วันเวลาปัจจุบัน 20 เม.ย. 2024, 04:35  



เขตเวลา GMT + 7 ชั่วโมง




กลับไปยังกระทู้  [ 15 โพสต์ ]    Bookmark and Share
เจ้าของ ข้อความ
โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 01 ม.ค. 2018, 07:02 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
Moderators-1
Moderators-1
ลงทะเบียนเมื่อ: 24 พ.ค. 2011, 14:20
โพสต์: 8123


 ข้อมูลส่วนตัว




source.gif
source.gif [ 498.38 KiB | เปิดดู 2179 ครั้ง ]
พระนามว่า "อรหํ" เพราะเหตุ ๕ นัย คือ

๑) ผู้ไกลจากกิเลสทั้งปวง
๒) ผู้กำจัดอริคือกิเลสที่งหลาย
๓) ผู้ทำลายซี่กำสังสารจักร (ล้อ คือ สงสาร ดุม ทำด้วยอาวัชชะ
และภวตัณหา ซี่กรรมคือ สังขาร ๓ มี ปุญญาภิสังขาร)
๔) ผู้ควรซึ่งปัจจัยและการบูชาอย่างยิ่ง
๕) ไม่ทรงทำบาปทั้งหลายแม้ในที่ลับ (คนพาลไว้ตัวว่าเป็นบัณฑิต ย่อมทำทำบาปในที่ลับ)

.....................................................
พระธรรมคำสอน บัญญัติ ตรัส ไว้ดีแล้ว ไม่ต้องลด ไม่ต้องเพิ่ม ไม่ต้องแก้ไข ใดๆ ทั้งสิ้น
โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 01 ม.ค. 2018, 07:24 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
Moderators-1
Moderators-1
ลงทะเบียนเมื่อ: 24 พ.ค. 2011, 14:20
โพสต์: 8123


 ข้อมูลส่วนตัว


พระนามว่า "สมฺมาสมฺพุทฺโธ" ทรงตรัสรู้ธรรมด้วยด้วยพระองค์เอง คือ

๑) ทรงรู้ธรรมที่รู้ยิ่ง (อภิญเญยฺยธรรม) อันพึงรู้ด้วยญาณวิเศษยิ่งหมายเอารู้อริยสัจ ๔ ด้วย ญาณ ตั้งแต่วิปัสสนาญาณ, มัคคญาณ, ผลญาณ, พุทธญาณ, สัพพัญญุตญาณ ได้แก่ สังขาร วิการ ลักขณะ นิพพาน บัญญัติ
๒) ทรงรู้ธรรมที่ควรกำหนดรู้ (ปริญเญยย)
๓) ทรงรู้ธรรมที่ควรละ (ปหาตัพพะ)
๔) ทรงรู้ธรรมที่ควรทำให้แจ้ง (สัจฉิกาตัพพะ)
๕) ทรงรู้ธรรมที่ควรเจริญ (ภาเวตัพพะ)

.....................................................
พระธรรมคำสอน บัญญัติ ตรัส ไว้ดีแล้ว ไม่ต้องลด ไม่ต้องเพิ่ม ไม่ต้องแก้ไข ใดๆ ทั้งสิ้น


โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 01 ม.ค. 2018, 08:23 
 
ออฟไลน์
สมาชิก ระดับ 9
สมาชิก ระดับ 9
ลงทะเบียนเมื่อ: 02 เม.ย. 2015, 09:43
โพสต์: 702

อายุ: 0

 ข้อมูลส่วนตัว


ขออนุโมทนาสาธุนะครับ
:b8: :b8: :b8:


โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 01 ม.ค. 2018, 09:17 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
Moderators-1
Moderators-1
ลงทะเบียนเมื่อ: 24 พ.ค. 2011, 14:20
โพสต์: 8123


 ข้อมูลส่วนตัว


อุบาสกน้อย เขียน:
ขออนุโมทนาสาธุนะครับ
:b8: :b8: :b8:


ขอบคุณที่ติดตามอ่านครับ

.....................................................
พระธรรมคำสอน บัญญัติ ตรัส ไว้ดีแล้ว ไม่ต้องลด ไม่ต้องเพิ่ม ไม่ต้องแก้ไข ใดๆ ทั้งสิ้น


โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 01 ม.ค. 2018, 09:28 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
Moderators-1
Moderators-1
ลงทะเบียนเมื่อ: 24 พ.ค. 2011, 14:20
โพสต์: 8123


 ข้อมูลส่วนตัว


พระนามว่า "วิชฺชาจรณสมฺปนฺโน" หมายเอาวิชา ๓ หรือ ๘ จรณะ ๑๕
วิชา ๓ ได้แก่ ปุพเพนิวาสานุสติญาณ ทิพพจักขุญาณ และอาสวักขยญาณ

วิชา ๘ ได้แก่ วิปัสสนาญาณ อิทธิวิธญาณ ปุพเพนิวาสานุสติญาณ เจโตปริยญาณ
ทิพพจักขุญาณ ทิพพโสตญาณ และอาสวักขยญาณ(อภิญญา ๖ วิปัสสนาญาณ และมโยมยิทธิ)

จรณะ ๑๕ ได้แก่ สัทธา สติ หิริ โอตตัปปะ วิริยะ สุตะ ปัญญา โภชเนมัตตัญญุตา ชาตริยายุโยโค ศีล อินทรียสังวร ปฐมฌาน ทุติยฌาน ตติยฌาน จตุตถฌาน

.....................................................
พระธรรมคำสอน บัญญัติ ตรัส ไว้ดีแล้ว ไม่ต้องลด ไม่ต้องเพิ่ม ไม่ต้องแก้ไข ใดๆ ทั้งสิ้น


โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 01 ม.ค. 2018, 12:35 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
Moderators-1
Moderators-1
ลงทะเบียนเมื่อ: 24 พ.ค. 2011, 14:20
โพสต์: 8123


 ข้อมูลส่วนตัว


พระนามว่า"สุคโต"เป็นผู้เสด็จไปแล้ว เพราะเหตุ ๔ นัย

๑)ความเป็นผู้มีทางเสด็จไปอันงาม คือ อริยมรรค
๒)ความเป็นผู้เสด็จไปสู่ที่อันดี คือ พระนิพพาน
๓)ความเป็นผู้เสด็จไปโดยชอบ คือ ละกิเลสได้หมดจดแล้ว(ไม่กลับคืนสู่กิเลส)
๔)ความเป็นผู้ตรัสโดยชอบ คือ กล่าวแต่สิ่งที่มีประโยชน์ตามกาล ดังนี้

๔.๑ วาจาใดไม่จริง ไม่เป็นประโยชน์ไม่เป็นที่พอใจผู้อื่นจะไม่กล่าว
๔.๒ วาจาใดไม่จริง แต่ไม่เป็นประโยชน์ไม่เป็นที่ชอบใจผู้อื่นจะไม่กล่าว
๔.๓ วาจาใดไม่จริง ไม่เป็นประโยชน์ แต่เป็นที่ชอบใจผู้อื่นจะไม่กล่าว
๔.๔ วาจาใดไม่จริง แต่ไม่เป็นประโยชน์ ถึงเป็นที่พอใจผู้อื่น ก็จะไม่กล่าว
๔.๕ วาจาใดจริง แต่ไม่เป็นประโยชน์ ถึงเป็นที่ชอบใจผู้อื่น ก็ไม่กล่าว
๔.๖ วาจาใดจริง ประกอบประโยชน์ และเป็นที่พอใจผู้อื่น ย่อมรู้กาลที่จะกล่าววาจานั้น

.....................................................
พระธรรมคำสอน บัญญัติ ตรัส ไว้ดีแล้ว ไม่ต้องลด ไม่ต้องเพิ่ม ไม่ต้องแก้ไข ใดๆ ทั้งสิ้น


โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 01 ม.ค. 2018, 16:18 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
Moderators-1
Moderators-1
ลงทะเบียนเมื่อ: 24 พ.ค. 2011, 14:20
โพสต์: 8123


 ข้อมูลส่วนตัว


พระนามว่า"โลกวิทู" เพราะทรงรู้โลกด้วยประการทั้งปวง คือ
สังขารโลก, สัตว์โลก, และโอกาสโลก คือไม่ใช่จะรู้แจ้งทางธรรมเพียงอย่างเดียว
หมายความว่าพระพุทธเจ้าทรงรู้แจ้งโลก ไม่ติดโลก
ใช้โลกให้เป็นประโยชน์แก่ชาวโลกทั้งหลาย อย่างไม่มีทุกข์

.....................................................
พระธรรมคำสอน บัญญัติ ตรัส ไว้ดีแล้ว ไม่ต้องลด ไม่ต้องเพิ่ม ไม่ต้องแก้ไข ใดๆ ทั้งสิ้น


โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 02 ม.ค. 2018, 06:08 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
Moderators-1
Moderators-1
ลงทะเบียนเมื่อ: 24 พ.ค. 2011, 14:20
โพสต์: 8123


 ข้อมูลส่วนตัว


พระนามว่า"อนุตฺตโร"(อนุตฺตโร+ปุริสทมฺมสารถิ)
เพราะบุคคลผู้ยิ่งกว่า พระผู้มีพระภาคหามีไม่ พระผู้มีพระภาค
ทรงครอบงำเสียซึ่งโลกทั้งปวงด้วย สีลคุณ สมาธิคุณ ปัญญาธิคุณ
(มัคคญาณ)วิมุตติคุณ และวิทุตติญาณทัสสนคุณ

.....................................................
พระธรรมคำสอน บัญญัติ ตรัส ไว้ดีแล้ว ไม่ต้องลด ไม่ต้องเพิ่ม ไม่ต้องแก้ไข ใดๆ ทั้งสิ้น


โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 02 ม.ค. 2018, 13:19 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
Moderators-1
Moderators-1
ลงทะเบียนเมื่อ: 24 พ.ค. 2011, 14:20
โพสต์: 8123


 ข้อมูลส่วนตัว


พระนามว่า"ปุริสทมฺมสารถิ"ทรงฝึกบุรุษที่พึงฝึกได้
ทรงฝึกบุรุษทั้งหลายที่ควรฝึกได้ จะเป็นสัตว์เดรัจฉานก็ดี
มนุษย์และอมนุษย์ก็ดี ด้วยวิธีปลอบบ้าง วิธีปราบบ้าง
และทั้งปลอบและปราบระคนกันบ้าง

ทรงบอกคุณวิเศษให้บริสุทธิ์หมดจดด้วยศีลบ้าง สมาธิบ้าง ปัญญาบ้าง
และมัคคปฏิปทาอันยิ่งขึ้นไปแก่อริยบุคคลทั้งหลาย

.....................................................
พระธรรมคำสอน บัญญัติ ตรัส ไว้ดีแล้ว ไม่ต้องลด ไม่ต้องเพิ่ม ไม่ต้องแก้ไข ใดๆ ทั้งสิ้น


โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 03 ม.ค. 2018, 11:03 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
Moderators-1
Moderators-1
ลงทะเบียนเมื่อ: 24 พ.ค. 2011, 14:20
โพสต์: 8123


 ข้อมูลส่วนตัว


ทรงพระนามว่า"สตฺถา เทวมนุสฺสานํ" คำว่า "สตฺถา" คือพระศาสดา
เพราะทรงสอนประโยชน์โลกนี้และโลกหน้า และประโยชน์อย่างยิ่ง
หรือเพราะสอนให้ข้ามพ้นแดนกันดาร สู่แดนเกษมได้

คำว่า "เทวมนุสฺสานํ" ได้แก่ เทวดาและมนุษย์ทั้งหลาย หมายเอา
เวไนยสัตว์ขั้นอุกฤษฏ์ที่เป็นภัพพบุคคล ผู้ควรบรรลุมัคผลนิพพานได้
ที่จริงเป็นศาสดาของสัตว์ทั้งหลายทีีได้อุปนิสัยจากการฟังธรรม
ของพระศาสดาด้วย ซึ่งจะมีส่วนแห่งมัคค ผลในอัตตภาพต่อไป

.....................................................
พระธรรมคำสอน บัญญัติ ตรัส ไว้ดีแล้ว ไม่ต้องลด ไม่ต้องเพิ่ม ไม่ต้องแก้ไข ใดๆ ทั้งสิ้น


โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 03 ม.ค. 2018, 16:25 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
Moderators-1
Moderators-1
ลงทะเบียนเมื่อ: 24 พ.ค. 2011, 14:20
โพสต์: 8123


 ข้อมูลส่วนตัว


พระนามว่า"พุทโธ"เพราะทรงรู้สิ่งที่ควรรู้ ด้วยพุทธญาณทั้งปวง
และสัพพัญญุตญาณ หรือเพราะรู้อนิยสัจ ๔ ด้วยพระองค์เอง
และยังให้ผู้อื่นรู้ด้วย

.....................................................
พระธรรมคำสอน บัญญัติ ตรัส ไว้ดีแล้ว ไม่ต้องลด ไม่ต้องเพิ่ม ไม่ต้องแก้ไข ใดๆ ทั้งสิ้น


โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 04 ม.ค. 2018, 04:39 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
Moderators-1
Moderators-1
ลงทะเบียนเมื่อ: 24 พ.ค. 2011, 14:20
โพสต์: 8123


 ข้อมูลส่วนตัว


พระนามว่า"ภควา"ผู้ประเสริฐอันอุดม และเป็นบรมครู
ผู้ควรเคารพยิ่ง พระราชบิดา,พระญาติ,ท้าวสันดุสิต มิได้ขนานนาม
ถวายพระสารีบุตรกล่าวว่า "ภควา"เกิดต่อจากอัครผล
พร้อมด้วยพระสัพพัญญุตญาณ เป็นพระนามที่ตั้งโดยรู้แจ้งเป็นนิมิต(สัจฉิกาบัญญัติ)

.....................................................
พระธรรมคำสอน บัญญัติ ตรัส ไว้ดีแล้ว ไม่ต้องลด ไม่ต้องเพิ่ม ไม่ต้องแก้ไข ใดๆ ทั้งสิ้น


โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 06 ม.ค. 2018, 08:44 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
Moderators-1
Moderators-1
ลงทะเบียนเมื่อ: 24 พ.ค. 2011, 14:20
โพสต์: 8123


 ข้อมูลส่วนตัว


พระนามว่า"ภควา"นี้เป็น เนมิตติดนาม พระสังคีติกาจารย์ประกาศคุณ
เป็นคาถาไว้ว่า"เพราะทรงเป็นผู้มีโชค เป็นผู้เสพสงัด เป็นผู้มีส่วนตวร
ได้รับจตุปัจจัย หรือมีส่วนแห่งธรรม เพราะเป็นผู้จำแนกธรรม
เพราะได้ทรงหักกิเลส คือบาปธรรมได้แล้ว เพราะทรงเป็นครู
ทรงมีบุญบารมีเป็นผู้อบรมพระองค์ดีแล้วด้วยเญยยธรรม เป็นอันมาก
และเพราะเป็นผู้ถึงที่สุดแห่งภพ"

เมื่อพระโยคาวจรระลึกถึงพระคุณว่า พระผู้มีพระภาคเป็นพรอรหันต์ ฯลฯ
เพราะเหตุนี้พระผู้มีพระผู้มีพระภาคเจ้านั้นเป็น ภควา ดังนั้

.....................................................
พระธรรมคำสอน บัญญัติ ตรัส ไว้ดีแล้ว ไม่ต้องลด ไม่ต้องเพิ่ม ไม่ต้องแก้ไข ใดๆ ทั้งสิ้น


โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 14 ม.ค. 2018, 14:45 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
Moderators-1
Moderators-1
ลงทะเบียนเมื่อ: 24 พ.ค. 2011, 14:20
โพสต์: 8123


 ข้อมูลส่วนตัว


สมัยนั้นจิตของเธอย่อมไม่เป็นจิตที่ราคะกลุ้มรุม ไม่เป็นจิตที่มีโทสะกลุ้มรุม
ไม่เป็นจิตที่โมหะกลุ้มรุมเลยทีเดียว สมัยนั้นจิตของเธอย่อมเป็นจิต
ดำเนินไปตรงแน่วแน่ โดยปรารถคุณของพระผู้มีพระภาคเจ้า
เมื่อเธอข่มนิวรณ์ โดยที่ไม่มีปริยุโฐานกิเลส มีราคะเป็นต้น
ชื่อว่ามีจิตกำเนินไปตรง เพราะความมีจิตมุ่งต่อพระกรรมฐานอยู่ ดังนี้

.....................................................
พระธรรมคำสอน บัญญัติ ตรัส ไว้ดีแล้ว ไม่ต้องลด ไม่ต้องเพิ่ม ไม่ต้องแก้ไข ใดๆ ทั้งสิ้น


โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 21 ม.ค. 2018, 10:28 
 
ออฟไลน์
Moderators-2
Moderators-2
ลงทะเบียนเมื่อ: 30 ก.ย. 2013, 07:16
โพสต์: 2374

อายุ: 0

 ข้อมูลส่วนตัว


:b39: :b44: ขออนุโมทนา สาธุๆๆ ค่ะ
:b8: :b8: :b8:


แสดงโพสต์จาก:  เรียงตาม  
กลับไปยังกระทู้  [ 15 โพสต์ ] 

เขตเวลา GMT + 7 ชั่วโมง


 ผู้ใช้งานขณะนี้

กำลังดูบอร์ดนี้: ไม่มีสมาชิก และ บุคคลทั่วไป 95 ท่าน


ท่าน ไม่สามารถ โพสต์กระทู้ในบอร์ดนี้ได้
ท่าน ไม่สามารถ ตอบกระทู้ในบอร์ดนี้ได้
ท่าน ไม่สามารถ แก้ไขโพสต์ของท่านในบอร์ดนี้ได้
ท่าน ไม่สามารถ ลบโพสต์ของท่านในบอร์ดนี้ได้
ท่าน ไม่สามารถ แนบไฟล์ในบอร์ดนี้ได้

ค้นหาสำหรับ:
ไปที่:  
Google
ทั่วไป เว็บธรรมจักร