วันเวลาปัจจุบัน 28 มี.ค. 2024, 15:00  



เขตเวลา GMT + 7 ชั่วโมง




กลับไปยังกระทู้  [ 1 โพสต์ ]    Bookmark and Share
เจ้าของ ข้อความ
โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 16 ส.ค. 2018, 08:16 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
อาสาสมัคร
อาสาสมัคร
ลงทะเบียนเมื่อ: 06 มี.ค. 2009, 10:48
โพสต์: 5091


 ข้อมูลส่วนตัว


“ทุกวัน ทุกเวลา ทุกนาที
มีครั้งเดียว ในชีวิตของเรา

เมื่อสำนึกในข้อนี้ ผู้ไม่ประมาท
จึงต้องพยายาม ทำสิ่งที่มีคุณค่า
พูดสิ่งที่มีคุณค่า และคิดสิ่งที่มีคุณค่า”

พระอาจารย์ชยสาโร ภิกขุ




“ความดี กับความไม่ดี
ขึ้นอยู่กับเหตุ คือ เราทำไว้
ไม่ใช่ขึ้นอยู่กับคนพูด “
หลวงปู่ศรี มหาวีโร





"เมื่อไม่หวั่นไหว ต่อความนินทาว่าร้าย
ความอิจฉาริษยา จากผู้อื่น
บุญบารมี ก็แก่กล้าขึ้น

ถ้าผู้ใด มีจิตหวั่นไหวกับคำสรรเสริญ
หรือนินทา จากผู้อื่นแล้ว
บุญบารมี ก็ไม่แก่กล้าขึ้นได้
ขอให้พากันเข้าใจ"

หลวงปู่เหรียญ วรลาโภ





"ให้สู้ด้วยการละทิ้ง
อย่าไปยึดเอาถือเอา

เขาว่าให้เรา เขาดูถูกเรา
เสียงไม่ดีเข้าหู ก็เพียรละออกไป
ให้มันหมดสิ้น

มนุษย์มีปาก
ห้ามมันไม่ให้พูดไม่ได้
มนุษย์มีตา
ห้ามไม่ให้มันดูไม่ได้
มันเป็นเรื่องของโลก

ท่านจึงตรัสว่า
ตา หู จมูก ลิ้น กาย ใจ
มันเป็นความร้อน
ความร้อนคือกิเลส
กิเลสเหมือนกับไฟ
ไฟมันเป็นของร้อน"

หลวงปู่สิม พุทฺธาจาโร





"หัวใจที่ไม่เคยคุ้มครองตัวเอง หัวใจที่เสาะแสวงหาแต่สิ่งภายนอกทั้งหมด เกิดมา ก้อเรียน เรียนจบก้อทำงานหาแต่เงินทองข้าวของ ทรัพย์สมบัติมาต่างๆ นานา สุดท้ายก้อตายไปไม่ได้อะไรเลย ทำอะไรที่ไม่มีประโยชน์ไร้ค่า เพราะกิเลสมันหลอกล่อ ปกคลุม ปกปิดเอาไว้ หาทางออกให้เจอสิ ใช้ปัญญาหาเอาบ้าง ให้เห็นแสงสว่างในชีวิตบ้าง

วันนึงคืนนึง หาแต่สิ่งนู้นสิ่งนี้ ! หาแต่สิ่งบำรุงบำเรอทางร่างกาย ทางยศฐาบรรดาศักดิ์ ทางวัตถุข้าวของ ก็เอาใจดวงนี้แหละไปหานั่น พอเอาใจดวงนี้ไปทำงานอย่างอื่น มันก็คุ้มครองตัวเองไม่ได้ ! แบ่งเวลาเอา นั่งภาวนาบ้าง ทำทีละเล็กละน้อยสะสมไป ทำไป อย่าให้เสียโอกาส

หลวงพ่อวันชัย วิจิตโต
วัดป่าภูสังโฆ จังหวัดอุดรธานี







ยามนี้ยามใบไม้หล่น ปีนี้ฝนดีตลอดไม่ทิ้งช่วง เป็นปีที่ใบไม้ดกใบไม้มาก
ใบไม้ดกเท่าไหร่มากเท่าไหร่ถึงเวลาหล่นเขาก็หล่นมาก

คิดถึงแต่ก่อนปัดตาดสนุกจริงๆ สนุกมากๆ เวลาอยู่น้อยๆ กัน ตามปกติไม่ค่อยมาก ๙ องค์ ๑๐ องค์ ช่วงฤดูใบไม้หล่นเป็นช่วงที่พระเณรอยู่กันน้อย ปีนั้นอยู่ด้วยกัน ๒ องค์ ปัดตาดตั้งแต่บ่าย ๒ โมงถึงมืด ฤดูนี้เป็นฤดูที่มืดเร็ว หนาวก็หนาวแต่หนาวปัดตาดดี ตรงไหนที่บริเวณกว้าง ๒ มือแกว่งไปแกว่งมากลับไปกลับมา ตรงที่แคบๆ มันมีก้อนหิน มันมีต้นไม้แกว่งแรงแกว่งกว้างไม่ได้ก็ต้องปัดสั้นๆ ปัดสั้นๆ ก็ต้องปัดเร็วๆ เรียกว่าซอยกันถี่ยิบขนาดนั้นยังไม่ทันเอากันจนมืด

ทำไมจะต้องปัดจนมืดจนค่ำ ถ้าหากว่าปัดตาดไม่แล้วไม่ดี เวลาเดินจงกรม เวลานั่งสมาธิมันเหมือนมันคั่งค้าง
แม้แต่เวลานอนหลับฝันก็ฝันไปในลักษณะนั้นก็รกรุงรัง ชอบฝันในบริเวณหน้าโบสถ์ บริเวณภายในกุฏิ
ทั้งๆ ที่เราปัดกวาดเช็ดถู จึงว่าความอัศจรรย์ในธรรมในวินัย ความอัศจรรย์ในข้อปฏิบัติ ความอัศจรรย์ในศาสนธรรมของพระพุทธเจ้ามีความอัศจรรย์ตลอดเสมอต้นเสมอปลาย

จึงว่าการปัดตาดเป็นเครื่องบอกเครื่องวัดบอกพระบอกเณร เป็นเครื่องวัดเป็นเครื่องบอกวัดแต่ละวัดแต่ละสถานที่การปัดตาดเป็นเครื่องบอก ข้อวัตรปฏิบัติทุกอย่างแม้แต่ผ้าเช็ดเท้าก็เป็นเครื่องบอก ไม่จำเป็นจะต้องเพ่งฌาณเล็งญาณอะไร
มองให้ลึกมันบอกอย่างนั้น เพราะคนตายทำอะไรไม่เป็นเพราะมันไม่มีหัวใจ
ที่มันเคลื่อนไหวทำนั่นทำนี่เป็นเรื่องของใจทั้งนั้น จึงให้พากันให้ความสำคัญให้ความเคารพในการปัดตาดให้มาก อย่าถือว่าไม่รู้จะไปปัดทำไมกวาดแล้วก็รกอีก

เมื่อวานลมมาก ปัดตาด ๒ ชั่วโมง เริ่มตั้งแต่บ่าย ๒ โมงถึงบ่าย ๔ โมง จึงสรงน้ำ มันได้ข้อคิดอะไรต่ออะไร เราปัดตาดมาในบริเวณนี้ถึง ๕๐ ปี มันระลึกหมดนะ อายุ ๒๕ ปีเริ่มมาพักปัดตาดหรือประพฤติปฏิบัติอยู่ในที่นี้ ไม่ใช่ระยะสั้นๆ นะ ครึ่งร้อย เราก็ยังต้องมาปัดอย่างนี้ เกิดความสลดใจ สลดใจมากๆ ทีเดียวถ้าหากว่าเป็นคนน้ำตาตื้นน้ำตามันไหลออกมาแล้ว การเกิดการตายไม่มีใครแล้วเป็น (แล้ว=เสร็จสิ้น) แม้แต่การกินการถ่ายก็ไม่แล้วเป็น อะไรไม่แล้วเป็นทั้งนั้นซ้ำๆ ซากๆ อยู่แต่ของเก่า

คิดถึงพระพุทธเจ้าทรงเบื่อๆ ๆ แล้วก็คิดถึงพระฆ่าตัวตายเพราะเบื่อ จึงว่าดูแล้วไม่มีอะไร เบื่อแต่ของซ้ำซาก เบื่อแต่ของทิ้ง เบื่อแต่ของตาย ยินดีแต่ของตาย มีเท่านี้ จึงว่าคนตายทำอะไรไม่เป็น ตอไม้มันทำอะไรไม่เป็น ดิน น้ำ ลม ไฟ มันทำอะไรไม่เป็น มันทำมาจากหัวใจ หัวใจมันเป็นทั้งนั้น ความละเอียดความหยาบอะไรต่ออะไรมันบอกมาหมด บอกมาจากจิตใจทั้งนั้น การปัดตาดนี้บอกชัดๆ ทีเดียว จึงว่าทำให้ถึงแล้วผลของการทำมันจึงจะปรากฏขึ้น และใจเท่านั้นจะเป็นผู้สัมผัสผลของการกระทำ......

ธรรมเทศนาในอดีต...
หลวงปู่แบน ธนากโร
วัดดอยธรรมเจดีย์ จ.สกลนคร






ธรรมะพระพุทธเจ้าข้อ #ขันติ คือความอดทน มีอยู่ ทำไมไม่เอามาใช้..
คนอื่นไม่ดี เราจะไม่ดีตามเขาหรือ ทำความดีของเราไปสิ ทำให้มันล้นทับความไม่ดีไปเลย ทำได้ไหม?

หลวงปู่เชอรี่ อภิเจโต
๒๖ กันยายน ๒๕๕๘






ทำจิตให้ว่างจากสมมติ ไม่มีดี ไม่มีชั่ว คนไปสำคัญมั่นหมายเอาเอง ไม่มีความสำคัญ ไม่มั่น ไม่หมายในสิ่งใด อยู่เหมือนหลักเหมือนตอ วางลงได้ ขนาดนั้น วางได้ก็เบาสบาย ไม่มีอะไรหนัก ธาตุขันธ์ ร่างกายก็ไม่หนัก พร้อมที่จะวาง อุปทานขันธ์ พร้อมเสมอแล้วที่จะตาย..

เห็นธรรม คือ เห็นอนิจจัง ทุกขัง อนันตา ทำอย่างไรเราจะพ้นจากกองทุกข์ เห็นว่าของทุกอย่างไม่ใช่เรา เป็นอนัตตา แม้ร่างกายที่อยู่ร่วมกันก็ไม่ใช่เราเลย มันอยากเจ็บ มันก็เจ็บ มันอยากแก่ มันก็แก่ มันอยากตาย มันก็ตาย ห้ามมันไม่ฟัง ผู้ใดเห็นธรรม ผู้นั้นไม่กลัวตาย ตายเมื่อไรช่างมัน ทำความดี..ดีกว่า
หลวงปู่ท่อน ญาณธโร




ผู้ที่จะก้าวหน้าในธรรมจนถึงขั้นปฏิบัติชอบ ต้องฝึกให้ชอบปฏิบัติเสียก่อน...
พระอาจารย์ชยสาโร




อย่าไปนิ่งนอนใจมาก
ชีวิตนี้ไม่รอคอยนะ
มันหมดไปๆ วันคืนล่วงไปๆ
บัดนี้เราทำอะไรอยู่
คุณวิเศษเรามีแล้วหรือไม่
ที่จะให้เพื่อนบรรพชิตถามในกาลภายหลัง
ตั้งใจประพฤติปฎิบัติ
อย่าไปเอาแต่กินเป็นสะระนัง คัจฉามิ
นอนสะระนัง คัจฉามิ
เอาพระพุทธ พระธรรม พระสงฆ์ เป็นสรณะเป็นที่พึ่ง
อย่าทำจิตใจให้มันปรุง
มันแต่งวิ่งไปตามสัญญาอารมณ์ต่างๆ

หลวงปู่บุญมา คัมภีรธัมโม


แสดงโพสต์จาก:  เรียงตาม  
กลับไปยังกระทู้  [ 1 โพสต์ ] 

เขตเวลา GMT + 7 ชั่วโมง


 ผู้ใช้งานขณะนี้

กำลังดูบอร์ดนี้: ไม่มีสมาชิก และ บุคคลทั่วไป 48 ท่าน


ท่าน ไม่สามารถ โพสต์กระทู้ในบอร์ดนี้ได้
ท่าน ไม่สามารถ ตอบกระทู้ในบอร์ดนี้ได้
ท่าน ไม่สามารถ แก้ไขโพสต์ของท่านในบอร์ดนี้ได้
ท่าน ไม่สามารถ ลบโพสต์ของท่านในบอร์ดนี้ได้
ท่าน ไม่สามารถ แนบไฟล์ในบอร์ดนี้ได้

ค้นหาสำหรับ:
ไปที่:  
Google
ทั่วไป เว็บธรรมจักร