ลานธรรมจักร http://www.dhammajak.net/forums/ |
|
บ้านธัมมะว่าบุญไม่ใช่ความสุขใจ สบายใจ http://www.dhammajak.net/forums/viewtopic.php?f=1&t=56300 |
หน้า 3 จากทั้งหมด 3 |
เจ้าของ: | Rosarin [ 03 ส.ค. 2018, 15:09 ] |
หัวข้อกระทู้: | Re: บ้านธัมมะว่าบุญไม่ใช่ความสุขใจ สบายใจ |
กรัชกาย เขียน: Rosarin เขียน: กรัชกาย เขียน: Rosarin เขียน: เช่นนั้น เขียน: Rosarin เขียน: เช่นนั้น เขียน: ศาสนิกชน ทำบุญ ทำทาน สร้างกุศล เพื่อหวังสุคติภพ เป็นเบื้องหน้า เพราะเชื่อในกรรมและผลของกรรม ความเห็นนี้ ก็เป็นสัมมาทิฏฐิ V ก่อนทำบุญ ทำทาน ขณะทำบุญ ทำทาน หลังจากทำบุญ ทำทาน จิตนั้นอิ่มเอิบ ด้วยความปิติยินดี มีโสมนัส มีความสุข จากการทำบุญทำทานนั้น ย่อมชื่อว่า ได้บุญ มีสุขคติเป็นเบื้องหน้า กุศลย่อมสำเร็จ ครบทั้งสามกาล มีอานิสงส์มากมีผลมาก V มีแต่ บ้านธรรมะ ที่เข้าใจเอาเองว่า บุญคือสภาพที่ไร้อกุศล(กิเลส) ในความเป็นจริง บุญอย่างหนึ่ง กุศลอย่างหนึ่ง กุศลที่ไร้กิเลสอย่างหนึ่ง ล้วนเป็นกุศลทั้งสิ้น เป็นความหยาบความประณีตของกุศล บุญเป็นฐานไปสู่กุศลที่ประณีตขึ้นครับ บุญเป็นกุศลด้วย เป็นเหตุให้กุศลเจริญ โจรก็ทำบุญกะญาติพี่น้องเขา บรรพชาแล้วไม่มีภาระเลี้ยงใคร บิณฑบาตด้วยปลีแข้งแค่เต็มปากบาตร เทแล้วรับเทแล้วรับแปลว่าโลภผิดไหมคะ จะเผื่อใครในเมื่อบรรพชาเพือมักน้อยสันโดษ สงบได้หรือทำวัดเป็นบ้านมีชาวบ้านแห่มานอนวัด ชีพราหมณ์ไม่มีในคำสอนของพระพุทธเจ้าทำตามๆกัน ไม่มีกาลามสูตร10จะให้ว่าอย่างไรศึกษาคำสอนตรงไหม เพื่อขนคนมานอนวัดให้คนซื้อของมาตุนเต็มวัดกิเลสไหมคะ นี่ก็เก็บกดมาหลายดอกสิท่า บอกว่า บุญน่ะมี ทำด้วยจิตเป็นกุศล มาแถไปนู่น เรื่องภิกษุทุศีล เรื่องโจร จิตมีปัญหาไรมาครับ พระพุทธเจ้าสอนให้ฉลาดในทางที่ถูก ใครเป็นเจ้าของวัดคะศาสดาน๊าคิดให้ตรง เขาศัรทธาสร้างถวายบูชาคุณพระรัตนตรัย พระรัตนตรัยสูงสุดมีหนึ่งเดียวคือพระพุทธเจ้า ถือดีอย่างไรชวนคนเข้าไปนอนวัดมากๆเพื่อตุนวัตถุ แค่ข้ออ้างเพราะอยากตุนของไงโลภมากทำเพื่อลาภสักการะ ทำให้คนเห็นจะได้เข้าใจว่าวัดทำสังคมสงเคราะ์นี่แหละกิเลสโลภะ ในเมื่อพระพุทธเจ้าไม่ให้ภิกษุเก็บสะสมอะไรเกินเที่ยงเลยทำตัวเป็นอลัชชี ไม่มีหิริโอตัปปะบวชเพื่อสละหมดไม่มีกิจสังคมสงเคราห์(สังคมคือมากกว่า1คน) ฟังคำสอนเกิดปัญญาเข้าใจกิเลสแล้วเนี่ยยิ่งแสดงกิเลสบรรพชิตได้ชัดเจนจริงจริ๊ง คำตถาคคงี้ไหลออกมาเทน้ำเทท่าเลยทำตัวเป็นโจรอะไรที่พระพุทธเจ้าห้ามทำหมด มิจฉาชีพในคราบผ้าเหลืองตาไม่บอดหูไม่หนวกใจก็มีชาวบ้านเขาไม่รู้แต่มหาโจรปล้น ศาสนา(ศาสนาแปลว่าคำสอน)เศรษฐีหัวโล้นปล้นคำสอนทำเพื่อเงินทองลาภยศวัตถุ555 ตายไปต้องตกนรกกันหมดผู้ชี้ให้เห็นโทษคือผู้ชี้ขุมทรัพย์ไม่มีอะไรอยู่เหนือกรรมกำหนดได้ ทำลายคำสอนย่ำยีสิกขาบทน้อยใหญ่ไม่ใช่ภิกษุในธรรมวินัยนี้คฤหัสถ์ต้องเพ่งโทษติเตียนและ โพนทะนาเป็นการประกาศคำสอนให้รุ่งเรืองพุทธบริษัทที่ยังเขลาเบาปัญญาจะได้ตาสว่างไงค๊ะะะะ คุณโรสศิษย์บ้านธัมมะนี่การเรียนรู้ชุมชน ชุมชนมีก่อนวัด วัดยังไม่มี แต่ชาวบ้านในชุมชนนั้นๆ เขาต้องการที่พึ่งที่ทำบุญสำหรับพวกเขา พวกเขาจึงบริจาคที่ดินบ้าง ซื้อที่ดินสร้างวัดกันบ้างขึ้น นี่กำเนิดวัดตามชุมชน เมื่อมีวัดแล้วก็ช่วยกันสร้างโรงเรียนสำหรับลูกหลานในชุมชนนั้น โรงเรียนจึงมีวัดนำหน้าโรงเรียน เช่นโรงเรียนวัดนั้นวัดนี้ แต่ปัจจุบันมีใครบางคนหลายๆคน เอาชื่อวัดออกจากโรงเรียน ใครน้า ดังนั้น วัดจึงเป็นวัดที่ชุมชนเป็นเจ้าของร่วมกัน มองให้กว้างออกไปอีก ชาวพุทธเป็นเจ้าของวัดร่วมกัน เจ้าอาวาสเป็นผู้ดูแลรักษาวัดสร้างเพิ่มเติมถ้าสามารถ เข้าใจไหมคะฟังคำสอนเข้าใจในชาติภาษาที่ตนเข้าใจตรงปรมัตถ์ ไม่ใช่การอ่านบัญญัติคำหลังเห็นดับนั่นมันไม่ใช่ปัญญาของตนเอง ปัญญาแรกตามคำสอนเกิดจากเริ่มฟังแล้วไตร่ตรองตามเสียงจริงๆ มีจิตได้ยินนำทางรับรู้เสียงคำที่มากระทบหูจำเสียงคิดตามเสียงและ เข้าใจความหมายเพื่อตามรู้ความจริงตรงความหมายเสียงสลับกับจิต อื่นๆอีก5ทางรวมครบ6ทางคือเดี๋ยวนี้มีแล้วไม่ต้องทำไม่ต้องใช้แต่ไม่รู้ ว่ามีแล้วเพราะไม่เข้าใจคำสอนจึงคิดเอาเองว่าจะต้องใช้จิตไปทำไงค๊า ไปปะระมัด มัด มัด อีก ความรู้สึกตัวทั่วพร้อมคือความรู้สึกตรงจริงครบ6ทางครบธาตุ4ขันธ์5 ความสุขทุกข์คือเวทนาขันธ์มีถึง5ตัวธัมมะรู้สึกตรงได้แค่1ตัวธัมมะ ทางกายมี3แบบ1สุขทางกาย2เฉยๆ3ทุกข์ทางกายทางใจมี1โทรมนัส2โสมนัส บุญอยู่ที่โสภณเจตสิกคือสังขารขันธ์ส่วนเวทนาสุขทุกข์ไม่ใช่บุญค่ะคริคริคริ |
เจ้าของ: | กรัชกาย [ 03 ส.ค. 2018, 15:42 ] |
หัวข้อกระทู้: | Re: บ้านธัมมะว่าบุญไม่ใช่ความสุขใจ สบายใจ |
Rosarin เขียน: กรัชกาย เขียน: Rosarin เขียน: กรัชกาย เขียน: Rosarin เขียน: เช่นนั้น เขียน: Rosarin เขียน: เช่นนั้น เขียน: ศาสนิกชน ทำบุญ ทำทาน สร้างกุศล เพื่อหวังสุคติภพ เป็นเบื้องหน้า เพราะเชื่อในกรรมและผลของกรรม ความเห็นนี้ ก็เป็นสัมมาทิฏฐิ V ก่อนทำบุญ ทำทาน ขณะทำบุญ ทำทาน หลังจากทำบุญ ทำทาน จิตนั้นอิ่มเอิบ ด้วยความปิติยินดี มีโสมนัส มีความสุข จากการทำบุญทำทานนั้น ย่อมชื่อว่า ได้บุญ มีสุขคติเป็นเบื้องหน้า กุศลย่อมสำเร็จ ครบทั้งสามกาล มีอานิสงส์มากมีผลมาก V มีแต่ บ้านธรรมะ ที่เข้าใจเอาเองว่า บุญคือสภาพที่ไร้อกุศล(กิเลส) ในความเป็นจริง บุญอย่างหนึ่ง กุศลอย่างหนึ่ง กุศลที่ไร้กิเลสอย่างหนึ่ง ล้วนเป็นกุศลทั้งสิ้น เป็นความหยาบความประณีตของกุศล บุญเป็นฐานไปสู่กุศลที่ประณีตขึ้นครับ บุญเป็นกุศลด้วย เป็นเหตุให้กุศลเจริญ โจรก็ทำบุญกะญาติพี่น้องเขา บรรพชาแล้วไม่มีภาระเลี้ยงใคร บิณฑบาตด้วยปลีแข้งแค่เต็มปากบาตร เทแล้วรับเทแล้วรับแปลว่าโลภผิดไหมคะ จะเผื่อใครในเมื่อบรรพชาเพือมักน้อยสันโดษ สงบได้หรือทำวัดเป็นบ้านมีชาวบ้านแห่มานอนวัด ชีพราหมณ์ไม่มีในคำสอนของพระพุทธเจ้าทำตามๆกัน ไม่มีกาลามสูตร10จะให้ว่าอย่างไรศึกษาคำสอนตรงไหม เพื่อขนคนมานอนวัดให้คนซื้อของมาตุนเต็มวัดกิเลสไหมคะ นี่ก็เก็บกดมาหลายดอกสิท่า บอกว่า บุญน่ะมี ทำด้วยจิตเป็นกุศล มาแถไปนู่น เรื่องภิกษุทุศีล เรื่องโจร จิตมีปัญหาไรมาครับ พระพุทธเจ้าสอนให้ฉลาดในทางที่ถูก ใครเป็นเจ้าของวัดคะศาสดาน๊าคิดให้ตรง เขาศัรทธาสร้างถวายบูชาคุณพระรัตนตรัย พระรัตนตรัยสูงสุดมีหนึ่งเดียวคือพระพุทธเจ้า ถือดีอย่างไรชวนคนเข้าไปนอนวัดมากๆเพื่อตุนวัตถุ แค่ข้ออ้างเพราะอยากตุนของไงโลภมากทำเพื่อลาภสักการะ ทำให้คนเห็นจะได้เข้าใจว่าวัดทำสังคมสงเคราะ์นี่แหละกิเลสโลภะ ในเมื่อพระพุทธเจ้าไม่ให้ภิกษุเก็บสะสมอะไรเกินเที่ยงเลยทำตัวเป็นอลัชชี ไม่มีหิริโอตัปปะบวชเพื่อสละหมดไม่มีกิจสังคมสงเคราห์(สังคมคือมากกว่า1คน) ฟังคำสอนเกิดปัญญาเข้าใจกิเลสแล้วเนี่ยยิ่งแสดงกิเลสบรรพชิตได้ชัดเจนจริงจริ๊ง คำตถาคคงี้ไหลออกมาเทน้ำเทท่าเลยทำตัวเป็นโจรอะไรที่พระพุทธเจ้าห้ามทำหมด มิจฉาชีพในคราบผ้าเหลืองตาไม่บอดหูไม่หนวกใจก็มีชาวบ้านเขาไม่รู้แต่มหาโจรปล้น ศาสนา(ศาสนาแปลว่าคำสอน)เศรษฐีหัวโล้นปล้นคำสอนทำเพื่อเงินทองลาภยศวัตถุ555 ตายไปต้องตกนรกกันหมดผู้ชี้ให้เห็นโทษคือผู้ชี้ขุมทรัพย์ไม่มีอะไรอยู่เหนือกรรมกำหนดได้ ทำลายคำสอนย่ำยีสิกขาบทน้อยใหญ่ไม่ใช่ภิกษุในธรรมวินัยนี้คฤหัสถ์ต้องเพ่งโทษติเตียนและ โพนทะนาเป็นการประกาศคำสอนให้รุ่งเรืองพุทธบริษัทที่ยังเขลาเบาปัญญาจะได้ตาสว่างไงค๊ะะะะ คุณโรสศิษย์บ้านธัมมะนี่การเรียนรู้ชุมชน ชุมชนมีก่อนวัด วัดยังไม่มี แต่ชาวบ้านในชุมชนนั้นๆ เขาต้องการที่พึ่งที่ทำบุญสำหรับพวกเขา พวกเขาจึงบริจาคที่ดินบ้าง ซื้อที่ดินสร้างวัดกันบ้างขึ้น นี่กำเนิดวัดตามชุมชน เมื่อมีวัดแล้วก็ช่วยกันสร้างโรงเรียนสำหรับลูกหลานในชุมชนนั้น โรงเรียนจึงมีวัดนำหน้าโรงเรียน เช่นโรงเรียนวัดนั้นวัดนี้ แต่ปัจจุบันมีใครบางคนหลายๆคน เอาชื่อวัดออกจากโรงเรียน ใครน้า ดังนั้น วัดจึงเป็นวัดที่ชุมชนเป็นเจ้าของร่วมกัน มองให้กว้างออกไปอีก ชาวพุทธเป็นเจ้าของวัดร่วมกัน เจ้าอาวาสเป็นผู้ดูแลรักษาวัดสร้างเพิ่มเติมถ้าสามารถ เข้าใจไหมคะฟังคำสอนเข้าใจในชาติภาษาที่ตนเข้าใจตรงปรมัตถ์ ไม่ใช่การอ่านบัญญัติคำหลังเห็นดับนั่นมันไม่ใช่ปัญญาของตนเอง ปัญญาแรกตามคำสอนเกิดจากเริ่มฟังแล้วไตร่ตรองตามเสียงจริงๆ มีจิตได้ยินนำทางรับรู้เสียงคำที่มากระทบหูจำเสียงคิดตามเสียงและ เข้าใจความหมายเพื่อตามรู้ความจริงตรงความหมายเสียงสลับกับจิต อื่นๆอีก5ทางรวมครบ6ทางคือเดี๋ยวนี้มีแล้วไม่ต้องทำไม่ต้องใช้แต่ไม่รู้ ว่ามีแล้วเพราะไม่เข้าใจคำสอนจึงคิดเอาเองว่าจะต้องใช้จิตไปทำไงค๊า ไปปะระมัด มัด มัด อีก ความรู้สึกตัวทั่วพร้อมคือความรู้สึกตรงจริงครบ6ทางครบธาตุ4ขันธ์5 ความสุขทุกข์คือเวทนาขันธ์มีถึง5ตัวธัมมะรู้สึกตรงได้แค่1ตัวธัมมะ ทางกายมี3แบบ1สุขทางกาย2เฉยๆ3ทุกข์ทางกายทางใจมี1โทรมนัส2โสมนัส บุญอยู่ที่โสภณเจตสิกคือสังขารขันธ์ส่วนเวทนาสุขทุกข์ไม่ใช่บุญค่ะคริคริคริ นี่มากันหลาย ทั้ง ธาตุ 4 ขันธ์ 5 เวทนาขันธ์ โสภณเจตสิก ฯลฯ เออ เอาเข้าไป |
เจ้าของ: | Rosarin [ 30 ธ.ค. 2019, 10:48 ] |
หัวข้อกระทู้: | Re: บ้านธัมมะว่าบุญไม่ใช่ความสุขใจ สบายใจ |
กรัชกาย เขียน: Rosarin เขียน: Rosarin เขียน: Rosarin เขียน: กรัชกาย เขียน: Rosarin เขียน: กรัชกาย เขียน: สำนักนี้สอนมั่วชัดอีกอย่างหนึ่ง คือ เรื่องบุญ เวลาอธิบายเขียนมันยาวเป็นเรื่องราวถูกไหม แปลว่าอ่านแล้วจำเรื่องราวไม่รู้ความจริงที่ปรากฏ เพราะจิตเกิดดับเร็วกว่าคิดนึกนะคะไม่มีใครเตรียม ล่วงหน้าว่าจะให้เกิดปัญญาเองได้ที่ไปนั่งหลับตานั้นน่ะ ทำมิจฉาสมาธิไงคะแม้ขณะนี้เองมีขณิกสมาธิกับจิตทุกดวง ถ้าขาดการฟังก็เกิดแต่อกุศลเพราะขาดสติคือการระลึกตามตรงขณะ บุญคือโสภณจิตเกิดจากมีโสภณเจตสิกหลายประเภทปรุงแต่งจิตดีงามไม่ใช่ตัวตน ถ้ายังไปเราอยากไปเพราะชอบทำให้สบายคือมีโลภะติดข้องสถานที่ที่อยากไปสถานที่ไม่ใช่กัลยาณมิตร แต่ไม่ต้องไปไหนแต่ละ1ขณะจิตไม่รู้เลยว่าชวนะ7ดับเป็นอกุศลจิตอกุศลเจตสิกหลายประเภทดับแล้วไม่มี จิตเกิดดับแต่ละขณะ(นับไม่ถ้วนแล้วตั้งแต่ตอนกะพริบตา)จะอ่านไปตลอดชีวิตก็คือไม่มีปัญญาเกิดเลยไงคะ คุณโรสออกจากสำนักแม่บริหารฯ โดยเร็วแล้วเลิกฟังคลิปเขาโดยเด็ดขาด แล้วเลิกตั้งใจกะพริบตา ให้มันกะพริบของมันเองตามธรรมชาติ แล้วมาเรียนอภิธรรมกับกรัชกายด้วยมาฟังกรัชกายพูดด้วยนะนะ โรสก็ใช้ชีวิตตามปกตินี่คะ แค่คลิกกูเกิ้ลดูคลิปแค่นั้น เข้าใจถูกเห็นแม่เป้งอวิชชา ที่พากันรับเงินเรี่ยไรเงินไงคะ จะให้ว่าไงทำลายคำสอนก็คือ ทำร้ายตนเองมีอบายภูมิรอเห็นๆ มีให้ดูเต็มบ้านเต็มเมืองมองไม่เห็นรึ ภิกษุในธรรมวินัยเอาแค่ข้อรับเงินก่อน เรื่องอื่นเป็นอันว่ามีความเห็นผิดเป็นมิจฉา สละเรือนขออนุญาตจำวัดเพื่อขัดเกลากิเลส มากกว่าคฤหัสถ์ไม่สงเคราะห์ใครเพราะขอชาวบ้านกิน เข้าใจไหมคะแจกซองขอเงินถูกไหมคะคิดตรงไหมคะตาไม่บอด คำสอนของพระพุทธเจ้าตรงไปตรงมาไม่มี2มาตรฐานรวมหัวกับอกุศลจ้ะ คิดรอบคอบแค่สิกขาบทข้อ8ข้อเดียวนี้แหละปิดกั้นมรรคผลนิพพานแล้วค่ะ แล้วเขาสอนให้ไปขอเงินคนอื่นแกมบังคับใช่ไหมใส่ชื่อเป็นเจ้าภาพนั้นน่าอยากได้บุญหรือคะบาปน๊า ท่านอนาถบิณฑิกะเศรษฐีไปเรี่ยไรใครมาสร้างวัดถวายตถาคตไหมคะ พระพุทธเจ้าไม่ประสงค์ให้ผู้หญิงบวชไงคะ ภิกษุณีจึงมีข้อประพฤติมากกว่าภิกษุไงคะ ภิกษุมี227ข้อภิกษุณี311ข้อยุคนี้ไม่มีภิกษุณี เพราะที่ทรงกำหนดภิกษุณีที่เป็นอุปัชฌาย์ บวชภิษุณีได้ปีละ1รูปและเว้นปีและต้องมี สงฆ์ครบ2ฝ่ายทรงไม่ต้องการให้ผู้หญิงบวช แล้วดูสิคะให้ผู้หญิงโกนหัวไปอยู่ในวัดผิดไหมคะ พิจารณาตามคำสอนให้เห็นถูกตรงตามคำสอนก่อน เป็นเพศไหนคฤหัสถ์หรือบรรพชิตและบรรพชิตเท่านั้น ที่ได้รับอนุญาตตามการบรรพชาให้จำวัดคนอื่นไม่ได้ไงคะ แม่ชีคือคฤหัสถ์ประเภทอุบาสิกาเข้าใจคำสอนก็กลับไปนอนบ้าน เข้าใจไหมคะผู้ครองเรือนนอนที่บ้านคือนอนบ้านใครบ้านมันถูกไหมคะ ไม่ใช่คิดอยากจะชวนใครไปนอนวัดก็ทำอย่างนั้นหรือคะตรงตามคำสอนไหม ผู้หญิงแต่งงานออกเรือนเป็นสมบัติของสามีต้องดูแลความเรียบร้อยภายในเรือนไงค๊าาาาา นี่ชวนให้เขาทิ้งบ้านเรือนมาอยู่กินหลับนอนที่วัดพระพุทธเจ้าอนุญาตไหมคะไม่มีกาลามสูตร10 อ้าวถ้ายังงั้น แล้วพระพุทธเจ้าเคยให้ผู้หญิงบวชไหม ความรู้สึกเป็นสุขใจเป็นเวทนาขันธ์ค่ะส่วนบุญคือโสภณเจตสิกคือสังขารขันธ์ค่ะ แล้วคนทุกคนเลยไหมที่มาขอบวชในครั้งพุทธกาลนั่นน่ะ คนที่ไปหาครูอาจารย์ทั้ง6คืออาจารย์อื่นมาบวชไหมคะ ประมาทการฟังพระธรรมไม่เกิดปัญญารู้ตามคำสอน เข้าใจคำว่ารู้ตามมั๊ย...คือตามรู้ตรงสัจจะตอนที่ฟัง ถ้าไม่ฟังเลยก็ไม่มีการคิดตามรู้ตามจึงไม่ใช่สาวก สาวกแปลว่าผู้ฟังคำสอนเข้าใจถูกตัวตนตามได้ ที่เหลืออยู่ที่ยังเกิดมาพบคำสอนของตถาคต แปลว่าเป็นสาวกบารมีไม่คิดตามจะรู้ตามมั๊ย https://youtu.be/ym_baeI6l1I |
เจ้าของ: | Rosarin [ 31 ธ.ค. 2019, 06:38 ] |
หัวข้อกระทู้: | Re: บ้านธัมมะว่าบุญไม่ใช่ความสุขใจ สบายใจ |
ถ้าไม่เข้าใจว่าขันธ์5มีแล้วตัวเราไม่ได้ทำขันธ์5 จงหยุดไปทำแล้วเริ่มต้นศึกษาตรงทางเกิดปัญญาจริง คือฟังพระสัทธรรมให้เข้าใจตามไม่ใช่ฟังเพื่อลังเลสงสัย จิต1ขณะที่เกิดดับมีครบจิตเจตสิกรูปส่วนนิพพานไม่เกิดดับ นิพพานคือนิพพานเป็นสภาพธรรมเดียวที่ไม่เกิดไม่ดับเป็นจิตรู้นิพพาน ส่วนการเป็นผู้รู้ที่เพียรรู้ความจริงตามคำสอนต้องเข้าใจตรงสิ่งที่กำลังมี เพราะจิตเกิดดับเร็วมากนับไม่ถ้วนการเรียนจึงต้องศึกษาให้ตรงทีละ1ปัจจัย เพื่อสังขารขันธ์ที่เกิดกับจิตทุกขณะได้ปรุงแต่งจิตให้เข้าใจตรงตามคำสอนได้ จิ จิต89-121คือวิญญาณขันธ์ เจ เจตสิก52คือ 3 ขันธ์(เวทนา/สัญญาคือจำ/สังขาร)(การปรุงบุญ-บาปอยู่ที่สังขาร)(สุขทุกข์เฉยคือเวทนา) รุ รูป28คือรูปขันธ์ ทุกคนมีครบขันธ์ทั้ง5ทุกขณะจิตไม่ขาดจิตและจิตจำทุกอย่างอยู่แล้วตามกิจหน้าที่ของแต่ละตัวธัมมะเองค่ะ ฟังเพื่อให้จิตปรุงแต่งถูกตามคำสอนได้จากผู้อื่นอธิบายความจริงที่กำลังมีให้ฟังเพื่อจิตปรุงแต่งถูกตามได้ค่ะ นิ นิพพานคือนิพพานเป็นสภาวะที่จิตไม่มีการปรุงแต่งอีกต่อไปที่ตถาคตถึงแล้วก่อนมาแสดงไว้เพื่อให้เข้าใจ จิต1ขณะ=จิต+เจตสิก+รูป=ครบขันธ์5ไม่ใช่ตัวตนเป็นตัวจริงแต่ละ1ธัมมะเกิดดับหลากหลายตามการสะสม https://youtu.be/8g5lswAXM58 |
เจ้าของ: | กรัชกาย [ 02 ม.ค. 2020, 19:37 ] |
หัวข้อกระทู้: | Re: บ้านธัมมะว่าบุญไม่ใช่ความสุขใจ สบายใจ |
ช่วงเปลี่ยน พ.ศ. ไม่บอกที่ไหน แต่จะบอกว่า มีเกือบทุกจังหวัด มากบ้างน้อยบ้าง เป็นบุญ เป็นความสุขของเขา แต่สำนักคุณโรสบอกไม่ใช่บุญสะงั้น ผ่าเหล่าผ่ากอไม่รู้จะว่ายังไง ทั้งๆที่หลักบุญกิริยาวัตถุ ๓ คือ ทาน ศีล ภาวนา ก็มีอยู่ |
เจ้าของ: | Rosarin [ 02 ม.ค. 2020, 21:26 ] |
หัวข้อกระทู้: | Re: บ้านธัมมะว่าบุญไม่ใช่ความสุขใจ สบายใจ |
เป็นคนที่บอกไม่รู้จักฟังเป็นผู้ว่ายากไม่ว่านอนสอนง่ายเป็นไม้แก่ดัดยาก บอกมีครบแล้วอายตนะ6บอกให้คิดไตร่ตรองตามให้ตรงทีละ1ทางอายตนะให้ตรงทาง เพราะตถาคตทรงแสดงความจริงให้เข้าใจว่าจิตเกิดได้ตรงทีละ1ทางเป็นสมาธิอยู่แล้ว ไม่ว่าจะคิดจะพูดจะทำอะไรก็มีสมาธิในการทำทุกขณะจิตอยู่แล้วที่มีตัวเราทำเป็นปกติ โจรงัดแงะบ้านคนทำอย่างแนบเนียนเพื่อไม่ให้ถูกจับได้ใช่ไหมแล้วเราไม่รู้ว่าไม่มีตัวตน ยึดถือสภาพธรรมที่กำลังเกิดดับตามเหตุตามปัจจัยว่าเป็นตัวเราทำโน่นทำอันโน้นอันนี้ ก็ตถาคตบอกว่ามีมิจฉาทิฏฐิยึดถือธัมมะเป็นตัวตนแปลว่ามีอัตตาและแสดงอนัตตาให้รู้ พระองค์ตรัสแสดงความจริงทั้งที่เป็นอัตตาและเป็นอนัตตาให้เข้าใจตามโดยละเอียดยิบ เหนื่อย...ขอพักก่อนนะ...ฟังไปพลางๆก่อน https://youtu.be/QO9ATpuTM6k |
เจ้าของ: | เช่นนั้น [ 02 ม.ค. 2020, 23:40 ] |
หัวข้อกระทู้: | Re: บ้านธัมมะว่าบุญไม่ใช่ความสุขใจ สบายใจ |
สวดมนต์ข้ามปี นี่ กระทู้ข้ามสองปี |
เจ้าของ: | กรัชกาย [ 03 ม.ค. 2020, 08:10 ] |
หัวข้อกระทู้: | Re: บ้านธัมมะว่าบุญไม่ใช่ความสุขใจ สบายใจ |
Rosarin เขียน: Kiss เป็นคนที่บอกไม่รู้จักฟังเป็นผู้ว่ายากไม่ว่านอนสอนง่ายเป็นไม้แก่ดัดยาก บอกมีครบแล้วอายตนะ6บอกให้คิดไตร่ตรองตามให้ตรงทีละ1ทางอายตนะให้ตรงทาง เพราะตถาคตทรงแสดงความจริงให้เข้าใจว่าจิตเกิดได้ตรงทีละ1ทางเป็นสมาธิอยู่แล้ว ไม่ว่าจะคิดจะพูดจะทำอะไรก็มีสมาธิในการทำทุกขณะจิตอยู่แล้วที่มีตัวเราทำเป็นปกติ โจรงัดแงะบ้านคนทำอย่างแนบเนียนเพื่อไม่ให้ถูกจับได้ใช่ไหมแล้วเราไม่รู้ว่าไม่มีตัวตน ยึดถือสภาพธรรมที่กำลังเกิดดับตามเหตุตามปัจจัยว่าเป็นตัวเราทำโน่นทำอันโน้นอันนี้ ก็ตถาคตบอกว่ามีมิจฉาทิฏฐิยึดถือธัมมะเป็นตัวตนแปลว่ามีอัตตาและแสดงอนัตตาให้รู้ พระองค์ตรัสแสดงความจริงทั้งที่เป็นอัตตาและเป็นอนัตตาให้เข้าใจตามโดยละเอียดยิบ เหนื่อย...ขอพักก่อนนะ...ฟังไปพลางๆก่อน https://youtu.be/QO9ATpuTM6k ไม่มีตัวตน ไม่มีตัวตน แล้วใครนะไปเที่ยวงัดเที่ยวแงะบ้านเรือนเขา ป๊าดโท่เว้ย ถึงได้บอกไงว่า ศีล-ธรรมไม่กลับมาโลกจะพินาศ คิกๆๆ แต่แม่สุจินก็พร่ำแต่ไม่มีตัวตน ไม่มีตัวตน |
เจ้าของ: | Rosarin [ 03 ม.ค. 2020, 09:15 ] |
หัวข้อกระทู้: | Re: บ้านธัมมะว่าบุญไม่ใช่ความสุขใจ สบายใจ |
กรัชกาย เขียน: Rosarin เขียน: Kiss เป็นคนที่บอกไม่รู้จักฟังเป็นผู้ว่ายากไม่ว่านอนสอนง่ายเป็นไม้แก่ดัดยาก บอกมีครบแล้วอายตนะ6บอกให้คิดไตร่ตรองตามให้ตรงทีละ1ทางอายตนะให้ตรงทาง เพราะตถาคตทรงแสดงความจริงให้เข้าใจว่าจิตเกิดได้ตรงทีละ1ทางเป็นสมาธิอยู่แล้ว ไม่ว่าจะคิดจะพูดจะทำอะไรก็มีสมาธิในการทำทุกขณะจิตอยู่แล้วที่มีตัวเราทำเป็นปกติ โจรงัดแงะบ้านคนทำอย่างแนบเนียนเพื่อไม่ให้ถูกจับได้ใช่ไหมแล้วเราไม่รู้ว่าไม่มีตัวตน ยึดถือสภาพธรรมที่กำลังเกิดดับตามเหตุตามปัจจัยว่าเป็นตัวเราทำโน่นทำอันโน้นอันนี้ ก็ตถาคตบอกว่ามีมิจฉาทิฏฐิยึดถือธัมมะเป็นตัวตนแปลว่ามีอัตตาและแสดงอนัตตาให้รู้ พระองค์ตรัสแสดงความจริงทั้งที่เป็นอัตตาและเป็นอนัตตาให้เข้าใจตามโดยละเอียดยิบ เหนื่อย...ขอพักก่อนนะ...ฟังไปพลางๆก่อน https://youtu.be/QO9ATpuTM6k ไม่มีตัวตน ไม่มีตัวตน แล้วใครนะไปเที่ยวงัดเที่ยวแงะบ้านเรือนเขา ป๊าดโท่เว้ย ถึงได้บอกไงว่า ศีล-ธรรมไม่กลับมาโลกจะพินาศ คิกๆๆ แต่แม่สุจินก็พร่ำแต่ไม่มีตัวตน ไม่มีตัวตน ปัดลงถุง...ปัดลงถัง...อ่านแล้วก็เกิดโทสะรึ ก็ตอนที่มันทำมันแอบทำมันไม่รู้สึกตัวตามคำสอนใช่ไหม แล้วเราล่ะที่ทำโน่นนั่นอยู่ก็ไม่ได้รู้สึกตัวตามคำสอนอยู่ค่ะ ไม่เห็นในพระไตรปิฏกหรือคะที่โจรฟังธรรมแล้วบรรลุธรรม คิดให้ถี่ถ้วนรอบคอบคุณไขกุญแจบ้านและโจรก็งัดเข้าบ้าน คือตอนที่กำลังรู้สึกตัวถูกตรงตามคำสอนอยู่เท่านั้นจึงรู้สึกตัว ที่เป็นเรามีตัวตนเก็บกุญแจไขกุญแจเพื่อรักษาอะไรนั่นแหละมีกิเลส คิดสิคะบวชคือสละความยึดถือกุญแจเพราะไม่มีสมบัติอะไรให้รักษานอกจากใจ และถ้าบวชมาแล้วยังติดข้องแสวงหาวัตถุให้ติดในการถือกุญแจบาปไหมคะติดข้องในอัตตาอยู่งัย https://youtu.be/8rCCTYOLSR4 |
เจ้าของ: | กรัชกาย [ 13 ม.ค. 2020, 11:36 ] |
หัวข้อกระทู้: | Re: บ้านธัมมะว่าบุญไม่ใช่ความสุขใจ สบายใจ |
คุณแม่ป่วยหนักนอนติดเตียง อยากเห็นชายผ้าเหลืองลูกชาย จัดงานบวช นอนบนรถเข็ญแห่นาครอบโบสถ์ https://www.facebook.com/MeDanBok.RaYon ... =3&theater |
เจ้าของ: | Rosarin [ 13 ม.ค. 2020, 13:53 ] |
หัวข้อกระทู้: | Re: บ้านธัมมะว่าบุญไม่ใช่ความสุขใจ สบายใจ |
กรัชกาย เขียน: คุณแม่ป่วยหนักนอนติดเตียง อยากเห็นชายผ้าเหลืองลูกชาย จัดงานบวช นอนบนรถเข็ญแห่นาครอบโบสถ์ https://www.facebook.com/MeDanBok.RaYon ... =3&theater บวชแล้วชอบทำฌานใช่ไหม...แล้วก็ชอบรับเงินด้วย ไม่บวชรับเงินใช้เงินได้แต่บวชรับเงินตกนรก ทำฌานได้ไปสวรรค์ทั้งบวชและไม่บวชค่ะ เลือกให้ตรงนะคะเพศคฤหัสถ์รับเงินใช้เงินไม่มีอาบัติบรรลุได้ถึงอนาคามีต่อเมื่อถึงอรหันต์ไม่บวชน่ะตาย ส่วนบวชทำฌานแต่รับเงินปิดกั้นมรรคผลนิพพานแล้วไม่มีใครปลงอาบัติให้ตายต้องตกนรก เพราะหมู่คณะที่จะปลงอาบัติให้ต้องไม่รับเงินทุกคนชาวบ้านก็ปลงให้ไม่ได้ค่ะจริงๆนะไม่ใช่เรื่องล้อเล่นนะคะ ถ้าคิดจะปรับเปลี่ยนคำสอนตามที่รับเงินก็ไม่พ้นตกนรกเพราะตถาคตตรัสรู้น๊าไม่ได้คิดคำสอนขึ้นมา ทางออกที่จะไม่ตกนรกมีทางเดียวคือลาสิกขาขนเงินออกมาใช้แล้วก็ไม่ต้องคิดกลับเข้าไปบวชอีก เพราะบวชปุ๊บติดปั๊บอาบัติของเก่าที่จำไม่ได้ที่ไม่ได้ปลงอาบัติทุกชาติที่บวชจะตามมาให้ผลหมดเลยค่ะ ครั้งพุทธกาลคนที่บวชเขาเข้าใจคำสอน พ่อแม่เขาไม่อยากให้ลูกบวชเพราะอะไร ไม่มีคนสืบทอดมรดกบ้านที่ดินธุรกิจค่ะ ไม่ใช่ไม่เข้าใจอะไรเลยที่บวชแบบไม่รู้ คิดหรือคะไปนั่งยืนเดินนอนในวัดจะรู้ เพราะรู้คือปัญญารู้เข้าใจตรงตามคำสอน เงินสำหรับชาวบ้านไว้ซื้อขายแลกเปลี่ยนบริการต่างๆ บวชคือสละรูปรสกลิ่นเสียงสัมผัสที่ติดแบบชาวบ้านแล้ว ไม่ต้องการความสะดวกสบายที่ทำให้ยึดถือตัวเราของเรา เงินสำหรับผู้ที่สมควรได้รับลาภยศสรรเสริญสุขใจทางโลก ใช้เงินในการทำธุรกิจทำมาค้าขายเพื่อติอต่อซื้อขายแลกเปลี่ยน ให้ได้มาซึ่งสินค้าและความพึงพอใจในรูปรสกลิ่นเสียงสัมผัสบวชคือสละแล้ว แต่บวชแล้วไม่ใช่กลับไปรับเงินมาบำรุงกิเลสตนเองเพิ่มขึ้นให้กำเริบมากขึ้นมาใหม่อีกค่ะ ทำตามสิกขาบทไม่ได้ก็พาแต่ตัวเองตกไปอบายภูมิ เชื่อว่าทำฌานได้ไปเกิดพรหมโลกใช่ไหมคะ แล้วบวชรับเงินตถาคตว่าตกนรกทำไมไม่เชื่อ พระเทวทัตถูกธรณีสูบก่อนเข้าเฝ้าพระพุทธเจ้า ฌานสมาบัติแปลงร่างได้ด้วยแล้วก็ตถาคตบวชให้ด้วย ฟังบ้างนะตายแล้วหมดโอกาสกลับตัวกลับใจเลยนะ ต้องคิดได้และกลับตัวกลับใจได้ตอนที่ยังมีลมหายใจน๊า https://youtu.be/HsuwsdR0cmc |
หน้า 3 จากทั้งหมด 3 | เขตเวลา GMT + 7 ชั่วโมง |
Powered by phpBB © 2000, 2002, 2005, 2007 phpBB Group http://www.phpbb.com/ |