ลานธรรมจักร
http://www.dhammajak.net/forums/

บุญ-กรรม มีอยู่จริงๆมั้ยครับ ท้อเหลือเกิน
http://www.dhammajak.net/forums/viewtopic.php?f=1&t=56172
หน้า 2 จากทั้งหมด 2

เจ้าของ:  Hopeless [ 15 ก.ค. 2018, 23:33 ]
หัวข้อกระทู้:  Re: บุญ-กรรม มีอยู่จริงๆมั้ยครับ ท้อเหลือเกิน

กรัชกาย เขียน:
อ้างคำพูด:
ปล 2 กรุณาอย่านำเรื่องนี้ไปแชร์ที่ไหนเลยนะครับ ผมแค่อยากมาปรึกษา หาที่พึ่งทางใจ ไม่อยากให้แฟนผมได้มาเจอข้อความนี้ครับ


ถ้ารู้ว่าแฟนคุณเล่นเฟส จะนำไปแชร์ให้เธอดู ให้เธอรู้ว่า จขกท. เป็นคนดีมีน้ำใจ เพราะพื้นฐานชีวิตอยู่ในสภาพแวดล้อมที่ดี - ภาษาทางธรรมเรียกว่า ปรโตโฆสที่ดี


อย่าเลยครับผม กลัวเขารู้ว่าผมยังยึดติดกับอดีต ยังปล่อยวางไม่หมด ไม่อยากให้เขาต้องร้องไห้อีกครับ

เจ้าของ:  Hopeless [ 15 ก.ค. 2018, 23:37 ]
หัวข้อกระทู้:  Re: บุญ-กรรม มีอยู่จริงๆมั้ยครับ ท้อเหลือเกิน

Rosarin เขียน:
Kiss
มีอีกแบบ1มุมมองให้พิจารณาค่ะ
ผู้ชายคนนึงช่วยผู้หญิงคนนึงที่เป็นเพื่อนร่วมงานเข้ามาอยู่ในบ้าน
ต่อมาผู้หญิงคนนั้นไปรักผู้ชายอีกคนในที่ทำงานเดียวกันและ
มาบอกเลิกชายคนแรกไปอยู่กะผู้ชายคนที่2และต้องเห็น
ทั้งคู่ควงกันในที่ทำงานและเพื่อนร่วมงานก็วิจารณ์ด้วย
คนๆนั้นทุกข์มากค่ะแต่เมื่อได้มาอยู่กับพระธรรมค่ะ
ช่วยได้นะคะความทุกข์ร้อนใจลดลงได้แท้จริง
ขอเวลาหาคลิปมาให้เปิดดูสักพักนะคะ
onion onion onion


ได้ครับ ขอบคุณครับ
จริงๆผมก็มีฟังธรรมะมาบ้าง ในยุทุปครับ ชื่อ "ธรรมะธาดา" แต่หลังจากเกิดเรื่องแบบนี้ ผมจึงท้อๆเลยไม่ค่อยได้ฟังต่อ T^T

เจ้าของ:  เช่นนั้น [ 16 ก.ค. 2018, 21:50 ]
หัวข้อกระทู้:  Re: บุญ-กรรม มีอยู่จริงๆมั้ยครับ ท้อเหลือเกิน

ธ่อ ...อ่านมาตั้งนาน
จขกท. พวกโลกสวย .. อยากเป็นคนแรกของผู้หญิง
บูชา virgin ....หากสาวไหนไม่ virgin ก็ตะขิดขวงใจ
คิดใหม่ ทำใหม่นะครับ ไม่เกี่ยวอะไรกันเลย กับบุญ-กรรม ที่เอามาเขียน

รักจริง หวังแต่ง
ก็รักที่คุณความดี เธอมีเท่าที่ จขกท.หวังรึเปล่าก็เท่านั้น
อย่าคิดว่าตัวเองดีมากมายปานใด
คน perfect สมบูรณ์ปราศจากตำหนิแม้แต่เพียงนิดเดียว หายากเท่างมเข็มในมหาสมุทรครับ
ว่าแต่ ตัวเราเองเถอะ perfect ปานไหนกัน ถึงกับมีอดีต ตั้งสองคน แถมยังทะลึ่งไปอยู่กันสองต่อสอง แม้โดยไม่มีอะไรกัน ก็ตาม รู้ไหมว่าทำอย่างนั้น ผญ. ก็เสียหายได้ จริงหรือไม่จริง...

แม้แต่ตัวเองยังไม่ perfect จะหวัง ให้คนอื่น perfect ...... เพ้อเข้าข้างตัวเองชัดๆ ครับ
คนอื่นเลิกกัน จะด่าจะว่ากัน ก็ธรรมดาของคนที่มีปากไม่ดี ก็ช่างมาน ตัวเองไม่ทำก็ใช้ได้แระ

หากยังรักเธออยู่ ก็ปรับปรุงทัศนะคติตัวเองใหม่ เท่านั้นเอง ก็จบ ง่ายจะตาย ทำได้ป่ะล่ะ ^ ^

เจ้าของ:  Rosarin [ 16 ก.ค. 2018, 23:24 ]
หัวข้อกระทู้:  Re: บุญ-กรรม มีอยู่จริงๆมั้ยครับ ท้อเหลือเกิน

เช่นนั้น เขียน:
ธ่อ ...อ่านมาตั้งนาน
จขกท. พวกโลกสวย .. อยากเป็นคนแรกของผู้หญิง
บูชา virgin ....หากสาวไหนไม่ virgin ก็ตะขิดขวงใจ
คิดใหม่ ทำใหม่นะครับ ไม่เกี่ยวอะไรกันเลย กับบุญ-กรรม ที่เอามาเขียน

รักจริง หวังแต่ง
ก็รักที่คุณความดี เธอมีเท่าที่ จขกท.หวังรึเปล่าก็เท่านั้น
อย่าคิดว่าตัวเองดีมากมายปานใด
คน perfect สมบูรณ์ปราศจากตำหนิแม้แต่เพียงนิดเดียว หายากเท่างมเข็มในมหาสมุทรครับ
ว่าแต่ ตัวเราเองเถอะ perfect ปานไหนกัน ถึงกับมีอดีต ตั้งสองคน แถมยังทะลึ่งไปอยู่กันสองต่อสอง แม้โดยไม่มีอะไรกัน ก็ตาม รู้ไหมว่าทำอย่างนั้น ผญ. ก็เสียหายได้ จริงหรือไม่จริง...

แม้แต่ตัวเองยังไม่ perfect จะหวัง ให้คนอื่น perfect ...... เพ้อเข้าข้างตัวเองชัดๆ ครับ
คนอื่นเลิกกัน จะด่าจะว่ากัน ก็ธรรมดาของคนที่มีปากไม่ดี ก็ช่างมาน ตัวเองไม่ทำก็ใช้ได้แระ

หากยังรักเธออยู่ ก็ปรับปรุงทัศนะคติตัวเองใหม่ เท่านั้นเอง ก็จบ ง่ายจะตาย ทำได้ป่ะล่ะ ^ ^

เกินความคาดหมายไร้มายาสาไถ
:b32: :b32: :b32: :b32: :b32:

เจ้าของ:  Rosarin [ 16 ก.ค. 2018, 23:27 ]
หัวข้อกระทู้:  Re: บุญ-กรรม มีอยู่จริงๆมั้ยครับ ท้อเหลือเกิน

Hopeless เขียน:
Rosarin เขียน:
Kiss
มีอีกแบบ1มุมมองให้พิจารณาค่ะ
ผู้ชายคนนึงช่วยผู้หญิงคนนึงที่เป็นเพื่อนร่วมงานเข้ามาอยู่ในบ้าน
ต่อมาผู้หญิงคนนั้นไปรักผู้ชายอีกคนในที่ทำงานเดียวกันและ
มาบอกเลิกชายคนแรกไปอยู่กะผู้ชายคนที่2และต้องเห็น
ทั้งคู่ควงกันในที่ทำงานและเพื่อนร่วมงานก็วิจารณ์ด้วย
คนๆนั้นทุกข์มากค่ะแต่เมื่อได้มาอยู่กับพระธรรมค่ะ
ช่วยได้นะคะความทุกข์ร้อนใจลดลงได้แท้จริง
ขอเวลาหาคลิปมาให้เปิดดูสักพักนะคะ
onion onion onion


ได้ครับ ขอบคุณครับ
จริงๆผมก็มีฟังธรรมะมาบ้าง ในยุทุปครับ ชื่อ "ธรรมะธาดา" แต่หลังจากเกิดเรื่องแบบนี้ ผมจึงท้อๆเลยไม่ค่อยได้ฟังต่อ T^T

:b12:
แนะนำเข้าเว็บไซต์เลยดีกว่าค่ะเรียนทางธรรมแท้ๆนะคะ
http://www.dhammahome.com

เจ้าของ:  กรัชกาย [ 17 ก.ค. 2018, 08:51 ]
หัวข้อกระทู้:  Re: บุญ-กรรม มีอยู่จริงๆมั้ยครับ ท้อเหลือเกิน

Rosarin เขียน:
Hopeless เขียน:
Rosarin เขียน:
Kiss
มีอีกแบบ1มุมมองให้พิจารณาค่ะ
ผู้ชายคนนึงช่วยผู้หญิงคนนึงที่เป็นเพื่อนร่วมงานเข้ามาอยู่ในบ้าน
ต่อมาผู้หญิงคนนั้นไปรักผู้ชายอีกคนในที่ทำงานเดียวกันและ
มาบอกเลิกชายคนแรกไปอยู่กะผู้ชายคนที่2และต้องเห็น
ทั้งคู่ควงกันในที่ทำงานและเพื่อนร่วมงานก็วิจารณ์ด้วย
คนๆนั้นทุกข์มากค่ะแต่เมื่อได้มาอยู่กับพระธรรมค่ะ
ช่วยได้นะคะความทุกข์ร้อนใจลดลงได้แท้จริง
ขอเวลาหาคลิปมาให้เปิดดูสักพักนะคะ
onion onion onion


ได้ครับ ขอบคุณครับ
จริงๆผมก็มีฟังธรรมะมาบ้าง ในยุทุปครับ ชื่อ "ธรรมะธาดา" แต่หลังจากเกิดเรื่องแบบนี้ ผมจึงท้อๆเลยไม่ค่อยได้ฟังต่อ T^T

:b12:
แนะนำเข้าเว็บไซต์เลยดีกว่าค่ะเรียนทางธรรมแท้ๆนะคะ
http://www.dhammahome.com



จกขท. ควรทำความเข้าใจคำว่าธรรมะให้ถ่องแท้แน่ชัดก่อน ถ้าเข้าใจคลุมๆเครือๆ เข้าใจผิดแล้วจะกู่ไม่กลับ

เริ่มทำความคำว่า ธรรม,ธรรมะที่นี่

viewtopic.php?f=1&t=55033

น้ำจิ้มหน่อย

อ้างคำพูด:
ในเรื่องพระธรรม : คำว่า “ธรรม” เป็นคำมีความหมายกว้าง ลึก เราเอามาใช้ในภาษาไทยเหมือนกับเป็นภาษาไทย เวลาพูดว่า “ธรรม” ก็เข้าใจ แต่ความจริงเป็นคำบาลี เราเอามาเขียนเป็นรูปสันสกฤตว่า “ธรรม” โดยมากภาษาไทยมักเป็นอย่างนั้น ถ้าแผลงมาจากบาลี มักเขียนแบบสันสฤต

ถ้าเขียนแบบบาลีก็ว่า “ธมฺม” เขียนแบบสันสกฤตนั้นต้องอ่านว่า “ธะร์มะ” ฉะนั้น ธรรมมะจึงเป็นคำที่ใช้ทั่วไป และมีความหมายกว้าง กินความคลุมหมดทั้งสิ่งที่เป็นรูปและไม่ใช่รูป

สิ่งที่ไม่ใช่รูป เรียกว่า นาม เราควรรู้ว่า เขาเรียกว่า รูปธรรม นามธรรม

รูป นั้นเป็นสิ่งที่เป็นรูปร่าง สัมผัสได้ด้วยประสาททั้งห้า

สิ่งที่สัมผัสด้วยใจ เรียกว่า นาม

เช่น ตาเห็นรูป ตานั้นเป็นรูป สิ่งที่เห็นนั้นก็เป็นรูป ความรู้สึกทางตานั้น เป็นนาม

หูได้ยินเสียง หูก็เป็นรูป เสียงก็เป็นรูป ความรู้สึกได้ยินนั้นเป็นนาม ฯลฯ

สิ่งที่เป็นรูป ก็เป็น รูปธรรม

สิ่งเป็นนามก็เป็น นามธรรม

สิ่งที่เป็นความดี ก็เป็น ธรรม สิ่งที่เป็นความชั่ว ก็เป็น ธรรม

สิ่งที่เป็นความดี เรียก กุศลธรรม ถ้าเป็นความชั่ว ก็เรียก อกุศลธรรม

กุศลธรรม คือ ธรรมฝ่ายดี อกุศลธรรมก็เป็นธรรมฝ่ายชั่ว

ธรรมคำเดียวเอาไปเติมแต่งเข้ามามากมายก่ายกอง หมายถึงอะไรๆ หมดทุกอย่าง

ความดี ความชั่ว ความสุข ก็เป็นธรรม ความทุกข์ ก็เรียกว่าเป็น ธรรม เช่นกัน

ฉะนั้น เมื่อเราไปฟังพระสวด ในเวลามีงานศพจะได้ยินว่าอะไรๆ ก็ลงท้ายว่า ธรรม ทั้งนั้น “กุสะลา ธัมมา
อะกุสะลา ธัมมา
อัพยากะตา ธัมมา
สุขายะ เวททะนายะ สัมปะยุตตา ธัมมา
ทุกขายะ เวททะนายะ สัมปะยุตตา ธัมมา
อะทุกขะมะสุขายะ เวทะทะนายะ สัมปะยุตตา ธัมมา
วิปากา ธัมมา
วิปากะธัมมะ ธัมมา ฯลฯ” เป็นธรรมทั้งนั้น ไม่มีอะไรที่ไม่ใช่ธรรม ของทั้งหลายในสากลโลก เป็น ธรรม ทั้งนั้น


ธรรมะก็เรื่องเห็นๆนี่แหละ แต่ภาษาทางธรรมเป็นภาษาบาลี (ภาษามคธ) แต่คนไทยเราเอาภาษาของเขา ไปตีความแปลความเป็นภาษาไทย จึงเข้าใจแบบไทยๆ เมื่อเข้าใจคลาดเคลื่อนแล้วก็คิดเตลิดออกไปนอกทางนอกธรรมนอกความหมายของเขาไป ไปไหนไม่รู้ :b32:

เจ้าของ:  กรัชกาย [ 17 ก.ค. 2018, 21:26 ]
หัวข้อกระทู้:  Re: บุญ-กรรม มีอยู่จริงๆมั้ยครับ ท้อเหลือเกิน

อีกตัวอย่างสั้นๆ น่าจะสำนักเดียวกับคุณโรส :b32:

อ้างคำพูด:
ฟังพระธรรม เพื่อให้เข้าใจ ว่าทุกอย่างเป็นธรรมะ ไม่ใช่ตัวตน

http://www.dhammajak.net/forums/viewtopic.php?f=1&t=56221


เทียบความหมาย ธรรมะ ข้างบนดู

เจ้าของ:  McArowana [ 06 ส.ค. 2018, 09:39 ]
หัวข้อกระทู้:  Re: บุญ-กรรม มีอยู่จริงๆมั้ยครับ ท้อเหลือเกิน

smiley

เจ้าของ:  Rosarin [ 06 ส.ค. 2018, 11:54 ]
หัวข้อกระทู้:  Re: บุญ-กรรม มีอยู่จริงๆมั้ยครับ ท้อเหลือเกิน

กรัชกาย เขียน:
Rosarin เขียน:
Hopeless เขียน:
Rosarin เขียน:
Kiss
มีอีกแบบ1มุมมองให้พิจารณาค่ะ
ผู้ชายคนนึงช่วยผู้หญิงคนนึงที่เป็นเพื่อนร่วมงานเข้ามาอยู่ในบ้าน
ต่อมาผู้หญิงคนนั้นไปรักผู้ชายอีกคนในที่ทำงานเดียวกันและ
มาบอกเลิกชายคนแรกไปอยู่กะผู้ชายคนที่2และต้องเห็น
ทั้งคู่ควงกันในที่ทำงานและเพื่อนร่วมงานก็วิจารณ์ด้วย
คนๆนั้นทุกข์มากค่ะแต่เมื่อได้มาอยู่กับพระธรรมค่ะ
ช่วยได้นะคะความทุกข์ร้อนใจลดลงได้แท้จริง
ขอเวลาหาคลิปมาให้เปิดดูสักพักนะคะ
onion onion onion


ได้ครับ ขอบคุณครับ
จริงๆผมก็มีฟังธรรมะมาบ้าง ในยุทุปครับ ชื่อ "ธรรมะธาดา" แต่หลังจากเกิดเรื่องแบบนี้ ผมจึงท้อๆเลยไม่ค่อยได้ฟังต่อ T^T

:b12:
แนะนำเข้าเว็บไซต์เลยดีกว่าค่ะเรียนทางธรรมแท้ๆนะคะ
http://www.dhammahome.com



จกขท. ควรทำความเข้าใจคำว่าธรรมะให้ถ่องแท้แน่ชัดก่อน ถ้าเข้าใจคลุมๆเครือๆ เข้าใจผิดแล้วจะกู่ไม่กลับ

เริ่มทำความคำว่า ธรรม,ธรรมะที่นี่

viewtopic.php?f=1&t=55033

น้ำจิ้มหน่อย

อ้างคำพูด:
ในเรื่องพระธรรม : คำว่า “ธรรม” เป็นคำมีความหมายกว้าง ลึก เราเอามาใช้ในภาษาไทยเหมือนกับเป็นภาษาไทย เวลาพูดว่า “ธรรม” ก็เข้าใจ แต่ความจริงเป็นคำบาลี เราเอามาเขียนเป็นรูปสันสกฤตว่า “ธรรม” โดยมากภาษาไทยมักเป็นอย่างนั้น ถ้าแผลงมาจากบาลี มักเขียนแบบสันสฤต

ถ้าเขียนแบบบาลีก็ว่า “ธมฺม” เขียนแบบสันสกฤตนั้นต้องอ่านว่า “ธะร์มะ” ฉะนั้น ธรรมมะจึงเป็นคำที่ใช้ทั่วไป และมีความหมายกว้าง กินความคลุมหมดทั้งสิ่งที่เป็นรูปและไม่ใช่รูป

สิ่งที่ไม่ใช่รูป เรียกว่า นาม เราควรรู้ว่า เขาเรียกว่า รูปธรรม นามธรรม

รูป นั้นเป็นสิ่งที่เป็นรูปร่าง สัมผัสได้ด้วยประสาททั้งห้า

สิ่งที่สัมผัสด้วยใจ เรียกว่า นาม

เช่น ตาเห็นรูป ตานั้นเป็นรูป สิ่งที่เห็นนั้นก็เป็นรูป ความรู้สึกทางตานั้น เป็นนาม

หูได้ยินเสียง หูก็เป็นรูป เสียงก็เป็นรูป ความรู้สึกได้ยินนั้นเป็นนาม ฯลฯ

สิ่งที่เป็นรูป ก็เป็น รูปธรรม

สิ่งเป็นนามก็เป็น นามธรรม

สิ่งที่เป็นความดี ก็เป็น ธรรม สิ่งที่เป็นความชั่ว ก็เป็น ธรรม

สิ่งที่เป็นความดี เรียก กุศลธรรม ถ้าเป็นความชั่ว ก็เรียก อกุศลธรรม

กุศลธรรม คือ ธรรมฝ่ายดี อกุศลธรรมก็เป็นธรรมฝ่ายชั่ว

ธรรมคำเดียวเอาไปเติมแต่งเข้ามามากมายก่ายกอง หมายถึงอะไรๆ หมดทุกอย่าง

ความดี ความชั่ว ความสุข ก็เป็นธรรม ความทุกข์ ก็เรียกว่าเป็น ธรรม เช่นกัน

ฉะนั้น เมื่อเราไปฟังพระสวด ในเวลามีงานศพจะได้ยินว่าอะไรๆ ก็ลงท้ายว่า ธรรม ทั้งนั้น “กุสะลา ธัมมา
อะกุสะลา ธัมมา
อัพยากะตา ธัมมา
สุขายะ เวททะนายะ สัมปะยุตตา ธัมมา
ทุกขายะ เวททะนายะ สัมปะยุตตา ธัมมา
อะทุกขะมะสุขายะ เวทะทะนายะ สัมปะยุตตา ธัมมา
วิปากา ธัมมา
วิปากะธัมมะ ธัมมา ฯลฯ” เป็นธรรมทั้งนั้น ไม่มีอะไรที่ไม่ใช่ธรรม ของทั้งหลายในสากลโลก เป็น ธรรม ทั้งนั้น


ธรรมะก็เรื่องเห็นๆนี่แหละ แต่ภาษาทางธรรมเป็นภาษาบาลี (ภาษามคธ) แต่คนไทยเราเอาภาษาของเขา ไปตีความแปลความเป็นภาษาไทย จึงเข้าใจแบบไทยๆ เมื่อเข้าใจคลาดเคลื่อนแล้วก็คิดเตลิดออกไปนอกทางนอกธรรมนอกความหมายของเขาไป ไปไหนไม่รู้ :b32:

Kiss
เข้าใจความจริงที่กำลังปรากฏเดี๋ยวนี้แหละคือความปกติรู้ตรงปัจจุบันขณะค่ะ
ความจริงตรงปัจจุบันขณะคือมีกายใจตัวเองส่งออกไปนอกกายตามการมองเห็นค่ะ
เพราะความจริงที่พระพุทธเจ้าบอกให้เข้าใจคือเดี๋ยวนี้มีความจริงทางตาหูจมูกลิ้นกายใจ
ที่ไม่ใช่ตัวตนแต่เป็นปรมัตถธัมมะที่ละเอียดเปลี่ยนแปลงความจริงของลักษณะนั้นๆไม่ได้เลย
เช่นกายสัมผัสร้อนก็คือร้อนแล้วก็หมดไปมีเสียงมีกลิ่นมีเย็นมีแข็งๆนิ่มๆทุกอย่างเฉพาะเจาะจงตรงๆ
ความจริงไม่เปลี่ยนแต่ใจตนนั้นเปลี่ยนเพราะความไม่รู้ความจริงที่กำลังปรากฏจึงต้องอาศัยฟังคำตถาคตไง
:b12:
:b17: :b17:

เจ้าของ:  Rosarin [ 06 ส.ค. 2018, 11:59 ]
หัวข้อกระทู้:  Re: บุญ-กรรม มีอยู่จริงๆมั้ยครับ ท้อเหลือเกิน

กรัชกาย เขียน:
อีกตัวอย่างสั้นๆ น่าจะสำนักเดียวกับคุณโรส :b32:

อ้างคำพูด:
ฟังพระธรรม เพื่อให้เข้าใจ ว่าทุกอย่างเป็นธรรมะ ไม่ใช่ตัวตน

http://www.dhammajak.net/forums/viewtopic.php?f=1&t=56221


เทียบความหมาย ธรรมะ ข้างบนดู

cool
ภาษาไทยใช้คำว่า สิ่งที่มีจริง=ธัมมะ
สิ่งที่มีจริงกำลังมีและกำลังปรากฏว่ามีแล้ว
ตรงตามที่พระพุทธเจ้าทรงตรัสรู้ทุกคำเลย
ทุกคำในพระไตรปิฎกส่องถึงความจริงเดี๋ยวนี้
ไม่ต้องไปเพื่อแสวงหาที่ไหนเลยเพียงเงี่ยโสตลงสดับ
และตั้งจิตไว้ชอบเพื่อฟังความจริงเพื่อให้คิดถูกตามได้
คือการทำสัมมาทิฏฐิอบรมจิตให้คิดตรงความจริงที่กำลังมี
:b12:
:b4: :b4:

เจ้าของ:  กรัชกาย [ 06 ส.ค. 2018, 17:40 ]
หัวข้อกระทู้:  Re: บุญ-กรรม มีอยู่จริงๆมั้ยครับ ท้อเหลือเกิน

Rosarin เขียน:
กรัชกาย เขียน:
อีกตัวอย่างสั้นๆ น่าจะสำนักเดียวกับคุณโรส :b32:

อ้างคำพูด:
ฟังพระธรรม เพื่อให้เข้าใจ ว่าทุกอย่างเป็นธรรมะ ไม่ใช่ตัวตน

http://www.dhammajak.net/forums/viewtopic.php?f=1&t=56221


เทียบความหมาย ธรรมะ ข้างบนดู

cool
ภาษาไทยใช้คำว่า สิ่งที่มีจริง=ธัมมะ
สิ่งที่มีจริงกำลังมีและกำลังปรากฏว่ามีแล้ว
ตรงตามที่พระพุทธเจ้าทรงตรัสรู้ทุกคำเลย
ทุกคำในพระไตรปิฎกส่องถึงความจริงเดี๋ยวนี้
ไม่ต้องไปเพื่อแสวงหาที่ไหนเลยเพียงเงี่ยโสตลงสดับ
และตั้งจิตไว้ชอบเพื่อฟังความจริงเพื่อให้คิดถูกตามได้
คือการทำสัมมาทิฏฐิอบรมจิตให้คิดตรงความจริงที่กำลังมี
:b12:
:b4: :b4:


"ธรรม" ไม่ใช่ภาษาไทย (ธรรม - สันสกฤต) (ธัมม์ - บาลี) เคยบอกแล้วว่า คุณโรสเอาศัพท์แสงของเขามาแล้วด้นเดาเอาเองว่า นั่นนี่ กลายเป็นหัวมังกุท้ายมังกรไป

หน้า 2 จากทั้งหมด 2 เขตเวลา GMT + 7 ชั่วโมง
Powered by phpBB © 2000, 2002, 2005, 2007 phpBB Group
http://www.phpbb.com/