ลานธรรมจักร
http://www.dhammajak.net/forums/

ไม่เอาทุกข์ทับถมตนที่ไม่เป็นทุกข์
http://www.dhammajak.net/forums/viewtopic.php?f=1&t=56735
หน้า 4 จากทั้งหมด 5

เจ้าของ:  กรัชกาย [ 23 ม.ค. 2019, 21:47 ]
หัวข้อกระทู้:  Re: ไม่เอาทุกข์ทับถมตนที่ไม่เป็นทุกข์

โลกสวย เขียน:
กรัชกาย เขียน:
ลงบทความนี้ประกบไว้ไว้เถียงกันด้วย คิกๆๆ




ตัวสภาวะ

พุทธธรรมมองเห็นสิ่งทั้งหลายเป็นธาตุ เป็นธรรม เป็นสภาวะ* ( นิยมเรียกยาวเป็น "สภาวธรรม" ตามคำบาลีว่า "สภาวธมฺม" ซึ่งมาจาก ส+ภาว+ธมฺม แปลตรงตัวว่า สิ่งที่มีภาวะของมันเอง ) อันมีอยู่เป็นอยู่ตามภาวะของมัน ที่เป็นของมันอย่างนั้น เช่นนั้น ตามธรรมดาของมัน มิใช่มีเป็นสัตว์ บุคคล อัตตา ตัวตน เราเขา ที่จะยึดถือเอาเป็นเจ้าของ ครอบครอง บังคับบัญชาให้เป็นไปตามปรารถนาอย่างไรๆ ได้


บรรดาสิ่งทั้งหลายที่รู้จักเข้าใจกันอยู่โดยทั่วไปนั้น มีอยู่เป็นอยู่เป็นไปในรูปของส่วนประกอบต่างๆ ที่มาประชุมกัน ตัวตนแท้ๆ ของสิ่งทั้งหลายไม่มี เมื่อแยกส่วนต่างๆ ที่มาประกอบกันเข้านั้นออกไป ให้หมด ก็จะไม่พบตัวตนของสิ่งนั้นเหลืออยู่ ตัวอย่างง่ายๆ ที่ยกขึ้นอ้างกันบ่อยๆ คือ "รถ" เมื่อนำส่วนประกอบต่างๆมาประกอบเข้าด้วยกันตามแบบที่กำหนด ก็บัญญัติเรียกกันว่า "รถ"

แต่ถ้าแยกส่วนประกอบทั้งหมดออกจากกัน ก็็จะหาตัวตนของรถไม่ได้ มีแต่ส่วนประกอบทั้งหลาย ซึ่งมีชื่อเรียกต่างๆกัน จำเพาะแต่ละอย่างอยู่แล้ว คือตัวตนของรถมิได้มีอยู่ต่างหากจากส่วนประกอบเหล่านั้น มีแต่เพียงคำบัญญัติว่า "รถ"

สำหรับสภาพที่มารวมตัวกันเข้าของส่วนประกอบเหล่านั้น แม้ส่วนประกอบแต่ละอย่างๆนั้นเอง ก็ปรากฏขึ้นโดยการรวมกันเข้าของส่วนประกอบย่อยๆ ต่อๆไปอีก และหาตัวตนที่แท้ไม่พบเช่นเดียวกัน เมื่อจะพูดว่าสิ่งทั้งหลายมีอยู่ ก็ต้องเข้าใจในความหมายว่า มีอยู่ในฐานะมีส่วนประกอบต่างๆ มาประชุมเข้าด้วยกัน


เมื่อมองเห็นสภาพของสิ่งทั้งหลายในรูปของการประชุมส่วนประกอบเช่นนี้ พุทธธรรมจึงต้องแสดงต่อไปว่า ส่วนประกอบต่างๆ เหล่านั้นเป็นอย่างไร มีอะไรบ้าง อย่างน้อยก็พอเป็นตัวอย่าง และโดยที่พุทธธรรมมีความเกี่ยวข้องเป็นพิเศษกับเรื่องชีวิต โดยเฉพาะด้านจิตใจ การแสดงส่วนประกอบต่างๆ จึงต้องครอบคลุมทั้งวัตถุและจิตใจ หรือทั้งรูปธรรมและนามธรรม และมักแยกเป็นพิเศษในด้านจิตใจ

การแสดงส่วนประกอบต่างๆนั้น ย่อมทำได้หลายแบบ สุดแต่วัตถุประสงค์จำเพาะของการแสดงแบบนั้นๆ แต่ในที่นี้ แสดงแบบขันธ์ ๕ ซึ่งเป็นแบบที่นิยมในพระสูตร

โดยวิธีแบ่งแบบขันธ์ ๕ พุทธธรรมแยกแยะชีวิตพร้อมทั้งองคาพยพทั้งหมดที่บัญญัติเรียกว่า "สัตว์" "บุคคล" ฯลฯ ออกเป็นส่วนประกอบต่างๆ ๕ ประเภท หรือ ๕ หมวด เรียกทางธรรมว่า เบญจขันธ์ คือ

๑. รูป (Corporeality) ได้แก่ ส่วนประกอบฝ่ายรูปธรรมทั้งหมด ร่างกาย และพฤติกรรมทั้งหมดของร่างกาย หรือสสารและพลังงานฝ่ายวัตถุ พร้อมทั้งคุณสมบัติ และพฤติกรรมต่างๆ ของสสารพลังงานเหล่านั้น

๒. เวทนา (Feeling หรือ Sensation) ได้แก่ ความรู้สึกสุข ทุกข์ หรือเฉยๆ ซึ่งเกิดจากผัสสะทางประสาททั้ง ๕ และทางใจ

๓. สัญญา (Perception) ได้แก่ ความกำหนดได้ หรือหมายรู้ คือ กำหนดรู้อาการเครื่องหมายลักษณะต่างๆ อันเป็นเหตุให้จำอารมณ์ นั้นๆได้

๔. สังขาร (Mental Formations หรือ Volitional Activities) ได้แก่ องค์ประกอบหรือคุณสมบัติต่างๆของจิต มีเจตนาเป็นตัวนำ ซึ่งแต่งจิตให้ดีหรือชั่วหรือเป็นกลางๆ ปรุงแปรการตริตรึกนึกคิดในใจ และการแสดงออกทางกาย วาจา ให้เป็นไปต่างๆ เป็นที่มาของกรรม เช่น ศรัทธา สติ หิริ โอตตัปปะ เมตตา กรุณา มุทิตา อุเบกขา ปัญญา โมหะ โลภะ โทสะ มานะ ทิฏฐิ อิสสา มัจฉริยะ เป็นต้น เรียกรวมอย่างง่ายๆว่า เครื่องปรุงของจิต เครื่องปรุงของความคิด หรือเครื่องปรุงของกรรม

๕. วิญญาณ (Consciousness) ได้แก่ ความรู้แจ้งอารมณ์ทางประสาททั้ง ๕ และทางใจ คือ การเห็น การได้ยิน การได้กลิ่น การรู้รส การรู้สัมผัสทางกาย และการรู้อารมณ์ทางใจ

ข้อ ๑ เป็นรูปขันธ์ ๔ ข้อหลังเป็นนามขันธ์ เรียกสั้นๆว่า รูปนาม

คริคริ

แสดงว่าคุณลุงกรัชกายไม่ได้ปฎิบัติธรรม
เรยไม่สามารถรู้อาการของความเป็นไปแห่งปัจจัยธรรม
อันมีทุกข์ลักษณะ
อนิจจลักษณะ
อนัตตะลักษณะ
อสุภภะลักษณะ
555



เสริมเข้าไปอีกหน่อย

แบ่งอย่างกว้างๆ ว่านาม และ รูป หรือนามธรรม กับ รูปธรรม...แต่ตามแนวอภิธรรมนิยมแบ่งเป็น ๓ คือ จิต เจตสิก และรูป ถ้าเทียบกับขันธ์ ๕ ดังแสดงแล้ว จิต = วิญญาณขันธ์ เจตสิก = เวทนาขันธ์ สัญญาขันธ์ และสังขารขันธ์ รูป = รูปขันธ์

เจ้าของ:  โลกสวย [ 23 ม.ค. 2019, 21:47 ]
หัวข้อกระทู้:  Re: ไม่เอาทุกข์ทับถมตนที่ไม่เป็นทุกข์

กรัชกาย เขียน:
แค่นั้นแหละบทศึกษาเบื้องต้น ต้องทำความเข้าใจให้ถูกให้ชัด

ถ้ายังแยกแยะคำสอนเบื้องต้นนี้ไม่ออกแล้ว ป่วยการที่จะศึกษายิ่งขึ้นไป

ตัวสภาวะ

พุทธธรรมมองเห็นสิ่งทั้งหลายเป็นธาตุ เป็นธรรม เป็นสภาวะ* ( นิยมเรียกยาวเป็น "สภาวธรรม" ตามคำบาลีว่า "สภาวธมฺม" ซึ่งมาจาก ส+ภาว+ธมฺม แปลตรงตัวว่า สิ่งที่มีภาวะของมันเอง ) อันมีอยู่เป็นอยู่ตามภาวะของมัน ที่เป็นของมันอย่างนั้น เช่นนั้น ตามธรรมดาของมัน มิใช่มีเป็นสัตว์ บุคคล อัตตา ตัวตน เราเขา ที่จะยึดถือเอาเป็นเจ้าของ ครอบครอง บังคับบัญชาให้เป็นไปตามปรารถนาอย่างไรๆ ได้


คริคริ
แสดงว่าพุทธธรรม ยังรู้จักแค่สภาวะธรรม

ไม่รู้จักปรมัตถ์ธรรมอันมีอยู่

ที่มีแต่ จิต เจตสิก รูป นิพพาน เท่าน้้น ค่ะ

เจ้าของ:  กรัชกาย [ 23 ม.ค. 2019, 21:49 ]
หัวข้อกระทู้:  Re: ไม่เอาทุกข์ทับถมตนที่ไม่เป็นทุกข์

โลกสวย เขียน:
กรัชกาย เขียน:
แค่นั้นแหละบทศึกษาเบื้องต้น ต้องทำความเข้าใจให้ถูกให้ชัด

ถ้ายังแยกแยะคำสอนเบื้องต้นนี้ไม่ออกแล้ว ป่วยการที่จะศึกษายิ่งขึ้นไป

ตัวสภาวะ

พุทธธรรมมองเห็นสิ่งทั้งหลายเป็นธาตุ เป็นธรรม เป็นสภาวะ* ( นิยมเรียกยาวเป็น "สภาวธรรม" ตามคำบาลีว่า "สภาวธมฺม" ซึ่งมาจาก ส+ภาว+ธมฺม แปลตรงตัวว่า สิ่งที่มีภาวะของมันเอง ) อันมีอยู่เป็นอยู่ตามภาวะของมัน ที่เป็นของมันอย่างนั้น เช่นนั้น ตามธรรมดาของมัน มิใช่มีเป็นสัตว์ บุคคล อัตตา ตัวตน เราเขา ที่จะยึดถือเอาเป็นเจ้าของ ครอบครอง บังคับบัญชาให้เป็นไปตามปรารถนาอย่างไรๆ ได้


คริคริ
แสดงว่าพุทธธรรม ยังรู้จักแค่สภาวะธรรม

ไม่รู้จักปรมัตถ์ธรรมอันมีอยู่

ที่มีแต่ จิต เจตสิก รูป นิพพาน เท่าน้้น ค่ะ


สภาวธรรม ปรมัตถธรรม เหมือนกันโดยอรรถ ต่างกันแต่พยัญชนะ :b1:

เจ้าของ:  โลกสวย [ 23 ม.ค. 2019, 21:49 ]
หัวข้อกระทู้:  Re: ไม่เอาทุกข์ทับถมตนที่ไม่เป็นทุกข์

กรัชกาย เขียน:
อ้างคำพูด:
โลกสวย
เพราะคุณลุงกรัชกายไม่ได้เรียนพระอภิธรรม ไม่ได้ปฎิบัติ
เรยไม่รู้สว่า เจ้าชายสิทธัตถะ ท่านถอนกายบัญญัติออกไป
มีแต่จิต เจตสิก สภาวะรูป และนิพพาน เป็นอามรณ์เท่านั้นค่ะ

555


อ้างคำพูด:
กรัชกาย
เจ้าชายสิทธัตถะเป็นคนไหม เอาตรงนี้ก่อน เป็นคน หรือไม่ใช่คน



ต้องการคำตอบนี้ก่อน :b1:

คริคริ

แสดงว่า คุณลุงกรัชกาย ไม่ได้เรียนพระอภิธรรม
เรยไม่รู้ว่า
ปรมัตถ์ ไม่มีเจ้าชายใดๆ

มีเเต่ จิต เจตสิก รูป นิพพานเท่านั้นค่ะ

555

เจ้าของ:  โลกสวย [ 23 ม.ค. 2019, 21:50 ]
หัวข้อกระทู้:  Re: ไม่เอาทุกข์ทับถมตนที่ไม่เป็นทุกข์

กรัชกาย เขียน:
โลกสวย เขียน:
กรัชกาย เขียน:
แค่นั้นแหละบทศึกษาเบื้องต้น ต้องทำความเข้าใจให้ถูกให้ชัด

ถ้ายังแยกแยะคำสอนเบื้องต้นนี้ไม่ออกแล้ว ป่วยการที่จะศึกษายิ่งขึ้นไป

ตัวสภาวะ

พุทธธรรมมองเห็นสิ่งทั้งหลายเป็นธาตุ เป็นธรรม เป็นสภาวะ* ( นิยมเรียกยาวเป็น "สภาวธรรม" ตามคำบาลีว่า "สภาวธมฺม" ซึ่งมาจาก ส+ภาว+ธมฺม แปลตรงตัวว่า สิ่งที่มีภาวะของมันเอง ) อันมีอยู่เป็นอยู่ตามภาวะของมัน ที่เป็นของมันอย่างนั้น เช่นนั้น ตามธรรมดาของมัน มิใช่มีเป็นสัตว์ บุคคล อัตตา ตัวตน เราเขา ที่จะยึดถือเอาเป็นเจ้าของ ครอบครอง บังคับบัญชาให้เป็นไปตามปรารถนาอย่างไรๆ ได้


คริคริ
แสดงว่าพุทธธรรม ยังรู้จักแค่สภาวะธรรม

ไม่รู้จักปรมัตถ์ธรรมอันมีอยู่

ที่มีแต่ จิต เจตสิก รูป นิพพาน เท่าน้้น ค่ะ


สภาวธรรม ปรมัตถธรรม เหมือนกันโดยอรรถ ต่างกันแต่พยัญชนะ :b1:


ไม่เหมือนกันหรอกค่ะ
เพราะปรมัตถ์ธรรม นิพพาน ไม่มีอรรถ ไม่มีพยัญชนะ
555

เจ้าของ:  กรัชกาย [ 23 ม.ค. 2019, 21:52 ]
หัวข้อกระทู้:  Re: ไม่เอาทุกข์ทับถมตนที่ไม่เป็นทุกข์

โลกสวย เขียน:
กรัชกาย เขียน:
อ้างคำพูด:
โลกสวย
เพราะคุณลุงกรัชกายไม่ได้เรียนพระอภิธรรม ไม่ได้ปฎิบัติ
เรยไม่รู้สว่า เจ้าชายสิทธัตถะ ท่านถอนกายบัญญัติออกไป
มีแต่จิต เจตสิก สภาวะรูป และนิพพาน เป็นอามรณ์เท่านั้นค่ะ

555


อ้างคำพูด:
กรัชกาย
เจ้าชายสิทธัตถะเป็นคนไหม เอาตรงนี้ก่อน เป็นคน หรือไม่ใช่คน



ต้องการคำตอบนี้ก่อน :b1:

คริคริ

แสดงว่า คุณลุงกรัชกาย ไม่ได้เรียนพระอภิธรรม
เรยไม่รู้ว่า
ปรมัตถ์ ไม่มีเจ้าชายใดๆ

มีเเต่ จิต เจตสิก รูป นิพพานเท่านั้นค่ะ

555


จิต เจตสิก รูป (นิพพานอย่าเพิ่งเอาเข้ามาถ้ายังไม่ถึงนิพพาน) เอาแค่จิต เจตสิก รูปก่อน

นู๋เมโลกสวยว่า จิต เจตสิก รูป ไม่มีชีวิต ถ้ายังงั้น ก็คงเป็นคนที่ตายแล้ว หรือยังไง

เจ้าของ:  กรัชกาย [ 23 ม.ค. 2019, 21:55 ]
หัวข้อกระทู้:  Re: ไม่เอาทุกข์ทับถมตนที่ไม่เป็นทุกข์

โลกสวย เขียน:
กรัชกาย เขียน:
โลกสวย เขียน:
กรัชกาย เขียน:
แค่นั้นแหละบทศึกษาเบื้องต้น ต้องทำความเข้าใจให้ถูกให้ชัด

ถ้ายังแยกแยะคำสอนเบื้องต้นนี้ไม่ออกแล้ว ป่วยการที่จะศึกษายิ่งขึ้นไป

ตัวสภาวะ

พุทธธรรมมองเห็นสิ่งทั้งหลายเป็นธาตุ เป็นธรรม เป็นสภาวะ* ( นิยมเรียกยาวเป็น "สภาวธรรม" ตามคำบาลีว่า "สภาวธมฺม" ซึ่งมาจาก ส+ภาว+ธมฺม แปลตรงตัวว่า สิ่งที่มีภาวะของมันเอง ) อันมีอยู่เป็นอยู่ตามภาวะของมัน ที่เป็นของมันอย่างนั้น เช่นนั้น ตามธรรมดาของมัน มิใช่มีเป็นสัตว์ บุคคล อัตตา ตัวตน เราเขา ที่จะยึดถือเอาเป็นเจ้าของ ครอบครอง บังคับบัญชาให้เป็นไปตามปรารถนาอย่างไรๆ ได้


คริคริ
แสดงว่าพุทธธรรม ยังรู้จักแค่สภาวะธรรม

ไม่รู้จักปรมัตถ์ธรรมอันมีอยู่

ที่มีแต่ จิต เจตสิก รูป นิพพาน เท่าน้้น ค่ะ


สภาวธรรม ปรมัตถธรรม เหมือนกันโดยอรรถ ต่างกันแต่พยัญชนะ :b1:


ไม่เหมือนกันหรอกค่ะ
เพราะปรมัตถ์ธรรม นิพพาน ไม่มีอรรถ ไม่มีพยัญชนะ
555


ถ้าว่าไม่มีอรรถ ไม่มีพยัญชนะ ก็ไม่รู้ว่าอะไรสิ ปรมัตถ์ นิพพาน

แล้วที่เขียน ปรมัตถ์ นิพพาน นี่ ไม่ใช่พยัญชนะดอกหรอ คิกๆๆ

เจ้าของ:  โลกสวย [ 23 ม.ค. 2019, 21:57 ]
หัวข้อกระทู้:  Re: ไม่เอาทุกข์ทับถมตนที่ไม่เป็นทุกข์

กรัชกาย เขียน:
โลกสวย เขียน:
กรัชกาย เขียน:
อ้างคำพูด:
โลกสวย
เพราะคุณลุงกรัชกายไม่ได้เรียนพระอภิธรรม ไม่ได้ปฎิบัติ
เรยไม่รู้สว่า เจ้าชายสิทธัตถะ ท่านถอนกายบัญญัติออกไป
มีแต่จิต เจตสิก สภาวะรูป และนิพพาน เป็นอามรณ์เท่านั้นค่ะ

555


อ้างคำพูด:
กรัชกาย
เจ้าชายสิทธัตถะเป็นคนไหม เอาตรงนี้ก่อน เป็นคน หรือไม่ใช่คน



ต้องการคำตอบนี้ก่อน :b1:

คริคริ

แสดงว่า คุณลุงกรัชกาย ไม่ได้เรียนพระอภิธรรม
เรยไม่รู้ว่า
ปรมัตถ์ ไม่มีเจ้าชายใดๆ

มีเเต่ จิต เจตสิก รูป นิพพานเท่านั้นค่ะ

555


จิต เจตสิก รูป (นิพพานอย่าเพิ่งเอาเข้ามาถ้ายังไม่ถึงนิพพาน) เอาแค่จิต เจตสิก รูปก่อน

นู๋เมโลกสวยว่า จิต เจตสิก รูป ไม่มีชีวิต ถ้ายังงั้น ก็คงเป็นคนที่ตายแล้ว หรือยังไง

คริคริ

เพราะคุณลุงไม่ได้เรียนพระปริยัติ
เรยไม่รู้ว่า
คนตายไป
ก็มีจิต เจตสิก รูป
ไปเที่ยวต่อ
555

เจ้าของ:  โลกสวย [ 23 ม.ค. 2019, 21:58 ]
หัวข้อกระทู้:  Re: ไม่เอาทุกข์ทับถมตนที่ไม่เป็นทุกข์

กรัชกาย เขียน:
โลกสวย เขียน:
กรัชกาย เขียน:
โลกสวย เขียน:
กรัชกาย เขียน:
แค่นั้นแหละบทศึกษาเบื้องต้น ต้องทำความเข้าใจให้ถูกให้ชัด

ถ้ายังแยกแยะคำสอนเบื้องต้นนี้ไม่ออกแล้ว ป่วยการที่จะศึกษายิ่งขึ้นไป

ตัวสภาวะ

พุทธธรรมมองเห็นสิ่งทั้งหลายเป็นธาตุ เป็นธรรม เป็นสภาวะ* ( นิยมเรียกยาวเป็น "สภาวธรรม" ตามคำบาลีว่า "สภาวธมฺม" ซึ่งมาจาก ส+ภาว+ธมฺม แปลตรงตัวว่า สิ่งที่มีภาวะของมันเอง ) อันมีอยู่เป็นอยู่ตามภาวะของมัน ที่เป็นของมันอย่างนั้น เช่นนั้น ตามธรรมดาของมัน มิใช่มีเป็นสัตว์ บุคคล อัตตา ตัวตน เราเขา ที่จะยึดถือเอาเป็นเจ้าของ ครอบครอง บังคับบัญชาให้เป็นไปตามปรารถนาอย่างไรๆ ได้


คริคริ
แสดงว่าพุทธธรรม ยังรู้จักแค่สภาวะธรรม

ไม่รู้จักปรมัตถ์ธรรมอันมีอยู่

ที่มีแต่ จิต เจตสิก รูป นิพพาน เท่าน้้น ค่ะ


สภาวธรรม ปรมัตถธรรม เหมือนกันโดยอรรถ ต่างกันแต่พยัญชนะ :b1:


ไม่เหมือนกันหรอกค่ะ
เพราะปรมัตถ์ธรรม นิพพาน ไม่มีอรรถ ไม่มีพยัญชนะ
555


ถ้าว่าไม่มีอรรถ ไม่มีพยัญชนะ ก็ไม่รู้ว่าอะไรสิ ปรมัตถ์ นิพพาน

แล้วที่เขียน ปรมัตถ์ นิพพาน นี่ ไม่ใช่พยัญชนะดอกหรอ คิกๆๆ


คริคริ
คุณลุงกรัชกายไม่ได้เรียนพระอภิธรรม
เรยไม่รู้ว่า การเขียนนิพพานๆๆๆๆ ทุกวันในเวป
ไม่ไช่ นิพพาน ปรมัตถ์

555

เจ้าของ:  กรัชกาย [ 23 ม.ค. 2019, 21:59 ]
หัวข้อกระทู้:  Re: ไม่เอาทุกข์ทับถมตนที่ไม่เป็นทุกข์

โลกสวย เขียน:
กรัชกาย เขียน:
โลกสวย เขียน:
กรัชกาย เขียน:
อ้างคำพูด:
โลกสวย
เพราะคุณลุงกรัชกายไม่ได้เรียนพระอภิธรรม ไม่ได้ปฎิบัติ
เรยไม่รู้สว่า เจ้าชายสิทธัตถะ ท่านถอนกายบัญญัติออกไป
มีแต่จิต เจตสิก สภาวะรูป และนิพพาน เป็นอามรณ์เท่านั้นค่ะ

555


อ้างคำพูด:
กรัชกาย
เจ้าชายสิทธัตถะเป็นคนไหม เอาตรงนี้ก่อน เป็นคน หรือไม่ใช่คน



ต้องการคำตอบนี้ก่อน :b1:

คริคริ

แสดงว่า คุณลุงกรัชกาย ไม่ได้เรียนพระอภิธรรม
เรยไม่รู้ว่า
ปรมัตถ์ ไม่มีเจ้าชายใดๆ

มีเเต่ จิต เจตสิก รูป นิพพานเท่านั้นค่ะ

555


จิต เจตสิก รูป (นิพพานอย่าเพิ่งเอาเข้ามาถ้ายังไม่ถึงนิพพาน) เอาแค่จิต เจตสิก รูปก่อน

นู๋เมโลกสวยว่า จิต เจตสิก รูป ไม่มีชีวิต ถ้ายังงั้น ก็คงเป็นคนที่ตายแล้ว หรือยังไง

คริคริ

เพราะคุณลุงไม่ได้เรียนพระปริยัติ
เรยไม่รู้ว่า
คนตายไป
ก็มีจิต เจตสิก รูป
ไปเที่ยวต่อ
555



อ่ะนะ ถ้าเล่นกันแบบนี้ เห็นทีจะยอมแพ้กะละมัง

แต่ขออีกหน่อย ไปเที่ยวเป็นอะไรอีกล่ะทีนี้

เจ้าของ:  กรัชกาย [ 23 ม.ค. 2019, 22:00 ]
หัวข้อกระทู้:  Re: ไม่เอาทุกข์ทับถมตนที่ไม่เป็นทุกข์

โลกสวย เขียน:
กรัชกาย เขียน:
โลกสวย เขียน:
กรัชกาย เขียน:
โลกสวย เขียน:
กรัชกาย เขียน:
แค่นั้นแหละบทศึกษาเบื้องต้น ต้องทำความเข้าใจให้ถูกให้ชัด

ถ้ายังแยกแยะคำสอนเบื้องต้นนี้ไม่ออกแล้ว ป่วยการที่จะศึกษายิ่งขึ้นไป

ตัวสภาวะ

พุทธธรรมมองเห็นสิ่งทั้งหลายเป็นธาตุ เป็นธรรม เป็นสภาวะ* ( นิยมเรียกยาวเป็น "สภาวธรรม" ตามคำบาลีว่า "สภาวธมฺม" ซึ่งมาจาก ส+ภาว+ธมฺม แปลตรงตัวว่า สิ่งที่มีภาวะของมันเอง ) อันมีอยู่เป็นอยู่ตามภาวะของมัน ที่เป็นของมันอย่างนั้น เช่นนั้น ตามธรรมดาของมัน มิใช่มีเป็นสัตว์ บุคคล อัตตา ตัวตน เราเขา ที่จะยึดถือเอาเป็นเจ้าของ ครอบครอง บังคับบัญชาให้เป็นไปตามปรารถนาอย่างไรๆ ได้


คริคริ
แสดงว่าพุทธธรรม ยังรู้จักแค่สภาวะธรรม

ไม่รู้จักปรมัตถ์ธรรมอันมีอยู่

ที่มีแต่ จิต เจตสิก รูป นิพพาน เท่าน้้น ค่ะ


สภาวธรรม ปรมัตถธรรม เหมือนกันโดยอรรถ ต่างกันแต่พยัญชนะ :b1:


ไม่เหมือนกันหรอกค่ะ
เพราะปรมัตถ์ธรรม นิพพาน ไม่มีอรรถ ไม่มีพยัญชนะ
555


ถ้าว่าไม่มีอรรถ ไม่มีพยัญชนะ ก็ไม่รู้ว่าอะไรสิ ปรมัตถ์ นิพพาน

แล้วที่เขียน ปรมัตถ์ นิพพาน นี่ ไม่ใช่พยัญชนะดอกหรอ คิกๆๆ


คริคริ
คุณลุงกรัชกายไม่ได้เรียนพระอภิธรรม
เรยไม่รู้ว่า การเขียนนิพพานๆๆๆๆ ทุกวันในเวป
ไม่ไช่ นิพพาน ปรมัตถ์

555



นิพพานอะไรล่ะงั้น

เจ้าของ:  โลกสวย [ 23 ม.ค. 2019, 22:02 ]
หัวข้อกระทู้:  Re: ไม่เอาทุกข์ทับถมตนที่ไม่เป็นทุกข์

กรัชกาย เขียน:
โลกสวย เขียน:
กรัชกาย เขียน:
โลกสวย เขียน:
กรัชกาย เขียน:
อ้างคำพูด:
โลกสวย
เพราะคุณลุงกรัชกายไม่ได้เรียนพระอภิธรรม ไม่ได้ปฎิบัติ
เรยไม่รู้สว่า เจ้าชายสิทธัตถะ ท่านถอนกายบัญญัติออกไป
มีแต่จิต เจตสิก สภาวะรูป และนิพพาน เป็นอามรณ์เท่านั้นค่ะ

555


อ้างคำพูด:
กรัชกาย
เจ้าชายสิทธัตถะเป็นคนไหม เอาตรงนี้ก่อน เป็นคน หรือไม่ใช่คน



ต้องการคำตอบนี้ก่อน :b1:

คริคริ

แสดงว่า คุณลุงกรัชกาย ไม่ได้เรียนพระอภิธรรม
เรยไม่รู้ว่า
ปรมัตถ์ ไม่มีเจ้าชายใดๆ

มีเเต่ จิต เจตสิก รูป นิพพานเท่านั้นค่ะ

555


จิต เจตสิก รูป (นิพพานอย่าเพิ่งเอาเข้ามาถ้ายังไม่ถึงนิพพาน) เอาแค่จิต เจตสิก รูปก่อน

นู๋เมโลกสวยว่า จิต เจตสิก รูป ไม่มีชีวิต ถ้ายังงั้น ก็คงเป็นคนที่ตายแล้ว หรือยังไง

คริคริ

เพราะคุณลุงไม่ได้เรียนพระปริยัติ
เรยไม่รู้ว่า
คนตายไป
ก็มีจิต เจตสิก รูป
ไปเที่ยวต่อ
555



อ่ะนะ ถ้าเล่นกันแบบนี้ เห็นทีจะยอมแพ้กะละมัง

แต่ขออีกหน่อย ไปเที่ยวเป็นอะไรอีกล่ะทีนี้


คริคริ
เพราะคุณลุงไม่ได้เรียนพระปริยัติ ไม่ได้เรียนพระสูตร ไม่ได้เรียนพระอภิธรรม

เรยไม่รู้ว่า
เมื่อจิตยังแสวงหาที่เกิด ก็ไปเที่ยวต่อในสังสารวัฎหล่ะค่ะ


555

เจ้าของ:  โลกสวย [ 23 ม.ค. 2019, 22:05 ]
หัวข้อกระทู้:  Re: ไม่เอาทุกข์ทับถมตนที่ไม่เป็นทุกข์

กรัชกาย เขียน:
โลกสวย เขียน:
กรัชกาย เขียน:
โลกสวย เขียน:
กรัชกาย เขียน:
โลกสวย เขียน:
กรัชกาย เขียน:
แค่นั้นแหละบทศึกษาเบื้องต้น ต้องทำความเข้าใจให้ถูกให้ชัด

ถ้ายังแยกแยะคำสอนเบื้องต้นนี้ไม่ออกแล้ว ป่วยการที่จะศึกษายิ่งขึ้นไป

ตัวสภาวะ

พุทธธรรมมองเห็นสิ่งทั้งหลายเป็นธาตุ เป็นธรรม เป็นสภาวะ* ( นิยมเรียกยาวเป็น "สภาวธรรม" ตามคำบาลีว่า "สภาวธมฺม" ซึ่งมาจาก ส+ภาว+ธมฺม แปลตรงตัวว่า สิ่งที่มีภาวะของมันเอง ) อันมีอยู่เป็นอยู่ตามภาวะของมัน ที่เป็นของมันอย่างนั้น เช่นนั้น ตามธรรมดาของมัน มิใช่มีเป็นสัตว์ บุคคล อัตตา ตัวตน เราเขา ที่จะยึดถือเอาเป็นเจ้าของ ครอบครอง บังคับบัญชาให้เป็นไปตามปรารถนาอย่างไรๆ ได้


คริคริ
แสดงว่าพุทธธรรม ยังรู้จักแค่สภาวะธรรม

ไม่รู้จักปรมัตถ์ธรรมอันมีอยู่

ที่มีแต่ จิต เจตสิก รูป นิพพาน เท่าน้้น ค่ะ


สภาวธรรม ปรมัตถธรรม เหมือนกันโดยอรรถ ต่างกันแต่พยัญชนะ :b1:


ไม่เหมือนกันหรอกค่ะ
เพราะปรมัตถ์ธรรม นิพพาน ไม่มีอรรถ ไม่มีพยัญชนะ
555


ถ้าว่าไม่มีอรรถ ไม่มีพยัญชนะ ก็ไม่รู้ว่าอะไรสิ ปรมัตถ์ นิพพาน

แล้วที่เขียน ปรมัตถ์ นิพพาน นี่ ไม่ใช่พยัญชนะดอกหรอ คิกๆๆ


คริคริ
คุณลุงกรัชกายไม่ได้เรียนพระอภิธรรม
เรยไม่รู้ว่า การเขียนนิพพานๆๆๆๆ ทุกวันในเวป
ไม่ไช่ นิพพาน ปรมัตถ์

555



นิพพานอะไรล่ะงั้น


วันไหนเขียนนิพพานในเวปไม่ได้ อาจจะ ค่อยพอเข้าใจนะคะ
ว่านิพพานน่ะ ไม่ใช่เขียนในเวปทุกวันแล้วจะนิพพาน

555

เจ้าของ:  กรัชกาย [ 23 ม.ค. 2019, 22:07 ]
หัวข้อกระทู้:  Re: ไม่เอาทุกข์ทับถมตนที่ไม่เป็นทุกข์

นี่ใช่คนไหม ? :b10:

รูปภาพ

เจ้าของ:  กรัชกาย [ 23 ม.ค. 2019, 22:08 ]
หัวข้อกระทู้:  Re: ไม่เอาทุกข์ทับถมตนที่ไม่เป็นทุกข์

โลกสวย เขียน:
กรัชกาย เขียน:
โลกสวย เขียน:
กรัชกาย เขียน:
โลกสวย เขียน:
กรัชกาย เขียน:
โลกสวย เขียน:
กรัชกาย เขียน:
แค่นั้นแหละบทศึกษาเบื้องต้น ต้องทำความเข้าใจให้ถูกให้ชัด

ถ้ายังแยกแยะคำสอนเบื้องต้นนี้ไม่ออกแล้ว ป่วยการที่จะศึกษายิ่งขึ้นไป

ตัวสภาวะ

พุทธธรรมมองเห็นสิ่งทั้งหลายเป็นธาตุ เป็นธรรม เป็นสภาวะ* ( นิยมเรียกยาวเป็น "สภาวธรรม" ตามคำบาลีว่า "สภาวธมฺม" ซึ่งมาจาก ส+ภาว+ธมฺม แปลตรงตัวว่า สิ่งที่มีภาวะของมันเอง ) อันมีอยู่เป็นอยู่ตามภาวะของมัน ที่เป็นของมันอย่างนั้น เช่นนั้น ตามธรรมดาของมัน มิใช่มีเป็นสัตว์ บุคคล อัตตา ตัวตน เราเขา ที่จะยึดถือเอาเป็นเจ้าของ ครอบครอง บังคับบัญชาให้เป็นไปตามปรารถนาอย่างไรๆ ได้


คริคริ
แสดงว่าพุทธธรรม ยังรู้จักแค่สภาวะธรรม

ไม่รู้จักปรมัตถ์ธรรมอันมีอยู่

ที่มีแต่ จิต เจตสิก รูป นิพพาน เท่าน้้น ค่ะ


สภาวธรรม ปรมัตถธรรม เหมือนกันโดยอรรถ ต่างกันแต่พยัญชนะ :b1:


ไม่เหมือนกันหรอกค่ะ
เพราะปรมัตถ์ธรรม นิพพาน ไม่มีอรรถ ไม่มีพยัญชนะ
555


ถ้าว่าไม่มีอรรถ ไม่มีพยัญชนะ ก็ไม่รู้ว่าอะไรสิ ปรมัตถ์ นิพพาน

แล้วที่เขียน ปรมัตถ์ นิพพาน นี่ ไม่ใช่พยัญชนะดอกหรอ คิกๆๆ


คริคริ
คุณลุงกรัชกายไม่ได้เรียนพระอภิธรรม
เรยไม่รู้ว่า การเขียนนิพพานๆๆๆๆ ทุกวันในเวป
ไม่ไช่ นิพพาน ปรมัตถ์

555



นิพพานอะไรล่ะงั้น


วันไหนเขียนนิพพานในเวปไม่ได้ อาจจะ ค่อยพอเข้าใจนะคะ
ว่านิพพานน่ะ ไม่ใช่เขียนในเวปทุกวันแล้วจะนิพพาน

555



ถ้ายังงั้น น่าจะแบบนี้สะแล้ว

หน้า 4 จากทั้งหมด 5 เขตเวลา GMT + 7 ชั่วโมง
Powered by phpBB © 2000, 2002, 2005, 2007 phpBB Group
http://www.phpbb.com/