วันเวลาปัจจุบัน 19 มี.ค. 2024, 18:05  



เขตเวลา GMT + 7 ชั่วโมง




กลับไปยังกระทู้  [ 510 โพสต์ ]  ไปที่หน้า ย้อนกลับ  1 ... 18, 19, 20, 21, 22, 23, 24 ... 34  ต่อไป  Bookmark and Share
เจ้าของ ข้อความ
โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 04 พ.ค. 2019, 20:31 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
สมาชิกระดับ 19
สมาชิกระดับ 19
ลงทะเบียนเมื่อ: 29 ต.ค. 2009, 15:06
โพสต์: 7503

อายุ: 0

 ข้อมูลส่วนตัว


Love J. เขียน:
ความสุขในโลกมีอยู่ แต่ความสุขในโลกนั้นไม่เที่ยง มีความแปรปรวนเป็นธรรมดา
เพราะเหตุที่ไม่เที่ยง มีความแปรปรวนเป็นธรรมดา ความสุขในโลกจึงเป็นทุกข์
ไม่ควรยึดมั่นถือมั่น ( เป็นอนัตตา )

มีแต่ทุกข์ที่เกิด
มีแต่ทุกข์ที่ดับ
สุขมีที่ไหน
มีแต่ไม่รู้
จึงทุกข์
เพราะ
ไม่รู้
ก็กำลังมีจริงๆคืออวิชชาไงคะ
:b12:
:b32: :b32:


โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 04 พ.ค. 2019, 20:33 
 
ออฟไลน์
สมาชิกระดับสูงสุด
สมาชิกระดับสูงสุด
ลงทะเบียนเมื่อ: 25 เม.ย. 2009, 02:43
โพสต์: 12233


 ข้อมูลส่วนตัว


Love J. เขียน:
ความสุขในโลกมีอยู่ แต่ความสุขในโลกนั้นไม่เที่ยง มีความแปรปรวนเป็นธรรมดา
เพราะเหตุที่ไม่เที่ยง มีความแปรปรวนเป็นธรรมดา ความสุขในโลกจึงเป็นทุกข์
ไม่ควรยึดมั่นถือมั่น ( เป็นอนัตตา )


คำว่า.."ไม่ควรยึดมั่นถือมั่น ( เป็นอนัตตา )"

หมายถึง..ความ.ไม่ยึดมั่นถือมั่น = อนัตตา ??

หรือครับ?


โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 04 พ.ค. 2019, 20:35 
 
ออฟไลน์
สมาชิก ระดับ 6
สมาชิก ระดับ 6
ลงทะเบียนเมื่อ: 17 ส.ค. 2018, 07:07
โพสต์: 482

อายุ: 0

 ข้อมูลส่วนตัว


กบนอกกะลา เขียน:
Love J. เขียน:
ความสุขในโลกมีอยู่ แต่ความสุขในโลกนั้นไม่เที่ยง มีความแปรปรวนเป็นธรรมดา
เพราะเหตุที่ไม่เที่ยง มีความแปรปรวนเป็นธรรมดา ความสุขในโลกจึงเป็นทุกข์
ไม่ควรยึดมั่นถือมั่น ( เป็นอนัตตา )


คำว่า.."ไม่ควรยึดมั่นถือมั่น ( เป็นอนัตตา )"

หมายถึง..ความ.ไม่ยึดมั่นถือมั่น = อนัตตา ??

หรือครับ?


หมายถึง วิราคะ วิมุติ วิมุติญาณทัศณะ ครับ


โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 04 พ.ค. 2019, 21:13 
 
ออฟไลน์
สมาชิก ระดับ 6
สมาชิก ระดับ 6
ลงทะเบียนเมื่อ: 17 ส.ค. 2018, 07:07
โพสต์: 482

อายุ: 0

 ข้อมูลส่วนตัว


Love J. เขียน:
กบนอกกะลา เขียน:
Love J. เขียน:
ความสุขในโลกมีอยู่ แต่ความสุขในโลกนั้นไม่เที่ยง มีความแปรปรวนเป็นธรรมดา
เพราะเหตุที่ไม่เที่ยง มีความแปรปรวนเป็นธรรมดา ความสุขในโลกจึงเป็นทุกข์
ไม่ควรยึดมั่นถือมั่น ( เป็นอนัตตา )


คำว่า.."ไม่ควรยึดมั่นถือมั่น ( เป็นอนัตตา )"

หมายถึง..ความ.ไม่ยึดมั่นถือมั่น = อนัตตา ??

หรือครับ?


หมายถึง วิราคะ วิมุติ วิมุติญาณทัศณะ ครับ


คือ จะบอกว่า สัพเพ ธัมมา อนัตตา .. เราจะเห็นธรรมทั้งปวงเป็นอนัตตาได้
เราต้องเข้าถึงความดับทุกข์ นิโรธ หรือ นิพพาน ธรรมอันเป็นที่สิ้นตัณหาอุปาทาน
ว่างเปล่าจากตัวตนบุคคลสักหนนึงก่อน หรือ ต้องบรรลุโสดาปัตติผลก่อนประมาณนี้
อ่าครับ .. อันนี้เป็นเพียงความเข้าใจของผมตามที่เห็นนะครับ


โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 04 พ.ค. 2019, 21:19 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
สมาชิกระดับ 19
สมาชิกระดับ 19
ลงทะเบียนเมื่อ: 29 ต.ค. 2009, 15:06
โพสต์: 7503

อายุ: 0

 ข้อมูลส่วนตัว


Love J. เขียน:
Love J. เขียน:
กบนอกกะลา เขียน:
Love J. เขียน:
ความสุขในโลกมีอยู่ แต่ความสุขในโลกนั้นไม่เที่ยง มีความแปรปรวนเป็นธรรมดา
เพราะเหตุที่ไม่เที่ยง มีความแปรปรวนเป็นธรรมดา ความสุขในโลกจึงเป็นทุกข์
ไม่ควรยึดมั่นถือมั่น ( เป็นอนัตตา )


คำว่า.."ไม่ควรยึดมั่นถือมั่น ( เป็นอนัตตา )"

หมายถึง..ความ.ไม่ยึดมั่นถือมั่น = อนัตตา ??

หรือครับ?


หมายถึง วิราคะ วิมุติ วิมุติญาณทัศณะ ครับ


คือ จะบอกว่า สัพเพ ธัมมา อนัตตา .. เราจะเห็นธรรมทั้งปวงเป็นอนัตตาได้
เราต้องเข้าถึงความดับทุกข์ นิโรธ หรือ นิพพาน ธรรมอันเป็นที่สิ้นตัณหาอุปาทาน
ว่างเปล่าจากตัวตนบุคคลสักหนนึงก่อน หรือ ต้องบรรลุโสดาปัตติผลก่อนประมาณนี้
อ่าครับ .. อันนี้เป็นเพียงความเข้าใจของผมตามที่เห็นนะครับ

:b32:
เฮอๆๆๆไม่ดูแสงสีกันเลย
ยึดเห็นผิดเป็นใหญ่กันยู่
ตถาคตบอกจิตเห็นสีค่ะ
ตถาคตไม่ได้บอกว่าจิตเห็นตัวอักษร
และทรงย้ำอีกว่าไม่ให้เชื่อเพราะตำรา
ตัวอักษรใช่ตำราไหมยึดเห็นผิดยังคิดตามเห็นผิดกันยุ่อีก...บอกให้เริ่มฟัง
:b32: :b32: :b32:


โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 05 พ.ค. 2019, 02:40 
 
ออฟไลน์
สมาชิกระดับสูงสุด
สมาชิกระดับสูงสุด
ลงทะเบียนเมื่อ: 25 เม.ย. 2009, 02:43
โพสต์: 12233


 ข้อมูลส่วนตัว


Love J. เขียน:
กบนอกกะลา เขียน:
Love J. เขียน:
ความสุขในโลกมีอยู่ แต่ความสุขในโลกนั้นไม่เที่ยง มีความแปรปรวนเป็นธรรมดา
เพราะเหตุที่ไม่เที่ยง มีความแปรปรวนเป็นธรรมดา ความสุขในโลกจึงเป็นทุกข์
ไม่ควรยึดมั่นถือมั่น ( เป็นอนัตตา )


คำว่า.."ไม่ควรยึดมั่นถือมั่น ( เป็นอนัตตา )"

หมายถึง..ความ.ไม่ยึดมั่นถือมั่น = อนัตตา ??

หรือครับ?


หมายถึง วิราคะ วิมุติ วิมุติญาณทัศณะ ครับ


แล้วจะวงเล็บ.."เป็นอนัตตา"...ทำไมละคับ?

Love J. เขียน:
คือ จะบอกว่า สัพเพ ธัมมา อนัตตา .. เราจะเห็นธรรมทั้งปวงเป็นอนัตตาได้
เราต้องเข้าถึงความดับทุกข์ นิโรธ หรือ นิพพาน ธรรมอันเป็นที่สิ้นตัณหาอุปาทาน

ว่างเปล่าจากตัวตนบุคคลสักหนนึงก่อน หรือ ต้องบรรลุโสดาปัตติผลก่อนประมาณนี้
อ่าครับ .. อันนี้เป็นเพียงความเข้าใจของผมตามที่เห็นนะครับ


ยิ่งอธิบาย..ก็ยิ่งพันกัน..สับสนในตัว..นะครับ..

" เราจะเห็นธรรมทั้งปวงเป็นอนัตตาได้
เราต้องเข้าถึงความดับทุกข์ นิโรธ หรือ นิพพาน ธรรมอันเป็นที่สิ้นตัณหาอุปาทาน
"

นี้..คุณเลิฟกำลังจะบอกว่า...จะเห็นอนัตตาหลังนิโรธ...อยู่นะครับ
รู้ตัวรึเปล่า?

อนัตตา...นั้น..เห็นตั้งกะ..ตอนเป็นโสดาบันแล้วครับ..ยังไม่นิโรธเลยนะครับนั้น
โสดาบันยังทุกข์อยู่...

ไปไล่ดูลำดับวิปัสสนาญาณ..ก็ได้ครับ...

้ต้นเหตุ..ของคำคำนี้..."ไม่ควรยึดมั่นถือมั่น ( เป็นอนัตตา )"

ผมคิดว่า...เนื่องมาจาก..การตีความในอนัตตลักขณสูตร..ผิดผิด..ตามตามกันมา

อ้างคำพูด:
[๒๑] พระผู้มีพระภาคตรัสถามว่า ดูกรภิกษุทั้งหลาย พวกเธอสำคัญความข้อนั้นเป็นไฉน
รูปเที่ยงหรือไม่เที่ยง?
พระปัญจวัคคีย์ทูลว่า ไม่เที่ยง พระพุทธเจ้าข้า.
ภ. ก็สิ่งใดไม่เที่ยง สิ่งนั้นเป็นทุกข์หรือเป็นสุขเล่า?
ป. เป็นทุกข์ พระพุทธเจ้าข้า.
ภ. ก็สิ่งใดไม่เที่ยง เป็นทุกข์ มีความแปรปรวนเป็นธรรมดา ควรหรือจะตามเห็นสิ่ง
นั้นว่า นั่นของเรา นั่นเป็นเรา นั่นเป็นตนของเรา?

ป. ข้อนั้น ไม่ควรเลย พระพุทธเจ้าข้า.


มักเข้าใจ..ว่า..

ไม่เที่ยง...คือ..อนิจจลักษณะ
เป็นทุกข์..คือ..ทุกขลักษณะ
ไม่ควรเห็นสิ่งนั้นนั้น..เป็นตน..คือ..อนัตตลักษณะ

อาจเป็นเพราะ...พอเห็นชื่อพระสูตร...ก็เลยคิดว่ามีแค่..ไตรลักษณะ..เท่านั้น
ก็เลยเป็นที่มา..คำของเลิฟ...ที่ว่า.."ไม่ควรยึดมั่นถือมั่น ( เป็นอนัตตา )"

ทั้งๆที่ในพระสูตร..พระองค์ท่าน..สอนว่าโลกทั้งปวงเป็นไตรลักษณ์...เป็นทุกข์เพราะยึด..ไม่ยึดก็ไม่ทุกข์..คือ..บอกทั้งไตรลักษณ์..บอกทั้งเหตุของทุกข์..และทางพ้นทุกข์..อันเป็นอริยะสัจ 4..ครบจบ

พอจะเห็น..เหตุที่ทำให้แปลกๆ..ในคำของตน..ยังคับ
:b12: :b12: :b12:


แก้ไขล่าสุดโดย กบนอกกะลา เมื่อ 05 พ.ค. 2019, 03:17, แก้ไขแล้ว 1 ครั้ง

โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 05 พ.ค. 2019, 02:58 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
สมาชิกระดับ 19
สมาชิกระดับ 19
ลงทะเบียนเมื่อ: 29 ต.ค. 2009, 15:06
โพสต์: 7503

อายุ: 0

 ข้อมูลส่วนตัว


กบนอกกะลา เขียน:
Love J. เขียน:
กบนอกกะลา เขียน:
Love J. เขียน:
ความสุขในโลกมีอยู่ แต่ความสุขในโลกนั้นไม่เที่ยง มีความแปรปรวนเป็นธรรมดา
เพราะเหตุที่ไม่เที่ยง มีความแปรปรวนเป็นธรรมดา ความสุขในโลกจึงเป็นทุกข์
ไม่ควรยึดมั่นถือมั่น ( เป็นอนัตตา )


คำว่า.."ไม่ควรยึดมั่นถือมั่น ( เป็นอนัตตา )"

หมายถึง..ความ.ไม่ยึดมั่นถือมั่น = อนัตตา ??

หรือครับ?


หมายถึง วิราคะ วิมุติ วิมุติญาณทัศณะ ครับ


แล้วจะวงเล็บ.."เป็นอนัตตา"...ทำไมละคับ?

:b1:
ธัมมะทั้งหลายเป็นอนัตตาถึงได้โดยอนัตตาไม่ใช่มีอัตตาไปทำไม่รู้เพิ่มขึ้น
:b12:
สัพเพ ธัมมา นาลัง อภินิเวสายะ
ประโยคนี้ไม่ใช่หรือคะถึงจะแปลว่า
ธัมมะทั้งหลายทั้งปวงไม่ควรยึดมั่นถือมั่น
:b20:
ส่วน อัตตา แปลว่า ตัวตน ตรงข้ามกับ อนัตตา แปลว่า ไม่ใช่ตัวตน บังคับบัญชาไปตามใจอยากไม่ได้ค่ะ
:b32:
:b4: :b4:


โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 05 พ.ค. 2019, 03:09 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
สมาชิกระดับ 19
สมาชิกระดับ 19
ลงทะเบียนเมื่อ: 29 ต.ค. 2009, 15:06
โพสต์: 7503

อายุ: 0

 ข้อมูลส่วนตัว


Kiss
ใจอยากไปทำเพราะอยากรู้
แต่อยากรู้ยังไงก็รู้ไม่ได้ค่ะ
เพราะปัญญามียังไม่พอ
ต่อความต้องการค่ะ
เพราะอยากถึง
คิดติดข้องต้องการเพิ่ม
คือนันทิ/โลภะ/ราคะ/ตัณหา/อวิชชา/อยากได้/อยากมี/อยากเป็น/อยากเห็น/เอาเพิ่ม/ทำเพิ่มเพราะไม่รู้
แต่นิพพานถึงได้โดยหมดอยากถึงคือละอวิชชาละตัณหาละอุปาทานขันธ์5ว่ามีตัวตนคือละไม่รู้ได้ก่อนไปทำ
:b12:
:b16: :b16:


โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 05 พ.ค. 2019, 05:20 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
สมาชิกระดับสูงสุด
สมาชิกระดับสูงสุด
ลงทะเบียนเมื่อ: 24 ต.ค. 2006, 12:36
โพสต์: 33766

อายุ: 0

 ข้อมูลส่วนตัว


Rosarin เขียน:
Kiss
ใจอยากไปทำเพราะอยากรู้
แต่อยากรู้ยังไงก็รู้ไม่ได้ค่ะ
เพราะปัญญามียังไม่พอ
ต่อความต้องการค่ะ
เพราะอยากถึง
คิดติดข้องต้องการเพิ่ม
คือนันทิ/โลภะ/ราคะ/ตัณหา/อวิชชา/อยากได้/อยากมี/อยากเป็น/อยากเห็น/เอาเพิ่ม/ทำเพิ่มเพราะไม่รู้
แต่นิพพานถึงได้โดยหมดอยากถึงคือละอวิชชาละตัณหาละอุปาทานขันธ์5ว่ามีตัวตนคือละไม่รู้ได้ก่อนไปทำ
:b12:
:b16: :b16:


อ้างคำพูด:
ใจอยากไปทำเพราะอยากรู้

แต่อยากรู้ยังไงก็รู้ไม่ได้ค่ะ

เพราะปัญญามียังไม่พอ


ต่อความต้องการค่ะ


พ่ะน่ะ อยากรู้ยังงี้ล่ะ ตัวอย่างง่ายๆ อยากรู้ว่า ตำน้ำพริกเขาใส่อะไรบ้าง เราก็ไปเรียน ก็จึงรู้ว่า อ้อ เขาใส่พริก กะปิ กะเทียม ลงในครกตำๆโคลกๆ บีบมะนาวใส่ลงไป ก็จึงกลายเป็นน้ำพริก มีปลาทูทอดกรอบๆ มีผัก มีข้าวสวยร้อนๆ สวรรค์เลยทีนี้ น้ำลายหยดสามแหมะ :b32:

รูปภาพ

พอไหม คิกๆๆๆ

พุทธในเมืองไทยไปไม่รอด

.....................................................
https://dhammachati.blogspot.com/


โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 05 พ.ค. 2019, 08:27 
 
ออฟไลน์
สมาชิก ระดับ 6
สมาชิก ระดับ 6
ลงทะเบียนเมื่อ: 17 ส.ค. 2018, 07:07
โพสต์: 482

อายุ: 0

 ข้อมูลส่วนตัว


กบนอกกะลา เขียน:
Love J. เขียน:
กบนอกกะลา เขียน:
Love J. เขียน:
ความสุขในโลกมีอยู่ แต่ความสุขในโลกนั้นไม่เที่ยง มีความแปรปรวนเป็นธรรมดา
เพราะเหตุที่ไม่เที่ยง มีความแปรปรวนเป็นธรรมดา ความสุขในโลกจึงเป็นทุกข์
ไม่ควรยึดมั่นถือมั่น ( เป็นอนัตตา )


คำว่า.."ไม่ควรยึดมั่นถือมั่น ( เป็นอนัตตา )"

หมายถึง..ความ.ไม่ยึดมั่นถือมั่น = อนัตตา ??

หรือครับ?


หมายถึง วิราคะ วิมุติ วิมุติญาณทัศณะ ครับ


แล้วจะวงเล็บ.."เป็นอนัตตา"...ทำไมละคับ?

Love J. เขียน:
คือ จะบอกว่า สัพเพ ธัมมา อนัตตา .. เราจะเห็นธรรมทั้งปวงเป็นอนัตตาได้
เราต้องเข้าถึงความดับทุกข์ นิโรธ หรือ นิพพาน ธรรมอันเป็นที่สิ้นตัณหาอุปาทาน

ว่างเปล่าจากตัวตนบุคคลสักหนนึงก่อน หรือ ต้องบรรลุโสดาปัตติผลก่อนประมาณนี้
อ่าครับ .. อันนี้เป็นเพียงความเข้าใจของผมตามที่เห็นนะครับ


ยิ่งอธิบาย..ก็ยิ่งพันกัน..สับสนในตัว..นะครับ..

" เราจะเห็นธรรมทั้งปวงเป็นอนัตตาได้
เราต้องเข้าถึงความดับทุกข์ นิโรธ หรือ นิพพาน ธรรมอันเป็นที่สิ้นตัณหาอุปาทาน
"

นี้..คุณเลิฟกำลังจะบอกว่า...จะเห็นอนัตตาหลังนิโรธ...อยู่นะครับ
รู้ตัวรึเปล่า?

อนัตตา...นั้น..เห็นตั้งกะ..ตอนเป็นโสดาบันแล้วครับ..ยังไม่นิโรธเลยนะครับนั้น
โสดาบันยังทุกข์อยู่...

ไปไล่ดูลำดับวิปัสสนาญาณ..ก็ได้ครับ...

้ต้นเหตุ..ของคำคำนี้..."ไม่ควรยึดมั่นถือมั่น ( เป็นอนัตตา )"

ผมคิดว่า...เนื่องมาจาก..การตีความในอนัตตลักขณสูตร..ผิดผิด..ตามตามกันมา

อ้างคำพูด:
[๒๑] พระผู้มีพระภาคตรัสถามว่า ดูกรภิกษุทั้งหลาย พวกเธอสำคัญความข้อนั้นเป็นไฉน
รูปเที่ยงหรือไม่เที่ยง?
พระปัญจวัคคีย์ทูลว่า ไม่เที่ยง พระพุทธเจ้าข้า.
ภ. ก็สิ่งใดไม่เที่ยง สิ่งนั้นเป็นทุกข์หรือเป็นสุขเล่า?
ป. เป็นทุกข์ พระพุทธเจ้าข้า.
ภ. ก็สิ่งใดไม่เที่ยง เป็นทุกข์ มีความแปรปรวนเป็นธรรมดา ควรหรือจะตามเห็นสิ่ง
นั้นว่า นั่นของเรา นั่นเป็นเรา นั่นเป็นตนของเรา?

ป. ข้อนั้น ไม่ควรเลย พระพุทธเจ้าข้า.


มักเข้าใจ..ว่า..

ไม่เที่ยง...คือ..อนิจจลักษณะ
เป็นทุกข์..คือ..ทุกขลักษณะ
ไม่ควรเห็นสิ่งนั้นนั้น..เป็นตน..คือ..อนัตตลักษณะ

อาจเป็นเพราะ...พอเห็นชื่อพระสูตร...ก็เลยคิดว่ามีแค่..ไตรลักษณะ..เท่านั้น
ก็เลยเป็นที่มา..คำของเลิฟ...ที่ว่า.."ไม่ควรยึดมั่นถือมั่น ( เป็นอนัตตา )"

ทั้งๆที่ในพระสูตร..พระองค์ท่าน..สอนว่าโลกทั้งปวงเป็นไตรลักษณ์...เป็นทุกข์เพราะยึด..ไม่ยึดก็ไม่ทุกข์..คือ..บอกทั้งไตรลักษณ์..บอกทั้งเหตุของทุกข์..และทางพ้นทุกข์..อันเป็นอริยะสัจ 4..ครบจบ

พอจะเห็น..เหตุที่ทำให้แปลกๆ..ในคำของตน..ยังคับ
:b12: :b12: :b12:


ก่อนอื่นใดต้องขอพูดถึงความชอบใจส่วนตัว .. ผมชอบสนทนาธรรมกับผู้ที่สามารถแลกเปลี่ยนกัน
ด้วยธรรม ยินดีในธรรม ยอมรับกันตามธรรม อย่างลุงกบเป็นพิเศษ ผู้ใดกล่าวถูกก็ชื่นชมโมทนากัน
ผู้ใดกล่าวผิดก็แย้งถกกันแล้วยอมรับปรับแก้ตามธรรม

ไม่สนทนาธรรมกันเพียงเอาชนะกันด้วยวาทะอย่างไม่ยอมลดละ ถูกว่าเป็นผิดก็ได้ ผิดว่าเป็นถูกก็ได้
เพื่อสนับสนุนวาทะตนเอง อย่างนั้นไม่ได้รู้รสชาติแห่งธรรมอะไรเลย .. แต่ตอนนี้ขอตัวไปหาอะไรทาน
ก่อนครับเดี๋ยวกลับมาขอโอกาสชี้แจงในสิ่งที่ผมกล่าว

:b8: :b12:


โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 05 พ.ค. 2019, 10:28 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
สมาชิกระดับ 19
สมาชิกระดับ 19
ลงทะเบียนเมื่อ: 29 ต.ค. 2009, 15:06
โพสต์: 7503

อายุ: 0

 ข้อมูลส่วนตัว


กรัชกาย เขียน:
Rosarin เขียน:
Kiss
ใจอยากไปทำเพราะอยากรู้
แต่อยากรู้ยังไงก็รู้ไม่ได้ค่ะ
เพราะปัญญามียังไม่พอ
ต่อความต้องการค่ะ
เพราะอยากถึง
คิดติดข้องต้องการเพิ่ม
คือนันทิ/โลภะ/ราคะ/ตัณหา/อวิชชา/อยากได้/อยากมี/อยากเป็น/อยากเห็น/เอาเพิ่ม/ทำเพิ่มเพราะไม่รู้
แต่นิพพานถึงได้โดยหมดอยากถึงคือละอวิชชาละตัณหาละอุปาทานขันธ์5ว่ามีตัวตนคือละไม่รู้ได้ก่อนไปทำ
:b12:
:b16: :b16:


อ้างคำพูด:
ใจอยากไปทำเพราะอยากรู้

แต่อยากรู้ยังไงก็รู้ไม่ได้ค่ะ

เพราะปัญญามียังไม่พอ


ต่อความต้องการค่ะ


พ่ะน่ะ อยากรู้ยังงี้ล่ะ ตัวอย่างง่ายๆ อยากรู้ว่า ตำน้ำพริกเขาใส่อะไรบ้าง เราก็ไปเรียน ก็จึงรู้ว่า อ้อ เขาใส่พริก กะปิ กะเทียม ลงในครกตำๆโคลกๆ บีบมะนาวใส่ลงไป ก็จึงกลายเป็นน้ำพริก มีปลาทูทอดกรอบๆ มีผัก มีข้าวสวยร้อนๆ สวรรค์เลยทีนี้ น้ำลายหยดสามแหมะ :b32:

รูปภาพ

พอไหม คิกๆๆๆ

พุทธในเมืองไทยไปไม่รอด

cool
ตัวตนคนก็เหมือนน้ำพริกที่สำเร็จแล้วแหลกละเอียดจนไม่เหลือซากตัวตน/ตัวอยู่ไหนคะมีตัวไหมคะ
ถ้ายังมีตัวแปลว่ายังมีกิเลสแปลว่าอวิชชาไหลแล้วเพราะไม่รู้ว่าก่อนจะเป็นตัวมีอะไรเอามาคลุกรวมกันบ้าง
https://youtu.be/pNUhjkteKt8
:b12:
:b32: :b32:


โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 05 พ.ค. 2019, 10:33 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
สมาชิกระดับ 19
สมาชิกระดับ 19
ลงทะเบียนเมื่อ: 29 ต.ค. 2009, 15:06
โพสต์: 7503

อายุ: 0

 ข้อมูลส่วนตัว


Kiss
คิดว่ามีตา
ตาก็ดับแระ
คิดถึงหูก็ดับอีก
มีจมูกปากลิ้นกายใจ
ไว้มีตัวตนไปทำไม่รู้เพิ่มขึ้นหรือคะ
หรือจะยอมใช้ประโยชน์จากตาที่ไม่บอดและหูที่ไม่หนวกเพียรฟังพระธรรมดีล่ะ
:b16:
:b4: :b4:


โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 05 พ.ค. 2019, 10:36 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
สมาชิกระดับ 19
สมาชิกระดับ 19
ลงทะเบียนเมื่อ: 29 ต.ค. 2009, 15:06
โพสต์: 7503

อายุ: 0

 ข้อมูลส่วนตัว


Rosarin เขียน:
Kiss
คิดว่ามีตา
ตาก็ดับแระ
คิดถึงหูก็ดับอีก
มีจมูกปากลิ้นกายใจ
ไว้มีตัวตนไปทำไม่รู้เพิ่มขึ้นหรือคะ
หรือจะยอมใช้ประโยชน์จากตาที่ไม่บอดและหูที่ไม่หนวกเพียรฟังพระธรรมดีล่ะ
:b16:
:b4: :b4:

คำสอนฟังเพื่อพิสูจน์ความจริงที่กำลังมีเดี๋ยวนี้...เคยฟังเข้าใจสักครั้งในชีวิตหรือยังคะ...ทุกคลิปมีปัจจุบันอยู่
https://youtu.be/4R3enYVU72Q
:b12:
:b20: :b20:


โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 05 พ.ค. 2019, 11:07 
 
ออฟไลน์
สมาชิก ระดับ 6
สมาชิก ระดับ 6
ลงทะเบียนเมื่อ: 17 ส.ค. 2018, 07:07
โพสต์: 482

อายุ: 0

 ข้อมูลส่วนตัว


Rosarin เขียน:
Rosarin เขียน:
Kiss
คิดว่ามีตา
ตาก็ดับแระ
คิดถึงหูก็ดับอีก
มีจมูกปากลิ้นกายใจ
ไว้มีตัวตนไปทำไม่รู้เพิ่มขึ้นหรือคะ
หรือจะยอมใช้ประโยชน์จากตาที่ไม่บอดและหูที่ไม่หนวกเพียรฟังพระธรรมดีล่ะ
:b16:
:b4: :b4:

คำสอนฟังเพื่อพิสูจน์ความจริงที่กำลังมีเดี๋ยวนี้...เคยฟังเข้าใจสักครั้งในชีวิตหรือยังคะ...ทุกคลิปมีปัจจุบันอยู่
https://youtu.be/4R3enYVU72Q
:b12:
:b20: :b20:


ทุกวันนี้เปิดคลิปบ้านธรรมะ เห็นหน้าท่านอาจารย์สุจินด์แล้วนึกถึงคุณรส
จิตก็ไม่ยินดี ไม่น้อมไปเพื่อฟังและพิจารณาตามแล้วครับ

ตรงกันข้ามทั้งที่ไม่เคยเห็นหลวงปู่มั่น แต่เห็นหน้าท่านแล้วนึกถึงลูกศิษท์
ลูกหาท่าน จิตก็ยินดีน้อมไปเพื่อฟังและพิจารณาด้วยความเลื่อมใส


โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 05 พ.ค. 2019, 17:20 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
สมาชิกระดับ 19
สมาชิกระดับ 19
ลงทะเบียนเมื่อ: 29 ต.ค. 2009, 15:06
โพสต์: 7503

อายุ: 0

 ข้อมูลส่วนตัว


Love J. เขียน:
Rosarin เขียน:
Rosarin เขียน:
Kiss
คิดว่ามีตา
ตาก็ดับแระ
คิดถึงหูก็ดับอีก
มีจมูกปากลิ้นกายใจ
ไว้มีตัวตนไปทำไม่รู้เพิ่มขึ้นหรือคะ
หรือจะยอมใช้ประโยชน์จากตาที่ไม่บอดและหูที่ไม่หนวกเพียรฟังพระธรรมดีล่ะ
:b16:
:b4: :b4:

คำสอนฟังเพื่อพิสูจน์ความจริงที่กำลังมีเดี๋ยวนี้...เคยฟังเข้าใจสักครั้งในชีวิตหรือยังคะ...ทุกคลิปมีปัจจุบันอยู่
https://youtu.be/4R3enYVU72Q
:b12:
:b20: :b20:


ทุกวันนี้เปิดคลิปบ้านธรรมะ เห็นหน้าท่านอาจารย์สุจินด์แล้วนึกถึงคุณรส
จิตก็ไม่ยินดี ไม่น้อมไปเพื่อฟังและพิจารณาตามแล้วครับ

ตรงกันข้ามทั้งที่ไม่เคยเห็นหลวงปู่มั่น แต่เห็นหน้าท่านแล้วนึกถึงลูกศิษท์
ลูกหาท่าน จิตก็ยินดีน้อมไปเพื่อฟังและพิจารณาด้วยความเลื่อมใส

:b32:
เห็นเป็นผลของกรรม
รู้ตัวแล้วว่าเกิดเป็นคน
เป็นผลของกรรมดีหนึ่ง
ที่ส่งต่อจากจุติจิตชาติก่อน
มาปฏิสนธิ1ขณะในครรภ์มารดา
จนออกมามีตัวตนชื่ออะไรบ้านอยู่ไหน
แต่ไม่รู้เลยว่าตัวตนนั้นไม่มีรู้แต่ว่าอยากได้อยากดี
ลืมฟังคำสอนของพระพุทธเจ้าว่าพระองค์ตรัสรู้อะไรทรงแสดงให้ฟังไม่เคยฟังแล้วชาติไหนจะมีปัญญาเพิ่ม
https://youtu.be/IcvYzJKu6fU
:b12:
:b32: :b32:


แสดงโพสต์จาก:  เรียงตาม  
กลับไปยังกระทู้  [ 510 โพสต์ ]  ไปที่หน้า ย้อนกลับ  1 ... 18, 19, 20, 21, 22, 23, 24 ... 34  ต่อไป

เขตเวลา GMT + 7 ชั่วโมง


 ผู้ใช้งานขณะนี้

กำลังดูบอร์ดนี้: Google [Bot] และ บุคคลทั่วไป 31 ท่าน


ท่าน ไม่สามารถ โพสต์กระทู้ในบอร์ดนี้ได้
ท่าน ไม่สามารถ ตอบกระทู้ในบอร์ดนี้ได้
ท่าน ไม่สามารถ แก้ไขโพสต์ของท่านในบอร์ดนี้ได้
ท่าน ไม่สามารถ ลบโพสต์ของท่านในบอร์ดนี้ได้
ท่าน ไม่สามารถ แนบไฟล์ในบอร์ดนี้ได้

ค้นหาสำหรับ:
ไปที่:  
Google
ทั่วไป เว็บธรรมจักร