วันเวลาปัจจุบัน 25 เม.ย. 2024, 05:36  



เขตเวลา GMT + 7 ชั่วโมง




กลับไปยังกระทู้  [ 1 โพสต์ ]    Bookmark and Share
เจ้าของ ข้อความ
โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 15 ก.ย. 2018, 14:09 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
อาสาสมัคร
อาสาสมัคร
ลงทะเบียนเมื่อ: 06 มี.ค. 2009, 10:48
โพสต์: 5091


 ข้อมูลส่วนตัว


...เวลาว่างจากภารกิจการงาน
ก็นั่งหลับตาบริกรรมพุทโธ
ถ้าชอบการบริกรรม
ถ้าไม่ชอบจะดูลมหายใจเข้าออกก็ได้
จะใช้มรณานุสติหรืออสุภกรรมฐาน
เป็นเครื่องผูกใจก็ได้
"ให้ใจอยู่กับเรื่องเดียว"
.
ถ้าไม่ไปคิดเรื่องอื่น
ก็จะรวมตัวเข้าสู่ความสงบ
พอสงบแล้วก็ไม่ต้องทำอะไร
ถ้าบริกรรมพุทโธ
"ก็จะหยุดไปโดยปริยาย"
ถ้าดูลมหายใจเข้าออก
"ลมก็จะหายไป"
.
จะอยู่กับความว่าง ความสงบ
ความพอ ไม่อยากได้อะไร
เป็นอุเบกขา สักแต่ว่ารู้
.
"ก็ปล่อยให้สงบ.
ให้นานที่สุดเท่าที่จะนานได้..
"อย่าไปดึงให้ออกมาคิดทางปัญญา"
.
เพราะยังไม่ใช่เวลา
เวลาสงบเป็นเวลาเติมพลังเติมอาหาร
ยิ่งสงบได้นานเท่าไหร่
"ก็จะยิ่งอิ่มเอิบใจ"
จะทำให้กิเลสตัณหาความอยาก
อ่อนกำลังลงไป.
..............................
.
คัดลอก(กำลังใจ54)กัณฑ์427
ธรรมะบนเขา 7/8/2554
พระอาจารย์สุชาติ อภิชาโต
วัดญาณสังวรารามน ชลบุรี




อย่าจงใจไปดูไปรู้ในสิ่งอื่น
การภาวนาท่านให้ดูใจของตนเองหรอก
ท่านไม่ให้ดูสิ่งอื่น
หลวงปู่ดูลย์ อตุโล




"คนเรามีเงินเป็นแสนเป็นล้านก็เถอะ เราตายไปก็เอาไปไม่ได้ เท่ากับกอดเงินทองนั้นไว้ เมื่อเราตายก็ตกเป็นของลูกของหลาน สุดท้ายก็เป็นของคนอื่นกอดเอาไว้เฉยๆ

หากเรามีสติปัญญานำทรัพย์สมบัตินั้นมาทำให้เป็นบุญเป็นกุศลขึ้น ตายไปก็นำพาไปได้ ทำให้ไปสู่สุคติ จิตดวงนี้ไม่เคยตาย ทำความดีเอาไว้ก็ไปสู่สุคติ ทำชั่วเอาไว้ ก็ไปทุคติ ให้เราตั้งใจกันทำบุญ"
หลวงปู่บุญพิน กตฺปุญโญ




การกระทำ อานาปาน์ มีหลักสำคัญอยู่ ๓ อย่างคือ
ลมหายใจ
คำภาวนา "พุทโธ"
จิต
ดังนั้น ลม พุทโธ จิต ทั้ง ๓ สิ่งนี้ต้องให้กลมกลืนพร้อมกันไปเสมอ อย่าให้แตกแยกออกจากกันนั่นแหละจึงจะเป็นองค์ภาวนาที่แท้จริง
ท่านพ่อลีสอนศิษย์






“พอพิจารณาไปถึงหนัง ถลกหนังออกแล้วเป็นยังไงคนเรา ทั้งหญิงทั้งชายทั้งสัตว์อะไรก็ตาม มีความน่าดูหรือสวยงามที่ตรงไหน ไม่มี นั่นละท่านให้พิจารณาทางด้านปัญญา พิจารณาแยกออกตั้งแต่ผม ขน เล็บ ฟัน ไล่ไป หนัง เนื้อ เอ็น กระดูก ภายในทุกสิ่งทุกอย่างด้วยปัญญา คลี่คลายดูให้ดี นี่เรียกว่าปัญญาพิจารณา ปัญญาออกแล้วจะสว่างไสวกว้างขวางออกไปมาก เพียงสมาธิไม่กว้าง มีแต่ความสงบใจเท่านั้น อยู่ไปๆ วันหนึ่งๆ หาความแยบคายกว่านั้นไม่มี แต่พอออกทางด้านปัญญาแล้วความแยบคายออกเรื่อยๆ ไม่มีที่สิ้นสุด

ทีแรกก็พิจารณาร่างกายก่อน พิจารณาร่างกายจนมีความชำนิชำนาญ กำหนดให้เป็นอย่างไรเป็นไปตามต้องการ ให้แตกกระจัดกระจายต่อหน้าต่อตา กำหนดเมื่อไรได้ทั้งนั้นๆ นี่เรียกว่าปัญญามีความคล่องแคล่ว พิจารณาส่วนนี้ อนิจฺจํ ทุกฺขํ อนตฺตา อสุภะอสุภัง ค้นอยู่ในร่างกายของเขาของเราภายนอกภายในเป็นกรรมฐานด้วยกัน นั่นละปัญญาให้พิจารณาอย่างนั้น เมื่อปัญญาออกแล้วจะเป็นการถอนกิเลส ลำพังสมาธิไม่ได้ถอนกิเลส เพียงตีกิเลสให้สงบตัวเข้ามาเท่านั้น ปัญญาต่างหากที่คลี่คลายออกไปฆ่ากิเลสโดยลำดับลำดา ตั้งแต่ส่วนหยาบจนกระทั่งกิเลสสุดยอด ไม่เหนืออำนาจของปัญญาไปได้เลย จึงต้องพิจารณาทางด้านปัญญา”

หลวงตาพระมหาบัว ญาณสัมปันโน
เทศน์อบรมพระ ณ วัดป่าบ้านตาด
เมื่อค่ำวันที่ ๑๑ กรกฎาคม พุทธศักราช ๒๕๔๙






ร่างกายของเราคือขี้ มันหอม มันสวยงามตรงไหน..พิจารณาซิ!!!
หลวงปู่เชอรี่ อภิเจโต
วัดป่าบ้านตาด จ.อุดรธานี





"เราเกิดมาชาติหนึ่ง
จะเอาอะไรไปด้วย จะเอาบุญ
หรือจะเอาบาป ถ้าเอาบาปไปด้วย
ก็ทุกข์ ถ้าเอาบุญไปด้วย ก็เป็นสุข

ถ้าจะหนีจากบาปจากบุญ จริงๆ น่ะ
ก็ให้หนีจาก ทางบุญทางบาป
บาปก็ให้หมด บุญก็ให้หมด
ไม่เอาอะไรสักอย่าง

ถ้าจะเอาบุญเอาบาป ก็ยังเหลืออยู่
มันคู่กัน ปล่อยทั้ง ๒ อย่าง ก็หมดสิ้นไป
ไม่ต้องมาเวียนว่ายตายเกิด
ในภพน้อยภพใหญ่ อีกต่อไป"

หลวงปู่แสงจันทร์ จันดะโชโต (แสง ญาณวโร)
วัดป่าอรัญญาวิเวก บ้านไก่คำ อ.เมือง จ.อำนาจเจริญ


แสดงโพสต์จาก:  เรียงตาม  
กลับไปยังกระทู้  [ 1 โพสต์ ] 

เขตเวลา GMT + 7 ชั่วโมง


 ผู้ใช้งานขณะนี้

กำลังดูบอร์ดนี้: ไม่มีสมาชิก และ บุคคลทั่วไป 99 ท่าน


ท่าน ไม่สามารถ โพสต์กระทู้ในบอร์ดนี้ได้
ท่าน ไม่สามารถ ตอบกระทู้ในบอร์ดนี้ได้
ท่าน ไม่สามารถ แก้ไขโพสต์ของท่านในบอร์ดนี้ได้
ท่าน ไม่สามารถ ลบโพสต์ของท่านในบอร์ดนี้ได้
ท่าน ไม่สามารถ แนบไฟล์ในบอร์ดนี้ได้

ค้นหาสำหรับ:
ไปที่:  
Google
ทั่วไป เว็บธรรมจักร


cron