วันเวลาปัจจุบัน 25 เม.ย. 2024, 16:58  



เขตเวลา GMT + 7 ชั่วโมง




กลับไปยังกระทู้  [ 1 โพสต์ ]    Bookmark and Share
เจ้าของ ข้อความ
โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 28 ส.ค. 2018, 15:30 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
อาสาสมัคร
อาสาสมัคร
ลงทะเบียนเมื่อ: 06 มี.ค. 2009, 10:48
โพสต์: 5091


 ข้อมูลส่วนตัว


"ชีวิตของคนเรา จะแตกดับลงเมื่อไรก็ได้
กลับไม่แสวงหาบุญกุศล เป็นสะเบียง
ย่อมเสี่ยงต่อการเป็นผู้อนาถามาก
หลวงปู่บุญกู้ อนุวฑฺฒโน






"คนมีธรรม มิใช่อ่านเก่ง จำเก่ง พูดเก่ง
แต่ต้องสามารถนำธรรม ไปปรับปรุงแก้ไข
ความคิด การพูด และการกระทำของตนให้ดีขึ้น
จนตนเองรู้ นั่นแหละของจริง จงพิสูจน์ตนเองเสมอๆ"

หลวงตามหาบัว ญาณสัมปันโน




“ของดีอะไร อะไรคือของดี
ของดีมีอยู่ด้วยกันทุกคนแล้ว

การที่มีร่างกายแข็งแรง
ไม่เจ็บ ไม่ไข้ได้พยาธินั้น
ก็มีของดีแล้ว

การมีร่างกายแข็งแรง มีอวัยวะครบถ้วน
ไม่บกพร่องพิกลพิการ อันนี้ก็มีของดีแล้ว
จะต้องไปหาของดีที่ไหนกันอีก"

หลวงปู่แหวน สุจิณโณ





"คนที่จิตสูงไม่เต็มที่
เมื่อถูกเขาด่าว่าอะไร
มักเก็บเอาไปคิด เอาไปนึก

เพราะคนเราส่วนมาก
สำคัญว่าตนฉลาด
แต่กลืนกินอารมณ์ที่ชั่ว
อารมณ์ที่ชั่วเหมือนอสรพิษ
เป็นลักษณะของคนโง่

แต่มุนีท่านไม่ถือ
ท่านว่าเป็นโลกธรรม
ที่เกิดมาใครๆ ต้องพบ
ประสบทุก ๆ คนไป"

หลวงปู่หลุย จันทสาโร






"วิธีชนะ ที่จะไม่ต้องเบียดเบียนใคร
เป็นความดีชั้นตรี

ถ้าเป็นการชนะ ชนิดที่เกื้อกูลเขา
ทำให้เขากลับเป็นคนดี
ก็นับว่าเป็นความดีชั้นโท

ส่วนความดีชั้นเอก ก็คือ
ความดีที่ชนะความชั่วของตนเอง”

สมเด็จพระญาณสังวร สมเด็จพระสังฆราชฯ



การฝึกฝ่ายจิตก็คือ
หัดเอาชนะความคิดต่ำๆที่มันเกิดขึ้นในใจของเรา
เราไม่ยอมให้ความชั่วครอบงำจิตใจ
เราต้องเป็นไทไว้
ไม่เป็นทาสของอารมณ์และสิ่งแวดล้อม
เพราะถ้าเราเป็นไทนี่ เราชนะ
แต่ถ้าเราเป็นทาส เราแพ้
หลวงพ่อปัญญานันทภิกขุ
วัดชลประทานรังสฤษฏ์ นนทบุรี






(คำถามจากประเทศอิสราเอล) คุณแม่ผมฝากถามมาครับ ว่าเวลาท่านนั่งสมาธิ ท่านจะเกิดขนลุกสู้บ่อยมาก เป็นสภาวะใดครับและท่านยังบอกอีกว่า ท่านน่าจะทำได้ดีกว่านี้แต่ท่านก็ไม่ทราบว่าจะทำอย่างไร คุณแม่ท่านเคยปฏิบัติมานานหลายปีแล้ว ท่านเคยเล่าว่าท่านปฏิบัติจนตัวลอยได้ท่านบอกว่าลอยจริงๆ ตอนแรกผมคิดว่าเป็นแค่นิมิต ท่านบอกว่าลอยขึ้นประมาณ ๑ ศอก จนท่านตกลงมา ในสภาพขาขวายังคุกเข่าอยู่เลย เกิดขึ้นเมื่อเกือบ ๒๐ ปีที่แล้วและท่านก็ไม่เคยทำได้อีกเลย ท่านไม่ทราบเรื่องการปฏิบัติมากนัก ได้แต่นั่งภาวนาพุทโธกับสวดมนต์อย่างเดียว โดยท่านไม่มีความรู้มากนักในเรื่องการปฏิบัติ รบกวนขอคำแนะนำด้วยนะครับ

เรียนคุณใช้นาม รบกวนถามจากประเทศอิสราเอล
หลวงตาได้เมตตาแสดงธรรมตอบปัญหาธรรมของคุณ เมื่อเช้าวันที่ ๒๕ กันยายน ๒๕๔๖ ณ วัดป่าบ้านตาด อ.เมือง จ.อุดรธานี ดังนี้

หลวงตา : ให้เอาอันนี้นะ เอาจุดนี้เสียก่อน ขนลุกซู่คือความปีติยินดีจากการภาวนา ให้จับจุดคือการภาวนานั้นอย่าปล่อยวาง เข้าใจไหม มันจะลุกขนาดไหนให้มันลุก

ลูกศิษย์ : ท่านเคยปฏิบัติมานานหลายปีแล้ว ท่านเคยเล่าว่า ท่านปฏิบัติจนตัวลอยได้ ท่านบอกว่าลอยจริง ๆ ตอนแรกผมคิดว่าเป็นแค่นิมิต ท่านบอกว่าลอยขึ้นประมาณหนึ่งศอก จนท่านตกลงมาในสภาพขาขวายังคุกเข่าอยู่เลย เกิดขึ้นเมื่อเกือบยี่สิบปีแล้ว และท่านก็ไม่เคยทำได้อีกเลย ท่านไม่ทราบเรื่องการปฏิบัติมากนัก ได้แต่นั่งภาวนาพุทโธกับสวดมนต์อย่างเดียว โดยท่านไม่มีความรู้มากนักในเรื่องการปฏิบัติ ขอรบกวนขอคำแนะนำจากหลวงตาด้วยครับ

หลวงตา : ให้ภาวนาพุทโธให้ติดกว่านั้นนะ การตัวลอยเป็นเรื่องความปีติ ปีติมีหลายประเภท แบบตัวลอยก็มี อันนี้มันก็มีอยู่แล้ว เป็นกิ่งก้านของการภาวนาของเรา เราอย่าปล่อยหลัก อันนี้เป็นอาการ มันมีเกิดได้ระงับไปได้หายไปได้อันนี้ ส่วนจิตที่ได้รับการอบรมด้วยดีนั้น ความสงบร่มเย็นจะไม่หาย จะหนาแน่นขึ้นภายในใจ สิ่งเหล่านี้เป็นอาการภายนอก เข้าใจเหรอ ไม่ให้เป็นอารมณ์กับมันนัก มันเป็นอะไรก็ช่างมัน แต่อย่าลืมพุทโธภายในใจ ถือหลักพุทโธไว้ให้ดี เข้าใจไหม เข้าใจหรือยัง

ลูกศิษย์ : ถ้าเขาลอยอีกทำไงครับ ถ้าเขาพุทโธ ๆ แล้วตัวลอยอีกให้ทำยังไงหรือเปล่า

หลวงตา : มันจะขึ้นฟากจรวดให้มันไป หลวงตาบัวจะจับหางดึงลงมา เข้าใจไหม ปล่อยให้มันไปเถอะ หลวงตาบัว จะจับหางมันดึงลงมา ก็ลูกศิษย์หลวงตาบัวมันเก่งกว่าครูไปไหนวะ เข้าใจหรือ


เรื่อง "นั่งสมาธิจนตัวลอย"

(วิสัชนาธรรมโดย หลวงตามหาบัว ญาณสัมปันโน)







คนทุกวันนี้เข้าใจว่า ศาสนาอยู่กับวัด อยู่ในตู้
ในหีบ ในใบลาน อยู่กับพระพุทธเจ้า
ประเทศอินเดียโน้นจึงไม่สนใจ
บ้านเมืองจึงเดือดร้อนวุ่นวาย มองหน้ากันไม่ได้
ถ้าคนเราถือกันเป็นบิดามารดา เป็นพี่น้องกันแล้ว
ก็สบาย ไปมาหาสู่กันได้ เพราะใจเราไม่มีเวร
เวรก็ไม่มี ใจเราไม่มีกรรม กรรมก็ไม่มี
ฉะนั้น ให้มีพรหมวิหารธรรม

หลวงปู่ฝั้น อาจาโร






"ธรรมดาของในโลก จะมีแต่ชั่วอย่างเดียวไม่ได้
จะต้องมีความดีอยู่ด้วยเป็นธรรมดา

มารที่เป็นเครื่องกีดกั้น ก็เหมือนกัน มิใช่ว่าเขาจะกีดกั้นเราถ่ายเดียว
บางคราวบางสมัย เขาก็กลายเป็นเพื่อน เป็นมิตร เป็นสหายของเรา
บางคราวบางสมัย เขาก็กลายเป็นบริษัทบริวารของเรา
บางคราวบางสมัย เขาก็กลายเป็นทาส ปรนปรือเลี้ยงดูช่วยเหลือเรา อย่างนี้ก็มี

ฉะนั้น ผู้มีปัญญา จึงจะต้องเดินอยู่ในกึ่งกลาง ฝ่ายหนึ่ง เพ่งถึงส่วนความไม่ดี ฝ่ายที่สอง เพ่งถึงความดี

ความดีและความไม่ดีนี้ เป็นความจริงที่จะต้องอยู่ด้วยกัน ตัวเราเอง ก็จะต้องเป็นผู้ยืนอยู่ในหว่างกลางเป็นหลักกลาง เป็นผู้วินิจฉัยเรื่องราวเหล่านั้น ให้เกิดความไม่รังเกียจ"

ท่านพ่อลี ธมฺมธโร





การนั่งสมาธิเป็นการบริหารสติ การฝึกดูความจริงของชีวิตช่วยให้เราปล่อยวาง เมื่อเห็นสิ่งต่าง ๆในชีวิตตามความเป็นจริงมากขึ้น เราจะไม่วิตกกังวลเรื่องต่าง ๆ จนเกินไป ไม่หวังนั้นหวังนี่จนเกินไป เราจำได้ว่ามันก็เพียงแค่นั้นแหละ เป็นแค่ภาพยนตร์ชีวิต เราเป็นทั้งผู้ดูและพระเอกหรือนางเอก ให้รู้เท่าทัน เราทำงานอะไรก็แล้วแต่ ถ้าเราไม่ระวัง เรามักหมกมุ่นแต่ในรายละเอียดของงานหรือข้อปลีกย่อยเลยเสียเวลา หรืออุดตันไปเสียเลย เพราะไม่สามารถถอยออกมามองภาพรวม ปล่อยให้การสร้างเหตุขัดกับผลที่ต้องการ

การทำงานอะไรทุกอย่างจึงต้องหาความพอดีระหว่างการเอาจริงเอาจังกับข้อปลีกย่อยหรือรายละเอียด กับการระลึกถึงภาพรวม เป้าหมายจุดหมายปลายทาง และหนทางที่ตรงที่สุดต่อผลที่พึงประสงค์

ตัวของเราก็เหมือนกัน เราต้องมีการถอยตัวออกมา พิจารณาภาพรวมเป็นครั้งคราว การทำสมาธิจะช่วยให้เราได้ทำอย่างนั้นได้ คือถอยออกจากอารมณ์สักหน่อยหนึ่ง เป็นประจำทุกวัน สัมผัสธรรมชาติภายในที่ละเอียดลึกซึ้ง นอกเขตความคิดเหนือภาษา เพื่อจะไม่หลงใหลกับมายาของโลก และไม่ลืมเป้าหมายชีวิต

พระอาจารย์ชยสาโร


แสดงโพสต์จาก:  เรียงตาม  
กลับไปยังกระทู้  [ 1 โพสต์ ] 

เขตเวลา GMT + 7 ชั่วโมง


 ผู้ใช้งานขณะนี้

กำลังดูบอร์ดนี้: ไม่มีสมาชิก และ บุคคลทั่วไป 116 ท่าน


ท่าน ไม่สามารถ โพสต์กระทู้ในบอร์ดนี้ได้
ท่าน ไม่สามารถ ตอบกระทู้ในบอร์ดนี้ได้
ท่าน ไม่สามารถ แก้ไขโพสต์ของท่านในบอร์ดนี้ได้
ท่าน ไม่สามารถ ลบโพสต์ของท่านในบอร์ดนี้ได้
ท่าน ไม่สามารถ แนบไฟล์ในบอร์ดนี้ได้

ค้นหาสำหรับ:
ไปที่:  
Google
ทั่วไป เว็บธรรมจักร