วันเวลาปัจจุบัน 16 เม.ย. 2024, 20:12  



เขตเวลา GMT + 7 ชั่วโมง




กลับไปยังกระทู้  [ 35 โพสต์ ]  ไปที่หน้า ย้อนกลับ  1, 2, 3  ต่อไป  Bookmark and Share
เจ้าของ ข้อความ
โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 06 พ.ย. 2017, 19:07 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
สมาชิกระดับสูงสุด
สมาชิกระดับสูงสุด
ลงทะเบียนเมื่อ: 24 ต.ค. 2006, 12:36
โพสต์: 33766

อายุ: 0

 ข้อมูลส่วนตัว


ชีวิตประกอบด้วยขันธ์ ๕ เท่านั้น ไม่มีสิ่งใดอื่นอีกนอกเหนือจากขันธ์ ๕ ไม่ว่าจะแฝงอยู่ในขันธ์ ๕
หรืออยู่ต่างหากจากขันธ์ ๕ ที่จะมาเป็นเจ้าของหรือควบคุมขันธ์ ๕ ให้ชีวิตดำเนินไป

ในการพิจารณาเรื่องชีวิต เมื่อยกเอาขันธ์ ๕ ขึ้นเป็นตัวตั้งแล้ว ก็เป็นอันครบถ้วนเพียงพอ

ชีวิตหรือขันธ์ ๕ เป็นกระบวนการที่ดำเนินไปตามกฎแห่งปฏิจจสมุปบาท คือมีอยู่ในรูปเป็นกระแสแห่งปัจจัยต่างๆ ที่สัมพันธ์เนื่องอาศัยสืบต่อกัน ไม่มีส่วนใดในกระแสคงที่อยู่ได้ มีแต่การเกิดขึ้นแล้วสลายตัวไป พร้อมกับที่เป็นปัจจัยให้มีการเกิดขึ้นแล้วสลายตัวต่อๆไปอีก

ส่วนต่างๆสัมพันธ์กัน เนื่องอาศัยกัน เป็นปัจจัยแก่กัน จึงทำให้กระแสหรือกระบวนการนี้ดำเนินไปอย่างมีเหตุผล และคุมเป็นรูปร่างต่อเนื่องกัน

ในภาวะเช่นนี้ ชีวิตจึงเป็นไปตามกฏแห่งไตรลักษณ์ คือ อยู่ในภาวะแห่ง อนิจจตา ไม่เที่ยง ไม่คงที่ เกิดดับเสื่อมสลายอยู่ตลอดเวลา อนัตตตา ไม่มีส่วนใดที่มีที่เป็นตัวตนแท้จริง และไม่อาจยึดถือเอาเป็นตัว จะเข้ายึดครองเป็นเจ้าของ บังคับบัญชาให้เป็นไปตามความปรารถนาของตนจริงจังไม่ได้ ทุกขตา ถูกบีบคั้นด้วยการเกิดขึ้นและสลายตัวอยู่ทุกขณะ และพร้อมที่จะก่อให้เกิดความทุกข์ได้เสมอ ในกรณีที่มีการเข้าไปเกี่ยวข้องด้วยความไม่รู้และยึดติดถือมั่น

กระบวนการแห่งชีวิต ซึ่งดำเนินไปพร้อมด้วยการเปลี่ยนแปลงอยู่ตลอดทุกขณะ โดยไม่มีส่วนที่เป็นตัวเป็นตนคงที่อยู่นี้ ย่อมเป็นไปตามกระแสแห่งเหตุปัจจัยที่สัมพันธ์แก่กันล้วนๆ ตามวิถีทางแห่งธรรมชาติของมัน

แต่ในกรณีของชีวิตมนุษย์ปุถุชน ความฝืนกระแสจะเกิดขึ้น โดยที่จะมีความหลงผิดเกิดขึ้น และยึดเอารูปปรากฏของกระแส หรือส่วนใดส่วนหนึ่งของกระแส ว่าเป็นตัวตน และปรารถนาให้ตัวตนนั้นมีอยู่ หรือเป็นไปในรูปใดรูปหนึ่ง

ในเวลาเดียวกัน ความเปลี่ยนแปลงหมุนเวียนที่เกิดขึ้นในกระแส ก็ขัดแย้งต่อความปรารถนา เป็นการบีบคั้น และเร่งเร้าให้เกิดความยึดอยากรุนแรงยิ่งขึ้น ความดิ้นรนหวังให้มีตัวตน ในรูปใดรูปหนึ่ง และให้ตัวตนนั้นเป็นไปอย่างใดอย่างหนึ่งก็ดี ให้คงที่เที่ยงแท้ถาวรอยู่ในรูปที่ต้องการ ก็ดี ก็ยิ่งรุนแรงขึ้น เมื่อไม่เป็นไปตามที่ยึดอยาก ความบีบคั้นก็ยิ่งแสดงผลเป็นความผิดหวัง ความทุกข์ความคับแค้นรุนแรงขึ้นตามกัน

พร้อมกันนั้น ความตระหนักรู้ในความจริงอย่างมัวๆ ว่าความเปลี่ยนแปลงจะต้องเกิดขึ้นอย่างใดอย่างหนึ่งแน่นอน และตัวตนที่ตนยึดอยู่ อาจไม่มี หรืออาจสูญหายไปเสีย ก็ยิ่งฝังความยึดความอยากให้เหนียวแน่นยิ่งขึ้น พร้อมกับความกลัว ความประหวั่นพรั่นพรึง ก็เข้าแฝงตัวร่วมอยู่ด้วยอย่างลึกซึ้ง และสลับซับซ้อน ภาวะจิตเหล่านี้ ก็คือ อวิชชา ตัณหา อุปาทาน กิเลสเหล่านี้ แฝงลึกซับซ้อนอยู่ในจิตใจ และเป็นตัวคอยบังคับบัญชาพฤติกรรมทั้งหลายของบุคคลให้เป็นไปต่างๆ ตามอำนาจของมัน ทั้งโดยรู้ตัวและไม่รู้ตัว ตลอดจนเป็นตัวหล่อหลอมบุคลิกภาพ และมีบทบาทสำคัญในการชี้ชะตากรรมของบุคคลนั้นๆ กล่าวในวงกว้าง มันเป็นที่มาแห่งความทุกข์ของมนุษย์ปุถุชนทุกคน

(ปัจจยาการหรือปฏิจจสมุปบาทกับไตรลักษณ์เป็นกฎเดียวกันแต่แสดงคนละแง่)

.....................................................
https://dhammachati.blogspot.com/


โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 06 พ.ย. 2017, 19:21 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
สมาชิกระดับสูงสุด
สมาชิกระดับสูงสุด
ลงทะเบียนเมื่อ: 24 ต.ค. 2006, 12:36
โพสต์: 33766

อายุ: 0

 ข้อมูลส่วนตัว


กบนอกกะลาตั้งกระทู้แล้วทิ้งไปเลยนะขอรับ :b1:

.....................................................
https://dhammachati.blogspot.com/


โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 06 พ.ย. 2017, 19:30 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
สมาชิกระดับสูงสุด
สมาชิกระดับสูงสุด
ลงทะเบียนเมื่อ: 24 ต.ค. 2006, 12:36
โพสต์: 33766

อายุ: 0

 ข้อมูลส่วนตัว


จงกรม ก็คือเดินโดยใช้อิริยาบถเดิน ยืนฝึกสติ สัมปชัญญะ สมาธิ เป็นต้น โดยตามดูรู้ทันอาการเคลื่อนไหวร่างกาย ขณะที่ก้าวไปๆ

อิริยาบถนั่งก็ทำนองเดียวกัน

รูปภาพ

คือตามดูรู้ทัน กาย (เช่นลมเข้า-ออก ท้องพอง ท้องยุบ) ตามดูรู้ทันเวทนา ตามดูรู้ทันจิต (ความคิด) และตามดูรู้ทันนิวรณ์ธรรม ที่เป็นปัจจุบันขณะแต่ละขณะๆ (ไม่ใช่ดูทีละอย่างๆ)

ดูความหมายสติอีกครั้ง

สติ ความระลึกได้, นึกได้, ความไม่เผลอ, การคุมใจไว้กับกิจ หรือกุมจิตไว้กับสิ่งที่เกี่ยวข้อง, จำการที่ทำและคำที่พูดแล้วแม้นานได้

ที่ขีดเส้นใต้นั่นแหละคือการฝึกสติโดยใช้ฐานทั้ง ๔ เป็นที่ทำงาน,เป็นที่ฝึก

ตัวแดง ฝึกแล้วจะเป็นคนความจำดี ไม่ขี้หลงขี้ลืม

.....................................................
https://dhammachati.blogspot.com/


โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 06 พ.ย. 2017, 21:30 
 
ออฟไลน์
สมาชิกระดับสูงสุด
สมาชิกระดับสูงสุด
ลงทะเบียนเมื่อ: 25 เม.ย. 2009, 02:43
โพสต์: 12232


 ข้อมูลส่วนตัว


พูดไปเท้อะ...

อะไรดีดี...ก็พูดไป


โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 07 พ.ย. 2017, 08:15 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
สมาชิกระดับสูงสุด
สมาชิกระดับสูงสุด
ลงทะเบียนเมื่อ: 24 ต.ค. 2006, 12:36
โพสต์: 33766

อายุ: 0

 ข้อมูลส่วนตัว


กบนอกกะลา เขียน:
พูดไปเท้อะ...

อะไรดีดี...ก็พูดไป


ดีในความหมายของกบนอกกะลาเอาอะไรวัดว่า "ดี" "ไม่ดี" ความถูกใจ ไม่ถูกใจหรอ ถ้ากท.นี้กบว่าดี แล้วทำไม กท.นี้

viewtopic.php?f=1&t=53315&p=410837#p410837

กบว่า ไม่ดี

.....................................................
https://dhammachati.blogspot.com/


โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 08 พ.ย. 2017, 05:53 
 
ออฟไลน์
สมาชิกระดับสูงสุด
สมาชิกระดับสูงสุด
ลงทะเบียนเมื่อ: 25 เม.ย. 2009, 02:43
โพสต์: 12232


 ข้อมูลส่วนตัว


วานก่อน...ได้สนทนากับคนแก่...ซึ่งท่านก็ไปปฏิบัติธรรมที่วัดทุกๆเดือน..เดือนละ4วัน..กินนอนที่วัดเบ็ดเสร็จ

ท่านทำมาเป็นสิบๆปีแล้ว..ตอนนี้ก็แก่มาก..ร่างกายก็เจ็บป่วยบ่อย...บ่อยครั้งก็คิดไม่อยากไปวัดเพราะป่วย...

ทำให้คิดว่า..อ้อ..สังขารมันเป็นมารอย่างนี้..นี่เอง

ท่านไปหาหมอ..ได้ยามาทานเต็มถุง...ก็ถามท่านว่า...ตอนกำลังจะกินยานั้นนะ..คิดอะไรบ้างรึเปล่า?

ท่านว่า..ก็ไม่ได้คิดอะไร..

กระผมเลยบอกท่านว่า..ก็คิดบ้างนะ...เอาสิ่งที่ได้ศึกษามาจากวัดนั้นแหละ..นำมาคิด...(รู้อยู่ว่าวัดที่ท่านไปเป็นแนวโยนิโส...)

เราก็มานึกเล่นๆดู...เราแก่ตัวไปก็คงจะเป็นอย่างนี้..ถ้ามีโอกาสได้แก่นะ..ไม่ตายซะก่อน :b9: :b9: :b9:


โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 08 พ.ย. 2017, 18:38 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
สมาชิกระดับสูงสุด
สมาชิกระดับสูงสุด
ลงทะเบียนเมื่อ: 24 ต.ค. 2006, 12:36
โพสต์: 33766

อายุ: 0

 ข้อมูลส่วนตัว


กบนอกกะลา เขียน:
วานก่อน...ได้สนทนากับคนแก่...ซึ่งท่านก็ไปปฏิบัติธรรมที่วัดทุกๆเดือน..เดือนละ4วัน..กินนอนที่วัดเบ็ดเสร็จ

ท่านทำมาเป็นสิบๆปีแล้ว..ตอนนี้ก็แก่มาก..ร่างกายก็เจ็บป่วยบ่อย...บ่อยครั้งก็คิดไม่อยากไปวัดเพราะป่วย...

ทำให้คิดว่า..อ้อ..สังขารมันเป็นมารอย่างนี้..นี่เอง

ท่านไปหาหมอ..ได้ยามาทานเต็มถุง...ก็ถามท่านว่า...ตอนกำลังจะกินยานั้นนะ..คิดอะไรบ้างรึเปล่า?

ท่านว่า..ก็ไม่ได้คิดอะไร..

กระผมเลยบอกท่านว่า..ก็คิดบ้างนะ...เอาสิ่งที่ได้ศึกษามาจากวัดนั้นแหละ..นำมาคิด...(รู้อยู่ว่าวัดที่ท่านไปเป็นแนวโยนิโส...)

เราก็มานึกเล่นๆดู...เราแก่ตัวไปก็คงจะเป็นอย่างนี้..ถ้ามีโอกาสได้แก่นะ..ไม่ตายซะก่อน :b9: :b9: :b9:


อะไรโยนิโส กบว่าอะไร ?

.....................................................
https://dhammachati.blogspot.com/


โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 08 พ.ย. 2017, 18:42 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
สมาชิกระดับสูงสุด
สมาชิกระดับสูงสุด
ลงทะเบียนเมื่อ: 24 ต.ค. 2006, 12:36
โพสต์: 33766

อายุ: 0

 ข้อมูลส่วนตัว


กรัชกาย เขียน:
จงกรม ก็คือเดินโดยใช้อิริยาบถเดิน ยืนฝึกสติ สัมปชัญญะ สมาธิ เป็นต้น โดยตามดูรู้ทันอาการเคลื่อนไหวร่างกาย ขณะที่ก้าวไปๆ

อิริยาบถนั่งก็ทำนองเดียวกัน

รูปภาพ

คือตามดูรู้ทัน กาย (เช่นลมเข้า-ออก ท้องพอง ท้องยุบ) ตามดูรู้ทันเวทนา ตามดูรู้ทันจิต (ความคิด) และตามดูรู้ทันนิวรณ์ธรรม ที่เป็นปัจจุบันขณะแต่ละขณะๆ (ไม่ใช่ดูทีละอย่างๆ)

ดูความหมายสติอีกครั้ง

สติ ความระลึกได้, นึกได้, ความไม่เผลอ, การคุมใจไว้กับกิจ หรือกุมจิตไว้กับสิ่งที่เกี่ยวข้อง, จำการที่ทำและคำที่พูดแล้วแม้นานได้

ที่ขีดเส้นใต้นั่นแหละคือการฝึกสติโดยใช้ฐานทั้ง ๔ เป็นที่ทำงาน,เป็นที่ฝึก

ตัวแดง ฝึกแล้วจะเป็นคนความจำดี ไม่ขี้หลงขี้ลืม


ตัดเอาช่วงที่เกี่ยวกับการปฏิบัติทางจิตมา

ฯลฯ

เมื่อกำหนดจับลงที่ขณะใดก็ตาม จะปรากฏว่ามนุษย์กำลังแส่หาภาวะที่เป็นสุขกว่าขณะที่กำหนดนั้นเสมอไป
ปุถุชนจึงปัด หรือผละทิ้งจากขณะปัจจุบันทุกขณะ ขณะปัจจุบันแต่ละขณะ เป็นภาวะชีวิตที่ทนอยู่ไม่ได้ อยากให้ดับสูญหมดไปเสีย อยากให้ตนพ้นไป ไปหาภาวะที่สนองความอยากได้ต่อไป
ความอยากได้ อยากอยู่ อยากไม่อยู่ จึงหมุนเวียนอยู่ตลอดเวลาในชีวิตประจำวันของมนุษย์ปุถุชน แต่เป็นวงจรที่ละเอียดชนิดทุกขณะจิต อย่างที่แต่ละคนไม่รู้ตัวเลยว่า ชีวิตที่เป็นอยู่แต่ละขณะของตน ก็คือ การดิ้นรนให้พ้นไปจากภาวะชีวิตในขณะเก่า และแส่หาสิ่งสนองความต้องการในภาวะชีวิตใหม่อยู่ทุกขณะนั่นเอง

.....................................................
https://dhammachati.blogspot.com/


โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 08 พ.ย. 2017, 19:17 
 
ออฟไลน์
สมาชิกระดับสูงสุด
สมาชิกระดับสูงสุด
ลงทะเบียนเมื่อ: 25 เม.ย. 2009, 02:43
โพสต์: 12232


 ข้อมูลส่วนตัว


คนเรา..ถ้าตายได้..(หมายถึง..เมื่อจะต้องตาย...จะไม่ดิ้นรนให้ได้รอดพ้นจากความตาย..ยอมรับมันแต่โดยดี)

จะหมดปัญหาได้หลายอย่าง...


โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 08 พ.ย. 2017, 19:20 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
สมาชิกระดับสูงสุด
สมาชิกระดับสูงสุด
ลงทะเบียนเมื่อ: 24 ต.ค. 2006, 12:36
โพสต์: 33766

อายุ: 0

 ข้อมูลส่วนตัว


กบนอกกะลา เขียน:
คนเรา..ถ้าตายได้..(หมายถึง..เมื่อจะต้องตาย...จะไม่ดิ้นรนให้ได้รอดพ้นจากความตาย..ยอมรับมันแต่โดยดี)

จะหมดปัญหาได้หลายอย่าง...


พูดค้างๆคาๆ

ปัญหาอะไรบ้าง ไหนว่ามาสิ

1.

2.

3.

ฯลฯ

.....................................................
https://dhammachati.blogspot.com/


โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 08 พ.ย. 2017, 19:35 
 
ออฟไลน์
สมาชิกระดับสูงสุด
สมาชิกระดับสูงสุด
ลงทะเบียนเมื่อ: 25 เม.ย. 2009, 02:43
โพสต์: 12232


 ข้อมูลส่วนตัว


ก็ขึ้นอยู่กับปัญหาของแต่ละคน...นะ

ภพเด่นๆของตน..นั้นแหละ..


โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 09 พ.ย. 2017, 05:34 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
สมาชิกระดับสูงสุด
สมาชิกระดับสูงสุด
ลงทะเบียนเมื่อ: 24 ต.ค. 2006, 12:36
โพสต์: 33766

อายุ: 0

 ข้อมูลส่วนตัว


กบนอกกะลา เขียน:
ก็ขึ้นอยู่กับปัญหาของแต่ละคน...นะ

ภพเด่นๆของตน..นั้นแหละ..


ภพอีกแระ อะไรภพ เอาชัดๆสิกบ

.....................................................
https://dhammachati.blogspot.com/


โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 09 พ.ย. 2017, 05:41 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
สมาชิกระดับสูงสุด
สมาชิกระดับสูงสุด
ลงทะเบียนเมื่อ: 24 ต.ค. 2006, 12:36
โพสต์: 33766

อายุ: 0

 ข้อมูลส่วนตัว


กบนอกกะลา เขียน:
คนเรา..ถ้าตายได้..(หมายถึง..เมื่อจะต้องตาย...จะไม่ดิ้นรนให้ได้รอดพ้นจากความตาย..ยอมรับมันแต่โดยดี)

จะหมดปัญหาได้หลายอย่าง...


เปิดประเด็นใหม่ ให้กบเถียงหน่อยดีกว่า กบ คือ ตายเรื่องไม่ใหญ่ กับ มีชีวิตอยู่หรอกกบ จริงไม่จริง

.....................................................
https://dhammachati.blogspot.com/


โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 09 พ.ย. 2017, 07:53 
 
ออฟไลน์
สมาชิกระดับสูงสุด
สมาชิกระดับสูงสุด
ลงทะเบียนเมื่อ: 25 เม.ย. 2009, 02:43
โพสต์: 12232


 ข้อมูลส่วนตัว


ตาย..ไม่ใช่เรื่องใหญ่...โดยตัวมันเองแล้ว...ไม่มีอะไรเลยด้วยซ้ำไป

แต่..ที่คนที่มีชีวิตอยู่...มีปัญหาในชีวิตเยอะแยะไปหมด...ก็เพราะยังตายไม่เป็น...

และหากจะนับไปถึงปัญหาของโลก...ไม่ว่าเรื่องโลกร้อน...ปัญหาสังคมหลายๆอย่าง..ก็เกิดจากการที่คนเรา..ตายไม่เป็น..นี้แหละ


โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 09 พ.ย. 2017, 08:12 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
สมาชิกระดับสูงสุด
สมาชิกระดับสูงสุด
ลงทะเบียนเมื่อ: 24 ต.ค. 2006, 12:36
โพสต์: 33766

อายุ: 0

 ข้อมูลส่วนตัว


กบนอกกะลา เขียน:
ตาย..ไม่ใช่เรื่องใหญ่...โดยตัวมันเองแล้ว...ไม่มีอะไรเลยด้วยซ้ำไป

แต่..ที่คนที่มีชีวิตอยู่...มีปัญหาในชีวิตเยอะแยะไปหมด...ก็เพราะยังตายไม่เป็น...

และหากจะนับไปถึงปัญหาของโลก...ไม่ว่าเรื่องโลกร้อน...ปัญหาสังคมหลายๆอย่าง..ก็เกิดจากการที่คนเรา..ตายไม่เป็น..นี้แหละ


พูดไม่เคลียร์

ตายเป็นตายยังไง ?

.....................................................
https://dhammachati.blogspot.com/


แสดงโพสต์จาก:  เรียงตาม  
กลับไปยังกระทู้  [ 35 โพสต์ ]  ไปที่หน้า ย้อนกลับ  1, 2, 3  ต่อไป

เขตเวลา GMT + 7 ชั่วโมง


 ผู้ใช้งานขณะนี้

กำลังดูบอร์ดนี้: ไม่มีสมาชิก และ บุคคลทั่วไป 22 ท่าน


ท่าน ไม่สามารถ โพสต์กระทู้ในบอร์ดนี้ได้
ท่าน ไม่สามารถ ตอบกระทู้ในบอร์ดนี้ได้
ท่าน ไม่สามารถ แก้ไขโพสต์ของท่านในบอร์ดนี้ได้
ท่าน ไม่สามารถ ลบโพสต์ของท่านในบอร์ดนี้ได้
ท่าน ไม่สามารถ แนบไฟล์ในบอร์ดนี้ได้

ค้นหาสำหรับ:
ไปที่:  
Google
ทั่วไป เว็บธรรมจักร