วันเวลาปัจจุบัน 16 เม.ย. 2024, 12:40  



เขตเวลา GMT + 7 ชั่วโมง




กลับไปยังกระทู้  [ 1 โพสต์ ]    Bookmark and Share
เจ้าของ ข้อความ
โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 08 ส.ค. 2017, 04:51 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
อาสาสมัคร
อาสาสมัคร
ลงทะเบียนเมื่อ: 06 มี.ค. 2009, 10:48
โพสต์: 5091


 ข้อมูลส่วนตัว


“เกิดสมาธิ”
..การฝึกหัดจิตใจ ให้เกิดความสงบ เป็นสมาธิก็เหมือนกัน ทำไปเรื่อย ๆ สมาธิ เกิดขึ้นจะแตกต่างเลยนะ แม้ผู้ไม่เคยเป็นสักครั้ง ก็รู้สึกแปลกในจิตใจตัวเอง เอ๊ะ..เป็นอะไรนะ ทำไมถึงเป็นแบบนี้ ได้ยินแต่ชื่อมาก่อน แม้เป็นสมาธิขึ้นมา ก็ไม่รู้จักเรื่องนะบางคน ได้ยินชื่อว่าสมาธิไม่รู้เป็นเท่าไหร่มา เรียนมาตั้งแต่เป็นเด็ก ก็พูดเป็น แต่ตัวจริงมันปรากฏเกิดขึ้นแล้ว ต่างหละ เอ๊ะ..อันนี้ เป็นอันไหนต่ออันไหนนะ ร่างกายก็แปลกแตกต่าง จิตใจก็แตกต่าง เอ๊ะ..มันเป็นอะไรนะ แบบนี้ บางคนก็เผลอเลอ กลัวไปก็มี ก่อนมันจะเกิด มันก็ต้องมีเหตุก่อน พอมีเหตุ ก่อนจะเกิด ก่อนมันจะเปลี่ยนสภาพใหม่นี้ ก็แรงมากอยู่นะ เป็นหลายรูปแบบ แล้วแต่มันจะแสดงขึ้นมา..

หลวงปู่ศรี มหาวีโร




ศีลนี้เป็นเหมือนรั้ว เหมือนกับคุกที่ไว้ขังนักโทษ แต่ถ้านักโทษไม่อยากจะแหกคุกแล้ว ไม่อยากจะออกจากคุกแล้วก็ไม่ต้องมีรั้วก็ได้
.
จิตของเราก็เหมือนกัน ตอนนี้จิตของเราชอบแหกคุกกัน แหกกรงกัน ชอบทำบาป แต่ถ้ามันไม่อยากจะได้อะไรแล้ว ต่อไปมันก็จะไม่อยากจะทำบาปอีก พอไม่อยากจะทำบาปแล้ว เอาศีลออกไปก็ได้ เอารั้วออกไปก็ได้ คุกไม่ต้องมีกำแพงแล้วก็ได้เพราะนักโทษเชื่องแล้ว
.
นักโทษเห็นโทษของการทำบาป เห็นโทษของความอยากแล้ว พอมันไม่อยากแล้วก็ไม่ต้องไปทำบาป ไม่ต้องไปสร้างความเดือดร้อนให้แก่คนอื่น ฉะนั้น ความอยากนี้ตัวเดียวเท่านั้น เป็นปัญหา ถ้าดับความอยากได้แล้วสบาย ถ้าไม่มีความอยากก็จะมีแต่ความพอ
.
พระอาจารย์สุชาติ อภิชาโต






"ถ้าไม่คิดถึงความตาย มีแต่อยากได้อย่างเดียว
มันก็ลุ่ม มันก็หลง ลืมเนื้อลืมตัวกันไป ใจทำกำเริบเสิบสาน
ถ้าหากระลึกถึงความตายอยู่เสมอๆ
ใจนั้นจะค่อยๆ คลายความลุ่มหลงต่างๆ
คลายความกำหนัดยินดีในโลกลงได้"

โอวาทธรรม:องค์ท่านพระอาจารย์สิงห์ทอง ธมฺมวโร






...การภาวนานี้ก็เพื่อ ให้เราไม่ต้องตายกัน
ตอนนี้เรายังต้องตายกันอยู่เรื่อย เพราะอะไร
เพราะเรายังมาเกิดกันอยู่เรื่อย นั่นเอง
.
...เกิดทีไร "ก็ต้องตายทุกครั้งไป"
ถ้าไม่อยากจะตาย "ก็ต้องไม่กลับมาเกิด"
.
...ถ้าไม่อยากจะกลับมาเกิด
ก็ต้อง "หยุดความอยาก" ที่พาให้เรามาเกิดกัน
และจะหยุดความอยากได้ก็ต้อง..ภาวนา..
..............................................
.
คัดลอกการสนทนาธรรม
ธรรมะบนเขา 7/8/2560
พระอาจารย์สุชาติ อภิชาโต
วัดญาณสังวรารามฯ ชลบุรี





นี่จะไปตกนรกหลุมไหน

อันนี้ก็มีคนหนึ่งเขาเคียดแค้นให้กัน ผูกกรรมผูกเวรกันจะไปฆ่าเตรียมปืนไปเลยเทียว ต้องตายเท่านั้น มันไม่ตาย กูตาย เด็ดขนาดนั้นนะใจ พอจะฆ่าหมดครัวเรือนจะฆ่าหมดเลย แต่ยังไงไอ้นี่จะต้องเอาเป็นที่หนึ่ง เคียดแค้นมาก

กึกๆๆไปเลย มันดลบันดาลสดๆร้อนๆไปก็มีแต่ครุ่นแต่คิดว่าจะเอาท่าไหนๆ พอดีเดินกึกๆๆไป

พ่อแม่ครูจารย์มั่นเรานี่ไม่ทราบมาจากไหนโผล่มายืนขวางหน้า "นี่จะไปตกนรกหลุมไหน" ว่าอย่างนั้นเลยนะ โห ! ทิ้งปืนตูมลงกราบเลย

พอกราบแล้วหายเงียบ ท่านไปไหนไม่รู้นะหายเงียบ

เวลานั้นเห็นยืนจังก้าอยู่ต่อหน้าจริงๆ เหมือนเราดูกันนี่ "นี่จะไปตกนรกหลุมไหน" ว่าอย่างนั้นนะพูดเท่านั้น ทางนี้พอมองเห็นจำได้ชัดในรูป คือ เขาเคยเห็นในรูป เขาว่างั้น เขาไม่เคยเห็นองค์จริงแหละ เห็นเฉพาะในรูปดูเป็นเหมือนรูปภาพทั้งหมดเลย ยืนจังก้าอยู่ขวางหน้าเลย

"นี่จะไปตกนรกหลุมไหนนี่" พอว่าเท่านั้นเขาก็ทิ้งปืนลงกราบเสร็จแล้วกลับเลย ตั้งแต่นี้ต่อไปเราจะไม่เป็นกรรมเป็นเวรกันอีกแล้ว เลิกตั้งแต่บัดนี้ แล้วเลิกจริงๆด้วย.

หลวงตาพระมหาบัว ญาณสัมปันโน
วัดป่าบ้านตาด อ.เมือง จ.อุดรธานี






" บางคนไม่รู้จักผลบุญ ก็คิดไปอย่างหนึ่ง
หรือบางทีก็ไปทำลายบุญตัวเอง คือ
#ไปทวงบุญ# ว่าทำบุญแล้ว
มันไม่เห็นเป็นบุญ มันไม่เห็นมีอะไรมาช่วย
อันนั้นท่านบอกว่าเป็นความคิดผิด
#เรื่องบุญ# ถ้าเราทำถูกต้องนี่
ให้ผลอย่างเดียว คือ ให้ความสมบูรณ์
ให้ความถูกต้อง ให้ความอิ่ม ให้ความเต็ม
ท่านจึงเรียกว่าบุญ ถ้าเรารักษาอารมณ์อย่างนั้นไว้ตลอด #เราจะได้รับผลบุญ# #เห็นบุญ# "

โอวาทธรรมคำสอน
หลวงปู่ประสิทธิ์ ปุญญมากโร วัดป่าหมู่ใหม่ อ.แม่แตง จ.เชียงใหม่






"คนเรามักมีจุดบอดเสมอ
การปฏิบัติขัดเกลาจิตใจนั้น
เราต้องจริงจัง และจริงใจ
ต้องใฝ่รู้ใฝ่ศึกษา

ถ้ามีคนมาชี้ให้เราเห็นจุดบอดของเรา
เท่ากับเขาชี้ขุมทรัพย์ ให้เราทีเดียว
อย่าไปโกรธเขา แต่เราต้องขอบคุณเขา"

-:- พระอาจารย์ชยสาโร ภิกขุ -:-







"เฝ้ามองเรื่องของตัวเอง มากกว่าที่จะไปเฝ้าดู
เฝ้ามองเรื่องของคนอืน เมื่อไม่ไปเฝ้าดู
เฝ้ามองเรื่องคนอื่น เราก็ปล่อยวางได้

ตัวของตัวเอง ไม่ได้พิจารณาเลย
ไม่รู้ว่าตัวของตัวเอง เป็นทุกข์ เป็นสุข
อย่างใด นั่นแหละ ทุกข์จึงมีหลายเท่า
เพราะเราปล่อยใจ ให้ไปคิดแต่เรื่องของคนอื่น"

-:-หลวงพ่อสนอง กตปุญโญ-:-





"กรรม เหมือนเมล็ดพืชที่ถูกหว่านลงในดิน..เมื่อเราได้คิดได้พูดได้ทำอะไรลงไปแล้ว มันก็เริ่มก่อผลเป็นวิบากขึ้นในจิตซึ่งเป็นประจุกรรมเหมือนข้อมูลที่ถูกป้อนเข้าเครื่องคอมพิวเตอร์ เราจะไปลบ ไปล้างไปเปลี่ยนไปแปลงอะไรไม่ได้อีกแล้ว ได้อยู่อย่างเดียวคือ คอยจนกว่ามันจะงอกออกมา และผลิดอกออกผลให้เราเก็บเกี่ยว ด้วยเหตุนี้ท่านจึงสอนว่า สิ่งที่ทำลงไปแล้ว อย่าย้อนคิดเสียดาย อย่าเก็บมากังวลครุ่นคิด แต่ก่อนจะกระทำสิ่งใดให้ไตร่ตรองจนรอบครอบเสียก่อน ด้วยสติ ด้วยปัญญา ด้วยเหตุผลก่อนจะทำเรามีโอกาสเต็มที่ว่าจะทำอย่างไร เพื่อที่จะไม่ย้อนคิดเสียใจ เสียกำลัง เสียเวลาที่จะล้มล้าง สิ่งที่เอาคืนมาอีก ไม่ได้แล้ว.."
โอวาทธรรมหลวงตาพระมหาบัว ญาณสัมปันโน




หลวงพ่อขอให้ลืมบาปที่เคยกระทำไว้ในอดีตให้หมด แล้วตั้งหน้าตั้งตาปฏิบัติธรรมบำเพ็ญบารมี สร้างบุญสร้างกุศล ให้ตั้งใจว่าตั้งแต่บัดนี้ บาปที่เราเคยทำไว้แล้ว เราจะไม่ทำอีกต่อไป ต่อแต่นี้จะตั้งใจ ทำแต่ความดีเท่านั้น ถ้าตั้งใจอย่างนี้ อีกไม่นาน อานิสงส์บุญก็จะส่งผลแก่ท่านทั้งหลายแน่นอน
โอวาทธรรม...หลวงพ่อฤาษีลิงดำ







"หลวงพ่อฤาษีลิงดำ" ไขข้อข้องใจ ทำบุญวันเกิด ควรทำก่อนหรือหลังวันเกิด? ทำแล้วได้อานิสงส์หรือไม่? มาดูกัน..
ผู้ถาม :- "หลวงพ่อคะ การทำบุญวันเกิด เราจะทำหลังวันเกิดดี หรือก่อนวันเกิดดีคะ...?"

หลวงพ่อ :- "ตอนไหนก็ได้ การทำบุญวันเกิด เราถือว่าปีหนึ่งเรามีโอกาสทำบุญครั้งหนึ่ง ที่เราทำบุญวันเกิดนี่เป็นนโยบายของพระ ท่านให้เรามีจิตเป็นกุศลไว้ ถ้าถึงวันเกิดเราตั้งใจจะทำบุญ เราจะทำอะไรบ้าง มีการเตรียมการไว้ในใจ ถ้าจิตมันนึกอย่างนี้ เวลาจะตาย อานิสงส์ได้ทันที อย่างสาตกีเทพธิดา เธอจะเอาดอกบวบขมไปบูชาเจดีย์ที่เขาบรรจุกระดูกของพระอรหันต์แต่พอจัดดอกไม้ยังไม่ทันพ้นบ้าน ถูกวัวขวิดตาย อาศัยที่เธอจะตั้งใจบูชาพระด้วยดอกไม้ดอกนั้น ยังไปไม่ถึง พอตายแล้วก็เกิดบนสวรรค์ชั้นดาวดึงส์เทวโลก มีวิมานทองคำเป็นที่อยู่ มีนางฟ้า ๑, ๐๐๐ เป็นบริวาร อย่างนี้เขาถือว่าเป็นอนุสสติ ถ้าเรานึกจะถวายเป็นสิ่งของก็เป็นจาคานุสสติ คิดว่าเราจะทำบุญกับพระองค์นั้นองค์นี้ นึกถึงพระสงฆ์ ก็เป็นสังฆานุสสติ ถ้าเราคิดจะทำบุญกับพระสงฆ์ แต่ให้มีพระพุทธรูปตั้งอยู่ด้วย นึกถึงพระพุทธก็เป็นพุทธานุสสติ ถือว่าเป็นการเจริญพระกรรมฐานไปในตัว แต่พระท่านไม่ได้บอกตรงๆ เท่านั้นเอง"





พระพุทธศาสนา
เปรียบเหมือนน้ำอมฤตอันบริสุทธิ์ปราศจากโทษ
ผู้ถือพระพุทธศาสนา
ก็เท่ากับผู้บริโภคน้ำอันบริสุทธิ์
ผู้บริโภคมากก็ได้รับความสุขมาก
ผู้บริโภคน้อยก็ได้รับความสุขน้อย
สมควรแก่ภูมิของตน
อันจะปราศจากผลนั้นไม่มีเลย.
พระอุบาลีคุณูปมาจารย์ (จันทร์ สิริจนฺโท)


แสดงโพสต์จาก:  เรียงตาม  
กลับไปยังกระทู้  [ 1 โพสต์ ] 

เขตเวลา GMT + 7 ชั่วโมง


 ผู้ใช้งานขณะนี้

กำลังดูบอร์ดนี้: ไม่มีสมาชิก และ บุคคลทั่วไป 27 ท่าน


ท่าน ไม่สามารถ โพสต์กระทู้ในบอร์ดนี้ได้
ท่าน ไม่สามารถ ตอบกระทู้ในบอร์ดนี้ได้
ท่าน ไม่สามารถ แก้ไขโพสต์ของท่านในบอร์ดนี้ได้
ท่าน ไม่สามารถ ลบโพสต์ของท่านในบอร์ดนี้ได้
ท่าน ไม่สามารถ แนบไฟล์ในบอร์ดนี้ได้

ค้นหาสำหรับ:
ไปที่:  
Google
ทั่วไป เว็บธรรมจักร