วันเวลาปัจจุบัน 24 เม.ย. 2024, 15:55  



เขตเวลา GMT + 7 ชั่วโมง




กลับไปยังกระทู้  [ 1 โพสต์ ]    Bookmark and Share
เจ้าของ ข้อความ
โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 20 พ.ค. 2018, 08:25 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
Moderators-1
Moderators-1
ลงทะเบียนเมื่อ: 24 พ.ค. 2011, 14:20
โพสต์: 8123


 ข้อมูลส่วนตัว




Image-2162.jpg
Image-2162.jpg [ 56.35 KiB | เปิดดู 502 ครั้ง ]
พระผู้มีพระภาคเจ้าแสดงไว้ในฉักกนิบาตอังคุตตรบาลีว่า
"เจตนาหํ ภิกฺขเว กมฺมํ วทามิ เจตยิตฺวา กมฺมํ กโรติ กาเยน วาจาย มนสา"
ดูก่อนภิกษุทั้งหลาย เหตุที่บุคคลมีความตั้งใจเป็นเครื่องกระตุ้นแล้วกระทำการงานนั้นๆ
สำเร็จลงด้วยกายบ้าง ด้วยวาจาบ้าง ด้วยใจบ้าง ด้วยเหตุนี้ตถาคตจึงกล่าวว่า เจตนานี้เป็นตัวกรรม

อธิบายว่า เจตนาที่เป็นกรรมนี้ย่อมให้ อิฏฐิผล(ผลที่ดี) และอนิฏฐผล(ผลที่ไม่ดี)
บุคคลย่อมทำกรรมที่ดีและไม่ดีปรากฏเกิดขึ้นด้วยเจตนา ฉะนั้นเจตนานั้นจึงชื่อว่ากรรม
ตามธรรมดาคนเราทั้งหลายเมื่อจะกระทำสิ่งหนึ่งสิ่งใดก็ตาม จะต้องมีความตั้งใจเกิดขึ้นก่อน
คือตั้งใจว่าจะทำอย่างนั้นอย่างนี้แล้วจึงกระทำลงไป หรือตั้งใจว่าจะพูดเรื่องนั้นเรื่องนี้แล้วจึงพูดไป
หรือตั้งใจจะนึกเรื่องนั้นเรื่องนี้ก็นึกไป เมื่อเป็นเช่นนี้การกระทำต่างๆ ของคนทั้งหลายจึงมีความตั้งใจ
อันได้แก่เจตนาเป็นผู้นำเสมอ ด้วยเหตุนี้พระผู้มีพระภาคเจ้าจึงกล่าวว่า เจตนานี้แหละเป็นตัวกรรม

เจตนากับกรรมทั้ง ๒ นี้ จึงมีข้อแตกต่างกัน คือ เจตนาเป็นปุพพภาคธรรม คือธรรมที่เกิดก่อนกรรม
กรรมเป็นปัจฉาภาคธรรม คือธรรมที่เกิดทีหลังเจตนา นี้เป็นการแสดงโดยอเภทนัย คือไม่แสดง
โดยแยกประภท เพราะเหตุใดพระผู้มีพระภาคจึงทรงกล่าว เจตนาชื่อว่ากรรมก็เพราะการ
กระทำสำเร็จลงได้นั้นมีเจตนาเป็นมูล

.....................................................
พระธรรมคำสอน บัญญัติ ตรัส ไว้ดีแล้ว ไม่ต้องลด ไม่ต้องเพิ่ม ไม่ต้องแก้ไข ใดๆ ทั้งสิ้น
แสดงโพสต์จาก:  เรียงตาม  
กลับไปยังกระทู้  [ 1 โพสต์ ] 

เขตเวลา GMT + 7 ชั่วโมง


 ผู้ใช้งานขณะนี้

กำลังดูบอร์ดนี้: ไม่มีสมาชิก และ บุคคลทั่วไป 77 ท่าน


ท่าน ไม่สามารถ โพสต์กระทู้ในบอร์ดนี้ได้
ท่าน ไม่สามารถ ตอบกระทู้ในบอร์ดนี้ได้
ท่าน ไม่สามารถ แก้ไขโพสต์ของท่านในบอร์ดนี้ได้
ท่าน ไม่สามารถ ลบโพสต์ของท่านในบอร์ดนี้ได้
ท่าน ไม่สามารถ แนบไฟล์ในบอร์ดนี้ได้

ค้นหาสำหรับ:
ไปที่:  
Google
ทั่วไป เว็บธรรมจักร