วันเวลาปัจจุบัน 29 มี.ค. 2024, 04:36  



เขตเวลา GMT + 7 ชั่วโมง




กลับไปยังกระทู้  [ 1 โพสต์ ]    Bookmark and Share
เจ้าของ ข้อความ
โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 15 พ.ย. 2017, 05:47 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
อาสาสมัคร
อาสาสมัคร
ลงทะเบียนเมื่อ: 06 มี.ค. 2009, 10:48
โพสต์: 5091


 ข้อมูลส่วนตัว


"ของดีอะไร อะไรคือของดี
ของดีก็มีอยู่ด้วยกันทุกคนแล้ว
การที่ร่างกายแข็งแรง
ไม่เจ็บไข้ได้พยาธินั้น ก็มีของดีแล้ว
การมีร่างกายแข็งแรง มีอวัยวะครบถ้วน
ไม่บกพร่องวิกลวิการ อันนี้ก็เป็นของดีแล้ว
ของดีมีอยู่ในตน
ไม่รู้จะไปเอาของดี ที่ไหนอีก
สมบัติของดี จากเจ้าพ่อเจ้าเแม่ให้มา
ก็เป็นของดีอยู่แล้ว มีอยู่แล้วทุกคน
จะไปเอาของดีที่ไหนอีก
ของดี ก็ต้องทำให้มันเกิด มันมีขึ้น
ในจิตใจของตน ความดีอันใดที่ยังไม่มี
ก็ต้องเพียรพยายาม ทำให้เกิดให้มีขึ้น
นี่แหละของดี ของดีอยู่แล้ว
ในตัวของเราทุกๆ คน
มองให้มันเห็น หาให้มันเห็น
ภายในตนของตนนี่แหละ
จึงใช้ได้ ถ้าไปมองหาแสวงหาของดี
ภายนอกแล้ว ใช้ไม่ได้"
-:- หลวงปู่แหวน สุจิณโณ -:-



"การให้ผลของกรรม
ไม่ใช่ว่าจะทันตาเห็นเสมอไป
ออกผลชาตินี้ก็มี
ชาติหน้าก็มี ชาติต่อๆ ไปก็มี
เมื่อพาลทำความชั่ว
แล้วได้ความสะดวกสบาย
เขามักจะสรุปว่า
กฎแห่งกรรมไม่มีจริง
เพราะทำชั่วได้ดี
เหมือนคนกินยาพิษ
ยืนยันว่า ไม่น่าจะอันตราย
เพราะตอนนี้ยังไม่รู้สึกอะไร
และมันอร่อยเหลือเกิน"
-:- พระอาจารย์ชยสาโร ภิกขุ -:-



เราเรียนมาแล้ว
ว่า...ถ้าเราอยากจะ
หลุดพ้นจากความทุกข์
หลุดพ้นจากการเวียนว่ายตายเกิด
เราต้อง..
"ฝืนความอยากทุกรูปแบบ"
................................
...ขอให้รู้
คำสอนของพระพุทธเจ้านี้
มีเป้าหมายอยู่จุดเดียวเท่านั้น
อยู่ตรงเดียว..
"ให้หยุดความอยาก"
.
เพื่อเราจะได้ดับทุกข์
ที่เกิดจาก"ความอยาก"
........................................
.
คัดลอกการสนทนาธรรม
ธรรมะบนเขา 14/11/2560
พระอาจารย์สุชาติ อภิชาโต
วัดญาณสังวรารามฯ ชลบุรี




" จะทุกข์จะยากสักเพียงใดก็ตาม.จะโสเป็นโสตายต่อพระพุทธศาสนา.มันก็หมดเรื่องเท่านั้น.
ถ้าจะยอมโสเป็นโสตายกับพระพุทธศาสนาก็เสียเปรียบพระพุทธเจ้า เสียเปรียบพระธรรม เสียเปรียบพระสงฆ์.อือ.มันก็ลำบากอันนั้น.
ทีนี้เราไม่ยอมโสเป็นโสตายต่อพระพุทธพระธรรมพระสงฆ์.ก็เรียกว่าทิฏฐิมานะของเรามันจดฟ้าใช่ไหม.เออ...
เราก็ต้องไปโสเป็นโสตายต่อผีต่อเปรตทีนี้.ถ้าไม่โสเป็นโสตายต่อพระพุทธพระธรรมพระสงฆ์.
ก็ต้องไปโสเป็นโสตายต่อ...เปรตสรณังคัจฉามิ ผีสรณังคัจฉามิ โจรสรณังคัจฉามิ มารสรณังคัจฉามิ.อือ.
ฆราวาสสรณังคัจฉามิ.อือ.ลูกเมืยสรณังคัจฉามิ.นั่นน่ะ.จะว่าพุทธังสรณังคัจฉามิก็ว่าเฉยๆ .อือ.
เห็นเขาว่าก็ว่าไปตามเขา.อือ.เคยหูก็หัดปาก แก้วเจ้าขากินข้าวกับกล้วย.อือ.แต่ไม่รู้จักกล้วย.กินอยู่ก็ไม่รู้จักกล้วย."
หลวงปู่หล้า เขมปัตโต





“ บุญสุขใจเท่ากัน”
ถาม : ทำทานกับพระอรหันต์ได้อานิสงส์เยอะมั้ยครับ
พระอาจารย์ : เหมือนกันทำกับพระอรหันต์หรือทำกับหมาก็ได้เท่ากัน (ยิ้ม) ทำร้อยบาทก็ได้บุญร้อยบาทเหมือนกัน แต่ประโยชน์ที่ได้จากพระอรหันต์กับหมานี่ต่างกัน ทำบุญกับพระอรหันต์แล้ว ได้ฟังเทศน์ฟังธรรม ได้ธรรมะจากพระอรหันต์ ทำบุญกับหมา เราก็ได้ฟังหมาเห่า มันต่างกันตรงนั้น
แต่บุญเท่ากัน บุญที่เกิดจากการเสียสละเงินร้อยบาทนี้เท่ากัน เป็นความสุขใจเท่ากัน เลี้ยงหมาร้อยบาท เลี้ยงพระร้อยบาท ก็เกิดความสุขใจเหมือนกัน แต่สิ่งที่เราจะได้รับจากพระจากหมามันต่างกัน
สนทนาธรรมบนเขา
วันที่ ๑๓ พฤศจิกายน ๒๕๖๐
พระอาจารย์สุชาติ อภิชาโต




“ จิตเข้าสู่ความสงบ”
ไม่จำเป็นจะคิดก็อย่าปล่อยให้มันคิด ใช้คำบริกรรมพุทโธดึงมันไว้ก็ได้ ใช้ให้มันดูร่างกายก็ได้ ว่าตอนนี้ร่างกายกำลังทำอะไรอยู่ กำลังเดินก็ให้มันดู ให้มันเฝ้าดูการเดิน กำลังรับประทานอาหาร ก็ให้มันดู เฝ้าดู อย่าให้มันไปที่อื่น อันนี้เรียกว่าเป็นการสร้างสติขึ้นมา ดึงจิตให้มันอยู่กับที่ ไม่ให้มันไหลไปตามกระแสของอารมณ์ ของความคิดต่างๆ ถ้าเราดึงมันไว้อยู่กับที่ ต่อไปอารมณ์หรือความคิดมันก็จะสงบ สงบแล้วใจเราก็จะนิ่ง จะสบาย มีความสุขโดยที่ไม่ต้องไปทำอะไร สิ่งต่างๆที่เราทำที่เราคิดว่าเป็นความสุขนี้ สู้ความสุขที่ได้จากการไม่ทำอะไรไม่ได้ ถ้าอยู่เฉยๆแล้วใจนิ่งนี้ ไม่มีอะไรจะมีสุขเท่ากับความสงบของใจ นัตถิ สันติ ปรมัง สุขัง สุขอื่นที่เหนือกว่าความสงบไม่มี
พยายามหยุดมันให้ได้ ขั้นแรกก็หยุดกายก่อน กายต้องนั่งเฉยๆนิ่งๆ แล้วก็มาหยุดความคิด หยุดคิดอีกทีนึง ถ้ากายยังเดินอยู่นี้ มันจะไม่นิ่งเต็มที่ มันก็จะทำให้นิ่ง แต่มันก็ยังต้องทำงาน ยังต้องคอยสั่งร่างกายให้เคลื่อนไหวอยู่ ให้ทำอะไรอยู่ ถ้าต้องการให้มันนิ่งแบบไม่ต้องทำอะไร ร่างกายต้องนั่งเฉยๆ ใจจะได้ปล่อยวางร่างกายได้ ปล่อยวางจะได้เข้าสู่ความสงบได้เต็มที่ พยายามทำให้ได้สติ ได้สติแล้วเวลานั่งสมาธิก็จะได้สมาธิ จะได้ความสงบ ได้ความสุขที่ทำให้เราไม่ต้องไปมีอะไรมาให้ความสุขกับเรา เพราะสิ่งที่เราไปหามาให้ความสุขกับเรา นอกจากให้ความสุขกับเราแล้ว มันยังให้ความทุกข์กับเราด้วย เพราะมันไม่เที่ยงแท้แน่นอน วันดีคืนดีมันก็เปลี่ยนไป หรือมันก็จากเราไป เวลาเปลี่ยนไปมันก็ไม่ดี แล้วเวลาจากเราไปก็ยิ่งไม่ดีใหญ่
ฉะนั้นอย่าไปหาอะไรมาให้ความสุขดีกว่า เพราะเท่ากับการไปหาความทุกข์ ความสุขความทุกข์มันเป็นเหมือนเหรียญ มันเป็นเหรียญอันเดียวกัน มีอยู่สองด้าน สิ่งต่างๆที่เราได้นี้มันเป็นเหมือนเหรียญ มีสองด้าน มีสุขและมีทุกข์ สุขตอนที่มันดี พอมันไม่ดีพอมันเสื่อมพอมันเสียไปก็กลายเป็นความทุกข์ขึ้นมา ฉะนั้นทุกอย่างมันต้องเสื่อม มันต้องเสีย มันต้องหมด ไม่มีอะไรในโลกนี้ที่มันจะเป็นเหมือนเดิม เที่ยงแท้แน่นอน มีการเปลี่ยนแปลงอยู่เรื่อยๆ และส่วนใหญ่จะเปลี่ยนแปลงไปทางที่ไม่ดี คือเสื่อม มีลาภ เจริญลาภแล้ว เดี๋ยวก็ต้องเสื่อมลาภ มียศ เจริญยศแล้ว เดี๋ยวก็ต้องเสื่อมยศ มีอะไรเจริญ แล้วมันต้องเสื่อม ไม่มีอะไรที่จะเจริญไปเรื่อยๆหรอก ฉะนั้นอย่าไปมีอะไรในโลกนี้ สิ่งต่างๆในโลกนี้เป็นความทุกข์ซ่อนอยู่ ซ่อนอยู่ภายใต้ความสุข เหมือนเบ็ดที่ซ่อนอยู่ใต้เหยื่อ ถ้าเราไม่ไปตะครุบเหยื่อเราก็ไม่ถูกเบ็ด ปลาที่ฉลาดมันเห็นเหยื่อมันเห็นเบ็ดด้วย ปลาที่โง่มันเห็นแต่เหยื่อมันไม่เห็นเบ็ด มันก็เลยไปฮุบเหยื่อพอฮุบเหยื่อเข้า ก็ถูกตะขอเบ็ดเกี่ยวปาก คนฉลาดจะเห็นความทุกข์ใน ลาภยศสรรเสริญเพราะเห็นว่ามันต้องเสื่อม ก็ไม่ไปฮุบ ไม่เอามันดีกว่า ยอมอยู่แบบไม่มีลาภยศสรรเสริญดีกว่า ถ้าอยู่แบบไม่มีลาภยศสรรเสริญได้ก็ต้องอยู่กับความสงบ ต้องทำใจให้สงบให้ได้ ถ้าใจไม่สงบเดี๋ยวใจมันก็จะดิ้นไปหาลาภยศสรรเสริญ ไปหาความสุขทางตาหูจมูกลิ้นกาย
วิธีที่จะทำให้ใจไม่ดิ้นไปหาก็คือ ใช้สติหยุดมัน พุทโธ พุทโธไป ถ้ามันจะไปคิดถึงลาภยศสรรเสริญ คิดถึงรูปเสียงกลิ่นรสก็หยุดมันเสีย อย่าปล่อยมันคิด ถ้ายิ่งคิดแล้ว เดี๋ยวความอยากก็จะไหลมา พอเกิดความอยากแล้ว มันจะทรมาน มันจะทนอยู่เฉยๆไม่ได้ ในที่สุดมันก็ต้องไปหาลาภยศสรรเสริญ พอได้มาแล้ว เดี๋ยวก็ต้องเสียใจ เวลามันเสื่อมเวลามันหมด
ความสุขทางตาหูจมูกลิ้นกายนี้ มันเหมือนควันไฟสุขเดี๋ยวเดียว อยากไปเที่ยวก็ไปเที่ยวกันสนุกเฮฮา พอกลับมาบ้านมันหายไปหมดแล้ว เหลือแต่ความอ้างว้างเปล่าเปลี่ยว แล้วเดี๋ยวก็ต้องออกไปใหม่ เพราะอยู่กับความอ้างว้างเปล่าเปลี่ยวไม่ได้ต้องไปมีรูปเสียงกลิ่นรสมาให้จิตได้เสพ เสพเท่าไหร่ก็ไม่อิ่มไม่พอ เสพมากๆก็เบื่ออีก เบื่อก็ต้องหาแบบอื่นหารูปเสียงอย่างอื่นไป ก็ต้องดิ่นไปเรื่อยๆ ไม่ใช่ทางที่จะนำไปสู่ความสุขที่แท้จริง ทางที่นำไปสู่ความสุขที่แท้จริง คือความสงบ คือการเจริญสติ เพื่อให้จิตเข้าสู่ความสงบ ถ้าจิตเข้าสู่ความสงบแล้ว ไม่มีอะไรจะดีเท่ากับความสุขแบบนี้.
สนทนาธรรมบนเขา
วันที่ ๑๓ พฤศจิกายน ๒๕๖๐
พระอาจารย์สุชาติ อภิชาโต




ถาม : ทำบุญ ทำทาน แบบไหน ให้ได้บุญมาก
พระอาจารย์ ตอบ : มันต้องวัดที่ใจของเรานะ เราทำอะไรแล้วเรามีความซาบซึ้งใจมาก มันกระทบกระเทือนใจเรามาก อันนี้แหละเป็นบุญมากสำหรับเรา สมมุติว่าเรากำลังหิวข้าว มีข้าวอยู่จานเดียว แต่เราเห็นคนที่กำลังผอมโซเดินมา เขาไม่ได้กินข้าวตั้ง ๔-๕ วัน ถึงแม้เราจะหิวข้าวแล้วอยากจะกินข้าวจานนั้น เราเกิดความสงสารคนนั้นมากกว่าสงสารเรา เราเอาข้าวจานนั้นให้เขากิน อันนั้นก็เป็นบุญมากแล้ว เพราะมัน ชนะกิเลสในใจเราได้
ขออย่าไปผิดศีล๕ มีเงินทองเหลือใช้ก็เอาไปทำบุญ จะทำในลักษณะไหนก็ได้ ทำกับพระก็ได้ ทำกับเด็กกำพร้าก็ได้ ทำกับขอทานก็ได้ ทำกับพ่อกับแม่ก็ได้ ทำกับญาติพี่น้องเพื่อนฝูงก็ได้ แล้วแต่ความจำเป็นแล้วแต่กรณี
บุญที่เราทำนี่เป็นความสุขใจ อย่างที่บอกว่าอยู่ที่ใจของเรา ถ้าทำแล้วเรามีความสุขใจมาก บุญก็มาก นี่เป็นบุญส่วนหนึ่ง แต่บุญอีกส่วนหนึ่งที่เราจะได้รับจากบุคคลที่เราทำนั้น ไม่เกี่ยวกับบุญส่วนนี้ บุญที่เราจะได้รับจากบุคคลที่เราทำบุญด้วย เช่น ถ้าเราทำบุญกับพระพุทธเจ้า แล้วได้ฟังเทศน์ฟังธรรมจากพระพุทธเจ้า ทำให้เราหลุดพ้นจากทุกข์ได้ นี่เป็นบุญอีกส่วนหนึ่ง ที่เราได้รับจากบุคคลที่เราทำบุญด้วย
ทำบุญ ให้ได้ บุญมาก
ต้องทำให้มันชนะ กิเลส ในใจเราให้ได้
พระอาจารย์สุชาติ อภิชาโต
ธรรมะบนเขา ณ จุลศาลา เขตปฏิบัติธรรมเขาชีโอน
วัดญาณสังวรารามวรมหาวิหาร ชลบุรี




ถ้าไปสำคัญมั่นหมายว่าเพศหญิงเพศชาย..มันก็ทุกข์
เพศหญิงเพศชายมันเป็นของโลก มันเป็นของสมมติเฉยๆ
ถ้าเราดูอสุภะให้มันเห็นเป็นกองกระดูก มันก็ไม่มีตัวตน
ความอยากได้ความกำหนัดยินดีก็หมดนั่นล่ะ
จึงให้พากันดูใจตัวเองว่ามันจะเอาอะไร มันยังยินดีอะไร
ถ้าเห็นใจแล้วมันก็มีความสุขเท่านั้นล่ะ
เพราะสุขมันอยู่กับใจ ไม่ได้อยู่ที่อื่น
ถ้าเราพิจารณาดูตัวเรา อย่าไปทำที่อื่น
หลวงปู่เพียร วิริโย




" เกิดคนเดียว ตายคนเดียว "
อย่ามัวห่วงโลก โลกนี้พบปะเกี่ยวข้องกันชั่วคราวเท่านั้น
ดีกับชั่วเท่านั้นเหลือไว้ให้โลก
จิตสงบใจสบาย พร้อมกับรู้ตามทรุดโทรมของรูปนี้ล่ะที่จะพออยู่ต่อได้
คนโง่ผู้ไม่พิจารณาความดี ความชั่วใด ๆ เหมือนคนตื่นขึ้น
ไม่เห็นสิ่งที่พบเจอในฝัน แปลว่ามันเปล่าประโยชน์
๑. อายุเหลือน้อย
๒. ถูกชราปิดล้อม
๓. โรคภัยห้ำหั่น
๔. วันคืนเคลื่อนคล้อย
๕. ที่สุดก็ตาย...
โอวาทธรรมองค์หลวงปู่จาม มหาปุญโญ ผู้มากมีบุญ วัดป่าวิเวกวัฒนาราม
(วัดป่าบ้านห้วยทราย) บ้านห้วยทราย ต.คำชะอี อ.คำชะอี จ.มุกดาหาร




ให้ตั้งหลักให้แน่น ถ้าเอาชนะใจได้ ชนะทุกแห่งหน ไม่ใช่แค่สิบทิศ ร้อยทิศก็ชนะทั้งหมด เป็นผู้ไม่หวั่นไหว ดำรงมั่นในหลักธรรม กิเลสจะมาทิศไหนก็ชนะได้ทั้งหมด
หลวงพ่ออินทร์ถวาย สนฺตุสฺสโก
๑๒ ตุลาคม ๒๕๕๘




:โลภอย่างไร ไม่เป็นบาป
“ท่านจะโลภเพียงใดแค่ไหน เชิญท่านโลภไปเถิด ท่านจะทะเยอทะยานไปถึงไหน เชิญท่านทะเยอทะยานไปเถิด แต่การประพฤติดี หรือการกระทำของท่าน หรือการแสวงหาผลประโยชน์ที่ต้องการ อย่าให้ผิดศีลข้ออทินนาทาน คืออย่าลักขโมย จี้ ปล้น ฉ้อโกง อย่าให้มันผิดศีลข้อนี้ ข้อมุสาวาท อย่ายักยอกหลอกลวง...”
พระธรรมคำสอนโดย
พระราชสังวรญาณ (หลวงพ่อพุธ ฐานิโย)
วัดป่าสาลวัน อำเภอเมือง จังหวัดนครราชสีมา
(พ.ศ. ๒๔๖๔ – ๒๕๔๒)




" การเป็นคนดี ไม่ใช่อยู่ที่ความหล่อ หรือสวย
มิใช่อยู่ที่ความร่ำรวย หรือว่ายากจน
อยู่ที่การฝึกตนให้เป็น " คนมีศีลธรรม "
------------------------------------------------------------
ลพ.วิริยังค์ สิรินธโร วัดธรรมมงคล
เขตพระโขนง กรุงเทพมหานคร


แสดงโพสต์จาก:  เรียงตาม  
กลับไปยังกระทู้  [ 1 โพสต์ ] 

เขตเวลา GMT + 7 ชั่วโมง


 ผู้ใช้งานขณะนี้

กำลังดูบอร์ดนี้: Google [Bot] และ บุคคลทั่วไป 33 ท่าน


ท่าน ไม่สามารถ โพสต์กระทู้ในบอร์ดนี้ได้
ท่าน ไม่สามารถ ตอบกระทู้ในบอร์ดนี้ได้
ท่าน ไม่สามารถ แก้ไขโพสต์ของท่านในบอร์ดนี้ได้
ท่าน ไม่สามารถ ลบโพสต์ของท่านในบอร์ดนี้ได้
ท่าน ไม่สามารถ แนบไฟล์ในบอร์ดนี้ได้

ค้นหาสำหรับ:
ไปที่:  
Google
ทั่วไป เว็บธรรมจักร