ทุกขณะไม่ขาดสภาพธรรมครบตามวิสยรูป7เป๊ะเว่อร์ค่ะ
มีครบจิตทั้ง6ทางไม่ได้มีแค่คิดนึกเท่านั้นนี่คะเห็นก่อน
ค่อยคิดต่อว่าจะตอบอะไรค่ะไม่มีการเตรียมตัวล่วงหน้า

ถ้าตาบอดตอบไม่ได้เพราะไม่มีเสียงไงคะมีเห็นก่อน
ค่อยคิดจำตัวอักษรแปลความหมายอีกทีแต่ทุกอย่าง
เกิดดับสลับกันอย่างรวดเร็วรู้วิสยรูป7ด้วยรู้สมมุติด้วยค่ะ

ถามว่า คุณโรสใช้จิตไหม ?

1. ใช้
2. ไม่ใช้

เอาชัดๆข้อไหน 1 หรือ 2

ใช้ไม่ได้ค่ะและไม่ต้องใช้ด้วยเพราะจิตใจไม่ได้มีไว้ให้ทันใช้ค่ะ
จะใช้จิตใจทำอะไรไม่ได้เเลยเพราะไม่ต้องใช้จิตใจทำไม่รู้ไงคะ
ไม่รู้มีแล้วตามเหตุตามปัจจัยตามวิบากกรรมจัดสรรกำหนดมาน่ะ
ตามที่สะสมจิต+เจตสิก+รูปมาปรากฏเกิดจิต+เจตสิก+รูปไม่ขาด
ให้ปรากฏเป็นนิมิตว่ามีคนมาบอกให้ฟังคำจริงของพระพุทธเจ้าไง
จิตมันมีแล้วก็ไม่มีสั้นๆใช้ไม่ได้ค่ะและไม่ต้องใช้ด้วยค่ะแค่เห็นไม่มี
เข้าใจไหมคะว่าหลงผิดว่ามีตัวเรามีตัวตนไปใช้จิตทำงานตามนิมิต
แต่สิ่งที่มีจริงๆคือมีจิตเกิดดับทีละ1ทางทีละ1อย่างครบ6ทางสลับกัน
ไม่ซ้ำเป็นธัมมะแต่ละ1หลากหลายตามการสะสมดับไม่กลับมาให้รู้อีกเลย

นี่ชัดเจนว่าคุณโรส พูดเรื่องจิต เจตสิก รูป ฯลฯ แบบคนเพ้อเจ้อ ฟุ้งซ่าน พูดประหนึ่งว่าสิ่งที่ตนพูดนั้นอยู่ดาวพระศุกร์ คิกๆๆ แต่หารู้ไม่ว่า สิ่งที่ตัวเองพูด จิต เจตสิก รูป ก็ได้แก่ ตัวเอง ซึ่งก็ได้ใช้จิตใจ ใช้ร่างกาย (รูป) คิด ทำนั่นทำนี่ คิดพูดนั่นพูดนี่

เสียเวลาเปล่าทั้งบ้านธัมมะและศิษย์แห่งนั้นทุกๆคน

ดังนั้นอย่าได้แปลกใจที่ไม่เข้าใจชีวิตนี่

นี้หลักฐานสำคัญ...
เพราะ...เข้าใจอย่างนี้..จึงไม่เข้าใจคำว่า รู้แจ้ง เป็นยังงัย...

ปัญหาทั้งหมด...จึงเป็นอย่างที่เห็น

เอาแค่..เคยรู้แจ้งในสิ่งเล็กๆน้อยๆมาก่อน....ก็จะพอเข้าใจว่า รู้แจ้งจริงจริง..จะ.มีอาการยังงัย..

ที่เคยคิดว่า..ตนเคยเข้าใจ...นั้น...เป็นคนละเรื่องเลย

สมมุติให้เห็นเป็นภาพดูนะคะตัวเลขแทนจิต /เป็นภวังคจิตคั่นคืออากาศธาตุแทรกคั่นจิตทุกขณะ
มีจิต6เกิดดับทีละ1ทาง /แทนภวังค์ 0คือมโน 1คือเห็น 2รู้เสียง 3รู้กลิ่น 4รู้รส 5รู้สัมผัส 6รู้คิดนึก ทีนี้เรียงดูสิคะจิตเกิดดับทีละ1ทางสลับกันทีละ1มันสว่างตอน1และมืด23456และ/คือไม่มีซากจิตทางนั้นๆแล้วค่ะ

จากไม่มีจิต6ทางคือมีมโน...0/1/0ดับ 0/2/0ดับ 0/3/0ดับ 0/4/0ดับ 0/5/0ดับ 0/6/0ดับ /ไม่มีซากจิตแล้ว
จิตเกิดดับทีละ1ทางส่งต่อมโนทวารดับไม่กลับมาอีกแค่เห็นแล้วดับไปเพียง3ขณะจิตกิเลสเกิดแล้วค่ะกบ
ยังดับไม่ครบ6ทางเลยแค่ขณะที่4กิเลสไหลไปในอารมณ์ที่จิตรู้ครบ6ทางแล้วแสดงว่ากะพริบตารู้ไม่ทัน
สะสมกิเลสครบ6ทางนับไม่ถ้วนไปแล้วแม้กำลังฟังอยู่ใช่ว่าจะเกิดปัญญาได้ต้องอาศัยฟังบ่อยๆเข้าใจไหม

คิดว่าไปนั่งหลับตาทำไม่รู้ก็ถูกของความไม่รู้ไงคะ
ตาก็ไม่บอดหูก็ไม่หนวกปัญญาไม่เกิดเองต้องอาศัยฟัง
ลืมตาปริบๆอยู่นี้แหละไม่รู้ว่ากิเลสตนทำร้ายจิตตนแล้วค่ะ
ชาติไหนไม่ได้ฟังพระธรรมชาตินั้นไม่มีปัญญาเพิ่มแต่กิเลสเพิ่มขึ้น
มีชีวิตอยู่เพื่อปัญญาปรากฏเริ่มฟังเพื่อทำเหตุปัจจัยเกิดปัญญาตามได้น๊า

หลับตาสิจะรู้แจ้งในความมืดที่ไม่มีอะไรเลยพิสูจน์ได้
แค่หลับตาทุกอย่างก็หายไปหมดแล้วหลงยึดว่ายังมีไง
จิตเห็นเป็นสภาพที่รู้แจ้งค่ะไปหลับตาทำไม่รู้แจ้งชัดน๊า
มองดูสิแยกรายละเอียดคนสัตว์วัตถุได้หมดยังไม่พูดชื่อเลย
เพราะเห็นเป็นสภาพจิต1เดียวที่มีสีสันวรรณะคือมีแสงสีสว่างค่ะ
จิตอื่นๆเกิดในความมืดทั้งๆที่ลืมตาตื่นเห็นอยู่ก็คือมืดสนิทแล้วน๊า
คิดไตร่ตรองให้รอบคอบเพราะทำมาหมดทุกอย่างแล้วทุกชาติรู้ได้ว่า
สะสมมาอย่างไรจากการกระทำนั่นแหละปัญญาเกิดแทรกตามหลังกิเลส
ตอนกำลังฟังคือกำลังคิดถูกตามเกิดสัมมาตามได้ถ้าไม่ฟังคำตถาคตก็ไม่เกิดปัญญาเพิ่มไงคะ

โรสบอกเล่าเหตุผลหมดแล้วกิเลสอยู่ที่จิต
คิดดูนะคะว่าทำไมพระพุทธเจ้าแสดงธัมมะ
ทรงแสดงบอกว่าตาไม่บอดหูไม่หนวกจึงจะเข้าใจถูกตามที่ทรงตรัสแสดงค่ะ
คิิดเห็นถูกตามได้สติแปลว่าระลึกตามคำสอนได้ตรงความจริงที่กายใจตนทีละคำ
คือคำสอนของพระพุทธเจ้าเป็นปัจจุบันขณะทุกขณะมีแล้วแต่อยากไปทำจะรู้หรือคะ
เพียรฟังเพื่อตามรู้สิ่งที่มีแล้วทั้งนั้นไม้ไปไหนเลยก็เกิดดับยิ่งชอบใจอยากไปทำเป็นโลภะติดใจ
ขณะกำลังฟังเข้าใจนั้นแหละสังขารขันธ์ปรุงแต่งจิตถูกตามเป็นจริงแล้วพอหยุดฟังคิดเรื่องอื่นมีกิเลสต่อทันที

เอาความคิดของตนเองไปใส่ปากพระพุทธเจ้าอีกแระ คิกๆๆ

อ่ะนะ ทีนี้มีตัวเลข มีรายละเอียดมาเพียบ คิกๆๆ มีซากจิต ไม่มีซากจิตด้วย เอาเข้าไป

ถาม คุณโรสไปได้ 0/1/0 ดับ ... มาแต่ไหนอ่ะ

สติปัญญาตามรู้รูปหรือนามทั่วตัวครบ7รูป6ทางตอนตั้งอยู่
แกล้งโง่หรือว่าโง่จริงๆอยู่กะตำราไม่รู้ที่มาที่ไปของจิตหรือคะ
จิตเกิดดับทีละ1ขณะเนี่ยนอกจากไม่รู้ว่ามีชวนะ7ตามชื่อต่างๆ
แต่ละ1ขณะจิตก่อนเกิดน่ะไม่มีพอเกิดมีก็มีนิดนึงแล้วดับมีภวังค์คั่น
ก่อนส่งต่อไปมโนทวารดับสะสมที่จิตและมีภวังคจิตคั่นก่อนมีจิตทางอื่นต่อไงคะ
จิตเกิดดับแต่ละ1ขณะนั้นมีภวังค์คั่น2ต่อถ้ารู้ทันตรงปัจจุบันขณะก่อนดับก็ก่อนกะพริบตาไมทันคือไม่รู้ไง

เอานี่มีรูปนาม เกิดดับ ชวนะ 7 ภวังค์คั่น ปัจจุบันขณะ กะพริบตาอยู่นี่ ขาดคลิปเจ้าสำนักไป

คุณโรสขอรับ เซ็ตซีโร่หน่วยความจำเก่าๆออกให้หมดแล้วเริ่มต้นใหม่ ที่ถวายสังฆทาน ตักบาตรพระเณรตอนเช้าๆ ทอดกฐิน ทอดผ้าป่า ปิดพระประจำวัน ... ปล่อยนก ปล่อยเต่าไปก่อนเถอะขอรับ ว่างๆก็ไปบวชชีพราหมณ์นุ่งข่าวห่มขาวนอนวัดสัก 2 วัน 5 วัน 7 วันแล้วแต่สะดวก เอาน่านะขอรับ คิกๆๆ

ก็บอกแล้วแสดงสถานะตัวตนตามคำสอนให้ถูกตรงตามคำสอนนะคะ
เลือกเอาว่าเป็นประเภทไหนได้แค่1ประเภทคือ
1บรรพชิตสละบ้านเรือนแล้วพระพุทธเจ้าอนุญาตให้จำวัดได้
2คฤหัสถ์หรือฆราวาสครองเรือนไปทำกิจธุระนอกบ้านแล้วก็กลับบ้าน
จะไปนอนวัดทำไมวัดเป็นที่อยู่ของบรรพชิต
แม่ชีชีพราหมณ์ไม่ใช่บรรพชิตไม่มีในคำสอนของพระพุทธเจ้า
ผ้าป่าคือผ้าที่ภิกษุไปบังสกุลมาจากป่าช้าไม่เกี่ยวกับเงิน
ผ้ากฐินคือผ้าที่สงฆ์ร่วมกันใช้สดึงขึงตัดย้อมสามัคคีทำจีวรค่ะก็ไม่เกี่ยวกับเงินอีก
กฐินแปลว่าสดึงขึงผ้าจร้ากิจของสงฆ์ไม่เกี่ยวกับคฤหัสถ์เลยจร้า
เลิกเข้าวัดเลิกใส่บาตรผู้ทุศีลค่ะใครอยากทำก็ตามสะดวกนะคะ
ฟังพระพุทธพจน์คือการสะสมปัญญาเป็นกุศลสูงสุดในคำสอน
เพราะใช้ปัญญาถึงนิพพานน๊าไม่ใช่ให้เชื่อแต่ให้ฟังโดยใช้กาลามสูตร10