วันเวลาปัจจุบัน 29 มี.ค. 2024, 00:35  



เขตเวลา GMT + 7 ชั่วโมง




กลับไปยังกระทู้  [ 355 โพสต์ ]  ไปที่หน้า ย้อนกลับ  1 ... 17, 18, 19, 20, 21, 22, 23, 24  ต่อไป  Bookmark and Share
เจ้าของ ข้อความ
โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 19 ก.ย. 2019, 08:51 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
สมาชิกระดับสูงสุด
สมาชิกระดับสูงสุด
ลงทะเบียนเมื่อ: 24 ต.ค. 2006, 12:36
โพสต์: 33766

อายุ: 0

 ข้อมูลส่วนตัว


อ้างคำพูด:
'อุทิส ศิริวรรณ'นักวิชาการด้านพุทธศาสนา แนะใช้ 'AI-IoT'ต่อยอดบาลีพุทธศาสตร์ศึกษาระดับ ป.เอก

วันที่ 18 ก.ย.2562 รศ.ดร.เวทย์ บรรณกรกุล อาจารย์ประจำมหาวิทยาลัยมหาจุฬาลงกรณราชวิทยาลัย(มจร) วิทยาเขตบาลีพุทธโฆษ อดีตสามเณรนาคหลวง ป.ธ.9 ได้โพสต์ข้อความผ่านเฟซบุ๊กส่วนตัว( Wate Bunnakornkul) ความว่า ขออนุโมทนา “ธรรมวิทยาทาน” ศาสตราจารย์ ดร.อุทิส ศิริวรรณ 17 กันยายน 2562 โครงการหลักสูตรพุทธศาสตรดุษฎีบัณฑิต ปริญญาเอกสาขาวิชาบาลีพุทธศาสตร์ หลักสูตรแบบ 2.2 รับผู้จบเปรียญธรรม 9 ประโยค หรือ ผู้จบปริญญาตรี สาขาบาลีพุทธศาสตร์ ที่มีผลการเรียน เกียรตินิยมอันดับ 1

ศ.ดร.อุทิส ศิริวรรณ (นักวิชาการด้านพุทธศาสนา) บรรยายพิเศษ “งานวิจัยคัมภีร์บาลีระดับนานาชาติ” ได้เล่าประสบการณ์การเรียนบาลีทั้งในแบบบาลีสนามหลวง การเรียนบาลีในคณะอักษรศาสตร์จุฬาลงกรณ์ รวมทั้งประสบการณ์การฝึกภาษาอังกฤษในระดับชั้นสูง ต้องทุ่มเทพากเพียรอย่างหนัก เพิ่มศักยภาพให้สามารถเรียนจนจบปริญญาเอก และสามารถนำเสนองานในระดับนานาชาติ สร้างแรงกระตุ้นให้นิสิตเกิดอุตสาหะวิริยะทุ่มเทฝึกฝนพัฒนาภาษา เพื่อนำความรู้คัมภีร์บาลีเถรวาทเผยแผ่ในระดับนานาชาติ

ท่านได้นำเสนอตัวอย่างงานวิจัยเชิงคัมภีร์บาลีที่นักวิชาการด้านบาลีและพระพุทธศาสนาสนใจศึกษา รวมทั้งวิธีเขียนอ้างอิงคัมภีร์บาลี งานบางอย่างเช่นการปริวรรตคัมภีร์บาลีอักษรโบราณให้เป็นบาลีอักษรสมสมัยที่สามารถใช้ได้ทั่วโลก เป็นงานที่นักวิชาการนานาชาติสนใจ เรามีความพร้อมเชี่ยวชาญด้านภาษาบาลี หากสามารถต่อยอดความคิด วิธีทำงานวิจัยเชิงคัมภีร์ให้กับเปรียญ 9 ได้แล้ว จะมีงานคัมภีร์บาลีมากมายมหาศาลรองรับผู้จบหลักสูตรนี้ พร้อมทั้งนำเสนอตัวอย่างการเขียนงานวิชาการที่ตีพิมพ์ในวารสาร Journal of the Pali Text Society หลายเรื่อง



รูปภาพ

https://www.banmuang.co.th/news/educati ... iTetWA7kso

.....................................................
https://dhammachati.blogspot.com/


โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 21 ก.ย. 2019, 03:40 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
สมาชิกระดับ 19
สมาชิกระดับ 19
ลงทะเบียนเมื่อ: 11 มี.ค. 2018, 02:56
โพสต์: 2157

โฮมเพจ: maybe
แนวปฏิบัติ: สติปัฎฐาน
งานอดิเรก: กีฬา
สิ่งที่ชื่นชอบ: แบรนด์เเนม
ชื่อเล่น: เม
อายุ: 22
ที่อยู่: Bangkok Thailand

 ข้อมูลส่วนตัว


กรัชกาย เขียน:
อ้างคำพูด:
'อุทิส ศิริวรรณ'นักวิชาการด้านพุทธศาสนา แนะใช้ 'AI-IoT'ต่อยอดบาลีพุทธศาสตร์ศึกษาระดับ ป.เอก

วันที่ 18 ก.ย.2562 รศ.ดร.เวทย์ บรรณกรกุล อาจารย์ประจำมหาวิทยาลัยมหาจุฬาลงกรณราชวิทยาลัย(มจร) วิทยาเขตบาลีพุทธโฆษ อดีตสามเณรนาคหลวง ป.ธ.9 ได้โพสต์ข้อความผ่านเฟซบุ๊กส่วนตัว( Wate Bunnakornkul) ความว่า ขออนุโมทนา “ธรรมวิทยาทาน” ศาสตราจารย์ ดร.อุทิส ศิริวรรณ 17 กันยายน 2562 โครงการหลักสูตรพุทธศาสตรดุษฎีบัณฑิต ปริญญาเอกสาขาวิชาบาลีพุทธศาสตร์ หลักสูตรแบบ 2.2 รับผู้จบเปรียญธรรม 9 ประโยค หรือ ผู้จบปริญญาตรี สาขาบาลีพุทธศาสตร์ ที่มีผลการเรียน เกียรตินิยมอันดับ 1

ศ.ดร.อุทิส ศิริวรรณ (นักวิชาการด้านพุทธศาสนา) บรรยายพิเศษ “งานวิจัยคัมภีร์บาลีระดับนานาชาติ” ได้เล่าประสบการณ์การเรียนบาลีทั้งในแบบบาลีสนามหลวง การเรียนบาลีในคณะอักษรศาสตร์จุฬาลงกรณ์ รวมทั้งประสบการณ์การฝึกภาษาอังกฤษในระดับชั้นสูง ต้องทุ่มเทพากเพียรอย่างหนัก เพิ่มศักยภาพให้สามารถเรียนจนจบปริญญาเอก และสามารถนำเสนองานในระดับนานาชาติ สร้างแรงกระตุ้นให้นิสิตเกิดอุตสาหะวิริยะทุ่มเทฝึกฝนพัฒนาภาษา เพื่อนำความรู้คัมภีร์บาลีเถรวาทเผยแผ่ในระดับนานาชาติ

ท่านได้นำเสนอตัวอย่างงานวิจัยเชิงคัมภีร์บาลีที่นักวิชาการด้านบาลีและพระพุทธศาสนาสนใจศึกษา รวมทั้งวิธีเขียนอ้างอิงคัมภีร์บาลี งานบางอย่างเช่นการปริวรรตคัมภีร์บาลีอักษรโบราณให้เป็นบาลีอักษรสมสมัยที่สามารถใช้ได้ทั่วโลก เป็นงานที่นักวิชาการนานาชาติสนใจ เรามีความพร้อมเชี่ยวชาญด้านภาษาบาลี หากสามารถต่อยอดความคิด วิธีทำงานวิจัยเชิงคัมภีร์ให้กับเปรียญ 9 ได้แล้ว จะมีงานคัมภีร์บาลีมากมายมหาศาลรองรับผู้จบหลักสูตรนี้ พร้อมทั้งนำเสนอตัวอย่างการเขียนงานวิชาการที่ตีพิมพ์ในวารสาร Journal of the Pali Text Society หลายเรื่อง








รูปภาพ

https://www.banmuang.co.th/news/educati ... iTetWA7kso



แต่การละสังโยชน์ จะต่อยอดให้เป็นพระอริยะบุคคลได้ค่ะ ไม่ใช่บาลี

เป็นเนื้อนาบุญของโลก

tongue


โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 21 ก.ย. 2019, 05:25 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
สมาชิกระดับสูงสุด
สมาชิกระดับสูงสุด
ลงทะเบียนเมื่อ: 24 ต.ค. 2006, 12:36
โพสต์: 33766

อายุ: 0

 ข้อมูลส่วนตัว


โลกสวย เขียน:
กรัชกาย เขียน:
อ้างคำพูด:
'อุทิส ศิริวรรณ'นักวิชาการด้านพุทธศาสนา แนะใช้ 'AI-IoT'ต่อยอดบาลีพุทธศาสตร์ศึกษาระดับ ป.เอก

วันที่ 18 ก.ย.2562 รศ.ดร.เวทย์ บรรณกรกุล อาจารย์ประจำมหาวิทยาลัยมหาจุฬาลงกรณราชวิทยาลัย(มจร) วิทยาเขตบาลีพุทธโฆษ อดีตสามเณรนาคหลวง ป.ธ.9 ได้โพสต์ข้อความผ่านเฟซบุ๊กส่วนตัว( Wate Bunnakornkul) ความว่า ขออนุโมทนา “ธรรมวิทยาทาน” ศาสตราจารย์ ดร.อุทิส ศิริวรรณ 17 กันยายน 2562 โครงการหลักสูตรพุทธศาสตรดุษฎีบัณฑิต ปริญญาเอกสาขาวิชาบาลีพุทธศาสตร์ หลักสูตรแบบ 2.2 รับผู้จบเปรียญธรรม 9 ประโยค หรือ ผู้จบปริญญาตรี สาขาบาลีพุทธศาสตร์ ที่มีผลการเรียน เกียรตินิยมอันดับ 1

ศ.ดร.อุทิส ศิริวรรณ (นักวิชาการด้านพุทธศาสนา) บรรยายพิเศษ “งานวิจัยคัมภีร์บาลีระดับนานาชาติ” ได้เล่าประสบการณ์การเรียนบาลีทั้งในแบบบาลีสนามหลวง การเรียนบาลีในคณะอักษรศาสตร์จุฬาลงกรณ์ รวมทั้งประสบการณ์การฝึกภาษาอังกฤษในระดับชั้นสูง ต้องทุ่มเทพากเพียรอย่างหนัก เพิ่มศักยภาพให้สามารถเรียนจนจบปริญญาเอก และสามารถนำเสนองานในระดับนานาชาติ สร้างแรงกระตุ้นให้นิสิตเกิดอุตสาหะวิริยะทุ่มเทฝึกฝนพัฒนาภาษา เพื่อนำความรู้คัมภีร์บาลีเถรวาทเผยแผ่ในระดับนานาชาติ

ท่านได้นำเสนอตัวอย่างงานวิจัยเชิงคัมภีร์บาลีที่นักวิชาการด้านบาลีและพระพุทธศาสนาสนใจศึกษา รวมทั้งวิธีเขียนอ้างอิงคัมภีร์บาลี งานบางอย่างเช่นการปริวรรตคัมภีร์บาลีอักษรโบราณให้เป็นบาลีอักษรสมสมัยที่สามารถใช้ได้ทั่วโลก เป็นงานที่นักวิชาการนานาชาติสนใจ เรามีความพร้อมเชี่ยวชาญด้านภาษาบาลี หากสามารถต่อยอดความคิด วิธีทำงานวิจัยเชิงคัมภีร์ให้กับเปรียญ 9 ได้แล้ว จะมีงานคัมภีร์บาลีมากมายมหาศาลรองรับผู้จบหลักสูตรนี้ พร้อมทั้งนำเสนอตัวอย่างการเขียนงานวิชาการที่ตีพิมพ์ในวารสาร Journal of the Pali Text Society หลายเรื่อง








รูปภาพ

https://www.banmuang.co.th/news/educati ... iTetWA7kso



แต่การละสังโยชน์ จะต่อยอดให้เป็นพระอริยะบุคคลได้ค่ะ ไม่ใช่บาลี

เป็นเนื้อนาบุญของโลก

tongue



ทุกวันนี้เราเรียนรู้เรื่องศาสนา เรียนจากพระอริยบุคคล หรือเรียนจากบาลี. พระอริยบุคคลอยู่ไหนไปตามมาหน่อย เพื่อที่่ชาวพุทธในเมืองไทยจะได้เรียนรู้กัน :b1:

(อย่างที่ว่าแม้แต่เรื่องศาสนาก็เถียงกัน ไม่ใช่เฉพาะแต่การเมือง :b32: ) แล้วเรื่องศาสนาเถียงกันมาแต่ครั้งพุทธกาลด้วยมั่ง แต่เถียงกันตอนนั้น ผู้ตัดสินคือพระพุทธเจ้า ซึ่งเป็นเจ้าของธรรม :b1: เถียงกันตอนนี้ใครตัดสิน พระอริยบุคคลอย่างเมโลกสวยพูดอ้างหรอ ไหนล่ะพระอริยบุคคล :b10:

หรือนี่ :b13:

https://www.youtube.com/watch?v=AnnomLIxYm0

.....................................................
https://dhammachati.blogspot.com/


โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 21 ก.ย. 2019, 11:44 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
สมาชิกระดับ 19
สมาชิกระดับ 19
ลงทะเบียนเมื่อ: 11 มี.ค. 2018, 02:56
โพสต์: 2157

โฮมเพจ: maybe
แนวปฏิบัติ: สติปัฎฐาน
งานอดิเรก: กีฬา
สิ่งที่ชื่นชอบ: แบรนด์เเนม
ชื่อเล่น: เม
อายุ: 22
ที่อยู่: Bangkok Thailand

 ข้อมูลส่วนตัว


กรัชกาย เขียน:
โลกสวย เขียน:
กรัชกาย เขียน:
อ้างคำพูด:
'อุทิส ศิริวรรณ'นักวิชาการด้านพุทธศาสนา แนะใช้ 'AI-IoT'ต่อยอดบาลีพุทธศาสตร์ศึกษาระดับ ป.เอก

วันที่ 18 ก.ย.2562 รศ.ดร.เวทย์ บรรณกรกุล อาจารย์ประจำมหาวิทยาลัยมหาจุฬาลงกรณราชวิทยาลัย(มจร) วิทยาเขตบาลีพุทธโฆษ อดีตสามเณรนาคหลวง ป.ธ.9 ได้โพสต์ข้อความผ่านเฟซบุ๊กส่วนตัว( Wate Bunnakornkul) ความว่า ขออนุโมทนา “ธรรมวิทยาทาน” ศาสตราจารย์ ดร.อุทิส ศิริวรรณ 17 กันยายน 2562 โครงการหลักสูตรพุทธศาสตรดุษฎีบัณฑิต ปริญญาเอกสาขาวิชาบาลีพุทธศาสตร์ หลักสูตรแบบ 2.2 รับผู้จบเปรียญธรรม 9 ประโยค หรือ ผู้จบปริญญาตรี สาขาบาลีพุทธศาสตร์ ที่มีผลการเรียน เกียรตินิยมอันดับ 1

ศ.ดร.อุทิส ศิริวรรณ (นักวิชาการด้านพุทธศาสนา) บรรยายพิเศษ “งานวิจัยคัมภีร์บาลีระดับนานาชาติ” ได้เล่าประสบการณ์การเรียนบาลีทั้งในแบบบาลีสนามหลวง การเรียนบาลีในคณะอักษรศาสตร์จุฬาลงกรณ์ รวมทั้งประสบการณ์การฝึกภาษาอังกฤษในระดับชั้นสูง ต้องทุ่มเทพากเพียรอย่างหนัก เพิ่มศักยภาพให้สามารถเรียนจนจบปริญญาเอก และสามารถนำเสนองานในระดับนานาชาติ สร้างแรงกระตุ้นให้นิสิตเกิดอุตสาหะวิริยะทุ่มเทฝึกฝนพัฒนาภาษา เพื่อนำความรู้คัมภีร์บาลีเถรวาทเผยแผ่ในระดับนานาชาติ

ท่านได้นำเสนอตัวอย่างงานวิจัยเชิงคัมภีร์บาลีที่นักวิชาการด้านบาลีและพระพุทธศาสนาสนใจศึกษา รวมทั้งวิธีเขียนอ้างอิงคัมภีร์บาลี งานบางอย่างเช่นการปริวรรตคัมภีร์บาลีอักษรโบราณให้เป็นบาลีอักษรสมสมัยที่สามารถใช้ได้ทั่วโลก เป็นงานที่นักวิชาการนานาชาติสนใจ เรามีความพร้อมเชี่ยวชาญด้านภาษาบาลี หากสามารถต่อยอดความคิด วิธีทำงานวิจัยเชิงคัมภีร์ให้กับเปรียญ 9 ได้แล้ว จะมีงานคัมภีร์บาลีมากมายมหาศาลรองรับผู้จบหลักสูตรนี้ พร้อมทั้งนำเสนอตัวอย่างการเขียนงานวิชาการที่ตีพิมพ์ในวารสาร Journal of the Pali Text Society หลายเรื่อง








รูปภาพ

https://www.banmuang.co.th/news/educati ... iTetWA7kso



แต่การละสังโยชน์ จะต่อยอดให้เป็นพระอริยะบุคคลได้ค่ะ ไม่ใช่บาลี

เป็นเนื้อนาบุญของโลก

tongue



ทุกวันนี้เราเรียนรู้เรื่องศาสนา เรียนจากพระอริยบุคคล หรือเรียนจากบาลี. พระอริยบุคคลอยู่ไหนไปตามมาหน่อย เพื่อที่่ชาวพุทธในเมืองไทยจะได้เรียนรู้กัน :b1:

(อย่างที่ว่าแม้แต่เรื่องศาสนาก็เถียงกัน ไม่ใช่เฉพาะแต่การเมือง :b32: ) แล้วเรื่องศาสนาเถียงกันมาแต่ครั้งพุทธกาลด้วยมั่ง แต่เถียงกันตอนนั้น ผู้ตัดสินคือพระพุทธเจ้า ซึ่งเป็นเจ้าของธรรม :b1: เถียงกันตอนนี้ใครตัดสิน พระอริยบุคคลอย่างเมโลกสวยพูดอ้างหรอ ไหนล่ะพระอริยบุคคล :b10:

หรือนี่ :b13:

https://www.youtube.com/watch?v=AnnomLIxYm0

คริคริ

ลุงนี่ช่างไม่รู้อะไรซะเรย

เรียนรู้พระศาสนาจริง ได้จากภายในสิค๊ะ
ไม่ใช่จากภายนอก

อย่างนี้ เจ้าของภาษาบาลี คงเป็นพระพุทธเจ้ากันหมด


ใจเป็นศีล 5 จึงมีองค์ประกอบแห่งโสดาปัตติมรรค
และ การละสังโยชน์ 3 จึงเป็นโสดาบันปัตติผล

tongue


โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 21 ก.ย. 2019, 19:31 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
สมาชิกระดับสูงสุด
สมาชิกระดับสูงสุด
ลงทะเบียนเมื่อ: 24 ต.ค. 2006, 12:36
โพสต์: 33766

อายุ: 0

 ข้อมูลส่วนตัว


โลกสวย เขียน:
กรัชกาย เขียน:
โลกสวย เขียน:
กรัชกาย เขียน:
อ้างคำพูด:
'อุทิส ศิริวรรณ'นักวิชาการด้านพุทธศาสนา แนะใช้ 'AI-IoT'ต่อยอดบาลีพุทธศาสตร์ศึกษาระดับ ป.เอก

วันที่ 18 ก.ย.2562 รศ.ดร.เวทย์ บรรณกรกุล อาจารย์ประจำมหาวิทยาลัยมหาจุฬาลงกรณราชวิทยาลัย(มจร) วิทยาเขตบาลีพุทธโฆษ อดีตสามเณรนาคหลวง ป.ธ.9 ได้โพสต์ข้อความผ่านเฟซบุ๊กส่วนตัว( Wate Bunnakornkul) ความว่า ขออนุโมทนา “ธรรมวิทยาทาน” ศาสตราจารย์ ดร.อุทิส ศิริวรรณ 17 กันยายน 2562 โครงการหลักสูตรพุทธศาสตรดุษฎีบัณฑิต ปริญญาเอกสาขาวิชาบาลีพุทธศาสตร์ หลักสูตรแบบ 2.2 รับผู้จบเปรียญธรรม 9 ประโยค หรือ ผู้จบปริญญาตรี สาขาบาลีพุทธศาสตร์ ที่มีผลการเรียน เกียรตินิยมอันดับ 1

ศ.ดร.อุทิส ศิริวรรณ (นักวิชาการด้านพุทธศาสนา) บรรยายพิเศษ “งานวิจัยคัมภีร์บาลีระดับนานาชาติ” ได้เล่าประสบการณ์การเรียนบาลีทั้งในแบบบาลีสนามหลวง การเรียนบาลีในคณะอักษรศาสตร์จุฬาลงกรณ์ รวมทั้งประสบการณ์การฝึกภาษาอังกฤษในระดับชั้นสูง ต้องทุ่มเทพากเพียรอย่างหนัก เพิ่มศักยภาพให้สามารถเรียนจนจบปริญญาเอก และสามารถนำเสนองานในระดับนานาชาติ สร้างแรงกระตุ้นให้นิสิตเกิดอุตสาหะวิริยะทุ่มเทฝึกฝนพัฒนาภาษา เพื่อนำความรู้คัมภีร์บาลีเถรวาทเผยแผ่ในระดับนานาชาติ

ท่านได้นำเสนอตัวอย่างงานวิจัยเชิงคัมภีร์บาลีที่นักวิชาการด้านบาลีและพระพุทธศาสนาสนใจศึกษา รวมทั้งวิธีเขียนอ้างอิงคัมภีร์บาลี งานบางอย่างเช่นการปริวรรตคัมภีร์บาลีอักษรโบราณให้เป็นบาลีอักษรสมสมัยที่สามารถใช้ได้ทั่วโลก เป็นงานที่นักวิชาการนานาชาติสนใจ เรามีความพร้อมเชี่ยวชาญด้านภาษาบาลี หากสามารถต่อยอดความคิด วิธีทำงานวิจัยเชิงคัมภีร์ให้กับเปรียญ 9 ได้แล้ว จะมีงานคัมภีร์บาลีมากมายมหาศาลรองรับผู้จบหลักสูตรนี้ พร้อมทั้งนำเสนอตัวอย่างการเขียนงานวิชาการที่ตีพิมพ์ในวารสาร Journal of the Pali Text Society หลายเรื่อง








รูปภาพ

https://www.banmuang.co.th/news/educati ... iTetWA7kso



แต่การละสังโยชน์ จะต่อยอดให้เป็นพระอริยะบุคคลได้ค่ะ ไม่ใช่บาลี

เป็นเนื้อนาบุญของโลก

tongue



ทุกวันนี้เราเรียนรู้เรื่องศาสนา เรียนจากพระอริยบุคคล หรือเรียนจากบาลี. พระอริยบุคคลอยู่ไหนไปตามมาหน่อย เพื่อที่่ชาวพุทธในเมืองไทยจะได้เรียนรู้กัน :b1:

(อย่างที่ว่าแม้แต่เรื่องศาสนาก็เถียงกัน ไม่ใช่เฉพาะแต่การเมือง :b32: ) แล้วเรื่องศาสนาเถียงกันมาแต่ครั้งพุทธกาลด้วยมั่ง แต่เถียงกันตอนนั้น ผู้ตัดสินคือพระพุทธเจ้า ซึ่งเป็นเจ้าของธรรม :b1: เถียงกันตอนนี้ใครตัดสิน พระอริยบุคคลอย่างเมโลกสวยพูดอ้างหรอ ไหนล่ะพระอริยบุคคล :b10:

หรือนี่ :b13:

https://www.youtube.com/watch?v=AnnomLIxYm0

คริคริ

ลุงนี่ช่างไม่รู้อะไรซะเรย

เรียนรู้พระศาสนาจริง ได้จากภายในสิค๊ะ
ไม่ใช่จากภายนอก

อย่างนี้ เจ้าของภาษาบาลี คงเป็นพระพุทธเจ้ากันหมด


ใจเป็นศีล 5 จึงมีองค์ประกอบแห่งโสดาปัตติมรรค
และ การละสังโยชน์ 3 จึงเป็นโสดาบันปัตติผล

tongue



ถ้าเอายังงี้นะ ไม่พึ่งบาลี ว่ากันทางใจยังงี้นะ ไหนๆ ยกโสดาปัตติมรรคที่ว่า มาให้ดูหน่อยสิ :b1: เอาใจที่ว่าละสังโยชน์มาให้ดูหน่อยสิ เอามา :b1:

.....................................................
https://dhammachati.blogspot.com/


โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 21 ก.ย. 2019, 22:10 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
สมาชิกระดับ 19
สมาชิกระดับ 19
ลงทะเบียนเมื่อ: 11 มี.ค. 2018, 02:56
โพสต์: 2157

โฮมเพจ: maybe
แนวปฏิบัติ: สติปัฎฐาน
งานอดิเรก: กีฬา
สิ่งที่ชื่นชอบ: แบรนด์เเนม
ชื่อเล่น: เม
อายุ: 22
ที่อยู่: Bangkok Thailand

 ข้อมูลส่วนตัว


กรัชกาย เขียน:
โลกสวย เขียน:
กรัชกาย เขียน:
โลกสวย เขียน:
กรัชกาย เขียน:
อ้างคำพูด:
'อุทิส ศิริวรรณ'นักวิชาการด้านพุทธศาสนา แนะใช้ 'AI-IoT'ต่อยอดบาลีพุทธศาสตร์ศึกษาระดับ ป.เอก

วันที่ 18 ก.ย.2562 รศ.ดร.เวทย์ บรรณกรกุล อาจารย์ประจำมหาวิทยาลัยมหาจุฬาลงกรณราชวิทยาลัย(มจร) วิทยาเขตบาลีพุทธโฆษ อดีตสามเณรนาคหลวง ป.ธ.9 ได้โพสต์ข้อความผ่านเฟซบุ๊กส่วนตัว( Wate Bunnakornkul) ความว่า ขออนุโมทนา “ธรรมวิทยาทาน” ศาสตราจารย์ ดร.อุทิส ศิริวรรณ 17 กันยายน 2562 โครงการหลักสูตรพุทธศาสตรดุษฎีบัณฑิต ปริญญาเอกสาขาวิชาบาลีพุทธศาสตร์ หลักสูตรแบบ 2.2 รับผู้จบเปรียญธรรม 9 ประโยค หรือ ผู้จบปริญญาตรี สาขาบาลีพุทธศาสตร์ ที่มีผลการเรียน เกียรตินิยมอันดับ 1

ศ.ดร.อุทิส ศิริวรรณ (นักวิชาการด้านพุทธศาสนา) บรรยายพิเศษ “งานวิจัยคัมภีร์บาลีระดับนานาชาติ” ได้เล่าประสบการณ์การเรียนบาลีทั้งในแบบบาลีสนามหลวง การเรียนบาลีในคณะอักษรศาสตร์จุฬาลงกรณ์ รวมทั้งประสบการณ์การฝึกภาษาอังกฤษในระดับชั้นสูง ต้องทุ่มเทพากเพียรอย่างหนัก เพิ่มศักยภาพให้สามารถเรียนจนจบปริญญาเอก และสามารถนำเสนองานในระดับนานาชาติ สร้างแรงกระตุ้นให้นิสิตเกิดอุตสาหะวิริยะทุ่มเทฝึกฝนพัฒนาภาษา เพื่อนำความรู้คัมภีร์บาลีเถรวาทเผยแผ่ในระดับนานาชาติ

ท่านได้นำเสนอตัวอย่างงานวิจัยเชิงคัมภีร์บาลีที่นักวิชาการด้านบาลีและพระพุทธศาสนาสนใจศึกษา รวมทั้งวิธีเขียนอ้างอิงคัมภีร์บาลี งานบางอย่างเช่นการปริวรรตคัมภีร์บาลีอักษรโบราณให้เป็นบาลีอักษรสมสมัยที่สามารถใช้ได้ทั่วโลก เป็นงานที่นักวิชาการนานาชาติสนใจ เรามีความพร้อมเชี่ยวชาญด้านภาษาบาลี หากสามารถต่อยอดความคิด วิธีทำงานวิจัยเชิงคัมภีร์ให้กับเปรียญ 9 ได้แล้ว จะมีงานคัมภีร์บาลีมากมายมหาศาลรองรับผู้จบหลักสูตรนี้ พร้อมทั้งนำเสนอตัวอย่างการเขียนงานวิชาการที่ตีพิมพ์ในวารสาร Journal of the Pali Text Society หลายเรื่อง








รูปภาพ

https://www.banmuang.co.th/news/educati ... iTetWA7kso



แต่การละสังโยชน์ จะต่อยอดให้เป็นพระอริยะบุคคลได้ค่ะ ไม่ใช่บาลี

เป็นเนื้อนาบุญของโลก

tongue



ทุกวันนี้เราเรียนรู้เรื่องศาสนา เรียนจากพระอริยบุคคล หรือเรียนจากบาลี. พระอริยบุคคลอยู่ไหนไปตามมาหน่อย เพื่อที่่ชาวพุทธในเมืองไทยจะได้เรียนรู้กัน :b1:

(อย่างที่ว่าแม้แต่เรื่องศาสนาก็เถียงกัน ไม่ใช่เฉพาะแต่การเมือง :b32: ) แล้วเรื่องศาสนาเถียงกันมาแต่ครั้งพุทธกาลด้วยมั่ง แต่เถียงกันตอนนั้น ผู้ตัดสินคือพระพุทธเจ้า ซึ่งเป็นเจ้าของธรรม :b1: เถียงกันตอนนี้ใครตัดสิน พระอริยบุคคลอย่างเมโลกสวยพูดอ้างหรอ ไหนล่ะพระอริยบุคคล :b10:

หรือนี่ :b13:

https://www.youtube.com/watch?v=AnnomLIxYm0

คริคริ

ลุงนี่ช่างไม่รู้อะไรซะเรย

เรียนรู้พระศาสนาจริง ได้จากภายในสิค๊ะ
ไม่ใช่จากภายนอก

อย่างนี้ เจ้าของภาษาบาลี คงเป็นพระพุทธเจ้ากันหมด


ใจเป็นศีล 5 จึงมีองค์ประกอบแห่งโสดาปัตติมรรค
และ การละสังโยชน์ 3 จึงเป็นโสดาบันปัตติผล

tongue



ถ้าเอายังงี้นะ ไม่พึ่งบาลี ว่ากันทางใจยังงี้นะ ไหนๆ ยกโสดาปัตติมรรคที่ว่า มาให้ดูหน่อยสิ :b1: เอาใจที่ว่าละสังโยชน์มาให้ดูหน่อยสิ เอามา :b1:


คริคริ

เมให้ลุงเอาไป ลุงก็ดูไม่รู้หรอก

ว่าใจและธรรมไม่เป็นไปกับด้วยความกำหนัด เป็นยังไง



tongue


โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 22 ก.ย. 2019, 05:31 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
สมาชิกระดับสูงสุด
สมาชิกระดับสูงสุด
ลงทะเบียนเมื่อ: 24 ต.ค. 2006, 12:36
โพสต์: 33766

อายุ: 0

 ข้อมูลส่วนตัว


โลกสวย เขียน:


คริคริ

เมให้ลุงเอาไป ลุงก็ดูไม่รู้หรอก

ว่าใจและธรรมไม่เป็นไปกับด้วยความกำหนัด เป็นยังไง



tongue


พ่ะน่ะ :b1: มันคือจั๋งซี่นะ คือ ที่นำเสนอกันทั่วๆไปน่ะ เป็นเพียงลมปาก

สิ่งนั้นเป็นนามธรรม จับต้องไม่ได้ ไม่ใช่วัตถุธรรมที่จับต้องได้ให้คนอื่นเห็นได้ :b32: เป็นของเฉพาะตนอยู่ภายในตน (ไม่รู้จะเข้าใจหรือเปล่า) ให้ดูตัวอย่างที่เขาทำ เขาเล่าให้ฟังจึงรู้ ถ้าเขาไม่เล่าคนอื่นก็ไม่รู้ ถึงเขาเล่า คนไม่เคยสัมผัสก็ไม่เข้าใจ :b13:

ดูตัวอย่างง่ายๆ

อ้างคำพูด:
พอมาอยู่อเมริกาคนเดียวในที่สงบ ก็ทำให้เกิดแรงบันดาลใจที่อยากจะทำสมาธิ

ฉันเริ่มจากการเพ่งจุดที่เพดาน ขณะที่นอน จุดอะไรก็ได้ ให้จิตรวมเป็นจุดเดียว
ขณะที่นั่งก็จะหาจุดอะไรก็ได้ที่อยู่ตรงหน้า จนรู้สึกว่า จิตเกือบจะรวมได้แล้ว ก็ทำต่อไปเรื่อยๆ

จนวันหนึ่ง มีญาติมาจากเมืองไทย ฉันพาเขาไปซื้อของที่ห้าง ฉันขี้เกียจเดินขอนั่งรอในรถ
ขณะที่รอ ฉันก็ใช้เวลาที่รอเพ่งจุดขี้ผึ้ง นานเป็นชั่วโมง ฉันรู้สึกเหมือนตัวจะลอยได้ มันเบาหวิว ไม่ได้ยิน ไม่ได้เห็นอะไรเลย มันว่างเปล่า ฉันจึงรู้ว่าฉันทำได้แล้ว มันเป็นความสบายโล่งอย่างบอกไม่ถูก บุญกุศลคงจะสนองฉัน ฉันดีใจมากที่ทำสำเร็จ
ตั้งแต่นั้นมา ฉันอยากจะทำสมาธิเมื่อไหร่ก็ทำได้ แม้เพียงนั่งอยู่แค่ไม่กี่นาทีก็ทำได้

ทุกครั้งที่ฉันเหนื่อย เครียด ฉันก็จะหยุดจิตนั่งสมาธิแค่ ๑๕ นาทีก็หายเหนื่อย ใครจะนำวิธีของฉันไปใช้บ้างก็ได้ จะได้เป็นกุศลมาถึงฉันด้วย คุณไม่ต้องเสียเวลาไปฝึกที่วัด แค่เพียง ทำจิตให้นิ่งได้ สักวันหนึ่ง คุณก็จะพบความสุขที่แท้จริง

.....................................................
https://dhammachati.blogspot.com/


โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 22 ก.ย. 2019, 12:33 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
สมาชิกระดับสูงสุด
สมาชิกระดับสูงสุด
ลงทะเบียนเมื่อ: 24 ต.ค. 2006, 12:36
โพสต์: 33766

อายุ: 0

 ข้อมูลส่วนตัว


กรัชกาย เขียน:
โลกสวย เขียน:


คริคริ

เมให้ลุงเอาไป ลุงก็ดูไม่รู้หรอก

ว่าใจและธรรมไม่เป็นไปกับด้วยความกำหนัด เป็นยังไง



tongue


พ่ะน่ะ :b1: มันคือจั๋งซี่นะ คือ ที่นำเสนอกันทั่วๆไปน่ะ เป็นเพียงลมปาก

สิ่งนั้นเป็นนามธรรม จับต้องไม่ได้ ไม่ใช่วัตถุธรรมที่จับต้องได้ให้คนอื่นเห็นได้ :b32: เป็นของเฉพาะตนอยู่ภายในตน (ไม่รู้จะเข้าใจหรือเปล่า) ให้ดูตัวอย่างที่เขาทำ เขาเล่าให้ฟังจึงรู้ ถ้าเขาไม่เล่าคนอื่นก็ไม่รู้ ถึงเขาเล่า คนไม่เคยสัมผัสก็ไม่เข้าใจ :b13:

ดูตัวอย่างง่ายๆ

อ้างคำพูด:
พอมาอยู่อเมริกาคนเดียวในที่สงบ ก็ทำให้เกิดแรงบันดาลใจที่อยากจะทำสมาธิ

ฉันเริ่มจากการเพ่งจุดที่เพดาน ขณะที่นอน จุดอะไรก็ได้ ให้จิตรวมเป็นจุดเดียว
ขณะที่นั่งก็จะหาจุดอะไรก็ได้ที่อยู่ตรงหน้า จนรู้สึกว่า จิตเกือบจะรวมได้แล้ว ก็ทำต่อไปเรื่อยๆ

จนวันหนึ่ง มีญาติมาจากเมืองไทย ฉันพาเขาไปซื้อของที่ห้าง ฉันขี้เกียจเดินขอนั่งรอในรถ
ขณะที่รอ ฉันก็ใช้เวลาที่รอเพ่งจุดขี้ผึ้ง นานเป็นชั่วโมง ฉันรู้สึกเหมือนตัวจะลอยได้ มันเบาหวิว ไม่ได้ยิน ไม่ได้เห็นอะไรเลย มันว่างเปล่า ฉันจึงรู้ว่าฉันทำได้แล้ว มันเป็นความสบายโล่งอย่างบอกไม่ถูก บุญกุศลคงจะสนองฉัน ฉันดีใจมากที่ทำสำเร็จ
ตั้งแต่นั้นมา ฉันอยากจะทำสมาธิเมื่อไหร่ก็ทำได้ แม้เพียงนั่งอยู่แค่ไม่กี่นาทีก็ทำได้

ทุกครั้งที่ฉันเหนื่อย เครียด ฉันก็จะหยุดจิตนั่งสมาธิแค่ ๑๕ นาทีก็หายเหนื่อย ใครจะนำวิธีของฉันไปใช้บ้างก็ได้ จะได้เป็นกุศลมาถึงฉันด้วย คุณไม่ต้องเสียเวลาไปฝึกที่วัด แค่เพียง ทำจิตให้นิ่งได้ สักวันหนึ่ง คุณก็จะพบความสุขที่แท้จริง



อย่างที่ว่า เขาเล่าถึงรู้ เขาไม่เล่าคนอื่นก็ไม่รู้ ต่อให้คนนอนเตียงเดียวกันก็ไม่เข้าใจ ดูตัวอย่างนี้

อ้างคำพูด:
แฟนเป็นคนที่เสเพลมาก กินเหล้า แบบว่าไม่ได้เรื่องน่ะค่ะ
แต่มีหมอดูหลายท่านทักว่าถ้าแฟนได้ศึกษาธรรมะอย่างจริงจังจะบวชไม่สึกตลอดชีวิต
ตอนแรกดิฉันคบกับแฟนก็ไม่ทราบหรอกนะคะว่ามีหมอดูเคยทักไว้กับพ่อแม่แฟน

ดิฉันเป็นคนชอบทำบุญทำทาน นั่งสมาธิและสวดมนต์ แฟน ก็ทำตามดิฉันเพราะดิฉันบังคับแรกๆเมื่อไม่กี่วันนี้พาแฟนไปนั่งสมาธิมา (แบบยุบหนอพองหนอ) แค่ไม่กี่ชั่วโมง แฟนดิฉันก็ผิดปกติไปค่ะ

เค้าตื่นมาจากสมาธิ เค้าถามดิฉันว่า รู้สึกถึงลมหายใจที่ชัดเห็นเค้ารู้สึกว่าส่วนท้องเค้ามันยุบลงไปแค่ไหนอย่างไรเวลาหายใจเข้าออก เวลาเดินจงกรม เค้ารู้สึกถึงเท้าที่ย่ำลงพื้นว่าส่วนไหนที่กระทบพื้นชัดเจน

เค้าถามดิฉันว่ามันคืออะไร ดิฉันได้แต่นั่ง ไม่เคยเป็นแบบนี้เลยค่ะ

กลับมาจากวัดเค้าพูดว่า เค้าสดชื่น จับพวงมาลัยรถรู้ว่า มือเค้าจับพวงมาลัย รู้สึกชัดเจนมากๆ มีสติ
เค้าบอกเค้าเข้าใจถึงคำว่า ผู้รู้ ผู้ตื่น ผู้เบิกบานว่ามันมีจริงๆ เหมือนคนใส่เเว่นมัวๆมาแล้วเช็ดจนมันใสชัดเจน

เค้าพูดแต่เรื่องนั่งสมาธิ กลับมาเค้าไม่ดื่มเหล้า สวดมนต์ นั่งสมาธิ ยิ้ม ใจเย็นและดูจะอิ่มบุญมากมาหลายวันแล้วค่ะ

ดิฉันดีใจค่ะที่เค้าเป็นแบบนี้ เค้าบอกเค้ากลัวที่ไปสูบบุหรี่ หรือ กินเหล้าอีกความรู้สึกแบบนี้จะหายไป
เค้ากำลังเข้าถึงสมาธิใช่ไหมคะ ดิฉันจะพาเค้าไปนั่งบ่อยๆเค้าจะได้เป็นคนดี

ดิฉันอยากนั่งได้แบบเค้าจังเลยค่ะ ทำมาตั้งนานก็ยังไม่เป็นเหมือนเค้า เค้านั่งแป๊บเดียวเองไม่เคยสนใจเรื่องนี้ด้วย
มันน่าน้อยใจนัก!!


ทั้งสองตัวอย่างนี้ สังเกตวิธีปฏิบัติ ซึ่งเรียกตามหลักวิชาว่า "มรรค" วิธีทำวิธีปฏิบัตินั่นแหละเรียกว่า มรรค

เห็นไหม คนหนึ่งทำมาตั้งนานเข้าไม่ถึง เมื่อเข้าไม่ถึงก็ไม่เข้าใจ ถึงได้ว่ารู้เฉพาะตนเป็นของเฉพาะตัว

.....................................................
https://dhammachati.blogspot.com/


โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 23 ก.ย. 2019, 00:10 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
สมาชิกระดับ 19
สมาชิกระดับ 19
ลงทะเบียนเมื่อ: 11 มี.ค. 2018, 02:56
โพสต์: 2157

โฮมเพจ: maybe
แนวปฏิบัติ: สติปัฎฐาน
งานอดิเรก: กีฬา
สิ่งที่ชื่นชอบ: แบรนด์เเนม
ชื่อเล่น: เม
อายุ: 22
ที่อยู่: Bangkok Thailand

 ข้อมูลส่วนตัว


กรัชกาย เขียน:
กรัชกาย เขียน:
โลกสวย เขียน:


คริคริ

เมให้ลุงเอาไป ลุงก็ดูไม่รู้หรอก

ว่าใจและธรรมไม่เป็นไปกับด้วยความกำหนัด เป็นยังไง



tongue


พ่ะน่ะ :b1: มันคือจั๋งซี่นะ คือ ที่นำเสนอกันทั่วๆไปน่ะ เป็นเพียงลมปาก

สิ่งนั้นเป็นนามธรรม จับต้องไม่ได้ ไม่ใช่วัตถุธรรมที่จับต้องได้ให้คนอื่นเห็นได้ :b32: เป็นของเฉพาะตนอยู่ภายในตน (ไม่รู้จะเข้าใจหรือเปล่า) ให้ดูตัวอย่างที่เขาทำ เขาเล่าให้ฟังจึงรู้ ถ้าเขาไม่เล่าคนอื่นก็ไม่รู้ ถึงเขาเล่า คนไม่เคยสัมผัสก็ไม่เข้าใจ :b13:

ดูตัวอย่างง่ายๆ

อ้างคำพูด:
พอมาอยู่อเมริกาคนเดียวในที่สงบ ก็ทำให้เกิดแรงบันดาลใจที่อยากจะทำสมาธิ

ฉันเริ่มจากการเพ่งจุดที่เพดาน ขณะที่นอน จุดอะไรก็ได้ ให้จิตรวมเป็นจุดเดียว
ขณะที่นั่งก็จะหาจุดอะไรก็ได้ที่อยู่ตรงหน้า จนรู้สึกว่า จิตเกือบจะรวมได้แล้ว ก็ทำต่อไปเรื่อยๆ

จนวันหนึ่ง มีญาติมาจากเมืองไทย ฉันพาเขาไปซื้อของที่ห้าง ฉันขี้เกียจเดินขอนั่งรอในรถ
ขณะที่รอ ฉันก็ใช้เวลาที่รอเพ่งจุดขี้ผึ้ง นานเป็นชั่วโมง ฉันรู้สึกเหมือนตัวจะลอยได้ มันเบาหวิว ไม่ได้ยิน ไม่ได้เห็นอะไรเลย มันว่างเปล่า ฉันจึงรู้ว่าฉันทำได้แล้ว มันเป็นความสบายโล่งอย่างบอกไม่ถูก บุญกุศลคงจะสนองฉัน ฉันดีใจมากที่ทำสำเร็จ
ตั้งแต่นั้นมา ฉันอยากจะทำสมาธิเมื่อไหร่ก็ทำได้ แม้เพียงนั่งอยู่แค่ไม่กี่นาทีก็ทำได้

ทุกครั้งที่ฉันเหนื่อย เครียด ฉันก็จะหยุดจิตนั่งสมาธิแค่ ๑๕ นาทีก็หายเหนื่อย ใครจะนำวิธีของฉันไปใช้บ้างก็ได้ จะได้เป็นกุศลมาถึงฉันด้วย คุณไม่ต้องเสียเวลาไปฝึกที่วัด แค่เพียง ทำจิตให้นิ่งได้ สักวันหนึ่ง คุณก็จะพบความสุขที่แท้จริง



อย่างที่ว่า เขาเล่าถึงรู้ เขาไม่เล่าคนอื่นก็ไม่รู้ ต่อให้คนนอนเตียงเดียวกันก็ไม่เข้าใจ ดูตัวอย่างนี้

อ้างคำพูด:
แฟนเป็นคนที่เสเพลมาก กินเหล้า แบบว่าไม่ได้เรื่องน่ะค่ะ
แต่มีหมอดูหลายท่านทักว่าถ้าแฟนได้ศึกษาธรรมะอย่างจริงจังจะบวชไม่สึกตลอดชีวิต
ตอนแรกดิฉันคบกับแฟนก็ไม่ทราบหรอกนะคะว่ามีหมอดูเคยทักไว้กับพ่อแม่แฟน

ดิฉันเป็นคนชอบทำบุญทำทาน นั่งสมาธิและสวดมนต์ แฟน ก็ทำตามดิฉันเพราะดิฉันบังคับแรกๆเมื่อไม่กี่วันนี้พาแฟนไปนั่งสมาธิมา (แบบยุบหนอพองหนอ) แค่ไม่กี่ชั่วโมง แฟนดิฉันก็ผิดปกติไปค่ะ

เค้าตื่นมาจากสมาธิ เค้าถามดิฉันว่า รู้สึกถึงลมหายใจที่ชัดเห็นเค้ารู้สึกว่าส่วนท้องเค้ามันยุบลงไปแค่ไหนอย่างไรเวลาหายใจเข้าออก เวลาเดินจงกรม เค้ารู้สึกถึงเท้าที่ย่ำลงพื้นว่าส่วนไหนที่กระทบพื้นชัดเจน

เค้าถามดิฉันว่ามันคืออะไร ดิฉันได้แต่นั่ง ไม่เคยเป็นแบบนี้เลยค่ะ

กลับมาจากวัดเค้าพูดว่า เค้าสดชื่น จับพวงมาลัยรถรู้ว่า มือเค้าจับพวงมาลัย รู้สึกชัดเจนมากๆ มีสติ
เค้าบอกเค้าเข้าใจถึงคำว่า ผู้รู้ ผู้ตื่น ผู้เบิกบานว่ามันมีจริงๆ เหมือนคนใส่เเว่นมัวๆมาแล้วเช็ดจนมันใสชัดเจน

เค้าพูดแต่เรื่องนั่งสมาธิ กลับมาเค้าไม่ดื่มเหล้า สวดมนต์ นั่งสมาธิ ยิ้ม ใจเย็นและดูจะอิ่มบุญมากมาหลายวันแล้วค่ะ

ดิฉันดีใจค่ะที่เค้าเป็นแบบนี้ เค้าบอกเค้ากลัวที่ไปสูบบุหรี่ หรือ กินเหล้าอีกความรู้สึกแบบนี้จะหายไป
เค้ากำลังเข้าถึงสมาธิใช่ไหมคะ ดิฉันจะพาเค้าไปนั่งบ่อยๆเค้าจะได้เป็นคนดี

ดิฉันอยากนั่งได้แบบเค้าจังเลยค่ะ ทำมาตั้งนานก็ยังไม่เป็นเหมือนเค้า เค้านั่งแป๊บเดียวเองไม่เคยสนใจเรื่องนี้ด้วย
มันน่าน้อยใจนัก!!


ทั้งสองตัวอย่างนี้ สังเกตวิธีปฏิบัติ ซึ่งเรียกตามหลักวิชาว่า "มรรค" วิธีทำวิธีปฏิบัตินั่นแหละเรียกว่า มรรค

เห็นไหม คนหนึ่งทำมาตั้งนานเข้าไม่ถึง เมื่อเข้าไม่ถึงก็ไม่เข้าใจ ถึงได้ว่ารู้เฉพาะตนเป็นของเฉพาะตัว

คริคริ

"คุณไม่ต้องเสียเวลาไปฝึกที่วัด แค่เพียง ทำจิตให้นิ่งได้ สักวันหนึ่ง คุณก็จะพบความสุขที่แท้จริง"
"เมื่อเข้าไม่ถึงก็ไม่เข้าใจ ถึงได้ว่ารู้เฉพาะตนเป็นของเฉพาะตัว"


โอ จริงๆๆ รู้เฉพาะตน แต่ไม่ตรงตามฌานปัญจกนัย พระอภิธรรม

ทำสมาธิ ทั้งแต่ปฐมฌาน จนฌานห้า

จิตไม่นิ่งหรอกค่ะ
จะนิ่งได้ไงหรอคะ เพราะประกอบด้วยองค์ฌาน


ปฐมฌาน มีองค์ฌาน 5 คือ วิตก วิจาร ปีติ สุข เอกัคคตา
ทุติยฌาน มีองค์ฌาน 4 " - วิจาร ปีติ สุข เอกัคคตา
ตติยฌาน มีองค์ฌาน 3 " - - ปีติ สุข เอกัคคตา
จตุตถฌาน มีองค์ฌาน 2 " - - - สุข เอกัคคตา
ปัญจมฌาน มีองค์ฌาน 2 " - - - อุเบกขา เอกัคคตา

tongue


โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 23 ก.ย. 2019, 08:59 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
สมาชิกระดับสูงสุด
สมาชิกระดับสูงสุด
ลงทะเบียนเมื่อ: 24 ต.ค. 2006, 12:36
โพสต์: 33766

อายุ: 0

 ข้อมูลส่วนตัว


โลกสวย เขียน:
กรัชกาย เขียน:
กรัชกาย เขียน:
โลกสวย เขียน:


คริคริ

เมให้ลุงเอาไป ลุงก็ดูไม่รู้หรอก

ว่าใจและธรรมไม่เป็นไปกับด้วยความกำหนัด เป็นยังไง



tongue


พ่ะน่ะ :b1: มันคือจั๋งซี่นะ คือ ที่นำเสนอกันทั่วๆไปน่ะ เป็นเพียงลมปาก

สิ่งนั้นเป็นนามธรรม จับต้องไม่ได้ ไม่ใช่วัตถุธรรมที่จับต้องได้ให้คนอื่นเห็นได้ :b32: เป็นของเฉพาะตนอยู่ภายในตน (ไม่รู้จะเข้าใจหรือเปล่า) ให้ดูตัวอย่างที่เขาทำ เขาเล่าให้ฟังจึงรู้ ถ้าเขาไม่เล่าคนอื่นก็ไม่รู้ ถึงเขาเล่า คนไม่เคยสัมผัสก็ไม่เข้าใจ :b13:

ดูตัวอย่างง่ายๆ

อ้างคำพูด:
พอมาอยู่อเมริกาคนเดียวในที่สงบ ก็ทำให้เกิดแรงบันดาลใจที่อยากจะทำสมาธิ

ฉันเริ่มจากการเพ่งจุดที่เพดาน ขณะที่นอน จุดอะไรก็ได้ ให้จิตรวมเป็นจุดเดียว
ขณะที่นั่งก็จะหาจุดอะไรก็ได้ที่อยู่ตรงหน้า จนรู้สึกว่า จิตเกือบจะรวมได้แล้ว ก็ทำต่อไปเรื่อยๆ

จนวันหนึ่ง มีญาติมาจากเมืองไทย ฉันพาเขาไปซื้อของที่ห้าง ฉันขี้เกียจเดินขอนั่งรอในรถ
ขณะที่รอ ฉันก็ใช้เวลาที่รอเพ่งจุดขี้ผึ้ง นานเป็นชั่วโมง ฉันรู้สึกเหมือนตัวจะลอยได้ มันเบาหวิว ไม่ได้ยิน ไม่ได้เห็นอะไรเลย มันว่างเปล่า ฉันจึงรู้ว่าฉันทำได้แล้ว มันเป็นความสบายโล่งอย่างบอกไม่ถูก บุญกุศลคงจะสนองฉัน ฉันดีใจมากที่ทำสำเร็จ
ตั้งแต่นั้นมา ฉันอยากจะทำสมาธิเมื่อไหร่ก็ทำได้ แม้เพียงนั่งอยู่แค่ไม่กี่นาทีก็ทำได้

ทุกครั้งที่ฉันเหนื่อย เครียด ฉันก็จะหยุดจิตนั่งสมาธิแค่ ๑๕ นาทีก็หายเหนื่อย ใครจะนำวิธีของฉันไปใช้บ้างก็ได้ จะได้เป็นกุศลมาถึงฉันด้วย คุณไม่ต้องเสียเวลาไปฝึกที่วัด แค่เพียง ทำจิตให้นิ่งได้ สักวันหนึ่ง คุณก็จะพบความสุขที่แท้จริง



อย่างที่ว่า เขาเล่าถึงรู้ เขาไม่เล่าคนอื่นก็ไม่รู้ ต่อให้คนนอนเตียงเดียวกันก็ไม่เข้าใจ ดูตัวอย่างนี้

อ้างคำพูด:
แฟนเป็นคนที่เสเพลมาก กินเหล้า แบบว่าไม่ได้เรื่องน่ะค่ะ
แต่มีหมอดูหลายท่านทักว่าถ้าแฟนได้ศึกษาธรรมะอย่างจริงจังจะบวชไม่สึกตลอดชีวิต
ตอนแรกดิฉันคบกับแฟนก็ไม่ทราบหรอกนะคะว่ามีหมอดูเคยทักไว้กับพ่อแม่แฟน

ดิฉันเป็นคนชอบทำบุญทำทาน นั่งสมาธิและสวดมนต์ แฟน ก็ทำตามดิฉันเพราะดิฉันบังคับแรกๆเมื่อไม่กี่วันนี้พาแฟนไปนั่งสมาธิมา (แบบยุบหนอพองหนอ) แค่ไม่กี่ชั่วโมง แฟนดิฉันก็ผิดปกติไปค่ะ

เค้าตื่นมาจากสมาธิ เค้าถามดิฉันว่า รู้สึกถึงลมหายใจที่ชัดเห็นเค้ารู้สึกว่าส่วนท้องเค้ามันยุบลงไปแค่ไหนอย่างไรเวลาหายใจเข้าออก เวลาเดินจงกรม เค้ารู้สึกถึงเท้าที่ย่ำลงพื้นว่าส่วนไหนที่กระทบพื้นชัดเจน

เค้าถามดิฉันว่ามันคืออะไร ดิฉันได้แต่นั่ง ไม่เคยเป็นแบบนี้เลยค่ะ

กลับมาจากวัดเค้าพูดว่า เค้าสดชื่น จับพวงมาลัยรถรู้ว่า มือเค้าจับพวงมาลัย รู้สึกชัดเจนมากๆ มีสติ
เค้าบอกเค้าเข้าใจถึงคำว่า ผู้รู้ ผู้ตื่น ผู้เบิกบานว่ามันมีจริงๆ เหมือนคนใส่เเว่นมัวๆมาแล้วเช็ดจนมันใสชัดเจน

เค้าพูดแต่เรื่องนั่งสมาธิ กลับมาเค้าไม่ดื่มเหล้า สวดมนต์ นั่งสมาธิ ยิ้ม ใจเย็นและดูจะอิ่มบุญมากมาหลายวันแล้วค่ะ

ดิฉันดีใจค่ะที่เค้าเป็นแบบนี้ เค้าบอกเค้ากลัวที่ไปสูบบุหรี่ หรือ กินเหล้าอีกความรู้สึกแบบนี้จะหายไป
เค้ากำลังเข้าถึงสมาธิใช่ไหมคะ ดิฉันจะพาเค้าไปนั่งบ่อยๆเค้าจะได้เป็นคนดี

ดิฉันอยากนั่งได้แบบเค้าจังเลยค่ะ ทำมาตั้งนานก็ยังไม่เป็นเหมือนเค้า เค้านั่งแป๊บเดียวเองไม่เคยสนใจเรื่องนี้ด้วย
มันน่าน้อยใจนัก!!


ทั้งสองตัวอย่างนี้ สังเกตวิธีปฏิบัติ ซึ่งเรียกตามหลักวิชาว่า "มรรค" วิธีทำวิธีปฏิบัตินั่นแหละเรียกว่า มรรค

เห็นไหม คนหนึ่งทำมาตั้งนานเข้าไม่ถึง เมื่อเข้าไม่ถึงก็ไม่เข้าใจ ถึงได้ว่ารู้เฉพาะตนเป็นของเฉพาะตัว

คริคริ

"คุณไม่ต้องเสียเวลาไปฝึกที่วัด แค่เพียง ทำจิตให้นิ่งได้ สักวันหนึ่ง คุณก็จะพบความสุขที่แท้จริง"
"เมื่อเข้าไม่ถึงก็ไม่เข้าใจ ถึงได้ว่ารู้เฉพาะตนเป็นของเฉพาะตัว"


โอ จริงๆๆ รู้เฉพาะตน แต่ไม่ตรงตามฌานปัญจกนัย พระอภิธรรม

ทำสมาธิ ทั้งแต่ปฐมฌาน จนฌานห้า

จิตไม่นิ่งหรอกค่ะ
จะนิ่งได้ไงหรอคะ เพราะประกอบด้วยองค์ฌาน



ปฐมฌาน มีองค์ฌาน 5 คือ วิตก วิจาร ปีติ สุข เอกัคคตา
ทุติยฌาน มีองค์ฌาน 4 " - วิจาร ปีติ สุข เอกัคคตา
ตติยฌาน มีองค์ฌาน 3 " - - ปีติ สุข เอกัคคตา
จตุตถฌาน มีองค์ฌาน 2 " - - - สุข เอกัคคตา
ปัญจมฌาน มีองค์ฌาน 2 " - - - อุเบกขา เอกัคคตา

tongue


ถ้าเอาตัวหนังสือวัดแบบนี้ เขาก็ถึงอุเบกขา เอกัคคตาแว้ว คิกๆๆๆ

แต่ส่วนมากร้อยสองสามร้อยขาดการมือลงเท้าทำกัน เนี่ยจะเป็นแบบนี้แหละ :b1:

.....................................................
https://dhammachati.blogspot.com/


โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 23 ก.ย. 2019, 11:17 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
สมาชิกระดับ 19
สมาชิกระดับ 19
ลงทะเบียนเมื่อ: 11 มี.ค. 2018, 02:56
โพสต์: 2157

โฮมเพจ: maybe
แนวปฏิบัติ: สติปัฎฐาน
งานอดิเรก: กีฬา
สิ่งที่ชื่นชอบ: แบรนด์เเนม
ชื่อเล่น: เม
อายุ: 22
ที่อยู่: Bangkok Thailand

 ข้อมูลส่วนตัว


กรัชกาย เขียน:
โลกสวย เขียน:
กรัชกาย เขียน:
กรัชกาย เขียน:
โลกสวย เขียน:


คริคริ

เมให้ลุงเอาไป ลุงก็ดูไม่รู้หรอก

ว่าใจและธรรมไม่เป็นไปกับด้วยความกำหนัด เป็นยังไง



tongue


พ่ะน่ะ :b1: มันคือจั๋งซี่นะ คือ ที่นำเสนอกันทั่วๆไปน่ะ เป็นเพียงลมปาก

สิ่งนั้นเป็นนามธรรม จับต้องไม่ได้ ไม่ใช่วัตถุธรรมที่จับต้องได้ให้คนอื่นเห็นได้ :b32: เป็นของเฉพาะตนอยู่ภายในตน (ไม่รู้จะเข้าใจหรือเปล่า) ให้ดูตัวอย่างที่เขาทำ เขาเล่าให้ฟังจึงรู้ ถ้าเขาไม่เล่าคนอื่นก็ไม่รู้ ถึงเขาเล่า คนไม่เคยสัมผัสก็ไม่เข้าใจ :b13:

ดูตัวอย่างง่ายๆ

อ้างคำพูด:
พอมาอยู่อเมริกาคนเดียวในที่สงบ ก็ทำให้เกิดแรงบันดาลใจที่อยากจะทำสมาธิ

ฉันเริ่มจากการเพ่งจุดที่เพดาน ขณะที่นอน จุดอะไรก็ได้ ให้จิตรวมเป็นจุดเดียว
ขณะที่นั่งก็จะหาจุดอะไรก็ได้ที่อยู่ตรงหน้า จนรู้สึกว่า จิตเกือบจะรวมได้แล้ว ก็ทำต่อไปเรื่อยๆ

จนวันหนึ่ง มีญาติมาจากเมืองไทย ฉันพาเขาไปซื้อของที่ห้าง ฉันขี้เกียจเดินขอนั่งรอในรถ
ขณะที่รอ ฉันก็ใช้เวลาที่รอเพ่งจุดขี้ผึ้ง นานเป็นชั่วโมง ฉันรู้สึกเหมือนตัวจะลอยได้ มันเบาหวิว ไม่ได้ยิน ไม่ได้เห็นอะไรเลย มันว่างเปล่า ฉันจึงรู้ว่าฉันทำได้แล้ว มันเป็นความสบายโล่งอย่างบอกไม่ถูก บุญกุศลคงจะสนองฉัน ฉันดีใจมากที่ทำสำเร็จ
ตั้งแต่นั้นมา ฉันอยากจะทำสมาธิเมื่อไหร่ก็ทำได้ แม้เพียงนั่งอยู่แค่ไม่กี่นาทีก็ทำได้

ทุกครั้งที่ฉันเหนื่อย เครียด ฉันก็จะหยุดจิตนั่งสมาธิแค่ ๑๕ นาทีก็หายเหนื่อย ใครจะนำวิธีของฉันไปใช้บ้างก็ได้ จะได้เป็นกุศลมาถึงฉันด้วย คุณไม่ต้องเสียเวลาไปฝึกที่วัด แค่เพียง ทำจิตให้นิ่งได้ สักวันหนึ่ง คุณก็จะพบความสุขที่แท้จริง



อย่างที่ว่า เขาเล่าถึงรู้ เขาไม่เล่าคนอื่นก็ไม่รู้ ต่อให้คนนอนเตียงเดียวกันก็ไม่เข้าใจ ดูตัวอย่างนี้

อ้างคำพูด:
แฟนเป็นคนที่เสเพลมาก กินเหล้า แบบว่าไม่ได้เรื่องน่ะค่ะ
แต่มีหมอดูหลายท่านทักว่าถ้าแฟนได้ศึกษาธรรมะอย่างจริงจังจะบวชไม่สึกตลอดชีวิต
ตอนแรกดิฉันคบกับแฟนก็ไม่ทราบหรอกนะคะว่ามีหมอดูเคยทักไว้กับพ่อแม่แฟน

ดิฉันเป็นคนชอบทำบุญทำทาน นั่งสมาธิและสวดมนต์ แฟน ก็ทำตามดิฉันเพราะดิฉันบังคับแรกๆเมื่อไม่กี่วันนี้พาแฟนไปนั่งสมาธิมา (แบบยุบหนอพองหนอ) แค่ไม่กี่ชั่วโมง แฟนดิฉันก็ผิดปกติไปค่ะ

เค้าตื่นมาจากสมาธิ เค้าถามดิฉันว่า รู้สึกถึงลมหายใจที่ชัดเห็นเค้ารู้สึกว่าส่วนท้องเค้ามันยุบลงไปแค่ไหนอย่างไรเวลาหายใจเข้าออก เวลาเดินจงกรม เค้ารู้สึกถึงเท้าที่ย่ำลงพื้นว่าส่วนไหนที่กระทบพื้นชัดเจน

เค้าถามดิฉันว่ามันคืออะไร ดิฉันได้แต่นั่ง ไม่เคยเป็นแบบนี้เลยค่ะ

กลับมาจากวัดเค้าพูดว่า เค้าสดชื่น จับพวงมาลัยรถรู้ว่า มือเค้าจับพวงมาลัย รู้สึกชัดเจนมากๆ มีสติ
เค้าบอกเค้าเข้าใจถึงคำว่า ผู้รู้ ผู้ตื่น ผู้เบิกบานว่ามันมีจริงๆ เหมือนคนใส่เเว่นมัวๆมาแล้วเช็ดจนมันใสชัดเจน

เค้าพูดแต่เรื่องนั่งสมาธิ กลับมาเค้าไม่ดื่มเหล้า สวดมนต์ นั่งสมาธิ ยิ้ม ใจเย็นและดูจะอิ่มบุญมากมาหลายวันแล้วค่ะ

ดิฉันดีใจค่ะที่เค้าเป็นแบบนี้ เค้าบอกเค้ากลัวที่ไปสูบบุหรี่ หรือ กินเหล้าอีกความรู้สึกแบบนี้จะหายไป
เค้ากำลังเข้าถึงสมาธิใช่ไหมคะ ดิฉันจะพาเค้าไปนั่งบ่อยๆเค้าจะได้เป็นคนดี

ดิฉันอยากนั่งได้แบบเค้าจังเลยค่ะ ทำมาตั้งนานก็ยังไม่เป็นเหมือนเค้า เค้านั่งแป๊บเดียวเองไม่เคยสนใจเรื่องนี้ด้วย
มันน่าน้อยใจนัก!!


ทั้งสองตัวอย่างนี้ สังเกตวิธีปฏิบัติ ซึ่งเรียกตามหลักวิชาว่า "มรรค" วิธีทำวิธีปฏิบัตินั่นแหละเรียกว่า มรรค

เห็นไหม คนหนึ่งทำมาตั้งนานเข้าไม่ถึง เมื่อเข้าไม่ถึงก็ไม่เข้าใจ ถึงได้ว่ารู้เฉพาะตนเป็นของเฉพาะตัว

คริคริ

"คุณไม่ต้องเสียเวลาไปฝึกที่วัด แค่เพียง ทำจิตให้นิ่งได้ สักวันหนึ่ง คุณก็จะพบความสุขที่แท้จริง"
"เมื่อเข้าไม่ถึงก็ไม่เข้าใจ ถึงได้ว่ารู้เฉพาะตนเป็นของเฉพาะตัว"


โอ จริงๆๆ รู้เฉพาะตน แต่ไม่ตรงตามฌานปัญจกนัย พระอภิธรรม

ทำสมาธิ ทั้งแต่ปฐมฌาน จนฌานห้า

จิตไม่นิ่งหรอกค่ะ
จะนิ่งได้ไงหรอคะ เพราะประกอบด้วยองค์ฌาน



ปฐมฌาน มีองค์ฌาน 5 คือ วิตก วิจาร ปีติ สุข เอกัคคตา
ทุติยฌาน มีองค์ฌาน 4 " - วิจาร ปีติ สุข เอกัคคตา
ตติยฌาน มีองค์ฌาน 3 " - - ปีติ สุข เอกัคคตา
จตุตถฌาน มีองค์ฌาน 2 " - - - สุข เอกัคคตา
ปัญจมฌาน มีองค์ฌาน 2 " - - - อุเบกขา เอกัคคตา

tongue


ถ้าเอาตัวหนังสือวัดแบบนี้ เขาก็ถึงอุเบกขา เอกัคคตาแว้ว คิกๆๆๆ

แต่ส่วนมากร้อยสองสามร้อยขาดการมือลงเท้าทำกัน เนี่ยจะเป็นแบบนี้แหละ :b1:


" แค่เพียง ทำจิตให้นิ่งได้ สักวันหนึ่ง คุณก็จะพบความสุขที่แท้จริง"
"เค้าพูดว่า เค้าสดชื่น จับพวงมาลัยรถรู้ว่า มือเค้าจับพวงมาลัย รู้สึกชัดเจนมากๆ มีสติ"

แค่นี้ก็รู้แหละค่ะ ว่า ไม่ถึงไหน ลูกโคติดแม่

เพราะไม่รู้จัก ฌานุเบกขา ตามที่พระพุทธองค์ทรงแสดง

ลุงมองออกมั๊ยคะว่าตรงไหน

tongue


โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 23 ก.ย. 2019, 22:30 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
สมาชิกระดับ 19
สมาชิกระดับ 19
ลงทะเบียนเมื่อ: 11 มี.ค. 2018, 02:56
โพสต์: 2157

โฮมเพจ: maybe
แนวปฏิบัติ: สติปัฎฐาน
งานอดิเรก: กีฬา
สิ่งที่ชื่นชอบ: แบรนด์เเนม
ชื่อเล่น: เม
อายุ: 22
ที่อยู่: Bangkok Thailand

 ข้อมูลส่วนตัว


(๑๑) ฌานุเบกขา เป็นความเฉยต่อความสุขในจตุตถฌาน เมื่อจะขึ้นสู่ ปัญจมฌาน องค์ธรรมได้แก่ ตัตรมัชฌัตตตาเจตสิก

อีกนัยหนึ่งแสดงว่า อุเบกขา คือองค์ฌาน เฉยอยู่ด้วยความเพ่ง ตั้งมั่นอยู่ด้วย สมาธิ ตั้งเฉยอยู่โดยปกติ ไม่เอนเอียงตกไปตามนิวรณ มีกามฉันทะเป็นต้น หมายถึง ตั้งมั่นเฉยอยู่ในอารมณ์ที่ตนพินิจ

(๑๒) ปาริสุทธุเบกขา เป็นความเฉยในปัญจมฌาน ที่ไม่ได้ติดอยู่ในสุข เหมือนจตุตถฌาน คือเฉยเพราะละสุขเสียได้แล้ว ดังมีข้อเปรียบไว้ว่า สติเป็นไป ด้วยกับปัญจมฌานนั้น เป็นสติปาริสุทธิ เพราะเหตุเป็นไปด้วยอุเบกขา ดังนั้น ปาริ สุทธุเบกขานี้จึงได้แก่ปัญจมฌานนั่นเอง องค์ธรรมได้แก่ ตัตรมัชฌัตตตาเจตสิก


คริคริ

สุข สดชื่น
ออกจากสมาธิ มาเขียน มาขับรถ แล้วยังสุขสดชื่น ไม่หายเรย

tongue


โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 24 ก.ย. 2019, 05:37 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
สมาชิกระดับสูงสุด
สมาชิกระดับสูงสุด
ลงทะเบียนเมื่อ: 24 ต.ค. 2006, 12:36
โพสต์: 33766

อายุ: 0

 ข้อมูลส่วนตัว


โลกสวย เขียน:
กรัชกาย เขียน:
โลกสวย เขียน:
กรัชกาย เขียน:
กรัชกาย เขียน:
โลกสวย เขียน:


คริคริ

เมให้ลุงเอาไป ลุงก็ดูไม่รู้หรอก

ว่าใจและธรรมไม่เป็นไปกับด้วยความกำหนัด เป็นยังไง



tongue


พ่ะน่ะ :b1: มันคือจั๋งซี่นะ คือ ที่นำเสนอกันทั่วๆไปน่ะ เป็นเพียงลมปาก

สิ่งนั้นเป็นนามธรรม จับต้องไม่ได้ ไม่ใช่วัตถุธรรมที่จับต้องได้ให้คนอื่นเห็นได้ :b32: เป็นของเฉพาะตนอยู่ภายในตน (ไม่รู้จะเข้าใจหรือเปล่า) ให้ดูตัวอย่างที่เขาทำ เขาเล่าให้ฟังจึงรู้ ถ้าเขาไม่เล่าคนอื่นก็ไม่รู้ ถึงเขาเล่า คนไม่เคยสัมผัสก็ไม่เข้าใจ :b13:

ดูตัวอย่างง่ายๆ

อ้างคำพูด:
พอมาอยู่อเมริกาคนเดียวในที่สงบ ก็ทำให้เกิดแรงบันดาลใจที่อยากจะทำสมาธิ

ฉันเริ่มจากการเพ่งจุดที่เพดาน ขณะที่นอน จุดอะไรก็ได้ ให้จิตรวมเป็นจุดเดียว
ขณะที่นั่งก็จะหาจุดอะไรก็ได้ที่อยู่ตรงหน้า จนรู้สึกว่า จิตเกือบจะรวมได้แล้ว ก็ทำต่อไปเรื่อยๆ

จนวันหนึ่ง มีญาติมาจากเมืองไทย ฉันพาเขาไปซื้อของที่ห้าง ฉันขี้เกียจเดินขอนั่งรอในรถ
ขณะที่รอ ฉันก็ใช้เวลาที่รอเพ่งจุดขี้ผึ้ง นานเป็นชั่วโมง ฉันรู้สึกเหมือนตัวจะลอยได้ มันเบาหวิว ไม่ได้ยิน ไม่ได้เห็นอะไรเลย มันว่างเปล่า ฉันจึงรู้ว่าฉันทำได้แล้ว มันเป็นความสบายโล่งอย่างบอกไม่ถูก บุญกุศลคงจะสนองฉัน ฉันดีใจมากที่ทำสำเร็จ
ตั้งแต่นั้นมา ฉันอยากจะทำสมาธิเมื่อไหร่ก็ทำได้ แม้เพียงนั่งอยู่แค่ไม่กี่นาทีก็ทำได้

ทุกครั้งที่ฉันเหนื่อย เครียด ฉันก็จะหยุดจิตนั่งสมาธิแค่ ๑๕ นาทีก็หายเหนื่อย ใครจะนำวิธีของฉันไปใช้บ้างก็ได้ จะได้เป็นกุศลมาถึงฉันด้วย คุณไม่ต้องเสียเวลาไปฝึกที่วัด แค่เพียง ทำจิตให้นิ่งได้ สักวันหนึ่ง คุณก็จะพบความสุขที่แท้จริง



อย่างที่ว่า เขาเล่าถึงรู้ เขาไม่เล่าคนอื่นก็ไม่รู้ ต่อให้คนนอนเตียงเดียวกันก็ไม่เข้าใจ ดูตัวอย่างนี้

อ้างคำพูด:
แฟนเป็นคนที่เสเพลมาก กินเหล้า แบบว่าไม่ได้เรื่องน่ะค่ะ
แต่มีหมอดูหลายท่านทักว่าถ้าแฟนได้ศึกษาธรรมะอย่างจริงจังจะบวชไม่สึกตลอดชีวิต
ตอนแรกดิฉันคบกับแฟนก็ไม่ทราบหรอกนะคะว่ามีหมอดูเคยทักไว้กับพ่อแม่แฟน

ดิฉันเป็นคนชอบทำบุญทำทาน นั่งสมาธิและสวดมนต์ แฟน ก็ทำตามดิฉันเพราะดิฉันบังคับแรกๆเมื่อไม่กี่วันนี้พาแฟนไปนั่งสมาธิมา (แบบยุบหนอพองหนอ) แค่ไม่กี่ชั่วโมง แฟนดิฉันก็ผิดปกติไปค่ะ

เค้าตื่นมาจากสมาธิ เค้าถามดิฉันว่า รู้สึกถึงลมหายใจที่ชัดเห็นเค้ารู้สึกว่าส่วนท้องเค้ามันยุบลงไปแค่ไหนอย่างไรเวลาหายใจเข้าออก เวลาเดินจงกรม เค้ารู้สึกถึงเท้าที่ย่ำลงพื้นว่าส่วนไหนที่กระทบพื้นชัดเจน

เค้าถามดิฉันว่ามันคืออะไร ดิฉันได้แต่นั่ง ไม่เคยเป็นแบบนี้เลยค่ะ

กลับมาจากวัดเค้าพูดว่า เค้าสดชื่น จับพวงมาลัยรถรู้ว่า มือเค้าจับพวงมาลัย รู้สึกชัดเจนมากๆ มีสติ
เค้าบอกเค้าเข้าใจถึงคำว่า ผู้รู้ ผู้ตื่น ผู้เบิกบานว่ามันมีจริงๆ เหมือนคนใส่เเว่นมัวๆมาแล้วเช็ดจนมันใสชัดเจน

เค้าพูดแต่เรื่องนั่งสมาธิ กลับมาเค้าไม่ดื่มเหล้า สวดมนต์ นั่งสมาธิ ยิ้ม ใจเย็นและดูจะอิ่มบุญมากมาหลายวันแล้วค่ะ

ดิฉันดีใจค่ะที่เค้าเป็นแบบนี้ เค้าบอกเค้ากลัวที่ไปสูบบุหรี่ หรือ กินเหล้าอีกความรู้สึกแบบนี้จะหายไป
เค้ากำลังเข้าถึงสมาธิใช่ไหมคะ ดิฉันจะพาเค้าไปนั่งบ่อยๆเค้าจะได้เป็นคนดี

ดิฉันอยากนั่งได้แบบเค้าจังเลยค่ะ ทำมาตั้งนานก็ยังไม่เป็นเหมือนเค้า เค้านั่งแป๊บเดียวเองไม่เคยสนใจเรื่องนี้ด้วย
มันน่าน้อยใจนัก!!


ทั้งสองตัวอย่างนี้ สังเกตวิธีปฏิบัติ ซึ่งเรียกตามหลักวิชาว่า "มรรค" วิธีทำวิธีปฏิบัตินั่นแหละเรียกว่า มรรค

เห็นไหม คนหนึ่งทำมาตั้งนานเข้าไม่ถึง เมื่อเข้าไม่ถึงก็ไม่เข้าใจ ถึงได้ว่ารู้เฉพาะตนเป็นของเฉพาะตัว

คริคริ

"คุณไม่ต้องเสียเวลาไปฝึกที่วัด แค่เพียง ทำจิตให้นิ่งได้ สักวันหนึ่ง คุณก็จะพบความสุขที่แท้จริง"
"เมื่อเข้าไม่ถึงก็ไม่เข้าใจ ถึงได้ว่ารู้เฉพาะตนเป็นของเฉพาะตัว"


โอ จริงๆๆ รู้เฉพาะตน แต่ไม่ตรงตามฌานปัญจกนัย พระอภิธรรม

ทำสมาธิ ทั้งแต่ปฐมฌาน จนฌานห้า

จิตไม่นิ่งหรอกค่ะ
จะนิ่งได้ไงหรอคะ เพราะประกอบด้วยองค์ฌาน



ปฐมฌาน มีองค์ฌาน 5 คือ วิตก วิจาร ปีติ สุข เอกัคคตา
ทุติยฌาน มีองค์ฌาน 4 " - วิจาร ปีติ สุข เอกัคคตา
ตติยฌาน มีองค์ฌาน 3 " - - ปีติ สุข เอกัคคตา
จตุตถฌาน มีองค์ฌาน 2 " - - - สุข เอกัคคตา
ปัญจมฌาน มีองค์ฌาน 2 " - - - อุเบกขา เอกัคคตา

tongue


ถ้าเอาตัวหนังสือวัดแบบนี้ เขาก็ถึงอุเบกขา เอกัคคตาแว้ว คิกๆๆๆ

แต่ส่วนมากร้อยสองสามร้อยขาดการมือลงเท้าทำกัน เนี่ยจะเป็นแบบนี้แหละ :b1:


" แค่เพียง ทำจิตให้นิ่งได้ สักวันหนึ่ง คุณก็จะพบความสุขที่แท้จริง"
"เค้าพูดว่า เค้าสดชื่น จับพวงมาลัยรถรู้ว่า มือเค้าจับพวงมาลัย รู้สึกชัดเจนมากๆ มีสติ"

แค่นี้ก็รู้แหละค่ะ ว่า ไม่ถึงไหน ลูกโคติดแม่

เพราะไม่รู้จัก ฌานุเบกขา ตามที่พระพุทธองค์ทรงแสดง

ลุงมองออกมั๊ยคะว่าตรงไหน

tongue


แล้วนั่นไม่เป็นฌานุเปกขาตรงไหน ฌานที่ ๕ อุเบกขา เอกัคคตา คิกๆๆ

.....................................................
https://dhammachati.blogspot.com/


โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 24 ก.ย. 2019, 05:41 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
สมาชิกระดับสูงสุด
สมาชิกระดับสูงสุด
ลงทะเบียนเมื่อ: 24 ต.ค. 2006, 12:36
โพสต์: 33766

อายุ: 0

 ข้อมูลส่วนตัว


โลกสวย เขียน:
(๑๑) ฌานุเบกขา เป็นความเฉยต่อความสุขในจตุตถฌาน เมื่อจะขึ้นสู่ ปัญจมฌาน องค์ธรรมได้แก่ ตัตรมัชฌัตตตาเจตสิก

อีกนัยหนึ่งแสดงว่า อุเบกขา คือองค์ฌาน เฉยอยู่ด้วยความเพ่ง ตั้งมั่นอยู่ด้วย สมาธิ ตั้งเฉยอยู่โดยปกติ ไม่เอนเอียงตกไปตามนิวรณ มีกามฉันทะเป็นต้น หมายถึง ตั้งมั่นเฉยอยู่ในอารมณ์ที่ตนพินิจ

(๑๒) ปาริสุทธุเบกขา เป็นความเฉยในปัญจมฌาน ที่ไม่ได้ติดอยู่ในสุข เหมือนจตุตถฌาน คือเฉยเพราะละสุขเสียได้แล้ว ดังมีข้อเปรียบไว้ว่า สติเป็นไป ด้วยกับปัญจมฌานนั้น เป็นสติปาริสุทธิ เพราะเหตุเป็นไปด้วยอุเบกขา ดังนั้น ปาริ สุทธุเบกขานี้จึงได้แก่ปัญจมฌานนั่นเอง องค์ธรรมได้แก่ ตัตรมัชฌัตตตาเจตสิก


คริคริ

สุข สดชื่น
ออกจากสมาธิ มาเขียน มาขับรถ แล้วยังสุขสดชื่น ไม่หายเรย

tongue


พูดกับคนชอบมโนก็แบบนี้แหละ

จะเป็นปัญจมฌาน จตุตถฌาน ก็อันเดียวกัน เพียงแต่ว่า จตุตถฌาน นี่พูดตามพระสูตร แต่อภิธรรมท่านขยายจตุตถฌานให้เป็น ๕ มันก็แค่นี้ คิกๆๆ

.....................................................
https://dhammachati.blogspot.com/


โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 24 ก.ย. 2019, 12:30 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
สมาชิกระดับ 19
สมาชิกระดับ 19
ลงทะเบียนเมื่อ: 11 มี.ค. 2018, 02:56
โพสต์: 2157

โฮมเพจ: maybe
แนวปฏิบัติ: สติปัฎฐาน
งานอดิเรก: กีฬา
สิ่งที่ชื่นชอบ: แบรนด์เเนม
ชื่อเล่น: เม
อายุ: 22
ที่อยู่: Bangkok Thailand

 ข้อมูลส่วนตัว


กรัชกาย เขียน:
โลกสวย เขียน:
(๑๑) ฌานุเบกขา เป็นความเฉยต่อความสุขในจตุตถฌาน เมื่อจะขึ้นสู่ ปัญจมฌาน องค์ธรรมได้แก่ ตัตรมัชฌัตตตาเจตสิก

อีกนัยหนึ่งแสดงว่า อุเบกขา คือองค์ฌาน เฉยอยู่ด้วยความเพ่ง ตั้งมั่นอยู่ด้วย สมาธิ ตั้งเฉยอยู่โดยปกติ ไม่เอนเอียงตกไปตามนิวรณ มีกามฉันทะเป็นต้น หมายถึง ตั้งมั่นเฉยอยู่ในอารมณ์ที่ตนพินิจ

(๑๒) ปาริสุทธุเบกขา เป็นความเฉยในปัญจมฌาน ที่ไม่ได้ติดอยู่ในสุข เหมือนจตุตถฌาน คือเฉยเพราะละสุขเสียได้แล้ว ดังมีข้อเปรียบไว้ว่า สติเป็นไป ด้วยกับปัญจมฌานนั้น เป็นสติปาริสุทธิ เพราะเหตุเป็นไปด้วยอุเบกขา ดังนั้น ปาริ สุทธุเบกขานี้จึงได้แก่ปัญจมฌานนั่นเอง องค์ธรรมได้แก่ ตัตรมัชฌัตตตาเจตสิก


คริคริ

สุข สดชื่น
ออกจากสมาธิ มาเขียน มาขับรถ แล้วยังสุขสดชื่น ไม่หายเรย

tongue


พูดกับคนชอบมโนก็แบบนี้แหละ

จะเป็นปัญจมฌาน จตุตถฌาน ก็อันเดียวกัน เพียงแต่ว่า จตุตถฌาน นี่พูดตามพระสูตร แต่อภิธรรมท่านขยายจตุตถฌานให้เป็น ๕ มันก็แค่นี้ คิกๆๆ


แค่นี้ก็ยัง ไม่เป็นอุเบกขาไงคะ

เรยสุข สดชื่น ไม่รู้คลาย

tongue


แสดงโพสต์จาก:  เรียงตาม  
กลับไปยังกระทู้  [ 355 โพสต์ ]  ไปที่หน้า ย้อนกลับ  1 ... 17, 18, 19, 20, 21, 22, 23, 24  ต่อไป

เขตเวลา GMT + 7 ชั่วโมง


 ผู้ใช้งานขณะนี้

กำลังดูบอร์ดนี้: ไม่มีสมาชิก และ บุคคลทั่วไป 45 ท่าน


ท่าน ไม่สามารถ โพสต์กระทู้ในบอร์ดนี้ได้
ท่าน ไม่สามารถ ตอบกระทู้ในบอร์ดนี้ได้
ท่าน ไม่สามารถ แก้ไขโพสต์ของท่านในบอร์ดนี้ได้
ท่าน ไม่สามารถ ลบโพสต์ของท่านในบอร์ดนี้ได้
ท่าน ไม่สามารถ แนบไฟล์ในบอร์ดนี้ได้

ค้นหาสำหรับ:
ไปที่:  
Google
ทั่วไป เว็บธรรมจักร