วันเวลาปัจจุบัน 25 เม.ย. 2024, 04:19  



เขตเวลา GMT + 7 ชั่วโมง




กลับไปยังกระทู้  [ 2 โพสต์ ]    Bookmark and Share
เจ้าของ ข้อความ
โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 19 พ.ย. 2017, 16:24 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
สมาชิกระดับสูงสุด
สมาชิกระดับสูงสุด
ลงทะเบียนเมื่อ: 02 ก.ค. 2006, 22:20
โพสต์: 5977

โฮมเพจ: http://walaiblog.blogspot.com/
แนวปฏิบัติ: กายคตาสติ
อายุ: 0
ที่อยู่: สมุทรปราการ

 ข้อมูลส่วนตัว


เจโตวิมุติ

มีเกิดขึ้น ช่วงสภาวะจิตดวงสุดท้ายมีเกิดขึ้น
เป็นสภาวะ สมถะและวิปัสสนาเคียงคู่กันไป มีเกิดขึ้นตามความเป็นจริง



เจโตวิมุติ ในที่นี้ หมายถึง

ผู้ที่เจริญสมถะ(สัมมาสมาธิ)และวิปัสสนา ได้แก่

๑. สมถะเกิดก่อน วิปัสสนาเกิดที่หลัง
เกิดจากการทำความเพียรทุกรูปแบบ
เพื่อให้จิตตั้งมั่นเป็นสมาธิ



๒. วิปัสสนาเกิดก่อน สมถะเกิดที่หลัง
เกิดจาก การกำหนดรู้ "ผัสสะ เวทนา ตัณหา อุปทาน ภพ"
ที่มีเกิดขึ้น ขณะดำเนินชีวิต

เป็นสภาวะของ ศิล ที่เป็นไปเพื่อสมาธิ




๓. สมถะและวิปัสสนาเคียงคู่กันไป
เกิดจาก การทำความเพียร(๑)
และการกำหนดรู้(๒)







เจโตวิมุติ ได้แก่ สมถะที่เป็นสัมมาสมาธิ
มี ๒ ชนิด ได้แก่


๑. ผู้ที่ไม่ได้สัมผัสวิโมกข์ ๘ ด้วยนามกาย
คือ ได้ฌาน แต่ไม่ได้วิโมกข์ ๘




๒. ผู้ที่สัมผัสวิโมกข์ ๘ ด้วยนามกาย
แต่มีเหตุปัจจัยให้จิตเสื่อมจากวิโมกข์ ๘

คือ ได้วิโมกข์ ๘ แต่มีเหตุปัจจัยให้กำลังสมาธิที่มีอยู่
เสื่อมหายไปหมดสิ้น

แต่การทำความเพียรไม่ย่อหย่อน
ต่อมาภายหลัง จิตตั้งมั่นเป็นสมาธิ
แต่ไม่ได้สัมผัสวิโมกข์ ๘ ด้วยนามกาย
คือ เป็นผู้ได้ฌาน แต่ไม่ได้วิโมกข์ ๘






สมถะหรือจิตตั้งมั่นเป็นสมาธิ ที่นำมากล่าวทั้งหมดนี้
เป็นลักษณะเด่นเฉพาะของสัมมาสมาธิเท่านั้น
เป็นหลักฐานของผู้ที่ทำความเพียร
ย่อมประจักษ์แจ้งด้วยตนเอง

อินทรีย์ ๕ หรือพละ ๕
จึงมีผลต่อสภาวะจิตดวงสุดท้าย

.....................................................
มิจฉาปณิหิตจิต จิตที่ตั้งไว้ผิด ย่อมตามพิชิตตัวเอง

สัตว์โลกย่อมเป็นไปตามกรรม ตามการกระทำของแต่ละคน (ตามความเป็นจริง)


โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 19 พ.ย. 2017, 16:28 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
สมาชิกระดับสูงสุด
สมาชิกระดับสูงสุด
ลงทะเบียนเมื่อ: 02 ก.ค. 2006, 22:20
โพสต์: 5977

โฮมเพจ: http://walaiblog.blogspot.com/
แนวปฏิบัติ: กายคตาสติ
อายุ: 0
ที่อยู่: สมุทรปราการ

 ข้อมูลส่วนตัว


ต้องได้ฌานงั้นรึ?
แล้วจะรู้ได้ยังไงว่า เป็นผู้ได้ฌานหรือไม่ได้ฌาน

เขียนอะไรก็ไม่รู้ มีแต่คำศัพท์ อ่านไม่รู้เรื่อง
แล้วจะเข้าใจได้ยังไง



บางคน อ่านสิ่งที่วลัยพรเขียน
อ่านแล้ว อาจจะทำให้เกิดความรู้สึกนึกคิดใดๆก็ตาม
ที่อ่านแล้ว ไม่เข้าใจ นี่เป็นเรื่องปกติ
อ่านแล้วคิดว่าเข้าใจ ก็เป็นเรื่องปกติ




ตกลงต้องทำให้ได้ฌานรึเปล่า?
แล้วจะรู้ได้ยังไงว่า ได้ฌานหรือไม่ได้ฌาน

สิ่งที่เขียนนั้น เขียนตามสภาวะ
และต้องการดำรงพระธรรมคำสอนไว้ให้ดังเดิม
ไม่เพิ่มเติม ไม่ตัดทอน จึงเขียนออกมาแบบนั้น


สำหรับผู้ปฏิบัติ ที่ไม่รู้ปริยัติ หรือรู้ปริยัติ
แต่ไม่เข้าถึง ยังไม่รู้แจ้งแทงตลอดสภาวะนั้นๆด้วยตนเอง


เรื่องจิตตั้งมั่นเป็นสมาธิ ได้ฌาน หรือไม่ได้ฌาน
เกี่ยวกับเรื่องนี้ ตัดทิ้งไปได้





เอาเป็นแค่ว่า เวลาทำกรรมฐาน จะอิริยาบทใดก็ตาม
เวลาที่จิตตั้งมั่นเป็นสมาธิ รู้ชัดว่าจิตตั้งมั่นเป็นสมาธิมั๊ย
เอาแค่รู้ชัดตรงนี้ก่อน เป็นสิ่งแรก



ยกตย. บางคนอาจจะรู้สึกถึงความสงบบ้าง
จู่ๆรู้ชัดที่ส่วนใดส่วนหนึ่งของกายบ้าง
หรือ กำลังมองสิ่งใดสิ่งหนึ่งอยู่
แล้วมีแสงสว่าง(โอภาส) เกิดขึ้น
หรือปรากฏเหมือนมองกระจกใสๆ
ทั้งที่ตรงนั้นไม่มีกระจกฯลฯ

สภาวะที่เกิดขึ้นตรงนี้ เป็นเรื่องของ ขณิกสมาธิ
คือ เกิดในระยะๆสั้นๆ




ส่วนโอภาส หรือแสงสว่าง เป็นเรื่องของ กำลังสมาธิ
ที่เรียกว่า อัปนาสมาธิ ที่มีเกิดขึ้น
ถึงแม้จะเป็นระยะสั้นๆ ก็สามารถมีเกิดขึ้นได้



เมื่อมีสภาวะใดเกิดขึ้น อย่านำชื่อแซ่หรือคำเรียกต่างๆ ใส่ลงไป
เพราะอาจเป็นปัจจัยให้ อุปกิเลส ทำงานโดยอัตโนมัติ






ข้อต่อมา ตรงนี้เป็นเรื่องของการทำกรรมฐาน
ในอิริบท ยืน เดิน นั่ง นอน

รู้แค่ว่า จิตเป็นสมาธิ ก็รู้ชัดว่าจิตเป็นสมาธิ รู้ตรงนี้ก่อน
ส่วนองค์ประกอบอื่นๆ เช่น วิตก วิจารณ์ฯลฯ
คำเรียกต่างๆ อย่านำไปใส่ในสภาวะที่มีเกิดขึ้น
เพราะเป็นปัจจัยให้ สภาวะที่มีเกิดขึ้น ผิดเพี้ยน
และอุปกิเลส มีเกิดขึ้นอัตโนมัติ






ข้อต่อมา เมื่อจิตเป็นสมาธิ รู้ชัดว่าจิตเป็นสมาธิ
ตรงนี้สำคัญมาก ต้องรู้จักสังเกตุ ไม่ใช่จ้องดู

แต่หมายถึง หลังเลิกทำกรรมฐานแล้ว
ให้ทบทวนสภาวะต่างๆ ที่มีเกิดขึ้น
แล้วจดบันทึกเก็บไว้

วันนี้อาจจะยังไม่รู้ว่า สภาวะที่มีเกิดขึ้น คืออะไร
เรียกว่าอะไร ให้กำหนดรู้เท่านั้นพอ

หากสงสัยแล้วนำไปค้นหา
จะกลายเป็นนิวรณ์ เป็นอุปสรรคต่อการทำความเพียร





ข้อสุดท้าย เมื่อรู้ชัดว่าจิตตั้งมั่นเป็นสมาธิ
เวลาเป็นสมาธิ รู้กายที่นั่งอยู่มั๊ย
รู้ท้องพองขึ้นยุบลงมั๊ย
หรือรู้ว่ามีกายปรากฏอยู่มั๊ย
รู้อะไรแบบนี้ ประมาณนี้

ส่วนภายนอกอาจจะดับหมด หรือยังได้ยินเสียงอยู่
ตรงนั้นไม่ต้องไปสนใจ แค่รู้ที่กายเท่านั้นพอ

เวทนาต่างๆ สามารถมีเกิดขึ้นได้ ขณะจิตเป็นสมาธิ

จิตคิดพิจรณา ได้แก่ สัญญาต่างๆ สามารถมีเกิดขึ้นได้ ขณะจิตเป็นสมาธิ

กล่าวโดยย่อ รู้ชัดในผัสสะ ที่มีเกิดขึ้น ขณะจิตตั้งมั่นเป็นสมาธิ

เป็นลักษณะเด่นเฉพาะ "สัมมาสมาธิ"







.

จริงๆแล้ว รายละเอียดมีมากกว่านี้
ตอนนี้รู้แค่นี้พอ อ่านมากๆ เดี่ยวจะมึน
บางคนอาจถอนใจไปเลยก็ได้

.....................................................
มิจฉาปณิหิตจิต จิตที่ตั้งไว้ผิด ย่อมตามพิชิตตัวเอง

สัตว์โลกย่อมเป็นไปตามกรรม ตามการกระทำของแต่ละคน (ตามความเป็นจริง)


แสดงโพสต์จาก:  เรียงตาม  
กลับไปยังกระทู้  [ 2 โพสต์ ] 

เขตเวลา GMT + 7 ชั่วโมง


 ผู้ใช้งานขณะนี้

กำลังดูบอร์ดนี้: Google [Bot] และ บุคคลทั่วไป 60 ท่าน


ท่าน ไม่สามารถ โพสต์กระทู้ในบอร์ดนี้ได้
ท่าน ไม่สามารถ ตอบกระทู้ในบอร์ดนี้ได้
ท่าน ไม่สามารถ แก้ไขโพสต์ของท่านในบอร์ดนี้ได้
ท่าน ไม่สามารถ ลบโพสต์ของท่านในบอร์ดนี้ได้
ท่าน ไม่สามารถ แนบไฟล์ในบอร์ดนี้ได้

ค้นหาสำหรับ:
ไปที่:  
Google
ทั่วไป เว็บธรรมจักร