วันเวลาปัจจุบัน 28 มี.ค. 2024, 20:54  



เขตเวลา GMT + 7 ชั่วโมง




กลับไปยังกระทู้  [ 88 โพสต์ ]  ไปที่หน้า ย้อนกลับ  1, 2, 3, 4, 5, 6  ต่อไป  Bookmark and Share
เจ้าของ ข้อความ
โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 31 ส.ค. 2018, 23:45 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
สมาชิกระดับ 19
สมาชิกระดับ 19
ลงทะเบียนเมื่อ: 29 ต.ค. 2009, 15:06
โพสต์: 7503

อายุ: 0

 ข้อมูลส่วนตัว


กรัชกาย เขียน:
Rosarin เขียน:
กรัชกาย เขียน:
โน เจ อสฺส สกา พุทฺธิ วินโย วา สุสิกฺขิโต
วเน อนฺธมหีโสว จเรยฺย พหุโก ชโน
ยสฺมา จ ปนิเธกจฺเจ อาเจรมฺหิ สุสิกฺขิตา
ตสฺมา วินีตวินยา ธีรา จรนฺติ สุสมาหิตา.


ถ้าความรู้ของตนเองหรือวินัยที่ศึกษา (ปฏิบัติ) ดีแล้ว ไม่พึงมีไซร้ ชนเป็นอันมากก็จะพึงดำเนินชีวิต เหมือนควายตาบอดเที่ยวไปในป่า
ชนทั้งหลายในโลกนี้ จะเป็นนักปราชญ์ มีวินัยอันแนะนำแล้ว (ผู้ได้รับการฝึกหัดอบรม) มีใจมั่นคงดำเนินชีวิตไปได้ ก็เพราะศึกษาดีแล้วในสำนักอาจารย์.

:b12:
สิกขาบทคือบทที่ต้องทำตามเพื่อกำกับกิเลสผู้บวช
การปลงอาบัติไม่ว่าจะมากหรือน้อยก็แปลว่ามีกิเลส
กำเริบเพิ่มเข้าไปใหม่แล้วศีลขาดทะลุแล้วต้องปลง
เหมือนโอ่งรั่วแล้วจะเทน้ำเข้าไปก็เท่ากะเททิ้งมันลด
คือน้ำไม่เพิ่มขึ้นแถมจะแห้งขอดไปจนแห้งผาดเลย
ไม่เหลือน้ำคือความดีอันใดให้ชุ่มฉ่ำพอจุนเจือผู้อื่น
ต้องอุดรูรั่วนั่นก่อนค่อยเริ่มเติมน้ำลงไปใหม่ถูกป่าว
:b13:
:b32: :b32:


คุณโรสนี่ไปนรกง่าย

:b32:
ที่ต้องไปนรกแน่นอนคือคนที่คิดว่าตนบวชเป็นภิกษุในธรรมวินัยครองจีวรแต่นับเงินใช้เงินแบบคฤหัสถ์ค่ะ
:b12:
คำสอนตรงจริงถ้าไม่รู้ว่าตรงจริงขนาดไหนดูที่ตาเนื้อเห็นปกติรู้ชวนะ7ไหมแค่1ทางมีกะพริบตาแล้วด้วย
ถ้านับคร่าวๆกะพริบตา1ครั้งสมมุติว่ารู้ทั่วตัวนี่อ่ะค่ะมันทันแค่วิสยรูป7อย่างอื่นรู้ไม่ได้ก็ดับหมดแล้ว
ส่วนชวนะ7คูณ6ทางรวมแล้วมัน42ชวนะนับไม่ทันเพราะมันไม่ปรากฏไงคะเป็นทศพลญาณค่ะ
:b32: :b32:


โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 01 ก.ย. 2018, 15:05 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
สมาชิกระดับสูงสุด
สมาชิกระดับสูงสุด
ลงทะเบียนเมื่อ: 24 ต.ค. 2006, 12:36
โพสต์: 33766

อายุ: 0

 ข้อมูลส่วนตัว


Rosarin เขียน:
กรัชกาย เขียน:
Rosarin เขียน:
กรัชกาย เขียน:
โน เจ อสฺส สกา พุทฺธิ วินโย วา สุสิกฺขิโต
วเน อนฺธมหีโสว จเรยฺย พหุโก ชโน
ยสฺมา จ ปนิเธกจฺเจ อาเจรมฺหิ สุสิกฺขิตา
ตสฺมา วินีตวินยา ธีรา จรนฺติ สุสมาหิตา.


ถ้าความรู้ของตนเองหรือวินัยที่ศึกษา (ปฏิบัติ) ดีแล้ว ไม่พึงมีไซร้ ชนเป็นอันมากก็จะพึงดำเนินชีวิต เหมือนควายตาบอดเที่ยวไปในป่า
ชนทั้งหลายในโลกนี้ จะเป็นนักปราชญ์ มีวินัยอันแนะนำแล้ว (ผู้ได้รับการฝึกหัดอบรม) มีใจมั่นคงดำเนินชีวิตไปได้ ก็เพราะศึกษาดีแล้วในสำนักอาจารย์.

:b12:
สิกขาบทคือบทที่ต้องทำตามเพื่อกำกับกิเลสผู้บวช
การปลงอาบัติไม่ว่าจะมากหรือน้อยก็แปลว่ามีกิเลส
กำเริบเพิ่มเข้าไปใหม่แล้วศีลขาดทะลุแล้วต้องปลง
เหมือนโอ่งรั่วแล้วจะเทน้ำเข้าไปก็เท่ากะเททิ้งมันลด
คือน้ำไม่เพิ่มขึ้นแถมจะแห้งขอดไปจนแห้งผาดเลย
ไม่เหลือน้ำคือความดีอันใดให้ชุ่มฉ่ำพอจุนเจือผู้อื่น
ต้องอุดรูรั่วนั่นก่อนค่อยเริ่มเติมน้ำลงไปใหม่ถูกป่าว
:b13:
:b32: :b32:


คุณโรสนี่ไปนรกง่าย

:b32:
ที่ต้องไปนรกแน่นอนคือคนที่คิดว่าตนบวชเป็นภิกษุในธรรมวินัยครองจีวรแต่นับเงินใช้เงินแบบคฤหัสถ์ค่ะ
:b12:
คำสอนตรงจริงถ้าไม่รู้ว่าตรงจริงขนาดไหนดูที่ตาเนื้อเห็นปกติรู้ชวนะ7ไหมแค่1ทางมีกะพริบตาแล้วด้วย
ถ้านับคร่าวๆกะพริบตา1ครั้ง
สมมุติว่ารู้ทั่วตัวนี่อ่ะค่ะมันทันแค่วิสยรูป7อย่างอื่นรู้ไม่ได้ก็ดับหมดแล้ว
ส่วนชวนะ7คูณ6ทางรวมแล้วมัน42ชวนะนับไม่ทันเพราะมันไม่ปรากฏไงคะเป็นทศพลญาณค่ะ
:


ที่พูดนั่นน่าเอามาจากไหนขอรับ เอามาจากตำรา หรือฟังคลิปแม่สุจินแล้วจำได้

น่าจะเป็นประเด็นหลัง เพราะประเด็นแรกคุณโรสพูดบ่อยๆว่า กาลามสูตร 10 ไม่ให้เชื่อตำรา คิกๆๆ อ้าวๆ

.....................................................
https://dhammachati.blogspot.com/


โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 14 ธ.ค. 2019, 19:17 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
สมาชิกระดับสูงสุด
สมาชิกระดับสูงสุด
ลงทะเบียนเมื่อ: 24 ต.ค. 2006, 12:36
โพสต์: 33766

อายุ: 0

 ข้อมูลส่วนตัว


คุณโรส อุบาสิกาน้อยคนนี้สิถึงจะเรียนบาลีจริงๆ ได้ข่าวว่าได้เปรียญ 8 แล้ว

รูปภาพ

https://www.facebook.com/photo.php?fbid ... =3&theater

https://scontent.fbkk5-2.fna.fbcdn.net/ ... e=5E769CD6

.....................................................
https://dhammachati.blogspot.com/


โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 19 ธ.ค. 2019, 14:17 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
สมาชิกระดับ 19
สมาชิกระดับ 19
ลงทะเบียนเมื่อ: 29 ต.ค. 2009, 15:06
โพสต์: 7503

อายุ: 0

 ข้อมูลส่วนตัว


กรัชกาย เขียน:
Rosarin เขียน:
กรัชกาย เขียน:
Rosarin เขียน:
กรัชกาย เขียน:
โน เจ อสฺส สกา พุทฺธิ วินโย วา สุสิกฺขิโต
วเน อนฺธมหีโสว จเรยฺย พหุโก ชโน
ยสฺมา จ ปนิเธกจฺเจ อาเจรมฺหิ สุสิกฺขิตา
ตสฺมา วินีตวินยา ธีรา จรนฺติ สุสมาหิตา.


ถ้าความรู้ของตนเองหรือวินัยที่ศึกษา (ปฏิบัติ) ดีแล้ว ไม่พึงมีไซร้ ชนเป็นอันมากก็จะพึงดำเนินชีวิต เหมือนควายตาบอดเที่ยวไปในป่า
ชนทั้งหลายในโลกนี้ จะเป็นนักปราชญ์ มีวินัยอันแนะนำแล้ว (ผู้ได้รับการฝึกหัดอบรม) มีใจมั่นคงดำเนินชีวิตไปได้ ก็เพราะศึกษาดีแล้วในสำนักอาจารย์.

:b12:
สิกขาบทคือบทที่ต้องทำตามเพื่อกำกับกิเลสผู้บวช
การปลงอาบัติไม่ว่าจะมากหรือน้อยก็แปลว่ามีกิเลส
กำเริบเพิ่มเข้าไปใหม่แล้วศีลขาดทะลุแล้วต้องปลง
เหมือนโอ่งรั่วแล้วจะเทน้ำเข้าไปก็เท่ากะเททิ้งมันลด
คือน้ำไม่เพิ่มขึ้นแถมจะแห้งขอดไปจนแห้งผาดเลย
ไม่เหลือน้ำคือความดีอันใดให้ชุ่มฉ่ำพอจุนเจือผู้อื่น
ต้องอุดรูรั่วนั่นก่อนค่อยเริ่มเติมน้ำลงไปใหม่ถูกป่าว
:b13:
:b32: :b32:


คุณโรสนี่ไปนรกง่าย

:b32:
ที่ต้องไปนรกแน่นอนคือคนที่คิดว่าตนบวชเป็นภิกษุในธรรมวินัยครองจีวรแต่นับเงินใช้เงินแบบคฤหัสถ์ค่ะ
:b12:
คำสอนตรงจริงถ้าไม่รู้ว่าตรงจริงขนาดไหนดูที่ตาเนื้อเห็นปกติรู้ชวนะ7ไหมแค่1ทางมีกะพริบตาแล้วด้วย
ถ้านับคร่าวๆกะพริบตา1ครั้ง
สมมุติว่ารู้ทั่วตัวนี่อ่ะค่ะมันทันแค่วิสยรูป7อย่างอื่นรู้ไม่ได้ก็ดับหมดแล้ว
ส่วนชวนะ7คูณ6ทางรวมแล้วมัน42ชวนะนับไม่ทันเพราะมันไม่ปรากฏไงคะเป็นทศพลญาณค่ะ
:


ที่พูดนั่นน่าเอามาจากไหนขอรับ เอามาจากตำรา หรือฟังคลิปแม่สุจินแล้วจำได้

น่าจะเป็นประเด็นหลัง เพราะประเด็นแรกคุณโรสพูดบ่อยๆว่า กาลามสูตร 10 ไม่ให้เชื่อตำรา คิกๆๆ อ้าวๆ

:b12:
การจำจากการฟังตรงจริงทีละคำไม่ใช่การท่อง
เพราะเกิดจากความเข้าใจไม่ได้กางตำราตอบ
ฟังสะสมความเข้าใจเพิ่มขึ้นทีละน้อยเกิน10ปี
อะไรคือท่องจำเวลาพูดถึง5*8=40ใช่ท่องไหม
ประมาทการฟังกันเหลือเกินจำได้ไหมว่าบวช
แล้วรับเงินไม่ปลงอาบัติตายคาจีวรต้องตกนรก
:b12:
:b32: :b32:


โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 19 ธ.ค. 2019, 14:25 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
สมาชิกระดับ 19
สมาชิกระดับ 19
ลงทะเบียนเมื่อ: 29 ต.ค. 2009, 15:06
โพสต์: 7503

อายุ: 0

 ข้อมูลส่วนตัว


กรัชกาย เขียน:
คุณโรส อุบาสิกาน้อยคนนี้สิถึงจะเรียนบาลีจริงๆ ได้ข่าวว่าได้เปรียญ 8 แล้ว

รูปภาพ

https://www.facebook.com/photo.php?fbid ... =3&theater

https://scontent.fbkk5-2.fna.fbcdn.net/ ... e=5E769CD6

cool
อันนี้ก็ไม่ใช่ท่องจำ
แต่เป็นประกาศคำสอน
ของพระพุทธเจ้าให้เปิดเผย
ต่อสายตาทุกคนให้ได้คิดพิจารณา
ว่าอะไรทำถูกอะไรทำผิดตรงตามคำตถาคต
ภิกษุในพระธรรมวินัยไม่รับและไม่ยินดีในเงินและทอง
ถ้าบวชแล้วรับเงินแสดงว่าเหยียบย่ำคำสอนไม่ทำตามสิกขาบทที่ห้ามรับเงินทอง
ฉายาที่ตถาคตตั้งให้ว่างี้นะ...มหาโจรเศรษฐีหัวโล้นปล้นคำสอนทำเพื่อลาภสักการะ
ไม่สนใจทำตามสิกขาบทเป็นอลัชชีไม่ใช่คนของตถาคตขโมยปัจจัย4ที่ชาวบ้านถวายตถาคต
ทำตามๆกันเหยียบย่ำทำลายคำสอนเป็นว่าเล่นตายต้องตกนรกตรงตามคำตถาคตแน่นอนที่สุด
ถ้าไม่ลาสิกขาเพราะหาภิกษุที่ไม่รับเงินทองเพื่อเป็นคณะสงฆ์ที่ไม่รับเงินเพื่อปลงอาบัติไม่ได้ตายแน่ๆ555
ถึงได้มีความพยายามจะออกมาแก้คำตถาคตให้รับเงินได้...กิ๊วๆหน้าไม่อายไม่ละอายแก่ใจและไม่กลัวตกนรก
:b12:
:b32: :b32:


โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 20 ธ.ค. 2019, 10:23 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
สมาชิกระดับสูงสุด
สมาชิกระดับสูงสุด
ลงทะเบียนเมื่อ: 24 ต.ค. 2006, 12:36
โพสต์: 33766

อายุ: 0

 ข้อมูลส่วนตัว


้เห็นแล้วนึกถึงคุณโรส :b13: :b32:

อ้างคำพูด:
พิธีพระราชทานสัญญาบัตร พัดยศและผ้าไตร แด่คณะสงฆ์หนใต้

วันที่ 19 พ.ย. 2562 สมเด็จพระมหาวีรวงศ์ ผู้ปฏิบัติหน้าที่แทนสมเด็จพระสังฆราช เสด็จเป็นประธานในพิธีพระราชทานสัญญาบัตร พัดยศและผ้าไตรแก่พระสงฆ์ในเขตปกครองคณะสงฆ์หนใต้ ที่ได้รับพระราชทานสมณศักดิ์ ณ พระวิหารหลวง วัดพระมหาธาตุ วรมหาวิหาร อำเภอเมืองนครศรีธรรมราช จังหวัดนครศรีธรรมราช


รูปภาพ

.....................................................
https://dhammachati.blogspot.com/


โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 20 ธ.ค. 2019, 18:20 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
สมาชิกระดับ 19
สมาชิกระดับ 19
ลงทะเบียนเมื่อ: 29 ต.ค. 2009, 15:06
โพสต์: 7503

อายุ: 0

 ข้อมูลส่วนตัว


กรัชกาย เขียน:
้เห็นแล้วนึกถึงคุณโรส :b13: :b32:

อ้างคำพูด:
พิธีพระราชทานสัญญาบัตร พัดยศและผ้าไตร แด่คณะสงฆ์หนใต้

วันที่ 19 พ.ย. 2562 สมเด็จพระมหาวีรวงศ์ ผู้ปฏิบัติหน้าที่แทนสมเด็จพระสังฆราช เสด็จเป็นประธานในพิธีพระราชทานสัญญาบัตร พัดยศและผ้าไตรแก่พระสงฆ์ในเขตปกครองคณะสงฆ์หนใต้ ที่ได้รับพระราชทานสมณศักดิ์ ณ พระวิหารหลวง วัดพระมหาธาตุ วรมหาวิหาร อำเภอเมืองนครศรีธรรมราช จังหวัดนครศรีธรรมราช


รูปภาพ

:b12:
ตถาคตตรัสรู้ความจริงว่าเห็นสี1สีดับในตาดำมืดทันที
ใครเห็นพัดยศว่าสำคัญมีค่ามากกว่าการรู้ว่าเห็นแค่สี
สลดสังเวทใจในความไม่รู้จักกิเลสตอนที่เห็นมั๊ยคะ
จิตเห็นสีคือความจริงที่เห็นเป็นวาจาสัจจะของตถาคต
แต่ตอนนี้ทุกคนกำลังคิดเห็นผิดรู้สึกผิดมั๊ยยยย
https://youtu.be/TRivROgVQt8
:b32: :b32: :b32:


โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 21 ธ.ค. 2019, 19:26 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
สมาชิกระดับสูงสุด
สมาชิกระดับสูงสุด
ลงทะเบียนเมื่อ: 24 ต.ค. 2006, 12:36
โพสต์: 33766

อายุ: 0

 ข้อมูลส่วนตัว


น่าจะเป็นวัดใดวัดหนึ่ง ซึ่งถูกสั่งทุบทำลายจนกลายเป็นเศษอิฐหินปูนทราย นี่แหละเมืองพุทธศาสนา

รูปภาพ

https://www.facebook.com/photo.php?fbid ... =3&theater

สมดังคำที่ว่า พุทธในเมืองไทยไปไม่รอด อีกไม่เกินร้อยปี

.....................................................
https://dhammachati.blogspot.com/


โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 30 ธ.ค. 2019, 22:02 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
สมาชิกระดับ 19
สมาชิกระดับ 19
ลงทะเบียนเมื่อ: 29 ต.ค. 2009, 15:06
โพสต์: 7503

อายุ: 0

 ข้อมูลส่วนตัว


กรัชกาย เขียน:
น่าจะเป็นวัดใดวัดหนึ่ง ซึ่งถูกสั่งทุบทำลายจนกลายเป็นเศษอิฐหินปูนทราย นี่แหละเมืองพุทธศาสนา

รูปภาพ

https://www.facebook.com/photo.php?fbid ... =3&theater

สมดังคำที่ว่า พุทธในเมืองไทยไปไม่รอด อีกไม่เกินร้อยปี

เอาเข้าจริงๆนะหัวข้อกระทู้นี้มันทะแม่งๆนะ
เรียนบาลีเพื่อรักษาพระสัทธรรม
พระสัทธรรมคือความจริงตรงจริงแท้ๆ
ภาษาบาลีคือภาษาชาติที่ตถาคตไปเกิดยุคนั้น
เวลาจะศึกษาคำสอนเนี่ยไม่ได้มีแต่คนไทยคนต่างประเทศก็มี
ภาษาบาลีเป็นภาษาที่ดำรงคำสอนไม่ให้มีการแปลภาษาเพี๊ยนไปจากภาษาดั้งเดิม
ถามหน่อยสิถ้าคนที่ใช้ภาษาบาลีเป็นภาษาประจำชาติอ่านพระไตรปิฏกไม่บรรลุธรรมหมดแล้วหรือคะ
:b32:
แล้วก็ถามหน่อยสิคะเวลาที่พระพุทธเจ้าตรัสรู้ใหม่ๆแล้วเดินมาเจอคุณคนแรกพระองค์บอกว่าตรัสรู้แล้ว
คุณจะทำยังงัย...คริคริคริ...ก้มลงกราบโดยไม่ฟังอะไรเลยงั้นหรือคุณพบตถาคตครั้งแรกและไม่รู้จักด้วย
ประมาทไม่ฟังคำสอนเวลาพระพุทธเจ้าแสดงธรรม...คุณก็จะไม่ฟังเพราะคุณจะปลีกตัวตนไปตามที่อยากไป
คนทุกชาติทุกภาษาล้วนแต่มีการทำบุญให้ทานเอื้อเฟื้ออนุเคราะห์สงเคราะห์ญาติมิตรเป็นปกติตามปกติค่ะ
:b12:
:b32: :b32:


โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 29 มี.ค. 2020, 10:12 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
สมาชิกระดับสูงสุด
สมาชิกระดับสูงสุด
ลงทะเบียนเมื่อ: 24 ต.ค. 2006, 12:36
โพสต์: 33766

อายุ: 0

 ข้อมูลส่วนตัว


เธอเรียนจบ บศ.๙ แล้ว จึงปวารณาตัวตอบปัญหาผู้ศึกษาบาลีที่มีความสงสัยให้ทางนี้

https://scontent.fbkk5-5.fna.fbcdn.net/ ... e=5EA51CB2

อ้างคำพูด:
เนื่องจากสถานการณ์โรคโควิดระบาดมีผลกระทบต่อการเรียนบาลีในหลายพื้นที่
...
หากนักเรียนบาลีท่านใดเดินทางไปเรียนไม่สะดวก ดูหนังสือเองแล้วมีข้อสงสัย สามารถส่งคำถามเรื่องที่สงสัยมาได้ค่ะ จะถามเท่าไรก็ได้ ไม่ต้องเกรงว่าจะเป็นคำถามที่ดูดีหรือไม่
...
หากเป็นคำถามที่สามารถตอบได้ จะเขียนตอบในคอลัมน์ “ตอบคำถาม” (อาจไม่มีทุกวัน จะมีคำตอบก็ต่อเมื่อมีคำถามเท่านั้น)
...
ป.ล. มีงานที่รับผิดชอบอยู่พอสมควร ไม่รับสอนออนไลน์นะคะ แต่ยินดีตอบคำถามเรื่องเรียนบาลีค่ะ
...
หมายเหตุ : ไม่มีเวลาเปิดอ่านข้อความเรื่อง “ทำอะไรอยู่” ฯลฯ ที่เป็นเรื่องส่วนตัว ชวนคุยเล่นชนิดไม่มีกิจธุระใด ๆ แต่สามารถเปิดอ่านคำถาม “เรื่องเรียนบาลี” และเขียนตอบได้ เนื่องจากถือว่าเป็นการตอบแทนพระคุณพระศาสนา


รูปภาพ

https://www.facebook.com/photo.php?fbid ... =3&theater

.....................................................
https://dhammachati.blogspot.com/


โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 31 มี.ค. 2020, 14:16 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
สมาชิกระดับสูงสุด
สมาชิกระดับสูงสุด
ลงทะเบียนเมื่อ: 24 ต.ค. 2006, 12:36
โพสต์: 33766

อายุ: 0

 ข้อมูลส่วนตัว


สุดยอดของผู้มีความเพียร

---------------------------

พระมหาสัมฤทธิ์ ธมฺมสโร วัดทองนพคุณ ไปเรียนบาลีประโยค ๘-๙ ที่วัดสามพระยาไล่ๆ กับผม คือตั้งแต่ราว พ.ศ.๒๕๑๓-๒๕๑๔ เจอกัน รู้จักกันเหมือนเพื่อนเรียนบาลีรูปอื่นๆ คุ้นกันบ้าง ไม่คุ้นบ้าง ตามสภาวะ

พระมหาสัมฤทธิ์รูปร่างไม่เล็กไม่ใหญ่ ออกไปทางล่ำๆ ห้าวๆ หน้าเข้มแบบคนใต้ ตาเข้ม มาดมุ่งมั่น

น่าจะสอบ ป.ธ.๙ พร้อมกับผมตั้งแต่ปี ๒๕๑๔ เมื่ออายุ ๔๐

ตก ป.ธ.๙ มาด้วยกัน

จนผมสอบได้เมื่อปี ๒๕๑๕ พระมหาสัมฤทธิ์ก็ยังตกอยู่

จนผมลาสิกขา ไปทำงาน มีครอบครัว มีลูกแล้ว พระมหาสัมฤทธิ์ก็ยังสอบ ป.ธ.๙ และยังตกอยู่

เวลาผ่านไป ไวเหมือนโกหก

พระมหาสัมฤทธิ์เพิ่งสอบ ป.ธ.๙ ได้เมื่อปี ๒๕๓๗

อายุ ๖๓

ใช้เวลาเฉพาะ ป.ธ.๙ ประโยคเดียว ๒๔ ปี

ปีที่ท่านสอบได้มีสามเณรสอบ ป.ธ.๙ ได้ ๑๔ รูป

ท่านสอบ ป.ธ.๙ มาตั้งแต่สามเณรทุกรูปที่สอบได้ปีเดียวกับท่านยังไม่เกิด

สุดยอดของผู้มีความเพียร

ปีนี้ท่านพระมหาสัมฤทธิ์อายุ ๘๘

ยังเป็น “พระมหาสัมฤทธิ์” อยู่อย่างมั่นคง

ยังจำเพื่อนทองย้อยได้เป็นอย่างดี

เล่าสู่กันฟัง เพื่อจะบอกว่า --

เมื่อใดที่เริ่มรู้สึกว่าโลกบาลีมืดมิด
จงดูท่านพระมหาสัมฤทธิ์เป็นตัวอย่าง

อย่ายอมให้ผลการสอบครอบงำ ทำให้เขวไปจากทิศทางที่ถูกที่ควรนะครับ

นาวาเอก ทองย้อย แสงสินชัย
๓๐ มีนาคม ๒๕๖๒

https://www.facebook.com/search/top/?q= ... SEARCH_BOX

.....................................................
https://dhammachati.blogspot.com/


โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 26 เม.ย. 2020, 10:04 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
สมาชิกระดับสูงสุด
สมาชิกระดับสูงสุด
ลงทะเบียนเมื่อ: 24 ต.ค. 2006, 12:36
โพสต์: 33766

อายุ: 0

 ข้อมูลส่วนตัว


ถ้าอ้างพระธรรมวินัย ก็ไม่ต้องอ้างใครอื่นอีก

----------------------------

หนังสือ “พิธีกรควรรู้” ที่ผมเขียนไว้มีผู้นำไปอ้างอิงกันอยู่มากพอสมควร ที่รู้ก็เพราะไปอ่านพบบ้าง ผู้อ้างบอกเล่ามาให้ฟังด้วยตัวเองบ้าง

ขอขอบพระคุณเป็นอย่างยิ่ง

ในหนังสือ ผมพูดไว้ชัดว่าถ้าเห็นว่าผมเขียนอะไรผิดไปละก็ ขอความกรุณาช่วยกันทักท้วงได้เต็มที่เพื่อปรับปรุงแก้ไขให้ถูกต้อง

ในหนังสือ ผมบอกไว้ด้วยว่า พิธีที่เกี่ยวกับพระศาสนาที่ทำๆ กันอยู่ในบ้านเรานี้ถ้าจับหลักให้ดีจะเห็นว่ามีอยู่ ๒ ส่วนเท่านั้น คือ (๑) หลักวิชา (๒) ค่านิยมพื้นถิ่น

ยกตัวอย่างเช่น พิธีสวดพระอภิธรรม ไหว้พระ รับศีลเสร็จแล้ว บางวัดพระสวดเลย บางวัดพิธีกรอาราธนาธรรมก่อนพระจึงสวด

แบบนี้คือค่านิยมพื้นถิ่น ไม่ต้องเถียงกันว่าแบบไหนถูกแบบไหนผิด พื้นถิ่นไหนนิยมอย่างไรก็ทำไปตามนั้น ไม่ต้องเอาถูกผิดมาตัดสิน

แต่ในคำอาราธนาธรรม -
พฺรหฺมา ออกเสียงอย่างไร
กตญฺชลี หรือ กตฺอญฺชลี
อนธิวรํ หรือ อนฺธิวรํ
อายาจถ หรือ อยาจถ
สนฺตีธ สตฺตา- หรือ สนฺตีธ สตฺตาปฺ-

แบบนี้คือหลักวิชา ต้องว่ากันไปตามหลักวิชา จะเอาค่านิยมพื้นถิ่นมาอ้างไม่ได้

หรืออย่างที่เห็นได้ชัดก็คือ คำบูชาข้าวพระ ตรงคำว่า .. สาลีนํ โอทนํ .. ผมเสนอว่า ควรเป็น โอทนํ ไม่ใช่ โภชนํ เพราะเหตุผลอย่างนี้ๆ

แต่สำนักไหนจะใช้ โภชนํ ก็ไม่ว่ากัน โภชนํ ก็ได้ความเหมือนกัน แต่ไม่สนิทเท่า โอทนํ เพราะเหตุผลอย่างนี้ๆ

แบบนี้โต้เถียงกันได้บนพื้นฐานหลักวิชา ใครใช้อย่างไรก็ถือว่าไม่ผิดหลักวิชา

แต่ถ้า “โภชนํ” นั่นเอง แต่ใช้เป็น “โภชนานํ” หรือบางสำนักเป็น “โภชนานานํ” ไปโน่นเลย แล้วอ้างว่าเป็นค่านิยมพื้นถิ่นของสำนัก ที่นี่ใช้อย่างนี้มาแต่ไหนแต่ไรแล้ว

แบบนี้ผิดหลักวิชา ต้องแย้ง ต้องค้าน ต้องชี้แจงว่าผิดอย่างไร

เป็นอันว่าในหลักวิชานั่นเองก็มีรายละเอียดแฝงอยู่ อ้างอิงอยู่กับความเห็นส่วนบุคคลก็มี แต่ก็ยังต้องตั้งอยู่บนพื้นฐานหลักวิชา

กรณี “มิ” กับ “มะ” ในคำบูชาพระรัตนตรัยก็เป็นอีกตัวอย่างหนึ่งที่มีผู้นำความเห็นของผมไปอ้าง

คือตรงคำว่า ปูเชมะ-ปูเชมิ หรือ อภิปูชยามะ-อภิปูชยามิ ใช้อย่างไรกันแน่

ผมมีความเห็นว่า ควรใช้ -มิ จะ ปูเชมิ หรือ อภิปูชยามิ ก็แล้วแต่จะเลือกเอา แต่ควรเป็น -มิ ไม่ควรเป็น -มะ เหตุผลคือ จะได้สอดคล้องกับท่อนท้ายตรงที่ว่า ... พุทฺธํ ภควนฺตํ อภิวาเทมิ ... ธมฺมํ นมสฺสามิ ... สงฺฆํ นมามิ ท่อนนี้เราใช้ -มิ เป็นมาตรฐาน ไม่ได้ใช้ ... อภิวาเทมะ ... นมสฺสามะ ... นมามะ ถ้าท่อนต้นใช้ -มะ แล้วมาท่อนหลังใช้ -มิ ย่อมไม่สอดคล้องกัน

และการบูชาพระรัตนตรัยเราเล็งที่การบูชาเป็นเอกเทศของแต่ละคน ไม่ใช่ร่วมใจกันบูชาเหมือนขอศีลหรือถวายทาน ซึ่งนั่นเป็นการร่วมกันขอร่วมกันถวาย จึงต้องใช้ -มิ หรือ -มะ ให้ตรงกับความเป็นจริง (คนเดียว -มิ หลายคน -มะ)

อันนี้เป็นความเห็นส่วนบุคคล สามารถเอาไปอ้างได้ว่า ผู้นั้นผู้นี้-อย่างในกรณีก็คืออ้างความเห็นของนาวาเอก ทองย้อย-เห็นว่าควรเป็นอย่างนั้นอย่างนี้ ใครจะเห็นตามหรือเห็นต่างย่อมเป็นสิทธิของผู้นั้น เพราะเป็นเรื่องของ “ความคิดเห็น” ไม่ใช่หลักวิชาตายตัวเหมือน “โภชนํ” กับ “โภชนานํ” หรือ “โภชนานานํ” ซึ่งสามารถชี้ถูก-ผิดได้ชัดเจนแน่นอน

กรณีชี้ถูกผิดได้แน่นอนเช่นนี้ไม่จำเป็นต้องอ้างความเห็นของบุคคล

คือไม่ต้องอ้างว่า นาวาเอก ทองย้อยเห็นว่า “โภชนานํ” และ “โภชนานานํ” ผิด

ทั้งนี้เพราะ-แม้นาวาเอกทองย้อยจะไม่บอกว่าผิด คำนั้นก็ผิดอยู่แล้วตามหลักวิชา คือหลักไวยากรณ์ เพราะฉะนั้นจึงไม่ต้องอ้างตัวบุคคล แต่อ้างตรงไปที่หลักวิชาได้เลย

ตรงนี้สำคัญมากนะครับ ถ้ามองไปที่หลักพระธรรมวินัยจะเห็นได้ชัดว่าสำคัญมากอย่างไร

ตัวอย่างเช่น - วัดที่มีพระจำพรรษาไม่ถึง ๕ รูป ไปนิมนต์จากวัดอื่นมาให้ครบ ๕ รูปเพื่อรับกฐิน ถามว่าทำได้หรือไม่

กรณีอย่างนี้ไม่ควรอย่างยิ่งที่จะอ้างตัวบุคคล หรือพูดให้เด็ดขาดว่า-จะอ้างตัวบุคคลหาชอบไม่

เช่นอ้างว่า ท่านเจ้าคุณรูปโน้นบอกว่าทำได้
หรืออ้างว่า พระมหารูปโน้นบอกว่าทำไม่ได้

ทำได้หรือทำไม่ได้ ต้องอ้างตรงไปที่พระธรรมวินัยอย่างเดียว อ้างตัวบุคคลไม่ได้

ก็คือเรื่องนั้นกรณีนั้นมีปัญหาอย่างไร ต้องอัญเชิญพระธรรมวินัยออกมาเป็นเครื่องตัดสิน

ศึกษาสืบสวนสอดส่องให้ทั่วถ้วนทั่วถึง พระธรรมวินัยว่าอย่างไร นั่นคือคำตอบ

ท่านเจ้าคุณรูปไหน ท่านมหารูปไหนว่าอย่างไร ถ้าตรงกับพระธรรมวินัยก็ต้องพูดว่า-ความเห็นของท่านตรงตามพระธรรมวินัย

ไม่ใช่ไปพูดว่า-พระธรรมวินัยตรงตามความเห็นของท่าน

เพราะพระธรรมวินัยเป็นหลัก ไม่ใช่ความเห็นของบุคคลเป็นหลัก

กรณีอย่างนี้ถ้าความเห็นของตัวบุคคลผิดไปจากพระธรรมวินัย ก็ต้องแก้ความเห็นของบุคคลให้ตรงตามหลักพระธรรมวินัย

ไม่ใช่แก้พระธรรมวินัยให้ตรงกับความเห็นของบุคคล

แล้วถ้าค้นคว้าศึกษาตรวจสอบสืบสวนหลักพระธรรมวินัยทั่วถึงหมดแล้วไม่พบคำตอบ หรือคำตอบในหลักพระธรรมวินัยนั่นแหละมีข้อหรือมีคำที่ชวนให้เคลือบแคลงสงสัยว่าจริงเท็จถูกผิดเป็นอย่างไรกันแน่ ไม่ชัดไม่ชัวร์

ถ้าเป็นแบบนี้จะทำอย่างไร

กรณีอย่างนี้ หลักพระธรรมวินัยก็บอกไว้ว่า

...................

ตตฺถ สพฺเพเหว สมคฺเคหิ สมฺโมทมาเนหิ อวิวทมาเนหิ สิกฺขิตพฺพํ.

แปลความว่า- ในเรื่องนั้น ทั้งหมดต้องพร้อมใจกันร่วมใจกันศึกษาเรียนรู้อย่าให้ขัดแย้งกัน

...................

ท่านแนะให้ร่วมกันศึกษาเรียนรู้ ไม่ใช่ให้ต่างคนต่างสำนักก็ต่างทำไปตามที่ตนเข้าใจหรือพอใจ

ญาติมิตรที่ติดตามผมมาย่อมจะจำได้ว่า ผมได้เพียรพยายามเสนอไปยังผู้บริหารการพระศาสนา-ซึ่งก็คือคณะสงฆ์-มาตลอด ว่าขอให้จัดตั้งกองวิชาการพระพุทธศาสนา (หรือจะเรียกชื่ออย่างไรก็ตาม) ระดมผู้ทรงคุณวุฒิทางพระศาสนามาทำงานศึกษาสืบสวนหลักพระธรรมวินัยในข้อที่ยังเข้าใจไม่ตรงกัน หรือที่ยังปฏิบัติลักลั่นกัน หรือที่เป็นปัญหาว่าทำอย่างนั้นได้หรือไม่ได้ ใช่หรือไม่ใช่-แล้วประกาศออกมาเป็นมติของคณะสงฆ์ไทยว่าเรื่องนี้เรื่องนั้นคณะสงฆ์ไทยตกลงพร้อมใจกันให้ทำอย่างนั้นไม่ให้ทำอย่างโน้น แล้วพร้อมใจกันปฏิบัติให้ตรงกันเป็นเอกภาพ

ทำได้อย่างนี้ก็จะเกิดความเรียบร้อยดีงาม เป็นที่ตั้งแห่งศรัทธาเลื่อมใสของสาธุชน

ทรัพยากรที่จะใช้เพื่อทำงานเช่นนี้มีอยู่พร้อม คนก็มี สถานที่ก็มี อุปกรณ์เครื่องใช้ก็มี เงินก็มี ญาติโยมที่พร้อมจะสนับสนุนก็มี

แต่น่าเสียดายที่ผู้เป็นใหญ่ในคณะสงฆ์ท่านใช้วิธีเฉย ไม่รับไม่รู้ ไม่ทำอะไรทั้งสิ้น

เหมือนกับว่าท่านพอใจที่จะให้ต่างคนต่างอยู่ ต่างคนต่างคิด ต่างคนต่างเข้าใจ ต่างคนต่างทำกันไปตามสบาย

ทั้งๆ ที่หลักพระธรรมวินัยก็บอกไว้ชัดๆ ว่า ให้ร่วมกันคิดให้ร่วมกันศึกษา

เวลานี้หลายสำนักหลายท่านก็เลยลอยตัวเป็นอิสระ

ท่านเจ้าคุณนั่นว่าอย่างนั้น
ท่านมหารูปนี้ว่าอย่างนี้
ส่วนตัวข้าพเจ้า-ข้าพเจ้าพอใจจะทำแบบนี้

จึงกลายเป็นว่าต่างคนต่างทำ หาได้ฟังคำที่ท่านแนะไว้ไม่

เวลานี้เรามาถึงตรงนี้กันแล้ว ตรงที่-ทำตามที่ข้าพเจ้าพอใจ ไม่เอาพระธรรมวินัยเป็นหลัก

แต่จะว่าไม่เอาพระธรรมวินัยเสียเลย ก็ว่าไม่ได้ เอาพระธรรมวินัยอยู่เหมือนกัน แต่เป็นพระธรรมวินัยตามที่ข้าพเจ้าพอใจ และตามความเข้าใจของข้าพเจ้าเท่านั้น

กรุณาตั้งสติ ถอยไปตั้งหลักกันให้ถูกนะครับ
ร่วมกันศึกษาและปฏิบัติตามพระธรรมวินัย
อย่าเอาความพอใจส่วนตัวเป็นหลัก

นาวาเอก ทองย้อย แสงสินชัย
๒๕ เมษายน ๒๕๖๓
๑๕:๑๙
ช่วงวันเวลาที่คนไทยต้องร่วมกันให้กำลังใจหมอ พยาบาล และบุคลากรทางการแพทย์ของไทยและของโลก

https://www.facebook.com/tsangsinchai/p ... 5493545835

.....................................................
https://dhammachati.blogspot.com/


โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 04 พ.ค. 2020, 19:48 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
สมาชิกระดับสูงสุด
สมาชิกระดับสูงสุด
ลงทะเบียนเมื่อ: 24 ต.ค. 2006, 12:36
โพสต์: 33766

อายุ: 0

 ข้อมูลส่วนตัว


"นักวิชาการ มจร" โต้นักวิชาการมะกัน ระบุ "พระพุทธเจ้ามิได้ตรัสภาษาบาลี"

4 พ.ค. พ.ศ.63 หลังจากมีนักวิชาการพุทธศาสนามหายาน ชื่อ ดร. Jan Nattier ชาวอเมริกัน ปาฐกถา เกี่ยวกับภาษาบาลี โดยปาฐกถาว่า "พระพุทธเจ้าเจ้าไม่ได้พูดภาษาบาลี" ในการเผยแผ่ธรรมะของพระองค์ กลายเป็นเรื่องฮือฮาในสังคมชาวพุทธในประเทศไทย
เรื่องนี้ รศ.ดร.เวทย์ บรรณกรกุล อาจารย์ประจำมหาวิทยาลัยมหาจุฬาลงกรณราชวิทยาลัย วิทยาเขตบาฬีศึกษาพุทธโฆส นครปฐม ผู้เชี่ยวชาญภาษาบาลี โพสต์เฟซบุ๊กความว่า

เป็นที่ฮือฮา ! ฝรั่งบอก พระพุทธเจ้า ไม่ได้ตรัสภาษาบาลี

พวกเรา นี่ก็แปลก ! ต้องอ้างฝรั่ง จึงเชื่อและเห็นคล้อยตาม

เป็นที่ฮือฮากันใหญ่ คนฟังอาจจะคิดว่า "เป็นข้อค้นพบใหม่" กันเลยทีเดียว

ข้อมูลที่ Jan Nattier บรรยายชั่วโมงกว่า ๆ ตามคลิปเต็ม มีประโยชน์หลายอย่าง บางเรื่อง ผมกลับพบว่า Jan Nattier ประมวลข้อมูลความรู้สาระที่มีอยู่ในคัมภีร์เถรวาทนั่นแหละ มาพูดใหม่
ที่พวกเราฮือฮากัน "เพราะพวกเรา เรียนห่างเหินคัมภีร์เก่าของเราต่างหาก"

เรื่อง "บาลี ไม่ใช่ภาษา" เรื่องนี้ ผมเรียนตั้งแต่ชั้นบาลีไวยากรณ์ว่า "พุทฺธวจนํ ปาเลตีติ ปาลิ" ภาษาสำหรับรักษาพระพุทธพจน์
เมื่อศึกษาคัมภีร์ปทรูปสิทธิ ก็ยิ่งมีหลักฐานชัดเจนว่า พระพุทธเจ้าไม่ได้ตรัสด้วย “ภาษาบาลี” รับรู้กันตั้งแต่เรียนแล้วว่า ในสมัยพระพุทธองค์ไม่มีภาษาบาลี
พระพุทธองค์ทรงเทศนาเผยแผ่อริยสัจด้วยภาษามูลมาคธี จะแปลว่า ภาษามคธเก่า มาคธีโบราณก็ได้ (อ้างอิงจากคัมภีร์ ปทรูปสิทธิ และคัมภีร์สายเถรวาทหลายแห่ง ปรากฏข้อความว่า สา มาคธี มูลภาสา ฯลฯ สมฺพุทธา จาปิ ภาสเร)

อรรถกถาหลาย ๆ แห่ง เช่นอรรถกถาปฏิสัมภิทามรรค เป็นต้น ก็ยืนยันชัดเจนว่า "พระพุทธเจ้าทรงใช้ภาษามูลมาคธี มาคธิกา แปลว่า ภาษาชาวมคธ" ในการประกาศเผยแผ่ศาสนธรรม เลือกแคว้นใหญ่ที่มีอิทธิพลทั้งเศรษฐกิจ ภาษาและวัฒนธรรม คือ แคว้นมคธ

พระอัครสาวกซ้ายขวา ที่เป็นกำลังในการเผยแผ่ก็เป็นชาวแคว้นมคธ

พระสารีบุตรอัครสาวกเบื้องขวา มีอิทธิพลกำลังสำคัญในการเผยแผ่ระดับพระธรรมสังคาหกาจารย์ (ผู้สังคายนาพระธรรมวินัย) ต้องนำบทธรรมบรรยายของท่านนับเข้าเป็นหนึ่งเดียวกับพุทธพจน์ คือ "ขุททกนิกาย ปฏิสัมภิทามรรค" (พระไตร ปิฎกเล่มที่ 31 ของไทย)

ด้วยความหลากหลายของ "มูลมาคธี" ตามสำเนียงพื้นเพของพระสาวก และอาจเจือปนด้วยภาษาถิ่นเดิมของแต่ละท่าน
พระกัจจายนะจึงได้รจนาระเบียบกฎเกณฑ์ภาษามูลมาคธีขึ้นมาใหม่ เพื่อเป็นภาษากลาง และใช้เป็นหลักจดจารึกพระพุทธพจน์โดยเฉพาะ โดยท่านตั้งอธิการสูตรครอบคลุมกัจจายนสูตรทั้งหมดว่า "ชินวจนยุตฺตํ หิ" แปลว่า (สูตรที่แสดงต่อไปนี้) ถูกต้องเหมาะสมกับพระพุทธพจน์ แปลให้เข้าใจง่าย ๆ คือคัดเลือกหลักภาษาเฉพาะที่เหมาะสมกับพระพุทธดำรัสเท่านั้น

จากหลักฐาน กัจจายนสูตร "ชินวจนยุตฺตํ หิ" ข้อนี้ ทำให้ทราบว่า "มูลมาคธี" มีความหลากหลายผสมผสานปรากฤตโบราณบ้าง สันสกฤตบ้าง ภาษาถิ่นบ้าง พระอรหันต์ อริยสาวก สาวก มีมาจากต่างแคว้น ต่างเมือง ต่างภาษาวัฒนธรรม ท่านก็ต้องเลือกภาษาของตน และของคนพื้นเมืองในการเผยแผ่ธรรม

ดังนั้น พระมหากัจจายนะ จึงรจนากัจจายนสูตร กฎเกณฑ์หลักภาษามูลมาคธี เพื่อให้สาวกรักษา สืบทอด พระพุทธพจน์ต่อไปได้ กฎเกณฑ์ระเบียบภาษาที่รจนาขึ้นใหม่นี้ มีจุดมุ่งหมายรักษา พระพุทธพจน์ พระอรรถกถาจารย์ในยุคหลัง จึงเรียกว่า "ปาลิ"

ปาลิ คือ ระเบียบกฎเกณ์ภาษาที่บัญญัติขึ้นใหม่ (จากมูลมาคธี) เป็นภาษากลางของพุทธศาสนา
(เถรวาท) เป็นภาษาที่ปรุงแต่งรักษาคัมภีร์โดยเฉพาะ แน่นอนครับ ภาษาดั้งเดิมของพุทธศาสนา ไม่ใช่ภาษาบาลี แต่เป็น "มูลมาคธี" ใหม่
นี่คือสิ่งที่ชาวพุทธเถรวาทผู้ศึกษาคัมภีร์ รับรู้กันมานานแล้วว่า คำว่า "ปาลิ ไม่มีในพระไตรปิฎก ปาลิ พึ่งมีปรากฏในคัมภีร์ชั้นอรรถกถา"

https://www.banmuang.co.th/news/educati ... UVSEC6tHSE

.....................................................
https://dhammachati.blogspot.com/


โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 22 พ.ค. 2020, 20:24 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
สมาชิกระดับสูงสุด
สมาชิกระดับสูงสุด
ลงทะเบียนเมื่อ: 24 ต.ค. 2006, 12:36
โพสต์: 33766

อายุ: 0

 ข้อมูลส่วนตัว


อ้างคำพูด:
ผมเห็นว่า ความหวังเดียวของพระศาสนาก็คือ-อย่าฝากความหวังของพระศาสนาไว้กับใครคนเดียว

ที่ผ่านมาเราบริหารกิจการพระศาสนาด้วยความคิดของบุคคลคนเดียว ต่อไปนี้ถ้าคิดจะรักษาพระศาสนาเราต้องเปลี่ยนวิธีการ จากตัวบุคคลมาบริหารเป็นคณะหรือเป็นองค์กร

คณะหรือองค์กรยั่งยืนกว่าตัวบุคคล

แต่ก็เข้ารอยเดิมของทุกปัญหา นั่นคือ ใครล่ะจะเป็นคนลงมือเปลี่ยน

ใครล่ะจะเป็นคนเข้าไปขับเคลื่อนผู้มีอำนาจมีตำแหน่งมีหน้าที่ให้ลงมือขับเคลื่อนงานพระศาสนาในแนวทางใหม่-คือฝากความหวังไว้กับคณะหรือองค์กร

เราไม่ควรฝากอนาคตของพระศาสนาไว้กับตัวบุคคล แต่แล้วอนาคตของเราก็มาเจอทางตันที่ตัวบุคคลทุกทีไป

ผมคิดเรื่องนี้จนอยากจะตกลงใจว่า-แบบนี้ก็ตัวใครตัวมันเถอะ

เอาตัวรอดก่อนดีกว่า
พระศาสนารอด เราก็รอด
พระศาสนาไม่รอด เราก็ยังรอด

ดีกว่าพระศาสนาก็ไม่รอด
เราก็ไม่รอด

เก็บบุญใส่ย่าม ประพฤติธรรม ปฏิบัติธรรมไปตามลำพัง

ไม่ทำบาปทั้งปวง
ทำกุศลให้ถึงพร้อม
ทำจิตของตนให้ขาวรอบ

เรียนมาแล้ว
ทำเองเป็นแล้วนี่

การพระศาสนาจะเป็นอย่างไร ไม่ต้องสนใจ

ผมเชื่อว่าชาวพุทธส่วนใหญ่บ้านเราคิดแบบนี้

ผู้บริหารการพระศาสนา ซึ่งมีตำแหน่ง มีหน้าที่ มีทั้งอำนาจ ก็ดูเหมือนจะคิดแบบนี้

ผมเองก็อยากคิดแบบนี้มั่ง

แต่มาคิดอีกที - เหมือนคนยืมเงินเขาไปแล้วไม่ใช้คืน

ได้ความรู้ไปจากสำนัก
ได้ดีไปจากวัด

มีวันนี้ได้ก็เพราะสำนัก ก็เพราะวัด ก็เพราะพระศาสนา

แล้วเราใช้หนี้พระศาสนากันบ้างหรือยัง

และถ้าคิดจะใช้ ใช้ยังไง?

นาวาเอก ทองย้อย แสงสินชัย
๒๒ พฤษภาคม ๒๕๖๓
๑๑:๑๑



รูปภาพ

https://www.facebook.com/photo.php?fbid ... =3&theater

ศาสนาใดๆก็ตาม ถ้าทางบ้านเมือง (ผู้บริหารประเทศ) ไม่ส่งเสริมไม่สนับสนุนแล้วล่ะก็ ศาสนานั้นๆ ก็อยู่ไม่ได้คือไปไม่รอดคือว่าจะค่อยๆสูญสลายไปในที่สุด มีอดีตเป็นตัวอย่าง

.....................................................
https://dhammachati.blogspot.com/


โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 07 มิ.ย. 2020, 09:44 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
สมาชิกระดับสูงสุด
สมาชิกระดับสูงสุด
ลงทะเบียนเมื่อ: 24 ต.ค. 2006, 12:36
โพสต์: 33766

อายุ: 0

 ข้อมูลส่วนตัว


อ้างคำพูด:
เรียนจบบาลีศึกษา 9 ประโยคเป็นผลสำเร็จด้วยอายุ 25 ปี


https://www.youtube.com/watch?v=AaU7HAD ... 42BUccPWW4

https://www.facebook.com/SukanyaPemaDec ... 3A&fref=nf

พูดจาคล่องแคล่วดี

.....................................................
https://dhammachati.blogspot.com/


แสดงโพสต์จาก:  เรียงตาม  
กลับไปยังกระทู้  [ 88 โพสต์ ]  ไปที่หน้า ย้อนกลับ  1, 2, 3, 4, 5, 6  ต่อไป

เขตเวลา GMT + 7 ชั่วโมง


 ผู้ใช้งานขณะนี้

กำลังดูบอร์ดนี้: ไม่มีสมาชิก และ บุคคลทั่วไป 44 ท่าน


ท่าน ไม่สามารถ โพสต์กระทู้ในบอร์ดนี้ได้
ท่าน ไม่สามารถ ตอบกระทู้ในบอร์ดนี้ได้
ท่าน ไม่สามารถ แก้ไขโพสต์ของท่านในบอร์ดนี้ได้
ท่าน ไม่สามารถ ลบโพสต์ของท่านในบอร์ดนี้ได้
ท่าน ไม่สามารถ แนบไฟล์ในบอร์ดนี้ได้

ค้นหาสำหรับ:
ไปที่:  
Google
ทั่วไป เว็บธรรมจักร