม่ได้มัวแต่คิดทำลืมว่าขาดสุตมยปัญญา

พระพุทธเจ้ารู้ความจริงนั้นทั้งหมดก่อนมากล่าวบอกให้คนที่ฟังเข้าใจถูกตามได้
แต่คนยุคนี้ไปอ่านไปท่องคำของพระองค์จำเอาไว้ล่วงหน้าเพื่อเอาไปทำให้เป็นตาม
โดยไม่เข้าใจว่าญาณของตนเองเข้าใจถูกตามได้ตรงปัจจุบันขณะเท่านั้นจำไว้ผิดไงคะ
ว่าตนรู้เท่าที่อ่านพระไตรปิฎกแล้วจำคำต่างๆไว้แต่ความจริงไม่เข้าใจว่าตรงจริงรู้ตามได้เท่าที่ปรากฏตอนฟัง
:b4: :b4:


โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 30 ต.ค. 2018, 19:01 
 
ออฟไลน์
สมาชิก ระดับ 7
สมาชิก ระดับ 7
ลงทะเบียนเมื่อ: 14 ต.ค. 2018, 00:52
โพสต์: 512

อายุ: 0

 ข้อมูลส่วนตัว


สาธุครับ Kiss Kiss Kiss

ไม่พัก ไม่เพียร เดินทางสายกลาง

หากเรามองอีกนัยยะหนึ่ง ผมจะสามารถกล่าวได้ไหมครับว่า เจริญอิทธิบาท ๔ ไม่พัก-ไม่เพียร คือ ยินดี-แต่ไม่หมกมุ่นปารถนา ทำสะสมบารมีเรื่อยๆ เป็นที่สบายกายใจ ไม่มากไป(สุดโต่ง) ไม่น้อยไป(เหลาะแหละ) ทางสายกลาง ขาดสิ่งใดเสริมสิ่งนั้น สิ่งใดมีมากเกินก็ละ เหลือคงไว้ตามฐานะที่เหมาะสมเข้ากันได้

พระธรรมพระพุทธเจ้านี่สูงมากนะครับ สั้นๆ ง่ายๆ แต่สามารถนำไปใช้ได้ทุกทางตามแต่จะโยนิโสมนสิการ มีทั้งขั้นต้น ท่ามกลาง และที่สุด สาธุครับ

.....................................................
(จิตรู้สมมติ เป็นสมุทัย)
(ผลอันเกิดจากจิตรู้สมมติ เป็นทุกข์)
(จิตเห็นจริงต่างหากจากสมมติ เป็นมรรค)
(ผลอันเกิดจากจิตเห็นจริงต่างหากจากสมมติ เป็นนิโรธ)


โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 06 พ.ย. 2018, 02:46 
 
ออฟไลน์
สมาชิกระดับ 19
สมาชิกระดับ 19
ลงทะเบียนเมื่อ: 02 ม.ค. 2015, 21:55
โพสต์: 1067

อายุ: 0

 ข้อมูลส่วนตัว


ถ้าเพียรก็ต้องเหน็ดเหนื่อย
ถ้าพักก็ขึ้เกียจ จม อืด อยู่กับความเดือดร้อน
ถ้ารู้ทันจะคิดดับๆ นี่ซิไม่พักและไม่เพียรเพราะรู้ทันตามความเป็นจริงแห่งไตรลักษณ์ อยู่ด้วยสัมปชัญญะปะภะ รู้ทันเสมอ

จากสายสืบนิสัยศาสตร์ (จะคิดดับๆ)


โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 09 พ.ย. 2018, 10:21 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
สมาชิกระดับ 19
สมาชิกระดับ 19
ลงทะเบียนเมื่อ: 29 ต.ค. 2009, 15:06
โพสต์: 7502

อายุ: 0

 ข้อมูลส่วนตัว


Rosarin เขียน:
ลุงหมาน เขียน:
Rosarin เขียน:
:b1:
พระพุทธเจ้าทรงตรัสรู้คือถึงความจริงตรงลักษณะนั้นๆทั้งหมด
และทรงแสดงความจริงให้ฟังโดยละเอียดไม่ให้ไปคิดทำต่อแต่
ให้ฟังความจริงที่พระองค์ประจักษ์แล้วคิดถูกตามได้เพื่อเข้าใจถูก
พระองค์ไม่พักคือไม่ต้องรู้อะไรเพิ่มไม่เพียรคือไม่ต้องทำอะไรเพิ่มอีก
ทรงมีพระมหากรุณาแสดงพระธรรมเพื่ออนุเคราะห์ให้สาวกฟังเพื่อคิดถูกตาม
รู้บาปบุญคุณโทษเพื่อเว้นการไปทำผิดๆถ้าไม่ฟังให้รู้ย่อมละไม่รู้ไม่ได้มัวแต่คิดทำลืมว่าขาดสุตมยปัญญา
:b12:
:b4: :b4:


ต้องย้อนความกระจ่าง

อะไรคือ?
พระพุทธเจ้าทรงตรัสรู้คือถึงความจริงตรงลักษณะนั้นๆทั้งหมด

อะไรคือ?
และทรงแสดงความจริงให้ฟังโดยละเอียดไม่ให้ไปคิดทำต่อแต่
ให้ฟังความจริงที่พระองค์ประจักษ์แล้วคิดถูกตามได้เพื่อเข้าใจถูก

ตรงนี้คืออะไรขอให้ขยายหน่อย ?
พระองค์ไม่พักคือไม่ต้องรู้อะไรเพิ่มไม่เพียรคือไม่ต้องทำอะไรเพิ่มอีก
ทรงมีพระมหากรุณาแสดงพระธรรมเพื่ออนุเคราะห์ให้สาวกฟังเพื่อคิดถูกตาม
รู้บาปบุญคุณโทษเพื่อเว้นการไปทำผิดๆถ้าไม่ฟังให้รู้ย่อมละไม่รู้ไม่ได้มัวแต่คิดทำลืมว่าขาดสุตมยปัญญา

พระพุทธเจ้ารู้ความจริงนั้นทั้งหมดก่อนมากล่าวบอกให้คนที่ฟังเข้าใจถูกตามได้
แต่คนยุคนี้ไปอ่านไปท่องคำของพระองค์จำเอาไว้ล่วงหน้าเพื่อเอาไปทำให้เป็นตาม
โดยไม่เข้าใจว่าญาณของตนเองเข้าใจถูกตามได้ตรงปัจจุบันขณะเท่านั้นจำไว้ผิดไงคะ
ว่าตนรู้เท่าที่อ่านพระไตรปิฎกแล้วจำคำต่างๆไว้แต่ความจริงไม่เข้าใจว่าตรงจริงรู้ตามได้เท่าที่ปรากฏตอนฟัง
:b4: :b4:

:b1:
เข้าใจไหมคะว่าปัญญารู้ความจริงเพิ่มขึ้นตรงปัจจุบันขณะเท่านั้น
และต้องพึ่งคิดตามคำสอนไปตลอดทางขาดสุตะข้ามสุตะไม่มีปัญญาเกิดเพิ่ม
แม้พระอริยบุคคลดับโมหะได้แล้วมีสติตลอดเวลาแล้วยังต้องฟังเพื่อเพิ่มปัญญารู้ยังคะ
การอ่านใช้จิตเห็นเป็นประธานจึงทำให้เห็นผิดมีมิจฉามรรคคลาดคลื่อนไปไม่ตรงสัจจะนะคะ
การฟังเป็นการใช้จิตได้ยินนำทางจิตทางอื่นๆเพื่อคิดถูกตามเสียงตรงสัจจะที่กำลังปรากฏกับสติปัญญาตน
:b12:
:b4: :b4:


โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 19 พ.ย. 2018, 05:29 
 
ออฟไลน์
สมาชิก ระดับ 6
สมาชิก ระดับ 6
ลงทะเบียนเมื่อ: 17 ส.ค. 2018, 07:07
โพสต์: 482

อายุ: 0

 ข้อมูลส่วนตัว


ไม่พักอยู่ คือไม่ปล่อยจิตไหลจมไปกับอารมณ์ต่าง ๆ ด้วยอำนาจตัณหา

ไม่เพียรอยู่ คือไม่บังคับจิตให้ให้นิ่งอยู่กับอารมณ์ใดอารมณ์หนึ่ง โดยไม่เจริญปัญญา

ไม่พักอยู่ ไม่เพียรอยู่ คือมีสติระลึกรู้ความเป็นจริงของ กาย เวทนา จิต ธรรม โดยความไม่เที่ยง เป็นทุกข์ อนัตตา ไม่ปล่อยจิตไหลจมลงไปด้วยอำนาจตัณหา ไม่บังคับจิตให้ลอยอยู่โดยไม่เจริญปัญญาถอดถอนอวิชชา


แสดงโพสต์จาก:  เรียงตาม  
กลับไปยังกระทู้  [ 11 โพสต์ ] 

เขตเวลา GMT + 7 ชั่วโมง


 ผู้ใช้งานขณะนี้

กำลังดูบอร์ดนี้: ไม่มีสมาชิก และ บุคคลทั่วไป 32 ท่าน


ท่าน ไม่สามารถ โพสต์กระทู้ในบอร์ดนี้ได้
ท่าน ไม่สามารถ ตอบกระทู้ในบอร์ดนี้ได้
ท่าน ไม่สามารถ แก้ไขโพสต์ของท่านในบอร์ดนี้ได้
ท่าน ไม่สามารถ ลบโพสต์ของท่านในบอร์ดนี้ได้
ท่าน ไม่สามารถ แนบไฟล์ในบอร์ดนี้ได้

ค้นหาสำหรับ:
ไปที่:  
Google
ทั่วไป เว็บธรรมจักร