วันเวลาปัจจุบัน 29 มี.ค. 2024, 14:58  



เขตเวลา GMT + 7 ชั่วโมง




กลับไปยังกระทู้  [ 1 โพสต์ ]    Bookmark and Share
เจ้าของ ข้อความ
โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 15 มี.ค. 2018, 08:33 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
อาสาสมัคร
อาสาสมัคร
ลงทะเบียนเมื่อ: 06 มี.ค. 2009, 10:48
โพสต์: 5091


 ข้อมูลส่วนตัว


"บ้านช่องสถานที่ต่างๆ
ที่ทำไว้หรูหรา เวลาตายแล้ว
ไม่เห็นใครเอาไปได้ สักคนเดียว
มีแต่บุญ และบาปเท่านั้น
ติดตามตัวของเราไป"
-:-หลวงปู่เทสก์ เทสรํสี-:-



"ถ้าว่าเราจะมีสิ่งพิเศษ ที่มีค่าสูงสุด
เป็นคู่ของชีวิตแล้ว ก็ขอให้เอาธรรมะเป็นคู่ชีวิต"
-:- ท่านพุทธทาสภิกขุ -:-



"ถ้าขาดความอดทน
ความดีอื่น ก็ไม่เจริญ
อด คือ อดต่อสิ่งที่ชอบ
ทน คือ ทนต่อสิ่งที่ชัง"
-:-หลวงพ่อจรัญ ฐิตธัมโม-:-



การฝึกหัดปฏิบัติอบรมจิตใจ
ให้เริ่มต้นจนเกิดความรู้ตัวเสียก่อน
พยายามทำความรู้ตัวให้มาก
มีสติ นั่งก็รู้ เดินก็รู้
มีความสุขก็รู้ มีความทุกข์ก็รู้
ถ้าหากเราอบรมความรู้ให้โดยรอบแล้ว
เราทั้งหลายไม่ต้องสงสัย
จะต้องได้พุทโธแน่นอน
พุทโธจะต้องบังเกิดขึ้นในตัวเราแน่นอน
พุทโธก็แปลโดยตรงแล้วว่าผู้รู้...
________________
#สุวโจวาท
พระโพธิธรรมมาจารเถร (สุวัจน์ สุวโจ)




"สมัยพุทธกาลท่านไม่ได้ฟัง(ธรรม)มาก ทุกวันๆ
เหมือนกับเรานะ...
เราหาแต่อาจารย์ หาแต่ธรรรมมะ
อยากฟังมากๆ ได้ความรู้มากๆ โบราณท่านว่า #รู้มากยากนาน รู้โน่นรู้นี่ ฟุ้งซ่าน กิเลสมันล่อออกไป ไม่เห็นรากเหง้าของกิเลส
เอาจริงๆแล้ว มันรวมอยู่ที่ใจอันเดียว ไม่ต้องหา"
_______________
#สุวโจวาท



“คนที่ปฏิบัติธรรมภาวนาจริงๆ จะอยู่คนเดียว”
คนที่ภาวนาจริงๆแล้วจะไม่อยากสุงสิงกับใคร
อยากจะอยู่คนเดียว เพราะเวลาอยู่คนเดียว
แล้วก็มีสถานที่แบบนี้ จะไม่มีอะไรไปทำให้จิตใจกระเพื่อม
เพราะจิตใจเปรียบเหมือนกับสระน้ำ
ถ้ามีคนลงไปอาบ ไปตัก ไปเล่น น้ำก็ขุ่นน้ำก็ไม่นิ่ง
จิตของเราถ้าต้องสัมผัสกับ รูป เสียง กลิ่น รส โผฏฐัพพะต่างๆ
ก็จะต้องกระเพื่อมอยู่ตลอดเวลา เวลากระเพื่อมก็จะไม่สงบ ไม่นิ่ง
จะไม่เห็นความสุขความประเสริฐ ของความสงบ
ความอิ่มเอิบใจ ความพอใจ ที่เกิดจากการบำเพ็ญจิตตภาวนา
คนที่ภาวนาเป็นแล้ว จะรู้ว่าต้องการสถานที่แบบไหน
เขาจะไม่ต้องการพวกแสงสีเสียง ไม่ต้องการเพื่อน
ไม่ต้องการคนนั้นคนนี้มาแก้เหงาด้วยการคุยกัน
เพราะจิตที่ได้เข้าสู่ความสงบแล้ว จะไม่ค่อยคิดถึงอะไร
เพราะไม่ค่อยได้ปรุงแต่งกับเรื่องอะไร แต่จิตที่ยังไม่สงบ
ก็จะคิดไปเรื่อยเปื่อย คิดเรื่องนั้นคิดเรื่องนี้ แล้วก็เกิดอารมณ์ต่างๆขึ้นมา
คิดในเรื่องที่เคยทำให้มีความสุข ในขณะที่ไม่มีความสุขนั้นแล้ว
ก็จะทำให้เศร้าสร้อยหงอยเหงา อยากจะหวนกลับไปหาความสุขแบบนั้นอีก
ถ้าเคยมีความสุขกับเพื่อนกับฝูง กับการทำกิจกรรมต่างๆ
พอต้องมาฝึกจิตอยู่คนเดียวในป่า ก็จะอดคิดถึงเรื่องราวในอดีตที่เคยสัมผัสมาไม่ได้
อดที่จะคิดถึงเพื่อนคนนั้นเพื่อนคนนี้ กิจกรรมนั้นกิจกรรมนี้ไม่ได้
ก็เลยเกิดอารมณ์ว้าเหว่เปล่าเปลี่ยวขึ้นมา จึงทนอยู่ไม่ได้
ต้องกลับไปหาเพื่อนหาฝูง หากิจกรรมต่างๆ
แต่ถ้าเคยได้ฝึกจิตมาก่อน แล้วสามารถทำจิตให้สงบได้
เวลามาอยู่สถานที่แบบนี้ จะไม่ค่อยคิดถึงเรื่องราวเหล่านั้น
เพราะมีงานทำ รู้หน้าที่ของตน รู้ว่าต้องทำอะไร คือคอยควบคุมสังขารความคิดปรุงนี้เอง
พระอาจารย์สุชาติ อภิชาโต
ธรรมะบนเขา ณ จุลศาลา เขตปฏิบัติธรรมเขาชีโอน
วัดญาณสังวรารามวรมหาวิหาร ชลบุรี
วันที่ ๔ กันยายน ๒๕๔๘





" วิชาในทางพระพุทธศาสนาเป็นวิชาทวนดูตน เป็นวิชาสอนตนเป็นวิชา " อตฺตนา โจทยตฺตานํ " เป็นวิชาเตือนตนด้วยตนเอง
ปุริสทมฺมสารถิ ฝึกตนให้ดีเสียก่อนจึงฝึกผู้อื่นในภายหลังจึงไม่เดือดร้อน
แต่คนโดยมากมักต่างคนก็ต่างจะเทศน์เอากันโยมก็จะเทศน์เอาพระ พระก็จะเทศน์เอา. โยมภิกษุสามเณรก็เหมือนกัน ต่างคนก็ต่างจะเทศน์เอากัน ทีนี้การทวนดูตนเป็นของมีน้อย เหตุฉะนั้นการหลุดพ้นจึงเป็นของมีน้อย เพราะนักเทศน์มากนักปฏิบัติน้อย."
หลวงปู่หล้า เขมปัตโต


แสดงโพสต์จาก:  เรียงตาม  
กลับไปยังกระทู้  [ 1 โพสต์ ] 

เขตเวลา GMT + 7 ชั่วโมง


 ผู้ใช้งานขณะนี้

กำลังดูบอร์ดนี้: ไม่มีสมาชิก และ บุคคลทั่วไป 28 ท่าน


ท่าน ไม่สามารถ โพสต์กระทู้ในบอร์ดนี้ได้
ท่าน ไม่สามารถ ตอบกระทู้ในบอร์ดนี้ได้
ท่าน ไม่สามารถ แก้ไขโพสต์ของท่านในบอร์ดนี้ได้
ท่าน ไม่สามารถ ลบโพสต์ของท่านในบอร์ดนี้ได้
ท่าน ไม่สามารถ แนบไฟล์ในบอร์ดนี้ได้

ค้นหาสำหรับ:
ไปที่:  
Google
ทั่วไป เว็บธรรมจักร