ใครคิดอย่างไรบ้าง...ขอความคิดเห็นค่ะ

สงสัยคำถามไม่เร้าใจเนอะ

คืองี้ค่ะ...เขาสนทนากันว่าคนไทยนับถือพุทธ
พูดต่อต้านว่าศาสนาอื่นแทรกแซงทำลายพุทธ
ใครทราบข้อมูลเข้ามาสนทนากันหน่อยนะคะ...

ตามหัวข้อที่ตั้ง...คำสอนของพระพุทธเจ้าเจริญทุกเวลา
แต่เสื่อมจากใจผู้ไม่รู้ว่าพระพุทธเจ้าสอนธรรมอะไรอย่างไร
คำสอนเกิดจากตรัสรู้ความจริงจริงๆทุกคำเป็นพระปัญญาธิคุณ
เพราะตรัสแสดงทุกคำด้วยทรงสิ้นกิเลสเป็นพระบริสุทธิคุณ
และทุกคำที่ตรัสแสดงถึง45พรรษาเป็นพระมหากรุณาธิคุณ
ทรงตรัสจากพระโอษฐ์ให้ทุกคนที่กำลังฟังเข้าใจถูกตามได้
ทุกคำกำลังเป็นไปคือกำลังเกิดดับตรงตามที่ตรัสใน3ปิฎก

ผู้ที่ฟังเท่านั้นจึงเป็นผู้รู้ตามตรงคำตรงขณะตอนกำลังฟัง
ทรงเปรียบปัญญาของพระองค์เป็นใบไม้และที่ทรงตรัส
ใน3ปิฎกเป็นปัญญาของตถาคตเท่าใบไม้กำมือเท่านั้น
แต่ปัญญาพระพุทธเจ้ามีเท่าใบไม้ทั้งป่าคิดเองไม่ได้
การอ่านพระไตรปิฎกเป็นจิตคิดนึกจำหลังจิตเกิดดับ
มีแค่สัญญาจำบัญญัติคำและจำเรื่องราวตายแล้วลืม
เพราะไม่ใช่ปัญญาของตนเองเป็นปัญญาตถาคต
ปัญญาตนเองต้องสะสมจากการฟังไตร่ตรองตาม

เข้าใจความหมายก่อน
พระพุทธศาสนา
คำบาลีแปลจาก
หลังมาหน้าค่ะ

ศาสนาแปลว่าคำสอน
พุทธคือรู้ตื่นเบิกบานในธรรม
พระคือผู้ประเสริฐ
เอาความหมายมารวมกัน
พระพุทธศาสนาแปลได้ความว่า
คำสอนของผู้ประเสริฐที่รู้ตื่นเบิกบานในธรรม

คำสอนไม่เสื่อมแต่ใจคนเสื่อมจากปัญญารู้จริงตามตรงขณะค่ะ

เสื่อมค่ะ

หลังจากปรินิพพานพันปี

ปฎิสัมภิทาไม่สามารถทำให้เกิดได้

อธิคมอันตรธาน อันตรธานแห่งการบรรลุ

ปฏิปัตติอันตรธาน อันตรธานแห่งการปฏิบัติ

ปริยัตติอันตรธาน อันตรธานแห่งปริยัติ

ลิงคอันตรธาน อันตรธานแห่งเพศ

ธาตุอันตรธาน อันตรธานแห่งธาตุ

สิ่งต่างๆเหล่านี้ค่อยหมดไป


ดูจาก ผู้ทรงคุณวุฒิในบอร์ดนี้เป็นตัวอย่างได้ค่ะ


มรรค4 ผล 4 ปฏิสัมภิทา 4 วิชชา 3 อภิญญา 6

ทำกันไม่ได้ ปฎิบัติไม่ได้ ปริยัติไม่รู้เรื่อง

พระพุทธศาสนา เสื่อมไปขนาดหนักแล้วค่ะ

ไหนๆนู๋เม โลกสวยลองว่าถึงวิธีทำให้ถึง มรรค4 ผล 4 ปฏิสัมภิทา 4 วิชชา 3 อภิญญา 6 ว่าไป ทำยังไง เอ้า

หลักฐาน..ของการที่คนเสื่อมจากพระศาสนา..อย่างดีทีเดียว..

การพูดเรื่องนี้ มันต้องมีหลักฐานมายัน ไม่ใช่พูดลอยๆนั่นๆแล้่วอ้างนั่นอ้างนี้ตามตำราแล้วมโนไปเรื่อย

ลงไว้ใช้อ้างอิงใครครบก่อน (ใครอย่ามือบอนลบนะ)

หลักคำสอนในสิงคาลสูตร* (ที.ปา.11/172-206/194-207) ที่พระอรรถกถาจารย์กล่าวว่า พระพุทธเจ้าได้ตรัสไว้ให้เป็น คิหิวินัย * (ที.อ.3/167) คือ วินัยของคฤหัสถ์ หรือศีลสำหรับชาวบ้าน หรือศีลสำหรับประชาชน ดังสาระที่สรุปได้ ดังต่อไปนี้ (ตัดเอาที่เห็นชัดๆมา)

- ข้อเสื่อมเสียของความประพฤติ ๔ อย่าง ได้แก่
๑. ปาณาติบาต
๒ อทินนาทาน
๓. กาเมสุมิจฉาจาร
๔. มุสาวาท

- อบายมุข ๖

๑. ติดสุรา และของมึนเมา
๒. ติดเที่ยวกลางคืน
๓. ติดเที่ยวดูการเล่น
๔. ติดการพนัน
๕. ติดคบเพื่อนชั่ว
๖. เกียจคร้านการงาน

@ ทิศ ๖ ปฏิบัติหน้าที่ต่อบุคคลที่สัมพันธ์กับตนให้ถูกต้องตามฐานะทั้ง ๖ คือ

๑. ก. บุตรธิดา บำรุงมารดาบิดาผู้เป็นเหมือนทิศเบื้องหน้า โดย
๑) ท่านเลี้ยงเรามาแล้ว เลี้ยงท่านตอบ
๒) ช่วยทำกิจธุระการงานของท่าน
๓) ดำรงวงศ์สกุล
๔) ประพฤติตนให้เหมาะสมกับความเป็นทายาท
๕) เมื่อท่านล่วงลับไปแล้ว ทำบุญอุทิศให้ท่าน

ข. มารดาบิดา อนุเคราะห์บุตรธิดา ดังนี้
๑) ห้ามกันจากความชั่ว
๒) ฝึกอบรมให้ตั้งอยู่ในความดี
๓) ให้ศึกษาศิลปวิทยา
๔) เป็นธุระในการมีคู่ครองที่สมควร
๕) มอบทรัพย์สมบัติให้เมื่อถึงโอกาส

๒. ก. ศิษย์ บำรุงครูอาจารย์ ผู้เป็นเหมือนทิศเบื้องขวา โดย
๑) ลุกรับ แสดงความเคารพ
๒) เข้าไปหา (เช่น ช่วยรับใช้ ปรึกษาซักถาม รับคำแนะนำ)
๓) ตั้งใจฟังและรู้จักฟัง
๔) ปรนนิบัติ ช่วยบริการ
๕) เรียนศิลปวิทยาโดยเคารพ เอาจริงเอาจัง ถือเป็นกิจสำคัญ

ข. ครูอาจารย์ อนุเคราะห์ศิษย์ ดังนี้
๑) แนะนำฝึกอบรมให้เป็นคนดี
๒) สอนให้เข้าใจแจ่มแจ้ง
๓) สอนศิลปวิทยาให้สิ้นเชิง
๔) ยกย่องให้ปรากฏในหมู่พวก
๕) สร้างเครื่องคุ้มภัยในสารทิศ (สอนให้เอาไปใช้งานเลี้ยงชีพได้จริง)

๓. ก. สามี บำรุงภรรยา ผู้เป็นเหมือนทิศเบื้องหลัง โดย
๑) ยกย่องให้เกียรติสมฐานะภรรยา
๒) ไม่ดูหมิ่น
๓) ไม่นอกใจ
๔) มอบความเป็นใหญ่ในงานบ้าน
๕) หาเครื่องแต่งตัวมาให้เป็นของขวัญตามโอกาส

ข. ภรรยา อนุเคราะห์สามี ดังนี้
๑) จัดงานบ้านให้เรียบร้อย
๒) สงเคราะห์ญาติมิตรทั้งสองฝ่ายด้วยดี
๓) ไม่นอกใจ
๔) รักษาทรัพย์สมบัติที่หามาได้
๕) ขยันช่างจัดช่างทำเอางานทุกอย่าง

๔. ก. บำรุงมิตรสหาย ผู้เป็นเหมือนทิศเบื้องซ้าย โดย
๑) เผื่อแผ่แบ่งปัน
๒) พูดอย่างรักกัน
๓) ช่วยเหลือเกื้อกูลกัน
๔) มีตนเสมอ ร่วมสุขร่วมทุกข์กัน
๕) ซื่อสัตย์จริงใจต่อกัน

ข. มิตรสหาย อนุเคราะห์ตอบ ดังนี้
๑) เมื่อเพื่อนประมาท ช่วยรักษาป้องกัน
๒) เมื่อเพื่อนประมาท ช่วยรักษาทรัพย์สมบัติของเพื่อน
๓) ในคราวมีภัย เป็นที่พึ่งได้
๔) ไม่ละทิ้งในยามทุกข์ยาก
๕) นับถือตลอดวงศ์ญาติของมิตร

๕. ก. นาย บำรุงคนรับใช้และคนงาน ผู้เป็นเหมือนทิศเบื้องล่าง โดย
๑) จัดงานให้ทำตามความเหมาะสมกับกำลังเพศวัยและความสามารถ
๒) ให้ค่าจ้างรางวัลสมควรแก่งานและความเป็นอยู่
๓) จัดสวัสดิการดี มีช่วยรักษาพยาบาลในยามเจ็บไข้ เป็นต้น
๔) มีอะไรได้พิเศษมา ก็แบ่งปันให้
๕) ให้มีวันหยุดและพักผ่อนหย่อนใจตามโอกาส

ข. คนรับใช้และคนงาน อนุเคราะห์นาย ดังนี้
๑) เริ่มทำงานก่อน
๒) เลิกงานทีหลัง
๓) เอาแต่ของที่นายให้
๔) ทำการงานให้เรียบร้อยและดียิ่งขึ้น
๕) นำความดีของนายงานและกิจการไปเผยแพร่

๖. ก. คฤหัสถ์ บำรุงพระสงฆ์ ผู้เป็นเหมือนทิศเบื้องบน โดย
๑) จะทำสิ่งใด ก็ทำด้วยเมตตา
๒) จะพูดสิ่งใด ก็พูดด้วยเมตตา
๓) คิดสิ่งใด ก็คิดด้วยเมตตา
๔) ต้อนรับด้วยความเต็มใจ
๕) อุปถัมภ์ ด้วยปัจจัย ๔

ข. พระสงฆ์ ย่อมอนุเคราะห์คฤหัสถ์ ดังนี้
๑) ห้ามปรามสอนให้เว้นจากความชั่ว
๒) แนะนำสั่งสอนให้ตั้งอยู่ในความดี
๓) อนุเคราะห์ด้วยน้ำใจงาม
๔) ให้ได้ฟังได้รู้สิ่งที่ยังไม่เคยรู้ไม่เคยฟัง
๕) ชี้แจงอธิบายสิ่งที่เคยฟังแล้วให้เข้าใจแจ่มแจ้ง
๖) บอกทางสวรรค์ให้ (สอนวิธีดำเนินชีวิตให้ประสบความสุข)


เป็นต้น

คำสอนของพระผู้มีพระภาคเจ้านั้น เมื่อต้องการพูดให้ชัด ต้องแบ่งคำสอนของเป็นสองอย่าง คือ เป็นสภาวธรรม ๑ เป็นจริยธรรมหรือหลักธรรมสำหรับใช้ปฏิบัติต่อกันในสังคมมนุษย์ ๑

ทีนี้ก็มาถึงคำถามที่ว่า พระพุทธศาสนา (คำสอนของพระพุทธเจ้า) เจริญหรือเสื่อม เราก็เอาหลักนี้เข้าจับ

ก็ได้คำตอบว่า คำสอนเรื่องสภาวธรรม ไม่เสื่อมเพราะมันมีมันเป็นของมันอยู่อย่างนั้น ต่อให้ไม่มีใครค้นพบมันก็อยู่ของมันอยู่อย่างนั้น แต่พระพุทธเจ้าค้นพบจึงนำมาสอน (แต่จะเข้าถึงได้ก็ด้วยการปฏิบัติที่ถูกต้อง เป็นอกาลิโก - ถ้าปฏิบัติไม่ถูกไม่ต้อง ก็เข้าไม่ถึง) หลักนี้ไม่เสื่อม

ต่อไป หลักคำสอนด้านจริยธรรมมันเนื่องอยู่กับคน ถ้าคนปฏิบัติตามนั้นก็ไม่เสื่อม ถ้าคนไม่ประพฤติไม่ปฏิบัติตามมันก็เสื่อม

ทีนี้ สาธุชนคนมีปัญญาก็มองออกไปในสังคมมนุษย์ประจำวันสิเป็นไง ยังทำหน้าที่ของตนตามนั้นไหม นั่นแหละคำตอบเสื่อมหรือไม่เสือม

นี่ไงคะตัวอย่าง ที่อยู่ไกล้พระธรรมนั่งเฝ้าลาน แต่กลับอยู่ไกล

ปฎิสัมภิทา จะไม่มีหลังจากพระพุทธเจ้าปรินิพพานไปแล้ว พันปี

แต่ก็ยังอยากจะทำให้ได้
บอกไปก็เท่านั้น ทำไม่ได้ดอกเจ้าค่ะ

คนใจโสมม เขลา เบาปัญญา แม้นนั่งเฝ้าตู้พระธรรมทั้งวี่ทั้งวัน

ก็ยังห่างไกลเสื่อมจากพระธรรมอยู่ดีค่ะ

คงหันไปหาหนังสือพิมพ์เป็นสรณะ หนังสือพิมพ์สรณังคัจฉามิ อยู่ดีหละเจ้าค่ะ

คิกๆๆ

บอกหน่อยน่า ทำยังไง อย่าตอแหลนะ

นู๋เมโลกสวยด้วยมือเรา นี่ๆอะไร