วันเวลาปัจจุบัน 20 เม.ย. 2024, 03:34  



เขตเวลา GMT + 7 ชั่วโมง




กลับไปยังกระทู้  [ 144 โพสต์ ]  ไปที่หน้า ย้อนกลับ  1, 2, 3, 4, 5, 6, 7 ... 10  ต่อไป  Bookmark and Share
เจ้าของ ข้อความ
โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 26 ส.ค. 2018, 16:34 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
สมาชิกระดับ 19
สมาชิกระดับ 19
ลงทะเบียนเมื่อ: 11 มี.ค. 2018, 02:56
โพสต์: 2157

โฮมเพจ: maybe
แนวปฏิบัติ: สติปัฎฐาน
งานอดิเรก: กีฬา
สิ่งที่ชื่นชอบ: แบรนด์เเนม
ชื่อเล่น: เม
อายุ: 22
ที่อยู่: Bangkok Thailand

 ข้อมูลส่วนตัว


< ตะวัน > เขียน:
โลกสวย เขียน:
< ตะวัน > เขียน:
เฉลยให้ฟังก็แล้วกัน
ก่อนเฉลยก็เอาที่ตอบแบบหยาบๆยกมาให้ฟังก่อนแล้วกัน


พระท่านว่า คำสอนและธรรมมีความลึกตื้นต่างระดับกันไป..และลึกยิ่งๆขึ้นไปไม่สิ้นสุด ในคำๆเดียว

ในมุมมองของตัวเอง..มองในเรื่องปล่อยวางในมุมนี้ว่า..


เอาเรื่องการมอง...ความลึกในการมอง....ศีลข้อสอง(อทินนาทานาฯ)แล้วกัน
1.ตื้นสุดหรือหยาบสุด....ก็น่าจะ...ยึดมั่นถือมั่น..จนต้านความอยากของตัวเองไม่ได้จนต้องไปขโมยสิ่งที่ตัวเองอยากได้...จากผู้อื่น..จนผิดศีลข้อสอง

2.ลึกขึ้นไปหน่อย....หรือละเอียดเพิ่มขึ้นมา....ก็มีความกลัวบาป...ก็เลยไม่กล้าไปลักของเขา...เพราะกลัวตกนรกอะไรทำนองนั้น

3.ละเอียดขึ้นไปอีก...คือมีความละอาย...ที่จะไปลักของเขา....เห็นว่า...ถ้ามีคนมาลักของๆเรา..เราก็จะเสียใจ...ทำนองเห็นใจเขาเห็นใจเรานั่นแหละ...ไม่อยากให้มีคนมาทำไม่ดีกับตัวเองอย่างไร..ตัวเองก็เลยคิดได้ไม่อยากไปทำให้เขาเสียใจด้วย....นี่น่าจะถือว่าเป็นขั้นที่ละเอียดกว่าสูงกว่าขั้น...กลัวบาป..กลัวตกนรกเพราะไปลักของเขาแหละ

แต่พวกนี้ก็ยังไม่เป็นขั้นลึกสุดล่ะนะ....ไออยากถามยูว่า...ยูคิดว่า...ถ้าคนที่เขามองศีลข้อสอง...แบบลึกสุดนี่....เขาจะ...ปฏิบัติยังงัยกับศีลข้อนี้...คิดยังงัยพิจารณายังงัยกับศีลข้อนี้.....ก็ตอบแบบที่ยูคิดว่าละเอียดสุด...ลึกสุด..ที่ยูพอจะพิจารณาได้แล้วกัน......พอจะตอบได้ไหม?????


บอกใบ้ให้หน่อยแล้วกัน....ระดับ 1-3 ที่ว่านั่น...ที่ไอว่ายังหยาบอยู่ยังไม่ละเอียด...เพราะยังคิดจะมาเอาสิ่งที่ตัวเองรักตัวเองชอบตัวเองอยากได้อยู่...เพียงแต่วิธีการต่างกันเท่านั้นเอง...ข้อ1หยาบที่สุดเพราะไปทำเพื่อให้ได้ในสิ่งที่ตัวเองอยากได้แบบผิดวิธีด้วยการไปลักขโมย...
ส่วนข้อ 2-3 ก็ดีขึ้นละเอียดขึ้นเพราะไม่ได้ไปลักไปขโมยสิ่งที่ตัวเองอยากได้...แต่ไปทำงานเก็บเงินซื้อเอาอะไรทำนองนั้น....ก็ละเอียดขึ้นแต่ก็ยังหยาบอยู่

แล้วแบบละเอียดสุดล่ะ....ท่านผู้ที่ทำได้แบบละเอียดสุด....ท่านถือกันยังงัย???...ศีลข้อสองนี่????
ตอบได้ไหม?????
.....ก็ตอบแบบที่ยูคิดว่าละเอียดสุด...ลึกสุด..ที่ยูพอจะพิจารณาได้แล้วกัน......



ทีนี้จะเฉลย...ล่ะนะ
ขั้นละเอียดสุด....ที่ไอพิจารณาได้นี่...(หรือใครที่คิดว่าพิจารณาได้ละเอียดกว่านี้..ก็ให้มา..เพิ่มเติมได้นะ...
ได้ยินเปล่าคุณกบ(แต่อย่าแค่มาบอกว่า...ไม่ได้เรื่อง...แล้วกลับไม่ยกตัวอย่างที่คุณกบคิดว่า...ได้เรื่อง....มาให้กันอ่านบ้างอีกนะ...ถ้าบอกว่าไม่ได้เรื่องแล้วต้องเอาสิ่งที่ได้เรื่องมาพูดให้กันฟังด้วยสิ่...ถึงจะไม่โดนหาว่า...ดีแต่พูดเฉยๆ...หึหึ)

ขั้นละเอียดสุด....ที่ไอพิจารณาได้นี่...ก็คือ.....ท่านที่รักษาศีลข้อสองได้แบบละเอียดสุดนี่....ท่านจะ...ไม่เอาอะไรเลยทั้งนั้นในโลกนี้....นี่แหละที่ไอคิดว่าละเอียดสุดล่ะ.....
ไม่อยากจะได้ไม่อยากจะเอาอะไรทั้งหมดทั้งสิ้นในโลกนี้....เพราะพิจารณาทางปัญญาแล้วเห็นโทษของการอยากได้อยากเอาอะไรต่างๆในโลกใบนี้ได้ชัดเจนแล้ว

ถ้ามีความคิดที่อยากจะได้อันนั้นอันนี้โผล่ขึ้นมาในใจท่านแล้ว...นั่นล่ะท่านถือว่าผิดศีลข้อสองแบบละเอียดสุดของท่านแล้ว ท่านรักษาศีลถึงระดับใจโน่นเลยล่ะ ไม่ให้มีความคิดปรุงแต่งอยากจะได้อันนั้นอันนี้อยากจะไปหาความสุขจากสิ่งนั้นสิ่งนี้...ท่านจะรักษาใจท่านให้บริสุทธิ์...ไม่ให้มีความคิดที่อยากจะไปหาความสุขจากสิ่งนั้นสิ่งนี้ในโลกนี้เลย

ถ้ายังคิดอยากจะได้โน่นนี่นั่น...ในโลกนี้อยู่...ก็เหมือนกับว่า...ยังอยากจะขโมยอะไรๆในโลกนี้อยู่อีกงัย...ซึ่งส่งผลให้มาเกิดอีกนั่นเอง...ตรงกับหลักธรรมเรื่องอิทัปปัจจยตา(ไม่รู้สะกดถูกเปล่า)เหตุอันหนึ่งไปสะเทือนทำให้เกิดผลอีกอันหนึ่ง...

เหตุคือยังอยากได้โน่นนี่นั่นอยุ่แล้วก็ส่งผลให้มาเกิดอีกนั่นงัยล่ะ

.....หรือภาษาโลกที่เขาพูดกันว่า...เด็ดดอกไม้สะเทือนถึงดวงดาว...อะไรนั่นอันนี้ก็เข้ากันได้กับกฎเรื่องอิทัปปัจจยตา...เหมือนกัน...เมื่อยังอยากได้โน่นนี่นั่นอยู่...อะไรล่ะเป็นผู้อยากได้...ก็อัตตาตัวตนงัย..เป็นผู้อยากได้...

.เมื่อยังอยากได้อะไรๆในโลกนี้อยู่..แม้ไม่ได้ไปลักไปขโมยของเขา..แต่มันก็ยังเป็นขั้นหยาบอยู่งัย...เป็นเหตุที่ทำให้ต้องได้มา...เกิดแก่เจ็บตาย..อยู่ต่อไป

การที่อยากได้อันนี้อันนั้นในโลกนี้อยู่ก็คือ...อยากจะไปหาความสุขจากสิ่งนั้นที่มีอยู่ในโลกนั่นเอง
....ไอถึงพิจารณาว่า...ศีลข้อสองระดับสูงสุดนี่...ท่านจะพิจารณาด้วยปัญญาท่านจนเห็นโทษของการไปหาความสุขจากสิ่งที่อยากได้นั้นว่าทำให้เกิด...อัตตา...ขึ้นมา....แล้วปล่อยวางความอยากได้ในสิ่งนั้นที่มีอยู่ในโลกนั้นเสีย...จนถึงขั้นสูงสุด..เป็นระดับที่...ไม่อยากได้ไม่อยากเอาอะไรๆทั้งนั้นในโลกนี้...นี้ล่ะศีลข้อสองระดับสูงสุด...ที่ไอพอจะพิจารณาได้

ซึ่งจะว่าไปแล้วศีลข้อสองกับข้อสามนี่ก็สัมพันธ์กันอยู่นะ....เพราะส่วนมากที่ยังอยากได้อะไรกันอยู่ในโลกนี่..ก็คืออยากได้...ผัวอยากได้เมียนั่นแหละ...น่าจะเยอะสุดมากสุด....

เห็นหรือยังว่า...หลักธรรมต่างๆจะสัมพันธ์กันเชื่อมโยงกัน
การจะเห็นแบบนี้ได้...รักษาศีลได้ละเอียดสุดแบบนี้ได้...ก็ต้องมีปัญญาระดับสูง...
จะมีปัญญาระดับสูงขนาดนี้ได้...ก็จะต้องมี...สมาธิระดับสูง....เช่นกันมาสนับสนุนเกื้อหนุนปัญญานี้..

ไม่งั้นถ้าไม่มี...สมาธิ...มาหนุน...ก็จะได้แค่...สัญญา..เฉยๆ..ตัดกิเลสไม่ได้..ปล่อยวางไม่ได้..ปล่อยวางความอยากได้วัตถุสิ่งของอะไรต่างๆในโลกนี้ไม่ได้...

ธรรมะแต่ละข้อจะสัมพันธ์เชื่อมโยงกัน....คุณอย่าแยกธรรมะให้ออกจากกันเหมือนกับเป็นคนละเรื่องแบบที่เคยทำนะ...คุงเมยเอ๊ย....แยกไปว่า..ศีล..ควบคุมแค่กาย..วาจา..อะไรที่คุณเคยพูดบ่อยๆนั่น...ศีลขั้นละเอียดขั้นสูง..ท่านรักษากันถึง...ระดับใจ...เลยจำเอาไว้...ซึ่งการจะรักษาศีลให้ได้ถึงขั้น..ระดับใจนั่น..ต้องได้อาศัย...สติ..สมาธิ...ปัญญา..มาช่วย...ไม่งั้นจะรักษาศีลถึงขั้นละเอียดสุด..ถึงระดับใจ..ไม่ได้หรอก...

ถ้าอยากเข้าใจธรรมะให้ถูกต้องละเอียดลึกซึ้งก็ให้พยายามพิจารณาธรรมะเรื่องต่างๆให้เชื่อมโยงเป็นเหตุเป็นผลกันให้ได้เน้อทุกๆท่าน :b39: :b39: :b39:




ก็คงเป็นตัวอย่าง การแสดงการวิปัสสนา ที่เข้าใจผิดๆๆ ปฎิบัติมาผิดๆๆ

ไม่ตรงตามที่พระพุทธองค์ทรงแสดง
ไม่มีการกำหนดลงในอสุภะ หรือลงในไตรลัษณ์

เพราะวิปัสสนาที่ถูกต้อง ตามที่พระพุทธองค์ทรงแสดงไว้
คือ

การเจริญอบรมภาวนา ปัญญา พร้อมทั้งโสภณเจตสิก 19 ดวง
โดยปัญญาจะเจริญขึ้น ตามลำดับขั้นญาน ทั้ง 16 ญาน


ตัวอย่าง เพื่อรู้ในรูปนามขันธ์ห้า ที่เคยหลงไปยึดถือ ด้วยนะคะ

ว่า สุภะ นิจจะ สุขะ อัตตะ ว่างาม เที่ยง เป็นสุข และเป็นของเรา

ให้รู้ตามความเป็นจริงว่า อสุภะ อนิจจะ ทุกขะ และ อนัตตะ ไม่งาม ไม่เที่ยง ไม่สุข และไม่ใช่ของเราค่ะ

นี่คือ ความเข้าใจที่ถูกต้อง ในการวิปัสสนา ตามที่พระพุทธองค์สอนค่ะ





ที่คุณโลกฯ...ว่าการพิจารณาของเราผิดไปนั่น...ทำไมถึงบอกว่าผิดล่ะ???
คุณพิจารณาวิปัสสนา..ไปเพื่อจุดมุ่งหมายอะไรหรือ???...
ถ้าคุณโลกฯ...อ่านข้อความนี้ที่คุณโลกฯโพสเองคุณก็คงจะเข้าใจว่าพิจารณาไปเพื่ออะไร
ลองอ่านดูนะที่คุณโพสไปนี่

ตัวอย่าง เพื่อรู้ในรูปนามขันธ์ห้า ที่เคยหลงไปยึดถือ ด้วยนะคะ
ว่า สุภะ นิจจะ สุขะ อัตตะ ว่างาม เที่ยง เป็นสุข และเป็นของเรา
ให้รู้ตามความเป็นจริงว่า อสุภะ อนิจจะ ทุกขะ และ อนัตตะ ไม่งาม ไม่เที่ยง ไม่สุข และไม่ใช่ของเราค่ะ

อ่านแล้วคุณโลกฯรู้ัคำตอบยัง...ว่าพิจารณาไปเพื่ออะไร
===>>>>เพื่อปล่อยวาง...ละวาง...สลัดทิ้ง...สิ่งที่ติดข้องอยู่ใช่ไหมล่ะ??
แล้วที่เราบอกว่า...ศีลข้อสองระดับสูงสุดนั่น...คือการไม่เอาอะไรทุกอย่างในโลกนี้...สละทุกสิ่งทุกอย่างในโลกนี้ที่เราเคยติดข้องอยู่....แล้วคำเฉลยเรื่องความหมายของศีลข้อสองระดับสูงสุดของเรา...ตรงกับเป้าหมายของการพิจารณาธรรม(วิปัสสนา)หรือเปล่า????
แล้วทำไม..คุณโลกฯถึงว่า....
ก็คงเป็นตัวอย่าง การแสดงการวิปัสสนา ที่เข้าใจผิดๆๆ ปฎิบัติมาผิดๆๆ
ไม่ตรงตามที่พระพุทธองค์ทรงแสดง
ไม่มีการกำหนดลงในอสุภะ หรือลงในไตรลัษณ์

ไม่ตรงตามที่พระพุทธองค์ทรงแสดงตรงไหน...พระองค์ทรงแสดงธรรมเพื่อให้เราสละปล่อยวางวัตถุกามทุกสิ่งทุกอย่างที่เราติดข้องอยู่ไม่ใช่เหรอ???
แล้วไม่มีการกำหนดลงในไตรลักษณ์อย่างไร...ก็อนัตตา...งัยล่ะ...ถ้าไม่เห็นว่าเป็นอนัตตา...จะกล้าสละวัตถุกามทุกสิ่งทุกอย่าง..ไม่ไปเอาอะไรทั้งหมดทั้งสิ้นในโลกนี้ได้แบบที่เราว่าไปเหรอ...ที่เราเฉลยความหมายของศีลข้อสองระดับสูงสุดที่เราพิจารณาได้ไปนั่น...คือไม่เอาอะไรทั้งหมดทั้งสิ้นในโลกนี้...ไม่ว่าจะเป็นแก้วแหวนเงินทอง...สามีภรรยา...สัญญาสังขาร..ความคิดปรุงแต่งที่ทำให้เพลินให้หลงรักหลงชังอะไรต่างๆก็ให้...สละทิ้งให้หมด...ปล่อยวางทิ้งให้หมด..อย่าไปยึดมั่นถือมั่นไปยึดเป็นเจ้าของนั่น....

แต่การจะทำแบบนี้ได้พิจารณาให้ละได้แบบนี้...ต้องอาศัยพลังของ...สติ...สมาธิ...ที่แก่กล้ามากๆมาสนับสนุนด้วย...ไม่ใช่จะคิดเอาเองเฉยๆ...ต้องมีข้อปฏิบัติต่างๆมาช่วยเราด้วย....ไม่งั้นพิจารณาไปก็เป็นได้แค่...สัญญา(ความจำได้)เท่านั้น...ไม่เป็น..ปัญญา...ที่จะเอาไปละความติดข้องในวัตถุสิ่งของต่างๆที่เรายังติดข้องได้อยู่หรอก...ถ้ายังละการติดข้องในสิ่งเหล่านี่้ไม่ได้ก็ยังต้องได้มาเกิดแก่เจ็บตายในโลกนี้อยู่ต่อไป...ยังไปนิพพานไม่ได้[/quote]

นั่นแน้ ยังดื้ออีก

ไตรลักษณ์ คือ อนิจจะ ทุกขะ อนัตตะ

ไม่ใช่มีแต่หนึ่ง ที่มีแต่อนัตตา ค่ะ
ไม่ใช่ ที่มีแค่สอง คือ อนัตตา กะทุกขะ
แต่มีสาม จึงเรียกว่าไตรลักษณ์ ไงคะ

การวิปัสสนาของคุณ จึงเป็นการวิปัสสนา ที่ไม่ตรงตามพระพุทธองค์สอน ไงหละคะ

ศีลนั้น มีวิรัตติจากการประพฤติผิดประพฤติทุจริต ตามสิขาบทที่พระพุทธองค์ทรงแสดง
แต่กลับนำเอาสัตว์บัญญัติ มาปนมั่ว ไปในการพิจารณาค่ะ
ไม่เป็นไปตามที่พระพุทธองค์ทรงแสดงพื้นฐาน การวิปัสสนาที่ถูกต้อง ไม่ตรงตรงการปฎิบัติค่ะ

และก็เพราะคุณไม่ได้เรียนพระอภิธรรมมา

เรยไม่รู้ว่า
ความไม่ยึดมั่นถือมั่นนั้น ไม่ใช่การพูดปากเปล่าๆ พล่อยๆ พูดลอยๆได้ค่ะ
โดยไม่รู้จริงว่า

ความไม่ยึดมั่นถือมั่นนั้น
หมายถึง
ฉฬังคุเบกขาญาน ที่เป็นองค์ธรรมของมหากริยาจิต ในพระอรหันต์ค่ะ

เพียงเล็กน้อยๆ เท่านี้ แสดงว่า คุณตะวัน ไม่มีพื้นฐานความรู้ทางปริยัติเรย ไม่ได้เรียนพระอภิธรรมมาเรย
จึงเข้าใจผิดๆๆๆๆ เห็นผิดๆๆๆค่ะ ปฎิบัติผิดๆ มากมาย

หนูแนะนำว่า
ให้คุณหัดเรียนปริยัติไปด้วยนะคะ
จะได้สอบทาน ปริยัติ ได้ตรง
ปฎิบัติ จะได้ตรง และจะได้ถึงปฎิเวธ ตามที่พระพุทธองค์ทรงสอนค่ะ

อ่อ ไม่ไอ แล้วหรอคะ










โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 26 ส.ค. 2018, 16:46 
 
ออฟไลน์
สมาชิก ระดับ 2
สมาชิก ระดับ 2
ลงทะเบียนเมื่อ: 19 ก.ค. 2015, 23:32
โพสต์: 52

อายุ: 0

 ข้อมูลส่วนตัว


โลกสวย เขียน:
อ้างคำพูด

ถ้าอยากเข้าใจธรรมะให้ถูกต้องละเอียดลึกซึ้งก็ให้พยายามพิจารณาธรรมะเรื่องต่างๆให้เชื่อมโยงเป็นเหตุเป็นผลกันให้ได้เน้อทุกๆท่าน


ขอบพระคุณค่ะ น่าชื่นชมอย่างยิ่ง


การเชื่อม ก่อนอื่น ที่วิปัสสนาเหล่านั้น ก็ต้องคงไปเชื่อมโยง กะวิปัสสนูกิเลส 10 ซะก่อน ใช่มั๊ยคะ ?




:b14: :b14: :b14: อ่านทีแรกกะลังจะเคลิ้ม :b20: :b20: :b20: เพราะเห็นที่ว่า....
ขอบพระคุณค่ะ น่าชื่นชมอย่างยิ่ง
แต่พออ่านไปถึง..... ก็ต้องคงไปเชื่อมโยง กะวิปัสสนูกิเลส 10 ซะก่อน ใช่มั๊ยคะ ?
ก็เหมือนอยู่ดีๆแล้วถูกถีบตกเก้าอี้อะไรแบบนั้นแหละ
....แล้วก็ลุกขึ้นมาดูดีๆอีกที....ถึงรู้ว่า...โดนเหน็บแนมเข้าซะแล้ว

จะว่าให้หรือจะเหน็บแนมกันนั่น...ก็เล่นแบบโป๊ะเช๊ะกันเลยก็ได้..คุณโลกเอ๊ย
แบบที่พวกจิ๊กโก๊...เดินดุ่ยๆถือไม้หน้าสามมาหา...พอมาถึงตัวก็เอาไม้หน้าสามฟาดกันเลยก็ได้
แบบที่คุณโลกฯทำนี่..มันเหมือนเดินถือดอกไม้นำหน้าเดินมาหา...พอไอจะยื่นมือไปรับดอกไม้
กลับเอา....สากกะเบือ...ที่อยู่ในมืออีกข้างที่ถือซ่อนอยู่ข้างหลังเอาไว้มาฟาดหน้าผากกันนะนี่





โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 26 ส.ค. 2018, 16:55 
 
ออฟไลน์
สมาชิก ระดับ 4
สมาชิก ระดับ 4
ลงทะเบียนเมื่อ: 05 ม.ค. 2018, 00:09
โพสต์: 203

อายุ: 0

 ข้อมูลส่วนตัว


@ คุณตะวัน

มันยาวเลยอ่านแต่ตัวสีแดงแค่นั้น

แต่ก็เดิมๆนะแหละ คุณน้ำเมยว่า..

ฟุ้งเป็นคุ้งเป็นแคว แต่ทำไม่ได้สักอย่าง

ได้แต่ในระดับความคิด แต่ในการกระทำ ทำตามความคิดของตัวเองยังไม่ได้ ผลไม่เกิด
.
.
.
จึงอยากจะบอกคุณตะวันว่า( เว้าหน่อยๆแน เฮ็ดให่มันหลายๆ มันถึงจะเป็นจริงขึ้นมาได่)
.
.
.
สรุปนะ สั้นๆ...คุณตะวัน กำลัง มโนอยู่ ใช่ไหมคะ เห็นที่เขียนยาวๆ ออกมานะ


โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 26 ส.ค. 2018, 17:11 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
สมาชิกระดับ 19
สมาชิกระดับ 19
ลงทะเบียนเมื่อ: 11 มี.ค. 2018, 02:56
โพสต์: 2157

โฮมเพจ: maybe
แนวปฏิบัติ: สติปัฎฐาน
งานอดิเรก: กีฬา
สิ่งที่ชื่นชอบ: แบรนด์เเนม
ชื่อเล่น: เม
อายุ: 22
ที่อยู่: Bangkok Thailand

 ข้อมูลส่วนตัว


< ตะวัน > เขียน:
โลกสวย เขียน:
อ้างคำพูด

ถ้าอยากเข้าใจธรรมะให้ถูกต้องละเอียดลึกซึ้งก็ให้พยายามพิจารณาธรรมะเรื่องต่างๆให้เชื่อมโยงเป็นเหตุเป็นผลกันให้ได้เน้อทุกๆท่าน


ขอบพระคุณค่ะ น่าชื่นชมอย่างยิ่ง


การเชื่อม ก่อนอื่น ที่วิปัสสนาเหล่านั้น ก็ต้องคงไปเชื่อมโยง กะวิปัสสนูกิเลส 10 ซะก่อน ใช่มั๊ยคะ ?




:b14: :b14: :b14: อ่านทีแรกกะลังจะเคลิ้ม :b20: :b20: :b20: เพราะเห็นที่ว่า....
ขอบพระคุณค่ะ น่าชื่นชมอย่างยิ่ง
แต่พออ่านไปถึง..... ก็ต้องคงไปเชื่อมโยง กะวิปัสสนูกิเลส 10 ซะก่อน ใช่มั๊ยคะ ?
ก็เหมือนอยู่ดีๆแล้วถูกถีบตกเก้าอี้อะไรแบบนั้นแหละ
....แล้วก็ลุกขึ้นมาดูดีๆอีกที....ถึงรู้ว่า...โดนเหน็บแนมเข้าซะแล้ว

จะว่าให้หรือจะเหน็บแนมกันนั่น...ก็เล่นแบบโป๊ะเช๊ะกันเลยก็ได้..คุณโลกเอ๊ย
แบบที่พวกจิ๊กโก๊...เดินดุ่ยๆถือไม้หน้าสามมาหา...พอมาถึงตัวก็เอาไม้หน้าสามฟาดกันเลยก็ได้
แบบที่คุณโลกฯทำนี่..มันเหมือนเดินถือดอกไม้นำหน้าเดินมาหา...พอไอจะยื่นมือไปรับดอกไม้
กลับเอา....สากกะเบือ...ที่อยู่ในมืออีกข้างที่ถือซ่อนอยู่ข้างหลังเอาไว้มาฟาดหน้าผากกันนะนี่


หนูไม่ใช่จิ๊กโก๋นี่นา
และไม่ได้จะให้ดอกไม้ เพื่อจะทอดสะพานให้
ไม่ใช่เข้ามาเพื่อทำร้าย ไม่ใช่เข้ามาเพื่อกดขี่ข่มเหง ไม่ได้เข้ามากระทืบๆ เหยียบให้จมดิน ให้ตายกันไปข้าง ไม่ใช่เข้ามาไล่ยิง แล้วบอกพ่อกูใหญ่

พระพุทธองค์ พระอรหันต์ เคยทำแบบจิ๊กโก๋ ยกพวกเอาไม้ไปไล่ตี ไปตีสำนักสำนักโน้นหรือเปล่าคะ ?
แต่หนูเข้ามาให้ธรรมค่ะ

และอีกอย่าง การพิจารณาของคุณ ก็ไม่ได้ดีเลิศประเสริฐศรี อย่างที่เผยไว้
สติ สัมปชัญญะ และ ปัญญา ไม่ได้แสดงออก
ไม่ได้แสดงสภาวะว่า สามารถเอานิพพานเป็นอารมณ์มาวิปัสสนาได้

ยังพื้นๆในการพิจารณา และ ยังผิดเพี้ยนไป ไม่ตรงตามที่พระพุทธองค์ทรงแสดง

หนูแนะนำ ให้ศึกษาพื้นฐาน เพื่มเติมเรื่องปริยัติ ให้มากๆหน่อยนะคะ อย่าคิดเองเออเอง
จะได้สอบทาน ตรงตามปริยัติ และจะปฎิบัติได้ตรง จนถึงปฎิเวธได้ตรงตามพระพุทธองค์สอนค่ะ

และที่คุณตะวัน มารู้สึกว่าโดนเหน็บไป นั่นความรู้สึกตัวช้ามาก
แต่ถ้าคุณ ได้เชื่อมกะวิปัสสนูมาก่อนหน้า
คุณจะไม่รู้สึกเรยว่า นั่นเรียกว่าการเหน็บ หรือโดนเหน็บ

แต่ธรรมจะเป็นเกราะ ที่เหน็บ เท่าไร ก็ไม่เข้า
ไม่ได้สะดุ้งกะการเหน็บ

หนังจะเหนียวกว่าการไปสักยันต์ ตัวอะไรแปลกๆ ซะอีกนะคะ







โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 26 ส.ค. 2018, 17:29 
 
ออฟไลน์
สมาชิก ระดับ 2
สมาชิก ระดับ 2
ลงทะเบียนเมื่อ: 19 ก.ค. 2015, 23:32
โพสต์: 52

อายุ: 0

 ข้อมูลส่วนตัว


โลกสวย เขียน:


ที่คุณโลกฯ...ว่าการพิจารณาของเราผิดไปนั่น...ทำไมถึงบอกว่าผิดล่ะ???
คุณพิจารณาวิปัสสนา..ไปเพื่อจุดมุ่งหมายอะไรหรือ???...
ถ้าคุณโลกฯ...อ่านข้อความนี้ที่คุณโลกฯโพสเองคุณก็คงจะเข้าใจว่าพิจารณาไปเพื่ออะไร
ลองอ่านดูนะที่คุณโพสไปนี่

ตัวอย่าง เพื่อรู้ในรูปนามขันธ์ห้า ที่เคยหลงไปยึดถือ ด้วยนะคะ
ว่า สุภะ นิจจะ สุขะ อัตตะ ว่างาม เที่ยง เป็นสุข และเป็นของเรา
ให้รู้ตามความเป็นจริงว่า อสุภะ อนิจจะ ทุกขะ และ อนัตตะ ไม่งาม ไม่เที่ยง ไม่สุข และไม่ใช่ของเราค่ะ

อ่านแล้วคุณโลกฯรู้ัคำตอบยัง...ว่าพิจารณาไปเพื่ออะไร
===>>>>เพื่อปล่อยวาง...ละวาง...สลัดทิ้ง...สิ่งที่ติดข้องอยู่ใช่ไหมล่ะ??
แล้วที่เราบอกว่า...ศีลข้อสองระดับสูงสุดนั่น...คือการไม่เอาอะไรทุกอย่างในโลกนี้...สละทุกสิ่งทุกอย่างในโลกนี้ที่เราเคยติดข้องอยู่....แล้วคำเฉลยเรื่องความหมายของศีลข้อสองระดับสูงสุดของเรา...ตรงกับเป้าหมายของการพิจารณาธรรม(วิปัสสนา)หรือเปล่า????
แล้วทำไม..คุณโลกฯถึงว่า....
ก็คงเป็นตัวอย่าง การแสดงการวิปัสสนา ที่เข้าใจผิดๆๆ ปฎิบัติมาผิดๆๆ
ไม่ตรงตามที่พระพุทธองค์ทรงแสดง
ไม่มีการกำหนดลงในอสุภะ หรือลงในไตรลัษณ์

ไม่ตรงตามที่พระพุทธองค์ทรงแสดงตรงไหน...พระองค์ทรงแสดงธรรมเพื่อให้เราสละปล่อยวางวัตถุกามทุกสิ่งทุกอย่างที่เราติดข้องอยู่ไม่ใช่เหรอ???
แล้วไม่มีการกำหนดลงในไตรลักษณ์อย่างไร...ก็อนัตตา...งัยล่ะ...ถ้าไม่เห็นว่าเป็นอนัตตา...จะกล้าสละวัตถุกามทุกสิ่งทุกอย่าง..ไม่ไปเอาอะไรทั้งหมดทั้งสิ้นในโลกนี้ได้แบบที่เราว่าไปเหรอ...ที่เราเฉลยความหมายของศีลข้อสองระดับสูงสุดที่เราพิจารณาได้ไปนั่น...คือไม่เอาอะไรทั้งหมดทั้งสิ้นในโลกนี้...ไม่ว่าจะเป็นแก้วแหวนเงินทอง...สามีภรรยา...สัญญาสังขาร..ความคิดปรุงแต่งที่ทำให้เพลินให้หลงรักหลงชังอะไรต่างๆก็ให้...สละทิ้งให้หมด...ปล่อยวางทิ้งให้หมด..อย่าไปยึดมั่นถือมั่นไปยึดเป็นเจ้าของนั่น....

แต่การจะทำแบบนี้ได้พิจารณาให้ละได้แบบนี้...ต้องอาศัยพลังของ...สติ...สมาธิ...ที่แก่กล้ามากๆมาสนับสนุนด้วย...ไม่ใช่จะคิดเอาเองเฉยๆ...ต้องมีข้อปฏิบัติต่างๆมาช่วยเราด้วย....ไม่งั้นพิจารณาไปก็เป็นได้แค่...สัญญา(ความจำได้)เท่านั้น...ไม่เป็น..ปัญญา...ที่จะเอาไปละความติดข้องในวัตถุสิ่งของต่างๆที่เรายังติดข้องได้อยู่หรอก...ถ้ายังละการติดข้องในสิ่งเหล่านี่้ไม่ได้ก็ยังต้องได้มาเกิดแก่เจ็บตายในโลกนี้อยู่ต่อไป...ยังไปนิพพานไม่ได้


นั่นแน้ ยังดื้ออีก

ไตรลักษณ์ คือ อนิจจะ ทุกขะ อนัตตะ

ไม่ใช่มีแต่หนึ่ง ที่มีแต่อนัตตา ค่ะ
ไม่ใช่ ที่มีแค่สอง คือ อนัตตา กะทุกขะ
แต่มีสาม จึงเรียกว่าไตรลักษณ์ ไงคะ

การวิปัสสนาของคุณ จึงเป็นการวิปัสสนา ที่ไม่ตรงตามพระพุทธองค์สอน ไงหละคะ

ศีลนั้น มีวิรัตติจากการประพฤติผิดประพฤติทุจริต ตามสิขาบทที่พระพุทธองค์ทรงแสดง
แต่กลับนำเอาสัตว์บัญญัติ มาปนมั่ว ไปในการพิจารณาค่ะ
ไม่เป็นไปตามที่พระพุทธองค์ทรงแสดงพื้นฐาน การวิปัสสนาที่ถูกต้อง ไม่ตรงตรงการปฎิบัติค่ะ

และก็เพราะคุณไม่ได้เรียนพระอภิธรรมมา

เรยไม่รู้ว่า
ความไม่ยึดมั่นถือมั่นนั้น ไม่ใช่การพูดปากเปล่าๆ พล่อยๆ พูดลอยๆได้ค่ะ
โดยไม่รู้จริงว่า

ความไม่ยึดมั่นถือมั่นนั้น
หมายถึง
ฉฬังคุเบกขาญาน ที่เป็นองค์ธรรมของมหากริยาจิต ในพระอรหันต์ค่ะ

เพียงเล็กน้อยๆ เท่านี้ แสดงว่า คุณตะวัน ไม่มีพื้นฐานความรู้ทางปริยัติเรย ไม่ได้เรียนพระอภิธรรมมาเรย
จึงเข้าใจผิดๆๆๆๆ เห็นผิดๆๆๆค่ะ ปฎิบัติผิดๆ มากมาย

หนูแนะนำว่า
ให้คุณหัดเรียนปริยัติไปด้วยนะคะ
จะได้สอบทาน ปริยัติ ได้ตรง
ปฎิบัติ จะได้ตรง และจะได้ถึงปฎิเวธ ตามที่พระพุทธองค์ทรงสอนค่ะ

อ่อ ไม่ไอ แล้วหรอคะ

[/quote]

ก็...ไอ...บ้าง....เรา....บ้างนั่นแหละสลับกัน



นั่นแน้ ยังดื้ออีก
ไตรลักษณ์ คือ อนิจจะ ทุกขะ อนัตตะ
ไม่ใช่มีแต่หนึ่ง ที่มีแต่อนัตตา ค่ะ
ไม่ใช่ ที่มีแค่สอง คือ อนัตตา กะทุกขะ
แต่มีสาม จึงเรียกว่าไตรลักษณ์ ไงคะ

ก็ใช่แล้ว..ต้องพิจารณาให้ครบทั้งสามอย่างนั่นล่ะ...ถึงจะไปลง..อนัตตา...ได้
พูดแบบย่อๆนั่น...เข้าใจไหม???

การวิปัสสนาของคุณ จึงเป็นการวิปัสสนา ที่ไม่ตรงตามพระพุทธองค์สอน ไงหละคะ


ไม่ตรงยังงัย??????
ให้ดูที่เป้าหมายงัยล่ะ...เป้าหมายท่านให้พิจารณาให้ปล่อยวางละวางให้ได้....
แล้วที่ไอ..บอกว่าศีลข้อสองระดับสูงสุดนั่น...ใครก็ทำกันได้เหรอ???
ถ้าปัญญาไม่ถึงจริง...ละวางปล่อยวางไม่ได้หรอก...ก่อนจะไปละวางปล่อยวางที่ว่าเห็นเป็นอนัตตา
แล้วไม่ยึดมั่นถือมั่นจนปล่อยวางแล้วได้ระดับศีลข้อสองสูงสุดได้นั่น
ก็ต้องไปพิจารณาเห็น..อนิจจัง...ความไม่เที่ยง
พิจารณาเห็น...ทุกขัง...ความทุกข์จากการไปยึดมั่นถือมั่นในวัตถุสิ่งของต่างๆในโลก
ให้เข้าใจเต็มที่ให้ได้ก่อน...พิจารณาจนเห็นวัตถุกามทั้งหลายเป็นเหมือนก้อนเหล็กแดงหรือเป็นอสรพิษ
หรือเหมือนก้อนระเบิดที่เราพกไว้ติดตัว..ที่ไม่รู้ว่าเมื่อไหร่มันจะระเบิดแตกใส่เราให้เราได้รับความทุกข์สาหัส
ต้องพิจารณาอนิจจัง..ทุกขัง..ได้ระดับนี้ถึงจะ...ไปยังขั้นอนัตตา...กล้าที่จะสละทิ้งวัตถุกามทั้งหลายโดยไม่เสียดาย
เหมือนสละลูกระเบิดทิ้งออกไปจากตัวนั่นแหละ...แต่ทำไม่ได้ง่ายๆหรอก...ถ้าทำได้ง่ายๆ..ก็สละผัวสละเมีย..
สละเงินทองข้าวของกันได้หมดทุกคนแล้ว(ไม่ไปเอาเงินทองข้าวของไปหาซื้อรูปเสียงอะไรต่างๆมาเสพเพื่อความเพลิน)

เพียงเล็กน้อยๆ เท่านี้ แสดงว่า คุณตะวัน ไม่มีพื้นฐานความรู้ทางปริยัติเรย ไม่ได้เรียนพระอภิธรรมมาเรย
จึงเข้าใจผิดๆๆๆๆ เห็นผิดๆๆๆค่ะ ปฎิบัติผิดๆ มากมาย
หนูแนะนำว่า
ให้คุณหัดเรียนปริยัติไปด้วยนะคะ
จะได้สอบทาน ปริยัติ ได้ตรง
ปฎิบัติ จะได้ตรง และจะได้ถึงปฎิเวธ ตามที่พระพุทธองค์ทรงสอนค่ะ


ถ้าปฏิบัติผิด...เราก็จะถือศีลระดับสูงไม่ได้...
ให้เอา..ผลจริง...การละได้จริง....มาวัดกันดีกว่า...
อย่าเอาแค่...ตัวหนังสือ...มาวัดกันเลยนะ
อยากถามว่า...คุณโลก...ละการดูหนังฟังเพลง(ศีลข้อ7)...ได้หรือยัง????....
เคยพยายามรักษาศีลพรหมจรรย์ข้อสามฯไม่ไปสำเร็จความใคร่ความหื่นบ้างไหม????
นี่ล่ะ...ถ้าคนที่เขาพิจารณาด้วยปัญญาเห็นจริงแล้วว่าวัตถุกามมันมีโทษ...
เขาจะพยายามทำให้ได้ผลจริงคือละให้ได้จริงให้ได้...ด้วยการรักษาศีลระดับสูงเหล่านี้กันให้ได้....

ถ้าเรามี..สัมมาทิฎฐิ...มีความเห็นที่ถูกต้อง....
เราจะมีเป้าหมายที่ชัดเจน...ในการที่จะละสิ่งติดข้องทั้งหลายในโลกนี้ได้
ตอนนี้ที่ติดแบบหนาแน่นมากๆ...ก็คือติดข้องการหาความสุขจาก...ร่างกาย....
ถึงได้มาเกิดแก่เจ็บตายกันอยู่

ให้ดูผลจริง...จากปฏิเวธ...ถ้าเราปฏิบัติถูก...เราก็จะสามารถยกระดับจิตของเรา..ให้ขึ้นสู่ศีลระดับสูงได้
อย่างศีลข้อ 1 ก็คือ...ไม่โกรธ...
ศีลข้อ2 ก็ไม่เอาอะไรทั้งนั้นในโลกนี้อีก
ศีลข้อ3พรหมจรรย์..ก็จะละสมมุติหญิงชายได้...เห็นเป็นก้อนดินน้ำลมไฟเหมือนกัน...ไม่เห็นเป็นหญิงเป็นชาย...ตามคนโง่ที่สร้างรูปหญิงรูปชายมาหลอกกันอีกต่อไป....ก็ให้ไปพิจารณาเอาเองแล้วกันเรื่องศีลข้อ4-8ระดับสูงนั่น..ว่ามีความหมายยังงัย


แก้ไขล่าสุดโดย < ตะวัน > เมื่อ 26 ส.ค. 2018, 18:23, แก้ไขแล้ว 1 ครั้ง

โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 26 ส.ค. 2018, 17:39 
 
ออฟไลน์
สมาชิก ระดับ 2
สมาชิก ระดับ 2
ลงทะเบียนเมื่อ: 19 ก.ค. 2015, 23:32
โพสต์: 52

อายุ: 0

 ข้อมูลส่วนตัว


สายน้ำเมย เขียน:
@ คุณตะวัน

มันยาวเลยอ่านแต่ตัวสีแดงแค่นั้น

แต่ก็เดิมๆนะแหละ คุณน้ำเมยว่า..

ฟุ้งเป็นคุ้งเป็นแคว แต่ทำไม่ได้สักอย่าง

ได้แต่ในระดับความคิด แต่ในการกระทำ ทำตามความคิดของตัวเองยังไม่ได้ ผลไม่เกิด
.
.
.
จึงอยากจะบอกคุณตะวันว่า( เว้าหน่อยๆแน เฮ็ดให่มันหลายๆ มันถึงจะเป็นจริงขึ้นมาได่)
.
.
.
สรุปนะ สั้นๆ...คุณตะวัน กำลัง มโนอยู่ ใช่ไหมคะ เห็นที่เขียนยาวๆ ออกมานะ



ฟุ้งเป็นคุ้งเป็นแคว แต่ทำไม่ได้สักอย่าง

รอให้ไอ...ทำได้เมื่อไหร่....ลานสนทนา...เดือดกว่านี้ล่ะนะคุงเมยเอ๊ย
เป้าหมายไม่ใช่ง่ายๆงัย....ที่สำคัญ...เราตีความหมายของโจทย์ได้แล้ว
เหลืออย่างเดียวคือ...ทำให้ได้....

เห็นเป้าหมายแล้ว....เหลืออย่างเดียว....เดินให้ถึง....

ตอนนี้ก็ยอมรับล่ะนะ...ว่ายังเหลวไหลเยอะอยู่

ขอบใจ...ที่..คุงเมย...กระตุ้นให้ไอ...เลิกเหลวไหล....
แล้วเดินให้ถึง...เป้าหมาย...ที่เห็นอย่างชัดเจนแล้วสักที


โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 26 ส.ค. 2018, 18:06 
 
ออฟไลน์
สมาชิก ระดับ 2
สมาชิก ระดับ 2
ลงทะเบียนเมื่อ: 19 ก.ค. 2015, 23:32
โพสต์: 52

อายุ: 0

 ข้อมูลส่วนตัว


โลกสวย เขียน:
< ตะวัน > เขียน:
โลกสวย เขียน:
อ้างคำพูด

ถ้าอยากเข้าใจธรรมะให้ถูกต้องละเอียดลึกซึ้งก็ให้พยายามพิจารณาธรรมะเรื่องต่างๆให้เชื่อมโยงเป็นเหตุเป็นผลกันให้ได้เน้อทุกๆท่าน


ขอบพระคุณค่ะ น่าชื่นชมอย่างยิ่ง


การเชื่อม ก่อนอื่น ที่วิปัสสนาเหล่านั้น ก็ต้องคงไปเชื่อมโยง กะวิปัสสนูกิเลส 10 ซะก่อน ใช่มั๊ยคะ ?




:b14: :b14: :b14: อ่านทีแรกกะลังจะเคลิ้ม :b20: :b20: :b20: เพราะเห็นที่ว่า....
ขอบพระคุณค่ะ น่าชื่นชมอย่างยิ่ง
แต่พออ่านไปถึง..... ก็ต้องคงไปเชื่อมโยง กะวิปัสสนูกิเลส 10 ซะก่อน ใช่มั๊ยคะ ?
ก็เหมือนอยู่ดีๆแล้วถูกถีบตกเก้าอี้อะไรแบบนั้นแหละ
....แล้วก็ลุกขึ้นมาดูดีๆอีกที....ถึงรู้ว่า...โดนเหน็บแนมเข้าซะแล้ว

จะว่าให้หรือจะเหน็บแนมกันนั่น...ก็เล่นแบบโป๊ะเช๊ะกันเลยก็ได้..คุณโลกเอ๊ย
แบบที่พวกจิ๊กโก๊...เดินดุ่ยๆถือไม้หน้าสามมาหา...พอมาถึงตัวก็เอาไม้หน้าสามฟาดกันเลยก็ได้
แบบที่คุณโลกฯทำนี่..มันเหมือนเดินถือดอกไม้นำหน้าเดินมาหา...พอไอจะยื่นมือไปรับดอกไม้
กลับเอา....สากกะเบือ...ที่อยู่ในมืออีกข้างที่ถือซ่อนอยู่ข้างหลังเอาไว้มาฟาดหน้าผากกันนะนี่


หนูไม่ใช่จิ๊กโก๋นี่นา
และไม่ได้จะให้ดอกไม้ เพื่อจะทอดสะพานให้
ไม่ใช่เข้ามาเพื่อทำร้าย ไม่ใช่เข้ามาเพื่อกดขี่ข่มเหง ไม่ได้เข้ามากระทืบๆ เหยียบให้จมดิน ให้ตายกันไปข้าง ไม่ใช่เข้ามาไล่ยิง แล้วบอกพ่อกูใหญ่

พระพุทธองค์ พระอรหันต์ เคยทำแบบจิ๊กโก๋ ยกพวกเอาไม้ไปไล่ตี ไปตีสำนักสำนักโน้นหรือเปล่าคะ ?
แต่หนูเข้ามาให้ธรรมค่ะ

และอีกอย่าง การพิจารณาของคุณ ก็ไม่ได้ดีเลิศประเสริฐศรี อย่างที่เผยไว้
สติ สัมปชัญญะ และ ปัญญา ไม่ได้แสดงออก
ไม่ได้แสดงสภาวะว่า สามารถเอานิพพานเป็นอารมณ์มาวิปัสสนาได้

ยังพื้นๆในการพิจารณา และ ยังผิดเพี้ยนไป ไม่ตรงตามที่พระพุทธองค์ทรงแสดง

หนูแนะนำ ให้ศึกษาพื้นฐาน เพื่มเติมเรื่องปริยัติ ให้มากๆหน่อยนะคะ อย่าคิดเองเออเอง
จะได้สอบทาน ตรงตามปริยัติ และจะปฎิบัติได้ตรง จนถึงปฎิเวธได้ตรงตามพระพุทธองค์สอนค่ะ

และที่คุณตะวัน มารู้สึกว่าโดนเหน็บไป นั่นความรู้สึกตัวช้ามาก
แต่ถ้าคุณ ได้เชื่อมกะวิปัสสนูมาก่อนหน้า
คุณจะไม่รู้สึกเรยว่า นั่นเรียกว่าการเหน็บ หรือโดนเหน็บ

แต่ธรรมจะเป็นเกราะ ที่เหน็บ เท่าไร ก็ไม่เข้า
ไม่ได้สะดุ้งกะการเหน็บ

หนังจะเหนียวกว่าการไปสักยันต์ ตัวอะไรแปลกๆ ซะอีกนะคะ





หนูไม่ใช่จิ๊กโก๋นี่นา
และไม่ได้จะให้ดอกไม้ เพื่อจะทอดสะพานให้
ไม่ใช่เข้ามาเพื่อทำร้าย ไม่ใช่เข้ามาเพื่อกดขี่ข่มเหง ไม่ได้เข้ามากระทืบๆ เหยียบให้จมดิน ให้ตายกันไปข้าง ไม่ใช่เข้ามาไล่ยิง แล้วบอกพ่อกูใหญ่
พระพุทธองค์ พระอรหันต์ เคยทำแบบจิ๊กโก๋ ยกพวกเอาไม้ไปไล่ตี ไปตีสำนักสำนักโน้นหรือเปล่าคะ ?
แต่หนูเข้ามาให้ธรรมค่ะ

อ้อ...งั้นสรุปว่า...มาโปรดไอ...ให้รู้แจ้งเห็นธรรมเนาะ...งั้นก็ขอบใจหลายๆเน้อ

และอีกอย่าง การพิจารณาของคุณ ก็ไม่ได้ดีเลิศประเสริฐศรี อย่างที่เผยไว้
สติ สัมปชัญญะ และ ปัญญา ไม่ได้แสดงออก
ไม่ได้แสดงสภาวะว่า สามารถเอานิพพานเป็นอารมณ์มาวิปัสสนาได้
ยังพื้นๆในการพิจารณา และ ยังผิดเพี้ยนไป ไม่ตรงตามที่พระพุทธองค์ทรงแสดง
หนูแนะนำ ให้ศึกษาพื้นฐาน เพื่มเติมเรื่องปริยัติ ให้มากๆหน่อยนะคะ อย่าคิดเองเออเอง
จะได้สอบทาน ตรงตามปริยัติ และจะปฎิบัติได้ตรง จนถึงปฎิเวธได้ตรงตามพระพุทธองค์สอนค่ะ


การพิจารณา..จะดีเลิศไม่ดีเลิศ..ให้ดูที่ว่า...เราพิจารณาไปแล้ว...
เราเห็นโทษในสิ่งเหล่านั้นในวัตถุกามเหล่านั้นบ้างไหม??
ถ้าการพิจารณาของเราดีแล้ว...จะทำให้เราตื่นตัวเห็นภัยในวัฎฎะสงสาร...
แล้วรีบฝึกตัวเองด้วย..สติสมาธิปัญญา..ให้ละสิ่งที่ติดข้องเหล่านั้นให้ได้...

แล้วเห็นผลด้วยปฏิเวธที่เห็นจะจะกับตา..คือทำให้เรา...สามารถรักษาศีลระดับสูงได้หรือเปล่านั่นแหละ...

ถ้าคุณโลกฯอ่านอภิธรรมที่คุณโลกฯศึกษาแล้ว..ทำให้คุณโลก...เห็นภัย...ในการเกิดแก่เจ็บตาย
แล้วรีบฝึกตัวเองให้ถือศีลระดับสูงให้ได้เช่นศีลแปด..เลิกดูหนังฟังเพลง..เลิกสำเร็จความใคร่ความหื่นให้ได้...
นั่นแหละเรียกว่า...การพิจารณาในธรรมของคุณโลกฯ...ดีเลิศประเสริฐศรีแล้ว...
เพราะทำให้คุณโลกฯตื่นตัวเห็นภัยในการเกิดในวัฎฎะ
..แล้วรีบฝึกตัวเอง..ให้ละกิเลสต่างๆได้จริงด้วยการถือศีลระดับสูงได้แบบเห็นจะจะกับตาตัวเอง...
ไม่ใช่ดีแต่ปากพูดเฉยๆ...แต่ยังเพลินกับการดูหนังฟังเพลงเล่นเกม..หรือไม่ไปพยายามฝึกตัวเองให้รักษาศีลพรหมจรรย์ข้อสามให้ได้

ให้ไปใช้ความรู้ในอภิธรรมที่คุณโลกศึกษามา...ให้เชื่อมโยงความสัมพันธ์เกี่ยวเนื่องกัน
ระหว่าง...ศีล..สมาธิ..ปัญญา...เอาก็แล้วกันล่ะนะ
จะได้รู้ว่า....การละได้จริง...ตะหาก...ที่เป็นตัววัดผลเป็น..ปฏิเวธ...
ไม่ใช่การ...พูดอ้างคัมภีร์เฉยๆ...แต่ยังดูหนังฟังเพลง...ยังรักษาศีลพรหมจรรย์ข้อสาม(ไม่สำเร็จความหื่น)ก็ยังทำไม่ได้เลย


โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 26 ส.ค. 2018, 18:36 
 
ออฟไลน์
สมาชิกระดับสูงสุด
สมาชิกระดับสูงสุด
ลงทะเบียนเมื่อ: 25 เม.ย. 2009, 02:43
โพสต์: 12232


 ข้อมูลส่วนตัว


:b32: :b32: :b32:


โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 26 ส.ค. 2018, 19:51 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
สมาชิกระดับ 19
สมาชิกระดับ 19
ลงทะเบียนเมื่อ: 11 มี.ค. 2018, 02:56
โพสต์: 2157

โฮมเพจ: maybe
แนวปฏิบัติ: สติปัฎฐาน
งานอดิเรก: กีฬา
สิ่งที่ชื่นชอบ: แบรนด์เเนม
ชื่อเล่น: เม
อายุ: 22
ที่อยู่: Bangkok Thailand

 ข้อมูลส่วนตัว


< ตะวัน > เขียน:
โลกสวย เขียน:
< ตะวัน > เขียน:
โลกสวย เขียน:
อ้างคำพูด

ถ้าอยากเข้าใจธรรมะให้ถูกต้องละเอียดลึกซึ้งก็ให้พยายามพิจารณาธรรมะเรื่องต่างๆให้เชื่อมโยงเป็นเหตุเป็นผลกันให้ได้เน้อทุกๆท่าน


ขอบพระคุณค่ะ น่าชื่นชมอย่างยิ่ง


การเชื่อม ก่อนอื่น ที่วิปัสสนาเหล่านั้น ก็ต้องคงไปเชื่อมโยง กะวิปัสสนูกิเลส 10 ซะก่อน ใช่มั๊ยคะ ?




:b14: :b14: :b14: อ่านทีแรกกะลังจะเคลิ้ม :b20: :b20: :b20: เพราะเห็นที่ว่า....
ขอบพระคุณค่ะ น่าชื่นชมอย่างยิ่ง
แต่พออ่านไปถึง..... ก็ต้องคงไปเชื่อมโยง กะวิปัสสนูกิเลส 10 ซะก่อน ใช่มั๊ยคะ ?
ก็เหมือนอยู่ดีๆแล้วถูกถีบตกเก้าอี้อะไรแบบนั้นแหละ
....แล้วก็ลุกขึ้นมาดูดีๆอีกที....ถึงรู้ว่า...โดนเหน็บแนมเข้าซะแล้ว

จะว่าให้หรือจะเหน็บแนมกันนั่น...ก็เล่นแบบโป๊ะเช๊ะกันเลยก็ได้..คุณโลกเอ๊ย
แบบที่พวกจิ๊กโก๊...เดินดุ่ยๆถือไม้หน้าสามมาหา...พอมาถึงตัวก็เอาไม้หน้าสามฟาดกันเลยก็ได้
แบบที่คุณโลกฯทำนี่..มันเหมือนเดินถือดอกไม้นำหน้าเดินมาหา...พอไอจะยื่นมือไปรับดอกไม้
กลับเอา....สากกะเบือ...ที่อยู่ในมืออีกข้างที่ถือซ่อนอยู่ข้างหลังเอาไว้มาฟาดหน้าผากกันนะนี่


หนูไม่ใช่จิ๊กโก๋นี่นา
และไม่ได้จะให้ดอกไม้ เพื่อจะทอดสะพานให้
ไม่ใช่เข้ามาเพื่อทำร้าย ไม่ใช่เข้ามาเพื่อกดขี่ข่มเหง ไม่ได้เข้ามากระทืบๆ เหยียบให้จมดิน ให้ตายกันไปข้าง ไม่ใช่เข้ามาไล่ยิง แล้วบอกพ่อกูใหญ่

พระพุทธองค์ พระอรหันต์ เคยทำแบบจิ๊กโก๋ ยกพวกเอาไม้ไปไล่ตี ไปตีสำนักสำนักโน้นหรือเปล่าคะ ?
แต่หนูเข้ามาให้ธรรมค่ะ

และอีกอย่าง การพิจารณาของคุณ ก็ไม่ได้ดีเลิศประเสริฐศรี อย่างที่เผยไว้
สติ สัมปชัญญะ และ ปัญญา ไม่ได้แสดงออก
ไม่ได้แสดงสภาวะว่า สามารถเอานิพพานเป็นอารมณ์มาวิปัสสนาได้

ยังพื้นๆในการพิจารณา และ ยังผิดเพี้ยนไป ไม่ตรงตามที่พระพุทธองค์ทรงแสดง

หนูแนะนำ ให้ศึกษาพื้นฐาน เพื่มเติมเรื่องปริยัติ ให้มากๆหน่อยนะคะ อย่าคิดเองเออเอง
จะได้สอบทาน ตรงตามปริยัติ และจะปฎิบัติได้ตรง จนถึงปฎิเวธได้ตรงตามพระพุทธองค์สอนค่ะ

และที่คุณตะวัน มารู้สึกว่าโดนเหน็บไป นั่นความรู้สึกตัวช้ามาก
แต่ถ้าคุณ ได้เชื่อมกะวิปัสสนูมาก่อนหน้า
คุณจะไม่รู้สึกเรยว่า นั่นเรียกว่าการเหน็บ หรือโดนเหน็บ

แต่ธรรมจะเป็นเกราะ ที่เหน็บ เท่าไร ก็ไม่เข้า
ไม่ได้สะดุ้งกะการเหน็บ

หนังจะเหนียวกว่าการไปสักยันต์ ตัวอะไรแปลกๆ ซะอีกนะคะ





หนูไม่ใช่จิ๊กโก๋นี่นา
และไม่ได้จะให้ดอกไม้ เพื่อจะทอดสะพานให้
ไม่ใช่เข้ามาเพื่อทำร้าย ไม่ใช่เข้ามาเพื่อกดขี่ข่มเหง ไม่ได้เข้ามากระทืบๆ เหยียบให้จมดิน ให้ตายกันไปข้าง ไม่ใช่เข้ามาไล่ยิง แล้วบอกพ่อกูใหญ่
พระพุทธองค์ พระอรหันต์ เคยทำแบบจิ๊กโก๋ ยกพวกเอาไม้ไปไล่ตี ไปตีสำนักสำนักโน้นหรือเปล่าคะ ?
แต่หนูเข้ามาให้ธรรมค่ะ

อ้อ...งั้นสรุปว่า...มาโปรดไอ...ให้รู้แจ้งเห็นธรรมเนาะ...งั้นก็ขอบใจหลายๆเน้อ

และอีกอย่าง การพิจารณาของคุณ ก็ไม่ได้ดีเลิศประเสริฐศรี อย่างที่เผยไว้
สติ สัมปชัญญะ และ ปัญญา ไม่ได้แสดงออก
ไม่ได้แสดงสภาวะว่า สามารถเอานิพพานเป็นอารมณ์มาวิปัสสนาได้
ยังพื้นๆในการพิจารณา และ ยังผิดเพี้ยนไป ไม่ตรงตามที่พระพุทธองค์ทรงแสดง
หนูแนะนำ ให้ศึกษาพื้นฐาน เพื่มเติมเรื่องปริยัติ ให้มากๆหน่อยนะคะ อย่าคิดเองเออเอง
จะได้สอบทาน ตรงตามปริยัติ และจะปฎิบัติได้ตรง จนถึงปฎิเวธได้ตรงตามพระพุทธองค์สอนค่ะ


การพิจารณา..จะดีเลิศไม่ดีเลิศ..ให้ดูที่ว่า...เราพิจารณาไปแล้ว...
เราเห็นโทษในสิ่งเหล่านั้นในวัตถุกามเหล่านั้นบ้างไหม??
ถ้าการพิจารณาของเราดีแล้ว...จะทำให้เราตื่นตัวเห็นภัยในวัฎฎะสงสาร...
แล้วรีบฝึกตัวเองด้วย..สติสมาธิปัญญา..ให้ละสิ่งที่ติดข้องเหล่านั้นให้ได้...

แล้วเห็นผลด้วยปฏิเวธที่เห็นจะจะกับตา..คือทำให้เรา...สามารถรักษาศีลระดับสูงได้หรือเปล่านั่นแหละ...

ถ้าคุณโลกฯอ่านอภิธรรมที่คุณโลกฯศึกษาแล้ว..ทำให้คุณโลก...เห็นภัย...ในการเกิดแก่เจ็บตาย
แล้วรีบฝึกตัวเองให้ถือศีลระดับสูงให้ได้เช่นศีลแปด..เลิกดูหนังฟังเพลง..เลิกสำเร็จความใคร่ความหื่นให้ได้...
นั่นแหละเรียกว่า...การพิจารณาในธรรมของคุณโลกฯ...ดีเลิศประเสริฐศรีแล้ว...
เพราะทำให้คุณโลกฯตื่นตัวเห็นภัยในการเกิดในวัฎฎะ
..แล้วรีบฝึกตัวเอง..ให้ละกิเลสต่างๆได้จริงด้วยการถือศีลระดับสูงได้แบบเห็นจะจะกับตาตัวเอง...
ไม่ใช่ดีแต่ปากพูดเฉยๆ...แต่ยังเพลินกับการดูหนังฟังเพลงเล่นเกม..หรือไม่ไปพยายามฝึกตัวเองให้รักษาศีลพรหมจรรย์ข้อสามให้ได้

ให้ไปใช้ความรู้ในอภิธรรมที่คุณโลกศึกษามา...ให้เชื่อมโยงความสัมพันธ์เกี่ยวเนื่องกัน
ระหว่าง...ศีล..สมาธิ..ปัญญา...เอาก็แล้วกันล่ะนะ
จะได้รู้ว่า....การละได้จริง...ตะหาก...ที่เป็นตัววัดผลเป็น..ปฏิเวธ...
ไม่ใช่การ...พูดอ้างคัมภีร์เฉยๆ...แต่ยังดูหนังฟังเพลง...ยังรักษาศีลพรหมจรรย์ข้อสาม(ไม่สำเร็จความหื่น)ก็ยังทำไม่ได้เลย


นี่แหละค่ะ

คุณตะวันนับเป็นตัวอย่าง คนที่ไม่ได้เรียนพระอภิธรรมมาเรย

เรยตื้นเขิน แสดงออกมาได้แต่ความตื้นเขิน ไม่ตรงตามพระธรรม ที่พระผู้มีพระภาคเจ้าทรงแสดง


ตื้นเขิน ไม่รู้ว่า ทาน เป็นความดีขั้นต้น
ตื้นเขิน ไม่รู้ว่า ศีล เป็นความดีขั้นกลาง
และตื้นเขินหนักทับถมกันขึ้นไปอีก
เมื่อไม่รู้ว่า
ความดีขั้นที่มากกว่านั้น ไม่ใช่ศีลมากข้อๆๆขึ้น แปด หรือ ศีล 227

แต่ตื้นเขินซ้ำอีก ที่ไม่รู้ว่า ความดีที่จัดว่า สูงกว่าศีล นั้น คือ ภาวนามัยค่ะ

รวมเป้น ทาน ศีล ภาวนาไงคะ

และภาวนามัยนั้น เป็นความดีอย่างสูง และสามารถไปได้สูงที่สุดจนถึงอรหัตตผลได้
ตามที่พระพุทธองค์ได้ตรัสไว้

และตื้นเขินซ้ำซาก อีก ไม่รู้ว่า ภาวนามัย ความดีสูงสุด นั้น เป็นเกราะ เป็นเครื่องป้องกัน
ความลามก ความหื่น ไม่ว่าจากตนเอง
หรือว่า จากคนอื่น หรือจากคุณตะวัน ที่แสดงความหื่นในกามออกมา

ตื้นเขินซ้ำแล้วซ้ำเล่า
เพราะไม่รู้ว่า อำนาจของอารัมมณปัจจัย และ ปกตูปปนิสสยปัจจัย
คืออะไร เพราะไม่ได้เรียนพระอภิธรรม ไม่ได้เรียนปริยัติมาเรย


นี่แหละ ตุณตะวัน จึงเป็นตัวอย่างของคน ที่ไม่ได้เรียนพระอภิธรรมมาเรย
เรยได้แต่แสดงตื้นเขินออกมา ตื้นเขินแล้วตื้นเขินอีก ตื้นเขินซ้ำซาก ค่ะ

และยิ่งตื้นเขินหนัก หนักหนาสาหัส อย่างเกินเยียวยา
เพราะไม่ได้เรียนพระอภิธรรม เรยตื้นเขิน ไม่เข้าใจในคำสอนของพระพุทธองค์

ที่ คุณตะวัน ตื้นเขินจน ไม่รู้ว่า พระพุทธองค์ ได้จัด

อกุศลใด ที่นำไปสู่อบาย
และอกุศลใด ที่ไม่นำไปสู่อบาย

จึงมีฆารวาส หลายคนที่บรรลุธรรมได้ ไม่ต้องไปถือศีลเพิ่มแปดข้อ ร้อยข้อ สองร้อยข้อ ...
อย่างท่าน สันนติมหาอำมาตย์
และอย่างท่านพาหิยะ ค่ะ

นี่แหละความตื้นเขิน สุดพรรณา ของคุณตะวัน
ที่ไม่เคยเรียนปริยัติ ไม่ไดเรียนพระอภิธรรมมมาค่ะ



จากไอ ก็ เรยกลายเป็นไอกรน ไอหืดไอหอบ ไอจนหลอดลมอักเสบ ไอจนติดคอตนเอง ค่ะ




โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 26 ส.ค. 2018, 21:41 
 
ออฟไลน์
สมาชิกระดับสูงสุด
สมาชิกระดับสูงสุด
ลงทะเบียนเมื่อ: 11 ต.ค. 2010, 12:11
โพสต์: 5013


 ข้อมูลส่วนตัว


< ตะวัน > เขียน:
eragon_joe เขียน:
:b12: :b32: :b32:

:b1: :b1: :b1:

...น่ารักกันทุกคนเลย...

:b1: :b1: :b1:



:b4: :b4: :b4: ยังจำกันได้เปล่านี่...คุงเอกอน...
........เราไม่ได้เข้ามานานเลย......
........ลืมกันหรือยังน๊อ???......
ไปแอบส่องโพสที่คุณเอกอนโพสอยู่หลายโพส
จนรู้ว่าคุณเอกอน...ชอบเล่นแบดฯ....
ทุกวันนี้ยังเล่นแบดมินตัน...อยู่หรือเปล่านี่??



:b1: :b16: :b12:

ไม่รู้สิ่ ไม่แน่ใจ แต่ถ้าเอกอนเข้ามาอ่านแล้วเอกอน
มีอาการ...แอบอมยิ้ม...ขึ้นมา

แสดงว่าในกระทู้นี้ ต้องเป็นมิตรเก่า สหายเก่า เปลี่ยนชื่อใหม่กันเข้ามา
หลายคน

แบด ก็ยังเล่น แต่งานยุ่งก็ไม่ค่อยได้เล่น :b16: :b9:

:b1:


แก้ไขล่าสุดโดย eragon_joe เมื่อ 26 ส.ค. 2018, 21:44, แก้ไขแล้ว 1 ครั้ง

โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 26 ส.ค. 2018, 21:42 
 
ออฟไลน์
สมาชิก ระดับ 2
สมาชิก ระดับ 2
ลงทะเบียนเมื่อ: 19 ก.ค. 2015, 23:32
โพสต์: 52

อายุ: 0

 ข้อมูลส่วนตัว


หึหึ...แวะมาอ่านก่อนเฉยๆแหละนะ
ไปคุยอะไรที่ลานสนทนา 1 ก่อนแล้วกัน
คุณโลกฯนี่....อึด ถึก ทน...จริงๆ

นานๆจะเจอพวก...สู้ไม่ถอย...แถไม่เลิก...แบบนี้สักที

ได้เลยๆๆๆๆ.....แบบนี้...ต้องโปรด...ให้เต็มที่แหละ
จะได้...ไม่ดีแต่....เอาตำรามาอ้าง....มาโม้....ไปวันๆ


โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 26 ส.ค. 2018, 21:51 
 
ออฟไลน์
สมาชิก ระดับ 2
สมาชิก ระดับ 2
ลงทะเบียนเมื่อ: 19 ก.ค. 2015, 23:32
โพสต์: 52

อายุ: 0

 ข้อมูลส่วนตัว


eragon_joe เขียน:
< ตะวัน > เขียน:
eragon_joe เขียน:
:b12: :b32: :b32:

:b1: :b1: :b1:

...น่ารักกันทุกคนเลย...

:b1: :b1: :b1:



:b4: :b4: :b4: ยังจำกันได้เปล่านี่...คุงเอกอน...
........เราไม่ได้เข้ามานานเลย......
........ลืมกันหรือยังน๊อ???......
ไปแอบส่องโพสที่คุณเอกอนโพสอยู่หลายโพส
จนรู้ว่าคุณเอกอน...ชอบเล่นแบดฯ....
ทุกวันนี้ยังเล่นแบดมินตัน...อยู่หรือเปล่านี่??



:b1: :b16: :b12:

ไม่รู้สิ่ แต่ถ้าเอกอนเข้ามาอ่านแล้วเอกอน
มีอาการ...แอบอมยิ้ม...ขึ้นมา

แสดงว่าในกระทู้นี้ ต้องเป็นมิตรเก่า สหายเก่า เปลี่ยนชื่อใหม่กันเข้ามา
หลายคน

แบด ก็ยังเล่น แต่งานยุ่งก็ไม่ค่อยได้เล่น :b16: :b9:

:b1:


ไม่ได้เปลี่ยนชื่อเน้อ...ใช้ชื่อเก่าแหละ....
แต่เคยเข้ามานานแล้ว...และไม่ค่อยจะได้คุยกับคุงเอกอน...บ่อยด้วย
......คงจำกันไม่ค่อยจะได้ล่ะนะ.....

ไม่รู้สิ่ แต่ถ้าเอกอนเข้ามาอ่านแล้วเอกอน
มีอาการ...แอบอมยิ้ม...ขึ้นมา

กระทู้เริ่ม....ร้อนแรง...ขึ้นแล้ว...คุงเอกอน...จะยังยิ้มไหวเปล่าล่ะนี่ทีนี้
เริ่มดุเดือดขึ้นมาแล้ว....อาจเปลี่ยนจากอมยิ้มเป็น...ตกใจแทนแหละ...
:b1: :b1: ----->>> :b14: :b14: :b5: :b5:


โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 26 ส.ค. 2018, 21:58 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
สมาชิกระดับ 19
สมาชิกระดับ 19
ลงทะเบียนเมื่อ: 29 ต.ค. 2009, 15:06
โพสต์: 7502

อายุ: 0

 ข้อมูลส่วนตัว


Kiss
พระไตรปิฎกคือบันทึกประวัติศาสตร์
ในยุคที่ตถาคตยังทรงพระชนม์ชีพอยู่
เป็นเรื่องราวเหตุการณ์ต่างๆหลากหลาย
ที่ทรงพระมหากรุณาบอกความจริงตรงๆ
คนที่กำลังตั้งใจฟังและเคยสะสมปัญญามา
ตั้งแต่อดีตชาติพอได้ฟังรู้ทันทีว่าตถาคตคือใคร
เพราะชื่อพระผู้มีพระภาคอรหันตสัมมาสัมพุทธเจ้า
เป็นความจริงที่แต่ละสมัยจะมีมหาบุรุษผู้ยิ่งใหญ่อุบัติ
เกิดจากการบำเพ็ญพระบารมีเพื่อถึงความเป็นเอกบุรุษ
ทรงแสดงความจริงเพื่อให้เข้าใจและคิดถูกตามได้จริงๆ
ตำรามีไว้ให้เทียบเคียงความจริงที่กำลังปรากฏให้รู้ตามปกติ
onion onion onion


แก้ไขล่าสุดโดย Rosarin เมื่อ 26 ส.ค. 2018, 22:00, แก้ไขแล้ว 1 ครั้ง

โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 26 ส.ค. 2018, 21:58 
 
ออฟไลน์
สมาชิกระดับสูงสุด
สมาชิกระดับสูงสุด
ลงทะเบียนเมื่อ: 25 เม.ย. 2009, 02:43
โพสต์: 12232


 ข้อมูลส่วนตัว


รอดู...ว่าจะตกใจ..แค่ไหน

:b32: :b32: :b32:


โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 26 ส.ค. 2018, 22:01 
 
ออฟไลน์
สมาชิกระดับสูงสุด
สมาชิกระดับสูงสุด
ลงทะเบียนเมื่อ: 11 ต.ค. 2010, 12:11
โพสต์: 5013


 ข้อมูลส่วนตัว


< ตะวัน > เขียน:
eragon_joe เขียน:
< ตะวัน > เขียน:
eragon_joe เขียน:
:b12: :b32: :b32:

:b1: :b1: :b1:

...น่ารักกันทุกคนเลย...

:b1: :b1: :b1:



:b4: :b4: :b4: ยังจำกันได้เปล่านี่...คุงเอกอน...
........เราไม่ได้เข้ามานานเลย......
........ลืมกันหรือยังน๊อ???......
ไปแอบส่องโพสที่คุณเอกอนโพสอยู่หลายโพส
จนรู้ว่าคุณเอกอน...ชอบเล่นแบดฯ....
ทุกวันนี้ยังเล่นแบดมินตัน...อยู่หรือเปล่านี่??



:b1: :b16: :b12:

ไม่รู้สิ่ แต่ถ้าเอกอนเข้ามาอ่านแล้วเอกอน
มีอาการ...แอบอมยิ้ม...ขึ้นมา

แสดงว่าในกระทู้นี้ ต้องเป็นมิตรเก่า สหายเก่า เปลี่ยนชื่อใหม่กันเข้ามา
หลายคน

แบด ก็ยังเล่น แต่งานยุ่งก็ไม่ค่อยได้เล่น :b16: :b9:

:b1:


ไม่ได้เปลี่ยนชื่อเน้อ...ใช้ชื่อเก่าแหละ....
แต่เคยเข้ามานานแล้ว...และไม่ค่อยจะได้คุยกับคุงเอกอน...บ่อยด้วย
......คงจำกันไม่ค่อยจะได้ล่ะนะ.....

ไม่รู้สิ่ แต่ถ้าเอกอนเข้ามาอ่านแล้วเอกอน
มีอาการ...แอบอมยิ้ม...ขึ้นมา

กระทู้เริ่ม....ร้อนแรง...ขึ้นแล้ว...คุงเอกอน...จะยังยิ้มไหวเปล่าล่ะนี่ทีนี้
เริ่มดุเดือดขึ้นมาแล้ว....อาจเปลี่ยนจากอมยิ้มเป็น...ตกใจแทนแหละ...
:b1: :b1: ----->>> :b14: :b14: :b5: :b5:


:b12: :b16: :b1:

ในชีวิตการทำงาน เอกอนอยู่ท่ามกลางที่ซึ่งผู้ที่หนาแน่นด้วยกิเลศมาปะทะกัน

:b1:

แต่ที่แห่งนี้ ผู้ที่มีใจโนม้เอียงในทางธรรมมาชุมนุม สนทนา กัน :b32:

:b1: ...เอกอนเห็นพวกท่านทุกคนสนทนาธรรมกัน

:b32: :b32: ยังไงเอกอนก็ยังรู้สึกว่าเป็นมุมที่ได้ผ่อนคลาย

:b16: :b13: :b13: :b13: :b16:


แสดงโพสต์จาก:  เรียงตาม  
กลับไปยังกระทู้  [ 144 โพสต์ ]  ไปที่หน้า ย้อนกลับ  1, 2, 3, 4, 5, 6, 7 ... 10  ต่อไป

เขตเวลา GMT + 7 ชั่วโมง


 ผู้ใช้งานขณะนี้

กำลังดูบอร์ดนี้: ไม่มีสมาชิก และ บุคคลทั่วไป 100 ท่าน


ท่าน ไม่สามารถ โพสต์กระทู้ในบอร์ดนี้ได้
ท่าน ไม่สามารถ ตอบกระทู้ในบอร์ดนี้ได้
ท่าน ไม่สามารถ แก้ไขโพสต์ของท่านในบอร์ดนี้ได้
ท่าน ไม่สามารถ ลบโพสต์ของท่านในบอร์ดนี้ได้
ท่าน ไม่สามารถ แนบไฟล์ในบอร์ดนี้ได้

ค้นหาสำหรับ:
ไปที่:  
Google
ทั่วไป เว็บธรรมจักร


cron