ปฏิบัติธรรมไม่ก้าวหน้าเพราะ? อยากก้าวหน้าก็ไม่มีหนทางกลับแย่กว่าเดิม

ปัญหาของนักปฏิบัติธรรม

๏ นั่งสมาธิมานาน ไม่เห็นก้าวหน้า-สมาธิไม่เกิด
๏ นั่งสมาธิทีไร ง่วงนอนทุกที
๏ นั่งสมาธิแล้วรู้สึกเหนื่อยล้า

สามปัญหาข้างต้นเป็นอุปสรรคของความเจริญมี 3 สาเหตุ
1 ไร้ทิศทาง ปฏิบัติด้วยความสงสัย
2 มีสิ่งเบียดเบียน และบดบังความจริง
3 มีตัวตนรุมทำร้าย และเกิดโรคภัย

เมื่อมนุษย์เดินออกจากบ้าน.. ออกจากบ้านมาไกลจนเหนื่อยล้า คิดถึงบ้าน ..อยากกลับแล้ว เมื่อหันกลับไปมองเพื่อหาทางกลับบ้าน... มีแต่ป่ารกชักจำทางกลับบ้านไม่ได้แล้ว ไม่รู้ทิศทางกลับ มีแต่สัตว์ร้ายไล่กวดตามมา และคอยลอบทำร้ายเหยื่อที่อ่อนแอหลงทาง ครั้นจะหลีกหนีก็หนีไม่พ้นเพราะในระหว่างทางได้ทิ้งเชื้อ ทิ้งกลิ่นให้สัตว์ร้ายตามมาเจอ...

อยากกลับบ้านปลอดภัยก็ต้องมีพรานป่านำทาง...

1. แนะนำทางที่ปลอดภัยและเปิดทาง
2. ขจัดอุปสรรคให้เดินทางต่อไป

ปรึกษา Line Id : jakcosmic999

หมายเหตุ คนบางคนที่ปฏิบัติไม่ก้าวหน้าเพราะ....ตามที่เล่าเชิงเปรียบเทียบข้างต้น... เมื่อถึงระดับหนึ่งไม่สามารถไปได้มากกว่าเดิม และเป็นอันตราย...นักปฏิบัติที่มีชื่อเสียงหลายท่านจะพ่ายให้สัตว์ร้ายกลายเป็นโรคปวดศรีษะ เส้นเลือดในสมองแตกก็มี และโรคอื่นๆ เพราะระหว่างทางกลับบ้านมีแต่สัตว์ร้ายขวางกันอยู่

งง...

นักปฏิบัติที่มีชื่อเสียงหลายท่านจะพ่ายให้สัตว์ร้าย..ได้งัย

เมื่อพ่ายให้สัตว์ร้าย...จะเป็นนักปฏิบัติธรรมที่มีชื่อเสียง...ได้หรือ?...





มีใครบ้างครับ...พอจะยกตัวอย่างมาให้ดูหน่อยได้มั้ย.?...หรือบอกใบ้ก็ได้..จะได้รู้ว่าไม่ได้พูดเอามันส์เขี้ยวอย่างเดียว..แต่หาสาระจริงไม่ได้

ควรทำความเข้าใจคำว่า ธรรม, ธรรมะ ให้ชัดก่อน

ในเรื่องพระธรรม : คำว่า “ธรรม” เป็นคำมีความหมายกว้าง ลึก เราเอามาใช้ในภาษาไทยเหมือนกับเป็นภาษาไทย เวลาพูดว่า “ธรรม” ก็เข้าใจ แต่ความจริงเป็นคำบาลี เราเอามาเขียนเป็นรูปสันสกฤตว่า “ธรรม” โดยมากภาษาไทยมักเป็นอย่างนั้น ถ้าแผลงมาจากบาลี มักเขียนแบบสันสฤต

ถ้าเขียนแบบบาลีก็ว่า “ธมฺม” เขียนแบบสันสกฤตนั้นต้องอ่านว่า “ธะร์มะ” ฉะนั้น ธรรมะจึงเป็นคำที่ใช้ทั่วไป และมีความหมายกว้าง กินความคลุมหมดทั้งสิ่งที่เป็นรูปและไม่ใช่รูป

สิ่งที่ไม่ใช่รูป เรียกว่า นาม เราควรรู้ว่า เขาเรียกว่า รูปธรรม นามธรรม

รูป นั้นเป็นสิ่งที่เป็นรูปร่าง สัมผัสได้ด้วยประสาททั้งห้า

สิ่งที่สัมผัสด้วยใจ เรียกว่า นาม

เช่น ตาเห็นรูป ตานั้นเป็นรูป สิ่งที่เห็นนั้นก็เป็นรูป ความรู้สึกทางตานั้น เป็นนาม

หูได้ยินเสีย หูก็เป็นรูป เสียงก็เป็นรูป ความรู้สึกได้ยินนั้นเป็นนาม ฯลฯ

สิ่งที่เป็นรูป ก็เป็น รูปธรรม

สิ่งเป็นนามก็เป็น นามธรรม

สิ่งที่เป็นความดีก็เป็น ธรรม สิ่งที่เป็นความชั่วก็เป็น ธรรม

สิ่งที่เป็นความดีเรียก ธรรม กุศลธรรม ถ้าเป็นความชั่วก็เรียก อกุศลธรรม

กุศลธรรมคือ ธรรมฝ่ายดี อกุศลธรรมก็เป็นธรรมฝ่ายชั่ว

ธรรมคำเดียวเอาไปเติมแต่งเข้ามามากมายก่ายกอง หมายถึงอะไรๆ หมดทุกอย่าง

ความดี ความชั่ว ความสุขก็เป็นธรรม ความทุกข์ ก็เรียกว่าเป็นธรรมเช่นกัน ฉะนั้น เมื่อเราไปฟังพระสวด ในเวลามีงานศพจะได้ยินว่าอะไรๆ ก็ลงท้ายว่าธรรมทั้งนั้น “กุสะลา ธัมมา อะกุสะลา ธัมมา อัพยากะตา ธัมมา สุขายะ เวททะนายะ สัมปะยุตตา ธัมมา ทุกขายะ เวททะนายะ สัมปะยุตตา ธัมมา อะทุกขะมะสุขายะ เวทะทะนายะ สัมปะยุตตา ธัมมา วิปากา ธัมมา วิปากะธัมมะ ธัมมา ฯลฯ” เป็นธรรมทั้งนั้น ไม่มีอะไรที่ไม่ใช่ธรรม ของทั้งหลายในสากลโลกเป็นธรรมทั้งนั้น

ถ้า “ธรรม” เฉยๆ นั้น หมายถึงว่าอะไรๆ ก็แล้วแต่เรื่องนั้นบ่งถึง ล้วนแต่เป็นธรรมทั้งนั้น

ถ้า “พระธรรม” นี้คือคำสั่งสอนของพระพุทธเจ้า

คำว่า “ธรรม” หมายถึงความสำคัญ ๔ ประการ ควรจำ คือ เรื่อง ธรรมชาติ ในภาษาบาลีใช้ศัพท์ว่า สภาวธรรม ซึ่งหมายความว่า มันเกิดและเป็นอย่างนั้นตามเรื่อง สิ่งหนึ่งเกิดขึ้นแล้วดับไป ติดต่อสัมพันธ์กันตามกฎที่เรียกว่า “อิทัปปัจจยตา” คือ เมื่อสิ่งหนึ่งเกิดขึ้น สิ่งหนึ่งก็เกิดขึ้น เช่น ฝนตก แล้วแดดออก น้ำกลายเป็นไอ ไอไปเป็นเมฆ เป็นฝน วนเวียนเป็นธรรมชาติธรรมดา

อีกอย่างหนึ่ง ธรรมะ หมายถึง กฎของธรรมชาติ ซึ่งมีในตัวมันเอง ทางภาษาบาลีเรียกกฎนี้ว่า “ธัมมตา” แปลว่า ความเป็นตามธรรม ถ้าเราพูดในภาษาไทยก็ว่า ธรรมดา

อันที่ ๓ หมายถึง หน้าที่ที่เราต้องปฏิบัติ ในภาษาบาลี เรียกว่า กรณียธรรม
กรณี แปลว่า กิจที่จะต้องทำ ชอบก็ตาม ไม่ชอบก็ตาม เมื่อเป็นหน้าที่ก็ต้องทำ เป็นการปฏิบัติธรรม ผู้ใดละเลยหน้าที่ ก็แปลว่าเขาไม่ประพฤติธรรม คนไม่ประพฤติธรรมก็ไม่มีธรรม อยู่ที่ใดก็วุ่นวายเกิดปัญหา

พระพุทธเจ้าตรัสว่า “ธัมมัง สุจะริตัง จะเร - พึงประพฤติธรรม (คือหน้าที่) ให้สุจริต “นะ ตัง ทุจจะริตัง จะเร - อย่าประพฤติธรรม (คือหน้าที่) ให้ทุจริต” ธรรมตัวนี้ หมายถึง หน้าที่ที่เราต้องทำ เป็นธรรมะในชีวิตของเรา

ธรรม, พระธรรม คืออะไร ?
http://www.dhammajak.net/forums/viewtopic.php?f=1&t=55033

ไปดูเอา ติช นัท ฮันห์ (ออกจากผ่าตัด) ... พระดังจากวัดเมืองสิงห์(มรณะไปแล้ว) ... มีอีกหลายรูป (รูปร่างที่แปรเปลี่ยน จากรูปร่างปกติ กลายเป็นอ้วนฉุ)... รูปร่างที่เปลี่ยนแปลงไปคือการปฏิบัติที่ไม่ครบถ้วนทิ้งเหลือของเสีย ให้เป็นฐานของพวกสัตว์แพร่พันธ์...

เพราะก้าวเดินหน้าในมิติถูกหลอกจาก มาร

หากไม่เชื่อว่ามีมารจริง... ก็คงจะโดนเข้าแล้ว

และยังมีเพื่อนนักปฏิบัติ... คุยบนบอร์ดกันดีๆ ...
สาเหตุการตายคือ เจอโรคความดันโลหิตสูง แบบเดียวกัน
ท่านติซ ...

หมายเหตุ ต้องขออภัยในการกล่าวชื่อท่าน ติซฯ
เพราะการยกชื่อขึ้นมาเป็นเรื่องละเมิดส่วนตัว แต่จะยกตัวอย่าง
ของผลการปฏิบัติที่ถูกกระทำจากฝ่ายของมาร เป็นตัวอย่าง

ดังนั้นจะให้ฉันกล่าวชื่อ ก็จะคงไม่ได้กระมัง ... เธอไปหาดูเอาเอง
มีพระนักเทศน์ หลายคนกำลังกลายพันธ์

คนเรามันก็ป่วยได้เป็นธรรมดา..นะครับ...

ถามจริงจริงนะ...เราจะเลือกว่าไม่อยากป่วยด้วยโรคนี้..ขอเป็นโรคนั้น...ขอตายด้วยโรคโน้น..อย่าตายด้วยโรคนี้เลย..อย่างนี้มันจะได้มั้ยละครับ? ยิ่งมีกรรมเก่าเก่ามาให้ผลแล้วละก้อ...มันไม่เลือกหน้าอินทร์หน้าพรหมหรอกครับ..

ผมเองก็ไม่รู้จะตายด้วยอาการอะไรนะ...ตายได้ทุกท่า...อาจจะตายด้วยท่าที่คนอื่นๆมองว่าน่าสมเพสเวทนาก็ได้...แต่อาการพวกนั้น.ไม่ได้เกี่ยวอะไรกับเราหรอก..จริงมั้ย...

คุณ jak ละ รู้มั้ยว่าตัวเองจะตายด้วยอาการอะไร..โรคไหนเป็นเหตุ?

การป่วย..การตาย..มันเป็นเรื่องของรูป...รูปเป็นเรื่องของโลก...กรรมเป็นเรื่องของโลก...รูปเป็นที่แสดงของกรรม...แถมเราชาวโลกยังไปให้ค่าว่า..อาการแบบนี้..ตายดี..อาการแบบโน้น..ตายไม่ดีน่าเวทนา..ซะอีก...มันเลยยุ่ง..ก็ชาวโลกอีกนี้แหละ...เอาอาการเหล่านี้ไปวัดคุณธรรมของคนป่วยคนตาย...มันเลยยุ่งกันใหญ่..


เอางี้...ถ้าคุณ jak ไปพบศพคนข้างถนนที่ถูกวัวขวิดตาย..ไร้คนเลียวแล..คุณ jak..คิดว่าคนนี้ตายอนาถมั้ยครับ?

ทำไมมนุษย์จึงมีโรคกันล่ะ? ตอบได้ไหม?

ทำไมมนุษย์จึงมีโรคที่แตกต่างกันล่ะ? สงสัยกันไหม?

ทำไมหมอจึงหาสาเหตุไม่เจอว่าโรคนั้นโรคนี้ มีสาเหตุจากอะไร?

สรุปได้เพียงว่า คุณเครียด คุณทานอาหารไม่ถูกอนามัย ....

(ทุกโรค เล่นสรุปเหมือนกันหมด ... สรุปเกิดจากสาเหตุอะไรกันแน่?)

ได้ยาแก้ปวดมารักษา ได้ยาคลายเครียดมาอมเล่น ... แล้วมีคำตอบกันไหม ?

มารมีหลายฝ่าย หลายพวก หลายชนิด .... ทำไมมารชอบอยู่กับมนุษย์ รู้มั๊ย?

-------------------------------------------------------

ถูกวัวขวิดตาย หากตอบตามลักษณะการตายเชิงรูปธรรม ก็อนาถสิ... นั่นแค่รูปแสดง

ถามว่า ... วัวมันเห็นอะไรจึงขวิดคนตาย รู้มั๊ย?

การป่วยไม่ใช่เรื่องของการมีอยู่แบบปกติ

การที่เธอคิดว่าอาการป่วยคือสิ่งปกติ

นี่แสดงว่า ... ถูกฝ่ายมาร ถูกพวกสัตว์ ถูกเหล่าไม่ดีครอบงำ โดยสิ้นเชิง

ทำไมต้องครอบงำ

เพื่อไม่ให้ไปขัดขวาง การดำรงอยู่ของพวกมัน มันจึงให้เธอคิดว่า

เป็นเรื่องธรรมดาโลก ....

ให้รักษาเฉพาะกายหยาบก็พอ

กายอื่น หรือ สงสัยรักษาแบบอื่น ที่อาจจะไปรบกวนการอยู่ของพวกมัน

พวกอมนุษย์ พวกไม่ใช่มนุษย์ จึงให้เธอคิดได้แค่นั้น

สรุป การป่วยไม่ใช่เรื่องปกติ ดอก!!!!

สงสัยคุยกับคนป่วยอยู่..แน่เลย..

วันนี้..แปะใว้ก่อน...ไม่ว่าง...จะนอนแร้ว..

วันหลัง...ค่อยคุย....

ไหนๆคุณjak ก็แวะมาดูอยู่แล้ว....ก็ช่วยตอบหน่อยได้มั้ย...ว่า...คุณjakจะลาโลกนี้ด้วยอาการแบบไหน?..จะป่วยตาย..รึดับลมหายใจไปเฉยๆ..รึ..แก่หง่อมตาย..รึจะตายด้วยท่าไหน..ครับผม..??

นิสัยไม่เคยเปลี่ยน

ไร้สาระ หาประโยชน์ไม่เจอ

ทำไมต้องพูดเรื่องตัวเองเพื่อยกตัวเองข่มผู้อื่น
มันไม่ใช่นิสัยของคนมีธรรม

จงทำ จงพูด จงเขียน ในสิ่งที่เป็นประโยชน์ต่อผู้อื่นให้เจริญ จะดีกว่ามั๊ย!!

้ด้วยเหตุนี้..กระผมเลยถามว่า..


ที่ถาม..ก็เพราะจะชี้ให้เห็นว่า..การป่วย...การตาย..มันเป็นเรื่องธรรมดาของโลก..

เพราะอะไรจึงต้องมาชี้จุดนี้..ก็เพราะคุณjak บอกทำนองว่า..นักปฏิบัติธรรมคนนั้นคนโน้น..เป็นโรคโน้นโรคนั้น..แล้วบอกเป็นนัยว่า..ท่านเหล่านั้นไม่ถึงธรรมะจริง..ดั่งข้อความข้างล่างนี้



การที่คุณ jak เอารูปร่าง..เอาโรค..เพียงแค่นี้.มาเป็นตัวชี้วัด..คุณธรรมของนักปฏิบัติธรรม..นั้น..เป็นการกระทำที่ไม่ถูกต้อง...

ผมเลยถามงัยว่า..แล้วคุณ jak จะเป็นอะไรตาย..นี้งัย
ถามเพื่อชี้ให้เห็น...

แต่..ดูซิ...



ผมกำลังพูดให้คนอื่นเจริญนะนี้..

มีตรงไหนที่ยกตัวเอง...แล้วไปข่มใครกันครับ..

เอาเป็นว่า..คุณ jak จะเป็นอะไรตาย...เป็นโรคตาย...ตายดีรึตายอนาถ...รึหมดลมหายใจไปเฉยๆ...บอกได้มั้ย?..

มันบอกไม่ได้..จริงมั้ย?...

รึแม้แต่ตายดี..ลมดับไปเฉยๆ..บอกล่วงหน้าซะด้วย...ลูกหลานมานั่งรอดู...ไหว้พระเสร็จ..ก็ไปเลย...ก็ไม่ได้หมายความว่า..อาการอย่างนี้ท่านบรรลุธรรมเป็นอริยะุคคล..นี้ครับ....

ในสมัยพุทธกาล...อรหันต์บางท่าน...ถ้ามองแบบชาวโลกก็ว่าท่านตายอนาถด้วยซ้ำไป...แต่ความจริง..อนาถมั้ยละ...

ดังนั้น...อย่าไปยึดถือ..ว่า...คนมีธรรมะ..คนรรลุธรรม..จะต้องไม่เป็นโรคนั้นโรคนี้..ต้องไม่มีรูปร่างอย่างนั้นอย่างนี้..เลยนะครับ....มันจะพาเราไปในที่ไม่ดีซะมากกว่า..

บรรลุธรรมคืออะไร ไม่เข้าใจ

อย่างไรจึงเรียกว่าบรรลุธรรม

ลักษณะอย่างไร บรรลุธรรม

ใครจะมาวัดว่าบรรลุธรรม

ใคร..นะหรือ?

ใคร...นะหรือ...ที่ใช้..อาการของโรค..อาการของรูปร่างกาย..ไปวัดคนนั้นคนนี่..

ใคร..นะหรือ..

ดูนี้ซิครับ...ใครเอ่ย

นึกว่าจะอธิบายให้เข้าใจ??