วันเวลาปัจจุบัน 25 เม.ย. 2024, 17:42  



เขตเวลา GMT + 7 ชั่วโมง




กลับไปยังกระทู้  [ 53 โพสต์ ]  ไปที่หน้า ย้อนกลับ  1, 2, 3, 4  ต่อไป  Bookmark and Share
เจ้าของ ข้อความ
โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 26 มิ.ย. 2018, 21:31 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
สมาชิกระดับ 19
สมาชิกระดับ 19
ลงทะเบียนเมื่อ: 29 ต.ค. 2009, 15:06
โพสต์: 7502

อายุ: 0

 ข้อมูลส่วนตัว


กรัชกาย เขียน:
กรัชกาย เขียน:
Rosarin เขียน:
Kiss
เห็นกิเลสตนเองไหมล่ะ
รำคาญคือโทสะเกิดน๊า
:b12:
:b55: :b55:


รำคาญมันน่าจะเป็นนิวรณ์นะ ไปดูใหม่สิ คิกๆๆ

มันเกิดแล้วมันดับไหม :b10:

นึกถึงคำพูดหลวงพ่อคูณ ไปหาฟังที่นั่งคุยกับนักข่าวนะ

ส่วนคุณโรสกลัวกิเลสจนขี้เป็นเลือด กลัวมากๆนี่จะไม่กล้าทำกล้าไม่คิดอะไร เพราะกลัวเป็นกิเลส จึงนั่งกะพริบตาถี่ๆเพื่อให้ทันทำมะว่า แต่กรัชกายนี่ไม่กลัว คิกๆๆ


คุณโรสหายไปทั้งวัน หรือหมดแล้ว ระบายออกมาหมดแล้ว การถกเถียงกันเนี่ยมันก็ดีนะครับ จะได้ระบายความคิดความจำที่มีออกมา หมดแล้วสมองโล่ง ตัวเบา :b13:


ฟังหลวงพ่อคูณตอบคำถามเรื่องกิเลสเรื่องโทสะ ตอนท้ายๆเกือบจบแล้ว นาที 48:

https://www.youtube.com/watch?v=68YUk9ee0YU

อย่านึกว่ามันหมูนะกิเลส โลภ (ราคะ) โทสะ โมหะน่ะ มันเป็นรากเป็นเง้าทีเดียว หลักเขาเรียกรากเง้าของอกุศล

ถ้าเป็นอโลภะ อโทสะ อโมหะ เรียกรากเง้าของกุศล คฤหัสถ์ครองเรือน เอาแค่หลักธรรมะพื้นๆธรรมดาๆก็พอ เช่นว่า ทำหน้าที่ของตนไปตาม เพศ วัย เป็นอะไรล่ะ ก็เลือกเอาธรรมะนั่นๆแหละ ว่าอะไรนะครับ ไม่ได้ยิน อ้อ ไม่เชื่อ ตามใจงั้น :b32:

:b32: คิดถึงเค๊าหรอออ :b32:
มีตาดูไม่รู้จักดู...มีหูฟังไม่รู้จักฟัง
หมายถึงฟังคำที่ทำให้คิดได้นะคะ
ไม่ใช่คิดไปตามการดูของตนเอง
แล้วก็คิดไปตามการดูผิดทางเกิด
ปัญญาเกิดจากฟังใช้ตาฟังได้รึ
:b13:


โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 26 มิ.ย. 2018, 21:38 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
สมาชิกระดับ 19
สมาชิกระดับ 19
ลงทะเบียนเมื่อ: 29 ต.ค. 2009, 15:06
โพสต์: 7502

อายุ: 0

 ข้อมูลส่วนตัว


กรัชกาย เขียน:
Rosarin เขียน:
กรัชกาย เขียน:
Rosarin เขียน:
Kiss
เห็นกิเลสตนเองไหมล่ะ
รำคาญคือโทสะเกิดน๊า
:b12:
:b55: :b55:


รำคาญมันน่าจะเป็นนิวรณ์นะ ไปดูใหม่สิ คิกๆๆ

มันเกิดแล้วมันดับไหม :b10:

นึกถึงคำพูดหลวงพ่อคูณ ไปหาฟังที่นั่งคุยกับนักข่าวนะ

ส่วนคุณโรสกลัวกิเลสจนขี้เป็นเลือด กลัวมากๆนี่จะไม่กล้าทำกล้าไม่คิดอะไร เพราะกลัวเป็นกิเลส จึงนั่งกะพริบตาถี่ๆเพื่อให้ทันทำมะว่า แต่กรัชกายนี่ไม่กลัว คิกๆๆ

cool
ชื่อทั้งนั้นเป็นความจริงที่ตัวตนไงคะดับแก้ได้ป่าว :b32:
กิเลสตามคำสอนมี3คือ โลภะ โทสะ โมหะ อันมีโมหะประกอบไว้ในโลก
เวลาเกิดกิเลสมันสังขารขันธ์ปรุงอกุศลเกาะติดจับโมหะเกิดคนละครั้งนะคะ
โลภะ+โมหะ คือ ความชอบใจพอใจอยากมีอยากเป็นอยากได้ในสิ่งที่น่ารื่นรมณ์ยินดีติดใจขวนขวายทำ
โทสะ+โมหะ คือ ขุ่นใจ ขัดเคือง ไม่ชอบไม่พอใจไม่อยากได้ไม่อยากมีไม่อยากเป็นในสิ่งที่ตนไม่ชอบ
:b12:
ส่วนปัญญารู้ละตัวตนฟังด้วยความเข้าใจพอใจที่จะฟังเพราะรู้จักตนว่าไม่ได้รู้อย่างตถาคตฟังจำเป็นที่สุด
เพราะคนที่ตาไม่บอดและหูไม่หนวกเท่านั้นจึงเป็นผู้ตื่นลืมตาฟังความจริงแล้วคิดเห็นถูกตามคำสอนได้
ฟังด้วยความอยากรู้เป็นฉันทะวิริยสติสมาธิปัญญารู้ถูกตรงตามคำสอนตอนกำลังฟังเกิดสัมมาตามได้
พระอรหันต์เท่านั้นที่ดับกิเลสทั้ง3นั้นได้ถูกไหมคะจำชื่อเยอะเป็นตามชื่อหรือดีได้เองอย่างนั้นหรือคะ
:b11:



คุณโรส ถามจริงๆ ทำไมคุณถึงได้คิดตั้งกฎกติกา อ่านกาลามสูตรว่าต้องกะพริบตา (พริบ) ให้พอดีจบข้อ อาการนั่นคือรู้ธรรมะ ทำไมคุณคิดยังงั้น ใครแนะนำคุณให้ทำยังงั้นขอรับ อ่านไปตามปกติเหมือนชาวบ้านเขาอ่านหนังสือไม่ได้หรือขอรับ หือ :b32: จะบ้าตาย

:b32:
ดูพฤติกรรมตนเองตามปกติสิคะ
ก็จิตทั้ง6ทางมันดับนับไม่ถ้วน
เร็วกว่าการกะพริบตา1ครั้ง
เข้าใจอุปมาว่าเร็วมาก
กะพริบตาไม่ทัน
กิเลสที่ดับแล้ว
ยังไม่เจอกิเลส
แล้วจะแก้กิเลสยังไง
เพราะขาดพึ่งคำตถาคต
คำตถาคตรู้ความจริงตามได้
จากมีผู้กล่าวให้เข้าใจตรงจริง
กะพริบตาแล้วไหนบอกมาสิว่า
มีเวลาพอจะถอนกิเลสออกตอนไหน
แค่กะพริบตายังไม่ทำอะไรเลยเป็นอวิชชาแล้วทำยังไงได้คะ
onion onion onion


โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 27 มิ.ย. 2018, 05:46 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
สมาชิกระดับสูงสุด
สมาชิกระดับสูงสุด
ลงทะเบียนเมื่อ: 24 ต.ค. 2006, 12:36
โพสต์: 33766

อายุ: 0

 ข้อมูลส่วนตัว


Rosarin เขียน:
กรัชกาย เขียน:
Rosarin เขียน:
กรัชกาย เขียน:
Rosarin เขียน:
Kiss
เห็นกิเลสตนเองไหมล่ะ
รำคาญคือโทสะเกิดน๊า
:b12:
:b55: :b55:


รำคาญมันน่าจะเป็นนิวรณ์นะ ไปดูใหม่สิ คิกๆๆ

มันเกิดแล้วมันดับไหม :b10:

นึกถึงคำพูดหลวงพ่อคูณ ไปหาฟังที่นั่งคุยกับนักข่าวนะ

ส่วนคุณโรสกลัวกิเลสจนขี้เป็นเลือด กลัวมากๆนี่จะไม่กล้าทำกล้าไม่คิดอะไร เพราะกลัวเป็นกิเลส จึงนั่งกะพริบตาถี่ๆเพื่อให้ทันทำมะว่า แต่กรัชกายนี่ไม่กลัว คิกๆๆ

cool
ชื่อทั้งนั้นเป็นความจริงที่ตัวตนไงคะดับแก้ได้ป่าว :b32:
กิเลสตามคำสอนมี3คือ โลภะ โทสะ โมหะ อันมีโมหะประกอบไว้ในโลก
เวลาเกิดกิเลสมันสังขารขันธ์ปรุงอกุศลเกาะติดจับโมหะเกิดคนละครั้งนะคะ
โลภะ+โมหะ คือ ความชอบใจพอใจอยากมีอยากเป็นอยากได้ในสิ่งที่น่ารื่นรมณ์ยินดีติดใจขวนขวายทำ
โทสะ+โมหะ คือ ขุ่นใจ ขัดเคือง ไม่ชอบไม่พอใจไม่อยากได้ไม่อยากมีไม่อยากเป็นในสิ่งที่ตนไม่ชอบ
:b12:
ส่วนปัญญารู้ละตัวตนฟังด้วยความเข้าใจพอใจที่จะฟังเพราะรู้จักตนว่าไม่ได้รู้อย่างตถาคตฟังจำเป็นที่สุด
เพราะคนที่ตาไม่บอดและหูไม่หนวกเท่านั้นจึงเป็นผู้ตื่นลืมตาฟังความจริงแล้วคิดเห็นถูกตามคำสอนได้
ฟังด้วยความอยากรู้เป็นฉันทะวิริยสติสมาธิปัญญารู้ถูกตรงตามคำสอนตอนกำลังฟังเกิดสัมมาตามได้
พระอรหันต์เท่านั้นที่ดับกิเลสทั้ง3นั้นได้ถูกไหมคะจำชื่อเยอะเป็นตามชื่อหรือดีได้เองอย่างนั้นหรือคะ
:b11:



คุณโรส ถามจริงๆ ทำไมคุณถึงได้คิดตั้งกฎกติกา อ่านกาลามสูตรว่าต้องกะพริบตา (พริบ) ให้พอดีจบข้อ อาการนั่นคือรู้ธรรมะ ทำไมคุณคิดยังงั้น ใครแนะนำคุณให้ทำยังงั้นขอรับ อ่านไปตามปกติเหมือนชาวบ้านเขาอ่านหนังสือไม่ได้หรือขอรับ หือ :b32: จะบ้าตาย

:b32:
ดูพฤติกรรมตนเองตามปกติสิคะ
ก็จิตทั้ง6ทางมันดับนับไม่ถ้วน
เร็วกว่าการกะพริบตา1ครั้ง
เข้าใจอุปมาว่าเร็วมาก
กะพริบตาไม่ทัน
กิเลสที่ดับแล้ว
ยังไม่เจอกิเลส
แล้วจะแก้กิเลสยังไง
เพราะขาดพึ่งคำตถาคต
คำตถาคตรู้ความจริงตามได้
จากมีผู้กล่าวให้เข้าใจตรงจริง
กะพริบตาแล้วไหนบอกมาสิว่า
มีเวลาพอจะถอนกิเลสออกตอนไหน
แค่กะพริบตายังไม่ทำอะไรเลยเป็นอวิชชาแล้วทำยังไงได้คะ
onion onion onion



ไม่ฟังอิร้าค่าอิรมเลย ถามนั่น เออ

.....................................................
https://dhammachati.blogspot.com/


โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 27 มิ.ย. 2018, 06:11 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
สมาชิกระดับ 19
สมาชิกระดับ 19
ลงทะเบียนเมื่อ: 29 ต.ค. 2009, 15:06
โพสต์: 7502

อายุ: 0

 ข้อมูลส่วนตัว


กรัชกาย เขียน:
Rosarin เขียน:
กรัชกาย เขียน:
Rosarin เขียน:
กรัชกาย เขียน:
Rosarin เขียน:
Kiss
เห็นกิเลสตนเองไหมล่ะ
รำคาญคือโทสะเกิดน๊า
:b12:
:b55: :b55:


รำคาญมันน่าจะเป็นนิวรณ์นะ ไปดูใหม่สิ คิกๆๆ

มันเกิดแล้วมันดับไหม :b10:

นึกถึงคำพูดหลวงพ่อคูณ ไปหาฟังที่นั่งคุยกับนักข่าวนะ

ส่วนคุณโรสกลัวกิเลสจนขี้เป็นเลือด กลัวมากๆนี่จะไม่กล้าทำกล้าไม่คิดอะไร เพราะกลัวเป็นกิเลส จึงนั่งกะพริบตาถี่ๆเพื่อให้ทันทำมะว่า แต่กรัชกายนี่ไม่กลัว คิกๆๆ

cool
ชื่อทั้งนั้นเป็นความจริงที่ตัวตนไงคะดับแก้ได้ป่าว :b32:
กิเลสตามคำสอนมี3คือ โลภะ โทสะ โมหะ อันมีโมหะประกอบไว้ในโลก
เวลาเกิดกิเลสมันสังขารขันธ์ปรุงอกุศลเกาะติดจับโมหะเกิดคนละครั้งนะคะ
โลภะ+โมหะ คือ ความชอบใจพอใจอยากมีอยากเป็นอยากได้ในสิ่งที่น่ารื่นรมณ์ยินดีติดใจขวนขวายทำ
โทสะ+โมหะ คือ ขุ่นใจ ขัดเคือง ไม่ชอบไม่พอใจไม่อยากได้ไม่อยากมีไม่อยากเป็นในสิ่งที่ตนไม่ชอบ
:b12:
ส่วนปัญญารู้ละตัวตนฟังด้วยความเข้าใจพอใจที่จะฟังเพราะรู้จักตนว่าไม่ได้รู้อย่างตถาคตฟังจำเป็นที่สุด
เพราะคนที่ตาไม่บอดและหูไม่หนวกเท่านั้นจึงเป็นผู้ตื่นลืมตาฟังความจริงแล้วคิดเห็นถูกตามคำสอนได้
ฟังด้วยความอยากรู้เป็นฉันทะวิริยสติสมาธิปัญญารู้ถูกตรงตามคำสอนตอนกำลังฟังเกิดสัมมาตามได้
พระอรหันต์เท่านั้นที่ดับกิเลสทั้ง3นั้นได้ถูกไหมคะจำชื่อเยอะเป็นตามชื่อหรือดีได้เองอย่างนั้นหรือคะ
:b11:



คุณโรส ถามจริงๆ ทำไมคุณถึงได้คิดตั้งกฎกติกา อ่านกาลามสูตรว่าต้องกะพริบตา (พริบ) ให้พอดีจบข้อ อาการนั่นคือรู้ธรรมะ ทำไมคุณคิดยังงั้น ใครแนะนำคุณให้ทำยังงั้นขอรับ อ่านไปตามปกติเหมือนชาวบ้านเขาอ่านหนังสือไม่ได้หรือขอรับ หือ :b32: จะบ้าตาย

:b32:
ดูพฤติกรรมตนเองตามปกติสิคะ
ก็จิตทั้ง6ทางมันดับนับไม่ถ้วน
เร็วกว่าการกะพริบตา1ครั้ง
เข้าใจอุปมาว่าเร็วมาก
กะพริบตาไม่ทัน
กิเลสที่ดับแล้ว
ยังไม่เจอกิเลส
แล้วจะแก้กิเลสยังไง
เพราะขาดพึ่งคำตถาคต
คำตถาคตรู้ความจริงตามได้
จากมีผู้กล่าวให้เข้าใจตรงจริง
กะพริบตาแล้วไหนบอกมาสิว่า
มีเวลาพอจะถอนกิเลสออกตอนไหน
แค่กะพริบตายังไม่ทำอะไรเลยเป็นอวิชชาแล้วทำยังไงได้คะ
onion onion onion



ไม่ฟังอิร้าค่าอิรมเลย ถามนั่น เออ

:b12:
เออนะ...คนอะไร...ไม่รู้เรื่องจริงๆอ่ะ
ก็ความจริงตามคำสอนต้องลืมตาดู
ปกติคุณกรัชกายกระพริบตาไหมคะ
เวลาอ่านต้องมีสติระลึกที่กายใจตน
ตถาคตบอกให้ดูที่กายใจตนไม่รู้หราาาา
:b32:


โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 27 มิ.ย. 2018, 08:04 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
สมาชิกระดับสูงสุด
สมาชิกระดับสูงสุด
ลงทะเบียนเมื่อ: 24 ต.ค. 2006, 12:36
โพสต์: 33766

อายุ: 0

 ข้อมูลส่วนตัว


Rosarin เขียน:
กรัชกาย เขียน:
Rosarin เขียน:
กรัชกาย เขียน:
Rosarin เขียน:
กรัชกาย เขียน:
Rosarin เขียน:
Kiss
เห็นกิเลสตนเองไหมล่ะ
รำคาญคือโทสะเกิดน๊า
:b12:
:b55: :b55:


รำคาญมันน่าจะเป็นนิวรณ์นะ ไปดูใหม่สิ คิกๆๆ

มันเกิดแล้วมันดับไหม :b10:

นึกถึงคำพูดหลวงพ่อคูณ ไปหาฟังที่นั่งคุยกับนักข่าวนะ

ส่วนคุณโรสกลัวกิเลสจนขี้เป็นเลือด กลัวมากๆนี่จะไม่กล้าทำกล้าไม่คิดอะไร เพราะกลัวเป็นกิเลส จึงนั่งกะพริบตาถี่ๆเพื่อให้ทันทำมะว่า แต่กรัชกายนี่ไม่กลัว คิกๆๆ

cool
ชื่อทั้งนั้นเป็นความจริงที่ตัวตนไงคะดับแก้ได้ป่าว :b32:
กิเลสตามคำสอนมี3คือ โลภะ โทสะ โมหะ อันมีโมหะประกอบไว้ในโลก
เวลาเกิดกิเลสมันสังขารขันธ์ปรุงอกุศลเกาะติดจับโมหะเกิดคนละครั้งนะคะ
โลภะ+โมหะ คือ ความชอบใจพอใจอยากมีอยากเป็นอยากได้ในสิ่งที่น่ารื่นรมณ์ยินดีติดใจขวนขวายทำ
โทสะ+โมหะ คือ ขุ่นใจ ขัดเคือง ไม่ชอบไม่พอใจไม่อยากได้ไม่อยากมีไม่อยากเป็นในสิ่งที่ตนไม่ชอบ
:b12:
ส่วนปัญญารู้ละตัวตนฟังด้วยความเข้าใจพอใจที่จะฟังเพราะรู้จักตนว่าไม่ได้รู้อย่างตถาคตฟังจำเป็นที่สุด
เพราะคนที่ตาไม่บอดและหูไม่หนวกเท่านั้นจึงเป็นผู้ตื่นลืมตาฟังความจริงแล้วคิดเห็นถูกตามคำสอนได้
ฟังด้วยความอยากรู้เป็นฉันทะวิริยสติสมาธิปัญญารู้ถูกตรงตามคำสอนตอนกำลังฟังเกิดสัมมาตามได้
พระอรหันต์เท่านั้นที่ดับกิเลสทั้ง3นั้นได้ถูกไหมคะจำชื่อเยอะเป็นตามชื่อหรือดีได้เองอย่างนั้นหรือคะ
:b11:



คุณโรส ถามจริงๆ ทำไมคุณถึงได้คิดตั้งกฎกติกา อ่านกาลามสูตรว่าต้องกะพริบตา (พริบ) ให้พอดีจบข้อ อาการนั่นคือรู้ธรรมะ ทำไมคุณคิดยังงั้น ใครแนะนำคุณให้ทำยังงั้นขอรับ อ่านไปตามปกติเหมือนชาวบ้านเขาอ่านหนังสือไม่ได้หรือขอรับ หือ :b32: จะบ้าตาย

:b32:
ดูพฤติกรรมตนเองตามปกติสิคะ
ก็จิตทั้ง6ทางมันดับนับไม่ถ้วน
เร็วกว่าการกะพริบตา1ครั้ง
เข้าใจอุปมาว่าเร็วมาก
กะพริบตาไม่ทัน
กิเลสที่ดับแล้ว
ยังไม่เจอกิเลส
แล้วจะแก้กิเลสยังไง
เพราะขาดพึ่งคำตถาคต
คำตถาคตรู้ความจริงตามได้
จากมีผู้กล่าวให้เข้าใจตรงจริง
กะพริบตาแล้วไหนบอกมาสิว่า
มีเวลาพอจะถอนกิเลสออกตอนไหน
แค่กะพริบตายังไม่ทำอะไรเลยเป็นอวิชชาแล้วทำยังไงได้คะ
onion onion onion



ไม่ฟังอิร้าค่าอิรมเลย ถามนั่น เออ

:b12:
เออนะ...คนอะไร...ไม่รู้เรื่องจริงๆอ่ะ
ก็ความจริงตามคำสอนต้องลืมตาดู
ปกติคุณกรัชกายกระพริบตาไหมคะ
เวลาอ่านต้องมีสติระลึกที่กายใจตน
ตถาคตบอกให้ดูที่กายใจตนไม่รู้หราาาา
:b32:


กระพริบตาเป็นเรื่องปกติของคนเป็น คือ ยังไม่ตาย

แล้วทำไมคุณโรสจึงไปตั้งกฎเกณฑ์ว่า อ่านกาลามสูตรต้องให้จบภายในช่วงกระพริบตา (พริบ) ไม่ยังงั้นแล้ว ไม่รู้ธัมม์ ก็อ่านไปเรื่อยๆไม่ได้หรือยังไง มันจะตายหรอ

.....................................................
https://dhammachati.blogspot.com/


โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 29 มิ.ย. 2018, 23:42 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
สมาชิกระดับ 19
สมาชิกระดับ 19
ลงทะเบียนเมื่อ: 29 ต.ค. 2009, 15:06
โพสต์: 7502

อายุ: 0

 ข้อมูลส่วนตัว


กรัชกาย เขียน:
Rosarin เขียน:
Kiss
อันไหนจริงที่สุดมีแค่1คำตอบค่ะ
1คนเห็น
2ตาเห็น
3จิตเห็น
คำตถาคตชัดเจนตอบให้ชัดสิคะ
:b32: :b32:


นี่แสดงว่าเพ้ออ่านหนังสือไม่เป็น ไม่รู้จักคน

ถ้าให้คุณโรสพูดเขียนเรื่องทั่วๆไป เรื่องดินฟ้าอากาศ ก็ฟังได้ แต่พูดธรรมะเท่านั้นแหละ เข้าป่าเข้าดงไปเลย เพราะอะไร ? เพราะคุณโรสคิดว่าธรรมะเป็นเรื่องผิดปกติ

Kiss
คิดคำตอบออกยังคำตถาคตคืออันไหน
มีแค่1คำตอบค่ะ
1คนเห็น
2ตาเห็น
3จิตเห็น
4หูดู
5ลิ้นดู
6จมูกดู
7กายดู
:b32: :b17:


โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 29 มิ.ย. 2018, 23:49 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
สมาชิกระดับ 19
สมาชิกระดับ 19
ลงทะเบียนเมื่อ: 29 ต.ค. 2009, 15:06
โพสต์: 7502

อายุ: 0

 ข้อมูลส่วนตัว


กรัชกาย เขียน:
Rosarin เขียน:
กรัชกาย เขียน:
Rosarin เขียน:
กรัชกาย เขียน:
Rosarin เขียน:
กรัชกาย เขียน:
Rosarin เขียน:
Kiss
เห็นกิเลสตนเองไหมล่ะ
รำคาญคือโทสะเกิดน๊า
:b12:
:b55: :b55:


รำคาญมันน่าจะเป็นนิวรณ์นะ ไปดูใหม่สิ คิกๆๆ

มันเกิดแล้วมันดับไหม :b10:

นึกถึงคำพูดหลวงพ่อคูณ ไปหาฟังที่นั่งคุยกับนักข่าวนะ

ส่วนคุณโรสกลัวกิเลสจนขี้เป็นเลือด กลัวมากๆนี่จะไม่กล้าทำกล้าไม่คิดอะไร เพราะกลัวเป็นกิเลส จึงนั่งกะพริบตาถี่ๆเพื่อให้ทันทำมะว่า แต่กรัชกายนี่ไม่กลัว คิกๆๆ

cool
ชื่อทั้งนั้นเป็นความจริงที่ตัวตนไงคะดับแก้ได้ป่าว :b32:
กิเลสตามคำสอนมี3คือ โลภะ โทสะ โมหะ อันมีโมหะประกอบไว้ในโลก
เวลาเกิดกิเลสมันสังขารขันธ์ปรุงอกุศลเกาะติดจับโมหะเกิดคนละครั้งนะคะ
โลภะ+โมหะ คือ ความชอบใจพอใจอยากมีอยากเป็นอยากได้ในสิ่งที่น่ารื่นรมณ์ยินดีติดใจขวนขวายทำ
โทสะ+โมหะ คือ ขุ่นใจ ขัดเคือง ไม่ชอบไม่พอใจไม่อยากได้ไม่อยากมีไม่อยากเป็นในสิ่งที่ตนไม่ชอบ
:b12:
ส่วนปัญญารู้ละตัวตนฟังด้วยความเข้าใจพอใจที่จะฟังเพราะรู้จักตนว่าไม่ได้รู้อย่างตถาคตฟังจำเป็นที่สุด
เพราะคนที่ตาไม่บอดและหูไม่หนวกเท่านั้นจึงเป็นผู้ตื่นลืมตาฟังความจริงแล้วคิดเห็นถูกตามคำสอนได้
ฟังด้วยความอยากรู้เป็นฉันทะวิริยสติสมาธิปัญญารู้ถูกตรงตามคำสอนตอนกำลังฟังเกิดสัมมาตามได้
พระอรหันต์เท่านั้นที่ดับกิเลสทั้ง3นั้นได้ถูกไหมคะจำชื่อเยอะเป็นตามชื่อหรือดีได้เองอย่างนั้นหรือคะ
:b11:



คุณโรส ถามจริงๆ ทำไมคุณถึงได้คิดตั้งกฎกติกา อ่านกาลามสูตรว่าต้องกะพริบตา (พริบ) ให้พอดีจบข้อ อาการนั่นคือรู้ธรรมะ ทำไมคุณคิดยังงั้น ใครแนะนำคุณให้ทำยังงั้นขอรับ อ่านไปตามปกติเหมือนชาวบ้านเขาอ่านหนังสือไม่ได้หรือขอรับ หือ :b32: จะบ้าตาย

:b32:
ดูพฤติกรรมตนเองตามปกติสิคะ
ก็จิตทั้ง6ทางมันดับนับไม่ถ้วน
เร็วกว่าการกะพริบตา1ครั้ง
เข้าใจอุปมาว่าเร็วมาก
กะพริบตาไม่ทัน
กิเลสที่ดับแล้ว
ยังไม่เจอกิเลส
แล้วจะแก้กิเลสยังไง
เพราะขาดพึ่งคำตถาคต
คำตถาคตรู้ความจริงตามได้
จากมีผู้กล่าวให้เข้าใจตรงจริง
กะพริบตาแล้วไหนบอกมาสิว่า
มีเวลาพอจะถอนกิเลสออกตอนไหน
แค่กะพริบตายังไม่ทำอะไรเลยเป็นอวิชชาแล้วทำยังไงได้คะ
onion onion onion



ไม่ฟังอิร้าค่าอิรมเลย ถามนั่น เออ

:b12:
เออนะ...คนอะไร...ไม่รู้เรื่องจริงๆอ่ะ
ก็ความจริงตามคำสอนต้องลืมตาดู
ปกติคุณกรัชกายกระพริบตาไหมคะ
เวลาอ่านต้องมีสติระลึกที่กายใจตน
ตถาคตบอกให้ดูที่กายใจตนไม่รู้หราาาา
:b32:


กระพริบตาเป็นเรื่องปกติของคนเป็น คือ ยังไม่ตาย

แล้วทำไมคุณโรสจึงไปตั้งกฎเกณฑ์ว่า อ่านกาลามสูตรต้องให้จบภายในช่วงกระพริบตา (พริบ) ไม่ยังงั้นแล้ว ไม่รู้ธัมม์ ก็อ่านไปเรื่อยๆไม่ได้หรือยังไง มันจะตายหรอ

:b32:
อ่านกาลามสูตรให้เข้าใจนะคะ
แล้วก็เอามาใช้ตอนฟังคำสอน
พิจารณาว่าคนที่เอาคำสอนมา
พูดให้คนอื่นฟังคนไหนพูดถูก
ไม่ใช่ให้อ่านกาลามสูตรครบ10
ก่อนกะพริบตาทำเป็นตลกไปได้
:b32: :b32:


โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 30 มิ.ย. 2018, 10:11 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
สมาชิกระดับสูงสุด
สมาชิกระดับสูงสุด
ลงทะเบียนเมื่อ: 24 ต.ค. 2006, 12:36
โพสต์: 33766

อายุ: 0

 ข้อมูลส่วนตัว


Rosarin เขียน:
กรัชกาย เขียน:
Rosarin เขียน:
Kiss
อันไหนจริงที่สุดมีแค่1คำตอบค่ะ
1คนเห็น
2ตาเห็น
3จิตเห็น
คำตถาคตชัดเจนตอบให้ชัดสิคะ
:b32: :b32:


นี่แสดงว่าเพ้ออ่านหนังสือไม่เป็น ไม่รู้จักคน

ถ้าให้คุณโรสพูดเขียนเรื่องทั่วๆไป เรื่องดินฟ้าอากาศ ก็ฟังได้ แต่พูดธรรมะเท่านั้นแหละ เข้าป่าเข้าดงไปเลย เพราะอะไร ? เพราะคุณโรสคิดว่าธรรมะเป็นเรื่องผิดปกติ

Kiss
คิดคำตอบออกยังคำตถาคตคืออันไหน
มีแค่1คำตอบค่ะ
1คนเห็น
2ตาเห็น
3จิตเห็น
4หูดู
5ลิ้นดู
6จมูกดู
7กายดู
:b32: :b17:



มันอาศัยกันและกัน มีตา ก็ต้องมีประสาทตา มีตัวรับรู้

มีแต่ตาโด่ตาแป๋ว แต่ประสาทตาเสียก็จบข่าว มีตา มีประสาทตา แต่ขาดจักขุวิญญาณ ก็จบข่าว ถึงบอกว่ามันอาศัยกันและกัน เป็นปัจจัยกันและกัน เออ :b13:

.....................................................
https://dhammachati.blogspot.com/


โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 30 มิ.ย. 2018, 10:13 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
สมาชิกระดับสูงสุด
สมาชิกระดับสูงสุด
ลงทะเบียนเมื่อ: 24 ต.ค. 2006, 12:36
โพสต์: 33766

อายุ: 0

 ข้อมูลส่วนตัว


Rosarin เขียน:
กรัชกาย เขียน:
Rosarin เขียน:
กรัชกาย เขียน:
Rosarin เขียน:
กรัชกาย เขียน:
Rosarin เขียน:
กรัชกาย เขียน:
Rosarin เขียน:
Kiss
เห็นกิเลสตนเองไหมล่ะ
รำคาญคือโทสะเกิดน๊า
:b12:
:b55: :b55:


รำคาญมันน่าจะเป็นนิวรณ์นะ ไปดูใหม่สิ คิกๆๆ

มันเกิดแล้วมันดับไหม :b10:

นึกถึงคำพูดหลวงพ่อคูณ ไปหาฟังที่นั่งคุยกับนักข่าวนะ

ส่วนคุณโรสกลัวกิเลสจนขี้เป็นเลือด กลัวมากๆนี่จะไม่กล้าทำกล้าไม่คิดอะไร เพราะกลัวเป็นกิเลส จึงนั่งกะพริบตาถี่ๆเพื่อให้ทันทำมะว่า แต่กรัชกายนี่ไม่กลัว คิกๆๆ

cool
ชื่อทั้งนั้นเป็นความจริงที่ตัวตนไงคะดับแก้ได้ป่าว :b32:
กิเลสตามคำสอนมี3คือ โลภะ โทสะ โมหะ อันมีโมหะประกอบไว้ในโลก
เวลาเกิดกิเลสมันสังขารขันธ์ปรุงอกุศลเกาะติดจับโมหะเกิดคนละครั้งนะคะ
โลภะ+โมหะ คือ ความชอบใจพอใจอยากมีอยากเป็นอยากได้ในสิ่งที่น่ารื่นรมณ์ยินดีติดใจขวนขวายทำ
โทสะ+โมหะ คือ ขุ่นใจ ขัดเคือง ไม่ชอบไม่พอใจไม่อยากได้ไม่อยากมีไม่อยากเป็นในสิ่งที่ตนไม่ชอบ
:b12:
ส่วนปัญญารู้ละตัวตนฟังด้วยความเข้าใจพอใจที่จะฟังเพราะรู้จักตนว่าไม่ได้รู้อย่างตถาคตฟังจำเป็นที่สุด
เพราะคนที่ตาไม่บอดและหูไม่หนวกเท่านั้นจึงเป็นผู้ตื่นลืมตาฟังความจริงแล้วคิดเห็นถูกตามคำสอนได้
ฟังด้วยความอยากรู้เป็นฉันทะวิริยสติสมาธิปัญญารู้ถูกตรงตามคำสอนตอนกำลังฟังเกิดสัมมาตามได้
พระอรหันต์เท่านั้นที่ดับกิเลสทั้ง3นั้นได้ถูกไหมคะจำชื่อเยอะเป็นตามชื่อหรือดีได้เองอย่างนั้นหรือคะ
:b11:



คุณโรส ถามจริงๆ ทำไมคุณถึงได้คิดตั้งกฎกติกา อ่านกาลามสูตรว่าต้องกะพริบตา (พริบ) ให้พอดีจบข้อ อาการนั่นคือรู้ธรรมะ ทำไมคุณคิดยังงั้น ใครแนะนำคุณให้ทำยังงั้นขอรับ อ่านไปตามปกติเหมือนชาวบ้านเขาอ่านหนังสือไม่ได้หรือขอรับ หือ :b32: จะบ้าตาย

:b32:
ดูพฤติกรรมตนเองตามปกติสิคะ
ก็จิตทั้ง6ทางมันดับนับไม่ถ้วน
เร็วกว่าการกะพริบตา1ครั้ง
เข้าใจอุปมาว่าเร็วมาก
กะพริบตาไม่ทัน
กิเลสที่ดับแล้ว
ยังไม่เจอกิเลส
แล้วจะแก้กิเลสยังไง
เพราะขาดพึ่งคำตถาคต
คำตถาคตรู้ความจริงตามได้
จากมีผู้กล่าวให้เข้าใจตรงจริง
กะพริบตาแล้วไหนบอกมาสิว่า
มีเวลาพอจะถอนกิเลสออกตอนไหน
แค่กะพริบตายังไม่ทำอะไรเลยเป็นอวิชชาแล้วทำยังไงได้คะ
onion onion onion



ไม่ฟังอิร้าค่าอิรมเลย ถามนั่น เออ

:b12:
เออนะ...คนอะไร...ไม่รู้เรื่องจริงๆอ่ะ
ก็ความจริงตามคำสอนต้องลืมตาดู
ปกติคุณกรัชกายกระพริบตาไหมคะ
เวลาอ่านต้องมีสติระลึกที่กายใจตน
ตถาคตบอกให้ดูที่กายใจตนไม่รู้หราาาา
:b32:


กระพริบตาเป็นเรื่องปกติของคนเป็น คือ ยังไม่ตาย

แล้วทำไมคุณโรสจึงไปตั้งกฎเกณฑ์ว่า อ่านกาลามสูตรต้องให้จบภายในช่วงกระพริบตา (พริบ) ไม่ยังงั้นแล้ว ไม่รู้ธัมม์ ก็อ่านไปเรื่อยๆไม่ได้หรือยังไง มันจะตายหรอ

:b32:
อ่านกาลามสูตรให้เข้าใจนะคะ
แล้วก็เอามาใช้ตอนฟังคำสอน
พิจารณาว่าคนที่เอาคำสอนมา
พูดให้คนอื่นฟังคนไหนพูดถูก
ไม่ใช่ให้อ่านกาลามสูตรครบ10
ก่อนกะพริบตาทำเป็นตลกไปได้
:b32: :b32:



คุณโรสเข้าใจกาลามสุตรยังไง เข้าใจไหมพระพุทธเจ้าสอนใคร เน้นอะไร ย้อนกลับไปอ่านใหม่อย่ากระพริบตา เบิกตากว้างๆ อ่าน :b1:

.....................................................
https://dhammachati.blogspot.com/


โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 02 ก.ค. 2018, 15:08 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
สมาชิกระดับ 19
สมาชิกระดับ 19
ลงทะเบียนเมื่อ: 29 ต.ค. 2009, 15:06
โพสต์: 7502

อายุ: 0

 ข้อมูลส่วนตัว


กรัชกาย เขียน:
Rosarin เขียน:
กรัชกาย เขียน:
Rosarin เขียน:
กรัชกาย เขียน:
Rosarin เขียน:
กรัชกาย เขียน:
Rosarin เขียน:
กรัชกาย เขียน:
Rosarin เขียน:
Kiss
เห็นกิเลสตนเองไหมล่ะ
รำคาญคือโทสะเกิดน๊า
:b12:
:b55: :b55:


รำคาญมันน่าจะเป็นนิวรณ์นะ ไปดูใหม่สิ คิกๆๆ

มันเกิดแล้วมันดับไหม :b10:

นึกถึงคำพูดหลวงพ่อคูณ ไปหาฟังที่นั่งคุยกับนักข่าวนะ

ส่วนคุณโรสกลัวกิเลสจนขี้เป็นเลือด กลัวมากๆนี่จะไม่กล้าทำกล้าไม่คิดอะไร เพราะกลัวเป็นกิเลส จึงนั่งกะพริบตาถี่ๆเพื่อให้ทันทำมะว่า แต่กรัชกายนี่ไม่กลัว คิกๆๆ

cool
ชื่อทั้งนั้นเป็นความจริงที่ตัวตนไงคะดับแก้ได้ป่าว :b32:
กิเลสตามคำสอนมี3คือ โลภะ โทสะ โมหะ อันมีโมหะประกอบไว้ในโลก
เวลาเกิดกิเลสมันสังขารขันธ์ปรุงอกุศลเกาะติดจับโมหะเกิดคนละครั้งนะคะ
โลภะ+โมหะ คือ ความชอบใจพอใจอยากมีอยากเป็นอยากได้ในสิ่งที่น่ารื่นรมณ์ยินดีติดใจขวนขวายทำ
โทสะ+โมหะ คือ ขุ่นใจ ขัดเคือง ไม่ชอบไม่พอใจไม่อยากได้ไม่อยากมีไม่อยากเป็นในสิ่งที่ตนไม่ชอบ
:b12:
ส่วนปัญญารู้ละตัวตนฟังด้วยความเข้าใจพอใจที่จะฟังเพราะรู้จักตนว่าไม่ได้รู้อย่างตถาคตฟังจำเป็นที่สุด
เพราะคนที่ตาไม่บอดและหูไม่หนวกเท่านั้นจึงเป็นผู้ตื่นลืมตาฟังความจริงแล้วคิดเห็นถูกตามคำสอนได้
ฟังด้วยความอยากรู้เป็นฉันทะวิริยสติสมาธิปัญญารู้ถูกตรงตามคำสอนตอนกำลังฟังเกิดสัมมาตามได้
พระอรหันต์เท่านั้นที่ดับกิเลสทั้ง3นั้นได้ถูกไหมคะจำชื่อเยอะเป็นตามชื่อหรือดีได้เองอย่างนั้นหรือคะ
:b11:



คุณโรส ถามจริงๆ ทำไมคุณถึงได้คิดตั้งกฎกติกา อ่านกาลามสูตรว่าต้องกะพริบตา (พริบ) ให้พอดีจบข้อ อาการนั่นคือรู้ธรรมะ ทำไมคุณคิดยังงั้น ใครแนะนำคุณให้ทำยังงั้นขอรับ อ่านไปตามปกติเหมือนชาวบ้านเขาอ่านหนังสือไม่ได้หรือขอรับ หือ :b32: จะบ้าตาย

:b32:
ดูพฤติกรรมตนเองตามปกติสิคะ
ก็จิตทั้ง6ทางมันดับนับไม่ถ้วน
เร็วกว่าการกะพริบตา1ครั้ง
เข้าใจอุปมาว่าเร็วมาก
กะพริบตาไม่ทัน
กิเลสที่ดับแล้ว
ยังไม่เจอกิเลส
แล้วจะแก้กิเลสยังไง
เพราะขาดพึ่งคำตถาคต
คำตถาคตรู้ความจริงตามได้
จากมีผู้กล่าวให้เข้าใจตรงจริง
กะพริบตาแล้วไหนบอกมาสิว่า
มีเวลาพอจะถอนกิเลสออกตอนไหน
แค่กะพริบตายังไม่ทำอะไรเลยเป็นอวิชชาแล้วทำยังไงได้คะ
onion onion onion



ไม่ฟังอิร้าค่าอิรมเลย ถามนั่น เออ

:b12:
เออนะ...คนอะไร...ไม่รู้เรื่องจริงๆอ่ะ
ก็ความจริงตามคำสอนต้องลืมตาดู
ปกติคุณกรัชกายกระพริบตาไหมคะ
เวลาอ่านต้องมีสติระลึกที่กายใจตน
ตถาคตบอกให้ดูที่กายใจตนไม่รู้หราาาา
:b32:


กระพริบตาเป็นเรื่องปกติของคนเป็น คือ ยังไม่ตาย

แล้วทำไมคุณโรสจึงไปตั้งกฎเกณฑ์ว่า อ่านกาลามสูตรต้องให้จบภายในช่วงกระพริบตา (พริบ) ไม่ยังงั้นแล้ว ไม่รู้ธัมม์ ก็อ่านไปเรื่อยๆไม่ได้หรือยังไง มันจะตายหรอ

:b32:
อ่านกาลามสูตรให้เข้าใจนะคะ
แล้วก็เอามาใช้ตอนฟังคำสอน
พิจารณาว่าคนที่เอาคำสอนมา
พูดให้คนอื่นฟังคนไหนพูดถูก
ไม่ใช่ให้อ่านกาลามสูตรครบ10
ก่อนกะพริบตาทำเป็นตลกไปได้
:b32: :b32:



คุณโรสเข้าใจกาลามสุตรยังไง เข้าใจไหมพระพุทธเจ้าสอนใคร เน้นอะไร ย้อนกลับไปอ่านใหม่อย่ากระพริบตา เบิกตากว้างๆ อ่าน :b1:

:b12:
ไม่ให้เชื่อแม้ครูอาจารย์แล้วทำยังไงคะ
ตถาคตบอกให้ฟังคำสอนของพระองค์
ไม่ใช่ให้เชื่อทั้ง10กาลามสูตรตรงปัจจุบัน
ทำยังไง10ข้อพร้อมกันแค่คิดตรงจริง1คำ
ยังเลยสติแล้วไปนั่งหลับตาหาเห็นจะเจอไหม
เพราะจิตที่เห็นต้องลืมตาดูตรงปัจจุบันใช่ไหม
กาลามสูตร10ก็ต้องกำลังทำจะรู้ได้ก็ตอนฟัง
ที่ไปทำน่ะเป็นคิดทำเองไงคะเข้าใจไหมล่ะคะ
กะพริบตาตะกี้นี้ก็เป็นอดีตไปแล้วหลังกะพริบตาเป็นอนาคต
ถ้าไม่ทันสมัยตรงปัจจุบันขณะแปลว่ามีกิเลสอวิชชาสะสมแล้ว
:b17: :b17:


โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 02 ก.ค. 2018, 20:24 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
สมาชิกระดับสูงสุด
สมาชิกระดับสูงสุด
ลงทะเบียนเมื่อ: 24 ต.ค. 2006, 12:36
โพสต์: 33766

อายุ: 0

 ข้อมูลส่วนตัว


อ้างคำพูด:
กรัชกายถาม
คุณโรสเข้าใจกาลามสุตรยังไง เข้าใจไหมพระพุทธเจ้าสอนใคร เน้นอะไร ย้อนกลับไปอ่านใหม่อย่ากระพริบตา เบิกตากว้างๆ อ่าน


อ้างคำพูด:

Rosarin ตอบ

ไม่ให้เชื่อแม้ครูอาจารย์แล้วทำยังไงคะ
ตถาคตบอกให้ฟังคำสอนของพระองค์
ไม่ใช่ให้เชื่อทั้ง10กาลามสูตรตรงปัจจุบัน
ทำยังไง10ข้อพร้อมกันแค่คิดตรงจริง1คำ
ยังเลยสติแล้วไปนั่งหลับตาหาเห็นจะเจอไหม
เพราะจิตที่เห็นต้องลืมตาดูตรงปัจจุบันใช่ไหม
กาลามสูตร10ก็ต้องกำลังทำจะรู้ได้ก็ตอนฟัง
ที่ไปทำน่ะเป็นคิดทำเองไงคะเข้าใจไหมล่ะคะ
กะพริบตาตะกี้นี้ก็เป็นอดีตไปแล้วหลังกะพริบตาเป็นอนาคต
ถ้าไม่ทันสมัยตรงปัจจุบันขณะแปลว่ามีกิเลสอวิชชาสะสมแล้ว



กลับขึ้นไปทวนดูใหม่นะขอรับ พระพุทธเจ้าบอกให้ชาวกาลามะกระพริบตาไหมนะ

.....................................................
https://dhammachati.blogspot.com/


โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 05 ก.ค. 2018, 01:06 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
สมาชิกระดับ 19
สมาชิกระดับ 19
ลงทะเบียนเมื่อ: 29 ต.ค. 2009, 15:06
โพสต์: 7502

อายุ: 0

 ข้อมูลส่วนตัว


กรัชกาย เขียน:
อ้างคำพูด:
กรัชกายถาม
คุณโรสเข้าใจกาลามสุตรยังไง เข้าใจไหมพระพุทธเจ้าสอนใคร เน้นอะไร ย้อนกลับไปอ่านใหม่อย่ากระพริบตา เบิกตากว้างๆ อ่าน


อ้างคำพูด:

Rosarin ตอบ

ไม่ให้เชื่อแม้ครูอาจารย์แล้วทำยังไงคะ
ตถาคตบอกให้ฟังคำสอนของพระองค์
ไม่ใช่ให้เชื่อทั้ง10กาลามสูตรตรงปัจจุบัน
ทำยังไง10ข้อพร้อมกันแค่คิดตรงจริง1คำ
ยังเลยสติแล้วไปนั่งหลับตาหาเห็นจะเจอไหม
เพราะจิตที่เห็นต้องลืมตาดูตรงปัจจุบันใช่ไหม
กาลามสูตร10ก็ต้องกำลังทำจะรู้ได้ก็ตอนฟัง
ที่ไปทำน่ะเป็นคิดทำเองไงคะเข้าใจไหมล่ะคะ
กะพริบตาตะกี้นี้ก็เป็นอดีตไปแล้วหลังกะพริบตาเป็นอนาคต
ถ้าไม่ทันสมัยตรงปัจจุบันขณะแปลว่ามีกิเลสอวิชชาสะสมแล้ว



กลับขึ้นไปทวนดูใหม่นะขอรับ พระพุทธเจ้าบอกให้ชาวกาลามะกระพริบตาไหมนะ

cool
งั้นเอาข้อนี้ก่อนไม่ให้เชื่อเพราะตำรา
ถามว่าที่ก๊อปมาแปะทั้งพระไตรปิฎก
อ้างตำราเพราะเชื่อตำราแล้วใช่ไหม
มันใช่ปัญญาตนเองที่ไหนรู้แต่คำอ่ะ
ไม่รู้จักสภาวะธรรมจริงๆนี่จะให้ว่าไง
อ่านคำว่านิพ-พาน=2คำเกิน1คำแล้ว
แปลว่าขาดสติและสติไม่เกิดกับอกุศล
ขาดสติแปลว่าขาดระลึกตามคำสอนอยู่
เพราะสติที่แปลว่าระลึกต้องกำลังระลึก
ตรงตัวธัมมะตรงปรมัตถสัจจะที่กายใจมี
เป็นปัจจุบันขณะก่อนดับเอ้าไม่ให้เชื่อ
เพราะตำราทำยังไงอ่านนิพพานมีแต่สงสัยอิอิ
ตายแล้วเกิดเพราะท่องจำได้แต่บัญญัติคำที่
เป็นปัญญาระดับทศพลญาณจำทุกคำตายเปล่า
เพราะสาวกเขามีคำที่เป็นสัญญาที่ถูกต้องน้อยมาก
แต่แม่นยำชัดเจนตรงจนบรรลุตามแค่ฟังไม่กี่คำ
อ่านคำที่อุปติสสะฟังแล้วไม่บรรลุก็ตนไม่มีปัญญาไงคะ
:b55: :b55:


โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 05 ก.ค. 2018, 06:11 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
สมาชิกระดับ 19
สมาชิกระดับ 19
ลงทะเบียนเมื่อ: 29 ต.ค. 2009, 15:06
โพสต์: 7502

อายุ: 0

 ข้อมูลส่วนตัว


Kiss
ตอบเรื่องสงสัยว่าคนไม่มีใช่ไหม
ตามคำสอนตัวธัมมะจริงๆไม่ใช่ตัวตน
อ่านความหมายของพระพุทธศาสนาก่อน
พระคือผู้ประเสริฐ/พุทธะคือผู้รู้ผู้ตื่นผู้เบิกบาน
ศาสนาแปลว่าคำสอน/เอามาแปลรวมกันย้อนกลับ
พระพุทธศาสนาแปลว่าคำสอนของผู้ประเสริฐผู้รู้ผู้ตื่นผู้เบิกบาน
ศาสดาคือเจ้าของคำสอนคือพระพุทธเจ้าและคำสอนแทนศาสดา
ถ้าไม่ฟังคำสอนจะพึ่งตถาคตตอนไหนคะทำตามๆกันและเชื่อเลย
ไม่มีการพิจารณาไตร่ตรองเหตุผลคิดไปเองว่าต้องไปทำจริงไหมคะ
ศาสนาคือคำสอนและคำสอนแทนศาสดาสรุปว่าศาสดาคือคำสอนไหม
มีความหมายของคำว่าคนเงินวัดสถานที่ในคำว่าพระพุทธศาสนาหรือไม่
เคารพกราบไหว้พระรัตนตรัยสูงสุดคือศาสดาคือคำสอนอยู่หรือเปล่าคะ
ในเมื่อคำสอนแทนศาดาแล้วทำไมถึงคิดจะปฏิรูปคำสอนทำไม่ได้ก็ลาสิกขา
ภิกษุณีหมดไปเพราะปฏิบัติตามคำสอนไม่ได้ภิกษุก็เช่นกันทำไม่ได้ก็ต้องไม่มีได้
ก็ยังเหลืออุบาสกอุบาสิกาที่เข้าใจคำสอนอยู่/บวชย่ำยีสิกขาบทปลงอาบัติน้อยใหญ่จริงไหมคะ
ตถาคตทรงแสดงว่าการปลงอาบัติบ่อยๆคือการวย่ำยีสิกขาบททำลายคำสอนเข้าใจให้ถูกต้องนะคะ
:b8:
:b12: :b12:


โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 30 ส.ค. 2018, 11:12 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
สมาชิกระดับสูงสุด
สมาชิกระดับสูงสุด
ลงทะเบียนเมื่อ: 24 ต.ค. 2006, 12:36
โพสต์: 33766

อายุ: 0

 ข้อมูลส่วนตัว


อ้างคำพูด:
Rosarin

รู้สิ่งที่เกิดแล้วไม่ใช่ก้มหน้าก้มตาแต่อ่านตำรา
กาลามสูตร10มีว่าไม่ให้เชื่อตำรามิใช่หรือ
เชื่อตำราแล้วนี่ถึงเลือกบางตอนเอาไปทำ

ไม่ได้รู้ว่าเห็นแล้วจำแล้วได้ยินแล้วมีแล้ว
มีอกุศลเกิดรู้ตัวทันทีนั่นน่ะมีปัญญา
ส่วนที่คิดว่าตนดีแล้วน่ะไม่รู้ว่าไม่ดี
เพราะไม่มีตัวตนไปทำดีหรือชั่วเลย
แต่เป็นเดี๋ยวนี้ที่ละชั่วไม่ได้เพราะไม่รู้
เอาอะไรไปรู้เพราะสุตมยปัญญาทำอย่างไร
ข้ามสุตมยปัญญาคือละชั่วไม่ได้เลยเพราะมีแต่อยากทำลืมฟังไงคะ
อัธยาศัยการบรรลุธรรมของคฤหัสถ์น่ะสบายๆชิวๆไม่ลำบากเดือดร้อนเรื่องรับเงินใช้เงินถึงอรหันต์ก็บวชไง
แต่เข้าไปครองผ้ากาสาวพัตรก่อนแต่ไม่บรรลุแม้แต่โสดาบันแล้วก็รับเงินรับทองนั้นน่ะไปอบายภูมิน๊า
ปิดกั้นสวรรค์และมรรคและผลและนิพพาน...หวังอะไรที่รับเงินมีแต่สะสมความโลภอยากได้เพิ่มไหมงเงิน

viewtopic.php?f=1&t=56409&p=425951#p425951


อ้างคำพูด:
รู้สิ่งที่เกิดแล้วไม่ใช่ก้มหน้าก้มตาแต่อ่านตำรา

กาลามสูตร 10 มีว่า ไม่ให้เชื่อตำรามิใช่หรือ

เชื่อตำราแล้วนี่ ถึงเลือกบางตอนเอาไปทำ


อ่านหนังสือทื่อๆซื่อๆ จับประเด็นไม่ได้ ไม่รู้ประเด็นอยู่ตรงไหน วิเคราะห์แยกแยะไม่เป็น

เขาว่าว่า อ่านหนังสือไม่แตก

https://www.matichon.co.th/wp-content/u ... %B8%87.jpg

.....................................................
https://dhammachati.blogspot.com/


โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 31 ส.ค. 2018, 21:33 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
สมาชิกระดับ 19
สมาชิกระดับ 19
ลงทะเบียนเมื่อ: 29 ต.ค. 2009, 15:06
โพสต์: 7502

อายุ: 0

 ข้อมูลส่วนตัว


Rosarin เขียน:
กรัชกาย เขียน:
กรัชกาย เขียน:
Rosarin เขียน:
Kiss
เห็นกิเลสตนเองไหมล่ะ
รำคาญคือโทสะเกิดน๊า
:b12:
:b55: :b55:


รำคาญมันน่าจะเป็นนิวรณ์นะ ไปดูใหม่สิ คิกๆๆ

มันเกิดแล้วมันดับไหม :b10:

นึกถึงคำพูดหลวงพ่อคูณ ไปหาฟังที่นั่งคุยกับนักข่าวนะ

ส่วนคุณโรสกลัวกิเลสจนขี้เป็นเลือด กลัวมากๆนี่จะไม่กล้าทำกล้าไม่คิดอะไร เพราะกลัวเป็นกิเลส จึงนั่งกะพริบตาถี่ๆเพื่อให้ทันทำมะว่า แต่กรัชกายนี่ไม่กลัว คิกๆๆ


คุณโรสหายไปทั้งวัน หรือหมดแล้ว ระบายออกมาหมดแล้ว การถกเถียงกันเนี่ยมันก็ดีนะครับ จะได้ระบายความคิดความจำที่มีออกมา หมดแล้วสมองโล่ง ตัวเบา :b13:


ฟังหลวงพ่อคูณตอบคำถามเรื่องกิเลสเรื่องโทสะ ตอนท้ายๆเกือบจบแล้ว นาที 48:

https://www.youtube.com/watch?v=68YUk9ee0YU

อย่านึกว่ามันหมูนะกิเลส โลภ (ราคะ) โทสะ โมหะน่ะ มันเป็นรากเป็นเง้าทีเดียว หลักเขาเรียกรากเง้าของอกุศล

ถ้าเป็นอโลภะ อโทสะ อโมหะ เรียกรากเง้าของกุศล คฤหัสถ์ครองเรือน เอาแค่หลักธรรมะพื้นๆธรรมดาๆก็พอ เช่นว่า ทำหน้าที่ของตนไปตาม เพศ วัย เป็นอะไรล่ะ ก็เลือกเอาธรรมะนั่นๆแหละ ว่าอะไรนะครับ ไม่ได้ยิน อ้อ ไม่เชื่อ ตามใจงั้น :b32:

:b32: คิดถึงเค๊าหรอออ :b32:
มีตาดูไม่รู้จักดู...มีหูฟังไม่รู้จักฟัง
หมายถึงฟังคำที่ทำให้คิดได้นะคะ
ไม่ใช่คิดไปตามการดูของตนเอง
แล้วก็คิดไปตามการดูผิดทางเกิด
ปัญญาเกิดจากฟังใช้ตาฟังได้รึ
:b13:

:b12:
เปลี่ยนเป็นใช้หูไปดูได้ไหมคะ
หรือใช้จมูกคิดแปลความหมายได้รึป่าว
:b32: :b32:


แสดงโพสต์จาก:  เรียงตาม  
กลับไปยังกระทู้  [ 53 โพสต์ ]  ไปที่หน้า ย้อนกลับ  1, 2, 3, 4  ต่อไป

เขตเวลา GMT + 7 ชั่วโมง


 ผู้ใช้งานขณะนี้

กำลังดูบอร์ดนี้: ไม่มีสมาชิก และ บุคคลทั่วไป 134 ท่าน


ท่าน ไม่สามารถ โพสต์กระทู้ในบอร์ดนี้ได้
ท่าน ไม่สามารถ ตอบกระทู้ในบอร์ดนี้ได้
ท่าน ไม่สามารถ แก้ไขโพสต์ของท่านในบอร์ดนี้ได้
ท่าน ไม่สามารถ ลบโพสต์ของท่านในบอร์ดนี้ได้
ท่าน ไม่สามารถ แนบไฟล์ในบอร์ดนี้ได้

ค้นหาสำหรับ:
ไปที่:  
Google
ทั่วไป เว็บธรรมจักร