ลานธรรมจักร http://www.dhammajak.net/forums/ |
|
บ้านธัมมะว่าบุญไม่ใช่ความสุขใจ สบายใจ http://www.dhammajak.net/forums/viewtopic.php?f=1&t=56300 |
หน้า 2 จากทั้งหมด 3 |
เจ้าของ: | Rosarin [ 02 ส.ค. 2018, 12:53 ] |
หัวข้อกระทู้: | Re: บ้านธัมมะว่าบุญไม่ใช่ความสุขใจ สบายใจ |
กรัชกาย เขียน: Rosarin เขียน: Rosarin เขียน: Rosarin เขียน: กรัชกาย เขียน: Rosarin เขียน: กรัชกาย เขียน: สำนักนี้สอนมั่วชัดอีกอย่างหนึ่ง คือ เรื่องบุญ เวลาอธิบายเขียนมันยาวเป็นเรื่องราวถูกไหม แปลว่าอ่านแล้วจำเรื่องราวไม่รู้ความจริงที่ปรากฏ เพราะจิตเกิดดับเร็วกว่าคิดนึกนะคะไม่มีใครเตรียม ล่วงหน้าว่าจะให้เกิดปัญญาเองได้ที่ไปนั่งหลับตานั้นน่ะ ทำมิจฉาสมาธิไงคะแม้ขณะนี้เองมีขณิกสมาธิกับจิตทุกดวง ถ้าขาดการฟังก็เกิดแต่อกุศลเพราะขาดสติคือการระลึกตามตรงขณะ บุญคือโสภณจิตเกิดจากมีโสภณเจตสิกหลายประเภทปรุงแต่งจิตดีงามไม่ใช่ตัวตน ถ้ายังไปเราอยากไปเพราะชอบทำให้สบายคือมีโลภะติดข้องสถานที่ที่อยากไปสถานที่ไม่ใช่กัลยาณมิตร แต่ไม่ต้องไปไหนแต่ละ1ขณะจิตไม่รู้เลยว่าชวนะ7ดับเป็นอกุศลจิตอกุศลเจตสิกหลายประเภทดับแล้วไม่มี จิตเกิดดับแต่ละขณะ(นับไม่ถ้วนแล้วตั้งแต่ตอนกะพริบตา)จะอ่านไปตลอดชีวิตก็คือไม่มีปัญญาเกิดเลยไงคะ คุณโรสออกจากสำนักแม่บริหารฯ โดยเร็วแล้วเลิกฟังคลิปเขาโดยเด็ดขาด แล้วเลิกตั้งใจกะพริบตา ให้มันกะพริบของมันเองตามธรรมชาติ แล้วมาเรียนอภิธรรมกับกรัชกายด้วยมาฟังกรัชกายพูดด้วยนะนะ โรสก็ใช้ชีวิตตามปกตินี่คะ แค่คลิกกูเกิ้ลดูคลิปแค่นั้น เข้าใจถูกเห็นแม่เป้งอวิชชา ที่พากันรับเงินเรี่ยไรเงินไงคะ จะให้ว่าไงทำลายคำสอนก็คือ ทำร้ายตนเองมีอบายภูมิรอเห็นๆ มีให้ดูเต็มบ้านเต็มเมืองมองไม่เห็นรึ ภิกษุในธรรมวินัยเอาแค่ข้อรับเงินก่อน เรื่องอื่นเป็นอันว่ามีความเห็นผิดเป็นมิจฉา สละเรือนขออนุญาตจำวัดเพื่อขัดเกลากิเลส มากกว่าคฤหัสถ์ไม่สงเคราะห์ใครเพราะขอชาวบ้านกิน เข้าใจไหมคะแจกซองขอเงินถูกไหมคะคิดตรงไหมคะตาไม่บอด คำสอนของพระพุทธเจ้าตรงไปตรงมาไม่มี2มาตรฐานรวมหัวกับอกุศลจ้ะ คิดรอบคอบแค่สิกขาบทข้อ8ข้อเดียวนี้แหละปิดกั้นมรรคผลนิพพานแล้วค่ะ แล้วเขาสอนให้ไปขอเงินคนอื่นแกมบังคับใช่ไหมใส่ชื่อเป็นเจ้าภาพนั้นน่าอยากได้บุญหรือคะบาปน๊า ท่านอนาถบิณฑิกะเศรษฐีไปเรี่ยไรใครมาสร้างวัดถวายตถาคตไหมคะ พระพุทธเจ้าไม่ประสงค์ให้ผู้หญิงบวชไงคะ ภิกษุณีจึงมีข้อประพฤติมากกว่าภิกษุไงคะ ภิกษุมี227ข้อภิกษุณี311ข้อยุคนี้ไม่มีภิกษุณี เพราะที่ทรงกำหนดภิกษุณีที่เป็นอุปัชฌาย์ บวชภิษุณีได้ปีละ1รูปและเว้นปีและต้องมี สงฆ์ครบ2ฝ่ายทรงไม่ต้องการให้ผู้หญิงบวช แล้วดูสิคะให้ผู้หญิงโกนหัวไปอยู่ในวัดผิดไหมคะ พิจารณาตามคำสอนให้เห็นถูกตรงตามคำสอนก่อน เป็นเพศไหนคฤหัสถ์หรือบรรพชิตและบรรพชิตเท่านั้น ที่ได้รับอนุญาตตามการบรรพชาให้จำวัดคนอื่นไม่ได้ไงคะ แม่ชีคือคฤหัสถ์ประเภทอุบาสิกาเข้าใจคำสอนก็กลับไปนอนบ้าน เข้าใจไหมคะผู้ครองเรือนนอนที่บ้านคือนอนบ้านใครบ้านมันถูกไหมคะ ไม่ใช่คิดอยากจะชวนใครไปนอนวัดก็ทำอย่างนั้นหรือคะตรงตามคำสอนไหม ผู้หญิงแต่งงานออกเรือนเป็นสมบัติของสามีต้องดูแลความเรียบร้อยภายในเรือนไงค๊าาาาา นี่ชวนให้เขาทิ้งบ้านเรือนมาอยู่กินหลับนอนที่วัดพระพุทธเจ้าอนุญาตไหมคะไม่มีกาลามสูตร10 อ้าวถ้ายังงั้น แล้วพระพุทธเจ้าเคยให้ผู้หญิงบวชไหม ก็เป็นเพศคฤหัสถ์จะไปนอนวัดทำไม ฟังคำสอนเข้าใจก็ดูแลบ้านเรือนไปสิคะ ภิกษุตามธรรมวินัยไม่รับเงินอยู่ด้วยอาหารบิณฑบาตไม่โลภเอาไปเผื่อใครจะขัดเกลากิเลสมักน้อย แล้วให้มีขีพราหมณ์ขนเงินทองข้าวของวัตถุเข้าไปสะสมในวัดทำวัดเป็นบ้านถามว่าทำผิดกันทั้งหมดเลยบาป ทำตามๆกันด้วยความไม่รู้ไงคะจะให้ว่าอย่างไรอีกจะแก้ไขก็ให้รีบแก้ไขนะคะโรสก็เคยทำมาทั้งหมดเลยค่ะ เมื่อโรสฟังจนเข้าใจถูกแล้วก็ค่อยๆทิ้งสิ่งที่ทำผิดไม่ใช่จะทิ้งได้ทันทีเข้าใจไหมคะปัญญาไม่พอก็ยึดติดไงคะ อดีตที่ทำผ่านมาแล้วเคยทำผิดเข้าใจก็ต้องเปลี่ยนสิคะจะไปทำให้คณะสงฆ์ท่านแปดเปื้อนทำไมเข้าใจไหม ถ้าผู้หญิงทุกคนเข้าใจจะไปทำลายฝ่ายสงฆ์ไหมคะตถาคตตรัสว่าอย่างไรผู้หญิงมีส่วนทำลายภิกษุบุคคล คนมีกิเลสเข้าไปบวชต้องการขัดเกลากิเลสไม่ใข่พระอิฐพระปูนจะไปเบียดเบียนวัดทำไมค๊าาาาก็อยู่บ้านสิคะ แล้วก็คิดเอาเองว่าต้องถวายเงินค่าน้ำไฟถ้าไม่เข้าไปเบียดเบียนวัดใช้เงินทำอะไรคะบวชสละหมดแล้ว กลางคืนก็ปิดไฟนอนกลางวันก็มีแสงตะวันเขาถวายเทียนไม้ขีดมีก็จุดสิคะต้องใช้ค่าไฟไหมคะ55555 จะไปนั่งทำหลับตาทรมาณกายให้รู้เร็วนั่นน่ะทำกิเลสละเอียดไงคะจะหลงผิดกันไปถึงไหนบอกให้ฟังไงค๊า ฟังเข้าใจทันทีนั้นน่าเกิดปัญญาสะสมแล้วพอคิดไปทำก็เป็นกิเลสไงคะดูความจริงตามปกติเป็นปกติรู้ไงคะ |
เจ้าของ: | กรัชกาย [ 02 ส.ค. 2018, 13:17 ] |
หัวข้อกระทู้: | Re: บ้านธัมมะว่าบุญไม่ใช่ความสุขใจ สบายใจ |
Rosarin เขียน: กรัชกาย เขียน: Rosarin เขียน: Rosarin เขียน: Rosarin เขียน: กรัชกาย เขียน: Rosarin เขียน: กรัชกาย เขียน: สำนักนี้สอนมั่วชัดอีกอย่างหนึ่ง คือ เรื่องบุญ เวลาอธิบายเขียนมันยาวเป็นเรื่องราวถูกไหม แปลว่าอ่านแล้วจำเรื่องราวไม่รู้ความจริงที่ปรากฏ เพราะจิตเกิดดับเร็วกว่าคิดนึกนะคะไม่มีใครเตรียม ล่วงหน้าว่าจะให้เกิดปัญญาเองได้ที่ไปนั่งหลับตานั้นน่ะ ทำมิจฉาสมาธิไงคะแม้ขณะนี้เองมีขณิกสมาธิกับจิตทุกดวง ถ้าขาดการฟังก็เกิดแต่อกุศลเพราะขาดสติคือการระลึกตามตรงขณะ บุญคือโสภณจิตเกิดจากมีโสภณเจตสิกหลายประเภทปรุงแต่งจิตดีงามไม่ใช่ตัวตน ถ้ายังไปเราอยากไปเพราะชอบทำให้สบายคือมีโลภะติดข้องสถานที่ที่อยากไปสถานที่ไม่ใช่กัลยาณมิตร แต่ไม่ต้องไปไหนแต่ละ1ขณะจิตไม่รู้เลยว่าชวนะ7ดับเป็นอกุศลจิตอกุศลเจตสิกหลายประเภทดับแล้วไม่มี จิตเกิดดับแต่ละขณะ(นับไม่ถ้วนแล้วตั้งแต่ตอนกะพริบตา)จะอ่านไปตลอดชีวิตก็คือไม่มีปัญญาเกิดเลยไงคะ คุณโรสออกจากสำนักแม่บริหารฯ โดยเร็วแล้วเลิกฟังคลิปเขาโดยเด็ดขาด แล้วเลิกตั้งใจกะพริบตา ให้มันกะพริบของมันเองตามธรรมชาติ แล้วมาเรียนอภิธรรมกับกรัชกายด้วยมาฟังกรัชกายพูดด้วยนะนะ โรสก็ใช้ชีวิตตามปกตินี่คะ แค่คลิกกูเกิ้ลดูคลิปแค่นั้น เข้าใจถูกเห็นแม่เป้งอวิชชา ที่พากันรับเงินเรี่ยไรเงินไงคะ จะให้ว่าไงทำลายคำสอนก็คือ ทำร้ายตนเองมีอบายภูมิรอเห็นๆ มีให้ดูเต็มบ้านเต็มเมืองมองไม่เห็นรึ ภิกษุในธรรมวินัยเอาแค่ข้อรับเงินก่อน เรื่องอื่นเป็นอันว่ามีความเห็นผิดเป็นมิจฉา สละเรือนขออนุญาตจำวัดเพื่อขัดเกลากิเลส มากกว่าคฤหัสถ์ไม่สงเคราะห์ใครเพราะขอชาวบ้านกิน เข้าใจไหมคะแจกซองขอเงินถูกไหมคะคิดตรงไหมคะตาไม่บอด คำสอนของพระพุทธเจ้าตรงไปตรงมาไม่มี2มาตรฐานรวมหัวกับอกุศลจ้ะ คิดรอบคอบแค่สิกขาบทข้อ8ข้อเดียวนี้แหละปิดกั้นมรรคผลนิพพานแล้วค่ะ แล้วเขาสอนให้ไปขอเงินคนอื่นแกมบังคับใช่ไหมใส่ชื่อเป็นเจ้าภาพนั้นน่าอยากได้บุญหรือคะบาปน๊า ท่านอนาถบิณฑิกะเศรษฐีไปเรี่ยไรใครมาสร้างวัดถวายตถาคตไหมคะ พระพุทธเจ้าไม่ประสงค์ให้ผู้หญิงบวชไงคะ ภิกษุณีจึงมีข้อประพฤติมากกว่าภิกษุไงคะ ภิกษุมี227ข้อภิกษุณี311ข้อยุคนี้ไม่มีภิกษุณี เพราะที่ทรงกำหนดภิกษุณีที่เป็นอุปัชฌาย์ บวชภิษุณีได้ปีละ1รูปและเว้นปีและต้องมี สงฆ์ครบ2ฝ่ายทรงไม่ต้องการให้ผู้หญิงบวช แล้วดูสิคะให้ผู้หญิงโกนหัวไปอยู่ในวัดผิดไหมคะ พิจารณาตามคำสอนให้เห็นถูกตรงตามคำสอนก่อน เป็นเพศไหนคฤหัสถ์หรือบรรพชิตและบรรพชิตเท่านั้น ที่ได้รับอนุญาตตามการบรรพชาให้จำวัดคนอื่นไม่ได้ไงคะ แม่ชีคือคฤหัสถ์ประเภทอุบาสิกาเข้าใจคำสอนก็กลับไปนอนบ้าน เข้าใจไหมคะผู้ครองเรือนนอนที่บ้านคือนอนบ้านใครบ้านมันถูกไหมคะ ไม่ใช่คิดอยากจะชวนใครไปนอนวัดก็ทำอย่างนั้นหรือคะตรงตามคำสอนไหม ผู้หญิงแต่งงานออกเรือนเป็นสมบัติของสามีต้องดูแลความเรียบร้อยภายในเรือนไงค๊าาาาา นี่ชวนให้เขาทิ้งบ้านเรือนมาอยู่กินหลับนอนที่วัดพระพุทธเจ้าอนุญาตไหมคะไม่มีกาลามสูตร10 อ้าวถ้ายังงั้น แล้วพระพุทธเจ้าเคยให้ผู้หญิงบวชไหม ก็เป็นเพศคฤหัสถ์จะไปนอนวัดทำไม ฟังคำสอนเข้าใจก็ดูแลบ้านเรือนไปสิคะ ภิกษุตามธรรมวินัยไม่รับเงินอยู่ด้วยอาหารบิณฑบาตไม่โลภเอาไปเผื่อใครจะขัดเกลากิเลสมักน้อย แล้วให้มีขีพราหมณ์ขนเงินทองข้าวของวัตถุเข้าไปสะสมในวัดทำวัดเป็นบ้านถามว่าทำผิดกันทั้งหมดเลยบาป ทำตามๆกันด้วยความไม่รู้ไงคะจะให้ว่าอย่างไรอีกจะแก้ไขก็ให้รีบแก้ไขนะคะโรสก็เคยทำมาทั้งหมดเลยค่ะ เมื่อโรสฟังจนเข้าใจถูกแล้วก็ค่อยๆทิ้งสิ่งที่ทำผิดไม่ใช่จะทิ้งได้ทันทีเข้าใจไหมคะปัญญาไม่พอก็ยึดติดไงคะ อดีตที่ทำผ่านมาแล้วเคยทำผิดเข้าใจก็ต้องเปลี่ยนสิคะจะไปทำให้คณะสงฆ์ท่านแปดเปื้อนทำไมเข้าใจไหม ถ้าผู้หญิงทุกคนเข้าใจจะไปทำลายฝ่ายสงฆ์ไหมคะตถาคตตรัสว่าอย่างไรผู้หญิงมีส่วนทำลายภิกษุบุคคล คนมีกิเลสเข้าไปบวชต้องการขัดเกลากิเลสไม่ใข่พระอิฐพระปูนจะไปเบียดเบียนวัดทำไมค๊าาาาก็อยู่บ้านสิคะ แล้วก็คิดเอาเองว่าต้องถวายเงินค่าน้ำไฟถ้าไม่เข้าไปเบียดเบียนวัดใช้เงินทำอะไรคะบวชสละหมดแล้ว กลางคืนก็ปิดไฟนอนกลางวันก็มีแสงตะวันเขาถวายเทียนไม้ขีดมีก็จุดสิคะต้องใช้ค่าไฟไหมคะ55555 จะไปนั่งทำหลับตาทรมาณกายให้รู้เร็วนั่นน่ะทำกิเลสละเอียดไงคะจะหลงผิดกันไปถึงไหนบอกให้ฟังไงค๊า ฟังเข้าใจทันทีนั้นน่าเกิดปัญญาสะสมแล้วพอคิดไปทำก็เป็นกิเลสไงคะดูความจริงตามปกติเป็นปกติรู้ไงคะ คุณโรสนี่คิดสุดโต่งเหมือนเจ้าสำนักบ้านธัมมะเบย ก็เขารักษาศีลอุโบสถ ก็นอนวัดวันหนึ่งกับคืนหนึ่งไง กับ ที่เขาบวชเนกขัมมะกันไง |
เจ้าของ: | Rosarin [ 02 ส.ค. 2018, 15:04 ] |
หัวข้อกระทู้: | Re: บ้านธัมมะว่าบุญไม่ใช่ความสุขใจ สบายใจ |
กรัชกาย เขียน: Rosarin เขียน: กรัชกาย เขียน: Rosarin เขียน: Rosarin เขียน: Rosarin เขียน: กรัชกาย เขียน: Rosarin เขียน: กรัชกาย เขียน: สำนักนี้สอนมั่วชัดอีกอย่างหนึ่ง คือ เรื่องบุญ เวลาอธิบายเขียนมันยาวเป็นเรื่องราวถูกไหม แปลว่าอ่านแล้วจำเรื่องราวไม่รู้ความจริงที่ปรากฏ เพราะจิตเกิดดับเร็วกว่าคิดนึกนะคะไม่มีใครเตรียม ล่วงหน้าว่าจะให้เกิดปัญญาเองได้ที่ไปนั่งหลับตานั้นน่ะ ทำมิจฉาสมาธิไงคะแม้ขณะนี้เองมีขณิกสมาธิกับจิตทุกดวง ถ้าขาดการฟังก็เกิดแต่อกุศลเพราะขาดสติคือการระลึกตามตรงขณะ บุญคือโสภณจิตเกิดจากมีโสภณเจตสิกหลายประเภทปรุงแต่งจิตดีงามไม่ใช่ตัวตน ถ้ายังไปเราอยากไปเพราะชอบทำให้สบายคือมีโลภะติดข้องสถานที่ที่อยากไปสถานที่ไม่ใช่กัลยาณมิตร แต่ไม่ต้องไปไหนแต่ละ1ขณะจิตไม่รู้เลยว่าชวนะ7ดับเป็นอกุศลจิตอกุศลเจตสิกหลายประเภทดับแล้วไม่มี จิตเกิดดับแต่ละขณะ(นับไม่ถ้วนแล้วตั้งแต่ตอนกะพริบตา)จะอ่านไปตลอดชีวิตก็คือไม่มีปัญญาเกิดเลยไงคะ คุณโรสออกจากสำนักแม่บริหารฯ โดยเร็วแล้วเลิกฟังคลิปเขาโดยเด็ดขาด แล้วเลิกตั้งใจกะพริบตา ให้มันกะพริบของมันเองตามธรรมชาติ แล้วมาเรียนอภิธรรมกับกรัชกายด้วยมาฟังกรัชกายพูดด้วยนะนะ โรสก็ใช้ชีวิตตามปกตินี่คะ แค่คลิกกูเกิ้ลดูคลิปแค่นั้น เข้าใจถูกเห็นแม่เป้งอวิชชา ที่พากันรับเงินเรี่ยไรเงินไงคะ จะให้ว่าไงทำลายคำสอนก็คือ ทำร้ายตนเองมีอบายภูมิรอเห็นๆ มีให้ดูเต็มบ้านเต็มเมืองมองไม่เห็นรึ ภิกษุในธรรมวินัยเอาแค่ข้อรับเงินก่อน เรื่องอื่นเป็นอันว่ามีความเห็นผิดเป็นมิจฉา สละเรือนขออนุญาตจำวัดเพื่อขัดเกลากิเลส มากกว่าคฤหัสถ์ไม่สงเคราะห์ใครเพราะขอชาวบ้านกิน เข้าใจไหมคะแจกซองขอเงินถูกไหมคะคิดตรงไหมคะตาไม่บอด คำสอนของพระพุทธเจ้าตรงไปตรงมาไม่มี2มาตรฐานรวมหัวกับอกุศลจ้ะ คิดรอบคอบแค่สิกขาบทข้อ8ข้อเดียวนี้แหละปิดกั้นมรรคผลนิพพานแล้วค่ะ แล้วเขาสอนให้ไปขอเงินคนอื่นแกมบังคับใช่ไหมใส่ชื่อเป็นเจ้าภาพนั้นน่าอยากได้บุญหรือคะบาปน๊า ท่านอนาถบิณฑิกะเศรษฐีไปเรี่ยไรใครมาสร้างวัดถวายตถาคตไหมคะ พระพุทธเจ้าไม่ประสงค์ให้ผู้หญิงบวชไงคะ ภิกษุณีจึงมีข้อประพฤติมากกว่าภิกษุไงคะ ภิกษุมี227ข้อภิกษุณี311ข้อยุคนี้ไม่มีภิกษุณี เพราะที่ทรงกำหนดภิกษุณีที่เป็นอุปัชฌาย์ บวชภิษุณีได้ปีละ1รูปและเว้นปีและต้องมี สงฆ์ครบ2ฝ่ายทรงไม่ต้องการให้ผู้หญิงบวช แล้วดูสิคะให้ผู้หญิงโกนหัวไปอยู่ในวัดผิดไหมคะ พิจารณาตามคำสอนให้เห็นถูกตรงตามคำสอนก่อน เป็นเพศไหนคฤหัสถ์หรือบรรพชิตและบรรพชิตเท่านั้น ที่ได้รับอนุญาตตามการบรรพชาให้จำวัดคนอื่นไม่ได้ไงคะ แม่ชีคือคฤหัสถ์ประเภทอุบาสิกาเข้าใจคำสอนก็กลับไปนอนบ้าน เข้าใจไหมคะผู้ครองเรือนนอนที่บ้านคือนอนบ้านใครบ้านมันถูกไหมคะ ไม่ใช่คิดอยากจะชวนใครไปนอนวัดก็ทำอย่างนั้นหรือคะตรงตามคำสอนไหม ผู้หญิงแต่งงานออกเรือนเป็นสมบัติของสามีต้องดูแลความเรียบร้อยภายในเรือนไงค๊าาาาา นี่ชวนให้เขาทิ้งบ้านเรือนมาอยู่กินหลับนอนที่วัดพระพุทธเจ้าอนุญาตไหมคะไม่มีกาลามสูตร10 อ้าวถ้ายังงั้น แล้วพระพุทธเจ้าเคยให้ผู้หญิงบวชไหม ก็เป็นเพศคฤหัสถ์จะไปนอนวัดทำไม ฟังคำสอนเข้าใจก็ดูแลบ้านเรือนไปสิคะ ภิกษุตามธรรมวินัยไม่รับเงินอยู่ด้วยอาหารบิณฑบาตไม่โลภเอาไปเผื่อใครจะขัดเกลากิเลสมักน้อย แล้วให้มีขีพราหมณ์ขนเงินทองข้าวของวัตถุเข้าไปสะสมในวัดทำวัดเป็นบ้านถามว่าทำผิดกันทั้งหมดเลยบาป ทำตามๆกันด้วยความไม่รู้ไงคะจะให้ว่าอย่างไรอีกจะแก้ไขก็ให้รีบแก้ไขนะคะโรสก็เคยทำมาทั้งหมดเลยค่ะ เมื่อโรสฟังจนเข้าใจถูกแล้วก็ค่อยๆทิ้งสิ่งที่ทำผิดไม่ใช่จะทิ้งได้ทันทีเข้าใจไหมคะปัญญาไม่พอก็ยึดติดไงคะ อดีตที่ทำผ่านมาแล้วเคยทำผิดเข้าใจก็ต้องเปลี่ยนสิคะจะไปทำให้คณะสงฆ์ท่านแปดเปื้อนทำไมเข้าใจไหม ถ้าผู้หญิงทุกคนเข้าใจจะไปทำลายฝ่ายสงฆ์ไหมคะตถาคตตรัสว่าอย่างไรผู้หญิงมีส่วนทำลายภิกษุบุคคล คนมีกิเลสเข้าไปบวชต้องการขัดเกลากิเลสไม่ใข่พระอิฐพระปูนจะไปเบียดเบียนวัดทำไมค๊าาาาก็อยู่บ้านสิคะ แล้วก็คิดเอาเองว่าต้องถวายเงินค่าน้ำไฟถ้าไม่เข้าไปเบียดเบียนวัดใช้เงินทำอะไรคะบวชสละหมดแล้ว กลางคืนก็ปิดไฟนอนกลางวันก็มีแสงตะวันเขาถวายเทียนไม้ขีดมีก็จุดสิคะต้องใช้ค่าไฟไหมคะ55555 จะไปนั่งทำหลับตาทรมาณกายให้รู้เร็วนั่นน่ะทำกิเลสละเอียดไงคะจะหลงผิดกันไปถึงไหนบอกให้ฟังไงค๊า ฟังเข้าใจทันทีนั้นน่าเกิดปัญญาสะสมแล้วพอคิดไปทำก็เป็นกิเลสไงคะดูความจริงตามปกติเป็นปกติรู้ไงคะ คุณโรสนี่คิดสุดโต่งเหมือนเจ้าสำนักบ้านธัมมะเบย ก็เขารักษาศีลอุโบสถ ก็นอนวัดวันหนึ่งกับคืนหนึ่งไง กับ ที่เขาบวชเนกขัมมะกันไง ความจริงคิดตรงขณะเดี๋ยวนี้ทันที คิดไปคิดมาวนเข้าไปวัดอีกแระ555 วัดเป็นที่อยู่ของใครคะลืมคำสอนแล้ว ก็ฟังคำสอนเข้าใจที่บ้านแล้วจะไปนอนวัดทำไม ไม่ได้เป็นเพศบรรพชิตพระพุทธเจ้าอนุญาตแต่บรรพชิตจำวัด ภิกษุณีไม่มีแล้วแสดงว่าผู้ชายผู้หญิงทุกคนไม่เกี่ยวข้องกับสถานที่คือวัดคือกลับบ้านสิคะ ศีลเจตสิกดับพร้อมจิตทีละ1ขณะถ้าระลึกตามคำสอนไม่ตรง1ในวิสยรูปใน6ทางแปลว่าไม่รู้เป็นอกุศลศีลไง |
เจ้าของ: | Rosarin [ 02 ส.ค. 2018, 15:10 ] |
หัวข้อกระทู้: | Re: บ้านธัมมะว่าบุญไม่ใช่ความสุขใจ สบายใจ |
Rosarin เขียน: กรัชกาย เขียน: Rosarin เขียน: กรัชกาย เขียน: Rosarin เขียน: Rosarin เขียน: Rosarin เขียน: กรัชกาย เขียน: Rosarin เขียน: กรัชกาย เขียน: สำนักนี้สอนมั่วชัดอีกอย่างหนึ่ง คือ เรื่องบุญ เวลาอธิบายเขียนมันยาวเป็นเรื่องราวถูกไหม แปลว่าอ่านแล้วจำเรื่องราวไม่รู้ความจริงที่ปรากฏ เพราะจิตเกิดดับเร็วกว่าคิดนึกนะคะไม่มีใครเตรียม ล่วงหน้าว่าจะให้เกิดปัญญาเองได้ที่ไปนั่งหลับตานั้นน่ะ ทำมิจฉาสมาธิไงคะแม้ขณะนี้เองมีขณิกสมาธิกับจิตทุกดวง ถ้าขาดการฟังก็เกิดแต่อกุศลเพราะขาดสติคือการระลึกตามตรงขณะ บุญคือโสภณจิตเกิดจากมีโสภณเจตสิกหลายประเภทปรุงแต่งจิตดีงามไม่ใช่ตัวตน ถ้ายังไปเราอยากไปเพราะชอบทำให้สบายคือมีโลภะติดข้องสถานที่ที่อยากไปสถานที่ไม่ใช่กัลยาณมิตร แต่ไม่ต้องไปไหนแต่ละ1ขณะจิตไม่รู้เลยว่าชวนะ7ดับเป็นอกุศลจิตอกุศลเจตสิกหลายประเภทดับแล้วไม่มี จิตเกิดดับแต่ละขณะ(นับไม่ถ้วนแล้วตั้งแต่ตอนกะพริบตา)จะอ่านไปตลอดชีวิตก็คือไม่มีปัญญาเกิดเลยไงคะ คุณโรสออกจากสำนักแม่บริหารฯ โดยเร็วแล้วเลิกฟังคลิปเขาโดยเด็ดขาด แล้วเลิกตั้งใจกะพริบตา ให้มันกะพริบของมันเองตามธรรมชาติ แล้วมาเรียนอภิธรรมกับกรัชกายด้วยมาฟังกรัชกายพูดด้วยนะนะ โรสก็ใช้ชีวิตตามปกตินี่คะ แค่คลิกกูเกิ้ลดูคลิปแค่นั้น เข้าใจถูกเห็นแม่เป้งอวิชชา ที่พากันรับเงินเรี่ยไรเงินไงคะ จะให้ว่าไงทำลายคำสอนก็คือ ทำร้ายตนเองมีอบายภูมิรอเห็นๆ มีให้ดูเต็มบ้านเต็มเมืองมองไม่เห็นรึ ภิกษุในธรรมวินัยเอาแค่ข้อรับเงินก่อน เรื่องอื่นเป็นอันว่ามีความเห็นผิดเป็นมิจฉา สละเรือนขออนุญาตจำวัดเพื่อขัดเกลากิเลส มากกว่าคฤหัสถ์ไม่สงเคราะห์ใครเพราะขอชาวบ้านกิน เข้าใจไหมคะแจกซองขอเงินถูกไหมคะคิดตรงไหมคะตาไม่บอด คำสอนของพระพุทธเจ้าตรงไปตรงมาไม่มี2มาตรฐานรวมหัวกับอกุศลจ้ะ คิดรอบคอบแค่สิกขาบทข้อ8ข้อเดียวนี้แหละปิดกั้นมรรคผลนิพพานแล้วค่ะ แล้วเขาสอนให้ไปขอเงินคนอื่นแกมบังคับใช่ไหมใส่ชื่อเป็นเจ้าภาพนั้นน่าอยากได้บุญหรือคะบาปน๊า ท่านอนาถบิณฑิกะเศรษฐีไปเรี่ยไรใครมาสร้างวัดถวายตถาคตไหมคะ พระพุทธเจ้าไม่ประสงค์ให้ผู้หญิงบวชไงคะ ภิกษุณีจึงมีข้อประพฤติมากกว่าภิกษุไงคะ ภิกษุมี227ข้อภิกษุณี311ข้อยุคนี้ไม่มีภิกษุณี เพราะที่ทรงกำหนดภิกษุณีที่เป็นอุปัชฌาย์ บวชภิษุณีได้ปีละ1รูปและเว้นปีและต้องมี สงฆ์ครบ2ฝ่ายทรงไม่ต้องการให้ผู้หญิงบวช แล้วดูสิคะให้ผู้หญิงโกนหัวไปอยู่ในวัดผิดไหมคะ พิจารณาตามคำสอนให้เห็นถูกตรงตามคำสอนก่อน เป็นเพศไหนคฤหัสถ์หรือบรรพชิตและบรรพชิตเท่านั้น ที่ได้รับอนุญาตตามการบรรพชาให้จำวัดคนอื่นไม่ได้ไงคะ แม่ชีคือคฤหัสถ์ประเภทอุบาสิกาเข้าใจคำสอนก็กลับไปนอนบ้าน เข้าใจไหมคะผู้ครองเรือนนอนที่บ้านคือนอนบ้านใครบ้านมันถูกไหมคะ ไม่ใช่คิดอยากจะชวนใครไปนอนวัดก็ทำอย่างนั้นหรือคะตรงตามคำสอนไหม ผู้หญิงแต่งงานออกเรือนเป็นสมบัติของสามีต้องดูแลความเรียบร้อยภายในเรือนไงค๊าาาาา นี่ชวนให้เขาทิ้งบ้านเรือนมาอยู่กินหลับนอนที่วัดพระพุทธเจ้าอนุญาตไหมคะไม่มีกาลามสูตร10 อ้าวถ้ายังงั้น แล้วพระพุทธเจ้าเคยให้ผู้หญิงบวชไหม ก็เป็นเพศคฤหัสถ์จะไปนอนวัดทำไม ฟังคำสอนเข้าใจก็ดูแลบ้านเรือนไปสิคะ ภิกษุตามธรรมวินัยไม่รับเงินอยู่ด้วยอาหารบิณฑบาตไม่โลภเอาไปเผื่อใครจะขัดเกลากิเลสมักน้อย แล้วให้มีขีพราหมณ์ขนเงินทองข้าวของวัตถุเข้าไปสะสมในวัดทำวัดเป็นบ้านถามว่าทำผิดกันทั้งหมดเลยบาป ทำตามๆกันด้วยความไม่รู้ไงคะจะให้ว่าอย่างไรอีกจะแก้ไขก็ให้รีบแก้ไขนะคะโรสก็เคยทำมาทั้งหมดเลยค่ะ เมื่อโรสฟังจนเข้าใจถูกแล้วก็ค่อยๆทิ้งสิ่งที่ทำผิดไม่ใช่จะทิ้งได้ทันทีเข้าใจไหมคะปัญญาไม่พอก็ยึดติดไงคะ อดีตที่ทำผ่านมาแล้วเคยทำผิดเข้าใจก็ต้องเปลี่ยนสิคะจะไปทำให้คณะสงฆ์ท่านแปดเปื้อนทำไมเข้าใจไหม ถ้าผู้หญิงทุกคนเข้าใจจะไปทำลายฝ่ายสงฆ์ไหมคะตถาคตตรัสว่าอย่างไรผู้หญิงมีส่วนทำลายภิกษุบุคคล คนมีกิเลสเข้าไปบวชต้องการขัดเกลากิเลสไม่ใข่พระอิฐพระปูนจะไปเบียดเบียนวัดทำไมค๊าาาาก็อยู่บ้านสิคะ แล้วก็คิดเอาเองว่าต้องถวายเงินค่าน้ำไฟถ้าไม่เข้าไปเบียดเบียนวัดใช้เงินทำอะไรคะบวชสละหมดแล้ว กลางคืนก็ปิดไฟนอนกลางวันก็มีแสงตะวันเขาถวายเทียนไม้ขีดมีก็จุดสิคะต้องใช้ค่าไฟไหมคะ55555 จะไปนั่งทำหลับตาทรมาณกายให้รู้เร็วนั่นน่ะทำกิเลสละเอียดไงคะจะหลงผิดกันไปถึงไหนบอกให้ฟังไงค๊า ฟังเข้าใจทันทีนั้นน่าเกิดปัญญาสะสมแล้วพอคิดไปทำก็เป็นกิเลสไงคะดูความจริงตามปกติเป็นปกติรู้ไงคะ คุณโรสนี่คิดสุดโต่งเหมือนเจ้าสำนักบ้านธัมมะเบย ก็เขารักษาศีลอุโบสถ ก็นอนวัดวันหนึ่งกับคืนหนึ่งไง กับ ที่เขาบวชเนกขัมมะกันไง ความจริงคิดตรงขณะเดี๋ยวนี้ทันที คิดไปคิดมาวนเข้าไปวัดอีกแระ555 วัดเป็นที่อยู่ของใครคะลืมคำสอนแล้ว ก็ฟังคำสอนเข้าใจที่บ้านแล้วจะไปนอนวัดทำไม ไม่ได้เป็นเพศบรรพชิตพระพุทธเจ้าอนุญาตแต่บรรพชิตจำวัด ภิกษุณีไม่มีแล้วแสดงว่าผู้ชายผู้หญิงทุกคนไม่เกี่ยวข้องกับสถานที่คือวัดคือกลับบ้านสิคะ ศีลเจตสิกดับพร้อมจิตทีละ1ขณะถ้าระลึกตามคำสอนไม่ตรง1ในวิสยรูปใน6ทางแปลว่าไม่รู้เป็นอกุศลศีลไง จิต1ขณะเวลาอกุศลเกิดคือขาดสติเพราะลืมระลึกตามคำสอนแล้วเป็นปกติมีอกุศลศีลไม่ใช่ศีลนับข้อนะคะ จิต+ศีลเจตสิกสมาธิเจตสิกอหิริกะเจตสิกอโนตัปปะเจตสิกสัญญาเจตสิกโมหะเจตสิกโลภะเจตสิกสุขใจ+รูป |
เจ้าของ: | เช่นนั้น [ 02 ส.ค. 2018, 16:47 ] |
หัวข้อกระทู้: | Re: บ้านธัมมะว่าบุญไม่ใช่ความสุขใจ สบายใจ |
หมาวัด ยังนอนค้างในวัดได้ ทำไม คนจะไปรักษาศีล ด้วยการนอนค้างที่วัดไม่ได้ V แม่ขาว พ่อขาว ไปถือศีลกัน การถือศีลอุโบสถ ในวันพระ เป็นกาลปริยันตศีล และพักแรม ในวัด ภาษาชาวบ้านคือนอนวัด แต่ เขตที่นอนนั้น คือ ธรณีสงฆ์ เป็นเขตที่แบ่งไว้สำหรับสาธารณะชนจะทำประโยชน์ตามสมควร เขาไม่ได้นอนที่กุฏิสงฆ์ หรือสังฆาวาสเฉพาะ แม้ พวกแม่ชี ที่อยู่วัด ก็อยู่ในเขตธรณีสงฆ์ บ้านธัมมะ เค้าสอนกันแบบนี้กระมังพุทธศาสนาจะพากันบรรลัยวอด |
เจ้าของ: | เช่นนั้น [ 02 ส.ค. 2018, 17:01 ] |
หัวข้อกระทู้: | Re: บ้านธัมมะว่าบุญไม่ใช่ความสุขใจ สบายใจ |
ศาสนิกชน ทำบุญ ทำทาน สร้างกุศล เพื่อหวังสุคติภพ เป็นเบื้องหน้า เพราะเชื่อในกรรมและผลของกรรม ความเห็นนี้ ก็เป็นสัมมาทิฏฐิ V ก่อนทำบุญ ทำทาน ขณะทำบุญ ทำทาน หลังจากทำบุญ ทำทาน จิตนั้นอิ่มเอิบ ด้วยความปิติยินดี มีโสมนัส มีความสุข จากการทำบุญทำทานนั้น ย่อมชื่อว่า ได้บุญ มีสุขคติเป็นเบื้องหน้า กุศลย่อมสำเร็จ ครบทั้งสามกาล มีอานิสงส์มากมีผลมาก V มีแต่ บ้านธรรมะ ที่เข้าใจเอาเองว่า บุญคือสภาพที่ไร้อกุศล(กิเลส) ในความเป็นจริง บุญอย่างหนึ่ง กุศลอย่างหนึ่ง กุศลที่ไร้กิเลสอย่างหนึ่ง ล้วนเป็นกุศลทั้งสิ้น เป็นความหยาบความประณีตของกุศล บุญเป็นฐานไปสู่กุศลที่ประณีตขึ้นครับ บุญเป็นกุศลด้วย เป็นเหตุให้กุศลเจริญ |
เจ้าของ: | Rosarin [ 02 ส.ค. 2018, 20:46 ] |
หัวข้อกระทู้: | Re: บ้านธัมมะว่าบุญไม่ใช่ความสุขใจ สบายใจ |
เช่นนั้น เขียน: หมาวัด ยังนอนค้างในวัดได้ ทำไม คนจะไปรักษาศีล ด้วยการนอนค้างที่วัดไม่ได้ V แม่ขาว พ่อขาว ไปถือศีลกัน การถือศีลอุโบสถ ในวันพระ เป็นกาลปริยันตศีล และพักแรม ในวัด ภาษาชาวบ้านคือนอนวัด แต่ เขตที่นอนนั้น คือ ธรณีสงฆ์ เป็นเขตที่แบ่งไว้สำหรับสาธารณะชนจะทำประโยชน์ตามสมควร เขาไม่ได้นอนที่กุฏิสงฆ์ หรือสังฆาวาสเฉพาะ แม้ พวกแม่ชี ที่อยู่วัด ก็อยู่ในเขตธรณีสงฆ์ บ้านธัมมะ เค้าสอนกันแบบนี้กระมังพุทธศาสนาจะพากันบรรลัยวอด จะอยู่ เพศไหนไม่ต้องเลือก ก็มีแค่บรรพชาจำวัด ไม่ได้บรรพชาก็นอนบ้าน ตรงตามคำสอนไหมล่ะคะ ไม่ได้บรรพชาก็ต้องรู้ตัวสิคะ ใครอนุญาตให้ฆราวาสนอนวัดคะ เลือกเพศตัวเองให้ถูกสิคะดูตัวอย่าง ประเทศอินเดียไหมคะนักบวชมีทั่วโลก แต่ภิกษุในธรรมวินัยนี้ต่างจากนักบวชอื่นๆ โดยสิ้นเชิงและวัดเป็นเขตสงฆ์คือหมู่คณะภิกษุ แล้วฆราวาสไม่เข้าใจคำสอนน่ะสิถึงไปรบกวนบรรพชิต |
เจ้าของ: | Rosarin [ 02 ส.ค. 2018, 20:57 ] |
หัวข้อกระทู้: | Re: บ้านธัมมะว่าบุญไม่ใช่ความสุขใจ สบายใจ |
เช่นนั้น เขียน: ศาสนิกชน ทำบุญ ทำทาน สร้างกุศล เพื่อหวังสุคติภพ เป็นเบื้องหน้า เพราะเชื่อในกรรมและผลของกรรม ความเห็นนี้ ก็เป็นสัมมาทิฏฐิ V ก่อนทำบุญ ทำทาน ขณะทำบุญ ทำทาน หลังจากทำบุญ ทำทาน จิตนั้นอิ่มเอิบ ด้วยความปิติยินดี มีโสมนัส มีความสุข จากการทำบุญทำทานนั้น ย่อมชื่อว่า ได้บุญ มีสุขคติเป็นเบื้องหน้า กุศลย่อมสำเร็จ ครบทั้งสามกาล มีอานิสงส์มากมีผลมาก V มีแต่ บ้านธรรมะ ที่เข้าใจเอาเองว่า บุญคือสภาพที่ไร้อกุศล(กิเลส) ในความเป็นจริง บุญอย่างหนึ่ง กุศลอย่างหนึ่ง กุศลที่ไร้กิเลสอย่างหนึ่ง ล้วนเป็นกุศลทั้งสิ้น เป็นความหยาบความประณีตของกุศล บุญเป็นฐานไปสู่กุศลที่ประณีตขึ้นครับ บุญเป็นกุศลด้วย เป็นเหตุให้กุศลเจริญ โจรก็ทำบุญกะญาติพี่น้องเขา บรรพชาแล้วไม่มีภาระเลี้ยงใคร บิณฑบาตด้วยปลีแข้งแค่เต็มปากบาตร เทแล้วรับเทแล้วรับแปลว่าโลภผิดไหมคะ จะเผื่อใครในเมื่อบรรพชาเพือมักน้อยสันโดษ สงบได้หรือทำวัดเป็นบ้านมีชาวบ้านแห่มานอนวัด ชีพราหมณ์ไม่มีในคำสอนของพระพุทธเจ้าทำตามๆกัน ไม่มีกาลามสูตร10จะให้ว่าอย่างไรศึกษาคำสอนตรงไหม เพื่อขนคนมานอนวัดให้คนซื้อของมาตุนเต็มวัดกิเลสไหมคะ |
เจ้าของ: | เช่นนั้น [ 02 ส.ค. 2018, 21:10 ] |
หัวข้อกระทู้: | Re: บ้านธัมมะว่าบุญไม่ใช่ความสุขใจ สบายใจ |
Rosarin เขียน: เช่นนั้น เขียน: หมาวัด ยังนอนค้างในวัดได้ ทำไม คนจะไปรักษาศีล ด้วยการนอนค้างที่วัดไม่ได้ V แม่ขาว พ่อขาว ไปถือศีลกัน การถือศีลอุโบสถ ในวันพระ เป็นกาลปริยันตศีล และพักแรม ในวัด ภาษาชาวบ้านคือนอนวัด แต่ เขตที่นอนนั้น คือ ธรณีสงฆ์ เป็นเขตที่แบ่งไว้สำหรับสาธารณะชนจะทำประโยชน์ตามสมควร เขาไม่ได้นอนที่กุฏิสงฆ์ หรือสังฆาวาสเฉพาะ แม้ พวกแม่ชี ที่อยู่วัด ก็อยู่ในเขตธรณีสงฆ์ บ้านธัมมะ เค้าสอนกันแบบนี้กระมังพุทธศาสนาจะพากันบรรลัยวอด จะอยู่ เพศไหนไม่ต้องเลือก ก็มีแค่บรรพชาจำวัด ไม่ได้บรรพชาก็นอนบ้าน ตรงตามคำสอนไหมล่ะคะ ไม่ได้บรรพชาก็ต้องรู้ตัวสิคะ ใครอนุญาตให้ฆราวาสนอนวัดคะ เลือกเพศตัวเองให้ถูกสิคะดูตัวอย่าง ประเทศอินเดียไหมคะนักบวชมีทั่วโลก แต่ภิกษุในธรรมวินัยนี้ต่างจากนักบวชอื่นๆ โดยสิ้นเชิงและวัดเป็นเขตสงฆ์คือหมู่คณะภิกษุ แล้วฆราวาสไม่เข้าใจคำสอนน่ะสิถึงไปรบกวนบรรพชิต เก็บกดมาจากไหน เคยไปนอนวัดแล้วโดนพระทุศีลปล้ำมาหรือครับ V พระจำวัด คือนอนในกุฏิครับ ไม่ใช่นอนกับสีกาหรือให้สีกามานอนในกุฏิ ในเขตธรณีสงฆ์ที่อนุญาตให้ญาตโยมทำประโยชน์ตามสมควร เจ้าอาวาสอนุญาตให้ แม่ขาวพ่อขาว มาค้างแรมถืออุโบสถศีลได้รู้ไว้ด้วยครับ เจ้าอาวาสไม่อนุญาตให้นอนกับพระที่กุฏินะครับ ทำความเข้าใจใหม่ด้วยครับ แล้วก็นำไป บอกบ้านธัมมะด้วยนะครับ พระดีๆ มีถมไปไม่เที่ยวไปไล่ปล้ำสีกาที่มาค้างแรมทำอุโบสถครับ |
เจ้าของ: | เช่นนั้น [ 02 ส.ค. 2018, 21:12 ] |
หัวข้อกระทู้: | Re: บ้านธัมมะว่าบุญไม่ใช่ความสุขใจ สบายใจ |
Rosarin เขียน: เช่นนั้น เขียน: ศาสนิกชน ทำบุญ ทำทาน สร้างกุศล เพื่อหวังสุคติภพ เป็นเบื้องหน้า เพราะเชื่อในกรรมและผลของกรรม ความเห็นนี้ ก็เป็นสัมมาทิฏฐิ V ก่อนทำบุญ ทำทาน ขณะทำบุญ ทำทาน หลังจากทำบุญ ทำทาน จิตนั้นอิ่มเอิบ ด้วยความปิติยินดี มีโสมนัส มีความสุข จากการทำบุญทำทานนั้น ย่อมชื่อว่า ได้บุญ มีสุขคติเป็นเบื้องหน้า กุศลย่อมสำเร็จ ครบทั้งสามกาล มีอานิสงส์มากมีผลมาก V มีแต่ บ้านธรรมะ ที่เข้าใจเอาเองว่า บุญคือสภาพที่ไร้อกุศล(กิเลส) ในความเป็นจริง บุญอย่างหนึ่ง กุศลอย่างหนึ่ง กุศลที่ไร้กิเลสอย่างหนึ่ง ล้วนเป็นกุศลทั้งสิ้น เป็นความหยาบความประณีตของกุศล บุญเป็นฐานไปสู่กุศลที่ประณีตขึ้นครับ บุญเป็นกุศลด้วย เป็นเหตุให้กุศลเจริญ โจรก็ทำบุญกะญาติพี่น้องเขา บรรพชาแล้วไม่มีภาระเลี้ยงใคร บิณฑบาตด้วยปลีแข้งแค่เต็มปากบาตร เทแล้วรับเทแล้วรับแปลว่าโลภผิดไหมคะ จะเผื่อใครในเมื่อบรรพชาเพือมักน้อยสันโดษ สงบได้หรือทำวัดเป็นบ้านมีชาวบ้านแห่มานอนวัด ชีพราหมณ์ไม่มีในคำสอนของพระพุทธเจ้าทำตามๆกัน ไม่มีกาลามสูตร10จะให้ว่าอย่างไรศึกษาคำสอนตรงไหม เพื่อขนคนมานอนวัดให้คนซื้อของมาตุนเต็มวัดกิเลสไหมคะ นี่ก็เก็บกดมาหลายดอกสิท่า บอกว่า บุญน่ะมี ทำด้วยจิตเป็นกุศล มาแถไปนู่น เรื่องภิกษุทุศีล เรื่องโจร จิตมีปัญหาไรมาครับ |
เจ้าของ: | eragon_joe [ 02 ส.ค. 2018, 23:03 ] |
หัวข้อกระทู้: | Re: บ้านธัมมะว่าบุญไม่ใช่ความสุขใจ สบายใจ |
ที่แน่ๆ ท่านย้อมผมดำแน่ ๆ เลย อายุมาก ท่านก็ยังดูสวย ดูดีเมื่อเข้ากล้อง สายตาท่านยังอร่อยกับการกัดกินธรรมในเรื่องเกี่ยวกับปัญญา สุขและเบิกบาน เพลินในรสอร่อย ... |
เจ้าของ: | Rosarin [ 03 ส.ค. 2018, 03:42 ] |
หัวข้อกระทู้: | Re: บ้านธัมมะว่าบุญไม่ใช่ความสุขใจ สบายใจ |
เช่นนั้น เขียน: Rosarin เขียน: เช่นนั้น เขียน: ศาสนิกชน ทำบุญ ทำทาน สร้างกุศล เพื่อหวังสุคติภพ เป็นเบื้องหน้า เพราะเชื่อในกรรมและผลของกรรม ความเห็นนี้ ก็เป็นสัมมาทิฏฐิ V ก่อนทำบุญ ทำทาน ขณะทำบุญ ทำทาน หลังจากทำบุญ ทำทาน จิตนั้นอิ่มเอิบ ด้วยความปิติยินดี มีโสมนัส มีความสุข จากการทำบุญทำทานนั้น ย่อมชื่อว่า ได้บุญ มีสุขคติเป็นเบื้องหน้า กุศลย่อมสำเร็จ ครบทั้งสามกาล มีอานิสงส์มากมีผลมาก V มีแต่ บ้านธรรมะ ที่เข้าใจเอาเองว่า บุญคือสภาพที่ไร้อกุศล(กิเลส) ในความเป็นจริง บุญอย่างหนึ่ง กุศลอย่างหนึ่ง กุศลที่ไร้กิเลสอย่างหนึ่ง ล้วนเป็นกุศลทั้งสิ้น เป็นความหยาบความประณีตของกุศล บุญเป็นฐานไปสู่กุศลที่ประณีตขึ้นครับ บุญเป็นกุศลด้วย เป็นเหตุให้กุศลเจริญ โจรก็ทำบุญกะญาติพี่น้องเขา บรรพชาแล้วไม่มีภาระเลี้ยงใคร บิณฑบาตด้วยปลีแข้งแค่เต็มปากบาตร เทแล้วรับเทแล้วรับแปลว่าโลภผิดไหมคะ จะเผื่อใครในเมื่อบรรพชาเพือมักน้อยสันโดษ สงบได้หรือทำวัดเป็นบ้านมีชาวบ้านแห่มานอนวัด ชีพราหมณ์ไม่มีในคำสอนของพระพุทธเจ้าทำตามๆกัน ไม่มีกาลามสูตร10จะให้ว่าอย่างไรศึกษาคำสอนตรงไหม เพื่อขนคนมานอนวัดให้คนซื้อของมาตุนเต็มวัดกิเลสไหมคะ นี่ก็เก็บกดมาหลายดอกสิท่า บอกว่า บุญน่ะมี ทำด้วยจิตเป็นกุศล มาแถไปนู่น เรื่องภิกษุทุศีล เรื่องโจร จิตมีปัญหาไรมาครับ พระพุทธเจ้าสอนให้ฉลาดในทางที่ถูก ใครเป็นเจ้าของวัดคะศาสดาน๊าคิดให้ตรง เขาศัรทธาสร้างถวายบูชาคุณพระรัตนตรัย พระรัตนตรัยสูงสุดมีหนึ่งเดียวคือพระพุทธเจ้า ถือดีอย่างไรชวนคนเข้าไปนอนวัดมากๆเพื่อตุนวัตถุ แค่ข้ออ้างเพราะอยากตุนของไงโลภมากทำเพื่อลาภสักการะ ทำให้คนเห็นจะได้เข้าใจว่าวัดทำสังคมสงเคราะ์นี่แหละกิเลสโลภะ ในเมื่อพระพุทธเจ้าไม่ให้ภิกษุเก็บสะสมอะไรเกินเที่ยงเลยทำตัวเป็นอลัชชี ไม่มีหิริโอตัปปะบวชเพื่อสละหมดไม่มีกิจสังคมสงเคราห์(สังคมคือมากกว่า1คน) ฟังคำสอนเกิดปัญญาเข้าใจกิเลสแล้วเนี่ยยิ่งแสดงกิเลสบรรพชิตได้ชัดเจนจริงจริ๊ง คำตถาคคงี้ไหลออกมาเทน้ำเทท่าเลยทำตัวเป็นโจรอะไรที่พระพุทธเจ้าห้ามทำหมด มิจฉาชีพในคราบผ้าเหลืองตาไม่บอดหูไม่หนวกใจก็มีชาวบ้านเขาไม่รู้แต่มหาโจรปล้น ศาสนา(ศาสนาแปลว่าคำสอน)เศรษฐีหัวโล้นปล้นคำสอนทำเพื่อเงินทองลาภยศวัตถุ555 ตายไปต้องตกนรกกันหมดผู้ชี้ให้เห็นโทษคือผู้ชี้ขุมทรัพย์ไม่มีอะไรอยู่เหนือกรรมกำหนดได้ ทำลายคำสอนย่ำยีสิกขาบทน้อยใหญ่ไม่ใช่ภิกษุในธรรมวินัยนี้คฤหัสถ์ต้องเพ่งโทษติเตียนและ โพนทะนาเป็นการประกาศคำสอนให้รุ่งเรืองพุทธบริษัทที่ยังเขลาเบาปัญญาจะได้ตาสว่างไงค๊ะะะะ |
เจ้าของ: | กรัชกาย [ 03 ส.ค. 2018, 08:10 ] |
หัวข้อกระทู้: | Re: บ้านธัมมะว่าบุญไม่ใช่ความสุขใจ สบายใจ |
Rosarin เขียน: เช่นนั้น เขียน: Rosarin เขียน: เช่นนั้น เขียน: ศาสนิกชน ทำบุญ ทำทาน สร้างกุศล เพื่อหวังสุคติภพ เป็นเบื้องหน้า เพราะเชื่อในกรรมและผลของกรรม ความเห็นนี้ ก็เป็นสัมมาทิฏฐิ V ก่อนทำบุญ ทำทาน ขณะทำบุญ ทำทาน หลังจากทำบุญ ทำทาน จิตนั้นอิ่มเอิบ ด้วยความปิติยินดี มีโสมนัส มีความสุข จากการทำบุญทำทานนั้น ย่อมชื่อว่า ได้บุญ มีสุขคติเป็นเบื้องหน้า กุศลย่อมสำเร็จ ครบทั้งสามกาล มีอานิสงส์มากมีผลมาก V มีแต่ บ้านธรรมะ ที่เข้าใจเอาเองว่า บุญคือสภาพที่ไร้อกุศล(กิเลส) ในความเป็นจริง บุญอย่างหนึ่ง กุศลอย่างหนึ่ง กุศลที่ไร้กิเลสอย่างหนึ่ง ล้วนเป็นกุศลทั้งสิ้น เป็นความหยาบความประณีตของกุศล บุญเป็นฐานไปสู่กุศลที่ประณีตขึ้นครับ บุญเป็นกุศลด้วย เป็นเหตุให้กุศลเจริญ โจรก็ทำบุญกะญาติพี่น้องเขา บรรพชาแล้วไม่มีภาระเลี้ยงใคร บิณฑบาตด้วยปลีแข้งแค่เต็มปากบาตร เทแล้วรับเทแล้วรับแปลว่าโลภผิดไหมคะ จะเผื่อใครในเมื่อบรรพชาเพือมักน้อยสันโดษ สงบได้หรือทำวัดเป็นบ้านมีชาวบ้านแห่มานอนวัด ชีพราหมณ์ไม่มีในคำสอนของพระพุทธเจ้าทำตามๆกัน ไม่มีกาลามสูตร10จะให้ว่าอย่างไรศึกษาคำสอนตรงไหม เพื่อขนคนมานอนวัดให้คนซื้อของมาตุนเต็มวัดกิเลสไหมคะ นี่ก็เก็บกดมาหลายดอกสิท่า บอกว่า บุญน่ะมี ทำด้วยจิตเป็นกุศล มาแถไปนู่น เรื่องภิกษุทุศีล เรื่องโจร จิตมีปัญหาไรมาครับ พระพุทธเจ้าสอนให้ฉลาดในทางที่ถูก ใครเป็นเจ้าของวัดคะศาสดาน๊าคิดให้ตรง เขาศัรทธาสร้างถวายบูชาคุณพระรัตนตรัย พระรัตนตรัยสูงสุดมีหนึ่งเดียวคือพระพุทธเจ้า ถือดีอย่างไรชวนคนเข้าไปนอนวัดมากๆเพื่อตุนวัตถุ แค่ข้ออ้างเพราะอยากตุนของไงโลภมากทำเพื่อลาภสักการะ ทำให้คนเห็นจะได้เข้าใจว่าวัดทำสังคมสงเคราะ์นี่แหละกิเลสโลภะ ในเมื่อพระพุทธเจ้าไม่ให้ภิกษุเก็บสะสมอะไรเกินเที่ยงเลยทำตัวเป็นอลัชชี ไม่มีหิริโอตัปปะบวชเพื่อสละหมดไม่มีกิจสังคมสงเคราห์(สังคมคือมากกว่า1คน) ฟังคำสอนเกิดปัญญาเข้าใจกิเลสแล้วเนี่ยยิ่งแสดงกิเลสบรรพชิตได้ชัดเจนจริงจริ๊ง คำตถาคคงี้ไหลออกมาเทน้ำเทท่าเลยทำตัวเป็นโจรอะไรที่พระพุทธเจ้าห้ามทำหมด มิจฉาชีพในคราบผ้าเหลืองตาไม่บอดหูไม่หนวกใจก็มีชาวบ้านเขาไม่รู้แต่มหาโจรปล้น ศาสนา(ศาสนาแปลว่าคำสอน)เศรษฐีหัวโล้นปล้นคำสอนทำเพื่อเงินทองลาภยศวัตถุ555 ตายไปต้องตกนรกกันหมดผู้ชี้ให้เห็นโทษคือผู้ชี้ขุมทรัพย์ไม่มีอะไรอยู่เหนือกรรมกำหนดได้ ทำลายคำสอนย่ำยีสิกขาบทน้อยใหญ่ไม่ใช่ภิกษุในธรรมวินัยนี้คฤหัสถ์ต้องเพ่งโทษติเตียนและ โพนทะนาเป็นการประกาศคำสอนให้รุ่งเรืองพุทธบริษัทที่ยังเขลาเบาปัญญาจะได้ตาสว่างไงค๊ะะะะ คุณโรสศิษย์บ้านธัมมะนี่การเรียนรู้ชุมชน ชุมชนมีก่อนวัด วัดยังไม่มี แต่ชาวบ้านในชุมชนนั้นๆ เขาต้องการที่พึ่งที่ทำบุญสำหรับพวกเขา พวกเขาจึงบริจาคที่ดินบ้าง ซื้อที่ดินสร้างวัดกันบ้างขึ้น นี่กำเนิดวัดตามชุมชน เมื่อมีวัดแล้วก็ช่วยกันสร้างโรงเรียนสำหรับลูกหลานในชุมชนนั้น โรงเรียนจึงมีวัดนำหน้าโรงเรียน เช่นโรงเรียนวัดนั้นวัดนี้ แต่ปัจจุบันมีใครบางคนหลายๆคน เอาชื่อวัดออกจากโรงเรียน ใครน้า ดังนั้น วัดจึงเป็นวัดที่ชุมชนเป็นเจ้าของร่วมกัน มองให้กว้างออกไปอีก ชาวพุทธเป็นเจ้าของวัดร่วมกัน เจ้าอาวาสเป็นผู้ดูแลรักษาวัดสร้างเพิ่มเติมถ้าสามารถ |
เจ้าของ: | Rosarin [ 03 ส.ค. 2018, 08:24 ] |
หัวข้อกระทู้: | Re: บ้านธัมมะว่าบุญไม่ใช่ความสุขใจ สบายใจ |
กรัชกาย เขียน: Rosarin เขียน: เช่นนั้น เขียน: Rosarin เขียน: เช่นนั้น เขียน: ศาสนิกชน ทำบุญ ทำทาน สร้างกุศล เพื่อหวังสุคติภพ เป็นเบื้องหน้า เพราะเชื่อในกรรมและผลของกรรม ความเห็นนี้ ก็เป็นสัมมาทิฏฐิ V ก่อนทำบุญ ทำทาน ขณะทำบุญ ทำทาน หลังจากทำบุญ ทำทาน จิตนั้นอิ่มเอิบ ด้วยความปิติยินดี มีโสมนัส มีความสุข จากการทำบุญทำทานนั้น ย่อมชื่อว่า ได้บุญ มีสุขคติเป็นเบื้องหน้า กุศลย่อมสำเร็จ ครบทั้งสามกาล มีอานิสงส์มากมีผลมาก V มีแต่ บ้านธรรมะ ที่เข้าใจเอาเองว่า บุญคือสภาพที่ไร้อกุศล(กิเลส) ในความเป็นจริง บุญอย่างหนึ่ง กุศลอย่างหนึ่ง กุศลที่ไร้กิเลสอย่างหนึ่ง ล้วนเป็นกุศลทั้งสิ้น เป็นความหยาบความประณีตของกุศล บุญเป็นฐานไปสู่กุศลที่ประณีตขึ้นครับ บุญเป็นกุศลด้วย เป็นเหตุให้กุศลเจริญ โจรก็ทำบุญกะญาติพี่น้องเขา บรรพชาแล้วไม่มีภาระเลี้ยงใคร บิณฑบาตด้วยปลีแข้งแค่เต็มปากบาตร เทแล้วรับเทแล้วรับแปลว่าโลภผิดไหมคะ จะเผื่อใครในเมื่อบรรพชาเพือมักน้อยสันโดษ สงบได้หรือทำวัดเป็นบ้านมีชาวบ้านแห่มานอนวัด ชีพราหมณ์ไม่มีในคำสอนของพระพุทธเจ้าทำตามๆกัน ไม่มีกาลามสูตร10จะให้ว่าอย่างไรศึกษาคำสอนตรงไหม เพื่อขนคนมานอนวัดให้คนซื้อของมาตุนเต็มวัดกิเลสไหมคะ นี่ก็เก็บกดมาหลายดอกสิท่า บอกว่า บุญน่ะมี ทำด้วยจิตเป็นกุศล มาแถไปนู่น เรื่องภิกษุทุศีล เรื่องโจร จิตมีปัญหาไรมาครับ พระพุทธเจ้าสอนให้ฉลาดในทางที่ถูก ใครเป็นเจ้าของวัดคะศาสดาน๊าคิดให้ตรง เขาศัรทธาสร้างถวายบูชาคุณพระรัตนตรัย พระรัตนตรัยสูงสุดมีหนึ่งเดียวคือพระพุทธเจ้า ถือดีอย่างไรชวนคนเข้าไปนอนวัดมากๆเพื่อตุนวัตถุ แค่ข้ออ้างเพราะอยากตุนของไงโลภมากทำเพื่อลาภสักการะ ทำให้คนเห็นจะได้เข้าใจว่าวัดทำสังคมสงเคราะ์นี่แหละกิเลสโลภะ ในเมื่อพระพุทธเจ้าไม่ให้ภิกษุเก็บสะสมอะไรเกินเที่ยงเลยทำตัวเป็นอลัชชี ไม่มีหิริโอตัปปะบวชเพื่อสละหมดไม่มีกิจสังคมสงเคราห์(สังคมคือมากกว่า1คน) ฟังคำสอนเกิดปัญญาเข้าใจกิเลสแล้วเนี่ยยิ่งแสดงกิเลสบรรพชิตได้ชัดเจนจริงจริ๊ง คำตถาคคงี้ไหลออกมาเทน้ำเทท่าเลยทำตัวเป็นโจรอะไรที่พระพุทธเจ้าห้ามทำหมด มิจฉาชีพในคราบผ้าเหลืองตาไม่บอดหูไม่หนวกใจก็มีชาวบ้านเขาไม่รู้แต่มหาโจรปล้น ศาสนา(ศาสนาแปลว่าคำสอน)เศรษฐีหัวโล้นปล้นคำสอนทำเพื่อเงินทองลาภยศวัตถุ555 ตายไปต้องตกนรกกันหมดผู้ชี้ให้เห็นโทษคือผู้ชี้ขุมทรัพย์ไม่มีอะไรอยู่เหนือกรรมกำหนดได้ ทำลายคำสอนย่ำยีสิกขาบทน้อยใหญ่ไม่ใช่ภิกษุในธรรมวินัยนี้คฤหัสถ์ต้องเพ่งโทษติเตียนและ โพนทะนาเป็นการประกาศคำสอนให้รุ่งเรืองพุทธบริษัทที่ยังเขลาเบาปัญญาจะได้ตาสว่างไงค๊ะะะะ คุณโรสศิษย์บ้านธัมมะนี่การเรียนรู้ชุมชน ชุมชนมีก่อนวัด วัดยังไม่มี แต่ชาวบ้านในชุมชนนั้นๆ เขาต้องการที่พึ่งที่ทำบุญสำหรับพวกเขา พวกเขาจึงบริจาคที่ดินบ้าง ซื้อที่ดินสร้างวัดกันบ้างขึ้น นี่กำเนิดวัดตามชุมชน เมื่อมีวัดแล้วก็ช่วยกันสร้างโรงเรียนสำหรับลูกหลานในชุมชนนั้น โรงเรียนจึงมีวัดนำหน้าโรงเรียน เช่นโรงเรียนวัดนั้นวัดนี้ แต่ปัจจุบันมีใครบางคนหลายๆคน เอาชื่อวัดออกจากโรงเรียน ใครน้า ดังนั้น วัดจึงเป็นวัดที่ชุมชนเป็นเจ้าของร่วมกัน มองให้กว้างออกไปอีก ชาวพุทธเป็นเจ้าของวัดร่วมกัน เจ้าอาวาสเป็นผู้ดูแลรักษาวัดสร้างเพิ่มเติมถ้าสามารถ มีพระรัตนตรัยเป็นที่พึ่งตอนกำลังฟังเพราะกำลังพึ่งคิดตามอยู่ไงคะ เข้าใจไหมคะฟังคำสอนเข้าใจในชาติภาษาที่ตนเข้าใจตรงปรมัตถ์ ไม่ใช่การอ่านบัญญัติคำหลังเห็นดับนั่นมันไม่ใช่ปัญญาของตนเอง ปัญญาแรกตามคำสอนเกิดจากเริ่มฟังแล้วไตร่ตรองตามเสียงจริงๆ มีจิตได้ยินนำทางรับรู้เสียงคำที่มากระทบหูจำเสียงคิดตามเสียงและ เข้าใจความหมายเพื่อตามรู้ความจริงตรงความหมายเสียงสลับกับจิต อื่นๆอีก5ทางรวมครบ6ทางคือเดี๋ยวนี้มีแล้วไม่ต้องทำไม่ต้องใช้แต่ไม่รู้ ว่ามีแล้วเพราะไม่เข้าใจคำสอนจึงคิดเอาเองว่าจะต้องใช้จิตไปทำไงค๊า |
เจ้าของ: | กรัชกาย [ 03 ส.ค. 2018, 08:26 ] |
หัวข้อกระทู้: | Re: บ้านธัมมะว่าบุญไม่ใช่ความสุขใจ สบายใจ |
Rosarin เขียน: กรัชกาย เขียน: Rosarin เขียน: เช่นนั้น เขียน: Rosarin เขียน: เช่นนั้น เขียน: ศาสนิกชน ทำบุญ ทำทาน สร้างกุศล เพื่อหวังสุคติภพ เป็นเบื้องหน้า เพราะเชื่อในกรรมและผลของกรรม ความเห็นนี้ ก็เป็นสัมมาทิฏฐิ V ก่อนทำบุญ ทำทาน ขณะทำบุญ ทำทาน หลังจากทำบุญ ทำทาน จิตนั้นอิ่มเอิบ ด้วยความปิติยินดี มีโสมนัส มีความสุข จากการทำบุญทำทานนั้น ย่อมชื่อว่า ได้บุญ มีสุขคติเป็นเบื้องหน้า กุศลย่อมสำเร็จ ครบทั้งสามกาล มีอานิสงส์มากมีผลมาก V มีแต่ บ้านธรรมะ ที่เข้าใจเอาเองว่า บุญคือสภาพที่ไร้อกุศล(กิเลส) ในความเป็นจริง บุญอย่างหนึ่ง กุศลอย่างหนึ่ง กุศลที่ไร้กิเลสอย่างหนึ่ง ล้วนเป็นกุศลทั้งสิ้น เป็นความหยาบความประณีตของกุศล บุญเป็นฐานไปสู่กุศลที่ประณีตขึ้นครับ บุญเป็นกุศลด้วย เป็นเหตุให้กุศลเจริญ โจรก็ทำบุญกะญาติพี่น้องเขา บรรพชาแล้วไม่มีภาระเลี้ยงใคร บิณฑบาตด้วยปลีแข้งแค่เต็มปากบาตร เทแล้วรับเทแล้วรับแปลว่าโลภผิดไหมคะ จะเผื่อใครในเมื่อบรรพชาเพือมักน้อยสันโดษ สงบได้หรือทำวัดเป็นบ้านมีชาวบ้านแห่มานอนวัด ชีพราหมณ์ไม่มีในคำสอนของพระพุทธเจ้าทำตามๆกัน ไม่มีกาลามสูตร10จะให้ว่าอย่างไรศึกษาคำสอนตรงไหม เพื่อขนคนมานอนวัดให้คนซื้อของมาตุนเต็มวัดกิเลสไหมคะ นี่ก็เก็บกดมาหลายดอกสิท่า บอกว่า บุญน่ะมี ทำด้วยจิตเป็นกุศล มาแถไปนู่น เรื่องภิกษุทุศีล เรื่องโจร จิตมีปัญหาไรมาครับ พระพุทธเจ้าสอนให้ฉลาดในทางที่ถูก ใครเป็นเจ้าของวัดคะศาสดาน๊าคิดให้ตรง เขาศัรทธาสร้างถวายบูชาคุณพระรัตนตรัย พระรัตนตรัยสูงสุดมีหนึ่งเดียวคือพระพุทธเจ้า ถือดีอย่างไรชวนคนเข้าไปนอนวัดมากๆเพื่อตุนวัตถุ แค่ข้ออ้างเพราะอยากตุนของไงโลภมากทำเพื่อลาภสักการะ ทำให้คนเห็นจะได้เข้าใจว่าวัดทำสังคมสงเคราะ์นี่แหละกิเลสโลภะ ในเมื่อพระพุทธเจ้าไม่ให้ภิกษุเก็บสะสมอะไรเกินเที่ยงเลยทำตัวเป็นอลัชชี ไม่มีหิริโอตัปปะบวชเพื่อสละหมดไม่มีกิจสังคมสงเคราห์(สังคมคือมากกว่า1คน) ฟังคำสอนเกิดปัญญาเข้าใจกิเลสแล้วเนี่ยยิ่งแสดงกิเลสบรรพชิตได้ชัดเจนจริงจริ๊ง คำตถาคคงี้ไหลออกมาเทน้ำเทท่าเลยทำตัวเป็นโจรอะไรที่พระพุทธเจ้าห้ามทำหมด มิจฉาชีพในคราบผ้าเหลืองตาไม่บอดหูไม่หนวกใจก็มีชาวบ้านเขาไม่รู้แต่มหาโจรปล้น ศาสนา(ศาสนาแปลว่าคำสอน)เศรษฐีหัวโล้นปล้นคำสอนทำเพื่อเงินทองลาภยศวัตถุ555 ตายไปต้องตกนรกกันหมดผู้ชี้ให้เห็นโทษคือผู้ชี้ขุมทรัพย์ไม่มีอะไรอยู่เหนือกรรมกำหนดได้ ทำลายคำสอนย่ำยีสิกขาบทน้อยใหญ่ไม่ใช่ภิกษุในธรรมวินัยนี้คฤหัสถ์ต้องเพ่งโทษติเตียนและ โพนทะนาเป็นการประกาศคำสอนให้รุ่งเรืองพุทธบริษัทที่ยังเขลาเบาปัญญาจะได้ตาสว่างไงค๊ะะะะ คุณโรสศิษย์บ้านธัมมะนี่การเรียนรู้ชุมชน ชุมชนมีก่อนวัด วัดยังไม่มี แต่ชาวบ้านในชุมชนนั้นๆ เขาต้องการที่พึ่งที่ทำบุญสำหรับพวกเขา พวกเขาจึงบริจาคที่ดินบ้าง ซื้อที่ดินสร้างวัดกันบ้างขึ้น นี่กำเนิดวัดตามชุมชน เมื่อมีวัดแล้วก็ช่วยกันสร้างโรงเรียนสำหรับลูกหลานในชุมชนนั้น โรงเรียนจึงมีวัดนำหน้าโรงเรียน เช่นโรงเรียนวัดนั้นวัดนี้ แต่ปัจจุบันมีใครบางคนหลายๆคน เอาชื่อวัดออกจากโรงเรียน ใครน้า ดังนั้น วัดจึงเป็นวัดที่ชุมชนเป็นเจ้าของร่วมกัน มองให้กว้างออกไปอีก ชาวพุทธเป็นเจ้าของวัดร่วมกัน เจ้าอาวาสเป็นผู้ดูแลรักษาวัดสร้างเพิ่มเติมถ้าสามารถ เข้าใจไหมคะฟังคำสอนเข้าใจในชาติภาษาที่ตนเข้าใจตรงปรมัตถ์ ไม่ใช่การอ่านบัญญัติคำหลังเห็นดับนั่นมันไม่ใช่ปัญญาของตนเอง ปัญญาแรกตามคำสอนเกิดจากเริ่มฟังแล้วไตร่ตรองตามเสียงจริงๆ มีจิตได้ยินนำทางรับรู้เสียงคำที่มากระทบหูจำเสียงคิดตามเสียงและ เข้าใจความหมายเพื่อตามรู้ความจริงตรงความหมายเสียงสลับกับจิต อื่นๆอีก5ทางรวมครบ6ทางคือเดี๋ยวนี้มีแล้วไม่ต้องทำไม่ต้องใช้แต่ไม่รู้ ว่ามีแล้วเพราะไม่เข้าใจคำสอนจึงคิดเอาเองว่าจะต้องใช้จิตไปทำไงค๊า ไปปะระมัด มัด มัด อีก |
หน้า 2 จากทั้งหมด 3 | เขตเวลา GMT + 7 ชั่วโมง |
Powered by phpBB © 2000, 2002, 2005, 2007 phpBB Group http://www.phpbb.com/ |