วันเวลาปัจจุบัน 20 เม.ย. 2024, 09:54  



เขตเวลา GMT + 7 ชั่วโมง




กลับไปยังกระทู้  [ 1 โพสต์ ]    Bookmark and Share
เจ้าของ ข้อความ
โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 18 ส.ค. 2017, 19:20 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
อาสาสมัคร
อาสาสมัคร
ลงทะเบียนเมื่อ: 06 มี.ค. 2009, 10:48
โพสต์: 5091


 ข้อมูลส่วนตัว


“พระคุณของแม่ล้นฟ้า ล้นแผ่นดิน
ที่ควรเทิดทูนสุดหัวใจ
จงเมตตาท่านสุดหัวใจตลอดไป
อย่านำยาพิษ คือกิริยาไม่ดี และดุด่า
มาเป็นคู่แข่งพระคุณท่าน
และเผาลนท่าน ให้แสลงตา แสลงใจ
ได้ทุกข์เพราะเรา อีกต่อไป”

-:-หลวงตามหาบัว ญาณสัมปันโน-:-






"เราสร้างความดีกับใคร
เราก็ดีใจ ถึงเขาไม่รู้ เราก็รู้

ในทำนองเดียวกัน
การทำความชั่ว
ถึงเขาไม่รู้ เราก็รู้"

-:-หลวงพ่อจรัญ ฐิตธัมโม-:-





"รักพ่อแม่ให้ทดแทนคุณ
รักสร้างบุญให้รักษาศีล"
-:-หลวงปู่จื่อ พันธมุตโต-:-






"เราอยากให้คนอื่นทำดีกับเราอย่างไร
คนอื่นก็อยากให้เราทำดีกับเขาอย่างนั้น

ขอให้พยายามคิดถึงความจริงนี้
ให้บ่อยที่สุด เท่าที่จะมีสตินึกได้
จะเป็นคุณแก่ตนเองอย่างยิ่ง

การคิดพูดทำทั้งหมด จะเป็นไปอย่างดีที่สุด
ไม่เป็นการทำร้ายผู้อื่น ไม่เป็นการเบียดเบียนผู้อื่น"

-:-สมเด็จพระญาณสังวร สมเด็จพระสังฆราชฯ-:-







" ถ้าคนมันถึง พุทธัง ธัมมัง สังฆัง สะระณัง คัจฉามิ ฝากเป็นฝากตายแล้วมันบ่ไปใสแล่ว ผู้ใดว่าหยังให้กะเฉยๆคือกันกับคนมีเงินพันล้านในกระเป๋าเดินตามทางคนว่าให้กะเฉยๆเพราะใจมันเป็นสุขคิดถึงเงินในกระเป๋าเจ้าของ เปรียบคือกันกับคนที่มีสรณะเป็นที่พึ่งในใจมันกะคือกันนั่นละ แต่มันถึงยากเด้ละขนาดพระเทวทัตมีฤทธิ์เหาะเหินเดินอากาศได้ยังบ่ถึงสรณะไหลลงอเวจียังบ่ไดัไปผุดไปเกิดอยู่จนถึงปัจจุบัน ในประเทศไทยร้อยคนสิมีพอสามคนบ่ที่ถึงสรณะ เกิดเป็นคนนั้นประเสริฐแล้วเป็นแก้วสารพัดนึก นึกดีกะได้ดี พระคือกันอยู่วัดบ่เคยภาวนาจักเทื่อไปหาสร้างเหรียญมาแล้วทำท่าไปปลุกเสกเหรียญให้ขลัง คือบ่ปลุกเสกเจ้าของนั้นให้มันดี "

*************************

หลวงปู่จันทร์เรียน คุณวโร
วัดถ้ำสหาย อ.หนองแสง จ.อุดรธานี





“เรือแห่งชีวิตที่เราเคยขี่มานาน ด้วยอำนาจแห่งกิเลส กรรม วิบาก อันเป็นประดุจลูกคลื่นนั้น เมื่อถึงชายฝั่งแล้ว เราก็ทิ้งเรือไม่แบกเรือขึ้นฝั่งไปด้วย”
เรือคืออะไร ก็คือศีล คือธรรมทั้งหลาย ที่ปฏิบัติมา เป็นประดุจลำเรือ อาศัยปัญญาเป็นเครื่องนำทาง อาศัยพระพุทธเจ้าเป็นเครื่องส่องทิศ อาศัยครูบาอาจารย์เพื่อเดินสู่จุดหมาย มีพระธรรมวินัยเป็นแผนที่ มีพระสงฆ์เป็นลูกเรือ เมื่อถึงฝั่งอย่างที่เราต้องการแล้ว ย่อมทิ้งเรือต่างๆ ไว้เบื้องหลัง เป็นเอกจิต เอกธรรมชั่วนิรันดร...”

โอวาทธรรม
พระครูสุทธิธรรมรังษี (หลวงปู่เจี๊ยะ จุนฺโท)
วัดป่าภูริทัตตปฏิปทาราม อ.สามโคก จ.ปทุมธานี
(พ.ศ. ๒๔๕๙ - ๒๕๔๗)







"พระพุทธเจ้าท่านสอนเรื่องความไม่มีอะไร ความไม่ได้อะไรจริงแท้แน่นอน ไม่รู้จะไปอวดอะไร มีนั่นมีนี่อวดกัน ไม่รู้ได้อะไรจากมัน อวดกัน วิ่งฆราวาสอวดกันมีแต่กองทุกข์ ตายไปก็เอาไปด้วยไม่ได้ ไม่รู้จะหามาอวดกันเพื่ออะไร สู้เราทำความพากความเพียรไม่ได้ ละวาง ไม่สะสม ไม่เพิ่มพูน สำรวม ไม่ได้มันก็ยังดีกว่าส่งเสริมกิเลส สะสมความยึดมั่นถือมั่น"
โอวาทธรรม...หลวงปู่เพียร วิริโย







"ท่านปัญญาทำประโยชน์ให้วัดนี้มากมาย ท่านเรียนจบทางวิศวะ ถ้าไม่ถามเหมือนไม่รู้นะ ถามอะไรๆ ไม่มีติดข้อง ว่าทำได้ๆ เรื่อย จนกระทั่งจรวดดาวเทียมท่านก็ทำได้ แต่ว่างานอย่างนี้มันต้องเป็นจำนวนคนงานเท่านั้นๆ ท่านบอกไว้ สำหรับวิธีทำรู้แต่ทำคนเดียวไม่สำเร็จ แน่ะท่านก็มีเหตุผลของท่าน คนหนึ่งชำนาญทางหนึ่งๆ มาทำเครื่องมือชนิดนี้ เช่นพวกจรวดหรือดาวเทียมนี้ คนนั้นชำนาญทางนั้นทางนี้มารวมบวกความรู้ทั้งหลายที่จะทำจรวดนี้ รวมตัวกันแล้วเป็นจรวดขึ้นมา ทำคนเดียวไม่สำเร็จ มันมีหลายแง่หลายทาง

ท่านก็ดีนะ ทางด้านจิตตภาวนาท่านดีอยู่ ไม่จำเป็นต้องศึกษาเรื่องจิตใจอะไรมากนักนะ ท่านฟังเทศน์เรา คือแต่ก่อนเราเทศน์สอนพระนี้อาทิตย์หนึ่งหรือว่าสิบวันเทศน์ทีหนึ่งอยู่บนศาลา แต่ก่อนเราก็ยังหนุ่มน้อย ภาระยังไม่มาก คนก็ยังไม่มาเกี่ยวข้องมาก การประชุมเทศน์สอนพระนี้เป็นประจำ อาทิตย์หนึ่งหรือสิบวันทีหนึ่งๆ เทศน์สอนพระ ทีนี้เวลาท่านฟังไปนานๆ แสดงว่าท่านเข้าใจทางภาคปฏิบัติ แหม ท่านอาจารย์เทศน์ดีมาก ท่านทำไมถึงรู้ว่าดีมาก เนื้ออรรถเนื้อธรรมสูงต่ำประการใดนี้เราแสดงไปท่านฟัง ดีมาก คือท่านเข้าใจเนื้ออรรถเนื้อธรรมที่เราแสดงไป"

หลวงตาพระมหาบัว ญาณสัมปันโน
เทศน์อบรมฆราวาส ณ วัดป่าบ้านตาด
เมื่อวันที่ ๒๑ มิถุนายน พุทธศักราช ๒๕๕๑







...ต้องสนใจอยู่เรื่อย ...

..ฉะนั้น เรื่องการปฏิบัติเหล่านี้ ต้องอาศัยการใคร่ครวญพิจารณา ให้รู้รอบในเรื่องของตน ถ้าใครไม่สนใจ ไม่เอาใจใส่ ไม่หมั่น ไม่ขยันแล้ว ก็ยากเหมือนกัน เป็นของทำไม่หนัก แต่ต้องทำบ่อย ๆ ทำไม่หยุด ต้องสนใจอยู่เรื่อย บางครั้งก็หนัก บางครั้งก็เบา แต่ว่าไม่ได้ละ ไม่ได้วางสักครั้ง..

..หลวงปู่ศรี มหาวีโร..







"...บุญเก่าของเรา ก็ได้เท่าเรานี้หละ ดูร่างกาย จิตใจของเราก็รู้จัก เป็นผู้มีความคิด ความรู้ ความเฉลียวฉลาดรอบรู้ แค่ไหน ก็ดูตัวเจ้าของเอง ร่างกายสมบูรณ์แบบ เพียงไหน แค่ไหน ก็ดูตัวของเรา มีโรคภัยไข้เจ็บ มากหรือน้อย ก็เป็นเรื่องของเรานี้หละ

ถ้าใครมีโรคภัยไข้เจ็บมาก ไม่ค่อยมีปัญญาเฉลียวฉลาด เป็นคนโง่เขลาเต่าตุ่นอะไรต่าง ๆ ก็เนื่องจากบุญเก่าของเรา ซึ่งกระทำมาแต่ก่อนมันน้อย ก็ส่งมาเพียงแค่นี้ เราสำรวจตัวเจ้าของเอง ก็รู้บุญเก่าของตัวเอง ถ้าหากเราต้องการอยากให้ดีกว่านี้ ก็ต้องเร่งประพฤติปฏิบัติเพิ่มเข้าไปอีก ถ้ายังอยู่แค่เดิม ก็เป็นไปเท่าเดิม ฉะนั้น การประพฤติปฏิบัติธรรม เพื่อเพิ่มคุณงามความดีให้เกิดขึ้นในจิตใจของเรา เพื่อจะได้ไปใช้ในโลกข้างหน้า ไม่ใช่ว่าเราจะอยู่เพียงแค่นี้..."

พระธรรมเทศนา:องค์หลวงปู่ศรี มหาวีโร
เทศนา เรื่อง มนุษย์สมบูรณ์แบบ : ๒๐ พฤศจิกายน ๒๕๓๔




“อาศัยพุทโธ”
..อาศัย พุทโธ ตัวเดียวเท่านั้นหละ ทำอยู่ไม่หยุด เพียงแต่เอาใจใส่ เรื่องของเหล่านี้ มันเป็นเรื่องทำได้จริงจังนะ ไม่ใช่สักแต่ท่านว่าไว้แต่ในสมัยครั้งพุทธกาล สมัยนี้ ก็ทำได้เหมือนกัน เพราะว่าศาสนา ท่านมอบไว้ในร่างกายจิตใจของคน เมื่อมีการประพฤติปฏิบัติตรงไหน ผลมันก็ขึ้นตรงนั้นหละ..

หลวงปู่ศรี มหาวีโร
เทศนา เรื่อง นิวรณ์ธรรม ๕







"อาศัยความคิดของครูบาอาจารย์"

ถาม : จิตที่เกิดความรู้คิดเป็นแนวธรรมะ ขณะเจอเหตุการณ์หนึ่ง แล้วนำไปปรับเทียบคำสอนของครูบาอาจารย์ที่รู้หรือฟังมา แบบนี้จิตปรุงแต่งเอง หรือธรรมออกจากในใจจริงๆ ครับ ดีหรือไม่ดี มีแนวทางปฏิบัติต่อไปอย่างไรครับ

พระอาจารย์ : คือเบื้องต้นเราก็ต้องอาศัยธรรมของครูบาอาจารย์ก่อน เพราะเราไม่มีในตัวเรา เราก็ต้องอาศัยความคิดของครูบาอาจารย์ว่าท่านคิดยังไงในการแก้ปัญหา เราเข้าใจแนวทางของการแก้ปัญหาแล้ว เราก็มาใช้กับเรา เบื้องต้นก็ต้องฟังก่อน ฟังวิธีแก้ปัญหา พระพุทธเจ้าบอกความทุกข์เกิดจากความอยาก ถ้าอยากดับทุกข์ เราก็ต้องหยุดความอยาก การจะหยุดความอยากได้เราก็ต้องมีศีล สมาธิ ปัญญา อันนี้เป็นแนวความคิดของพระพุทธเจ้า เราก็เอามาปฏิบัติ เวลาเรามีความทุกข์เราก็ลองหยุดความอยากดู ถ้ายังหยุดไม่ได้ก็มาดูว่าศีลเรามีพอหรือยัง สมาธิมีหรือยัง ถ้ายังไม่มีก็ต้องมาสร้างศีล สร้างสมาธิขึ้นมาก่อน ถึงจะสามารถเอาปัญญาของพระพุทธเจ้ามาใช้ในการหยุดความอยากได้.

ธรรมะบนเขา

วันที่ ๑๓ สิงหาคม ๒๕๖๐

พระอาจารย์สุชาติ อภิชาโต





โยม : ทำยังไงทำให้จิตใจเราปกติได้สำหรับเวลาคบคนทุกประเภทเจ้าคะ

หลวงพ่อ : ทำยังไงน่ะ... ทำเหมือนหลวงพ่อนี่

โยม : ทำไม่เป็นเจ้าค่ะ

หลวงพ่อ : คนเราก็ต้อง ไม่มีความโลภ ความโกรธ ความหลงอะไร
หลักการ ใช่มั้ย เพราะถ้าเรามีความโลภอย่างนี้น่ะ
เราก็เป็นเปรต เป็นอสุรกาย ไม่ตายก็เป็นแล้ว
เราก็ปฏิบัติอย่างนี้นะ
โยมก็คิดว่าชีวิตโยมต้องเสียสละนะ เสียสละ ขยัน รับผิดชอบ
อดทน ทำความดี

โยม : ช่วงเข้าพรรษา เราควรตั้งสัจจะข้อไหนดีที่เอื้อต่อการบรรลุธรรมเจ้าคะ หลวงพ่อ

หลวงพ่อ : #โยมก็อย่าไปว่าเลย_บรรลุธรรม #ไม่ทะเลาะกับใครก็ดีแล้ว
เราต้องถามตัวเองว่า เราจะได้เสียสละอะไร รับผิดชอบอะไร เราจะได้ขยัน อดทน เราอย่าไปเอาผลมัน เอาผลมันไม่ถูกเนาะ เห็นด้วยเนาะ เราอย่าไปหวังผล ถ้าไปหวังผล ใจไม่สงบ หวังผลก็เรียกว่าพวกนายทุนน่ะ ใช่มั้ย
ลงทุนแล้วก็ ใส่บาตร อืม ...ให้ได้มรรคผล ได้นิพพาน ใช่มั้ย เห็นด้วยเนาะ เราเน้นให้ศีลโยมบริสุทธิ์ ศีลก็คือ ความประพฤติดี คือการไม่ทำบาปทั้งปวง กิริยามารยาทก็เยี่ยม สุดยอด
คำพูดอะไรก็ดี พูุดดี พูดเพราะ
พูดไม่มีเลศนัยอะไร ก็เอาอย่างนี้แหละ
#อย่าไปหวังเกิน
#ป๑_ยังไม่จบ_อยากเป็นด็อกเตอร์ เนอะ
คนเราก็ถือว่ายังเป็นอนุบาลน่ะ อย่างนี้นะไม่มีใครเก่งกว่ากันน่ะ เจ้านี้ก็เลือดหัวใจสูบไปมา หัวใจเต้นตุ๊บๆ เราก็เหมือนกัน อะไรอย่างนี้เนาะ

หลวงพ่อกัณหา สุขกาโม
วัดป่าทรัพย์ทวีธรรมาราม
วันอาทิตย์ที่ ๑๓ สิงหาคม ๒๕๖๐







คนเราอย่าไปคิดมากให้ตัวเองโง่
อย่าไปวิตกกังวลมากให้ตัวเองโง่
เรารู้จักทำใจให้สบายให้สงบ
เค้าเรียกว่าพักผ่อนสมอง
อะไรก็ช่างหัวมัน อย่าไปทุกข์มัน

สมองเราอย่างนี้นะ เค้าเรียกว่า คิดครั้งที่ ๑ เราก็รู้
เราอย่าให้มันปรุงไป ๒ ครั้ง ๓ ครั้ง ๔ ครั้ง ๕ ครั้ง
มันคุมไม่อยู่ ออกซิเจนในสมองมันสูญเสีย
เค้าเรียกว่า เศรษฐกิจสมองขาดความสมดุล

เหมือนอาจารย์ชา ฟันมันปวด เอาออกทีเดียว ๑๖ ซี่เลย หมอไม่ยอมถอน อาจารย์ชาบอกว่าถอนเลย ตั้งแต่ท่านยังไม่ดังนะ

คนเรากลัวอันโน้นกลัวอันนี้ มันคือสิ่งที่เจ็บปวดนะ
ความวิตกกังวลเป็นสิ่งที่เจ็บปวด
คนเราต้องมีความสุขในการตามพระพุทธเจ้า
เราอย่าไปวุ่นวายมัน มันหาเรื่องให้ตัวเองเฉยๆ หรอกคนเรา มันคิดไปเรื่อย คิดไปคิดมา คิดมากจนได้ผัวเลย

คนเราน่ะมันหาเรื่องให้ตัวเองเหินห่างจากมรรคผลนิพพานเฉยๆ น่ะ...ช่างหัวมัน มีความสุขในการทำงานมีความสุขในการทำอะไรไป

โยมคนหนึ่งเค้าเป็นมะเร็งเหมือนกันน่ะ หมอเค้าบอกว่าอยู่ไม่น่าถึง ๒ อาทิตย์ต้องตาย เค้าหามมาหาหลวงพ่อน่ะ หลวงพ่อก็บอกว่าโยมนะ ไหนๆ โยมจะตายแล้ว โยมก็ต้องเตรียมตัวตาย เพราะหมอก็บอกว่าจะตาย ญาติก็บอกว่าจะตาย...ตายแน่นอน โยมก็เตรียมตัวตายเลย ปล่อยวางเลย โยมอยากจะกินอะไรก็กินเลย อยากจะทำอะไรก็ทำ อยากจะฟ้อนก็ฟ้อน อยากจะรำก็รำ มีความสุขน่ะ ไหนๆ มันจะตายให้มันตาย เค้าก็ไปทำตามน่ะ ปรากฏว่าเค้านอนหลับ ๔ - ๕ วัน ที่นี่น่ะท้องที่เค้าแข็งๆ ท้องก็ยุบลง เค้าหิวข้าวเลยทีนี้ อยากจะกินข้าว ผลสุดท้ายเค้าก็แข็งแรง เดินได้ ตัวเค้าตัวดำๆ คนฟอกไตน่ะ เค้าลอกออกหมดเลย ทีนี้เค้าไม่ตายนะ

คนเรานี่กำลังใจนี้สำคัญนะ
ที่เราพากันมีความทุกข์ เพราะกำลังใจนี้เปรียบเสมือนคนจมน้ำ ยิ่งดิ้นก็ยิ่งหมดกำลัง ยิ่งจะหมดลมหายใจ
คนจมน้ำก็คือ คนที่อยากให้มันเป็นอย่างโน้นอย่างนี้ เค้าเรียกคนจมน้ำน่ะ อยากให้ไม่แก่ ไม่เจ็บ ไม่ตาย คนกำลังจมน้ำน่ะ น้ำคือความโลภ ความโกรธ ความหลงน่ะ

โยมต้องสู้ ไม่ต้องไปกลัวมัน เค้าเข็นรถเราไปก็ช่างหัวมัน มีความสุขในการพักผ่อนสมอง นอนอยู่โต๊ะเย็นๆ หลับไปตั้งแต่เมื่อไหร่ก็ไม่รู้เนาะ

อย่างหลวงพ่อไม่ได้สนใจว่าใครสวย หน้าสวย หน้าไม่สวย เพราะมันไม่มีอะไร คนเราต้องแยกใจออก แยกกาย อย่าไปโง่หลาย

ความสุขของเราต้องอยู่ที่ใจมีพระนิพพาน อยู่ที่ใจหลุดพ้น มันโปร่งใส สว่างไสว เปรียบเสมือนต้นไม้ที่อยู่กลางแจ้ง ไม่เหมือนหญ้าถูกต้นไทรควบคุม อย่าให้ความสวยความงาม ลาภยศ สรรเสริญ อะไรนะ มันไม่เข้าท่า เราอย่าไปคิดอะไร มันโง่ๆ อย่างนั้น
เพราะใจของเราต้องให้มันสง่างามเนาะ

พระพุทธเจ้าทำไมไม่ให้พระส่องกระจก เพราะไม่ให้สนใจเรื่องความงาม ความหล่อ

ถ้าโยมพักผ่อน นอนมีความสุข โยมก็มีภูมิต้านทานเชื้อโรค มันก็ดี...จริงมั้ย หลวงพ่อยังไม่อายใครเลย ไม่มีหน้ามีตาอยู่แล้ว

หลวงพ่อกัณหา สุขกาโม
ณ วัดป่าทรัพย์ทวีธรรมาราม
ค่ำวันศุกร์ที่ ๑๑ สิงหาคม ๒๕๖๐








ต้องแก้ที่ตัวเอง เราไปแก้ข้างนอกไม่ดีหรอก
เราไปโทษคนอื่นไม่ได้ เพราะเราเกิดมา มันต้องเจอคนดีคนไม่ดีคนเห็นแก่ตัว คนมีความโลภ ความโกรธ ความหลงเยอะ ช่างหัวมัน เราอยู่ในสนามนี้มันเป็นอย่างนี้ สิ่งนี้เองที่ทำให้เราได้บรรลุมรรคผลนิพพาน ทำให้เราได้เป็นคนดี
เรามีความสุขที่สุดในโลกในการทำงาน ทำไมถึงมีความสุข เพราะเราได้เสียสละ ได้รับผิดชอบ เราได้อดได้ทน

หลวงพ่อกัณหา สุขกาโม
วัดป่าทรัพย์ทวีธรรมาราม
เช้าวันอาทิตย์ที่ ๑๖ เมษายน ๒๕๖๐







"การเข้าหาพระธรรมคำสอน"

การฟังเทศน์ฟังธรรมเป็นกระบวนการที่สำคัญในการปฏิบัติเพื่อหลุดพ้นจากกองทุกข์ของการเกิด แก่ เจ็บ ตาย จำเป็นที่จะต้องมีการศึกษามีการฟังธรรมไปจนกว่าจะได้บรรลุถึงธรรมขั้นสูงสุดได้ ถ้ามีครูบาอาจารย์ ก็จะเป็นโชคเป็นวาสนาเพราะจะมีผู้คอยนำทางให้ไปจนถึงจุดหมายปลายทางได้อย่างปลอดภัย โดยไม่ต้องเสียเวลาไม่หลงทาง แต่ถ้าไม่มีครูบาอาจารย์แต่ได้ปฏิบัติมาจนถึงจุดที่เรียกว่า จุดของพระอริยบุคคลแล้วก็ยังสามารถที่จะปฏิบัติได้ด้วยตนเอง แต่อาจจะช้าหน่อย ยากหน่อย เพราะว่าไม่มีผู้ที่คอยบอกทาง แต่ผู้ที่ได้บรรลุขั้นพระโสดาบันขึ้นไปนี้จะเห็นทางแล้ว แต่เป็นทางที่ตนเองยังไม่ได้ไป ก็ยังต้องไปลองผิดลองถูกอยู่ แต่ก็รู้ว่าต้องอยู่ในแนวทางนี้อย่างแน่นอน คือแนวทางของการระงับความคิดปรุงเเต่งไม่ให้ไปทางกามตัณหา ภวตัณหา และวิภวตัณหา และสิ่งที่จะทำให้ใจไม่คิดไปในทางตัณหาทั้ง ๓ ก็คือความจริงของสภาวะธรรมทั้งหลายที่เป็น อนิจจัง ทุกขัง อนัตตา นี่เอง

นี่คือสิ่งที่ผู้ปฏิบัติถ้าได้เข้าสู่กระแสธรรมแล้วจะรู้หน้าที่ของตน จะรู้วิธีการดับทุกข์ของตนว่าจะต้องทำอย่างไร ก็คือจะต้องพิจารณาสภาวธรรมต่างๆ ที่ใจยังไปหลงรักหลงชอบ ที่ยังคิดไปในทางตัณหาอยู่ ก็จะต้องใช้การพิจารณาไตรลักษณ์ของสิ่งต่างๆ ถ้าเห็นสิ่งต่างๆ ที่หลงไหลชอบอยากได้ อยากมี อยากเป็น ถ้าพิจารณาเห็นว่าเป็นอนิจจัง ทุกขัง อนัตตา ก็จะสามารถยุติความคิดไปในทางตัณหาความอยากได้

นี่คือการศึกษาพระธรรมคำสอนของพระพุทธเจ้าเป็นเหตุเป็นปัจจัยที่สำคัญมาก เพราะว่าถ้าไม่ได้ยินได้ฟังแล้วจะไม่รู้วิธีการปฏิบัติที่ถูกต้อง ถ้าไม่รู้จักวิธีที่ถูกต้องก็เหมือนกับคนที่เอาผ้าผูกตาปิดตาของตนแล้วก็เดินไปหาสิ่งต่างๆ ต้องคลำไป คลำผิดคลำถูก สิ่งที่คลำก็ไม่รู้ว่าเป็นอะไรกันแน่ โอกาสที่จะได้ในสิ่งที่ตนเองปรารถนาก็จะเป็นไปไม่ได้ แต่ถ้าได้มีการฟังเทศน์ฟังธรรมก็เหมือนกับมีคนนำทางมีคนบอกทาง บอกให้รู้ว่าทิศทางที่เราต้องการจะไปนั้นไปทางไหน ไปข้างหน้าแล้วจะมีอะไร จะพบอะไรและจะต้องปฏิบัติกับสิ่งที่ได้พบอย่างไร ถ้ามีคนคอยบอกทางก็จะสามารถเดินไปจนถึงจุดหมายปลายทางที่ปรารถนา.

ธรรมะบนเขา

วันที่ ๑๘ ตุลาคม ๒๕๕๘

พระอาจารย์สุชาติ อภิชาโต






โยมถาม.....ภูต ผี วิญญาณ เทวดา มีจริงหรือไม่ ตามประสบการณ์ของหลวงพ่อ

หลวงพ่อพุธ ฐานิโย ตอบ ....ภูต ผี เทวดา นี้มีจริง

ถ้าใครยังไม่เคยโดนผีตบหน้าก็ปฏิเสธว่าไม่มี

ถ้าใครไม่เห็นผี เป็นแต่เพียงรับฟังไว้ อย่าปฏิเสธและรับรอง

เพราะในโลกนี้ สิ่งที่เรายังศึกษาไม่ถึงและมองไม่เห็นยังมีอยู่ ถ้าหากว่าภูต ผี ปีศาจ เทวดาไม่มี คัมภีร์ท่านไม่เขียนไว้หลอกเด็ก ผู้ที่เขียนคัมภีร์ว่าภูต ผี ปีศาจ เทวดามีนี้ เป็นผู้ที่เคยสัมผัสเห็นภูตผี มาแล้ว เรื่องนี้หลวงพ่อจะนำมาเล่าให้ฟังย่อ ๆ

.....เมื่อปี ๒๕๐๑ มีผู้ศรัทธามอบที่ดินแห่งหนึ่งให้ เป็นป่ารกชัฏ(ปัจจุบันคือวัดใหม่แสนสุข) อำเภอวารินชำราบ อยู่ห่างจากวัดหลวงพ่อชา สุภทฺโท วัดหนองป่าพง ประมาณสัก ๑ กิโลเมตร ซึ่งเคยเกิดเหตุฆ่ากันตายในบริเวณนั้นมาก่อน
หลวงพ่อพาพระเณรไปอยู่ที่นั้น ๔-๕ องค์ เพื่อที่จะสร้างวัด พออยู่ได้ ๓ วัน ก็เกิดผีมาตบหน้า ก่อนที่ผีมันจะมาตบหน้าหลังจากที่นั่งสมาธิภาวนาแล้ว ถึงเวลาที่จะจำวัด (นอน) พอมีอาการเคลิ้ม ๆ ลงไป ก็มองเห็นเป็นกลุ่มวิ่งมาจากตะวันตก แล้วก็มาสัมผัสกับใบหน้าเหมือนกับฝ่ามือตบ ทีนี้มานึกว่า เอ๊ะ ฝันหรืออย่างไร ถ้าฝันทำไมเจ็บ ก็เลยเกิดข้อสงสัยขึ้นมา เอ๊า ผีจะตบหรือไม่ตบก็ช่าง วันนี้ต้องมาดูให้รู้เรื่องกัน

วันนั้นเลยตัดสินใจไม่จำวัด เดินจงกรม นั่งสมาธิภาวนาอยู่ตลอดคืน

พอเดินไปได้สักหน่อยหนึ่ง ได้ยินเสียงตก ตูม ลงมา เดินไปดูไม่มีอะไร เป็นอยู่อย่างนั้นจนกระทั่งถึงตี ๓ พอถึงตี ๓ แล้วไปเข้าที่นั่งสมาธิ มองไปข้างหน้ามองเห็นแสงโตเบ้อเร่อ ขนาดตะเกียงเจ้าพายุมี ๒ แสง วิ่งวนไล่กันอยู่ ในที่ตรงนั้นมีพระองค์หนึ่งไปจำวัดอยู่ที่นั้น พอหลวงพ่อนึกว่าพระองค์นั้นจะตื่นหรือเปล่าหนอจะได้เห็นอะไรพอเป็นขวัญตา

พอนึกแค่นั้นแหละ แสง ๒ แสง ผละจากพระองค์นั้นวิ่งมาหาหลวงพ่อ หลวงพ่อก็กำหนดจิต เอ๊า ถ้าแน่จริงมาชนหลวงพ่อให้ตายทีเดียว ให้หลวงพ่อสำเร็จพระนิพพาน พอมันเข้ามาระยะห่าง ๕ วา แสงนั้นก็ตกลงกับดิน แล้วก็หายไป

ภายหลังมาทราบว่า ที่ดินตรงนั้นเป็นที่ผีสิง ไอ้มนต์ตายแล้วมันไปเป็นเพื่อนกับผีวัดหลวงพ่อชา เวลามันไปงานนี่ มันไปเป็นคู่ เวลามันไปไหนมันจะมีแสงลอยวูบ ๆ ไป เหมือนตารถยนต์ไปเป็นคู่ วันพระวันเจ้า มันจะแสดงตัวให้เห็นทุกครั้ง ก็เลยได้เห็นข้อเท็จจริงว่า ผีมันมีจริง ๆ วิญญาณมันมีจริง ๆ ถ้าใครไม่เห็นแล้ว ก็อย่าเพิ่งรับรอง พยายามดูให้มันเห็นเสียก่อน.


แสดงโพสต์จาก:  เรียงตาม  
กลับไปยังกระทู้  [ 1 โพสต์ ] 

เขตเวลา GMT + 7 ชั่วโมง


 ผู้ใช้งานขณะนี้

กำลังดูบอร์ดนี้: ไม่มีสมาชิก และ บุคคลทั่วไป 87 ท่าน


ท่าน ไม่สามารถ โพสต์กระทู้ในบอร์ดนี้ได้
ท่าน ไม่สามารถ ตอบกระทู้ในบอร์ดนี้ได้
ท่าน ไม่สามารถ แก้ไขโพสต์ของท่านในบอร์ดนี้ได้
ท่าน ไม่สามารถ ลบโพสต์ของท่านในบอร์ดนี้ได้
ท่าน ไม่สามารถ แนบไฟล์ในบอร์ดนี้ได้

ค้นหาสำหรับ:
ไปที่:  
Google
ทั่วไป เว็บธรรมจักร