วันเวลาปัจจุบัน 26 เม.ย. 2024, 05:55  



เขตเวลา GMT + 7 ชั่วโมง




กลับไปยังกระทู้  [ 80 โพสต์ ]  ไปที่หน้า ย้อนกลับ  1, 2, 3, 4, 5, 6  ต่อไป  Bookmark and Share
เจ้าของ ข้อความ
โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 04 ส.ค. 2018, 08:11 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
สมาชิกระดับสูงสุด
สมาชิกระดับสูงสุด
ลงทะเบียนเมื่อ: 24 ต.ค. 2006, 12:36
โพสต์: 33766

อายุ: 0

 ข้อมูลส่วนตัว


จะเห็นวิธีคิดวิถีชีวิตของบุคคลชัดต่อเมื่อเทียบหลัก ดังนี้


ในพระไตรปิฎก แสดงหลักการสร้างเสริมสัมมาทิฏฐิไว้ ดังนี้

“ภิกษุทั้งหลาย ปัจจัยเพื่อความเกิดขึ้นแห่งสัมมาทิฏิฐิ มี ๒ ประการ ดังนี้ คือ ปรโตโฆสะ และโยนิโสมนสิการ” * (องฺ.ทุก. 20/371/110 ฯลฯ )

ปัจจัยแห่งสัมมาทิฏฐิ ๒ อย่าง ตามพุทธพจน์ที่ตรัสไว้นี้ คือ

๑. ปรโตโฆสะ = เสียงจากผู้อื่น การกระตุ้นหรือชักจูงจากภายนอก เช่น การสั่งสอน แนะนำ การถ่ายทอด การโฆษณา คำบอกเล่า ข่าวสาร ข้อเขียน คำชี้แจง อธิบาย การเรียนรู้จากผู้อื่น ในที่นี้ หมายเอาเฉพาะส่วนที่ดีงามถูกต้อง เฉพาะอย่างยิ่งการรับฟังธรรม ความรู้ หรือคำแนะนำจากบุคคลที่เป็นกัลยาณมิตร (hearing or learning from others; inducement by others)

ข้อแรกนี้ เป็นองค์ประกอบฝ่ายภายนอก ได้แก่ ปัจจัยทางสังคมอาจเรียกง่ายว่า วิธีการแห่งศรัทธา

๒. โยนิโสมนสิการ = การทำในใจโดยแยบคาย = การใช้ความคิดถูกวิธี ความรู้จักคิด คิดเป็น หรือคิดอย่างมีระเบียบ หมายถึง การรู้จักมอง รู้จักพิจารณาสิ่งทั้งหลาย โดยมองตรงตามที่สิ่งนั้นๆ มันเป็นของมัน และโดยวิธีคิดหาเหตุผล สืบค้นถึงต้นเค้า สืบสาวให้ตลอดสาย แยกแยะสิ่งนั้นๆ หรือปัญหานั้นๆออกให้เห็นตามสภาวะ และตามความสัมพันธ์สืบทอดแห่งเหตุปัจจัย โดยไม่เอาความรู้สึกด้วยตัณหาอุปาทานของตนเข้าจับ (analytical reflection; reasoned or systematic attention)

ข้อสองนี้ เป็นองค์ประกอบฝ่ายภายใน ได้แก่ ปัจจัยในตัวบุคคล อาจเรียกง่ายๆว่า วิธีการแห่งปัญญา

.......

ที่อ้างอิง *

* ส่วนปัจจัยให้เกิดมิจฉาทิฏฐิ ก็มี ๒ ตรงข้ามจากนี้ คือ ปรโตโฆสะ ที่ไม่ถูกต้อง และอโยนิโสมนสิการ (องฺ.ทสก. 24/93/201)


viewtopic.php?f=1&t=56220

.....................................................
https://dhammachati.blogspot.com/


โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 04 ส.ค. 2018, 08:20 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
สมาชิกระดับสูงสุด
สมาชิกระดับสูงสุด
ลงทะเบียนเมื่อ: 24 ต.ค. 2006, 12:36
โพสต์: 33766

อายุ: 0

 ข้อมูลส่วนตัว


คุณโรสต้องรีบออกจากบ้านธัมมะโดยเร็ว หยุดฟังคลิปแม่บริหารฯ โดยเด็ดขาด แล้วกลับไปเริ่มต้นเกี่ยวกับเรื่องศาสนาใหม่ เช่น ทำบุญตักบาตรพระเณรตอนเช้า

รูปภาพ

ถวายสังฆทาน มีโอกาสก็ไปบวชชีพราหมณ์ (เนกขัมมะ) บ้าง กวาดวิหารลานเจดีย์ ล้างห้องน้ำวัด ถวายจตุปัจจัย วัดใกล้บ้านมีงาน เช่น งานกฐิน ผ้าป่า ก็ไปช่วยขวนขวาย onion มีโอกาสอีกก็ให้อภัยทาน เช่น ปล่อยปลาลงแม่น้ำลำคลอง เอาแค่นี้ก่อนนะ :b32:

.....................................................
https://dhammachati.blogspot.com/


โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 04 ส.ค. 2018, 09:21 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
สมาชิกระดับ 19
สมาชิกระดับ 19
ลงทะเบียนเมื่อ: 29 ต.ค. 2009, 15:06
โพสต์: 7502

อายุ: 0

 ข้อมูลส่วนตัว


กบนอกกะลา เขียน:
Rosarin เขียน:
กบนอกกะลา เขียน:
Rosarin เขียน:
Rosarin เขียน:
กบนอกกะลา เขียน:
บ้านเกื้อกูลวัด...วัดอบรมบ้าน..เป็นสังคมแห่งอุดมคติ..อุดมสุข..เกิดประโยชน์ทั้งโลกนี้..และโลกหน้า..จนกระทั้งนำพาพ้นจากโลกทั้งสอง..

มีตัวอย่าง...บ้านเกื้อกูลวัด...วัดอบรมบ้าน..เป็นสังคมแห่งอุดมคติ..อุดมสุข.
viewtopic.php?f=1&t=56299&p=423942#p423942
อ้างคำพูด:
พระหลวงตาให้อุบาย

เช้าวันหนึ่งพระหลวงตาไปรับบิณฑบาตในหมู่บ้าน ท่านได้ถาม “ภาวนา เป็นยังไง”

คุณแม่จันดีกราบเรียนว่า...“ฝันแปลกมาก ฝันว่าพระหลวงปู่มั่น ชวนให้ไปกับท่าน แต่ในฝันเป็นห่วงลูกคนเล็ก จึงขอไปดูลูกก่อน จะตามไปทีหลัง”

พระหลวงตาให้อุบาย “เอ้า ให้มึงคิดตัดสินใจเอา ถ้าห่วงลูก ก็ตามพระหลวงปู่มั่นไปไม่ได้”

คำพูดของพระหลวงตา ทำให้ต้องตั้งถามตัวเองว่า...“พระหลวงปู่มั่นมาโปรดแท้ๆ คนแปลความฝันก็เป็นพระหลวงตา เราติดคาอะไร ห่วงอะไร-อาลัยอะไร” นั่นทำให้ท่านคิดและตัดสินใจได้เร็วขึ้น

ท่านจึงขออนุญาตสามีและลูกๆทุกคน เพื่อออกมาปฏิบัติ ถือศีลภาวนา อยู่วัดป่าบ้านตาด เมื่อปี พ.ศ. ๒๕๒๔ โดยอาศัยที่กระท่อมน้อยในป่าทึบ ท่ามกลางต้นไม้ใหญ่ยืนต้นเป็นเงาร่มครึ้ม พื้นเบื้องล่างเต็มไปด้วยต้นข้าว สารหนาแน่น

ท่านได้ถือศีล ๘ อย่างเคร่งครัด ท่านกล่าวไว้ว่า...“ท่านบวชใจแทนศีล คือใจที่มีเจตนางดเว้นการทำความผิด เมื่อใจมีเจตนา งดเว้นการทำความผิด เมื่อใจมีเจตนาทำความถูกต้อง ศีลเป็นอันเดียวกับใจ ใจรักษาศีล ดูศีลดูใจตัวเอง ศีลเป็นใจที่มีเจตนางดเว้นการทำความชั่วทั้งปวง ดูศีลดูใจ สำรวจความผิดที่เกิดจากใจของตัวเองแล้วอบอุ่น หนักแน่น มั่นคง มั่นใจ ไม่มีที่ต้องติตัวเองเรื่องศีล”

คุณแม่จันดี ท่านบอกช่วงนั้นคุณยายแก้ว แห่งสำนักชีห้วยทรายได้มาพำนัก อยู่วัดป่าบ้านตาดท่านเมตตาถามคุณแม่จันดี ถึงการปฏิบัติภาวนาอยู่เสมอ มีอยู่ครั้งหนึ่งท่านถามว่า “จันดีจิตของลูกแยกส่วนแบ่งส่วนหรือยัง”

คุณแม่จันดี เรียนตอบว่า “แยกแล้วแบ่งแล้ว และกราบเรียนต่อว่า ขณะนี้เป็นอย่างนี้” คุณยายฟัง และบอกท่านว่า “เออดีแล้ว จิตถ้าแยกส่วนแบ่งส่วนแล้ว จิตก็มีแต่จะเจริญ”

ต่อมาอีกคุณยายแก้ว ถามท่านว่า จันดีลูกกราบเรียนการปฏิบัติกับญาท่าน (พระหลวงตามหาบัว) ว่าอย่างไรบ้าง เห็นพระในวัดท่านเข้ามาถามแม่ว่า (คือคุณยายแก้ว) ว่าคุณแม่รู้ไหมโยมใครกันที่อยู่ในหมู่บ้าน มีเทวดา พระอินทร์ พระพรหม มาอนุโมทนากับเขาพ่อแม่ครูอาจารย์

หลวงตาพูดในที่ประชุมสงฆ์ “ทำไหมเขาภาวนาทั้งที่มีลูกน้อย ทั้งทำนา ครองเรือนอยู่ เห็นเทพเทวดา”

คุณยายจึงเรียนพระไปว่า “จะเป็นใครนอกจากนางจันดี (น้องสาวของญาท่าน)”

พอได้โอกาสคุณแม่จันดี มาวัด ท่านจึงเล่าให้ฟัง และถามว่า “เป็นความจริงไหม” เพราะแม่ (คุณยาย) ตอบพระไปก่อนจะถามเจ้าแล้ว

ท่านจึงกราบเรียนคุณยายแก้วว่า “ลูกได้กราบเรียน การปฏิบัติของลูกให้พระหลวงตาทราบในทุกๆเรื่อง เพราะไม่พึ่งพระหลวงตาท่านช่วย ลูกคงติดในแต่ละจุด และช้าเวลาต้องให้ท่านช่วยตี ช่วยขนาบ เพราะท่านจะบอกลูกว่าเวลานี้ท่านมีชีวิตอยู่ติดขัดอะไรให้ถาม ถ้าเราพิจารณาเองอาจช้า เสียเวลา มีครูบาอาจารย์ช่วยแนะเรามีหน้าที่ทำตาม ปฏิบัติตามท่าน

...........

คุณแม่จันดี โลหิตดี


บ้านเกื้อกูลวัด...บำรุงวัดด้วยปัจจัย4 เป็นต้น
วัดอบรมบ้าน...นำพาชาวบ้านปฏิบัติตามพระธรรมคำสอนให้เกิดผล

:b11:
วัดนั้นพระรับเงินไหมใส่บาตรพระทุศีลแล้วเขาสอนไหมว่าไม่ต้องถวายเงินมีแต่เรี่ยไรมีตู้รับบริจาคก็ผิดแล้ว
คริคริคริเก็บสะสมอะไรไม่ได้เลยหลังเที่ยงแม้แต่เกลือยังเก็บไม่ได555มีสะสมเงินและก็มีบัญชีรับเงินชื่อใคร

:b32: :b32:

Kiss
เห็นคนพเนจรไหมจรจัดหรือขอทานทำไมเขาไม่ไปนอนวัดนั่นน่ะเขาไม่บาปคนที่จะนอนวัดได้
คือคนที่ออกจากบ้านมาบรรพชาที่ได้รับอนุญาตให้จำวัดโดยธรรมวินัยไม่ต้องนอนข้างถนนค่ะ
ส่วนภิกษุพูดกับสีกาเกิน6คำก็อาบัติภิกษุจะทำตัวเป็นผู้ขอโดยเอ่ยขอใครไม่ได้แม้แต่ญาติสนิท
เข้าใหมว่าประกาศตนเป็นผู้ที่ละอายว่าตนมีกิเลสมากมาขอบวชเพื่อขัดเกลากิเลสให้คนศัรทธา
:b32: :b32:


ไม่คิดจะเปลี่ยนความคิดคุณโรสหรอก..เพียงป้องกันคนที่จะเห็นผิดตาม..โดยยกตัวอย่างวัดหลวงตามาให้เห็น

Rosarin เขียน:
วัดนั้นพระรับเงินไหมใส่บาตรพระทุศีลแล้วเขาสอนไหมว่าไม่ต้องถวายเงินมีแต่เรี่ยไรมีตู้รับบริจาคก็ผิดแล้ว
คริคริคริเก็บสะสมอะไรไม่ได้เลยหลังเที่ยงแม้แต่เกลือยังเก็บไม่ได555มีสะสมเงินและก็มีบัญชีรับเงินชื่อใคร


Rosarin เขียน:
ส่วนภิกษุพูดกับสีกาเกิน6คำก็อาบัติภิกษุจะทำตัวเป็นผู้ขอโดยเอ่ยขอใครไม่ได้แม้แต่ญาติสนิท


อยากถามนิด..คำข้างบนที่ผมทำสี..ทำตัวโตโต..นั้นนะ...คุณโรสคิดเอง..หรือว่าฟังป้าสุจินต์สอนมา...??
จะได้เป็นธรรมกับป้าแก

Kiss
ก็คิดให้มันตรงสิคะตามเหตุตามปัจจัย
ผัวเมียบรรลุอรหันต์ครั้งพุทธกาล
แยกทางไม่ไปร่วมกันถูกไหมคะ
แล้วสมัยนี้สละญาติพี่น้องแล้ว
แต่มาเอาญาติธรรมเข้าวัด
มากๆกิเลสไหมหาคน
ไปไว้คอยถวาย
ชงกาแฟให้รึ
บิณฑบาต
เต็มบาตร
วันละ1บาตร
ไม่พอใจหรือคะ
ขนคนเข้าไปเพื่อหาเงินไงคะตรงไหม555
ไม่มีหิริโอตัปปะยังมิรู้ตัวกันอยู่ดอกหรือเจ้าคะ
:b12:
:b32: :b32:


เลอะเทอะ....
พูดไม่อยู่ในร่องในรอย..ไม่ถูกเรื่องที่คุย...เขาเรียกว่า..ฟุ้งซ่านเลอะเทอะ

rolleyes
คิดช้าๆทีละคำถ้ายังโลภอยู่ต้องลาสิกขา
ถ้าตัดสิ่งอำนวยความสะดวกที่สังคมใช้อยู่
เพื่อการติดต่อสื่อสารค้าขายมีมือถือมีเงินได้
:b11:
บริโภคอย่างขโมยคือเพื่อมาทำตามวินัยทำไม่ได้แปลว่า
มาบวชเพื่อขโมยปัจจัยสี่ของผู้ที่ประพฤติตามได้โดยชอบไงคะ
แถมยังใช้สิ่งอำนวยความสะดวกแบบตอนเป็นคฤหัสถ์เหมือนเดิม
ก็ยังมีนิสัยชอบสังคมใช้เงินทองอยู่ไม่ใช่อุปนิสัยของภิกษุตามธรรมวินัย
เข้าใจไหมคะว่าบิณฑบาตด้วยปลีแข้ง1บาตรเพื่อฉันพอยังอัตภาพให้มีชีวิต
มักน้อยสันโดษตัดสังคมออกนะคะมีแค่จีวร3ผืนบาตร1ใบและอัฐบริขาร8ต้องใช้ไฟฟ้าไหมคะ
เป็นผู้ตรงต่อพระธรรมและพระวินัยต้องจริงใจทำผิดมีคนชี้โทษให้รู้ตัวเป็นบุญไหมคะหรืออยากไปนรก
:b32: :b32:


โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 04 ส.ค. 2018, 09:29 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
สมาชิกระดับ 19
สมาชิกระดับ 19
ลงทะเบียนเมื่อ: 29 ต.ค. 2009, 15:06
โพสต์: 7502

อายุ: 0

 ข้อมูลส่วนตัว


Rosarin เขียน:
กบนอกกะลา เขียน:
Rosarin เขียน:
กบนอกกะลา เขียน:
Rosarin เขียน:
Rosarin เขียน:
กบนอกกะลา เขียน:
บ้านเกื้อกูลวัด...วัดอบรมบ้าน..เป็นสังคมแห่งอุดมคติ..อุดมสุข..เกิดประโยชน์ทั้งโลกนี้..และโลกหน้า..จนกระทั้งนำพาพ้นจากโลกทั้งสอง..

มีตัวอย่าง...บ้านเกื้อกูลวัด...วัดอบรมบ้าน..เป็นสังคมแห่งอุดมคติ..อุดมสุข.
viewtopic.php?f=1&t=56299&p=423942#p423942
อ้างคำพูด:
พระหลวงตาให้อุบาย

เช้าวันหนึ่งพระหลวงตาไปรับบิณฑบาตในหมู่บ้าน ท่านได้ถาม “ภาวนา เป็นยังไง”

คุณแม่จันดีกราบเรียนว่า...“ฝันแปลกมาก ฝันว่าพระหลวงปู่มั่น ชวนให้ไปกับท่าน แต่ในฝันเป็นห่วงลูกคนเล็ก จึงขอไปดูลูกก่อน จะตามไปทีหลัง”

พระหลวงตาให้อุบาย “เอ้า ให้มึงคิดตัดสินใจเอา ถ้าห่วงลูก ก็ตามพระหลวงปู่มั่นไปไม่ได้”

คำพูดของพระหลวงตา ทำให้ต้องตั้งถามตัวเองว่า...“พระหลวงปู่มั่นมาโปรดแท้ๆ คนแปลความฝันก็เป็นพระหลวงตา เราติดคาอะไร ห่วงอะไร-อาลัยอะไร” นั่นทำให้ท่านคิดและตัดสินใจได้เร็วขึ้น

ท่านจึงขออนุญาตสามีและลูกๆทุกคน เพื่อออกมาปฏิบัติ ถือศีลภาวนา อยู่วัดป่าบ้านตาด เมื่อปี พ.ศ. ๒๕๒๔ โดยอาศัยที่กระท่อมน้อยในป่าทึบ ท่ามกลางต้นไม้ใหญ่ยืนต้นเป็นเงาร่มครึ้ม พื้นเบื้องล่างเต็มไปด้วยต้นข้าว สารหนาแน่น

ท่านได้ถือศีล ๘ อย่างเคร่งครัด ท่านกล่าวไว้ว่า...“ท่านบวชใจแทนศีล คือใจที่มีเจตนางดเว้นการทำความผิด เมื่อใจมีเจตนา งดเว้นการทำความผิด เมื่อใจมีเจตนาทำความถูกต้อง ศีลเป็นอันเดียวกับใจ ใจรักษาศีล ดูศีลดูใจตัวเอง ศีลเป็นใจที่มีเจตนางดเว้นการทำความชั่วทั้งปวง ดูศีลดูใจ สำรวจความผิดที่เกิดจากใจของตัวเองแล้วอบอุ่น หนักแน่น มั่นคง มั่นใจ ไม่มีที่ต้องติตัวเองเรื่องศีล”

คุณแม่จันดี ท่านบอกช่วงนั้นคุณยายแก้ว แห่งสำนักชีห้วยทรายได้มาพำนัก อยู่วัดป่าบ้านตาดท่านเมตตาถามคุณแม่จันดี ถึงการปฏิบัติภาวนาอยู่เสมอ มีอยู่ครั้งหนึ่งท่านถามว่า “จันดีจิตของลูกแยกส่วนแบ่งส่วนหรือยัง”

คุณแม่จันดี เรียนตอบว่า “แยกแล้วแบ่งแล้ว และกราบเรียนต่อว่า ขณะนี้เป็นอย่างนี้” คุณยายฟัง และบอกท่านว่า “เออดีแล้ว จิตถ้าแยกส่วนแบ่งส่วนแล้ว จิตก็มีแต่จะเจริญ”

ต่อมาอีกคุณยายแก้ว ถามท่านว่า จันดีลูกกราบเรียนการปฏิบัติกับญาท่าน (พระหลวงตามหาบัว) ว่าอย่างไรบ้าง เห็นพระในวัดท่านเข้ามาถามแม่ว่า (คือคุณยายแก้ว) ว่าคุณแม่รู้ไหมโยมใครกันที่อยู่ในหมู่บ้าน มีเทวดา พระอินทร์ พระพรหม มาอนุโมทนากับเขาพ่อแม่ครูอาจารย์

หลวงตาพูดในที่ประชุมสงฆ์ “ทำไหมเขาภาวนาทั้งที่มีลูกน้อย ทั้งทำนา ครองเรือนอยู่ เห็นเทพเทวดา”

คุณยายจึงเรียนพระไปว่า “จะเป็นใครนอกจากนางจันดี (น้องสาวของญาท่าน)”

พอได้โอกาสคุณแม่จันดี มาวัด ท่านจึงเล่าให้ฟัง และถามว่า “เป็นความจริงไหม” เพราะแม่ (คุณยาย) ตอบพระไปก่อนจะถามเจ้าแล้ว

ท่านจึงกราบเรียนคุณยายแก้วว่า “ลูกได้กราบเรียน การปฏิบัติของลูกให้พระหลวงตาทราบในทุกๆเรื่อง เพราะไม่พึ่งพระหลวงตาท่านช่วย ลูกคงติดในแต่ละจุด และช้าเวลาต้องให้ท่านช่วยตี ช่วยขนาบ เพราะท่านจะบอกลูกว่าเวลานี้ท่านมีชีวิตอยู่ติดขัดอะไรให้ถาม ถ้าเราพิจารณาเองอาจช้า เสียเวลา มีครูบาอาจารย์ช่วยแนะเรามีหน้าที่ทำตาม ปฏิบัติตามท่าน

...........

คุณแม่จันดี โลหิตดี


บ้านเกื้อกูลวัด...บำรุงวัดด้วยปัจจัย4 เป็นต้น
วัดอบรมบ้าน...นำพาชาวบ้านปฏิบัติตามพระธรรมคำสอนให้เกิดผล

:b11:
วัดนั้นพระรับเงินไหมใส่บาตรพระทุศีลแล้วเขาสอนไหมว่าไม่ต้องถวายเงินมีแต่เรี่ยไรมีตู้รับบริจาคก็ผิดแล้ว
คริคริคริเก็บสะสมอะไรไม่ได้เลยหลังเที่ยงแม้แต่เกลือยังเก็บไม่ได555มีสะสมเงินและก็มีบัญชีรับเงินชื่อใคร

:b32: :b32:

Kiss
เห็นคนพเนจรไหมจรจัดหรือขอทานทำไมเขาไม่ไปนอนวัดนั่นน่ะเขาไม่บาปคนที่จะนอนวัดได้
คือคนที่ออกจากบ้านมาบรรพชาที่ได้รับอนุญาตให้จำวัดโดยธรรมวินัยไม่ต้องนอนข้างถนนค่ะ
ส่วนภิกษุพูดกับสีกาเกิน6คำก็อาบัติภิกษุจะทำตัวเป็นผู้ขอโดยเอ่ยขอใครไม่ได้แม้แต่ญาติสนิท
เข้าใหมว่าประกาศตนเป็นผู้ที่ละอายว่าตนมีกิเลสมากมาขอบวชเพื่อขัดเกลากิเลสให้คนศัรทธา
:b32: :b32:


ไม่คิดจะเปลี่ยนความคิดคุณโรสหรอก..เพียงป้องกันคนที่จะเห็นผิดตาม..โดยยกตัวอย่างวัดหลวงตามาให้เห็น

Rosarin เขียน:
วัดนั้นพระรับเงินไหมใส่บาตรพระทุศีลแล้วเขาสอนไหมว่าไม่ต้องถวายเงินมีแต่เรี่ยไรมีตู้รับบริจาคก็ผิดแล้ว
คริคริคริเก็บสะสมอะไรไม่ได้เลยหลังเที่ยงแม้แต่เกลือยังเก็บไม่ได555มีสะสมเงินและก็มีบัญชีรับเงินชื่อใคร


Rosarin เขียน:
ส่วนภิกษุพูดกับสีกาเกิน6คำก็อาบัติภิกษุจะทำตัวเป็นผู้ขอโดยเอ่ยขอใครไม่ได้แม้แต่ญาติสนิท


อยากถามนิด..คำข้างบนที่ผมทำสี..ทำตัวโตโต..นั้นนะ...คุณโรสคิดเอง..หรือว่าฟังป้าสุจินต์สอนมา...??
จะได้เป็นธรรมกับป้าแก

Kiss
ก็คิดให้มันตรงสิคะตามเหตุตามปัจจัย
ผัวเมียบรรลุอรหันต์ครั้งพุทธกาล
แยกทางไม่ไปร่วมกันถูกไหมคะ
แล้วสมัยนี้สละญาติพี่น้องแล้ว
แต่มาเอาญาติธรรมเข้าวัด
มากๆกิเลสไหมหาคน
ไปไว้คอยถวาย
ชงกาแฟให้รึ
บิณฑบาต
เต็มบาตร
วันละ1บาตร
ไม่พอใจหรือคะ
ขนคนเข้าไปเพื่อหาเงินไงคะตรงไหม555
ไม่มีหิริโอตัปปะยังมิรู้ตัวกันอยู่ดอกหรือเจ้าคะ
:b12:
:b32: :b32:


เลอะเทอะ....
พูดไม่อยู่ในร่องในรอย..ไม่ถูกเรื่องที่คุย...เขาเรียกว่า..ฟุ้งซ่านเลอะเทอะ

rolleyes
คิดช้าๆทีละคำถ้ายังโลภอยู่ต้องลาสิกขา
ถ้าตัดสิ่งอำนวยความสะดวกที่สังคมใช้อยู่
เพื่อการติดต่อสื่อสารค้าขายมีมือถือมีเงินได้
:b11:
บริโภคอย่างขโมยคือเพื่อมาทำตามวินัยทำไม่ได้แปลว่า
มาบวชเพื่อขโมยปัจจัยสี่ของผู้ที่ประพฤติตามได้โดยชอบไงคะ
แถมยังใช้สิ่งอำนวยความสะดวกแบบตอนเป็นคฤหัสถ์เหมือนเดิม
ก็ยังมีนิสัยชอบสังคมใช้เงินทองอยู่ไม่ใช่อุปนิสัยของภิกษุตามธรรมวินัย
เข้าใจไหมคะว่าบิณฑบาตด้วยปลีแข้ง1บาตรเพื่อฉันพอยังอัตภาพให้มีชีวิต
มักน้อยสันโดษตัดสังคมออกนะคะมีแค่จีวร3ผืนบาตร1ใบและอัฐบริขาร8ต้องใช้ไฟฟ้าไหมคะ
เป็นผู้ตรงต่อพระธรรมและพระวินัยต้องจริงใจทำผิดมีคนชี้โทษให้รู้ตัวเป็นบุญไหมคะหรืออยากไปนรก
:b32: :b32:

:b12:
ขาดคลิปวิดีโอประกอบอ่ะดูซะจะได้ตาสว่างนะคะ
:b32: :b32:
https://youtu.be/6vqYyD4BHAc


โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 04 ส.ค. 2018, 11:14 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
สมาชิกระดับสูงสุด
สมาชิกระดับสูงสุด
ลงทะเบียนเมื่อ: 24 ต.ค. 2006, 12:36
โพสต์: 33766

อายุ: 0

 ข้อมูลส่วนตัว


Rosarin เขียน:

ขาดคลิปวิดีโอประกอบอ่ะดูซะจะได้ตาสว่างนะคะ
:b32: :b32:
https://youtu.be/6vqYyD4BHAc


คิกๆๆ เจ้าสำนักบ้านธัมมะ :b32:

.....................................................
https://dhammachati.blogspot.com/


โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 04 ส.ค. 2018, 14:46 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
สมาชิกระดับ 19
สมาชิกระดับ 19
ลงทะเบียนเมื่อ: 29 ต.ค. 2009, 15:06
โพสต์: 7502

อายุ: 0

 ข้อมูลส่วนตัว


กรัชกาย เขียน:
Rosarin เขียน:

ขาดคลิปวิดีโอประกอบอ่ะดูซะจะได้ตาสว่างนะคะ
:b32: :b32:
https://youtu.be/6vqYyD4BHAc


คิกๆๆ เจ้าสำนักบ้านธัมมะ :b32:

cool
รู้จักสำนักไหมล่ะ
สำนักแปลว่าที่อยู่
ครั้งพุทธกาลหาช่างหม้อ
ก็ต้องไปหาที่สำนักช่างหม้อ
:b32: :b32:


โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 04 ส.ค. 2018, 14:47 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
สมาชิกระดับสูงสุด
สมาชิกระดับสูงสุด
ลงทะเบียนเมื่อ: 24 ต.ค. 2006, 12:36
โพสต์: 33766

อายุ: 0

 ข้อมูลส่วนตัว


Rosarin เขียน:
กรัชกาย เขียน:
Rosarin เขียน:

ขาดคลิปวิดีโอประกอบอ่ะดูซะจะได้ตาสว่างนะคะ
:b32: :b32:
https://youtu.be/6vqYyD4BHAc


คิกๆๆ เจ้าสำนักบ้านธัมมะ :b32:

cool
รู้จักสำนักไหมล่ะ
สำนักแปลว่าที่อยู่
ครั้งพุทธกาลหาช่างหม้อ
ก็ต้องไปหาที่สำนักช่างหม้อ
:b32: :b32:



บ้านก็ที่อยู่ :b16:

.....................................................
https://dhammachati.blogspot.com/


โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 04 ส.ค. 2018, 15:31 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
สมาชิกระดับ 19
สมาชิกระดับ 19
ลงทะเบียนเมื่อ: 29 ต.ค. 2009, 15:06
โพสต์: 7502

อายุ: 0

 ข้อมูลส่วนตัว


กรัชกาย เขียน:
Rosarin เขียน:
กรัชกาย เขียน:
Rosarin เขียน:

ขาดคลิปวิดีโอประกอบอ่ะดูซะจะได้ตาสว่างนะคะ
:b32: :b32:
https://youtu.be/6vqYyD4BHAc


คิกๆๆ เจ้าสำนักบ้านธัมมะ :b32:

cool
รู้จักสำนักไหมล่ะ
สำนักแปลว่าที่อยู่
ครั้งพุทธกาลหาช่างหม้อ
ก็ต้องไปหาที่สำนักช่างหม้อ
:b32: :b32:


บ้านก็ที่อยู่ :b16:

:b12:
ก็ถูกต้องแล้วค่ะคิดให้ตรง
บ้านคือที่อยู่ของชาวบ้าน
วัดเป็นที่อยู่ของบรรพชิต
บรรพชิตต้องอุปสมบท
ชีพรหมณ์ให้ชาวบ้านไปมั่วปน
ดังนั้นไม่ใช่บรรพชิตก็กลับไปนอนบ้านสิคะ
บรรพชิตที่ไม่เข้าใจคำสอน
ก็สอนทำตามๆกันแบบผิดๆ
:b32: :b32:


โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 04 ส.ค. 2018, 20:39 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
สมาชิกระดับสูงสุด
สมาชิกระดับสูงสุด
ลงทะเบียนเมื่อ: 24 ต.ค. 2006, 12:36
โพสต์: 33766

อายุ: 0

 ข้อมูลส่วนตัว


Rosarin เขียน:
กรัชกาย เขียน:
Rosarin เขียน:
กรัชกาย เขียน:
Rosarin เขียน:

ขาดคลิปวิดีโอประกอบอ่ะดูซะจะได้ตาสว่างนะคะ
:b32: :b32:
https://youtu.be/6vqYyD4BHAc


คิกๆๆ เจ้าสำนักบ้านธัมมะ :b32:

cool
รู้จักสำนักไหมล่ะ
สำนักแปลว่าที่อยู่
ครั้งพุทธกาลหาช่างหม้อ
ก็ต้องไปหาที่สำนักช่างหม้อ
:b32: :b32:


บ้านก็ที่อยู่ :b16:

:b12:
ก็ถูกต้องแล้วค่ะคิดให้ตรง
บ้านคือที่อยู่ของชาวบ้าน
วัดเป็นที่อยู่ของบรรพชิต
บรรพชิตต้องอุปสมบท
ชีพรหมณ์ให้ชาวบ้านไปมั่วปน
ดังนั้นไม่ใช่บรรพชิตก็กลับไปนอนบ้านสิคะ
บรรพชิตที่ไม่เข้าใจคำสอน
ก็สอนทำตามๆกันแบบผิดๆ
:b32: :b32:


วัดก็ที่อยู่ที่อาศัยนะคุณโรส :b32:

.....................................................
https://dhammachati.blogspot.com/


โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 06 ส.ค. 2018, 12:05 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
สมาชิกระดับ 19
สมาชิกระดับ 19
ลงทะเบียนเมื่อ: 29 ต.ค. 2009, 15:06
โพสต์: 7502

อายุ: 0

 ข้อมูลส่วนตัว


กรัชกาย เขียน:
คุณโรสต้องรีบออกจากบ้านธัมมะโดยเร็ว หยุดฟังคลิปแม่บริหารฯ โดยเด็ดขาด แล้วกลับไปเริ่มต้นเกี่ยวกับเรื่องศาสนาใหม่ เช่น ทำบุญตักบาตรพระเณรตอนเช้า

รูปภาพ

ถวายสังฆทาน มีโอกาสก็ไปบวชชีพราหมณ์ (เนกขัมมะ) บ้าง กวาดวิหารลานเจดีย์ ล้างห้องน้ำวัด ถวายจตุปัจจัย วัดใกล้บ้านมีงาน เช่น งานกฐิน ผ้าป่า ก็ไปช่วยขวนขวาย onion มีโอกาสอีกก็ให้อภัยทาน เช่น ปล่อยปลาลงแม่น้ำลำคลอง เอาแค่นี้ก่อนนะ :b32:

:b32:
โรสก็อยู่บ้านทำมาหากินปกติไปกทม.ไประยองไปอุดรหนองคายไปทั่วประเทศไทยเลย
แค่คลิกเข้าไปดูคลิปวิดีโอรายการบ้านธัมมะก็ได้เรียนบาลีทุกวันที่เขาแปลตรงภาษาบาลี
ให้เราเข้าใจตรงภาษาไทยทุกคำในพระไตรปิฎกกำลังเป็นไปตามที่ทรงตรัสแสดงทุกคำค่ะ
ตนตรงกับคำสัจจะไหนที่กำลังปรากฏที่กายเดี๋ยวนี้ต้องรู้ค่ะไม่ตรงแปลว่าสะสมอวิชชาแล้วไง
:b13:
:b32: :b32:


โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 06 ส.ค. 2018, 12:18 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
สมาชิกระดับ 19
สมาชิกระดับ 19
ลงทะเบียนเมื่อ: 29 ต.ค. 2009, 15:06
โพสต์: 7502

อายุ: 0

 ข้อมูลส่วนตัว


กรัชกาย เขียน:
Rosarin เขียน:
กรัชกาย เขียน:
Rosarin เขียน:
กรัชกาย เขียน:
Rosarin เขียน:

ขาดคลิปวิดีโอประกอบอ่ะดูซะจะได้ตาสว่างนะคะ
:b32: :b32:
https://youtu.be/6vqYyD4BHAc


คิกๆๆ เจ้าสำนักบ้านธัมมะ :b32:

cool
รู้จักสำนักไหมล่ะ
สำนักแปลว่าที่อยู่
ครั้งพุทธกาลหาช่างหม้อ
ก็ต้องไปหาที่สำนักช่างหม้อ
:b32: :b32:


บ้านก็ที่อยู่ :b16:

:b12:
ก็ถูกต้องแล้วค่ะคิดให้ตรง
บ้านคือที่อยู่ของชาวบ้าน
วัดเป็นที่อยู่ของบรรพชิต
บรรพชิตต้องอุปสมบท
ชีพรหมณ์ให้ชาวบ้านไปมั่วปน
ดังนั้นไม่ใช่บรรพชิตก็กลับไปนอนบ้านสิคะ
บรรพชิตที่ไม่เข้าใจคำสอน
ก็สอนทำตามๆกันแบบผิดๆ
:b32: :b32:


วัดก็ที่อยู่ที่อาศัยนะคุณโรส :b32:

สำหรับบรรพชิตเท่านั้นพักค้างคืน
คนอื่นพระพุทธเจ้าไม่ได้อนุญาต
บรรพชิตที่ไม่เข้าใจคำสอนนั้น
สละสังคมแล้วแต่เอาสังคม
เข้าไปวุ่นวายอีกไม่สำนึก
ในคุณของพระพุทธเจ้า
สำหรับบรรพชิตนั้น
เงินคืออสรพิษ
สตรีคือภัย
ให้เข้าไปค้างในวัดทำไม
มีกิจอะไรที่ต้องเกี่ยวข้องกันคะ
สนทนากับสีกาเกิน6คำก็ต้องอาบัติแล้ว
ประมาทไหมแค่ห่มผ้าเหลืองแล้วย่ำยีสิกขาบท
ทำร้ายตนเองพาตนต้องไปอบายภูมิรู้ตัวหรือเปล่า
บรรพชิตคือผู้เห็นภัยของการครองเรือนจึงสละเรือน
เพราะเข้าใจคำสอนและรู้อุปนิสัยตนว่าไม่ใช้เงินทองแล้ว
เพราะบรรพชามีแค่บาตรจีวรบริขาร8เพื่อทำตามสิกขาบท
จะทำอะไรต้องสำเหนียกว่าตนเป็นภิกษุไม่ใช่คฤหัสถ์แล้วค่ะ
บวชแล้วรับเงินแสดงว่าสละเพศบรรพชิตแล้วที่อาบัตินั้นน่ารู้ยัง
แค่โล้นห่มผ้ากาสาวพัตรตายแล้วมีอบายภูมิเป็นที่ไปแน่นนอนแล้วค่ะ
ทำตามสิกขาบทไม่ได้ตนเท่านั้นที่รู้ว่าทำตามได้ไหมต้องจริงใจต่อเพศสูงสุด
ถ้าทำไม่ได้ควรลาสิกขาไงคะเข้าใจหรือยังขืนล่วงสิกขาบทไปเรื่อยๆอยู่ต่อไป
ก็คือโจรในคราบห่มจีวรหลอกชาวบ้านขโมยสักการะของผู้ที่ทำตามสิกขาบทได้ไงคะ
:b17:
:b4: :b4:


โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 06 ส.ค. 2018, 17:44 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
สมาชิกระดับสูงสุด
สมาชิกระดับสูงสุด
ลงทะเบียนเมื่อ: 24 ต.ค. 2006, 12:36
โพสต์: 33766

อายุ: 0

 ข้อมูลส่วนตัว


Rosarin เขียน:
กรัชกาย เขียน:
คุณโรสต้องรีบออกจากบ้านธัมมะโดยเร็ว หยุดฟังคลิปแม่บริหารฯ โดยเด็ดขาด แล้วกลับไปเริ่มต้นเกี่ยวกับเรื่องศาสนาใหม่ เช่น ทำบุญตักบาตรพระเณรตอนเช้า

รูปภาพ

ถวายสังฆทาน มีโอกาสก็ไปบวชชีพราหมณ์ (เนกขัมมะ) บ้าง กวาดวิหารลานเจดีย์ ล้างห้องน้ำวัด ถวายจตุปัจจัย วัดใกล้บ้านมีงาน เช่น งานกฐิน ผ้าป่า ก็ไปช่วยขวนขวาย onion มีโอกาสอีกก็ให้อภัยทาน เช่น ปล่อยปลาลงแม่น้ำลำคลอง เอาแค่นี้ก่อนนะ :b32:

:b32:
โรสก็อยู่บ้านทำมาหากินปกติไปกทม.ไประยองไปอุดรหนองคายไปทั่วประเทศไทยเลย
แค่คลิกเข้าไปดูคลิปวิดีโอรายการบ้านธัมมะก็ได้เรียนบาลีทุกวันที่เขาแปลตรงภาษาบาลี
ให้เราเข้าใจตรงภาษาไทยทุกคำ
ในพระไตรปิฎกกำลังเป็นไปตามที่ทรงตรัสแสดงทุกคำค่ะ
ตนตรงกับคำสัจจะไหนที่กำลังปรากฏที่กายเดี๋ยวนี้ต้องรู้ค่ะไม่ตรงแปลว่าสะสมอวิชชาแล้วไง
:b13:
:b32: :b32:


อ้างคำพูด:
บ้านธัมมะก็ได้เรียนบาลีทุกวันที่เขาแปลตรงภาษาบาลีให้เราเข้าใจตรงภาษาไทยทุกคำ


เพียงแค่พูดนั่นก็มั่วแล้ว บ้านธัมมะสำนักบาลีเถือน

.....................................................
https://dhammachati.blogspot.com/


โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 06 ส.ค. 2018, 18:35 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
สมาชิกระดับสูงสุด
สมาชิกระดับสูงสุด
ลงทะเบียนเมื่อ: 24 ต.ค. 2006, 12:36
โพสต์: 33766

อายุ: 0

 ข้อมูลส่วนตัว


เจ้าอาวาส สมภารวัด, หัวหน้าสงฆ์ในวัด มีอำนาจและหน้าที่ปกครองดูแลอำนวยกิจการทุกอย่างเกี่ยวกับวัด

อธิการ มีหลายนัย ให้ดูเฉพาะที่พูดถึง คือ นัยที่ ๔

4. อำนาจ, ตำแหน่ง, หน้าที่, กิจการ, ภาระ

มีธรรมเนียม เรียกเจ้าอาวาสที่ไม่เป็นเปรียญและไม่มีสมณศักดิ์อย่างอื่นว่า พระอธิการ และ
เรียกเจ้าคณะตำบลหรือพระอุปัชฌาย์ ที่เป็นไม่เป็นเปรียญและไม่มีสมณศักดิ์อย่างอื่นว่า เจ้าอธิการ ทั้งนี้สืบเนื่องมาจากความในวรรคสุดท้ายของมาตรา ๑๒ แห่งพระราชบัญญัติลักษณะปกครองคณะสงฆ์ ร.ศ. ๑๒๑ ว่า “อนึ่ง เจ้าอาวาสทั้งปวงนั้น ถ้าไม่ได้อยู่ในสมณศักดิ์ที่สูงกว่า ก็ให้มีสมณศักดิ์เป็นอธิการ” ซึ่งมีเชิงอรรถใต้มาตรา อันเป็นพระนิพนธ์ของสมเด็จพระมหาสมณเจ้า กรมพระยาวชิรญาณวโรรส กำกับไว้ด้วยว่า “(๑๕) เจ้าอาวาส เป็นอธิการ รองแขวงที่เรียกอีกโวหารหนึ่งว่าเจ้าคุณหมวด เป็นเจ้าอธิการ ในบัดนี้ พระอุปัชฌาย์ก็เป็นเจ้าอธิการเหมือนกัน

เจ้าหน้าที่ทำการสงฆ์ ภิกษุผู้ได้รับสมมติ คือแต่งตั้งจากสงฆ์ (ด้วยญัตติทุติยกรรมวาจา) ให้ทำหน้าที่ต่างๆ เกี่ยวกับการของส่วนรวมในวัด ตามพระวินัยแบ่งได้เป็น ๕ ประเภท คือ ๑. เจ้าอธิการแห่งจีวร
๒. เจ้าอธิการแห่งอาหาร
๓.เจ้าอธิการแห่งเสนาสนะ
๔. เจ้าอธิการแห่งอาราม
๕. เจ้าอธิการแห่งคลัง

เจ้าอธิการ 1. ดู อธิการ 2. เจ้าหน้าที่, ผู้ได้รับมอบหมายหรือแต่งตั้งให้มีหน้าที่รับผิดชอบในเรื่องราวหรือกิจการนั้นๆ

เจ้าอธิการแห่งคลัง ภิกษุที่สงฆ์สมมติ คือ แต่งตั้งให้เป็นเจ้าหน้าที่เกี่ยวกับคลังเก็บพัสดุของสงฆ์ มี ๒ อย่าง คือ ผู้รักษาคลังที่เก็บพัสดุของสงฆ์ (ภัณฑาคาริก) และผู้จ่ายของเล็กน้อยให้แก่ภิกษุทั้งหลาย (อัปปมัตตวิสัชกะ)

เจ้าอธิการแห่งจีวร คือ ภิกษุที่สงฆ์สมมติ คือ แต่งตั้งให้เป็นเจ้าหน้าที่เกี่ยวกับจีวร มี ๓ อย่าง คือ ผู้รับจีวร (จีวรปฏิคาหก) ผู้เก็บจีวร (จีวรนิทหก) ผู้แจกจีวร (จีวรภาชก)

เจ้าอธิการแห่งเสนาสนะ คือ ภิกษุที่สงฆ์สมมติ คือ แต่งตั้งให้เป็นเจ้าหน้าที่เกี่ยวกับเสนาสนะ แยกเป็น ๒ คือ ผู้แจกเสนาสนะให้ภิกษุถือ (เสนาสนคาหาปก) และผู้จัดตั้งเสนาสนะ (เสนาสนปัญญาปก)

เจ้าอธิการแห่งอาราม คือ ภิกษุที่สงฆ์สมมติ คือ แต่งตั้งให้เป็นเจ้าหน้าที่เกี่ยวกับกิจการงานของวัด แยกเป็น ๓ คือ ผู้ใช้คนงานวัด (อารามิกเปสก) ผู้ใช้สามเณร (สามเณรเปสก) และผู้ดูแลการปลูกสร้าง (นวกัมมิก)

เจ้าอธิการแห่งอาหาร ภิกษุที่สงฆ์สมมติ คือ แต่งตั้งให้เป็นเจ้าหน้าที่เกี่ยวกับอาหาร มี ๓ อย่าง คือ ผู้จัดแจกภัต (ภัตตุเทศก์) ผู้แจกยาคู (ยาคุภาชก) และผู้แจกของเคี้ยว (ขัชชกภาชก)

.....................................................
https://dhammachati.blogspot.com/


โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 07 ส.ค. 2018, 11:08 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
สมาชิกระดับสูงสุด
สมาชิกระดับสูงสุด
ลงทะเบียนเมื่อ: 24 ต.ค. 2006, 12:36
โพสต์: 33766

อายุ: 0

 ข้อมูลส่วนตัว


Rosarin เขียน:
กรัชกาย เขียน:
คุณโรสต้องรีบออกจากบ้านธัมมะโดยเร็ว หยุดฟังคลิปแม่บริหารฯ โดยเด็ดขาด แล้วกลับไปเริ่มต้นเกี่ยวกับเรื่องศาสนาใหม่ เช่น ทำบุญตักบาตรพระเณรตอนเช้า

http://g-picture2.wunjun.com/6/full/613 ... ?s=480x320

ถวายสังฆทาน มีโอกาสก็ไปบวชชีพราหมณ์ (เนกขัมมะ) บ้าง กวาดวิหารลานเจดีย์ ล้างห้องน้ำวัด ถวายจตุปัจจัย วัดใกล้บ้านมีงาน เช่น งานกฐิน ผ้าป่า ก็ไปช่วยขวนขวาย onion มีโอกาสอีกก็ให้อภัยทาน เช่น ปล่อยปลาลงแม่น้ำลำคลอง เอาแค่นี้ก่อนนะ :b32:

:b32:
โรสก็อยู่บ้านทำมาหากินปกติไปกทม.ไประยองไปอุดรหนองคายไปทั่วประเทศไทยเลย
แค่คลิกเข้าไปดูคลิปวิดีโอรายการบ้านธัมมะ ก็ได้เรียนบาลีทุกวัน ที่เขาแปลตรงภาษาบาลี
ให้เราเข้าใจตรงภาษาไทยทุกคำ
ในพระไตรปิฎกกำลังเป็นไปตามที่ทรงตรัสแสดงทุกคำค่ะ
ตนตรงกับคำสัจจะไหนที่กำลังปรากฏที่กายเดี๋ยวนี้ต้องรู้ค่ะไม่ตรงแปลว่าสะสมอวิชชาแล้วไง


อ้างคำพูด:
คำจริงคือคำวาจาสัจจะตรงปรมัตถสัจจะ
สมมุติน่ะเปลี่ยนได้แต่คำสัจจะคือคำสอน
เปลี่ยนไม่ได้เพราะถึงที่สุดแล้วเข้าใจไหม
เช่นธาตุดิน มีลักษณะ 2 อย่างคืออ่อน-แข็ง
รู้สึกกระทบตรงคำว่า แข็งตรงที่กายสัมผัส
ตรงจริงยังเลย สติ แปลว่า ยังไม่ถึงกุศลเลย
เพราะสติเกิดกับกุศลจิตเท่านั้นไม่เกิดตอน
คิดเองเกิน1คำเพราะฉะนั้นอ่านเป็นสัญญา
ไม่ใช่ปัญญาเพราะต้องเข้าใจคำจริงที่จิตมี

viewtopic.php?f=1&t=55490&p=424408#p424408



ดูสำนักบ้านธัมมะเขาทำ ไปเอามาแต่ไหน สติ แปลว่า ยังไม่ถึงกุศล คิกๆๆ แล้วบอกว่าเขาสอนแปลทุกวัน

ในหนังสือนวโกวาท ซึ่งหนังสือเรียนชั้นต้น ก็มีโด่ๆว่า สติ ความระลึก สัมปชัญญะ ความรู้ตัว

ทั้งสติ กับ สัมปชัญญะ มักมาคู่กัน แต่สำนักบ้านธัมมะไปแปลว่าว่า สติ แปลว่า ยังไม่ถึงกุศล นำพื้นที่ขุดเป็นบ่อเลี้ยงปลาเถอะขอรับ :b1: เสียของ

.....................................................
https://dhammachati.blogspot.com/


โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 07 ส.ค. 2018, 20:15 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
สมาชิกระดับ 19
สมาชิกระดับ 19
ลงทะเบียนเมื่อ: 29 ต.ค. 2009, 15:06
โพสต์: 7502

อายุ: 0

 ข้อมูลส่วนตัว


กรัชกาย เขียน:
Rosarin เขียน:
กรัชกาย เขียน:
คุณโรสต้องรีบออกจากบ้านธัมมะโดยเร็ว หยุดฟังคลิปแม่บริหารฯ โดยเด็ดขาด แล้วกลับไปเริ่มต้นเกี่ยวกับเรื่องศาสนาใหม่ เช่น ทำบุญตักบาตรพระเณรตอนเช้า

รูปภาพ

ถวายสังฆทาน มีโอกาสก็ไปบวชชีพราหมณ์ (เนกขัมมะ) บ้าง กวาดวิหารลานเจดีย์ ล้างห้องน้ำวัด ถวายจตุปัจจัย วัดใกล้บ้านมีงาน เช่น งานกฐิน ผ้าป่า ก็ไปช่วยขวนขวาย onion มีโอกาสอีกก็ให้อภัยทาน เช่น ปล่อยปลาลงแม่น้ำลำคลอง เอาแค่นี้ก่อนนะ :b32:

:b32:
โรสก็อยู่บ้านทำมาหากินปกติไปกทม.ไประยองไปอุดรหนองคายไปทั่วประเทศไทยเลย
แค่คลิกเข้าไปดูคลิปวิดีโอรายการบ้านธัมมะก็ได้เรียนบาลีทุกวันที่เขาแปลตรงภาษาบาลี
ให้เราเข้าใจตรงภาษาไทยทุกคำ
ในพระไตรปิฎกกำลังเป็นไปตามที่ทรงตรัสแสดงทุกคำค่ะ
ตนตรงกับคำสัจจะไหนที่กำลังปรากฏที่กายเดี๋ยวนี้ต้องรู้ค่ะไม่ตรงแปลว่าสะสมอวิชชาแล้วไง
:b13:
:b32: :b32:


อ้างคำพูด:
บ้านธัมมะก็ได้เรียนบาลีทุกวันที่เขาแปลตรงภาษาบาลีให้เราเข้าใจตรงภาษาไทยทุกคำ


เพียงแค่พูดนั่นก็มั่วแล้ว บ้านธัมมะสำนักบาลีเถือน

กิเลสตนเองกำลังเป็นข้าศึกต่อคำตถาคต
ก็บอกว่าเราคือศิษย์ตถาคตฟังคำตถาคต
เข้าใจความจริงที่กำลังปรากฏกำลังมีแล้ว
ครบตาหูจมูกลิ้นกายใจไม่ไปไหนก็มีแล้ว
ตรงตามที่ทรงตรัสรู้และทรงตรัสแสดงไว้
มีแล้วตรงความจริงเดี๋ยวนี้ค่ะกำลังเกิดดับ
ที่ไปไหนๆเพื่อทำนั่นน่ะไม่รู้มีแต่อยากไป
ไม่อยากฟังไงคะปัญญาต้องสะสมตรงจริง
ปัญญาแรกคือฟังสิ่งที่กำลังมีเดี๋ยวนี้ให้เข้าใจ
สะสมปัญญาแล้วพอหยุดฟังเป็นกิเลสตนพาไป
เพื่อทำตามมิจฉามรรคไงคะไม่มีกาลามสูตร10
ตถาคตกล่าวตรงภาษาที่เขาใช้อยู่สมัยพุทธกาล
ไม่ต้องมาแปลต่ออีกไงคะฟังแล้วเข้าใจถูกทันทีเลย
ไม่ต้องไปเอาดิกชินนารี่มาเปิดแปลก่อนไงคะคริคริคริ
คำสอนต้องศึกษาโดยการฟังจากผู้ที่กล่าวตรงความจริง
ตรงที่กำลังเห็นเดี๋ยวนี้ได้ยินเดี๋ยวนี้ทุกอย่างคือเดี๋ยวนี้ทั้งหมด
จะรอให้หมดลมหายใจก็หมดโอกาสได้ฟังเพื่อสะสมปัญญาแน่นอน
:b12:
:b4: :b4:


แสดงโพสต์จาก:  เรียงตาม  
กลับไปยังกระทู้  [ 80 โพสต์ ]  ไปที่หน้า ย้อนกลับ  1, 2, 3, 4, 5, 6  ต่อไป

เขตเวลา GMT + 7 ชั่วโมง


 ผู้ใช้งานขณะนี้

กำลังดูบอร์ดนี้: ไม่มีสมาชิก และ บุคคลทั่วไป 104 ท่าน


ท่าน ไม่สามารถ โพสต์กระทู้ในบอร์ดนี้ได้
ท่าน ไม่สามารถ ตอบกระทู้ในบอร์ดนี้ได้
ท่าน ไม่สามารถ แก้ไขโพสต์ของท่านในบอร์ดนี้ได้
ท่าน ไม่สามารถ ลบโพสต์ของท่านในบอร์ดนี้ได้
ท่าน ไม่สามารถ แนบไฟล์ในบอร์ดนี้ได้

ค้นหาสำหรับ:
ไปที่:  
Google
ทั่วไป เว็บธรรมจักร