วันเวลาปัจจุบัน 28 มี.ค. 2024, 20:39  



เขตเวลา GMT + 7 ชั่วโมง




กลับไปยังกระทู้  [ 88 โพสต์ ]  ไปที่หน้า ย้อนกลับ  1, 2, 3, 4, 5, 6  ต่อไป  Bookmark and Share
เจ้าของ ข้อความ
โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 06 ก.ค. 2018, 20:37 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
สมาชิกระดับสูงสุด
สมาชิกระดับสูงสุด
ลงทะเบียนเมื่อ: 24 ต.ค. 2006, 12:36
โพสต์: 33766

อายุ: 0

 ข้อมูลส่วนตัว


Rosarin เขียน:

ก็บอกให้ดูที่ตาหูจมูกลิ้นกายใจตนเอง
เข้าใจสิ่งที่ตนเองจำแบบไหนก็ตอบมาสิ
แล้วจะบอกว่าตอบถูกหรือผิดไม่ตอบเอง
จะเกิดปัญญาได้ไงถามให้รู้จักคิดเองไงคะ
ถ้าบอกไปแล้วไม่ใช่สิ่งที่ตนเองกำลังจำนี่นา
ก็เหตุปัจจัยอยู่ที่กายใจตัวเองก็พูดไปสิตัวเองจำ
สิ่งที่อยู่ตรงหน้าทางตาหูจมูกลิ้นกายใจเดี๋ยวนี้เลยมีแล้ว
รู้เรื่องไหมเนี่ยไตร่ตรองเป็นไหมต้องรู้เหตุปัจจัยที่มีจริงๆตรงหน้า


ศิษย์กับอาจารย์พอๆกัน

https://scontent.fbkk5-3.fna.fbcdn.net/ ... e=5BD637C3

https://www.facebook.com/photo.php?fbid ... =3&theater

.....................................................
https://dhammachati.blogspot.com/


โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 06 ก.ค. 2018, 22:06 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
สมาชิกระดับ 19
สมาชิกระดับ 19
ลงทะเบียนเมื่อ: 29 ต.ค. 2009, 15:06
โพสต์: 7503

อายุ: 0

 ข้อมูลส่วนตัว


กรัชกาย เขียน:
Rosarin เขียน:

ก็บอกให้ดูที่ตาหูจมูกลิ้นกายใจตนเอง
เข้าใจสิ่งที่ตนเองจำแบบไหนก็ตอบมาสิ
แล้วจะบอกว่าตอบถูกหรือผิดไม่ตอบเอง
จะเกิดปัญญาได้ไงถามให้รู้จักคิดเองไงคะ
ถ้าบอกไปแล้วไม่ใช่สิ่งที่ตนเองกำลังจำนี่นา
ก็เหตุปัจจัยอยู่ที่กายใจตัวเองก็พูดไปสิตัวเองจำ
สิ่งที่อยู่ตรงหน้าทางตาหูจมูกลิ้นกายใจเดี๋ยวนี้เลยมีแล้ว
รู้เรื่องไหมเนี่ยไตร่ตรองเป็นไหมต้องรู้เหตุปัจจัยที่มีจริงๆตรงหน้า


ศิษย์กับอาจารย์พอๆกัน

https://scontent.fbkk5-3.fna.fbcdn.net/ ... e=5BD637C3

https://www.facebook.com/photo.php?fbid ... =3&theater

Kiss
พระพุทธเจ้าตรัสรู้ความจริงและแสดงความจริงให้ผู้ที่ตั้งใจฟังเท่านั้นเกิดปัญญาเข้าใจถูกตามได้
สวากขาโต ภะคะวะตาธัมโม...ตรัสทุกคำเปลี่ยนไม่ได้จึงต้องฟังและไม่คิดเองตลอดทุกชาติรู้ไหม
อะไรกำลังปรากฏให้รู้เดี๋ยวนี้เลย...ตนต้องตรงที่จะรู้ความจริงที่กำลังมีเดี๋ยวนี้ตรงปรมัตถสัจจะธัมมะ
แค่คิดตรงตามที่ละคำทำไม่ได้...ตายกี่ชาติก็ไม่มีปัญญารู้ว่าใครคือตถาคตเพราะตถาคตอุชุคือตรงจริง
:b11:


โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 07 ก.ค. 2018, 05:40 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
สมาชิกระดับสูงสุด
สมาชิกระดับสูงสุด
ลงทะเบียนเมื่อ: 24 ต.ค. 2006, 12:36
โพสต์: 33766

อายุ: 0

 ข้อมูลส่วนตัว


โน เจ อสฺส สกา พุทฺธิ วินโย วา สุสิกฺขิโต
วเน อนฺธมหีโสว จเรยฺย พหุโก ชโน
ยสฺมา จ ปนิเธกจฺเจ อาเจรมฺหิ สุสิกฺขิตา
ตสฺมา วินีตวินยา ธีรา จรนฺติ สุสมาหิตา.


ถ้าความรู้ของตนเองหรือวินัยที่ศึกษา (ปฏิบัติ) ดีแล้ว ไม่พึงมีไซร้ ชนเป็นอันมากก็จะพึงดำเนินชีวิต เหมือนควายตาบอดเที่ยวไปในป่า
ชนทั้งหลายในโลกนี้ จะเป็นนักปราชญ์ มีวินัยอันแนะนำแล้ว (ผู้ได้รับการฝึกหัดอบรม) มีใจมั่นคงดำเนินชีวิตไปได้ ก็เพราะศึกษาดีแล้วในสำนักอาจารย์.

.....................................................
https://dhammachati.blogspot.com/


โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 08 ก.ค. 2018, 23:28 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
สมาชิกระดับ 19
สมาชิกระดับ 19
ลงทะเบียนเมื่อ: 29 ต.ค. 2009, 15:06
โพสต์: 7503

อายุ: 0

 ข้อมูลส่วนตัว


กรัชกาย เขียน:
โน เจ อสฺส สกา พุทฺธิ วินโย วา สุสิกฺขิโต
วเน อนฺธมหีโสว จเรยฺย พหุโก ชโน
ยสฺมา จ ปนิเธกจฺเจ อาเจรมฺหิ สุสิกฺขิตา
ตสฺมา วินีตวินยา ธีรา จรนฺติ สุสมาหิตา.


ถ้าความรู้ของตนเองหรือวินัยที่ศึกษา (ปฏิบัติ) ดีแล้ว ไม่พึงมีไซร้ ชนเป็นอันมากก็จะพึงดำเนินชีวิต เหมือนควายตาบอดเที่ยวไปในป่า
ชนทั้งหลายในโลกนี้ จะเป็นนักปราชญ์ มีวินัยอันแนะนำแล้ว (ผู้ได้รับการฝึกหัดอบรม) มีใจมั่นคงดำเนินชีวิตไปได้ ก็เพราะศึกษาดีแล้วในสำนักอาจารย์.

:b12:
สิกขาบทคือบทที่ต้องทำตามเพื่อกำกับกิเลสผู้บวช
การปลงอาบัติไม่ว่าจะมากหรือน้อยก็แปลว่ามีกิเลส
กำเริบเพิ่มเข้าไปใหม่แล้วศีลขาดทะลุแล้วต้องปลง
เหมือนโอ่งรั่วแล้วจะเทน้ำเข้าไปก็เท่ากะเททิ้งมันลด
คือน้ำไม่เพิ่มขึ้นแถมจะแห้งขอดไปจนแห้งผาดเลย
ไม่เหลือน้ำคือความดีอันใดให้ชุ่มฉ่ำพอจุนเจือผู้อื่น
ต้องอุดรูรั่วนั่นก่อนค่อยเริ่มเติมน้ำลงไปใหม่ถูกป่าว
:b13:
:b32: :b32:


โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 09 ก.ค. 2018, 05:29 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
สมาชิกระดับสูงสุด
สมาชิกระดับสูงสุด
ลงทะเบียนเมื่อ: 24 ต.ค. 2006, 12:36
โพสต์: 33766

อายุ: 0

 ข้อมูลส่วนตัว


Rosarin เขียน:
กรัชกาย เขียน:
โน เจ อสฺส สกา พุทฺธิ วินโย วา สุสิกฺขิโต
วเน อนฺธมหีโสว จเรยฺย พหุโก ชโน
ยสฺมา จ ปนิเธกจฺเจ อาเจรมฺหิ สุสิกฺขิตา
ตสฺมา วินีตวินยา ธีรา จรนฺติ สุสมาหิตา.


ถ้าความรู้ของตนเองหรือวินัยที่ศึกษา (ปฏิบัติ) ดีแล้ว ไม่พึงมีไซร้ ชนเป็นอันมากก็จะพึงดำเนินชีวิต เหมือนควายตาบอดเที่ยวไปในป่า
ชนทั้งหลายในโลกนี้ จะเป็นนักปราชญ์ มีวินัยอันแนะนำแล้ว (ผู้ได้รับการฝึกหัดอบรม) มีใจมั่นคงดำเนินชีวิตไปได้ ก็เพราะศึกษาดีแล้วในสำนักอาจารย์.

:b12:
สิกขาบทคือบทที่ต้องทำตามเพื่อกำกับกิเลสผู้บวช
การปลงอาบัติไม่ว่าจะมากหรือน้อยก็แปลว่ามีกิเลส
กำเริบเพิ่มเข้าไปใหม่แล้วศีลขาดทะลุแล้วต้องปลง
เหมือนโอ่งรั่วแล้วจะเทน้ำเข้าไปก็เท่ากะเททิ้งมันลด
คือน้ำไม่เพิ่มขึ้นแถมจะแห้งขอดไปจนแห้งผาดเลย
ไม่เหลือน้ำคือความดีอันใดให้ชุ่มฉ่ำพอจุนเจือผู้อื่น
ต้องอุดรูรั่วนั่นก่อนค่อยเริ่มเติมน้ำลงไปใหม่ถูกป่าว
:b13:
:b32: :b32:


คุณโรสนี่ไปนรกง่าย

.....................................................
https://dhammachati.blogspot.com/


โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 12 ก.ค. 2018, 16:37 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
สมาชิกระดับสูงสุด
สมาชิกระดับสูงสุด
ลงทะเบียนเมื่อ: 24 ต.ค. 2006, 12:36
โพสต์: 33766

อายุ: 0

 ข้อมูลส่วนตัว


ลิงค์ เพศ, ในบาลีไวยากรณ์ มี ๓ อย่าง คือ ปุงลิงค์ เพศชาย , อิตถีลิงค์ เพศหญิง นปุงสกลิงค์ มิใช่เพศชายมิใช่เพศหญิง

วิภัตติ ชื่อวิธีไวยากรณ์ภาษาบาลีและสันสกฤต สำหรับแจกศัพท์โดยเปลี่ยนท้ายคำให้มีรูปต่างๆกัน เพื่อบอกการกและกาล เป็นต้น เช่น คำนาม โลโก ว่า โลก, โลกํ ซึ่งโลก, โลกา จากโลก, โลเก ในโลก


คำกิริยา เช่น นมติ ย่อมน้อม, นมตุ จงน้อม, นมิ น้อมแล้ว เป็นต้น


วจนะ คำพูด; สิ่งที่บ่งจำนวนนามทางไวยากรณ์ เช่น บาลีมี ๒ วจนะ คือ เอกวจนะ บ่งนามจำนวนเพียงหนึ่ง และ พหุวจนะ บ่งนามจำนวนสองขึ้นไป ไวยากรณ์ปัจจุบันนิยมใช้ว่า พจน์

ลหุ เสียงเบา ได้แก่ รัสสสระ ไม่มีตัวสะกด คือ อ, อิ, อุ เช่น น ขมติ คู่กับ ครุ

ครุ เสียงหนัก ได้แก่ ทีฆสระ คือ อา, อี, อู, เอ, โอ และสระที่มีพยัญชนะสะกดซึ่งเรียกว่า สังโยค เช่น พุทฺโธ โลเก อุปฺปนฺโน


ไวยากรณ์ 1. ระเบียบของภาษา, วิชาว่าด้วยระเบียบแห่งภาษา 2. พุทธพจน์ที่เป็นข้อความร้อยแก้ว คือเป็นจุณณิยบทล้วน ไม่มีคาถาเลย (ข้อ ๓ ในนวังคสัตถุศาสน์) เทียบ คาถา 2 ดู จุณณิยบท


คาถา 1. คำประพันธ์ประเภทร้อยกรองในภาษาบาลี ตรงข้ามกับจุณณิยบท

คาถาหนึ่งๆ มี ๔ บาท เช่น

อาโรคฺยปรมาลาภา สนฺตุฏฺฐีปรมํ ธนํ
วิสฺสาสปรมา ญาติ นิพฺพานํ ปรมํ สุขํ


2. พุทธพจน์ที่เป็นคาถา (ข้อ ๔ ในนวังคสัตถุศาสน์) 3. ในภาษาไทย บางทีใช้ในความหมายว่า คำเสกเป่าที่ถือว่าศักดิ์สิทธิ์ อย่างที่เรียกว่า คาถาอาคม

คัมภีร์ 1. ลึกซึ้ง 2. ตำราที่นับถือว่า สำคัญหรือเป็นของสูง, หนังสือสำคัญที่ถือเป็นหลักเป็นแบบแผน เช่น คัมภีร์ศาสนา คัมภีร์โหราศาสตร์

.....................................................
https://dhammachati.blogspot.com/


โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 15 ก.ค. 2018, 19:12 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
สมาชิกระดับสูงสุด
สมาชิกระดับสูงสุด
ลงทะเบียนเมื่อ: 24 ต.ค. 2006, 12:36
โพสต์: 33766

อายุ: 0

 ข้อมูลส่วนตัว


นิคคหิต อักขระที่ว่ากดเสียง, อักขระที่ว่าหุบปากกดกรณ์ไว้ไม่ปล่อย มีรูปเป็นจุดกลวง เช่น สงฺฆํ อุปสมฺปทํ บัดนี้ นิยมเขียน นิคหิต ( ํ)


นิบาต ศัพท์ภาษาบาลีที่วางไว้ระหว่างข้อความในประโยคเพื่อเชื่อมข้อความหรือเสริมความ เป็นอัพยยศัพท์อย่างหนึ่ง


นวังคสัตถุศาสน์ คำสั่งสอนของพระศาสดา มีองค์ ๙, พุทธพจน์มีองค์ประกอบ ๙ อย่าง, ส่วนประกอบ ๙ อย่างที่เป็นคำสอนของพระพุทธเจ้า คือ

๑. สุตตะ (พระสูตรทั้งหลาย รวมทั้งพระวินัยปิฎกและนิทเทส)

๒. เคยยะ (ความที่มีร้อยแก้วและร้อยกรองผสมกัน ได้แก่ พระสูตรที่มีคาถาทั้งหมด)

๓. เวยยากรณะ (ไวยากรณ์ คือ ความร้อยแก้วล้วน ได้แก่ พระอภิธรรมปิฎกทั้งหมด และพระสูตรที่ไม่มีคาถา เป็นต้น)

๔. คาถา (ความร้อยกรองล้วน เช่น ธรรมบท เถรคาถา เถรีคาถา เป็นต้น

๕. อุทาน (ได้แก่ พระคาถาพุทธอุทาน ๘๒ สูตร)

๖. อิติ วุตตกะ (พระสูตร ที่เรียกว่าอิติวุตตกะ ๑๑๐ สูตร)

๗. ชาตกะ (ชาดก ๕๕๐ เรื่อง)

๘. อัพภูตธรรม (เรื่องอัศจรรย์ คือพระสูตรที่กล่าวถึงข้ออัศจรรย์ต่างๆ)

๙. เวทัลละ (พระสูตร แบบถามตอบที่ให้เกิดความรู้และความพอใจแล้วซักถามยิ่งๆขึ้นไป เช่น จูฬเวทัลลสูตร มหาเวทัลลสูตร เป็นต้น)

เขียนอย่างบาลีเป็น นวังคสัตถุสาสน์

.....................................................
https://dhammachati.blogspot.com/


โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 19 ก.ค. 2018, 09:48 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
สมาชิกระดับสูงสุด
สมาชิกระดับสูงสุด
ลงทะเบียนเมื่อ: 24 ต.ค. 2006, 12:36
โพสต์: 33766

อายุ: 0

 ข้อมูลส่วนตัว


ดูกร, ดูก่อน คำเอ่ยเรียกให้เตรียมตัวฟังความที่จะพูดต่อไป “แน่ะ” หรือ “ดูรา” ก็ใช้บ้าง

เดน ของเศษของเหลือที่ไม่ต้องการ, ของเหลืออันเกินจากที่ต้องการ, “เดน” ตามที่เข้าใจกันในภาษาไทยปัจจุบัน มีความหมายไม่สู้ตรงกับที่ใช้ในทางพระวินัย อย่างน้อย ในภาษาไทย มักใช้แต่ในแง่ที่พ่วงมากับความรู้สึกเชิงว่า ต่ำทราม หรือน่ารังเกียจ “เดน” ที่ใช้ในทางพระวินัย พึงแยกว่าเป็นคำแปลของคำบาลี ๒ อย่าง

คือ

๑. ตรงกับคำบาลี “วิฆาส” หรือ “อุจฉิฏฺฐ” หมายถึง ของเศษของเหลือจากที่กินที่ใช้ เช่น ภิกษุพบเนื้อเดนที่สัตว์กิน (สีหวิฆาส - เดนราชสีห์กิน พยัคฆวิฆาส - เดนเสือโคร่งกิน โกกวิฆาส - เดนหมาป่ากิน เป็นต้น)

จะให้อนุปสัมบันต้มย่างทอดแกงแล้วฉัน ก็ได้ ไม่เป็นอาบัติ (วินย.1/137109) มีสิกขาบทห้ามภิกษุณี มิให้เทหรือสั่งให้เทอุจจาระ ปัสสาวะ หยากเยื่อหรือขงเป็นเดน ออกไปนอกฝาหรือนอกกำแพง (วินย.3/175/106 ฯลฯ) มิให้เทของเหล่านี้ลงไปบนพืชพันธุ์ของสดเขียวที่ชาวบ้านปลูกไว้ ทั้งนี้ ภิกษุก็ต้องปฏิบัติตามด้วยเช่นกัน) ฯลฯ

๒. ตรงกับคำบาลีว่า “อติริตฺต” ซึ่งมีรากศัพท์เดียวกับอติเรก หรืออดิเรก แปลว่า ส่วนเกิน เหลือเฟือ เกินใช้ หรือเกินต้องการ หมายถึง ของเหลือซึ่งเกินจากที่ต้องการ เช่นในคำว่า “คิลานติริตฺต” ที่แปลว่า “เดนภิกษุไข้” ก็คือ ของเกินฉัน หรือเกินความต้องการของพระอาพาธ

ทั้งนี้ พึงเข้าใจตามความในพระบาลี ดังเรื่องว่า ภิกษุทั้งหลายนำบิณฑบาตอันประณีตไปถวายพวกภิกษุอาพาธ ภิกษุอาพาธฉันไม่ได้ดังใจประสงค์ ภิกษุทั้งหลาย จึงทิ้งบิณฑบาตเหล่านั้นเสีย

พระผู้มีพระภาคทรงสดับเสียงนกการ้องเซ็งแซ่ จึงรับสั่งถามพระอานนท์
เมื่อทรงทราบความตามที่พระอานนท์กราบทูลแล้ว ได้ทรงอนุญาตให้ฉันอาหารอันเป็นเดน (อติริตต์) ของภิกษุอาพาธได้ แต่ (สำหรับอย่างหลัง) พึงทำให้เป็นเดน โดยบอกว่า “ทั้งหมดนั่น พอแล้ว” และทรงบัญญัติสิกขาบทว่า (วินย.2/500/328) “ภิกษุใดฉันเสร็จแล้ว ห้ามภัตแล้ว เคี้ยวก็ดี ฉันก็ดี ซึ่งของเคี้ยวก็ดี ซึ่งของฉันก็ดี อันมิใช่เดน เป็นปาจิตตีย์


ที่ว่าเดน หรือเกินฉัน ก็คือ ๒ อย่าง ได้แก่ เดนของภิกษุอาพาธ และเดนของภิกษุไม่อาพาธ ดังกล่าวแล้ว

แต่เดนชนิดหลัง คืออติริตต์ ของภิกษุ ซึ่งมิใช่ผู้อาพาธนั้น จะต้องทำให้ถูกต้องใน ๗ ประการ คือได้ทำให้เป็นกัปปิยะแล้ว, ภิกษุรับประเคนแล้ว, ยกขึ้นส่งให้, ทำในหัตถบาส, เธอฉันแล้วจึงทำ, เธอฉันเสร็จห้ามภัตแล้ว ยังมิได้ลุกจากอาสนะ ก็ทำ, และเธอกล่าวว่า ”ทั้งหมดนั่น พอแล้ว”

บางทีท่านตัดเป็น ๕ ข้อ คือ ทำให้เป็นกัปปิยะแล้ว ภิกษุรับประเคนแล้ว, (เธอฉันเสร็จ ห้ามภัตแล้ว ยังไม่ลุกจากอาสนะ) ยกขึ้นส่งให้, ทำในหัตถบาส, และกล่าวว่า ”ทั้งหมดนั่น พอแล้ว”

(มีเหตุคือมีเรื่องก่อนและเรื่องนั้นไม่ดีไม่งามทำให้เกิดความเสียหายต่อหมู่คณะ พระพุทธเจ้าก็ประชุมสงฆ์บอกข้อดีข้อเสียแล้วถามความเห็นในที่ประชุมสงฆ์เมื่อที่ประชุมรับว่าไม่ดีจริง พระพุทธองค์ก็จึงบัญญัติวินัย ให้สังเกตวิธีบัญญัติวินัยของพระพุทธเจ้า ทีแรกบัญญัติแล้วตึงไป ก็ทรงผ่อนลงมาเรียกว่าอนุบัญญัติ)

.....................................................
https://dhammachati.blogspot.com/


โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 19 ก.ค. 2018, 10:28 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
สมาชิกระดับ 19
สมาชิกระดับ 19
ลงทะเบียนเมื่อ: 29 ต.ค. 2009, 15:06
โพสต์: 7503

อายุ: 0

 ข้อมูลส่วนตัว


กรัชกาย เขียน:
Rosarin เขียน:
กรัชกาย เขียน:
โน เจ อสฺส สกา พุทฺธิ วินโย วา สุสิกฺขิโต
วเน อนฺธมหีโสว จเรยฺย พหุโก ชโน
ยสฺมา จ ปนิเธกจฺเจ อาเจรมฺหิ สุสิกฺขิตา
ตสฺมา วินีตวินยา ธีรา จรนฺติ สุสมาหิตา.


ถ้าความรู้ของตนเองหรือวินัยที่ศึกษา (ปฏิบัติ) ดีแล้ว ไม่พึงมีไซร้ ชนเป็นอันมากก็จะพึงดำเนินชีวิต เหมือนควายตาบอดเที่ยวไปในป่า
ชนทั้งหลายในโลกนี้ จะเป็นนักปราชญ์ มีวินัยอันแนะนำแล้ว (ผู้ได้รับการฝึกหัดอบรม) มีใจมั่นคงดำเนินชีวิตไปได้ ก็เพราะศึกษาดีแล้วในสำนักอาจารย์.

:b12:
สิกขาบทคือบทที่ต้องทำตามเพื่อกำกับกิเลสผู้บวช
การปลงอาบัติไม่ว่าจะมากหรือน้อยก็แปลว่ามีกิเลส
กำเริบเพิ่มเข้าไปใหม่แล้วศีลขาดทะลุแล้วต้องปลง
เหมือนโอ่งรั่วแล้วจะเทน้ำเข้าไปก็เท่ากะเททิ้งมันลด
คือน้ำไม่เพิ่มขึ้นแถมจะแห้งขอดไปจนแห้งผาดเลย
ไม่เหลือน้ำคือความดีอันใดให้ชุ่มฉ่ำพอจุนเจือผู้อื่น
ต้องอุดรูรั่วนั่นก่อนค่อยเริ่มเติมน้ำลงไปใหม่ถูกป่าว
:b13:
:b32: :b32:


คุณโรสนี่ไปนรกง่าย

:b16:
อบายภูมิไม่ได้มีแต่นรก
ดังนั้นควรศึกษาคำสอน
ให้เข้าใจก่อนบวชเพราะ
แค่ทำไม้น้ำขาดไม่รู้ตัวคือ
ที่มีภิกษุลงเรือพายเรือทำไม้น้ำขาด
ไม่ได้ปลงอาบัติตายลงเป็นพญานาค1พุทธันดรน๊า
:b4: :b4:


โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 20 ก.ค. 2018, 11:32 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
สมาชิกระดับสูงสุด
สมาชิกระดับสูงสุด
ลงทะเบียนเมื่อ: 24 ต.ค. 2006, 12:36
โพสต์: 33766

อายุ: 0

 ข้อมูลส่วนตัว


Rosarin เขียน:
กรัชกาย เขียน:
Rosarin เขียน:
กรัชกาย เขียน:
โน เจ อสฺส สกา พุทฺธิ วินโย วา สุสิกฺขิโต
วเน อนฺธมหีโสว จเรยฺย พหุโก ชโน
ยสฺมา จ ปนิเธกจฺเจ อาเจรมฺหิ สุสิกฺขิตา
ตสฺมา วินีตวินยา ธีรา จรนฺติ สุสมาหิตา.


ถ้าความรู้ของตนเองหรือวินัยที่ศึกษา (ปฏิบัติ) ดีแล้ว ไม่พึงมีไซร้ ชนเป็นอันมากก็จะพึงดำเนินชีวิต เหมือนควายตาบอดเที่ยวไปในป่า
ชนทั้งหลายในโลกนี้ จะเป็นนักปราชญ์ มีวินัยอันแนะนำแล้ว (ผู้ได้รับการฝึกหัดอบรม) มีใจมั่นคงดำเนินชีวิตไปได้ ก็เพราะศึกษาดีแล้วในสำนักอาจารย์.

:b12:
สิกขาบทคือบทที่ต้องทำตามเพื่อกำกับกิเลสผู้บวช
การปลงอาบัติไม่ว่าจะมากหรือน้อยก็แปลว่ามีกิเลส
กำเริบเพิ่มเข้าไปใหม่แล้วศีลขาดทะลุแล้วต้องปลง
เหมือนโอ่งรั่วแล้วจะเทน้ำเข้าไปก็เท่ากะเททิ้งมันลด
คือน้ำไม่เพิ่มขึ้นแถมจะแห้งขอดไปจนแห้งผาดเลย
ไม่เหลือน้ำคือความดีอันใดให้ชุ่มฉ่ำพอจุนเจือผู้อื่น
ต้องอุดรูรั่วนั่นก่อนค่อยเริ่มเติมน้ำลงไปใหม่ถูกป่าว
:b13:
:b32: :b32:


คุณโรสนี่ไปนรกง่าย

:b16:
อบายภูมิไม่ได้มีแต่นรก
ดังนั้นควรศึกษาคำสอน
ให้เข้าใจก่อนบวชเพราะ
แค่ทำไม้น้ำขาดไม่รู้ตัวคือ
ที่มีภิกษุลงเรือพายเรือทำไม้น้ำขาด
ไม่ได้ปลงอาบัติตายลงเป็นพญานาค1พุทธันดรน๊า
:b4: :b4:



ดูเหมือนมาในธรรมบท คือ มีภิกษุรูปหนึ่ง อยากสึก พระพุทธเจ้าถามว่า เพราะเหตุใด ภิกษุนั้นตอบว่า ไม่ไหวสิกขาบทมากเหลือเกิน ทำนั่นก็ไม่ได้เป็นอาบัติ ทำนี่ก็เป็นอาบัติ ตัดหญ้าก็เป็นอาบัติ ฯลฯ
พระพุทธเจ้าถามว่า ถ้ายังงั้น เธอรักษาธรรมชาติอย่างหนึ่งได้ไหม ภิกษุรับได้พระเจ้าข้า เธอจงรักษาจิตของเธอ เรื่องประมาณนั้น

ยามใดจิตเศร้าหมอง ตกนรก จิตฺเต สงฺกิลิฏฺเฐ ทุคติ ปาฏิกงฺขา

ขณะใดจิตไม่เศร้า ไปสุคติ จิตฺเต อสงฺกิลิฏฺเฐ ทุคติ ปาฏิกงฺขา

เข้าใจไหมขอรับโผม

ภิกษุตัวอย่างนั้น จิตใจเศร้าหมอง เพราะครุ่นคิดแต่เรื่องนั้น คิดๆๆ แล้วขาดใจด้วยจิตนั่น ไปทุคติเลย คิกๆๆ

เพราะฉะนั้น กรัชกายน้อยจึงว่า คุณโรสไปนรกง่ายแล. จบข่าว :b13:

.....................................................
https://dhammachati.blogspot.com/


โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 20 ก.ค. 2018, 14:28 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
สมาชิกระดับ 19
สมาชิกระดับ 19
ลงทะเบียนเมื่อ: 29 ต.ค. 2009, 15:06
โพสต์: 7503

อายุ: 0

 ข้อมูลส่วนตัว


กรัชกาย เขียน:
Rosarin เขียน:
กรัชกาย เขียน:
Rosarin เขียน:
กรัชกาย เขียน:
โน เจ อสฺส สกา พุทฺธิ วินโย วา สุสิกฺขิโต
วเน อนฺธมหีโสว จเรยฺย พหุโก ชโน
ยสฺมา จ ปนิเธกจฺเจ อาเจรมฺหิ สุสิกฺขิตา
ตสฺมา วินีตวินยา ธีรา จรนฺติ สุสมาหิตา.


ถ้าความรู้ของตนเองหรือวินัยที่ศึกษา (ปฏิบัติ) ดีแล้ว ไม่พึงมีไซร้ ชนเป็นอันมากก็จะพึงดำเนินชีวิต เหมือนควายตาบอดเที่ยวไปในป่า
ชนทั้งหลายในโลกนี้ จะเป็นนักปราชญ์ มีวินัยอันแนะนำแล้ว (ผู้ได้รับการฝึกหัดอบรม) มีใจมั่นคงดำเนินชีวิตไปได้ ก็เพราะศึกษาดีแล้วในสำนักอาจารย์.

:b12:
สิกขาบทคือบทที่ต้องทำตามเพื่อกำกับกิเลสผู้บวช
การปลงอาบัติไม่ว่าจะมากหรือน้อยก็แปลว่ามีกิเลส
กำเริบเพิ่มเข้าไปใหม่แล้วศีลขาดทะลุแล้วต้องปลง
เหมือนโอ่งรั่วแล้วจะเทน้ำเข้าไปก็เท่ากะเททิ้งมันลด
คือน้ำไม่เพิ่มขึ้นแถมจะแห้งขอดไปจนแห้งผาดเลย
ไม่เหลือน้ำคือความดีอันใดให้ชุ่มฉ่ำพอจุนเจือผู้อื่น
ต้องอุดรูรั่วนั่นก่อนค่อยเริ่มเติมน้ำลงไปใหม่ถูกป่าว
:b13:
:b32: :b32:


คุณโรสนี่ไปนรกง่าย

:b16:
อบายภูมิไม่ได้มีแต่นรก
ดังนั้นควรศึกษาคำสอน
ให้เข้าใจก่อนบวชเพราะ
แค่ทำไม้น้ำขาดไม่รู้ตัวคือ
ที่มีภิกษุลงเรือพายเรือทำไม้น้ำขาด
ไม่ได้ปลงอาบัติตายลงเป็นพญานาค1พุทธันดรน๊า
:b4: :b4:



ดูเหมือนมาในธรรมบท คือ มีภิกษุรูปหนึ่ง อยากสึก พระพุทธเจ้าถามว่า เพราะเหตุใด ภิกษุนั้นตอบว่า ไม่ไหวสิกขาบทมากเหลือเกิน ทำนั่นก็ไม่ได้เป็นอาบัติ ทำนี่ก็เป็นอาบัติ ตัดหญ้าก็เป็นอาบัติ ฯลฯ
พระพุทธเจ้าถามว่า ถ้ายังงั้น เธอรักษาธรรมชาติอย่างหนึ่งได้ไหม ภิกษุรับได้พระเจ้าข้า เธอจงรักษาจิตของเธอ เรื่องประมาณนั้น

ยามใดจิตเศร้าหมอง ตกนรก จิตฺเต สงฺกิลิฏฺเฐ ทุคติ ปาฏิกงฺขา

ขณะใดจิตไม่เศร้า ไปสุคติ จิตฺเต อสงฺกิลิฏฺเฐ ทุคติ ปาฏิกงฺขา

เข้าใจไหมขอรับโผม

ภิกษุตัวอย่างนั้น จิตใจเศร้าหมอง เพราะครุ่นคิดแต่เรื่องนั้น คิดๆๆ แล้วขาดใจด้วยจิตนั่น ไปทุคติเลย คิกๆๆ

เพราะฉะนั้น กรัชกายน้อยจึงว่า คุณโรสไปนรกง่ายแล. จบข่าว :b13:

คนที่รู้จักกิเลสตนเองจึงจะกล่าวตามคำสอนได้ตรงกับพฤติกรรมต่างๆ
เพราะคำจริงของตถาคตที่ฟังบ่อยๆทำให้มองเห็นกิเลสรู้จักกิเลสตามที่คนทำตามปกติ
รับเงินก็คือรับเงินมันชัดเจนอยู่แล้วไม่ต้องใช้สำนวนมาปิดบังความหน้าไม่อายคือประกาศตนแล้วที่ห่มจีวร
อายชาวบ้านไหมเขาฟังคำสอนจนรู้จักกิเลสตัวกิเลสแม่เป้งเลยเห็นหมดกิเลสหยาบมากแค่ไหนที่รับเงินน่ะ
มีอัธยาศัยยังอยากใช้เงินก็ลาสิกขาออกมาทำงานสิชาติหน้าไม่กลัวเป็นหง่อยรึโกงกินชาวบ้านอยู่นั่นน่ะ
:b32: :b32:


โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 21 ก.ค. 2018, 11:37 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
สมาชิกระดับสูงสุด
สมาชิกระดับสูงสุด
ลงทะเบียนเมื่อ: 24 ต.ค. 2006, 12:36
โพสต์: 33766

อายุ: 0

 ข้อมูลส่วนตัว


Rosarin เขียน:
กรัชกาย เขียน:
Rosarin เขียน:
กรัชกาย เขียน:
Rosarin เขียน:
กรัชกาย เขียน:
โน เจ อสฺส สกา พุทฺธิ วินโย วา สุสิกฺขิโต
วเน อนฺธมหีโสว จเรยฺย พหุโก ชโน
ยสฺมา จ ปนิเธกจฺเจ อาเจรมฺหิ สุสิกฺขิตา
ตสฺมา วินีตวินยา ธีรา จรนฺติ สุสมาหิตา.


ถ้าความรู้ของตนเองหรือวินัยที่ศึกษา (ปฏิบัติ) ดีแล้ว ไม่พึงมีไซร้ ชนเป็นอันมากก็จะพึงดำเนินชีวิต เหมือนควายตาบอดเที่ยวไปในป่า
ชนทั้งหลายในโลกนี้ จะเป็นนักปราชญ์ มีวินัยอันแนะนำแล้ว (ผู้ได้รับการฝึกหัดอบรม) มีใจมั่นคงดำเนินชีวิตไปได้ ก็เพราะศึกษาดีแล้วในสำนักอาจารย์.

:b12:
สิกขาบทคือบทที่ต้องทำตามเพื่อกำกับกิเลสผู้บวช
การปลงอาบัติไม่ว่าจะมากหรือน้อยก็แปลว่ามีกิเลส
กำเริบเพิ่มเข้าไปใหม่แล้วศีลขาดทะลุแล้วต้องปลง
เหมือนโอ่งรั่วแล้วจะเทน้ำเข้าไปก็เท่ากะเททิ้งมันลด
คือน้ำไม่เพิ่มขึ้นแถมจะแห้งขอดไปจนแห้งผาดเลย
ไม่เหลือน้ำคือความดีอันใดให้ชุ่มฉ่ำพอจุนเจือผู้อื่น
ต้องอุดรูรั่วนั่นก่อนค่อยเริ่มเติมน้ำลงไปใหม่ถูกป่าว
:b13:
:b32: :b32:


คุณโรสนี่ไปนรกง่าย

:b16:
อบายภูมิไม่ได้มีแต่นรก
ดังนั้นควรศึกษาคำสอน
ให้เข้าใจก่อนบวชเพราะ
แค่ทำไม้น้ำขาดไม่รู้ตัวคือ
ที่มีภิกษุลงเรือพายเรือทำไม้น้ำขาด
ไม่ได้ปลงอาบัติตายลงเป็นพญานาค1พุทธันดรน๊า
:b4: :b4:



ดูเหมือนมาในธรรมบท คือ มีภิกษุรูปหนึ่ง อยากสึก พระพุทธเจ้าถามว่า เพราะเหตุใด ภิกษุนั้นตอบว่า ไม่ไหวสิกขาบทมากเหลือเกิน ทำนั่นก็ไม่ได้เป็นอาบัติ ทำนี่ก็เป็นอาบัติ ตัดหญ้าก็เป็นอาบัติ ฯลฯ
พระพุทธเจ้าถามว่า ถ้ายังงั้น เธอรักษาธรรมชาติอย่างหนึ่งได้ไหม ภิกษุรับได้พระเจ้าข้า เธอจงรักษาจิตของเธอ เรื่องประมาณนั้น

ยามใดจิตเศร้าหมอง ตกนรก จิตฺเต สงฺกิลิฏฺเฐ ทุคติ ปาฏิกงฺขา

ขณะใดจิตไม่เศร้า ไปสุคติ จิตฺเต อสงฺกิลิฏฺเฐ ทุคติ ปาฏิกงฺขา

เข้าใจไหมขอรับโผม

ภิกษุตัวอย่างนั้น จิตใจเศร้าหมอง เพราะครุ่นคิดแต่เรื่องนั้น คิดๆๆ แล้วขาดใจด้วยจิตนั่น ไปทุคติเลย คิกๆๆ

เพราะฉะนั้น กรัชกายน้อยจึงว่า คุณโรสไปนรกง่ายแล. จบข่าว :b13:

คนที่รู้จักกิเลสตนเองจึงจะกล่าวตามคำสอนได้ตรงกับพฤติกรรมต่างๆ
เพราะคำจริงของตถาคตที่ฟังบ่อยๆทำให้มองเห็นกิเลสรู้จักกิเลสตามที่คนทำตามปกติ
รับเงินก็คือรับเงินมันชัดเจนอยู่แล้วไม่ต้องใช้สำนวนมาปิดบังความหน้าไม่อายคือประกาศตนแล้วที่ห่มจีวร
อายชาวบ้านไหมเขาฟังคำสอนจนรู้จักกิเลสตัวกิเลสแม่เป้งเลยเห็นหมดกิเลสหยาบมากแค่ไหนที่รับเงินน่ะ
มีอัธยาศัยยังอยากใช้เงินก็ลาสิกขาออกมาทำงานสิชาติหน้าไม่กลัวเป็นหง่อยรึโกงกินชาวบ้านอยู่นั่นน่ะ


แม่บริหารฯ กล่อมประสาทจนคิดอ่านอะไรไม่เป็น นี่แหละปรโตโฆสะที่ไม่ดี อีกทั้งตนเองก็มีอโยนิโสมนสิการ (ไม่รู้จักคิด คิดไม่เป็น) ไปเลยครับท่าน

เทียบกระทู้นี้

viewtopic.php?f=1&t=56220

.....................................................
https://dhammachati.blogspot.com/


โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 21 ก.ค. 2018, 12:40 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
สมาชิกระดับ 19
สมาชิกระดับ 19
ลงทะเบียนเมื่อ: 29 ต.ค. 2009, 15:06
โพสต์: 7503

อายุ: 0

 ข้อมูลส่วนตัว


กรัชกาย เขียน:
Rosarin เขียน:
กรัชกาย เขียน:
Rosarin เขียน:
กรัชกาย เขียน:
Rosarin เขียน:
กรัชกาย เขียน:
โน เจ อสฺส สกา พุทฺธิ วินโย วา สุสิกฺขิโต
วเน อนฺธมหีโสว จเรยฺย พหุโก ชโน
ยสฺมา จ ปนิเธกจฺเจ อาเจรมฺหิ สุสิกฺขิตา
ตสฺมา วินีตวินยา ธีรา จรนฺติ สุสมาหิตา.


ถ้าความรู้ของตนเองหรือวินัยที่ศึกษา (ปฏิบัติ) ดีแล้ว ไม่พึงมีไซร้ ชนเป็นอันมากก็จะพึงดำเนินชีวิต เหมือนควายตาบอดเที่ยวไปในป่า
ชนทั้งหลายในโลกนี้ จะเป็นนักปราชญ์ มีวินัยอันแนะนำแล้ว (ผู้ได้รับการฝึกหัดอบรม) มีใจมั่นคงดำเนินชีวิตไปได้ ก็เพราะศึกษาดีแล้วในสำนักอาจารย์.

:b12:
สิกขาบทคือบทที่ต้องทำตามเพื่อกำกับกิเลสผู้บวช
การปลงอาบัติไม่ว่าจะมากหรือน้อยก็แปลว่ามีกิเลส
กำเริบเพิ่มเข้าไปใหม่แล้วศีลขาดทะลุแล้วต้องปลง
เหมือนโอ่งรั่วแล้วจะเทน้ำเข้าไปก็เท่ากะเททิ้งมันลด
คือน้ำไม่เพิ่มขึ้นแถมจะแห้งขอดไปจนแห้งผาดเลย
ไม่เหลือน้ำคือความดีอันใดให้ชุ่มฉ่ำพอจุนเจือผู้อื่น
ต้องอุดรูรั่วนั่นก่อนค่อยเริ่มเติมน้ำลงไปใหม่ถูกป่าว
:b13:
:b32: :b32:


คุณโรสนี่ไปนรกง่าย

:b16:
อบายภูมิไม่ได้มีแต่นรก
ดังนั้นควรศึกษาคำสอน
ให้เข้าใจก่อนบวชเพราะ
แค่ทำไม้น้ำขาดไม่รู้ตัวคือ
ที่มีภิกษุลงเรือพายเรือทำไม้น้ำขาด
ไม่ได้ปลงอาบัติตายลงเป็นพญานาค1พุทธันดรน๊า
:b4: :b4:



ดูเหมือนมาในธรรมบท คือ มีภิกษุรูปหนึ่ง อยากสึก พระพุทธเจ้าถามว่า เพราะเหตุใด ภิกษุนั้นตอบว่า ไม่ไหวสิกขาบทมากเหลือเกิน ทำนั่นก็ไม่ได้เป็นอาบัติ ทำนี่ก็เป็นอาบัติ ตัดหญ้าก็เป็นอาบัติ ฯลฯ
พระพุทธเจ้าถามว่า ถ้ายังงั้น เธอรักษาธรรมชาติอย่างหนึ่งได้ไหม ภิกษุรับได้พระเจ้าข้า เธอจงรักษาจิตของเธอ เรื่องประมาณนั้น

ยามใดจิตเศร้าหมอง ตกนรก จิตฺเต สงฺกิลิฏฺเฐ ทุคติ ปาฏิกงฺขา

ขณะใดจิตไม่เศร้า ไปสุคติ จิตฺเต อสงฺกิลิฏฺเฐ ทุคติ ปาฏิกงฺขา

เข้าใจไหมขอรับโผม

ภิกษุตัวอย่างนั้น จิตใจเศร้าหมอง เพราะครุ่นคิดแต่เรื่องนั้น คิดๆๆ แล้วขาดใจด้วยจิตนั่น ไปทุคติเลย คิกๆๆ

เพราะฉะนั้น กรัชกายน้อยจึงว่า คุณโรสไปนรกง่ายแล. จบข่าว :b13:

คนที่รู้จักกิเลสตนเองจึงจะกล่าวตามคำสอนได้ตรงกับพฤติกรรมต่างๆ
เพราะคำจริงของตถาคตที่ฟังบ่อยๆทำให้มองเห็นกิเลสรู้จักกิเลสตามที่คนทำตามปกติ
รับเงินก็คือรับเงินมันชัดเจนอยู่แล้วไม่ต้องใช้สำนวนมาปิดบังความหน้าไม่อายคือประกาศตนแล้วที่ห่มจีวร
อายชาวบ้านไหมเขาฟังคำสอนจนรู้จักกิเลสตัวกิเลสแม่เป้งเลยเห็นหมดกิเลสหยาบมากแค่ไหนที่รับเงินน่ะ
มีอัธยาศัยยังอยากใช้เงินก็ลาสิกขาออกมาทำงานสิชาติหน้าไม่กลัวเป็นหง่อยรึโกงกินชาวบ้านอยู่นั่นน่ะ


แม่บริหารฯ กล่อมประสาทจนคิดอ่านอะไรไม่เป็น นี่แหละปรโตโฆสะที่ไม่ดี อีกทั้งตนเองก็มีอโยนิโสมนสิการ (ไม่รู้จักคิด คิดไม่เป็น) ไปเลยครับท่าน

เทียบกระทู้นี้

viewtopic.php?f=1&t=56220

Kiss
:b12:
พระพุทธเจ้าบวชแล้วไปเอาสมบัติในพระราชวังมาถือครองไว้ซื้ออะไรไหม
อ่านเจอคำในพระไตรปิฎกเหล่านี้ไหมคะภิกษุนอกรีตเป็นอลัชชี
มหาโจรเศรษฐีหัวโล้นโจรปล้นศาสนาทำเพื่อเงินทองคริคริคริ
บวชมันง่ายไม่ต้องทำอะไรก็มีคนมากราบไหว้ขนเงินมาให้
ทำมาหากินเองไม่พอเลี้ยงปากเลี้ยงท้องกินไม่อิ่มไงคะ
เลยบวชเป็นอาชีพไงบวชได้เงินพอก็สึกเงินหมด
ก็เข้ามาบวชใหม่ไงไม่รู้ว่าบรรพชาคืออะไร555
ทำเป็นอาชีพหรือคะมีค่าบวชมีค่าอุปัฌชาย์
คนที่เขาศึกษาพระไตรปิฎกมา70กว่าปี
คิดว่าเขาจะพูดเองเออเองไหมคะ
:b32: :b32:


โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 26 ก.ค. 2018, 20:59 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
สมาชิกระดับสูงสุด
สมาชิกระดับสูงสุด
ลงทะเบียนเมื่อ: 24 ต.ค. 2006, 12:36
โพสต์: 33766

อายุ: 0

 ข้อมูลส่วนตัว


Rosarin เขียน:
กรัชกาย เขียน:
Rosarin เขียน:
กรัชกาย เขียน:
Rosarin เขียน:
กรัชกาย เขียน:
Rosarin เขียน:
กรัชกาย เขียน:
โน เจ อสฺส สกา พุทฺธิ วินโย วา สุสิกฺขิโต
วเน อนฺธมหีโสว จเรยฺย พหุโก ชโน
ยสฺมา จ ปนิเธกจฺเจ อาเจรมฺหิ สุสิกฺขิตา
ตสฺมา วินีตวินยา ธีรา จรนฺติ สุสมาหิตา.


ถ้าความรู้ของตนเองหรือวินัยที่ศึกษา (ปฏิบัติ) ดีแล้ว ไม่พึงมีไซร้ ชนเป็นอันมากก็จะพึงดำเนินชีวิต เหมือนควายตาบอดเที่ยวไปในป่า
ชนทั้งหลายในโลกนี้ จะเป็นนักปราชญ์ มีวินัยอันแนะนำแล้ว (ผู้ได้รับการฝึกหัดอบรม) มีใจมั่นคงดำเนินชีวิตไปได้ ก็เพราะศึกษาดีแล้วในสำนักอาจารย์.

:b12:
สิกขาบทคือบทที่ต้องทำตามเพื่อกำกับกิเลสผู้บวช
การปลงอาบัติไม่ว่าจะมากหรือน้อยก็แปลว่ามีกิเลส
กำเริบเพิ่มเข้าไปใหม่แล้วศีลขาดทะลุแล้วต้องปลง
เหมือนโอ่งรั่วแล้วจะเทน้ำเข้าไปก็เท่ากะเททิ้งมันลด
คือน้ำไม่เพิ่มขึ้นแถมจะแห้งขอดไปจนแห้งผาดเลย
ไม่เหลือน้ำคือความดีอันใดให้ชุ่มฉ่ำพอจุนเจือผู้อื่น
ต้องอุดรูรั่วนั่นก่อนค่อยเริ่มเติมน้ำลงไปใหม่ถูกป่าว
:b13:
:b32: :b32:


คุณโรสนี่ไปนรกง่าย

:b16:
อบายภูมิไม่ได้มีแต่นรก
ดังนั้นควรศึกษาคำสอน
ให้เข้าใจก่อนบวชเพราะ
แค่ทำไม้น้ำขาดไม่รู้ตัวคือ
ที่มีภิกษุลงเรือพายเรือทำไม้น้ำขาด
ไม่ได้ปลงอาบัติตายลงเป็นพญานาค1พุทธันดรน๊า
:b4: :b4:



ดูเหมือนมาในธรรมบท คือ มีภิกษุรูปหนึ่ง อยากสึก พระพุทธเจ้าถามว่า เพราะเหตุใด ภิกษุนั้นตอบว่า ไม่ไหวสิกขาบทมากเหลือเกิน ทำนั่นก็ไม่ได้เป็นอาบัติ ทำนี่ก็เป็นอาบัติ ตัดหญ้าก็เป็นอาบัติ ฯลฯ
พระพุทธเจ้าถามว่า ถ้ายังงั้น เธอรักษาธรรมชาติอย่างหนึ่งได้ไหม ภิกษุรับได้พระเจ้าข้า เธอจงรักษาจิตของเธอ เรื่องประมาณนั้น

ยามใดจิตเศร้าหมอง ตกนรก จิตฺเต สงฺกิลิฏฺเฐ ทุคติ ปาฏิกงฺขา

ขณะใดจิตไม่เศร้า ไปสุคติ จิตฺเต อสงฺกิลิฏฺเฐ ทุคติ ปาฏิกงฺขา

เข้าใจไหมขอรับโผม

ภิกษุตัวอย่างนั้น จิตใจเศร้าหมอง เพราะครุ่นคิดแต่เรื่องนั้น คิดๆๆ แล้วขาดใจด้วยจิตนั่น ไปทุคติเลย คิกๆๆ

เพราะฉะนั้น กรัชกายน้อยจึงว่า คุณโรสไปนรกง่ายแล. จบข่าว :b13:

คนที่รู้จักกิเลสตนเองจึงจะกล่าวตามคำสอนได้ตรงกับพฤติกรรมต่างๆ
เพราะคำจริงของตถาคตที่ฟังบ่อยๆทำให้มองเห็นกิเลสรู้จักกิเลสตามที่คนทำตามปกติ
รับเงินก็คือรับเงินมันชัดเจนอยู่แล้วไม่ต้องใช้สำนวนมาปิดบังความหน้าไม่อายคือประกาศตนแล้วที่ห่มจีวร
อายชาวบ้านไหมเขาฟังคำสอนจนรู้จักกิเลสตัวกิเลสแม่เป้งเลยเห็นหมดกิเลสหยาบมากแค่ไหนที่รับเงินน่ะ
มีอัธยาศัยยังอยากใช้เงินก็ลาสิกขาออกมาทำงานสิชาติหน้าไม่กลัวเป็นหง่อยรึโกงกินชาวบ้านอยู่นั่นน่ะ


แม่บริหารฯ กล่อมประสาทจนคิดอ่านอะไรไม่เป็น นี่แหละปรโตโฆสะที่ไม่ดี อีกทั้งตนเองก็มีอโยนิโสมนสิการ (ไม่รู้จักคิด คิดไม่เป็น) ไปเลยครับท่าน

เทียบกระทู้นี้

viewtopic.php?f=1&t=56220

Kiss
:b12:
พระพุทธเจ้าบวชแล้วไปเอาสมบัติในพระราชวังมาถือครองไว้ซื้ออะไรไหม
อ่านเจอคำในพระไตรปิฎกเหล่านี้ไหมคะภิกษุนอกรีตเป็นอลัชชี
มหาโจรเศรษฐีหัวโล้นโจรปล้นศาสนาทำเพื่อเงินทองคริคริคริ
บวชมันง่ายไม่ต้องทำอะไรก็มีคนมากราบไหว้ขนเงินมาให้
ทำมาหากินเองไม่พอเลี้ยงปากเลี้ยงท้องกินไม่อิ่มไงคะ
เลยบวชเป็นอาชีพไงบวชได้เงินพอก็สึกเงินหมด
ก็เข้ามาบวชใหม่ไงไม่รู้ว่าบรรพชาคืออะไร555
ทำเป็นอาชีพหรือคะมีค่าบวชมีค่าอุปัฌชาย์
คนที่เขาศึกษาพระไตรปิฎกมา70กว่าปี
คิดว่าเขาจะพูดเองเออเองไหมคะ
:b32: :b32:



ใครสึกษาพระไตรปิฏกตั้ง 70 ปี

.....................................................
https://dhammachati.blogspot.com/


โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 29 ส.ค. 2018, 16:56 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
สมาชิกระดับสูงสุด
สมาชิกระดับสูงสุด
ลงทะเบียนเมื่อ: 24 ต.ค. 2006, 12:36
โพสต์: 33766

อายุ: 0

 ข้อมูลส่วนตัว


หีนํ ธมฺมํ น เสเวยฺย ปมาเทน น สํวเส
มิจฺฉาทิฏฺฐิ น เสเวยฺย น สิยา โลกวฑฺฒโน.


บุคคลไม่พึงเสพธรรมอันเลว ไม่พึงอยู่ร่วมด้วยความประมาท
ไม่พึงเสพความเห็นผิด ไม่พึงเป็นคนรกโลก.

สุโข พุทฺธานมุปฺปาโท สุขา สทฺธมฺมเทสนา
สุขา สงฺฆสฺส สามคฺคี สมคฺคานํ ตโป สุโข.


ความเกิดขึ้นแห่งพระพุทธเจ้าทั้งหลาย เป็นเหตุนำสุขมาให้ การแสดงธรรมของสัตบุรุษ เป็นเหตุนำสุขมาให้
ความพร้อมเพรียงของหมู่เป็นเหตุนำสุขมาให้ ความเพียรของชนผู้พร้อมเพรียงกันเป็นเหตุนำสุขมาให้.

.....................................................
https://dhammachati.blogspot.com/


แสดงโพสต์จาก:  เรียงตาม  
กลับไปยังกระทู้  [ 88 โพสต์ ]  ไปที่หน้า ย้อนกลับ  1, 2, 3, 4, 5, 6  ต่อไป

เขตเวลา GMT + 7 ชั่วโมง


 ผู้ใช้งานขณะนี้

กำลังดูบอร์ดนี้: ไม่มีสมาชิก และ บุคคลทั่วไป 47 ท่าน


ท่าน ไม่สามารถ โพสต์กระทู้ในบอร์ดนี้ได้
ท่าน ไม่สามารถ ตอบกระทู้ในบอร์ดนี้ได้
ท่าน ไม่สามารถ แก้ไขโพสต์ของท่านในบอร์ดนี้ได้
ท่าน ไม่สามารถ ลบโพสต์ของท่านในบอร์ดนี้ได้
ท่าน ไม่สามารถ แนบไฟล์ในบอร์ดนี้ได้

ค้นหาสำหรับ:
ไปที่:  
Google
ทั่วไป เว็บธรรมจักร