วันเวลาปัจจุบัน 29 มี.ค. 2024, 03:53  



เขตเวลา GMT + 7 ชั่วโมง




กลับไปยังกระทู้  [ 1 โพสต์ ]    Bookmark and Share
เจ้าของ ข้อความ
โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 29 ต.ค. 2017, 08:52 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
อาสาสมัคร
อาสาสมัคร
ลงทะเบียนเมื่อ: 06 มี.ค. 2009, 10:48
โพสต์: 5091


 ข้อมูลส่วนตัว


“การมีคู่เป็นทุกข์ ยิ่งมีคู่ดี
ก็ยิ่งทุกข์มากกว่าคู่ไม่ดี
เพราะมันผูกพันกันมาก”
-:- ท่านพ่อเฟื่อง โชติโก -:-




"ทุกๆ คน ทำกรรมใดไว้
กรรมนั้น ย่อมให้ผลในปัจจุบันบ้าง
ในภายหน้าบ้าง ในเวลาต่อๆ ไปบ้าง
ตามแต่กรรมนั้นๆ จะหนักเบาอย่างไร
ท่านเปรียบเหมือนอย่างยืนอยู่บนที่สูง
และโยนสิ่งต่างๆ มีก้อนหิน ก้อนดิน กิ่งไม้
ใบหญ้าลงมา
ของที่มีน้ำหนักมาก ย่อมตกลงสู่พื้นดินก่อน
ส่วนกรรมที่หนักน้อยกว่า หรือเบากว่า
จะให้ผลตามหลัง"
-:- สมเด็จพระญาณสังวร สมเด็จพระสังฆราชฯ -:-




พอเวลาตายแล้ว จะนิมนต์พระไปสักร้อยวัดให้สวดกุสลาธัมมา อกุสลาธัมมา อพยากตาธัมมา หมดวันหมดคืน นั่น อยากจะไปสวรรค์ ด้วยคำสวดของพระไม่ได้หรอก
ให้เราละเท่านั้นแหละ ตายปุ๊บก็ไปทุคติปั๊บ ไอ้คนชั่วมันไม่ไปคอยฟัง สวดกุสลาอยู่นั่นดอก
อันคนใจบุญก็เหมือนกัน ตายปุ๊บก็ไปสู่สุคติทันที ไม่คอยมาฟัง กุศลาธัมมากับพระหรอก มันเป็นยังงั้น
เมื่ออาตมาตาย ไม่ต้องนิมนต์พระสวดให้เมื่อยหรอก มีเครื่องไทยทาน ก็ถวายท่านเลย ไม่ต้องสวดกุศลาธัมมาอะไรหรอก ไม่ต้องให้สวด พระอภิธรรม อารามณาปัจจโย อะไรก็ไม่ต้องว่า
อาตมาสวดใส่ไว้แล้ว กุศลาธัมมาก็สวดใส่ทุกวัน อกุศลาธัมมา ก็สละ ออกทุกวัน อพยากตาธัมมาก็ไม่ให้มันติด บุญก็ไม่ให้มันติด บาปก็ไม่ให้ มันเกิด ทำอยู่ทุกวันนี้ เป็นยังงั้น มันคงไม่เป็นพระโง่เท่าใดดอก
* หลวงปู่ตื้อ อจลธมฺโม




“ต้องนั่งสมาธิให้ได้”
ถาม : ปกติแล้วเราจะบวชนี้ยากใช่มั้ยครับ
พระอาจารย์ : บวชง่าย แต่อยู่ยาก
ถาม : ทำอย่างไรให้มีเหตุปัจจัยที่จะบวชได้ง่ายแล้วก็อยู่ได้ง่ายครับ
พระอาจารย์ : ก็ต้องมีธรรมะไง ต้องมีสติ นั่งสมาธิได้ ถ้านั่งสมาธิได้แล้วอยู่สนุก บวชแล้วสนุก เพราะจะมีเวลาปฏิบัติสมาธิได้มาก แต่ถ้านั่งสมาธิไม่เป็นแล้ว อยู่แล้วทุกข์ ก็ต้องไปหาอะไรทำ แทนที่จะนั่งสมาธิก็ไปทำกิจกรรมบ้าบอคอแตกต่างๆ แล้วใจก็ยังร้อนเหมือนเดิม ร้อนเป็นไฟเหมือนเดิม เพราะไม่มีกิจกรรมอะไรที่จะทำให้ใจเย็นได้ นอกจากการนั่งสมาธิเท่านั้น การจะนั่งสมาธิได้ก็ต้องมีสติ
ฉะนั้นถ้าอยากจะบวชก็ต้องพยายามเจริญสติให้มากๆ จนสามารถนั่งสมาธิได้ นั่งสมาธิได้นานๆ ได้ทีละชั่วโมงขึ้นไป แล้วสงบด้วยไม่ใช่นั่งแล้วแบบไม่สงบ นั่งแล้ว 5 นาที 10 นาทีก็สงบเย็นสบาย ไม่รู้สึกเวลาผ่านไปชั่วโมงนึงนี้แป๊บเดียว ถ้าอย่างนี้แล้วบวชสนุก เพราะจะมีเวลานั่งทั้งวันทั้งคืน แต่ถ้านั่งไม่ได้นี้ มันบวชแล้วก็จะต้องสู้กับความอยากต่างๆ เดี๋ยวอยากจะไปโน่นอยากจะมานี่ อยากจะดูนั่นฟังนี่ พอไม่ได้ดูไม่ได้ทำก็เครียดขึ้นมา เดี๋ยวก็อยู่ไม่ได้ ลาสึกไป เห็นไหมพวกที่บวชเข้าพรรษานี้ ออกพรรษานี้หายไปหมดแล้ว (หัวเราะ) พวกนี้บวชแบบไม่มีสติไม่มีสมาธิ บวชแล้วอยู่ไม่ได้ บวชเพื่อเป็นธรรมเนียม ให้มันเหมือนกับเป็นหน้าที่ของลูกทดแทนบุญคุณพ่อแม่เท่านั้นเอง แต่ไม่ได้บวชที่จะเป็นเนื้อเป็นหนังจริงๆ จังๆ อะไร
ฉะนั้นถ้าอยากจะบวช บวชแล้วก็อยู่ได้นี้ต้องนั่งสมาธิให้ได้ ถ้ายังนั่งสมาธิไม่ได้ เดี๋ยวมาบวชแล้วก็ไม่รู้จะทำอะไร เดี๋ยวก็คันไม้คันมือ เดี๋ยวก็ชวนญาติโยมไปอินเดีย ชวนญาติโยมไปทอดผ้าป่า ชวนสร้างเจดีย์ ชวนสร้างกุฎิ ชวนอะไรต่างๆ นานา เพราะมันอยู่เฉยๆ ไม่ได้ ก็เลยไปทำกิจกรรมอย่างอื่นแทน ทำเท่าไหร่ก็ไม่ทำให้ใจเย็น ใจก็ร้อนอยู่เหมือนเดิม จะทำให้ใจเย็นได้นี้ต้องมีสติ หยุดความคิด หยุดความอยากให้ได้ ทำจิตให้รวมเป็นสมาธิให้ได้ ถ้าจิตรวมแล้วเรียกว่าสมาธิ ถ้ายังพุทโธพุทโธอยู่นี้ เราเรียกว่าสติ จิตรวมแล้วนี้พุทโธก็หยุดไปเอง หายไปเอง จิตนิ่งสงบ ถ้าจิตรวมแล้วมันจะนิ่งสงบ สักแต่ว่ารู้ แล้วก็มีแต่ความสุข ไม่หิวไม่อยาก ไม่ต้องการอะไร อยู่เฉยๆ ได้อย่างสบาย เบาอกเบาใจ ตัวเบาเหมือนกับลอยอยู่ในอวกาศ นั่นแหละคือสิ่งที่เราต้องมี ถ้าเราอยากจะบวชแล้วอยู่ไปนานๆ สมัยนี้บวชง่าย เดี๋ยวนี้เห็นเขาบวชเช้าสึกเย็นยังมีเลย ตามวัดต่างๆ ไปงานศพนี้เห็นเขาบวชเช้าเดี๋ยวเย็นเขาก็สึกกันแล้ว.
สนทนาธรรมบนเขา
วันที่ ๒๗ ตุลาคม ๒๕๖๐
พระอาจารย์สุชาติ อภิชาโต




จิตที่ปราศจากความอยากนี้
จะอยู่กับความว่างอันยิ่งใหญ่
และจิตที่อยู่กับความว่างอันยิ่งใหญ่นี้
จะมีความสุขอย่างยิ่ง
นี่คือความหมายของ นิพพานัง ปรมัง สุญญัง นิพพานัง ปรมัง สุขัง.
ธรรมะบนเขา
วันที่ ๑๗ กันยายน ๒๕๖๐




เราจะไปสมมุติคนนั้นสำเร็จอย่างนั้น คนนี้สำเร็จอย่างนี้
มันเหลือวิสัยของตัวเราเองที่จะรู้ ตัวเราเองรู้แล้วหรือยัง ?
ไปหาสมมุติว่าเขาได้โสดา สกิทา อนาคา พระอรหันต์
เราสมมุติขึ้น สมมุติเฉย ๆ แล้วเขามันหลุดพ้นได้จริงไหม ?
เห็นธรรมจริงบ้างไหม ? ตรงนี้เป็นเรื่องสำคัญ
อันนี้เราก็เตรียมตัวกันไว้ให้เราไม่หลงไปสมมุติให้คนอื่น
สมมุติให้คนอื่น แล้วตนเองมันได้อะไร ?
ถ้าเราไปสมมุติให้เขา แล้วเขาหลงว่าตนเองได้โสดา สกิทา อนาคา พระอรหันต์ ทั้ง ๆ ที่เขายังละกิเลสไม่ได้ มันก็วุ่นวายไปใหญ่ ผิดพลาดไปใหญ่ในการดำเนินชีวิต การฝึกฝนอบรมชีวิตของเขา
หลวงปู่เปลี่ยน ปัญญาปทีโป





ตราบใดที่เรายังไม่พ้นทุกข์
อารมณ์ที่เป็นกิเลสทั้งหลายมันก็ย่อมเกิดๆดับๆอยู่
เกิดขึ้นมาแล้วก็ดับไป
การฝึกฝนอบรมจิตใจจึงเป็นจุดที่สำคัญที่สุดในชีวิตในชีวิตของพวกเรา
เมื่อใจของพวกเรา"รู้"เท่านั้นเขาจึงจะปล่อยวางของเขาเอง
หลวงพ่อเปลี่ยน ปัญญาปทีโป





"...ถ้าเราต้องการจะมองดูเงาหน้าในน้ำให้เห็นได้ชัดเจน ก็ต้องทำน้ำให้ใสสะอาด นำไปตั้งไว้ในที่แจ้ง เปิดสิ่งที่ปิดบังออกเสียให้หมด แล้วจึงจะมองเห็นได้ชัดเจน ฉันใด
การปฏิบัติกัมมัฏฐาน เมื่อเราต้องการให้ได้ผลเป็นที่หน้าพอใจ เราก็ต้องพยายามกำจัดปัดเป่านิวรณ์ธรรมทั้ง ๕ ให้ห่างหายจากจิตใจของเรา ฉันนั้น..."
โอวาทธรรมคำสอน..
พระสุพรหมยานเถร (ครูบาพรหมา พฺรหฺมจกฺโก)
วัดพระพุทธบาทตากผ้า อำเภอป่าซาง จังหวัดลำพูน




"...บุญคือการทำใจของเราให้สบาย ให้มีความสุข ให้สงบ ให้ใส ให้เย็น ให้สว่าง บุญคือการทำใจของเราให้สมบูรณ์ขึ้นมาด้วยศีลธรรม
สิ่งใดเป็นประโยชน์แก่โลก แก่สังคมโลก อันนั้นเรียกว่าบุญได้ทั้งนั้น เพราะบุญคือสิ่งที่สร้างสรรค์ การทำสิ่งที่สร้างสรรค์นั้นจึงเป็นการทำบุญ... "
โอวาทธรรมคำสอน..
องค์หลวงปู่แบน ธนากโร
วัดดอยธรรมเจดีย์ อ.โคกศรีสุพรรณ จ.สกลนคร


แสดงโพสต์จาก:  เรียงตาม  
กลับไปยังกระทู้  [ 1 โพสต์ ] 

เขตเวลา GMT + 7 ชั่วโมง


 ผู้ใช้งานขณะนี้

กำลังดูบอร์ดนี้: ไม่มีสมาชิก และ บุคคลทั่วไป 31 ท่าน


ท่าน ไม่สามารถ โพสต์กระทู้ในบอร์ดนี้ได้
ท่าน ไม่สามารถ ตอบกระทู้ในบอร์ดนี้ได้
ท่าน ไม่สามารถ แก้ไขโพสต์ของท่านในบอร์ดนี้ได้
ท่าน ไม่สามารถ ลบโพสต์ของท่านในบอร์ดนี้ได้
ท่าน ไม่สามารถ แนบไฟล์ในบอร์ดนี้ได้

ค้นหาสำหรับ:
ไปที่:  
Google
ทั่วไป เว็บธรรมจักร


cron