วันเวลาปัจจุบัน 23 เม.ย. 2024, 21:54  



เขตเวลา GMT + 7 ชั่วโมง




กลับไปยังกระทู้  [ 1 โพสต์ ]    Bookmark and Share
เจ้าของ ข้อความ
โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 21 ส.ค. 2020, 05:38 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
อาสาสมัคร
อาสาสมัคร
ลงทะเบียนเมื่อ: 06 มี.ค. 2009, 10:48
โพสต์: 5091


 ข้อมูลส่วนตัว


...พระพุทธเจ้าทรงตรัสสอน
พุทธศาสนิกชนให้หมั่นพิจารณาอยู่เนืองๆว่า..”เราเกิดมาแล้ว ย่อมมีการพลัดพรากจากกันเป็นธรรมดา ล่วงพ้นการพลัดพรากจากกันไปไม่ได้ “

.
นี่คือความจริงของชีวิต ของทุกๆชีวิต
ไม่ว่าจะสูงจะต่ำ จะรวยจะจน จะฉลาดหรือโง่ จะต้อง..มีการพลัดพรากจากกันเป็นธรรมดา

.
ถ้าไม่พิจารณาอยู่เนื่องๆ
ใจจะหลงจะลืม จะคิดว่าจะอยู่ร่วมกัน
ไปเรื่อยๆ ไม่มีวันสิ้นสุด พอถึงเวลาที่
จะต้องพลัดพรากจากกัน ก็จะ..
“เกิดความทุกข์ใจเกิดความไม่สบายใจขึ้นมา”

.
แต่ถ้าหมั่นพิจารณาอยู่เรื่อยๆ
จะไม่หลงจะไม่ลืม จะเตรียมตัวเตรียมใจ
จะไม่ยึดไม่ติด กับสิ่งต่างๆ กับบุคคลต่างๆ
“เพราะรู้ว่า..ไม่ช้าก็เร็ว จะต้องจากกันอย่างแน่นอน “

.
นี่คือธรรมที่สำคัญ
“เพราะจะปกป้อง..จิตใจ”
ไม่ให้ทุกข์กับการพลัดพรากจากกัน
จากการสูญเสียสิ่งต่างๆไป.

.....................................
คัดลอกการแสดงธรรม
ธรรมะบนเขา 18/4/2558
พระอาจารย์สุชาติ อภิชาโต
วัดญาณสังวรารามฯ ชลบุรี








เครื่องสังเกตผู้รู้หรือนักปราชญ์อย่างหนึ่งคือ "ความกตัญญู" ถ้าคนไหนฉลาดขนาดไหน ถ้าว่าถือตัวถือตนว่าเก่งคนเดียวและได้เพราะความเพียร เป็น self made man อะไรต่ออะไร...มันไม่ใช่คนมีปัญญา

แล้วคนเราจะได้ดีเพราะมีสิ่งแวดล้อมที่ดี เพราะมีกัลยาณมิตร เพราะมีอาจารย์ และที่สำคัญ...เพราะมีคุณพ่อคุณแม่ เป็นต้น ฉะนั้น การรับรู้รับทราบต่อเหตุปัจจัยต่าง ๆ ก็เป็นอาการของปัญญา และความรู้สึกที่เกิดพร้อมปัญญา คือ...ความกตัญญู

พระเทพพัชรญาณมุนี
(พระอาจารย์ชยสาโร)
๒๑ กรกฎาคม ๒๕๕๕








คารวตาค่อยๆ จางหายไปจากสังคมอย่างเห็นได้ชัด เพราะอะไร? หรือ เพราะใคร? เป็นคำถามที่ไม่ได้ต้องการคำตอบ

บุคคลผู้ที่มีสติสัมปชัญญะ มีสติปัญญาพิจารณาได้โดยรอบคอบ ย่อมรับทราบรับรู้ความบกพร่องของตนได้ด้วยตนเองและพร้อมที่จะแก้ไขสิ่งที่บกพร่องนั้นเสมอ ส่วนผู้ที่ถูกอวิชชาความไม่รู้ โมหะความหลงงมงาย อุปาทานความยึดมั่นในสังขาร และตัณหาความอยากครอบงำ ย่อมมืดมน ยึดถือตัวตนไว้แน่น ไม่ยอมแม้นแต่จะเจรจา รับฟังข้อหาตำหนิเล็กน้อยจากผู้อื่น

คิดแต่จะเอาดีเขาตัว เอาชั่วใส่คนอื่น เช่นนี้อาจกล่าวได้ไหมว่าเป็น "คนเห็นแก่ตัว"

คิดแต่จะเอาประโยชน์ส่วนตัว ไม่เคยสนใจประโยชน์ส่วนรวมเช่นนี้อาจกล่าวได้ไหมว่าเป็น "คนเห็นแก่ตัว"

เรียกหาแต่สิทธิ์ของตัว แต่ตัวไม่เคยรักษาสิทธิ์ของคนอื่นเช่นนี้อาจกล่าวได้ไหมว่าเป็น "คนเห็นแก่ตัว"

เรียกหาแต่ความสบายของตัว แต่ไม่เคยสนใจความลำบากของคนอื่น เช่นนี้อาจกล่าวได้ไหมว่าเป็น "คนเห็นแก่ตัว"

ความผิดตนไม่เคยเห็นแม้เพียงปลายผม ความผิดคนอื่นเห็นเป็นสำคัญยิ่งใหญ่ราวฟ้าถล่ม เช่นนี้อาจกล่าวได้ไหมว่าเป็น "คนเห็นแก่ตัว"

ประสบการณ์ประดุจปลายหางอึ่ง อย่าเบ่งบึ่งประหนึ่งพญามังกร ปัญญาประดุจอณูเกสรอย่าเที่ยวจรประกาศพาลตา

​พระราช​วิ​สุทธิ​ญาณ​
เจ้าคณะ​จังหวัด​เชียงใหม่​ ล​ำ​พูน​ แม่ฮ่องสอน ​(ธ)​
เจ้าอาวาส​วัด​ป่า​ดารา​ภิรมย์​
เข้านมัสการ​หลวงปู่ครูบาอินสม สุวีโร (พระครูวีรธรรมานุยุต) วัดป่าธรรมสันติ อ.หางดง จ.เชียงใหม่










"ข้อสำคัญที่สุดของการปฏิบัติ คือ
ต้องไม่ประมาท ต้องปฏิบัติให้เต็มที่
ตั้งแต่วันนี้ ใครจะรู้ว่าความตาย
จะมาถึงเราเมื่อไร

เคยเห็นไหม เพื่อนเรา คนที่เรารู้จัก
ที่ตายไปแล้วนั่นน่ะ เขาเตือนเรา

ถ้าเราปฏิบัติไม่เป็นเสียแต่วันนี้
เวลาจะตาย มันก็ไม่เป็นเหมือนกัน
เหมือนกับคนที่เพิ่งคิดหัดว่ายน้ำ
เวลาใกล้จะจมน้ำตาย นั่นแหละ
ก็จมตายไปเปล่าๆ"

หลวงปู่ดู่ พรหมปัญโญ









"รักวัว ต้องผูก
รักลูก ต้องตี
รักมี ต้องค้า
รักหน้า ต้องคิด
รักมิตร ต้องเตือนกัน"

หลวงปู่จรัญ ฐิตธัมโม








#ร่างกายเราก็เหมือนกันหมด

มีขี้เหร่ สวยงาม ก็เหมือนกัน คือ ของปฏิกูล แต่ด้านจิตใจนี้ต่างกันมาก

ถ้าคนไหนมีศีลธรรม มีมรรคมีผล หล่อเลี้ยงจิตใจ มีน้ำอรรถน้ำธรรมชะโลมจิตใจ ให้ลอยขึ้นมาจากหลุมลึก คือวัฏฏะวน เครื่องผัดผันปั่นป่วนจิตใจของเราตั้งแต่วันเกิดมาให้หายสาบสูญโดยสิ้นเชิง นั่นแล คือจิตเข้าสู่บรมสุขแท้

หลวงพ่อสมเกียรติ ชิตมาโร/--วัดป่าถ้ำพระเทพนิมิต (ถ้ำตาลเลียน)









#ท่านพ่อลี_สอนว่า .....

อดีต ก็เป็นกิริยา อนาคต ก็เป็นกิริยา ปัจจุบัน ก็เป็นกิริยา แต่ไม่มีกรรม เป็นวิชชา วิมุติ วิชชาจรณสัมปันโน

อดีตก็คิดนึก แต่ไม่เสวยผลของการคิดนึก อนาคตก็คิดนึก แต่ไม่เสวยผลจากการคิดนึก

จิตที่จะเป็น วิราคะ ได้ ต้องอาศัยวิชชา กำหนดรู้ปัจจุบันว่า สิ่งนั้นเป็นโทษ สิ่งนี้เป็นโทษ จึงจะคาย ราคะออกได้ทันที

อดีต มันก็ไม่จริง อนาคต ก็ไม่จริง ถ้าจริง มันก็ต้องอยู่คงที่ คนฉลาดคนดีเขาย่อมไม่เก็บสิ่งที่คายออกแล้ว กินเข้าไปใหม่

#ท่านพ่อลี #ธัมมธโร











#การภาวนา_คือกันกับการ_กินข้าว
(หลวงปู่เมตตาให้อุบายธรรมไว้)

กินข้าวบ่ต้องฟ้าวกิน บ่ต้องอยากกิน ให้อิ่ม กินไปเรื่อยๆ ยามมันอิ่มเดียวมันกะฮู้เอง เฮาฮู้ของเฮาเอง บ่มีไผฮู้กว่าเฮาดอก

#แรกๆที่เฮ็ด_ให้จิตสงบ

คือกันกับเฮาไปหาข้าวมากิน มื้ออื่นนี่เฮาเฮ็ดจังได๋ เฮากะหามาเฮ็ดกิน กินมื้อนี้มันกะเบิ่ดไปแล้ว จิตที่มันสงบเป็นสมาธิมันกะเบิ่ดไปล่ะ

#นี้บุญนี้_คือกันกับเอาน้ำเย็นมาเทไว้_สักพักกะเซาเย็น

ตอนที่ลมมา ช่วงขณะก่อนที่จิตสงบ กะให้สำรวมกาย วาจา ใจ มันเป็นบุญขึ้นมาแล้ว ทำให้เกิดความสงบ นั้นล่ะบุญมันกะเบิ่ดไปแล้ว

#บุญที่เฮาได๋ทำมาสองสามมื้อ_หรือเป็นเดือนเบิ่ดไปแล้ว_เฮาต้องเฮ็ดเข้าเรื่อยๆ_มันจังสิถึง

อย่าไปตั้งความหวัง เฮ็ดไปให้ถืกทางพอ

#โยม: ครับผม...แสดงว่าเฮาต้องเฮ็ดไปเรื่อยๆ คือกันกับหยอดกระปุกนิบ่ครับผม หยอดไปเรื่อยๆนิบ่ครับผม

#หลวงปู่: สิเอาให้ได๋แนวเดียวมื้อเดียวมันบ่ได๋ดอก

#โยม: อืมครับถ้าเฮาอยากลงๆ อยากสงบๆมันยิ่งบ่ลงแมนบ่ครับผม?

#หลวงปู่: อืม.. มันสิเกิดบ่เกิด กะหย่า เฮาได้ทำความดีแล้ว มันกะดีใจที่เฮาได่ทำ มันบ่หายไปไสดอก....


#โอวาทคำสอน
#หลวงปู่วงศ์ #สุภาจาโร
#วัดป่าแก้วเจริญธรรม
บ.คำเจริญ ต.คูสะคาม อ.วานรนิวาส จ.สกลนคร (ศิษย์พระอาจารย์วัน อุตฺตโม)









ตราบใดที่ยังมี. ความโลภ. โกรธ. หลง. มันก็จะมาวนเวียน. อยู่ในโลกสมมตินี้. ต่อไป.

หลวงปู่บุญมา คัมภีรธัมโม








#ธรรมมันเกิดขึ้นอยู่ตลอดเวลา

แต่คนเรามันไม่รู้ไม่เห็น มองข้ามมันไป ธรรมมันปรากฏอยู่ในตัวของตัวอยู่ตลอด

#อะไรบ้าง?

ความหิวก็เป็นธรรม ความเจ็บปวดรวดร้าวก็เป็นธรรม ความโกรธความเกลียดก็เป็นธรรม ความรักชอบอกชอบใจก็เป็นธรรม

#ความคิดปรุงแต่ง_ล้วนเป็นธรรมที่มีอยู่ในตัวของเราทุกคน

เมื่อมันมี มันก็ทุกข์ ตัวทุกข์นั้นหล่ะท่านมาให้เราพิจารณา มันทุกข์เพราะอะไร? เพราะความหลง หลงเข้าไปยึดว่าตัวเราของ ของเรา หลงว่าตัวกูของกู

ถามสิว่าแขนๆมึงเป็นแขนใคร มันก็ไม่ตอบ ถามว่าผม ขน เล็บ ฟัน หนัง ของๆใคร มันก็ไม่ตอบ

#เพราะมันไม่ใช่ตนใช่ตัว

มันเป็นเพียงก้อนธาตุทั้งสี่ ที่มารวมกันจึงเป็นก้อนสมมุติว่า แขน ขา หัว สมมุติว่าหญิง ว่าชาย ทุกอย่างในโลกอันนี้ อยู่ในสมมุติทั้งนั้น

#เมื่อถึงเวลาธาตุทั้งสี่มันก็แตกก็ดับไป

แต่จิตใจนี้มันไม่แตกสลายทมันยังจะไปเสวยผลของกรรม ที่เราได้ทำเอาไว้ ตราบใดที่ยังมีความโลภ ความโกรธ ความหลง มันก็จะมาวนเวียนอยู่ในโลกสมมุตินี้ต่อไป..

คติธรรมหลวงปู่บุญมา คัมภีรธัมโม
วัดป่าสีห์พนม อ.สว่างแดนดิน จ.สกลนคร










#ตกลง_ก็ตัดสินลงที่ใจ...

โลกไม่ใช่ของใคร โลกเป็นของกลาง
สังขารไม่ทำอันตรายให้ใครเลย แต่ว่าเกิดขึ้นแปรปรวน และแตกสลายอยู่อย่างนั้น เป็นของไม่เที่ยง เป็นทุกข์อยู่อย่างนั้น


#โลกนี้ก็ไม่ได้นึกว่าจะเบียดเบียนใคร

แต่ผู้ที่หลงโลก มาอยู่ในโลก เบียดเบียนตนต่างหาก เกิดแก่เจ็บตายไม่ได้นึกว่าจะเบียนเบียนใคร


สุขทุกข์อุเบกขา ก็ไม่ได้นึกว่าจะเบียดเบียนใคร แต่ผู้เกิดมาแล้วก็มาพบสุขทุกข์อุเบกขา เพราะยังไม่หน่ายเกิด

หน่ายโลกคือหน่ายยังไง ก็คือหน่ายความหลงของตนนั้นเอง..

#ตนไปหลงโลก_โลกไม่ได้มาหลงตน

ตนไปหลงเกิด เกิดไม่ได้มาหลงตน
ตนหลงตา เพราะตาไม่ได้มาหลงตน
ตนหลงหู เพราะหูไม่ได้มาหลงตน
ตนหลงจมูก เพราะจมูกไม่ได้มาหลงตน

ลิ้นกายใจก็เหมือนกัน
ตนหลงใจ เพราะใจไม่ได้มาหลงตน
นอกจากใจไม่มีอันใดจะหลงใจ


#ใครเป็นผู้ไปหลงใจ_ก็คือกิเลส

นอกจากใจ ก็ไม่มีอันใดจะรู้ใจ
นอกจากใจ ก็ไม่มีอันใดจะปฏิบัติใจ
นอกจากใจ ก็ไม่มีอันใดจะรับเหตุรับผลจากใจ

ตาหูจมูกลิ้นกาย มันก็ไม่รับเหตุรับผลกับใจ..

#ตกลงก็ตัดสินลงที่ใจ...

#หลวงปู่หล้า #เขมปัตโต










ดื้อก็เรา หยาบก็เรา มึนก็เรา โง่ก็เรา เป็นบ้าก็เรา อย่าฟ่าว อย่าด่วนไปว่า หาเรื่องแก่ผู้อื่น

#โง่ฉลาด_ก็ตัวเราคนเดียวนี้_ลูกเอ๋ย

#ทุกข์_เป็นทุกข์_ก็เพราะถือ

ถือไว้แล้วก็ทุกข์ เพราะเป็นผู้ถือเวร กะหาบบาป กะหิ้วโทษ กะใส่บ่า ทุกข์ก็กระเตงตาม

#ให้รู้ละ_รู้วาง_รู้ปล่อย

ให้รู้จักตนเองได๋ลูกเอ๋ย

#โอวาทธรรมคำสอนของ
#คุณย่าชีแก้ว #เสียงล้ำ









"บุญบาปทั้งหลายมีใจถึงก่อน"

"..เพราะฉะนั้นพุทธบริษัท
ทั้งหลายก็ขอให้พากันคิด
ขอให้พากันตรองให้เข้าใจ

คำว่า "ธรรมทั้งหลาย
ที่เป็นบุญเป็นบาปเนี่ยะ
ไม่ใช่บุญใช่บาป"
มีใจถึงก่อน มีใจเป็นใหญ่
สำเร็จแล้วด้วยใจทั้งนั้นเลย

"ใจเป็นผู้สร้าง จึงมีได้
บุญบาปคุณโทษ
ดังกล่าวมานั้นน่ะ
ถ้าใจไม่สร้างอันใดแล้ว ไม่มี"

ดังนั้น ให้พากันรักษา
จิตใจของตนเสมอ
ไปไหนมาไหนก็ถ้าไม่มี
เรื่องอื่นที่จะคิด เราก็
บริกรรมพุทโธ นึกพุทโธ
เอาคุณพระพุทธเจ้า
มาตั้งไว้ในใจของเราเรื่อยไป

พระคุณของพระพุทธเจ้า
ยังรักษาจิตใจของเรา
ไม่ให้ตกไปในที่ต่ำ
ไม่ให้เป็นบาปเป็นกรรม
เป็นเวร ทำให้ใจสูงไป
อยู่ด้วยเมตตากรุณา.."

โอวาทธรรม
หลวงปู่เหรียญ วรลาโภ


แสดงโพสต์จาก:  เรียงตาม  
กลับไปยังกระทู้  [ 1 โพสต์ ] 

เขตเวลา GMT + 7 ชั่วโมง


 ผู้ใช้งานขณะนี้

กำลังดูบอร์ดนี้: ไม่มีสมาชิก และ บุคคลทั่วไป 55 ท่าน


ท่าน ไม่สามารถ โพสต์กระทู้ในบอร์ดนี้ได้
ท่าน ไม่สามารถ ตอบกระทู้ในบอร์ดนี้ได้
ท่าน ไม่สามารถ แก้ไขโพสต์ของท่านในบอร์ดนี้ได้
ท่าน ไม่สามารถ ลบโพสต์ของท่านในบอร์ดนี้ได้
ท่าน ไม่สามารถ แนบไฟล์ในบอร์ดนี้ได้

ค้นหาสำหรับ:
ไปที่:  
Google
ทั่วไป เว็บธรรมจักร