วันเวลาปัจจุบัน 20 เม.ย. 2024, 00:50  



เขตเวลา GMT + 7 ชั่วโมง




กลับไปยังกระทู้  [ 215 โพสต์ ]  ไปที่หน้า 1, 2, 3, 4, 5 ... 15  ต่อไป  Bookmark and Share
เจ้าของ ข้อความ
โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 13 มิ.ย. 2018, 18:06 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
สมาชิกระดับ 19
สมาชิกระดับ 19
ลงทะเบียนเมื่อ: 29 ต.ค. 2009, 15:06
โพสต์: 7502

อายุ: 0

 ข้อมูลส่วนตัว


Kiss
พระพุทธศาสนา
ศาสนาแปลว่าคำสอน
พุทธคือผู้รู้ผู้ตื่นผู้เบิกบาน
พระคือผู้ประเสริฐ
รวมความว่า
คำสอนของผู้รู้ผู้ตื่นผู้เบิกบานผู้ประเสริฐ
ศาสดาคือพระสัมมาสัมพุทธเจ้า
คำสอนแทนศาสดา
เคารพคำสอนแค่กราบไหว้ได้หรือ
จะเข้าใจได้ไหมถ้าไม่เคยได้ยินว่าทรงสอนอะไร
ชาตินี้รู้แล้วว่าได้เกิดเป็นคนตั้งแต่เกิดมาจนเดี๋ยวนี้
คิดพูดทำเองมาตลอดชืวิตแล้วทำมาก็มากแล้ว
เคยทำปัญญาตามคำสอนบ้างหรือยังต้องตรง
คือคำสอนตรงมากคือต้องคิดตามตรงคำ
แล้วก็ตรงขณะด้วยคือตามรู้ทีละคำตาม
เสียงที่กำลังได้ยินคือใช้หูฟังตามปกติ
การฟังไม่มีทางลัดอื่นใดเลยทั้งสิ้น
ชาตินี้ฟังเข้าใจถูกตามมากี่คำ
ต้องรู้จักตนเองตามเป็นจริง
ตามปกติว่าทำปัญญาแรก
หรือยังเพราะไม่รู้ตลอด
ที่ข้ามฟังไปทำผิดทาง
ทางถูกคือทางตรง
ทางสายกลางคือ
ปัญญาเกิดเมื่อ
เริ่มคิดถูกตาม
ไม่มีทางอื่น
:b44: :b44:
http://www.dhammahome.com


โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 13 มิ.ย. 2018, 19:09 
 
ออฟไลน์
สมาชิกระดับสูงสุด
สมาชิกระดับสูงสุด
ลงทะเบียนเมื่อ: 25 เม.ย. 2009, 02:43
โพสต์: 12232


 ข้อมูลส่วนตัว


อ้างคำพูด:
คำสอนของพระพุทธเจ้าคิดเองผิดทันที


หากไม่คิดใคร่ครวญในคำสอนนั้น...การจะเห็นจริงในคำสอนย่อมไม่มีทางเกิดขึ้นได้จริง...


โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 13 มิ.ย. 2018, 19:23 
 
ออฟไลน์
สมาชิกระดับสูงสุด
สมาชิกระดับสูงสุด
ลงทะเบียนเมื่อ: 25 เม.ย. 2009, 02:43
โพสต์: 12232


 ข้อมูลส่วนตัว


อ้างคำพูด:
คิดตามตรงคำ
แล้วก็ตรงขณะด้วยคือตามรู้ทีละคำตาม
เสียงที่กำลังได้ยินคือใช้หูฟังตามปกติ


การตามฟังรู้ทีละคำตามเสียงที่กำลังได้ยิน...เป็นการฝึกสมาธิ..


โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 13 มิ.ย. 2018, 22:15 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
สมาชิกระดับ 19
สมาชิกระดับ 19
ลงทะเบียนเมื่อ: 29 ต.ค. 2009, 15:06
โพสต์: 7502

อายุ: 0

 ข้อมูลส่วนตัว


กบนอกกะลา เขียน:
อ้างคำพูด:
คิดตามตรงคำ
แล้วก็ตรงขณะด้วยคือตามรู้ทีละคำตาม
เสียงที่กำลังได้ยินคือใช้หูฟังตามปกติ


การตามฟังรู้ทีละคำตามเสียงที่กำลังได้ยิน...เป็นการฝึกสมาธิ..

:b12:
แล้วกบนอกกะลาทราบไหมคะว่า
สมาธิตามคำสอนมีแล้วทุกขณะจิต
ไม่ต้องทำแยกออกไปจากปกติมีแล้ว
สมาธิคือความตั้งมั่นของจิตตรงทาง
ทีละ1ทางตรงจริงตรงขณะที่เกิดดับ
ทีละ1ขณะจิตแต่เป็นมิจฉาสมาธิ
เพราะขาดสุตมยปัญญาเท่านั้นเอง
เลยทำให้สะสมมิจฉาสมาธิตามปกติ
:b17:


แก้ไขล่าสุดโดย Rosarin เมื่อ 13 มิ.ย. 2018, 22:50, แก้ไขแล้ว 1 ครั้ง

โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 13 มิ.ย. 2018, 22:25 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
สมาชิกระดับ 19
สมาชิกระดับ 19
ลงทะเบียนเมื่อ: 29 ต.ค. 2009, 15:06
โพสต์: 7502

อายุ: 0

 ข้อมูลส่วนตัว


กบนอกกะลา เขียน:
อ้างคำพูด:
คำสอนของพระพุทธเจ้าคิดเองผิดทันที


หากไม่คิดใคร่ครวญในคำสอนนั้น...การจะเห็นจริงในคำสอนย่อมไม่มีทางเกิดขึ้นได้จริง...

:b1:
เวลาเดินหน้าไปเรื่อยๆ
พร้อมกับเห็นเวลาใหม่
แต่คิดไปตามสิ่งที่เห็น
ลืมคิดเห็นตามคำสอน
จึงคิดตามเห็นผิดของตน
คือไม่เคยคิดตามคำสอนได้
ทุกคำในพระไตรปิฎกกำลังมี
และกำลังเกิดดับจริงๆแต่ตน
ไม่รู้ตรงจริงที่ตรงคำที่ตนกำลังมี
แปลว่ากิเลสไหลไปไม่ขาดสายคือ
ตามไม่ทันความจริงที่ตนมีจึงเกิดอวิชชา
จนกว่าจะเริ่มสะสมปัญญารู้ตามทีละคำจริงๆค่ะ
ไม่มีใครเอากิเลสออกได้เพราะแค่กะพริบตามีกิเลสใหม่แล้ว
:b55: :b55:


โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 14 มิ.ย. 2018, 07:29 
 
ออฟไลน์
สมาชิกระดับสูงสุด
สมาชิกระดับสูงสุด
ลงทะเบียนเมื่อ: 25 เม.ย. 2009, 02:43
โพสต์: 12232


 ข้อมูลส่วนตัว


Rosarin เขียน:
กบนอกกะลา เขียน:
อ้างคำพูด:
คำสอนของพระพุทธเจ้าคิดเองผิดทันที


หากไม่คิดใคร่ครวญในคำสอนนั้น...การจะเห็นจริงในคำสอนย่อมไม่มีทางเกิดขึ้นได้จริง...

:b1:
เวลาเดินหน้าไปเรื่อยๆ
พร้อมกับเห็นเวลาใหม่
แต่คิดไปตามสิ่งที่เห็น
ลืมคิดเห็นตามคำสอน
จึงคิดตามเห็นผิดของตน
คือไม่เคยคิดตามคำสอนได้
ทุกคำในพระไตรปิฎกกำลังมี
และกำลังเกิดดับจริงๆแต่ตน
ไม่รู้ตรงจริงที่ตรงคำที่ตนกำลังมี
แปลว่ากิเลสไหลไปไม่ขาดสายคือ
ตามไม่ทันความจริงที่ตนมีจึงเกิดอวิชชา
จนกว่าจะเริ่มสะสมปัญญารู้ตามทีละคำจริงๆค่ะ
ไม่มีใครเอากิเลสออกได้เพราะแค่กะพริบตามีกิเลสใหม่แล้ว
:b55: :b55:


คำนี้..เป็นคำจริง..มั้ย?

"ร่างกายของใครก็ไม่สำคัญ ให้พิจารณาร่างกายของตนเองเป็นสำคัญ การที่ได้พบกับเหตุการณ์วิกฤติที่อันจักเกิดขึ้นในภายหน้า ก็จักทำให้พบกับความทุกข์หนักยิ่งขึ้น แต่ถ้าหากพิจารณาร่างกายเหล่านี้มิใช่เรา มิใช่ของเรา จนจิตยอมรับนับถือร่างกายตามความเป็นจริง เมื่อถึงเวลานั้น แม้ชีวิตร่างกายจักแตกดับไปตรงหน้า ก็จักไม่ดิ้นรน เห็นเป็นเรื่องธรรมดา เพราะความจริงของชีวิตมีเกิดเป็นเบื้องต้น เบื้องปลายก็มีความตายไปในที่สุด ร่างกายของใครก็เช่นกัน ทุกสิ่งทุกอย่างในโลกก็มีสภาพเหมือนกันหมด อย่าสักแต่ว่าฟังหรือคิดว่าเข้าใจแล้ว การพิจารณาจักต้องให้ถึงที่สุด จนจิตสงบไม่ดิ้นรน ยอมรับกฎธรรมดา จิตเยือกเย็น จิตเป็นสุข มีความปล่อยวางภาระของขันธ์ ๕ หรือรูป - เวทนา - สัญญา - สังขาร - วิญญาณ สักแต่ว่าเป็นเครื่องอยู่ เป็นเครื่องอาศัยชั่วคราว จิตไม่ติดอยู่ด้วยอาการใดๆ ทั้งหมด ให้พยายามพิจารณาวางให้ได้แบบนี้อยู่เสมอ วันนี้ไม่ได้ ทำบ่อย ๆ เข้าโดยนึกได้เมื่อไหร่พิจารณาเมื่อนั้น แล้วต่อไปวันข้างหน้าก็จักได้เอง
"


โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 14 มิ.ย. 2018, 10:09 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
สมาชิกระดับ 19
สมาชิกระดับ 19
ลงทะเบียนเมื่อ: 29 ต.ค. 2009, 15:06
โพสต์: 7502

อายุ: 0

 ข้อมูลส่วนตัว


Kiss
กบนอกกะลาคะกะพริบตาแล้วนะ
รู้ตัวรึป่าวว่าจำผิดที่เห็นคนสัตว์สิ่งของ
เป็นกิเลสตามภพภูมิตามปกติที่จำไว้ผิดๆ
จนกว่าจะพึ่งคิดตามคำตถาคตตรงปัจจุบันขณะ
เพื่อละสิ่งที่กำลังจำไว้ผิดๆตลอดเวลานั้นโดยเริ่มฟัง
แล้วคิดตามเพื่อละสิ่งที่ตนเห็นผิดมาจำถูกตามเสียงอ่ะค่ะ
เพราะสภาพธรรมที่กำลังเกิดดับไม่มีตัวตนหรือสิ่งใดๆเลย
มีแต่ตัวธัมมะที่แยกกันเกิดดับที่ละ1อย่างทีละ1ทางสลับกัน
แต่ไม่รู้ว่ามีแล้วและแยกกันอยู่แล้วตามปกติแต่แยกไม่ออก
เพราะมีความเป็นตัวตนกั้นและคิดเองคลาดคลื่อนตลอดน๊า
จะจำถูกคือมีสัมมาตามได้ตอนคิดตามการฟังพอจะคิดออก?
:b44: :b44:


โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 14 มิ.ย. 2018, 19:16 
 
ออฟไลน์
สมาชิกระดับสูงสุด
สมาชิกระดับสูงสุด
ลงทะเบียนเมื่อ: 25 เม.ย. 2009, 02:43
โพสต์: 12232


 ข้อมูลส่วนตัว


คำพระสอน

"อย่าห่วงอนาคตให้อยู่กับปัจจุบันให้มาก การตระเตรียมเป็นการไม่ประมาท แต่ไม่ควรจักมีอารมณ์กังวลหรือห่วงใย ให้ตระเตรียมแต่ไม่ห่วง ทุกสิ่งทุกอย่างทำเป็นที่สบายใจ อย่าได้เป็นกังวลแม้แต่ชีวิต จงนึกเอาไว้เสมอว่า กฎของกรรมเป็นของเที่ยง ไม่มีใครสามารถเปลี่ยนแปลงกฎของกรรมได้ จึงไม่จำเป็นต้องฝืนกฎของกรรม ทำจิตให้สงบยอมรับกฎของกรรม จิตก็จักเป็นสุข แม้สภาพร่างกาย หรือเหตุการณ์ภายนอกจักสร้างความทุกข์ ก็เห็นเป็นเรื่องธรรมดา จิตจักปล่อยวางลงตรงธรรมดา เห็นความไม่เป็นสาระของร่างกายและเหตุการณ์ภายนอก ไม่ข้องติดด้วยประการใด ๆ ทั้งปวงมีอารมณ์หนึ่งเดียวคือไม่ปรุงแต่งธรรม จิตตั้งมั่นอยู่กับพระนิพพาน ความทะยานอยากในการมีร่างกาย หรือเกาะติดกับเหตุการณ์ภายนอกนั้น ไม่มีเลย ทุกสิ่งทุกอย่างนั้นทำตามหน้าที่ ร่างกายตายแล้วก็แล้วกัน
"


:b8: :b8: :b8:


โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 14 มิ.ย. 2018, 19:46 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
สมาชิกระดับสูงสุด
สมาชิกระดับสูงสุด
ลงทะเบียนเมื่อ: 24 ต.ค. 2006, 12:36
โพสต์: 33766

อายุ: 0

 ข้อมูลส่วนตัว


กบนอกกะลา เขียน:
คำพระสอน

"อย่าห่วงอนาคตให้อยู่กับปัจจุบันให้มาก การตระเตรียมเป็นการไม่ประมาท แต่ไม่ควรจักมีอารมณ์กังวลหรือห่วงใย ให้ตระเตรียมแต่ไม่ห่วง ทุกสิ่งทุกอย่างทำเป็นที่สบายใจ อย่าได้เป็นกังวลแม้แต่ชีวิต จงนึกเอาไว้เสมอว่า กฎของกรรมเป็นของเที่ยง ไม่มีใครสามารถเปลี่ยนแปลงกฎของกรรมได้ จึงไม่จำเป็นต้องฝืนกฎของกรรม ทำจิตให้สงบยอมรับกฎของกรรม จิตก็จักเป็นสุข แม้สภาพร่างกาย หรือเหตุการณ์ภายนอกจักสร้างความทุกข์ ก็เห็นเป็นเรื่องธรรมดา จิตจักปล่อยวางลงตรงธรรมดา เห็นความไม่เป็นสาระของร่างกายและเหตุการณ์ภายนอก ไม่ข้องติดด้วยประการใด ๆ ทั้งปวงมีอารมณ์หนึ่งเดียวคือไม่ปรุงแต่งธรรม จิตตั้งมั่นอยู่กับพระนิพพาน ความทะยานอยากในการมีร่างกาย หรือเกาะติดกับเหตุการณ์ภายนอกนั้น ไม่มีเลย ทุกสิ่งทุกอย่างนั้นทำตามหน้าที่ ร่างกายตายแล้วก็แล้วกัน
"


:b8: :b8: :b8:



อ้างคำพูด:
มาระลึกถึงความตายกันเถอะ

การนึกถึง..ว่า..เราต้องตายลงตอนนี้..มันได้ความรู้สึกอะไรหลายๆอย่าง

อย่างหนึ่งที่ค่อยๆ..เห็นชัดขึ้น..ชัดขึ้น...เมื่อทำบ่อยๆ..คือ..จะเห็นว่าจิตมันคิดอะไร..ห่วงอะไร

สิ่งนั้นแหละ..คือ..งานที่เราต้องทำเพื่อละ..เพื่อวาง

http://larndham.org/index.php?/topic/44 ... ntry820033


อ่านที่กบคิดแล้วมันกว้าง "จะเห็นว่าจิตมันคิดอะไร ห่วงอะไร สิ่งนั้นแหละ คือ งานที่เราต้องทำเพื่อละ เพื่อวาง"

เคยถามกบแล้วแต่ไม่ตอบเอามาถามอีกที คือว่า ถ้าจิตกบคิดห่วงเมีย กบต้องละทิ้งเมีย วางเมียใช่ไหม หรือยังไง ขอแนวทางปฏิบัติด้วย จะได้เริ่มทำตามมั่ง

ไม่เอาเรื่องเมีย เอาเรื่องอื่นอะไรก็ได้ ที่จิตมันห่วง บอกสักตัวอย่างหนึ่ง เพื่อให้เช่นนั้นใช้เป็นตัวอย่างได้ :b16:

.....................................................
https://dhammachati.blogspot.com/


โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 14 มิ.ย. 2018, 20:15 
 
ออฟไลน์
สมาชิกระดับสูงสุด
สมาชิกระดับสูงสุด
ลงทะเบียนเมื่อ: 25 เม.ย. 2009, 02:43
โพสต์: 12232


 ข้อมูลส่วนตัว


มาสมมุติว่าผมห่วงนั้นห่วงนี้..แล้วมันจะได้ประโยชน์อะไรกับกักกาย

กักกายก็ดูที่ตัวเอง..ดูว่าห่วงอะไรมั้ย...ไม่ห่วงอะไรเลย..ก็แล้วไป

เมื่อกักกายเห็นว่าห่วงอะไร..ก็ใช้ปัญญาพิจารณาความห่วงนั้น..ให้สงบระงับลงเสีย..หากทำให้อารมณ์ห่วงนั้นสงบ..ระงับไม่ได้...ก็ให้ค้นหาพระสัทธรรมที่ร่ำเรียนมา..ไม่ว่าจะเป็นกฏของกรรม..หรือกฏของไตรลักษณ์..หรือื่นๆ...มาสอนใจตน..จนให้ใจยอมรับตามธรรมนั้น...เมื่อใจยอมรับใจก็ไม่ขัดขืน..เมื่อไม่ขัดขืนฝืนธรรม..ใจก็คลายความห่วง..ใจก็สงบลงได้..


โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 14 มิ.ย. 2018, 20:34 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
สมาชิกระดับสูงสุด
สมาชิกระดับสูงสุด
ลงทะเบียนเมื่อ: 24 ต.ค. 2006, 12:36
โพสต์: 33766

อายุ: 0

 ข้อมูลส่วนตัว


กบนอกกะลา เขียน:
มาสมมุติว่าผมห่วงนั้นห่วงนี้..แล้วมันจะได้ประโยชน์อะไรกับกักกาย

กักกายก็ดูที่ตัวเอง..ดูว่าห่วงอะไรมั้ย...ไม่ห่วงอะไรเลย..ก็แล้วไป

เมื่อกักกายเห็นว่าห่วงอะไร..ก็ใช้ปัญญาพิจารณาความห่วงนั้น..ให้สงบระงับลงเสีย..หากทำให้อารมณ์ห่วงนั้นสงบ..ระงับไม่ได้...ก็ให้ค้นหาพระสัทธรรมที่ร่ำเรียนมา..ไม่ว่าจะเป็นกฏของกรรม..หรือกฏของไตรลักษณ์..หรือื่นๆ...มาสอนใจตน..จนให้ใจยอมรับตามธรรมนั้น...เมื่อใจยอมรับใจก็ไม่ขัดขืน..เมื่อไม่ขัดขืนฝืนธรรม..ใจก็คลายความห่วง..ใจก็สงบลงได้..


ขอวิธีปฏิบัติ เพื่อที่จะนำไปประยุกต์ใช้

.....................................................
https://dhammachati.blogspot.com/


โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 14 มิ.ย. 2018, 20:41 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
สมาชิกระดับ 19
สมาชิกระดับ 19
ลงทะเบียนเมื่อ: 11 มี.ค. 2018, 02:56
โพสต์: 2157

โฮมเพจ: maybe
แนวปฏิบัติ: สติปัฎฐาน
งานอดิเรก: กีฬา
สิ่งที่ชื่นชอบ: แบรนด์เเนม
ชื่อเล่น: เม
อายุ: 22
ที่อยู่: Bangkok Thailand

 ข้อมูลส่วนตัว


ในพุทธาปนิยะในพุทธาปทาน
พระพุทธองค์ได้ตรัสว่า

พระพุทธเจ้าและ ธรรมของพระพุทธเจ้า ใครๆ ไม่อาจคิดได้
เมื่อบุคคลเลื่อมใสในพระพุทธเจ้าและพระธรรม อันใครๆ ไม่อาจคิดได้
ย่อมมีผลอันใครๆคิดไม่ได้ ค่ะ

ก็คือ ใครที่ยังคิดได้อยู่ ผุ้นั้น ยังไม่อาจถึงผล แห่งความคิดไม่ได้ค่ะ

เพราะว่าความเข้าใจ ความเลื่อมใส ความศรัทธา และการปฎิบัติให้ถึงซึ่งพุทธวิชชายังไม่บริบูรณ์
ด้วยอวิชชาเป็นปัจจัยสังขารจึงมี ค่ะ





โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 14 มิ.ย. 2018, 21:32 
 
ออฟไลน์
สมาชิกระดับสูงสุด
สมาชิกระดับสูงสุด
ลงทะเบียนเมื่อ: 25 เม.ย. 2009, 02:43
โพสต์: 12232


 ข้อมูลส่วนตัว


กรัชกาย เขียน:
กบนอกกะลา เขียน:
มาสมมุติว่าผมห่วงนั้นห่วงนี้..แล้วมันจะได้ประโยชน์อะไรกับกักกาย

กักกายก็ดูที่ตัวเอง..ดูว่าห่วงอะไรมั้ย...ไม่ห่วงอะไรเลย..ก็แล้วไป

เมื่อกักกายเห็นว่าห่วงอะไร..ก็ใช้ปัญญาพิจารณาความห่วงนั้น..ให้สงบระงับลงเสีย..หากทำให้อารมณ์ห่วงนั้นสงบ..ระงับไม่ได้...ก็ให้ค้นหาพระสัทธรรมที่ร่ำเรียนมา..ไม่ว่าจะเป็นกฏของกรรม..หรือกฏของไตรลักษณ์..หรือื่นๆ...มาสอนใจตน..จนให้ใจยอมรับตามธรรมนั้น...เมื่อใจยอมรับใจก็ไม่ขัดขืน..เมื่อไม่ขัดขืนฝืนธรรม..ใจก็คลายความห่วง..ใจก็สงบลงได้..


ขอวิธีปฏิบัติ เพื่อที่จะนำไปประยุกต์ใช้


วิธีปฏิบัติ

"เมื่อกักกายเห็นว่าห่วงอะไร..ก็ใช้ปัญญาพิจารณาความห่วงนั้น..ให้สงบระงับลงเสีย..หากทำให้อารมณ์ห่วงนั้นสงบ..ระงับไม่ได้...ก็ให้ค้นหาพระสัทธรรมที่ร่ำเรียนมา..ไม่ว่าจะเป็นกฏของกรรม..หรือกฏของไตรลักษณ์..หรือื่นๆ...มาสอนใจตน..จนให้ใจยอมรับตามธรรมนั้น...เมื่อใจยอมรับใจก็ไม่ขัดขืน..เมื่อไม่ขัดขืนฝืนธรรม..ใจก็คลายความห่วง..ใจก็สงบลงได้"


โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 15 มิ.ย. 2018, 04:26 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
สมาชิกระดับ 19
สมาชิกระดับ 19
ลงทะเบียนเมื่อ: 29 ต.ค. 2009, 15:06
โพสต์: 7502

อายุ: 0

 ข้อมูลส่วนตัว


กบนอกกะลา เขียน:
คำพระสอน

"อย่าห่วงอนาคตให้อยู่กับปัจจุบันให้มาก การตระเตรียมเป็นการไม่ประมาท แต่ไม่ควรจักมีอารมณ์กังวลหรือห่วงใย ให้ตระเตรียมแต่ไม่ห่วง ทุกสิ่งทุกอย่างทำเป็นที่สบายใจ อย่าได้เป็นกังวลแม้แต่ชีวิต จงนึกเอาไว้เสมอว่า กฎของกรรมเป็นของเที่ยง ไม่มีใครสามารถเปลี่ยนแปลงกฎของกรรมได้ จึงไม่จำเป็นต้องฝืนกฎของกรรม ทำจิตให้สงบยอมรับกฎของกรรม จิตก็จักเป็นสุข แม้สภาพร่างกาย หรือเหตุการณ์ภายนอกจักสร้างความทุกข์ ก็เห็นเป็นเรื่องธรรมดา จิตจักปล่อยวางลงตรงธรรมดา เห็นความไม่เป็นสาระของร่างกายและเหตุการณ์ภายนอก ไม่ข้องติดด้วยประการใด ๆ ทั้งปวงมีอารมณ์หนึ่งเดียวคือไม่ปรุงแต่งธรรม จิตตั้งมั่นอยู่กับพระนิพพาน ความทะยานอยากในการมีร่างกาย หรือเกาะติดกับเหตุการณ์ภายนอกนั้น ไม่มีเลย ทุกสิ่งทุกอย่างนั้นทำตามหน้าที่ ร่างกายตายแล้วก็แล้วกัน
"


:b8: :b8: :b8:

:b14:
ทำจิตให้สงบ...เข้าใจไหมล่ะคะว่า
จิตไม่สงบทุกครั้งที่ลืมตาเห็นแล้วคิดจำผิดทันทีเลย
จำสิ่งที่เห็นผิดและคลาดเคลื่อนจากปัจจุบันขณะด้วย
สงบของตถาคตคือ1ขณะที่รู้ความจริงตรงพระนิพพาน
สงบจากทั้งกุศลและอกุศลตามปกติเป็นปกติที่ลืมตาดูปกติ
:b12:
แต่ประเภทที่คิดว่าลืมตาไม่สงบก็ไปนั่งหลับตาหาความสงบ
ด้วยความมีตัวตนอยากรู้ความสงบนั้นมันสงบไม่ได้เป็นอกุศล
คิดให้ตรงนะคะกบนอกกะลาถ้ามีตถาคตผู้เดียวที่รู้ความจริง
ของสิ่งที่กำลังปรากฏโดยไม่ต้องฟังจากใครเลยแต่เรานะ
เป็นสาวกไม่ใช่เหรอจึงต้องฟังและคิดตามถึงจะรู้จริงไหม
คิดว่าตัวเองและคนอื่นหรือแม้แต่สัตว์เห็นสีหรือเห็นคนคะ
นะเห็นแค่สีเพียง1สีไหม(พระพุทธเจ้าองค์ต่อไปถึงจะเห็น)
:b32:
แต่ละคนตั้งแต่ลืมตาเห็นก็เกิดกิเลสทันทีเลยจร้า
จิตเกิดดับเร็วเป็นอณูวินาทีตามประมาณคาดเดา
เพราะแค่กะพริบตาจิตเกิดดับครบ6ทางนับไม่ถ้วน
เอากิเลสที่ดับตะกี้ที่กะพริบตาแล้วทำเอาออกตอนไหน
กะพริบตาแล้วอาสาวะไหลซ่านไปในอารมณ์ที่จิตรู้ครบ6ทาง
ต้องคิดไตร่ตรองช้าๆทีละคำหลายๆรอบหน่อยนะคะว่าทำไรยุ่
ขาดสติเพราะระลึกตามคำสอนตรงปัจจุบันธรรมไม่ได้เลย
เพราะคิดเห็นตามความเห็นผิดของตนจำแต่คนสัตว์วัตถุ
เวลาเห็นมีโมหะแล้วก็ชอบ(โลภะ)และไม่ชอบ(โทสะ)ทันที
ถามหน่อยสิคะกะพริบตาแล้วเห็นที่ดับตะกี้ไม่กลับมาให้
ทำการถอนกิเลสออกแล้วเพราะมันดับแล้วส่งต่อไปเก็บ
ไว้ในจิตเรียบร้อยแล้วกะพริบตาทีไรก็เห็นอันใหม่ตลอด
โทษนะคะแต่ละคนทั้งคนที่บวชและไม่บวชทำอะไรได้ไหม
แล้วคิดว่าทั้งคนบวชและไม่บวชเห็นเงินทองเป็นแค่สีไหมคะ
onion onion onion


โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 15 มิ.ย. 2018, 04:49 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
สมาชิกระดับ 19
สมาชิกระดับ 19
ลงทะเบียนเมื่อ: 29 ต.ค. 2009, 15:06
โพสต์: 7502

อายุ: 0

 ข้อมูลส่วนตัว


Kiss
คำจริงของตถาคตทุกคำถากกิเลสตรงๆพอใจที่จะฟังรึยังคะ
พระศาสนาอันตรธานจากจิตผู้ไม่รู้แล้วเพราะปัญญาไม่พอ
ถ้าไม่เริ่มฟังแปลว่าชาตินี้ไม่ได้เพิ่มปัญญาแม้แต่น้อยนิด
https://youtu.be/TG_shmVLnvY


แสดงโพสต์จาก:  เรียงตาม  
กลับไปยังกระทู้  [ 215 โพสต์ ]  ไปที่หน้า 1, 2, 3, 4, 5 ... 15  ต่อไป

เขตเวลา GMT + 7 ชั่วโมง


 ผู้ใช้งานขณะนี้

กำลังดูบอร์ดนี้: ไม่มีสมาชิก และ บุคคลทั่วไป 56 ท่าน


ท่าน ไม่สามารถ โพสต์กระทู้ในบอร์ดนี้ได้
ท่าน ไม่สามารถ ตอบกระทู้ในบอร์ดนี้ได้
ท่าน ไม่สามารถ แก้ไขโพสต์ของท่านในบอร์ดนี้ได้
ท่าน ไม่สามารถ ลบโพสต์ของท่านในบอร์ดนี้ได้
ท่าน ไม่สามารถ แนบไฟล์ในบอร์ดนี้ได้

ค้นหาสำหรับ:
ไปที่:  
Google
ทั่วไป เว็บธรรมจักร