วันเวลาปัจจุบัน 19 เม.ย. 2024, 12:15  



เขตเวลา GMT + 7 ชั่วโมง




กลับไปยังกระทู้  [ 27 โพสต์ ]  ไปที่หน้า 1, 2  ต่อไป  Bookmark and Share
เจ้าของ ข้อความ
โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 11 ก.ย. 2018, 08:56 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
สมาชิกระดับสูงสุด
สมาชิกระดับสูงสุด
ลงทะเบียนเมื่อ: 24 ต.ค. 2006, 12:36
โพสต์: 33766

อายุ: 0

 ข้อมูลส่วนตัว


คุณโรสและเจ้าสำนักคิดทำนองว่า จะสร้างวัตถุกันทำไม

อ้างคำพูด:
Rosarin
พระรัตนตรัยสูงสุดคือคำสอนแทนศาสดาไม่ใช่หรือคะและ
ถ้าภิกษุที่เหยียบย่ำคำสอน...เคารพพระศาสดาไหมที่รับเงินนั้นน่ะ
อริยบุคคลที่บวชในธรรมวินัยนี้ไม่รับเงินแน่นอนและที่รับเงินน่ะไม่รู้อกุศลที่ควรละ
ในเมื่อทำเพื่อมุ่งรับเงินสร้างวัตถุให้เป็นภาระหาเงินเพิ่มสมควรสอนผู้อื่นได้ไหมไม่รู้ความสมควรเลย

viewtopic.php?f=1&t=56488&start=75



อ้างคำพูด:
บรรพชาแต่ไม่สำนึกว่าตนเป็นผู้ขอแต่รับเงินคือโจรปล้นปัจจัย4ของภิกษุในธรรมวินัย
แล้วก็มีแต่สร้างวัตถุขึ้นมาทำไมมากมายเพื่อขอเงินกวนเงินชาวบ้าน
ไม่สร้างธรรมในใจไม่ศึกษาคำสอนด้วยดีเป็นบรรพชิตรับเงินไม่ได้
และใช้เงินก็ไม่ได้และไม่มีสิกขาบทข้อใดบอกให้ใช้เงินรับเงิน
ชงกาแฟกินเองยังไม่ได้เลย ไม่รู้หรือสร้างเยอะ แล้วก็บ่นไม่มีค่าน้ำไฟ

.....................................................
https://dhammachati.blogspot.com/


โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 11 ก.ย. 2018, 09:04 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
สมาชิกระดับสูงสุด
สมาชิกระดับสูงสุด
ลงทะเบียนเมื่อ: 24 ต.ค. 2006, 12:36
โพสต์: 33766

อายุ: 0

 ข้อมูลส่วนตัว


นี่ก็วัตถุ พระเจ้าอโศกสร้างเสานี้เพื่อประสงค์ใด

รูปภาพ

.....................................................
https://dhammachati.blogspot.com/


โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 11 ก.ย. 2018, 09:11 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
สมาชิกระดับสูงสุด
สมาชิกระดับสูงสุด
ลงทะเบียนเมื่อ: 24 ต.ค. 2006, 12:36
โพสต์: 33766

อายุ: 0

 ข้อมูลส่วนตัว


สรุปไว้ตอนหนึ่งก่อน คือ คุณโรสกับเจ้าสำนักบ้านธัมมะ เป็นต้น คิดสั้นสั้น ไม่ใช่คิดยาวอะไร

ทีนี้มีคำถามว่า ถ้าคุณโรสเป็นต้นตายไป จะมีอะไรเป็นเครื่องบ่งบอกว่านี่คือพระพุทธศาสนา เท่ากับสร้างวัตถุ วัตถุอยู่ได้เป็นร้อยเป็นพันๆปี ไม่ต้องอะไรมากเอาแค่หอระฆังแล้วกัน คือ หอระฆังบอกว่า นี่คือสัญลักษณ์พระพุทธศาสนา ส่วนคุณโรสและเจ้าสำนักบ้านธัมมะ สุตะ ฟัง ตายแล้วจบเลย ไม่เหลือแต่หูที่เป็นตูฟัง เขาเผาหมด คิกๆๆ อ้าวจริงๆนะไม่ใช่พูดเล่นๆ

.....................................................
https://dhammachati.blogspot.com/


โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 11 ก.ย. 2018, 09:36 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
สมาชิกระดับสูงสุด
สมาชิกระดับสูงสุด
ลงทะเบียนเมื่อ: 24 ต.ค. 2006, 12:36
โพสต์: 33766

อายุ: 0

 ข้อมูลส่วนตัว


คนเราต้องมีที่ให้ใจลง คือ มีที่พึงทางใจ เพื่อให้ใจมันยึดมันเกาะ แล้วที่พึงของชาวพุทธก็คือพระรัตนตรัย แต่นี่ก็ยังเป็นนามธรรมไปยังมองไม่เห็น เพื่อให้มองเห็นสัมผัสจับต้องได้มันต้องเป็นวัตถุ เช่น

รูปภาพ


ไปไหว้พระที่วัดแล้วน้ำตาไหลออกมาเอง

เมื่อวานได้มีโอกาสไปไหว้หลวงพ่อทันใจ ที่วัดพระธาตุดอยคำ พอลงจากรถปุ๊บขนลุกต่อมาน้ำตาไหลออกมาเอง จนเพื่อนงง เราก็งง พอขึ้นไปกราบหลวงพ่อทันใจ ระหว่างไหว้ท่านพนมมืออธิษฐานนี่น้ำตาไหลพรากออกมาเองอีกเป็นครั้งที่สอง แบบนี้เรียกว่าปีติ ที่ได้มีโอกาสมากราบท่านหรือเปล่าคะ

พอดี มีเคสด้านสุขภาพก่อนหน้านี้ เมื่อเดือนที่แล้ว พี่สาวเลยส่งไลน์รูปท่านเทพทันใจให้เราขอพรผ่านทางไลน์ เราเลยขอว่าขอให้ไม่เป็นมะเร็ง ปรากฎอีกสามวันผลชิ้นเนื้อออกคือปกติน่ะค่ะ ไม่เป็นโรคมะเร็ง
ช่วงนี้ยังไม่สะดวกไปที่พม่า เลยเสริชข้อมูลว่ามีที่ไทยคือเชียงใหม่ เลยอยากมา แล้วไม่ถึงสิบวันได้มาน่ะค่ะ

หมายเหตุ เวลา จขกท.อธิษฐานทางจอคอมอยากกราบหลวงปู่ทวด พอได้ไปถึงนครศรีธรรมราช ก็เป็นแบบนี้คือน้ำตาไหล.กับบางทีไปวัดที่ต่างๆ
ทางภาคเหนือแล้วขนลุกบ่อยๆน่ะค่ะ
มีใครเป็นแบบนี้มั้ยคะ เพราะเราปีติที่ได้มา กราบพระหรือเปล่าคะ

ความเชื่อส่วนบุคคลโปรดใช้วิจารณญาณ

.....................................................
https://dhammachati.blogspot.com/


โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 11 ก.ย. 2018, 09:56 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
สมาชิกระดับสูงสุด
สมาชิกระดับสูงสุด
ลงทะเบียนเมื่อ: 24 ต.ค. 2006, 12:36
โพสต์: 33766

อายุ: 0

 ข้อมูลส่วนตัว


นี่ถ้าบูรพาจารย์รุ่นโน้นไม่สร้างวัตถุนี่ไว้ คนรุ่นต่อๆมาจะรู้ไหมว่า พระพุทธศาสนาเคยรุ่งเรืองในดินแดนแทบนั้น

รูปภาพ


ถ้าเป็นคุณโรสกับสำนักบ้านธัมมะ สุตะ ฟังอย่างเดียวตลอดอายุกาล ตายหมดแล้ว จะเหลือหูไว้ฟังไหม จริงๆนะ ไม่ใช่พูดเล่น :b16:

.....................................................
https://dhammachati.blogspot.com/


โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 11 ก.ย. 2018, 10:12 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
สมาชิกระดับสูงสุด
สมาชิกระดับสูงสุด
ลงทะเบียนเมื่อ: 24 ต.ค. 2006, 12:36
โพสต์: 33766

อายุ: 0

 ข้อมูลส่วนตัว


จิ เจ รุ ว่าไปแล้ว แต่ยังขาดไปอีกอย่าง คือ นิ :b12:

อมฤตธรรม ธรรมที่ทำให้ไม่ตาย, ธรรมซึ่งเปรียบด้วยน้ำอมฤตอันทำผู้ดื่มให้ไม่ตาย หมายถึงนิพพาน

นิ เรียกเต็มว่า นิพพาน เป็นนามธรรมมองไม่เห็นถูกต้องสัมผัสทาง รุ ไม่ได้ ต่างจากบ้านเรือนโบสถ์วิหารลานเจดีย์ แต่ถ้าเป็นวัตถุให้มองเห็น แม้ล่วงกาลผ่านไปหลายพันปีแล้ว ผู้ใคร่ต่อการศึกษา นั่นเป็นสัญลักษณ์ของศาสนานั้นๆ ก็ไปค้นคว้าว่าคำสอนของศาสนาว่ามีอะไรบ้าง มีการปฏิบัติอย่างไร


(ซากนาลันทา)

รูปภาพ


เขาก็ไปทำไปปฏิบัติเอา เขาอาจได้ดื่มรสอมฤตธรรมก็เป็นได้ ก็เหมือนเราชาวพุทธรุ่นปัจจุบันนี่ ก็ศึกษาจากวัตถุเช่นหนังสือเป็นต้น ถ้าไม่มีหนังสือ ไม่มีวัด เราจะไปเริ่มต้นกันที่ไหน คุณโรสคิดสิคิด

.....................................................
https://dhammachati.blogspot.com/


โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 12 ก.ย. 2018, 14:27 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
สมาชิกระดับสูงสุด
สมาชิกระดับสูงสุด
ลงทะเบียนเมื่อ: 24 ต.ค. 2006, 12:36
โพสต์: 33766

อายุ: 0

 ข้อมูลส่วนตัว


ย้อนกลับมาดูแล้วก็นึกขำ :b9: :b32:

.....................................................
https://dhammachati.blogspot.com/


โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 12 ก.ย. 2018, 15:37 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
สมาชิกระดับ 19
สมาชิกระดับ 19
ลงทะเบียนเมื่อ: 29 ต.ค. 2009, 15:06
โพสต์: 7502

อายุ: 0

 ข้อมูลส่วนตัว


กรัชกาย เขียน:
ย้อนกลับมาดูแล้วก็นึกขำ :b9: :b32:

Kiss
โลกแต่ละทางทั้ง6ทางเลยไม่ปนกัน
มีเห็นสีกระทบตาแล้วก็ดับทันที
ไม่มีจิตทางอื่นๆปนอะไรเลย
สีล้วนสีเดียวไม่มีรูปร่างไรเลย
ไม่มีเสียงไม่มีกลิ่นไม่มีรสปน
ไม่รู้ความจริงก็มีมิจฉาไง
เป็นตัวตนชื่อไรมีบ้านอยู่
อยู่ดีๆไม่มีงานทำก็อยากไป
บวชเพราะอยากได้เงิน
เป็นจอว.สร้างวัดเอง
(จอว.=เจ้าอาวาส) :b9:
มีอะไรเต็มไปหมด
คือมิจฉาทิฏฐิค่ะ
เข้าใจไหมคะ
ไม่มีอะไรเลย
สร้างแต่วัตถุ
ธัมมะในใจไม่มี
กุฏิศาลาที่ขยันสร้างตายแล้วไม่ตามไปด้วยนะคะ
:b32: :b32: :b32:


โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 12 ก.ย. 2018, 16:30 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
สมาชิกระดับ 19
สมาชิกระดับ 19
ลงทะเบียนเมื่อ: 11 มี.ค. 2018, 02:56
โพสต์: 2157

โฮมเพจ: maybe
แนวปฏิบัติ: สติปัฎฐาน
งานอดิเรก: กีฬา
สิ่งที่ชื่นชอบ: แบรนด์เเนม
ชื่อเล่น: เม
อายุ: 22
ที่อยู่: Bangkok Thailand

 ข้อมูลส่วนตัว


Rosarin เขียน:
กรัชกาย เขียน:
ย้อนกลับมาดูแล้วก็นึกขำ :b9: :b32:

Kiss
โลกแต่ละทางทั้ง6ทางเลยไม่ปนกัน
มีเห็นสีกระทบตาแล้วก็ดับทันที
ไม่มีจิตทางอื่นๆปนอะไรเลย
สีล้วนสีเดียวไม่มีรูปร่างไรเลย
ไม่มีเสียงไม่มีกลิ่นไม่มีรสปน
ไม่รู้ความจริงก็มีมิจฉาไง
เป็นตัวตนชื่อไรมีบ้านอยู่
อยู่ดีๆไม่มีงานทำก็อยากไป
บวชเพราะอยากได้เงิน
เป็นจอว.สร้างวัดเอง
(จอว.=เจ้าอาวาส) :b9:
มีอะไรเต็มไปหมด
คือมิจฉาทิฏฐิค่ะ
เข้าใจไหมคะ
ไม่มีอะไรเลย
สร้างแต่วัตถุ
ธัมมะในใจไม่มี
กุฏิศาลาที่ขยันสร้างตายแล้วไม่ตามไปด้วยนะคะ
:b32: :b32: :b32:


ขอขำด้วยคนค่ะ
จริงๆด้วย
มิจฉาทิฎฐิทั้งนั้นเรย

เห็นคุณยายโรส กล่าวว่า พระธรรมที่ทรงแสดงไว้ถึงสี่สิบห้าพรรษา

หูกระทบเสียงก็ดับทันที
ตากระทบสี ก็ดับทันที

แต่นี่ไปไกล ถึงเจ้าอาวาส
วัตถุ กุฎิศาลา


คนสร้าง อุทเทศสิกะเจดีย์ นั่นเป็นมิจฉาทิฎฐิเต็มไปหมด จริงหรอคะ คุณยายโรส
ไม่มีธรรมในใจเรยหรอคะ คุณยายโรส


โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 12 ก.ย. 2018, 16:31 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
สมาชิกระดับสูงสุด
สมาชิกระดับสูงสุด
ลงทะเบียนเมื่อ: 24 ต.ค. 2006, 12:36
โพสต์: 33766

อายุ: 0

 ข้อมูลส่วนตัว


Rosarin เขียน:
กรัชกาย เขียน:
ย้อนกลับมาดูแล้วก็นึกขำ :b9: :b32:

Kiss
โลกแต่ละทางทั้ง6ทางเลยไม่ปนกัน
มีเห็นสีกระทบตาแล้วก็ดับทันที
ไม่มีจิตทางอื่นๆปนอะไรเลย
สีล้วนสีเดียวไม่มีรูปร่างไรเลย
ไม่มีเสียงไม่มีกลิ่นไม่มีรสปน
ไม่รู้ความจริงก็มีมิจฉาไง
เป็นตัวตนชื่อไรมีบ้านอยู่
อยู่ดีๆไม่มีงานทำก็อยากไป
บวชเพราะอยากได้เงิน
เป็นจอว.สร้างวัดเอง
(จอว.=เจ้าอาวาส) :b9:
มีอะไรเต็มไปหมด
คือมิจฉาทิฏฐิค่ะ
เข้าใจไหมคะ
ไม่มีอะไรเลย
สร้างแต่วัตถุ
ธัมมะในใจไม่มี
กุฏิศาลาที่ขยันสร้างตายแล้วไม่ตามไปด้วยนะคะ


อ่ะนะ คิกๆๆ แล้วหูที่ฟัง ที่สุตะ ตายแล้วมันตามไปด้วยไหม

บ้านช่องห้องหอที่ทำที่สร้างอยู่กันตายแล้วมันตามไปด้วยไหม :b32:

คุณโรสพูดอะไรเหมือนคนกินยาลืมเขย่าขวดนะ

.....................................................
https://dhammachati.blogspot.com/


โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 12 ก.ย. 2018, 19:28 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
สมาชิกระดับ 19
สมาชิกระดับ 19
ลงทะเบียนเมื่อ: 29 ต.ค. 2009, 15:06
โพสต์: 7502

อายุ: 0

 ข้อมูลส่วนตัว


กรัชกาย เขียน:
Rosarin เขียน:
กรัชกาย เขียน:
ย้อนกลับมาดูแล้วก็นึกขำ :b9: :b32:

Kiss
โลกแต่ละทางทั้ง6ทางเลยไม่ปนกัน
มีเห็นสีกระทบตาแล้วก็ดับทันที
ไม่มีจิตทางอื่นๆปนอะไรเลย
สีล้วนสีเดียวไม่มีรูปร่างไรเลย
ไม่มีเสียงไม่มีกลิ่นไม่มีรสปน
ไม่รู้ความจริงก็มีมิจฉาไง
เป็นตัวตนชื่อไรมีบ้านอยู่
อยู่ดีๆไม่มีงานทำก็อยากไป
บวชเพราะอยากได้เงิน
เป็นจอว.สร้างวัดเอง
(จอว.=เจ้าอาวาส) :b9:
มีอะไรเต็มไปหมด
คือมิจฉาทิฏฐิค่ะ
เข้าใจไหมคะ
ไม่มีอะไรเลย
สร้างแต่วัตถุ
ธัมมะในใจไม่มี
กุฏิศาลาที่ขยันสร้างตายแล้วไม่ตามไปด้วยนะคะ


อ่ะนะ คิกๆๆ แล้วหูที่ฟัง ที่สุตะ ตายแล้วมันตามไปด้วยไหม

บ้านช่องห้องหอที่ทำที่สร้างอยู่กันตายแล้วมันตามไปด้วยไหม :b32:

คุณโรสพูดอะไรเหมือนคนกินยาลืมเขย่าขวดนะ

ตรงๆเลยนะคำตถาคตไม่มีอ้อมและไม่มีเกรงใจกิเลสคำว่าอวิชชาแปลเป็นไทยคือโง่ที่ไม่เริ่มตามการฟัง
ก็จิตเกิดแล้วดับสะสมที่จิตทันทีเอากิเลสออกเมื่อไหร่เดี๋ยวนี้มีจิตครบ6ทางเป็นกิเลสตั้งแต่ขณะที่3ดับนะ
กะพริบตาทุกครั้งเป็นกิเลสไหลไปครบ6ทางอายตนะไหนบอกหน่อยสิถอนกิเลสทางไหนที่กะพริบตาแล้ว
:b32: :b32:


โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 13 ก.ย. 2018, 13:30 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
สมาชิกระดับสูงสุด
สมาชิกระดับสูงสุด
ลงทะเบียนเมื่อ: 24 ต.ค. 2006, 12:36
โพสต์: 33766

อายุ: 0

 ข้อมูลส่วนตัว


Rosarin เขียน:
กรัชกาย เขียน:
Rosarin เขียน:
กรัชกาย เขียน:
ย้อนกลับมาดูแล้วก็นึกขำ :b9: :b32:

Kiss
โลกแต่ละทางทั้ง6ทางเลยไม่ปนกัน
มีเห็นสีกระทบตาแล้วก็ดับทันที
ไม่มีจิตทางอื่นๆปนอะไรเลย
สีล้วนสีเดียวไม่มีรูปร่างไรเลย
ไม่มีเสียงไม่มีกลิ่นไม่มีรสปน
ไม่รู้ความจริงก็มีมิจฉาไง
เป็นตัวตนชื่อไรมีบ้านอยู่
อยู่ดีๆไม่มีงานทำก็อยากไป
บวชเพราะอยากได้เงิน
เป็นจอว.สร้างวัดเอง
(จอว.=เจ้าอาวาส) :b9:
มีอะไรเต็มไปหมด
คือมิจฉาทิฏฐิค่ะ
เข้าใจไหมคะ
ไม่มีอะไรเลย
สร้างแต่วัตถุ
ธัมมะในใจไม่มี
กุฏิศาลาที่ขยันสร้างตายแล้วไม่ตามไปด้วยนะคะ


อ่ะนะ คิกๆๆ แล้วหูที่ฟัง ที่สุตะ ตายแล้วมันตามไปด้วยไหม

บ้านช่องห้องหอที่ทำที่สร้างอยู่กันตายแล้วมันตามไปด้วยไหม :b32:

คุณโรสพูดอะไรเหมือนคนกินยาลืมเขย่าขวดนะ

ตรงๆเลยนะคำตถาคตไม่มีอ้อมและไม่มีเกรงใจกิเลสคำว่าอวิชชาแปลเป็นไทยคือโง่ที่ไม่เริ่มตามการฟัง
ก็จิตเกิดแล้วดับสะสมที่จิตทันทีเอากิเลสออกเมื่อไหร่เดี๋ยวนี้มีจิตครบ6ทางเป็นกิเลสตั้งแต่ขณะที่3ดับนะ
กะพริบตาทุกครั้งเป็นกิเลสไหลไปครบ6ทางอายตนะไหนบอกหน่อยสิถอนกิเลสทางไหนที่กะพริบตาแล้ว
:b32: :b32:


บอกแล้วว่าเป็นธรรมปฏิรูป ของปลอม มันจึงไม่สั่นไม่ไหว คิกๆๆ หมายควายว่า คุณโรสและเจ้าสำนักบ้านธัมมะ เอาศัพท์ทางธรรมของเขามาแล้วมานโมความหมายเอาเอง นั่นแหละตัวอย่าง ธรรมปฏิรป ปฏิสังขรณ์ ต่อไปจะเป็นปฏิกูล บอกไม่เชื่อ :b32:

.....................................................
https://dhammachati.blogspot.com/


โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 13 ก.ย. 2018, 15:52 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
สมาชิกระดับ 19
สมาชิกระดับ 19
ลงทะเบียนเมื่อ: 29 ต.ค. 2009, 15:06
โพสต์: 7502

อายุ: 0

 ข้อมูลส่วนตัว


กรัชกาย เขียน:
Rosarin เขียน:
กรัชกาย เขียน:
Rosarin เขียน:
กรัชกาย เขียน:
ย้อนกลับมาดูแล้วก็นึกขำ :b9: :b32:

Kiss
โลกแต่ละทางทั้ง6ทางเลยไม่ปนกัน
มีเห็นสีกระทบตาแล้วก็ดับทันที
ไม่มีจิตทางอื่นๆปนอะไรเลย
สีล้วนสีเดียวไม่มีรูปร่างไรเลย
ไม่มีเสียงไม่มีกลิ่นไม่มีรสปน
ไม่รู้ความจริงก็มีมิจฉาไง
เป็นตัวตนชื่อไรมีบ้านอยู่
อยู่ดีๆไม่มีงานทำก็อยากไป
บวชเพราะอยากได้เงิน
เป็นจอว.สร้างวัดเอง
(จอว.=เจ้าอาวาส) :b9:
มีอะไรเต็มไปหมด
คือมิจฉาทิฏฐิค่ะ
เข้าใจไหมคะ
ไม่มีอะไรเลย
สร้างแต่วัตถุ
ธัมมะในใจไม่มี
กุฏิศาลาที่ขยันสร้างตายแล้วไม่ตามไปด้วยนะคะ


อ่ะนะ คิกๆๆ แล้วหูที่ฟัง ที่สุตะ ตายแล้วมันตามไปด้วยไหม

บ้านช่องห้องหอที่ทำที่สร้างอยู่กันตายแล้วมันตามไปด้วยไหม :b32:

คุณโรสพูดอะไรเหมือนคนกินยาลืมเขย่าขวดนะ

ตรงๆเลยนะคำตถาคตไม่มีอ้อมและไม่มีเกรงใจกิเลสคำว่าอวิชชาแปลเป็นไทยคือโง่ที่ไม่เริ่มตามการฟัง
ก็จิตเกิดแล้วดับสะสมที่จิตทันทีเอากิเลสออกเมื่อไหร่เดี๋ยวนี้มีจิตครบ6ทางเป็นกิเลสตั้งแต่ขณะที่3ดับนะ
กะพริบตาทุกครั้งเป็นกิเลสไหลไปครบ6ทางอายตนะไหนบอกหน่อยสิถอนกิเลสทางไหนที่กะพริบตาแล้ว
:b32: :b32:


บอกแล้วว่าเป็นธรรมปฏิรูป ของปลอม มันจึงไม่สั่นไม่ไหว คิกๆๆ หมายควายว่า คุณโรสและเจ้าสำนักบ้านธัมมะ เอาศัพท์ทางธรรมของเขามาแล้วมานโมความหมายเอาเอง นั่นแหละตัวอย่าง ธรรมปฏิรป ปฏิสังขรณ์ ต่อไปจะเป็นปฏิกูล บอกไม่เชื่อ :b32:

:b12:
คิดเองมันผิดไง
มองตัวเองไม่ออก
คิดตามสิคะกำลังเห็น
ไม่รู้รูปของเห็นที่ดับแล้ว
แต่คิดเห็นที่ลืมตาเห็นเป็นคนสัตว์วัตถุทันที
คือคิดเองตามเห็นที่กำลังเห็นผิดของตนเองไงคะลืมว่าต้องกำลังคิดตามคำสอนได้อยู่
:b32: :b32:
ตถาคตบอกว่าเห็นเป็นเห็นดับแล้วเห็นเป็นธัมมะไม่ใช่เราแต่เป็นเราเห็นสิ่งหนุ่งสิงใด
เดียวนี้กำลังเห็นผิดเป็นเราเห็นแล้วคิดนึกครบ6ทางเป็นตัวตนกรัชกายตรงไหมคะวิปลาส3อยู่ครบ


โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 13 ก.ย. 2018, 16:05 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
สมาชิกระดับสูงสุด
สมาชิกระดับสูงสุด
ลงทะเบียนเมื่อ: 24 ต.ค. 2006, 12:36
โพสต์: 33766

อายุ: 0

 ข้อมูลส่วนตัว


Rosarin เขียน:
กรัชกาย เขียน:
Rosarin เขียน:
กรัชกาย เขียน:
Rosarin เขียน:
กรัชกาย เขียน:
ย้อนกลับมาดูแล้วก็นึกขำ :b9: :b32:

Kiss
โลกแต่ละทางทั้ง6ทางเลยไม่ปนกัน
มีเห็นสีกระทบตาแล้วก็ดับทันที
ไม่มีจิตทางอื่นๆปนอะไรเลย
สีล้วนสีเดียวไม่มีรูปร่างไรเลย
ไม่มีเสียงไม่มีกลิ่นไม่มีรสปน
ไม่รู้ความจริงก็มีมิจฉาไง
เป็นตัวตนชื่อไรมีบ้านอยู่
อยู่ดีๆไม่มีงานทำก็อยากไป
บวชเพราะอยากได้เงิน
เป็นจอว.สร้างวัดเอง
(จอว.=เจ้าอาวาส) :b9:
มีอะไรเต็มไปหมด
คือมิจฉาทิฏฐิค่ะ
เข้าใจไหมคะ
ไม่มีอะไรเลย
สร้างแต่วัตถุ
ธัมมะในใจไม่มี
กุฏิศาลาที่ขยันสร้างตายแล้วไม่ตามไปด้วยนะคะ


อ่ะนะ คิกๆๆ แล้วหูที่ฟัง ที่สุตะ ตายแล้วมันตามไปด้วยไหม

บ้านช่องห้องหอที่ทำที่สร้างอยู่กันตายแล้วมันตามไปด้วยไหม :b32:

คุณโรสพูดอะไรเหมือนคนกินยาลืมเขย่าขวดนะ

ตรงๆเลยนะคำตถาคตไม่มีอ้อมและไม่มีเกรงใจกิเลสคำว่าอวิชชาแปลเป็นไทยคือโง่ที่ไม่เริ่มตามการฟัง
ก็จิตเกิดแล้วดับสะสมที่จิตทันทีเอากิเลสออกเมื่อไหร่เดี๋ยวนี้มีจิตครบ6ทางเป็นกิเลสตั้งแต่ขณะที่3ดับนะ
กะพริบตาทุกครั้งเป็นกิเลสไหลไปครบ6ทางอายตนะไหนบอกหน่อยสิถอนกิเลสทางไหนที่กะพริบตาแล้ว
:b32: :b32:


บอกแล้วว่าเป็นธรรมปฏิรูป ของปลอม มันจึงไม่สั่นไม่ไหว คิกๆๆ หมายควายว่า คุณโรสและเจ้าสำนักบ้านธัมมะ เอาศัพท์ทางธรรมของเขามาแล้วมานโมความหมายเอาเอง นั่นแหละตัวอย่าง ธรรมปฏิรป ปฏิสังขรณ์ ต่อไปจะเป็นปฏิกูล บอกไม่เชื่อ :b32:

:b12:
คิดเองมันผิดไง
มองตัวเองไม่ออก
คิดตามสิคะกำลังเห็น
ไม่รู้รูปของเห็นที่ดับแล้ว
แต่คิดเห็นที่ลืมตาเห็นเป็นคนสัตว์วัตถุทันที
คือคิดเองตามเห็นที่กำลังเห็นผิดของตนเองไงคะลืมว่าต้องกำลังคิดตามคำสอนได้อยู่
:b32: :b32:
ตถาคตบอกว่าเห็นเป็นเห็นดับแล้วเห็นเป็นธัมมะไม่ใช่เราแต่เป็นเราเห็นสิ่งหนุ่งสิงใด
เดียวนี้กำลังเห็นผิดเป็นเราเห็นแล้วคิดนึกครบ6ทางเป็นตัวตนกรัชกายตรงไหมคะวิปลาส3อยู่ครบ



คุณโรส คนมีไหม ?

.....................................................
https://dhammachati.blogspot.com/


โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 16 ก.ย. 2018, 18:24 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
สมาชิกระดับสูงสุด
สมาชิกระดับสูงสุด
ลงทะเบียนเมื่อ: 24 ต.ค. 2006, 12:36
โพสต์: 33766

อายุ: 0

 ข้อมูลส่วนตัว


พุทธบาท รอยเท้าของพระพุทธเจ้า อรรถกถาว่า ทรงประทับแห่งแรกที่บนหาดชายฝั่งแม่น้ำนัมมทา แห่งที่สองที่ภูเขาสัจจพันธคีรี นอกจากนี้ตำนานสมัยต่อๆมาว่ามีที่ภูเขาสุมนกูฏ (ลังกาทวีป) สุวรรณบรรพต และเมืองโยนก รวมเป็น ๕ สถาน


มิลินทปัญหา คัมภีร์สำคัญ บันทึกคำสนทนาโต้ตอบปัญหาธรรม ระหว่างพระนาคเสน กับ พระยามิลินท์


มิลินท์ มหากษัตริย์เชื้อชาติกรีก ในชมพูทวีป ครองแคว้นโยนก ที่สาคลนคร (ปัจจุบันเรียกว่า Sialkot อยู่ในแคว้นปัญจาบ ที่เป็นส่วนของปากีสถาน) มีชาติภูมิที่เกาะอลสันทะ ซึ่งสันนิษฐานกันว่าตรงกับคำว่า Alexandria คือ เป็นเมืองหนึ่งที่พระเจ้าอเลกซานเดอร์ มหาราชสร้างขึ้นบนทางเดินทัพที่มีชัย ห่างจากสาคลนครประมาณ ๒๐๐ โยชน์ ทรงเป็นปราชญ์ยิ่งใหญ่ โต้วาทะชนะนักปราชญ์ทั้งหลายในสมัยนั้น จนในที่สุดได้โต้กับพระนาคเสน ทรงเลื่อมใสหันมานับถือพระพุทธศาสนาและเป็นองค์อุปถัมภกสำคัญ ชาวตะวันตกเรียกพระนามตามภาษากรีกว่า Menander ครองราชย์ พ.ศ. ๔๒๓ สวรรคต พ.ศ.๔๕๓


นาคเสน พระอรหันตเถระผู้โต้วาทะชนะพระยามิลินท์ กษัตริย์สาคลประเทศ ดังมีคำโต้ตอบปัญหามาในคัมภีร์มิลินทปัญหา ท่านเกิดหลังพุทธกาลประมาณ ๔๐๐ ปี ที่หมู่บ้านกชังคละในหิมวันตประเทศ เป็นบุตรของพราหมณ์ชื่อโลณุตตระ ท่านเป็นผู้ชำนาญในพระเวท และต่อมาได้อุปสมบท โดยมีพระโรหณะเป็นพระอุปัชฌาย์


โยนก อาณาจักรโบราณทางทิศพายัพของชมพูทวีป (ปัจจุบันอยู่ในเขตอัฟกานิสถาน และอุซเบกิสถาน กับ ตาจิกิสถานแห่งเอเซียกลาง) ชื่อว่าบากเตรีย (Bactria เรียก Bactriana หรือ Zariaspa ก็มี) มีเมืองหลวงชื่อ บากตรา (Bactra ปัจจุบันเรียกว่า Baldh อยู่ในภาคเหนือของอัฟกานิสถาน) เป็นดินแดนที่ชนชาติอารยันเข้ามาครอง แล้วตกอยู่ใต้อำนาจของจักรวรรดิเปอร์เซียโบราณ และคงเนื่องจากมีชนชาติกรีกเผ่า Ionians มาอยู่อาศัยมาก ทางชมพูทวีป จึงเรียกว่า “โยนก” (ในคัมภีร์บาลีเรียกว่า โยนก บ้าง โยนะ บ้าง ยวนะ บ้าง ซึ่งมาจากคำว่า “Ionian” นั่นเอง)

เฉพาะอย่างยิ่ง เมื่อพระเจ้าอเลกซานเดอร์มหาราช (Alexander the Great) กษัตริย์กรีก ยกทัพแผ่อำนาจมาทางตะวันออก ล้มจักรวรรดิเปอร์เซียลงได้ ในปีที่ ๓๓๑ ก่อน ค.ศ. (ประมาณ พ.ศ.๑๕๘) แล้วจะมาตีชมพูทวีป ผ่านบากเตรียซึ่งเคยขึ้นกับเปอร์เซียมาประมาณ ๒๐๐ ปี ก็ได้บากเตรียคือแคว้นโยนกนั้นในปีที่ ๓๒๙ ก่อน ค.ศ. (พ.ศ.๑๖๐) จากนั้น จึงได้ตั้งทัพทที่เมืองตักสิลาในปีที่ ๓๒๖ ก่อน ค.ศ. เพื่อเตรียมเข้าตีอินเดีย แต่ในที่สุดทรงล้มเลิกพระดำรินั้น และยกทัพกลับในปีที่ ๓๒๕ ก่อน ค.ศ. ระหว่างทางเมื่อพักที่กรุงบาบิโลน ได้ประชวรหนักและสวรรคต เมื่อปีที่ ๓๒๓ ก่อน ค.ศ. แม่ทัพกรีกที่พระเจ้าอเลกซานเดอร์ตั้งไว้ดูแลดินแดนที่ตีได้ ก็ปกครองโยนกต่อมา โยนกตลอดจนคันธาระที่อยู่ใต้ลงมา (ปัจจุบันอยู่ในอัฟกานิสถาน และปากีสถาน) จึงเป็นดินแดนกรีก และมีวัฒนธรรมกรีกเต็มที่

ต่อมาไม่นาน เมื่อพระอัยกาของพระเจ้าอโศกมหาราช คือพระเจ้าจันทรคุปต์ (เอกสารกรีกเรียก Sandrocottos หรือ Sandrokottos) ขึ้นครองแคว้นมคธ ตั้งราชวงศ์โมริยะ (รูปสันสกฤต เป็นเมารยะ) ขึ้นในปีที่ ๓๒๑ ก่อน ค.ศ. (พ.ศ. ๑๖๘) แล้วยกทัพมาเผชิญกับแม่ทัพใหญ่ของอเลกซานเดอร์ ชื่อซีลูคัส (Seleucus) ที่มีอำนาจปกครองดินแดนแถบตะวันออกรวมทั้งโยนกและคันธาระนั้น (ต่อมาได้เป็นกษัตริย์แห่งบาบิโลเนีย ถือกันว่าเป็นกษัตริย์แห่งซีเรียโบราณ) ซีลูคัสได้ยอมยกคันธาระให้แก่จันทรคุปต์ แม้ว่าโยนกก็คงจะได้มาขึ้นต่อมคธด้วย ดังที่ศิลาจาริกของพระเจ้ออโศก (ครองราชย์ พ.ศ.๒๑๘-๒๖๐) กล่าวถึงแว่นแคว้นของชาโยนกในเขตพระราชอำนาจ แต่ผู้คนและวิถีชีวิตที่นั่นก็ยังเป็นแบบกรีกสืบมา

เมื่อพระเจ้าอโศกทรงอุปถัมภ์การสังคายนาครั้งที่ ๓ ใน พ.ศ. ๒๓๕ แล้ว พระโมคคัลลีบุตรติสสเถระได้มอบภาระให้พระสงฆ์ไปเผยแพร่พระศาสนาในดินแดนต่างๆ ๙ สาย (เรียกกันว่า พระศาสนทูต) อรรถกถากล่าวว่า พระมหารักขิตเถระได้มายังโยนกรัฐ

หลักรัชกาลพระเจ้าอโศกมหาราชไม่เต็มครึ่งศตวรรษ ราชวงศ์โมริยะก็สลายลง ในช่วงนั้น บากเตรียหรือโยนกก็ได้ตั้งอาณาจักรของตนเองเป็นอิสระ (ตำราฝ่ายตะวันตกบอกในทำนองว่า บากเตรียไม่ได้มาขึ้นต่อมคธ ยังขึ้นกับราชวงศ์ของซีลูคัส จนถึงปีที่ ๒๕๐ ก่อน ค.ศ. ซึ่งยังอยู่ในรัชกาลพระเจ้าอโศก บากเตรียจึงแยกตัว จากวงศ์ของซีลูคัส ออกมาตั้งเป็นอิสระ แต่ศิลาจารึกของพระเจ้าอโศกก็บอกชัดว่า มีแว่นแคว้นโยนกในพระราชอำนาจ อาจเป็นได้ว่า โยนกในสมัยนั้น มีทั้งส่วนที่ขึ้นต่อมคธ และส่วนที่ขึ้นต่อราชวงศ์กรีก ของซีลูคัสแล้วแข็งข้อแยกออกมา) จากนั้นบากเตรียได้มีอำนาจมากขึ้น ถึงกับขยายดินแดนเข้ามาในอินเดียภาคเหนือ ดังที่โยนกได้มีชื่อเด่นอยู่ในประวัติศาสตร์พระพุทธศาสนาในสมัยของพระเจ้า Menander ที่พุทธศาสนิกชน เรียกว่า พญามิลินท์ ซึ่งครองราชย์ (พ.ศ. ๔๒๓ – ๔๕๓) ที่เมืองสาคละ (ปัจจุบันเรียกว่า Sialkot อยู่ในแคว้นปัญจาบ ที่เป็นส่วนของปากีสถาน)

หลังรัชกาลพญามิลินท์ไม่นาน บากเตรีย หรือโยนกตกเป็นของชนเผ่าศกะที่เร่ร่อนรุกรานเข้ามา แล้วต่อมาก็เป็นส่วนหนึ่งของอาณาจักรกุษาณ (ที่มีราชายิ่งใหญ่พระนามว่ากนิษกะ ครองราชย์ พ.ศ.๖๒๑ – ๖๔๔) หลังจากนั้น ก็มีการรุกรานจากภายนอกมาเป็นระลอก จนกระทั้งประมาณ ค.ศ. ๗๐๐ (ใกล้ พ.ศ. ๑๓๐๐) กองทัพมุสลิมอาหรับยกมาถึงเข้าครอบครอง โยนกก็ได้กลายเป็นส่วนหนึ่งแห่งดินแดนของชนชาวมุสลิมสืบมา ชื่อโยนกก็เหลืออยู่แต่ในประวัติศาสตร์

.....................................................
https://dhammachati.blogspot.com/


แสดงโพสต์จาก:  เรียงตาม  
กลับไปยังกระทู้  [ 27 โพสต์ ]  ไปที่หน้า 1, 2  ต่อไป

เขตเวลา GMT + 7 ชั่วโมง


 ผู้ใช้งานขณะนี้

กำลังดูบอร์ดนี้: ไม่มีสมาชิก และ บุคคลทั่วไป 53 ท่าน


ท่าน ไม่สามารถ โพสต์กระทู้ในบอร์ดนี้ได้
ท่าน ไม่สามารถ ตอบกระทู้ในบอร์ดนี้ได้
ท่าน ไม่สามารถ แก้ไขโพสต์ของท่านในบอร์ดนี้ได้
ท่าน ไม่สามารถ ลบโพสต์ของท่านในบอร์ดนี้ได้
ท่าน ไม่สามารถ แนบไฟล์ในบอร์ดนี้ได้

ค้นหาสำหรับ:
ไปที่:  
Google
ทั่วไป เว็บธรรมจักร