ลานธรรมจักร
http://www.dhammajak.net/forums/

อบายมุข ๖ (เหตุเครื่องฉิบหาย ๖)
http://www.dhammajak.net/forums/viewtopic.php?f=1&t=55256
หน้า 3 จากทั้งหมด 5

เจ้าของ:  กรัชกาย [ 02 เม.ย. 2018, 09:55 ]
หัวข้อกระทู้:  Re: อบายมุข คือเหตุเครื่องฉิบหาย ๖ อย่าง

คิหิปฏิบัติ ข้อปฏิบัติสำหรับคฤหัสถ์

คิหิวินัย วินัยของคฤหัสถ์, คำสั่งสอนทั้งหมดในสิงคาลกสูตร (ที.ปา.11/272/194, สิคาโลวาทสูตร ก็เรียก) ที่พระพุทธเจ้าตรัสแก่นายสิงคาลกะ คหบดีบุตร ผู้กำลังไหว้ทิศ บนทางเสด็จจะเข้าไปบิณฑบาตในเมืองราชคฤห์ ชื่อว่าเป็นคิหิวินัย มีใจความให้ละเว้นความชั่ว ๑๔ อย่าง (กรรมกิเลส ๔, อคติ ๔, อบายมุข ๖) แล้วเป็นผู้ปกแผ่ทิศทั้ง ๖ (เว้นห่างจากมิตรเทียม ๔, คบหามิตรแท้ ๔, จัดสรรทรัพย์เป็นโภควิภาค ๔ บำรุงทิศ ๖)

มิตร เพื่อน, ผู้มีความเยื่อใยดี, มีน้ำใจเอื้อเฟื้อ แยกเป็นมิตรแท้ ๔ พวก มิตรเทียม (มิตตปฏิรูป) ๔ พวก

มิตรแท้ มิตรด้วยใจจริง มี ๔ พวก ได้แก่ ๑. มิตรมีอุปการะ มีลักษณะ ๔
คือ
๑. เพื่อนประมาท ช่วยรักษาเพื่อน
๒. เพื่อนประมาท ช่วยรักษาทรัพย์ของเพื่อน
๓. เมื่อมีภัย เป็นที่พึ่งพำนักได้
๔. มีกิจจำเป็น ช่วยออกทรัพย์ให้เกินกว่าที่ออกปาก

๒. มิตรร่วมสุขร่วมทุกข์ มีลักษณะ ๔
คือ
๑.บอกความลับแก่เพื่อน
๒.ปิดความลับของเพื่อน
๓.มีภัยอันตรายไม่ละทิ้ง
๔.แม้ชีวิตก็สละให้ได้

๓. มิตรแนะประโยชน์ มีลักษณะ ๔
คือ
๑.จะทำชั่วเสียหายคอยห้ามปรามไว้
๒.คอยแนะนำให้ตั้งอยู่ในความดี
๓.ให้ได้ฟังได้รู้สิ่งที่ไม่เคยได้รู้ได้ฟัง
๔.บอกทางสุขทางสวรรค์ให้

๔. มิตรมีน้ำใจ มีลักษณะ ๔
คือ
๑.เพื่อนมีทุกข์พลอยทุกข์ด้วย
๒.เพื่อนมีสุขพลอยดีใจ
๓.เขาติเตียนเพื่อน ช่วยยับยั้งแก้ให้
๔.เขาสรรเสริญเพื่อน ช่วยพูดเสริมสนับสนุน

มิตตปฏิรูป, มิตตปฏิรูปก์ คนเทียมมิตร, มิตรเทียมไม่ใช่มิตรแท้ มีลักษณะ ๔ คือ

๑.คนปอกลอก มีลักษณะ ๔
คือ
๑.คิดเอาแต่ได้ฝ่ายเดียว
๒. ยอมเสียน้อยโดยหวังจะเอาให้มาก
๓.ตัวมีภัยจึงมาช่วยทำกิจของเพื่อน
๔.คบเพื่อนเพราะเห็นแก่ประโยชน์ของตัว

๒. คนดีแต่พูด มีลักษณะ ๔
คือ
๑.ดีแต่ยกของหมดแล้วมาปราศรัย
๒.ดีแต่อ้างของยังไม่มีมาปราศรัย
๓. สงเคราะห์ด้วยสิ่งของหาประโยชน์มิได้
๔. เมื่อเพื่อนมีกิจอ้างแต่เหตุขัดข้อง

๓. คนหัวประจบ มีลักษณะ ๔
คือ
๑.จะทำชั่วก็เออออ
๒.จะทำดีก็เออออ
๓.ต่อหน้าสรรเสริญ
๔.ลับหลังนินทา

๔. คนชวนฉิบหาย มีลักษณะ ๔
คือ
๑.คอยเป็นเพื่อนดื่มน้ำเมา
๒.คอยเป็นเพื่อนเที่ยวกลางคืน
๓.คอยเป็นเพื่อนเที่ยวดูการเล่น
๔.คอยเป็นเพื่อนไปเล่นการพนัน

(เขียน มิตรปฏิรูป มิตรปฏิรูปก์ ก็มี)


ธรรมะแบ่งเป็น ๒ ระดับหรือ ๒ ขั้น คือ ขั้นจริยธรรม ๑ ขั้นปรมัตถธรรม ๑ (หรือขั้นศีลธรรม - สภาวธรรม)

นี่ธรรมขั้นจริยธรรมหรือศีลธรรม ดังนั้น ผู้ศึกษาพระพุทธศาสนาควรแยกให้ชัด

เจ้าของ:  กรัชกาย [ 02 เม.ย. 2018, 11:14 ]
หัวข้อกระทู้:  Re: อบายมุข คือเหตุเครื่องฉิบหาย ๖ อย่าง

ถึงโรงเหล้าเตากลั่นควันโขมง
มีคันโพงผูกสายไว้ปลายเสา
โอ้บาปกรรมน้ำนรกเจียวอกเรา
ให้มัวเมาเหมือนหนึ่งบ้าเป็นน่าอาย

https://www.khaosod.co.th/special-stories/news_895092

เจ้าของ:  กรัชกาย [ 11 เม.ย. 2018, 11:08 ]
หัวข้อกระทู้:  Re: อบายมุข คือเหตุเครื่องฉิบหาย ๖ อย่าง

สลด อิเหนาซดเหล้าเถื่อนผสมยาฆ่าแมลง ตายเกิน 50 ศพ ป่วยอีกอื้อ

ทั้งนี้ ชาวอินโดนีเซียจำนวนหนึ่ง มักหันไปต้มเหล้าเถื่อนบริโภคเอง เพราะมีราคาถูกกว่าเครื่องดื่มแอลกอฮอล์ถูกกฎหมาย ที่รัฐบาลตั้งภาษีไว้สูงมาก และทำให้ในช่วงที่ผ่านมา มีข่าวการเสียชีวิตเพราะบริโภคเหล้าเถื่อนในอินโดนีเซียหลายครั้ง

https://www.thairath.co.th/content/1253431

ไม่ว่าจะนับถือศาสนาไหน ก็ดื่มเหล้า :b32: อยู่ที่ตนเองจะดื่มไม่ดื่ม หลักศาสนาไม่ห้ามไม่ได้บังคับ เพียงแต่ชี้บอกคุณบอกโทษของมัน

หากดื่มเหล้าเบียร์ที่เสียภาษีก็ว่าไม่ผิดกฎหมาย แต่ดื่มเหล้าป่าต้มกันเองว่าผิดกฎหมาย :b1: เพราะไม่เสียภาษีให้รัฐตำรวจจับ :b32:

เส้นแบ่งระหว่างศีลธรรม กับ กฎหมาย เมาแล้วนอน ไม่ผิดกฎหมาย แต่ผิดศีล เมาแล้วเที่ยวอาละวาดตีหัวหมาด่าแม่เจ๊ก นี่ผิดกฎหมายด้วย ผิดศีลด้วย สองเด้ง :b1:

สงกรานต์เดินทางกลับ ตจว. เมาแล้วขับรถ ผิดกฎหมายตำรวจจับ แต่ถ้าเมาแล้วนอนอยู่ในรถตำรวจไม่จับ แม้จะผิดศีลก็ตาม :b28:

เจ้าของ:  กรัชกาย [ 13 เม.ย. 2018, 17:03 ]
หัวข้อกระทู้:  Re: อบายมุข คือเหตุเครื่องฉิบหาย ๖ อย่าง

กรัชกาย เขียน:
@ เว้นจากสุราเมรัยและของมึนเมาอันเป็นที่ตั้งแห่งความประมาท คือ ไม่เสพของมึนเมา; จับเอาสาระว่า ความประพฤติหรือการดำเนินชีวิต ที่ปราศจากความประมาทพลั้งพลาดมัวเมาเนื่องจากการใช้สิ่งเสพติดที่ทำให้เสียสติสัมปชัญญะ


อาชญากรรมที่ร้ายแรงแทบทั้งหมด เป็นเรื่องของการละเมิดศีล ๕
ในสังคมที่มากด้วยการสังหารผลาญชีวิต การปองร้าย การทำร้ายกัน
การลักขโมย ปล้นแย่งชิง
การทำความผิดทางเพศ มีคดีฆาตกรรม โจรกรรมการ ข่มขืน หลอกลวง
การเสพของมึนเมา และสิ่งเสพติด ตลอดจนการก่อปัญหา และอุบัติเหตุต่างๆ เนื่องมาจากของมึนเมา และสิ่งเสพติดเหล่านั้น ระบาดแพร่หลายทั่วไป

ชีวิตและทรัพย์สินไม่ปลอดภัย จะอยู่ไหนหรือไปที่ไหน ก็ไม่มีความมั่นใจ เต็มไปด้วยความห่วงใย วิตกกังวล จิตใจหวาดผวาบ่อย ๆ
ผู้คนพบเห็นกัน แทนที่จะอบอุ่นใจ ก็หวาดระแวงกันอยู่กันไม่เป็นปกติสุข
สุขภาพจิตของประชาชน ย่อมเสื่อมโทรม ยากที่จะพัฒนาคุณภาพ และสมรรถภาพของจิต

ในเวลาเดียวกัน สังคมเช่นนั้น ก็ไม่เป็นสภาพแวดล้อมที่เกื้อกูลสำหรับการสร้างสรรค์สิ่งดีงาม และการพัฒนาใดๆ เพราะมัววุ่นวายระส่ำระสาย ยุ่งแต่กับการแก้ปัญหา และมีแต่กิจกรรมที่บ่อนทำลายสังคมให้เสื่อมโทรมลงไป

โดยนัยนี้ การขาดศีล ๕ จะเนื่องมาจากเหตุใดก็ตาม จึงเป็นมาตรฐานวัดความเสื่อมโทรมของสังคม

ส่วนสภาพพฤติกรรม และการดำเนินชีวิตที่ตรงข้ามจากนี้นั่นแหละ คือ การมีศีล ๕

ดังนั้น ศีล ๕ จึงเป็นเกณฑ์มาตรฐานอย่างต่ำที่สุดของความประพฤติมนุษย์ สำหรับรักษาสภาพแวดล้อมทางสังคม ให้อยู่ในภาวะเกื้อกูล เป็นพื้นฐานของการดำเนินชีวิตที่ดีงาม และการพัฒนาที่สูงขึ้นไป

(ศีล=>เพื่อสมาธิ => สมาธิเพื่อปัญญา => ปัญญาเพื่อวิมุตติ)


มรรคมีองค์ ๘ ย่อเข้าใน ศีล สมาธิ ปัญญา ซึ่งเรียกว่า ไตรสิกขา


รูปภาพ

อ้างคำพูด:
คนร้าย มีประวัติถูกจำคุกในคดีฆ่าคนตายมา 2 ครั้ง เมื่อสมัยอายุ 16 ปี เคยยิงเพื่อนนศ.ตายในท้องที่ จ.ราชบุรี และเมื่อออกจากคุกมา ก็ก่อคดีฆ่าอีก 1 ศพและถูกจับติดคุกอีก เมื่อพ้นคุกมา นายรณกรได้เดินทางมาเยี่ยมแม่ที่ จ.ชุมพร และได้ก่อคดีฆ่าในครั้งนี้ เรียกได้ว่ามีความเหี้ยมโหดในจิตใจแล้ว สามารถฆ่าคนได้อย่างสบายๆ
https://www.khaosod.co.th/special-stories/news_961526


"ปาณาติบาต" ศีลข้อนี้ พระผู้มีพระภาคเจ้า หมายถึงชีวิตมนุษย์

เจ้าของ:  กรัชกาย [ 14 เม.ย. 2018, 20:30 ]
หัวข้อกระทู้:  Re: อบายมุข คือเหตุเครื่องฉิบหาย ๖ อย่าง

กรัชกาย เขียน:
อบายมุข ๖ (เหตุเครื่องฉิบหาย ๖ อย่าง)

อบายมุข คือเหตุเครื่องฉิบหาย ๖ อย่าง

๑.ดื่มน้ำเมา

๒. เที่ยวกลางคืน

๓. เที่ยวดูการเล่น

๔. เล่นการพนัน

๕. คบคนชั่วเป็นมิตร

๖. เกียจคร้านทำการงาน

ทั้งหมดนี้เป็นทางเสื่อม เป็นทางที่ใครเดินแล้วเสื่อมลงไปเรื่อยๆ

เช่น ดื่มน้ำเมา เป็นทางเสื่อมทั้งกาย ทั้งใจ เสื่อมทรัพย์ เสื่อมชื่อเสียง เสื่อมหมดทุกประการ เพราะดื่มน้ำเมามีโทษ คือ

๑.เสียทรัพย์ ไม่ได้รับประโยชน์ตอบแทน

๒. เกิดโรคในร่างกายจิตใจ

๓. มักก่อการทะเลาะวิวาทกัน

๔. ไม่รู้จักละอาย ทำอะไรแปลกๆ

๕. คนดีเขาดูหมิ่น ว่าเป็นทาสน้ำเมา

๖.สมองเสื่อม ปัญญาเสื่อม

นี่โทษของการดื่มน้ำเมา มีถึง ๖ อย่าง


อ้างคำพูด:
๓. มักก่อการทะเลาะวิวาทกัน


โจ๋เล่นสงกรานต์ เหล้าเข้าปากแล้วฮึกเหิม ยกพวกตะลุมบอนยับ

รูปภาพ

เจ้าของ:  กรัชกาย [ 14 เม.ย. 2018, 20:39 ]
หัวข้อกระทู้:  Re: อบายมุข คือเหตุเครื่องฉิบหาย ๖ อย่าง

กรัชกาย เขียน:
สลด อิเหนาซดเหล้าเถื่อนผสมยาฆ่าแมลง ตายเกิน 50 ศพ ป่วยอีกอื้อ

ทั้งนี้ ชาวอินโดนีเซียจำนวนหนึ่ง มักหันไปต้มเหล้าเถื่อนบริโภคเอง เพราะมีราคาถูกกว่าเครื่องดื่มแอลกอฮอล์ถูกกฎหมาย ที่รัฐบาลตั้งภาษีไว้สูงมาก และทำให้ในช่วงที่ผ่านมา มีข่าวการเสียชีวิตเพราะบริโภคเหล้าเถื่อนในอินโดนีเซียหลายครั้ง

https://www.thairath.co.th/content/1253431

ไม่ว่าจะนับถือศาสนาไหน ก็ดื่มเหล้า :b32: อยู่ที่ตนเองจะดื่มไม่ดื่ม หลักศาสนาไม่ห้ามไม่ได้บังคับ เพียงแต่ชี้บอกคุณบอกโทษของมัน

หากดื่มเหล้าเบียร์ที่เสียภาษีก็ว่าไม่ผิดกฎหมาย แต่ดื่มเหล้าป่าต้มกันเองว่าผิดกฎหมาย :b1: เพราะไม่เสียภาษีให้รัฐตำรวจจับ :b32:

เส้นแบ่งระหว่างศีลธรรม กับ กฎหมาย เมาแล้วนอน ไม่ผิดกฎหมาย แต่ผิดศีล เมาแล้วเที่ยวอาละวาดตีหัวหมาด่าแม่เจ๊ก นี่ผิดกฎหมายด้วย ผิดศีลด้วย สองเด้ง :b1:

สงกรานต์เดินทางกลับ ตจว. เมาแล้วขับรถ ผิดกฎหมายตำรวจจับ แต่ถ้าเมาแล้วนอนอยู่ในรถตำรวจไม่จับ แม้จะผิดศีลก็ตาม :b28:


สรุปยอดการเกิดอุบัติเหตุบนท้องถนน 3 วัน (11-13 เมษายน 2561) มีผู้เสียชีวิต 86 ราย จากอุบัติเหตุ 820 ครั้ง สาเหตุหลักคือเมาแล้วขับ รวมผู้กระทำผิดเมาแล้วขับกว่าแสนราย

https://www.voicetv.co.th/read/SJlhfXJ3G

เจ้าของ:  กรัชกาย [ 15 เม.ย. 2018, 21:02 ]
หัวข้อกระทู้:  Re: อบายมุข คือเหตุเครื่องฉิบหาย ๖ อย่าง

เปิดคลิปสุดท้าย! 4 หนุ่มกระดกเหล้า-ซิ่งปิกอัพเล่นสงกรานต์ ก่อนกลายเป็นศพยกคัน

รูปภาพ


มีผู้เสียชีวิต 4 ศพ โดยเป็นนาทีช่วง 4 นาที ซึ่งวัยรุ่นทั้ง 4 คนขับรถกระบะมาด้วยความเร็วสูงแล้ว โดยวัยรุ่นที่ถ่ายคลิปนั้น ได้พูดว่า “เดี๋ยวพาซิ่ง” และคนที่ขับรถนั้นยังมีพฤติกรรมขับรถซิ่งหวาดเสียว นอกจากนี้ระหว่างที่ถ่ายคลิปวัยรุ่นที่นั่งด้านหน้ายังดื่มสุราและหัวเราะอย่างสนุกสนาน ซึ่งคนขับได้พูดภาษาอีสานว่า “ตอนที่ตำรวจขับรถตามนะ พี่ขับรถหนีเลย จนตำรวจตามไม่ทัน” กระทั่งมาเกิดเหตุสลดขึ้น

เจ้าของ:  กรัชกาย [ 15 เม.ย. 2018, 21:11 ]
หัวข้อกระทู้:  Re: อบายมุข คือเหตุเครื่องฉิบหาย ๖ อย่าง

ใช้ไสยศาสตร์แช่งเลย

https://www.khaosod.co.th/wp-content/up ... 4/30-9.jpg

ทำความเข้าใจกับผู้ที่ถูกดำเนินคดีหลังมีการเปลี่ยนแปลงกฎหมายใหม่ที่กำหนดให้ต้องมีปริมาณแอลกอฮอล์ไม่เกิน 20 มิลลิกรัมเปอร์เซ็นต์ สำหรับผู้ที่มีใบขับขี่ชั่วคราวหรือผู้ไม่มีใบอนุญาตขับขี่ และปริมาณ ไม่เกิน 50 มิลลิกรัมเปอร์เซ็นต์

เจ้าหน้าที่ได้นิมนต์พระสงฆ์มาทำการเทศนาให้กับผู้ต้องหา เพื่อสั่งสอนตามแนวทางของพระพุทธศาสนาให้มนุษย์ดำรงชีวิตด้วยความไม่ประมาทและโทษต่างๆ ที่เกิดจากการเมาแล้วขับ นอกจากจะส่งผลให้เกิดอันตรายต่อชีวิตแล้ว และยังทำให้คนอื่นได้รับผลกระทบด้วย
จากนั้นได้ให้ผู้ต้องหาทั้งหมดกล่าวคำสัตย์ปฏิญาณและดื่มน้ำมนต์ถือสัจจะ ที่มีมีด และกระสุนปืนอยู่ในขัน ว่า “ถ้าดื่มสุราจะไม่ขับรถอีกเป็นอันขาดหากผิดคำสัตย์ที่ให้ไว้ขอให้ชีวิตมีอันเป็นไปภายใน 3 วัน” ก่อนที่จะคุมตัวทั้งหมดส่งฟ้องศาล

เจ้าของ:  กรัชกาย [ 09 พ.ค. 2018, 17:32 ]
หัวข้อกระทู้:  Re: อบายมุข ๖ (เหตุเครื่องฉิบหาย ๖)

สาวแชร์ประสบการณ์ เมาแล้วขับ โดนปรับ แถมต้องใส่กำไลติดตาม แทบกระดิกไปไหนไม่ได้!

รูปภาพ


https://www.khaosod.co.th/special-stories/news_1065018

เจ้าของ:  กรัชกาย [ 08 ก.ค. 2018, 17:17 ]
หัวข้อกระทู้:  Re: อบายมุข ๖ (เหตุเครื่องฉิบหาย ๖)

ฝูงนกนางนวลกินขยะผสมเหล้า เกิดเมาหนักป่วนเมือง

รูปภาพ


https://www.khaosod.co.th/monitor-news/news_1312806

เจ้าของ:  Rosarin [ 08 ก.ค. 2018, 18:20 ]
หัวข้อกระทู้:  Re: อบายมุข ๖ (เหตุเครื่องฉิบหาย ๖)

:b12: :b55:
อะไรที่เป็นปัญญาตรงขณะที่ตนสะสมบ้างคะ
:b32: :b13:
:b55: :b55:

เจ้าของ:  กรัชกาย [ 08 ก.ค. 2018, 19:47 ]
หัวข้อกระทู้:  Re: อบายมุข ๖ (เหตุเครื่องฉิบหาย ๖)

Rosarin เขียน:
:b12: :b55:
อะไรที่เป็นปัญญาตรงขณะที่ตนสะสมบ้างคะ


ปัญญา ปัญญา ปัญญา ท่องอยู่นั่นแหละ ไหนเอาชัดๆสิปัญญาที่คุณโรสว่าเนี่ยต้องยังไง เอาชัดๆ

เจ้าของ:  Rosarin [ 08 ก.ค. 2018, 19:51 ]
หัวข้อกระทู้:  Re: อบายมุข ๖ (เหตุเครื่องฉิบหาย ๖)

กรัชกาย เขียน:
Rosarin เขียน:
:b12: :b55:
อะไรที่เป็นปัญญาตรงขณะที่ตนสะสมบ้างคะ


ปัญญา ปัญญา ปัญญา ท่องอยู่นั่นแหละ ไหนเอาชัดๆสิปัญญาที่คุณโรสว่าเนี่ยต้องยังไง เอาชัดๆ

Kiss
:b12:
เข้าใจเห็นถูกตามได้ไง
เอ้าลองคิดตามนะตรงคำ
เห็นเป็นธัมมะเห็นเป็นเห็น
เห็นดับแล้วเป็นเราเห็นแล้ว
คิดเป็นคนสัตว์วัตถุสิ่งของแต่
ตถาคตตรัสว่าเห็นไม่ใช่เราและ
เห็นแค่สี1สีดับและกิเลสเกิดต่อทันที
เพราะยังไม่ใช่ผู้ตรงต่อสัจจะที่กำลังมี
:b32: :b32:

เจ้าของ:  กรัชกาย [ 08 ก.ค. 2018, 20:18 ]
หัวข้อกระทู้:  Re: อบายมุข ๖ (เหตุเครื่องฉิบหาย ๖)

Rosarin เขียน:
กรัชกาย เขียน:
Rosarin เขียน:
:b12: :b55:
อะไรที่เป็นปัญญาตรงขณะที่ตนสะสมบ้างคะ


ปัญญา ปัญญา ปัญญา ท่องอยู่นั่นแหละ ไหนเอาชัดๆสิปัญญาที่คุณโรสว่าเนี่ยต้องยังไง เอาชัดๆ

Kiss
:b12:
เข้าใจเห็นถูกตามได้ไง
เอ้าลองคิดตามนะตรงคำ
เห็นเป็นธัมมะเห็นเป็นเห็น
เห็นดับแล้วเป็นเราเห็นแล้ว
คิดเป็นคนสัตว์วัตถุสิ่งของแต่
ตถาคตตรัสว่าเห็นไม่ใช่เราและ
เห็นแค่สี1สีดับและกิเลสเกิดต่อทันที
เพราะยังไม่ใช่ผู้ตรงต่อสัจจะที่กำลังมี
:b32: :b32:


คิกๆๆ

ตาเห็นรูป
หูได้ยินเสียง
จมูกได้กลิ่น
ฯลฯ

เจ้าของ:  กรัชกาย [ 08 ก.ค. 2018, 20:23 ]
หัวข้อกระทู้:  Re: อบายมุข ๖ (เหตุเครื่องฉิบหาย ๖)

Rosarin เขียน:
กรัชกาย เขียน:
Rosarin เขียน:
:b12: :b55:
อะไรที่เป็นปัญญาตรงขณะที่ตนสะสมบ้างคะ


ปัญญา ปัญญา ปัญญา ท่องอยู่นั่นแหละ ไหนเอาชัดๆสิปัญญาที่คุณโรสว่าเนี่ยต้องยังไง เอาชัดๆ

Kiss
:b12:
เข้าใจเห็นถูกตามได้ไง
เอ้าลองคิดตามนะตรงคำ
เห็นเป็นธัมมะเห็นเป็นเห็น
เห็นดับแล้วเป็นเราเห็นแล้ว
คิดเป็นคนสัตว์วัตถุสิ่งของแต่
ตถาคตตรัสว่าเห็นไม่ใช่เราและ
เห็นแค่สี1สีดับและกิเลสเกิดต่อทันที
เพราะยังไม่ใช่ผู้ตรงต่อสัจจะที่กำลังมี
:b32: :b32:


คุณโรสว่าไง ว่าไปสิ

อ้างคำพูด:
ผมเป็นคนนั่งสมาธิมาตั้งแต่อายุประมาณ 6 ขวบ ก็นั่งมาเรื่อยครับ จนปัจจุบันอายุ 40 ปี ลองศึกษาหลายๆ แนวทาง จนรู้สึกแนวอานาปานสติ น่าจะเหมาะกับตัวเราก็เลยปฏิบัติแนวนนี้มาตลอดครับ

เคยมีอยู่ครั้งนึง ผมนั่งสมาธิไปได้ประมาณ 30 นาที จิตนิ่งจนหูไม่ได้ยินเสียง จมูกไม่ได้กลิ่น อยู่ดีๆ ก็เห็นตัวเองออกมายืนดูเราที่กำลังนั่งสมาธิอยู่ ผมก็มองดู เอ..หรือเราตายแล้ว ก็ยังกลัวๆครับ
แต่ก็ตกใจสุด ตอนดูตัวเองนั่งสมาธิไปเรื่อยๆ ผิวหนังมันถูกถลกออกครับ จะเห็นเป็นกล้ามเนื้อ เส้นเลือด แล้วก็โดนถลกออกอีก จนเห็นเป็นโครงกระดูก แล้วค่อยๆ หายไป
แล้วเหมือนใครเอาน้ำเย็นมากๆ มาสาด แล้วก็ประกอบร่างใหม่กลับมาเป็นตัวเราที่นั่งสมาธิอยู่
แล้วก็โดนถลกออกอีกครับ หนัง เนื้อ กระดูก ภาพมันซ้ำๆแบบนี้ จนนั่งไป 3 ชม. พอดีนาฬิกาปลุกดังขึ้น ผมเลยลืมตาออกจากสมาธิ ใจนึงก็กลัว
แต่ใจนึงก็รู้สึกเบื่อขึ้นมาในกายสังขารนี้
เพื่อนๆ เคยเจอเหตุการณ์แบบนี้มั้ยครับ มันคืออะไรครับ เราควรจะปฏิบัติเช่นไรต่อเพื่อให้เกิดปัญญา ตามแนวทางวิปัสสนากรรมฐานครับ

หน้า 3 จากทั้งหมด 5 เขตเวลา GMT + 7 ชั่วโมง
Powered by phpBB © 2000, 2002, 2005, 2007 phpBB Group
http://www.phpbb.com/