วันเวลาปัจจุบัน 28 มี.ค. 2024, 17:38  



เขตเวลา GMT + 7 ชั่วโมง




กลับไปยังกระทู้  [ 2 โพสต์ ]    Bookmark and Share
เจ้าของ ข้อความ
โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 28 มี.ค. 2009, 16:50 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
สมาชิก ระดับ 9
สมาชิก ระดับ 9
ลงทะเบียนเมื่อ: 17 ก.พ. 2008, 10:00
โพสต์: 724

แนวปฏิบัติ: พอง-ยุบ
งานอดิเรก: ปฏิบัติวิปัสสนา
อายุ: 0
ที่อยู่: เกษตร-นวมินทร์ กรุงเทพฯ

 ข้อมูลส่วนตัว


สัมมาทิฏฐิ ความเห็นชอบ เป็นจุดเริ่มของสัมมาอีก ๗ ประการ ทำให้หมู่สัตว์หลุดพ้นจากวัฏฏะได้
หากขาดสัมมาทิฏฐิเสียแล้ว ก็คงไม่มีมรรคไม่มีผล

ดูกรภิกษุทั้งหลาย ปัจจัยเพื่อความเกิดขึ้นแห่งสัมมาทิฐิ ๒ อย่างนี้ ๒ อย่าง
เป็นไฉน คือ การโฆษณาแต่บุคคลอื่น ๑ โยนิโสมนสิการ ๑ดูกรภิกษุทั้งหลาย ปัจจัยเพื่อ
ความเกิดขึ้นแห่งสัมมาทิฐิ ๒ อย่างนี้แล ฯ

(พระสุตตันตปิฎก อังคุตรนิกาย เอก-ทุก-ติกนิบาท)

จากบันทึกที่มีปรากฎจึงสรุปได้ว่า สัมมาทิฏฐิ ความเห็นชอบ อาศัยปัจจัย
๑.การโฆษณาแต่บุคคลอื่น(ปรโต โฆษะ)
การโฆษณาจากบุคคลอื่นหมายถึง การที่ได้รับฟังจากคนอื่น เช่นพระศาสดาทรงสั่งสอนแก่
เหล่าสาวก การที่อาจารย์ในสำนักสั่งสอนศิษย์ การฟังจากอาจารย์ผู้บอกกล่าวกรรมฐาน เป็นต้น
อนึ่ง การที่บุคคลได้สืบค้น ค้นคว้าจากคัมภีร์ต่าง หนังสือต่างๆ ก็นับในข้อนี้ การรับฟังรับรู้จาก
ที่ต่างๆจากบุคคลต่างๆ โดยตั้งใจรับรู้รับฟังหรือไม่ก็ตาม ทำให้สัมมาทิฏฐิเกิดขึ้นได้ ก็นับในข้อนี้
คำว่า แต่บุคคลอื่น (ปรโต) หมายถึงบุคคลที่ต้องบอกสัมมาทิฏฐิได้ถูกต้อง ในปัจจุบันนี้ก็คงต้อง
หมายถึงบุคคลที่บอกแจ้งได้ไกล้เคียงกับดั้งเดิมหรือความจริงที่สุด ในทางพระพุทธศาสนาท่าน
แนะนำให้ได้รับการฟังจากสัตบุรุษ หรือ กัลยาณมิตรที่ดี เพราะถ้าไม่ไช่สัตบุรุษหรือกัลยาณมิตร
ที่ดีงาม ก็คงบอกสิ่งที่เป็นสัมมาทิฏฐิที่ถูกต้องไม่ได้
๒.โยนิโส มนสิการ การพิจารณาโดยอุบายอันแยบคาย ความจริงคำนี้ ถ้าแปลกันตามศัพท์ น่าจะ
แปลแบบไกล้เคียงได้ว่า กระทำในใจโดยความเป็นอย่างไร(ก็)อย่างนั้น หมายถึงการพิจารณา
ตามความเป็นจริงของเหตุของผล ที่เกิดที่ดับ ความเป็นไปของสภาวะทั้งปวงตามความจริง
ของสภาวะนั้นๆ(ในทางปฏิบัติหมายถึงการปฏิบัติสมถะและวิปัสสนา)
เมื่อบุคคลได้รับการฟังการโฆษณา(ปรโต โฆษะ)จากบุคคลอื่นโดยถูกต้องดีแล้ว เมื่อมาใช้ปัญญา
พิจารณาก็ทำให้เห็นแจ้งได้ตามหลักการของสัมมาทิฏฐิ

ปัจจัยที่เกิดของสัมมาทิฏฐินี้ จะขาดข้อใดข้อหนึ่งมิได้เลย จำต้องอาศัยปัจจัย ๒ ประการ ยกตัวอย่างเช่น
เมื่อไม่มีการรับฟังหรือศึกษาจากบุคคลอื่นแล้ว ก็ไม่รู้จะเอาอะไรมาพิจารณาโดยแยบคาย ในมุมกับกัน
แม้เมื่อไม่ได้เรียนหรือรับรู้มาจากคนอื่นเลย ลองแบบลองผิดเอาเอง ก็ไม่สามารถทำสัมมาทิฏฐิให้เกิดขึ้น
ได้ จะเห็นตัวอย่างได้คือ ศาสดาลัทธิต่างๆ(มีครูทั้ง ๖ เป็นต้น) และเหล่าสมณะ นักบวชทั้งหลายที่มีมา
ก่อนพุทธกาล ไม่สามารถทำสัมมาทิฏฐิให้เกิดขึ้นได้เลย แม้จะมีคนบอกคนกล่าว แต่ผู้บอกผู้กล่าวหาไช่
สัตบุรุษหรือกัลยาณมิตรตามความหมายในพุทธศาสนาแล้ว ก็ไม่สามารถทำสัมมาทิฏฐิให้เกิดได้ จะเว้น
ไว้ก็แต่พระปัจเจกพุทธเจ้าและพระสัมมาสัมพุทธเจ้าของเราเองที่พระองค์ทรงพิจารณา
โดยแยบคายด้วยพระองค์เองแล้วทำให้สัมมาทิฏฐิเกิดขึ้นได้ (ก่อนพระพุทธเจ้าตรัสรู้นั้น ได้รับการแนะ
นำมาในทางที่ไม่ไช่สัมมาทิฏฐิตามความหมายในศาสนาพุทธ)

อย่างไรก็ดี ในพระสุตตันตปิฎก มัชฌิมนิกาย อุปริปัณณาสก์ ท่านจัดสัมมาทิฏฐิไว้ ๒ ประการ
๑.สัมมาทิฏฐิที่เรียกว่า สาสวะ หมายถึงสัมมาทิฏฐิที่ยังมีอาสวะอยู่ของปุถุชนคนธรรมดา และ
๒.สัมมาทิฏฐิที่เรียกว่า อนาสวะ หมายถึงสัมมาทิฏฐิที่ไม่มีอาสวะเจือปนของพระอริยะบุคคล

ในข้อนี้ผมเองเข้าใจว่า ต้องมีสัมมาทิฏฐิในระดับหนึ่งก่อน(สาสวะ) เพราะหากไม่มีในลำดับนี้แล้ว
ระดับที่เรียกว่าอนาสวะคงไม่เกิดขึ้นได้ จะสังเกตุได้ว่า การรู้อริยสัจจัดเป็นสัมมาทิฏฐิ เมื่อไล่ตั้งแต่
ทุกข์ ทุกขสมุทัย ทุกขนิโรธ และทุกขนิโรธคามินีปฏิปทา คำว่า ทุกขนิโรธคามินีปฏิปทา ก็หมายถึง
มรรคนั่นเอง และในมรรคก็มีสัมมาทิฏฐิอยู่ แสดงว่า น่าจะมี ๒ ระดับตามที่พระสุตันตปิฎกกล่าวไว้
คือต้องมีสัมมาทิฏฐิระดับสาสวะก่อน เมื่อปัญญากล้าแล้วระดับของอนาสวะก็เกิด
ในชั้นของอนาสวะ ปัจจัยแรก(ปรโต โฆษะ)จะใช้น้อยมาก เพราะท่านสัมมาทิฏฐิเต็มความหมายแล้ว
ถูกต้องตามประสงค์ที่แท้ของสัมมาทิฏฐิแล้ว การรับรู้จากบุคคลอื่นจึงน้อยมาก(คือท่านเห็นอริยสัจอย่าง
แจ่มแจ้งเสียแล้ว)


ตามที่ผมบอกเล่ามานี้ สิ่งใดได้อ้างที่มาก็เป็นอันว่าสรุปตามที่อ้างนั้นได้ หากไม่ได้อ้างไว้ก็ถือว่าเป็นความ
เข้าใจผมเอง กลัวว่าจะผิดพลาดจากความถูกต้องไป แล้วจะมีผู้ถือผิดตามๆกันไป ถ้ามีข้อท้วงติงใดๆ
ขอจงท้วงติงมาได้นะครับ ยังเป็นปุถุชนกันอยู่ ย่อมมีผิดพลาดกันได้ หากมีข้อชี้แนะ ต่อเติมเสริมไปตาม
หลักของศาสนามีที่มาที่ไปชัดเจน พึงต่อเติมเสริมได้เลย ผมอาจเห็นเพียงแง่เดียว แง่อื่นๆผมอาจมองไม่
เห็น คิดว่าช่วยกันจรรโลงพระศาสนากันครับ.
---------------------------------------
ด้วยจิตคารวะ


โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 23 ต.ค. 2023, 09:27 
 
ออฟไลน์
อาสาสมัคร
อาสาสมัคร
ลงทะเบียนเมื่อ: 17 ก.ย. 2012, 15:32
โพสต์: 2863


 ข้อมูลส่วนตัว


:b8: :b8: :b8:


แสดงโพสต์จาก:  เรียงตาม  
กลับไปยังกระทู้  [ 2 โพสต์ ] 

เขตเวลา GMT + 7 ชั่วโมง


 ผู้ใช้งานขณะนี้

กำลังดูบอร์ดนี้: ไม่มีสมาชิก และ บุคคลทั่วไป 50 ท่าน


ท่าน ไม่สามารถ โพสต์กระทู้ในบอร์ดนี้ได้
ท่าน ไม่สามารถ ตอบกระทู้ในบอร์ดนี้ได้
ท่าน ไม่สามารถ แก้ไขโพสต์ของท่านในบอร์ดนี้ได้
ท่าน ไม่สามารถ ลบโพสต์ของท่านในบอร์ดนี้ได้
ท่าน ไม่สามารถ แนบไฟล์ในบอร์ดนี้ได้

ค้นหาสำหรับ:
ไปที่:  
Google
ทั่วไป เว็บธรรมจักร


cron