ลานธรรมจักร
http://www.dhammajak.net/forums/

การชำระจิตของตนให้ขาวรอบ
http://www.dhammajak.net/forums/viewtopic.php?f=1&t=54109
หน้า 3 จากทั้งหมด 5

เจ้าของ:  asoka [ 28 ก.ค. 2017, 06:20 ]
หัวข้อกระทู้:  Re: การชำระจิตของตนให้ขาวรอบ

:b8:
วันนี้มีของดีแบบโลกๆแต่เป็นธรรมะอันดีมาฝากครับ

“ธนา เธียรอัจฉริยะ” ผู้บริหารดีแทคพูดเรื่อง “เกมคิดดี” ในงาน Ignite Thailand

“คิดดี-คิดบวก”

เขาเชื่อว่าฝึกได้

“ธนา” เล่าถึงทีมขายเคลื่อนที่ของบริษัท ซึ่งเป็นกลุ่มคนที่เงินเดือนน้อยที่สุดขององค์กร แต่ทำงานหนักที่สุด

แต่ปรากฏว่าน้องกลุ่มนี้เป็นคนที่มีพลังมาก ไม่เคยบ่น และเมื่อว่างจากการทำงานก็มีจิตสาธารณะไปช่วยชุมชนกวาดลานวัด

“ธนา” สงสัยมานาน ว่าทำไมคนกลุ่มนี้จึงมี “ทัศนคติ” ที่ดี

จนเมื่อเขาได้คลุกคลีกับน้องๆ กลุ่มนี้

“ธนา” จึงได้รู้จัก “เกมคิดดี”

เกมนี้น้องๆ จะเล่นกันเป็นประจำตอนพัก มีกติกาคือให้ทุกคนคิดถึงทุกอย่างในแง่ดี

หัวหน้าจะตั้งคำถาม

“แดดออกดีอย่างไร?”

น้องคนหนึ่งยกมือ
"ดีเพราะชาวบ้านจะมาที่ตลาด ทุกคนมารวมตัวกันที่เดียว ไม่ต้องไปขายไกลๆ"

“ฝนตกดีอย่างไร”

อีกคนหนึ่งตอบ “ฝนตก คนออกจากบ้านไม่ได้ เราจะมีโอกาสคุยกับลูกค้านานขึ้น”

“หมาเห่าดีอย่างไร”

คราวนี้เริ่มยาก ทุกคนหันไปมองหน้ากัน แล้วคนหนึ่งก็คิดได้

“เราจะไม่เจ็บคอตะโกนเรียก เพราะเจ้าของบ้านจะเดินออกมาเอง”

โหย…ใช้ได้

หา “มุมบวก” เก่งจริงๆ

“ธนา” เชื่อว่า “ทัศนคติ” เป็นเรื่องสำคัญของชีวิต

หลักคิดของเขาก็คือ ถ้าเราไม่ชอบอะไรก็ตาม ให้พยายามเปลี่ยนแปลงสิ่งนั้นให้ได้

แต่ถ้ายังเปลี่ยนไม่ได้ เราก็ต้องเปลี่ยนทัศนคติต่อสิ่งนั้น

“ธนา” เชื่อว่าการมองโลกในแง่ดีนั้นเป็นทั้ง “พรสวรรค์” และ “พรแสวง”

ใครที่มีติดตัวมาตั้งแต่เกิด ก็ถือว่าเป็นคนโชคดี

แต่ถ้าใครไม่มีเรดาร์แบบนี้ติดตัวมา เขาก็เชื่อว่าสามารถฝึกฝนได้

แล้ว “ธนา” ก็เริ่มต้นเล่น “เกมคิดดี” บนรถกับลูกสาวทั้ง 2 คน

คนหนึ่งอายุ 7 ขวบ อีกคนอายุ 5 ขวบครึ่ง

เขาบอกลูกๆว่าลองคิดทุกอย่างในแง่บวก หา “ข้อดี” ของทุกเรื่องราวในชีวิตให้เจอ

ถามว่าอยู่ที่บ้านดีอย่างไร
“มีของเล่นเยอะ”

อยู่ที่โรงเรียนดีอย่างไร
“ได้เจอเพื่อน”

“แล้วรถติดดีอย่างไร”
คราวนี้ลูกสาวทั้ง 2 คนเริ่มโยเย เพราะแต่ละคนเบื่อสภาพรถติดมาก จะบ่นตลอดเวลา

“ไม่เห็นมีอะไรดีเลย” ลูกคนโตเริ่มโวย

“ไม่ได้ ก็บอกแล้วไงว่าเราเล่นเกมคิดดี” คุณพ่อไม่ยอม

ลูกสาวคนเล็กนั่งคิดอยู่แวบหนึ่งแล้วก็ยกมือ

“พ่อ หนูคิดออกแล้ว รถติดมีข้อดี เพราะพ่อจะได้หันหน้ามาคุยกับหนู”

น่ารักมาก…

ตั้งแต่วันนั้นเป็นต้นมา ทุกครั้งที่รถติด ลูกสาวทั้ง 2 คน จะตะโกนลั่นรถ

“รถติดแล้ว คุณพ่อหันมาคุยหน่อย”

ลูกสาวของ “ธนา” ได้เข้าเรียนที่โรงเรียนชื่อดังแถวชิดลม ซึ่งก็ไม่ไกลจากออฟฟิศของเขา อาคารจามจุรี สแควร์ ใกล้สวนลุมพินี

ตอนที่รู้ว่าลูกสอบติดที่ “มาแตร์” ด้านหนึ่งก็ดีใจ แต่ด้านหนึ่งก็ทุกข์ใจ เพราะต้องไปส่งลูกสาวทุกเช้า

จากเดิมตื่น 7 โมง ก็ต้องตื่นตี 5 ครึ่ง เพื่อไปส่งลูกให้ทันเข้าเรียน 7 โมง

สัปดาห์แรก “ธนา” ทุกข์หนัก และคิดในแง่ลบว่าชีวิตของเขาต้องเป็นอย่างนี้อีก 12 ปี เชียวหรือ

แต่เมื่อตั้งหลักได้ เขาก็เริ่ม “เกมคิดดี”

เขาใช้เวลาช่วงส่งลูกเสร็จ ก่อนเข้าทำงาน ไปวิ่งที่สวนลุมพินี

เช้าวันหนึ่ง มีผู้ชายคนหนึ่งมาทักทายเขา “ประเสริฐ” เป็นนักวิ่งระดับแข่งมาราธอน
เขาวิ่งทุกเช้าวันละ 40 นาที ระยะทาง 10 กิโลเมตร

“ตอนแรกผมวิ่งแค่ 300 เมตร ก็จะเป็นลม แต่ตอนนี้วิ่งทุกเช้ามา 4 ปีแล้ว”

“ธนา” เริ่มเอะใจ จึงถามถึงเหตุผลที่ “ประเสริฐ” หันมาวิ่ง

“ลูกสาวผมเรียนที่มาแตร์” เขาตอบ

“ลูกพี่อยู่ ป.4 ใช่ไหม” ธนาถาม

“ใช่” ประเสริฐทำหน้างงๆ “คุณธนารู้ได้ไง”

“ธนา” ไม่ได้เล่าต่อ

แต่เขาจบเรื่องเล่าบนเวทีด้วยการทำนายอนาคตตัวเอง

“ผมรู้แล้วว่าอีก 4 ปี ผมจะเป็นนักวิ่งมาราธอนแน่นอน”

นิทาน เรื่องนี้ สอนให้รู้ว่า เราเปลี่ยน โลก ไม่ได้ แต่ เราเปลี่ยน วิธีคิด เราได้ มาฝึก คิดบวก กันเถอะ

เจ้าของ:  กบนอกกะลา [ 28 ก.ค. 2017, 06:43 ]
หัวข้อกระทู้:  Re: การชำระจิตของตนให้ขาวรอบ

ดีตรงไหน....ช่วยบอกหน่อยซิ..??

เจ้าของ:  เช่นนั้น [ 28 ก.ค. 2017, 14:14 ]
หัวข้อกระทู้:  Re: การชำระจิตของตนให้ขาวรอบ

ดับความกระวนกระวาย ความเร่าร้อน อันเกิดจากความขุ่นใจ เรื่องกระทบใจ
โดยการเปลี่ยนทัศนคติ ไปในทางบวก
กับ โดยเปลี่ยนทัศนคติ ให้ถูกต้องตรงกับปัญหา
อย่างไหน จึงจะแก้ปัญหาได้หมดสิ้นได้

การคิดบวก ฟังดูดี
แต่
ต้องคอยคิดบวกตลอดเวลา ทุกครั้งเมื่อเจอเรื่องเดิมๆ สิ่งเดิมๆ และคอยหาเหตุผลบวกอื่นๆ ร่ำไป

ทัศนคตินี้ ยังเป็นการเจริญตัณหาอยู่ ครับ

จึงกล่าวว่า ฟังดูดี มีเหตุผล แต่ไม่อาจแก้ปัญหาให้ตรงกับปัญหา
ซึ่ง การคิดบวก เป็นที่นิยมกันมากกล่าวกันมากในสมัยนี้

การแก้ปัญหาในทางพุทธศาสนา เพื่อให้เห็นตามความเป็นจริง และแก้ปัญหาที่ใจครับ
ไม่ใช่คิดบวก แต่ให้คิดตรงตามเป็นจริงครับ ดูสภาวะที่เกิดกับใจ แก้ปัญหาที่นั้นนั่นเอง
จิตจึงจะมีกำลัง มีสติ มีปัญญา แก้ปัญหาโลกๆต่อไป

เจ้าของ:  asoka [ 29 ก.ค. 2017, 20:35 ]
หัวข้อกระทู้:  Re: การชำระจิตของตนให้ขาวรอบ

กบนอกกะลา เขียน:
ดีตรงไหน....ช่วยบอกหน่อยซิ..??

grin
หมดปัญญาที่จะจับประเด็นเลยหรือกบ

เป็นเอามากแล้วนี่
:b20:

เจ้าของ:  ขณะจิต [ 03 ส.ค. 2017, 10:58 ]
หัวข้อกระทู้:  Re: การชำระจิตของตนให้ขาวรอบ

:b8: ความเห็นยังเข้มข้นดีจัง บอกกล่าวเล่ากัน เป็นไปสู่ธรรม ...

เจ้าของ:  กบนอกกะลา [ 03 ส.ค. 2017, 19:33 ]
หัวข้อกระทู้:  Re: การชำระจิตของตนให้ขาวรอบ

asoka เขียน:
กบนอกกะลา เขียน:
ดีตรงไหน....ช่วยบอกหน่อยซิ..??

grin
หมดปัญญาที่จะจับประเด็นเลยหรือกบ

เป็นเอามากแล้วนี่
:b20:


ที่อโศกะว่าดี..นั้นนะ..บอกมาเถอะ..ดีตรงไหน?..

กลัว..รึงีย

เจ้าของ:  asoka [ 03 ส.ค. 2017, 19:45 ]
หัวข้อกระทู้:  Re: การชำระจิตของตนให้ขาวรอบ

กบนอกกะลา เขียน:
asoka เขียน:
กบนอกกะลา เขียน:
ดีตรงไหน....ช่วยบอกหน่อยซิ..??

grin
หมดปัญญาที่จะจับประเด็นเลยหรือกบ

เป็นเอามากแล้วนี่
:b20:


ที่อโศกะว่าดี..นั้นนะ..บอกมาเถอะ..ดีตรงไหน?..

กลัว..รึงีย

:b12:
ก็ดีตรงคิดบวก หรือคิดค้นหาแต่ความดีของทุกคน ทุกสิ่งไง
ใจจะได้ไม่มีเศร้าหมอง

onion
ง่ายๆ ซื่อๆ อย่างนี้กบยังจับประเด็นไม่ได้ คิดไม่ออกเลยต้อง
ถามย้ำเพื่อเรียกสติสัมปชัญญะของกบกลับคืนมาเร็วๆยังไงล่ะ
:b11:

เจ้าของ:  กบนอกกะลา [ 03 ส.ค. 2017, 19:54 ]
หัวข้อกระทู้:  Re: การชำระจิตของตนให้ขาวรอบ

asoka เขียน:
กบนอกกะลา เขียน:
asoka เขียน:
กบนอกกะลา เขียน:
ดีตรงไหน....ช่วยบอกหน่อยซิ..??

grin
หมดปัญญาที่จะจับประเด็นเลยหรือกบ

เป็นเอามากแล้วนี่
:b20:


ที่อโศกะว่าดี..นั้นนะ..บอกมาเถอะ..ดีตรงไหน?..

กลัว..รึงีย

:b12:
ก็ดีตรงคิดบวก หรือคิดค้นหาแต่ความดีของทุกคน ทุกสิ่งไง
ใจจะได้ไม่มีเศร้าหมอง

onion
ง่ายๆ ซื่อๆ อย่างนี้กบยังจับประเด็นไม่ได้ คิดไม่ออกเลยต้อง
ถามย้ำ
เพื่อเรียกสติสัมปชัญญะของกบกลับคืนมาเร็วๆยังไงล่ะ
:b11:

อโศกะนี้...เมาความคิดตัวเองดีเน๊าะ.. :b32:
อย่างนั้น..พระเทศน์...2 ธรรมมาสน์...พระองค์ที่ทำหน้าที่ปุจฉา..คงโดนอโศกะว่า.."คิดไม่ออกเลยต้องถาม" :b12: :b12:

อีกอย่าง...ผมอยากให้อโศกะ..เขียนออกมา..จะได้มีหลักฐานจับอโศกะมาตีก้น..นะซิ.. :b32: :b32:

เจ้าของ:  asoka [ 06 ส.ค. 2017, 07:54 ]
หัวข้อกระทู้:  Re: การชำระจิตของตนให้ขาวรอบ

:b36:
ผมขาดการติดต่อบนโลกออนไลน์
เพราะปลีกตัวไปเข้ากรรมฐาน 3 วันเพื่อเป็นการฉลองคล้ายวันเกิด

ขอบุญกุศลอันเลิศที่พึงได้ ความสุข สงบในธรรมทั้งหลายที่พึงมีจงเผยแผ่และ
บังเกิดแก่มิตรสหายทั้งในโลกและในธรรมทุกๆท่าน
ขอให้ทุกท่านเจริญสุข เจริญธรรม สำเร็จในสิ่งที่หวัง
ไว้ด้วยดีทุกประการเทอญ
:b48:

เจ้าของ:  เช่นนั้น [ 06 ส.ค. 2017, 15:34 ]
หัวข้อกระทู้:  Re: การชำระจิตของตนให้ขาวรอบ

:b8:
ขอให้บุญกุศลทั้งหลาย ที่คุณอโสกะ มีนั้นไม่เสื่อมไม่คลายเป็นปัจจัยให้ได้รับความสุขในปัจจุบัน
มีสุขภาพกาย สุขภาพจิต สมบูรณ์ดีตามปรารถนาทุกประการ

เจ้าของ:  ขณะจิต [ 06 ส.ค. 2017, 15:56 ]
หัวข้อกระทู้:  Re: การชำระจิตของตนให้ขาวรอบ

ความปรารถนาดีย่อมส่งผลแก่ผู้มีความปราถนานั้นก่อน แล้วส่งผลกระจายออกไปสู่หมู่สัตว์ดามลำดับไป

ได้ความณุ้แจ้งอย่างไรวานช่วยไขแสงปัญญามาสู่ผมบ้างนะครับ สาธุ

smiley smiley smiley

เจ้าของ:  asoka [ 07 ส.ค. 2017, 06:16 ]
หัวข้อกระทู้:  Re: การชำระจิตของตนให้ขาวรอบ

:b36:
เราคงเคยทราบกันแล้วว่า
จิตเกิดดับเร็วมากเร็วกว่าความเร็วของเสียงและแสงหลายร้อยหลายพันเท่า มีท่านผู้รู้กล่าวไว้ว่า
จิตเกิดดับด้วยความเร็ว
เท่ากับ 1 เติมด้วย 0 ถึง 22 ตัว ครั้ง ต่อวินาที
เมื่อเป็นอย่างนั้นการที่เราจะไปศึกษาเรื่องของจิตให้รู้และเข้าใจ เราจะต้องมีเครื่องมือที่มีความเร็วเท่ากับหรือมากกว่าความเร็วของจิต
เครื่องมือนั้นพระบรมศาสดาสัมมาสัมพุทธเจ้าทรงค้นพบและนำมาใช้แล้วคือ สติและปัญญานั่นเองโดยมีสมาธิเป็นฐานรองรับที่สำคัญ

สติและปัญญานั้นเกิดพร้อมจิตดับพร้อมจิต ท่านเรียกว่า "เจตสิก" แต่สติปัญญาของปุถุชนคนธรรมดาที่ยังไม่ได้รับการอบรมพุทธวิชาหรือวิชาวิปัสสนาภาวนานั้นจะมีความเร็วต่ำมากแม้แต่ความเกิดดับของลมหายใจ หัวใจเต้น ชีพจร
กระแสสั่นสะเทือนในร่างกาย ยังไม่ค่อยจะรู้ทันได้เลย ต่อเมื่อได้รับการฝึกหัดอบรมปฏิบัติมาพอสมควรจึงจะมีความเร็วและความคมกล้าสูงขึ้นจนสามารถรู้ทันการเกิดดับตามธรรมชาติในกายเหล่านี้ได้
แต่การศึกษาเรื่องจิตอันเป็นนามธรรมนั้น ต้องพัฒนาสติ ปัญญาให้มีความคมกล้า เร็วและฉับไวยิ่งกว่านี้อีกมาก ระดับความเร็วที่พอแก่การใช้งานได้นั้นต้องระดับที่
รู้ทันปัจจุบันอารมณ์ จนเห็นความสืบต่อและการเกิดดับของอารมณ์แต่ละอารมณ์ให้ได้ก่อน จนถึงสามารถจะให้รู้ชัดเฉพาะความเกิดหรือความดับได้
ความเร็วและความเฉียบแหลมคมของสติปัญญาระดับนี้สามารถพัฒนาขึ้นมาได้ในบุคคลระดับ กัลยาณชนหรือชาวพุทธ
ซึ่งจะทำให้เขาสามารถสังเกต เห็นและติดตามดูพฤติกรรมของจิตได้โดยละเอียดตามที่มันเป็นจริง
และสามารถทำลายความเห็นผิดยึดผิดหรือ อวิชชาได้
แต่ความเร็วระดับสูงสุดคือเท่ากับความเร็วในการเกิดดับของจิตนั้นมีแต่พระพุทธเจ้าเท่านั้นที่จะทำได้ ท่านจึงสามารถจะสรุปผลการค้นคว้าออกมาเป็นอภิธรรมได้ถึง 42,000
พระธรรมขันธ์ คล้ายเป็นวิทยานิพนธ์ของพระองค์ให้ชาวโลกได้รู้

เราคงได้เคยเรียนรู้กันมาบ้างทางวิทยาศาสตร์ว่าถ้า
สามารถทำเครื่องมือตรวจจับความเร็วที่เร็วได้มากเท่าไร สิ่งที่เร็วมากนั้นสามารถจะทำให้มันกลายเป็นภาพสะโลโมชั่นให้เราดูได้ อย่างเช่นกล้องถ่ายภาพความเร็วสูงที่สามารถถ่ายภาพลูกกระสุนปืนที่ถูกยิงออกจากลำกล้องปืนไปจนถูกเป้าหมายมาสะโลโมชั่นให้ดู

ความเกิดดับและปฏิกิริยาในกายใจของคนเราก็เช่นกันสามารถทำให้สะโลโมชั่นให้ดูรายละเอียดทุกระยะแต่ละเสี้ยววินาทีได้เช่นกันด้วยพลังสติปัญญาที่มีความเร็วสูงและคมกล้าจนถึงที่
นักวิปัสสนาที่จะบรรลุธรรมได้ต้องมีคุณสมบัติอันนี้เกิดขึ้นจนได้ด้วยการฝึกฝนอบรมสติปัญญาอน่างจริงจัง
:b37:

เจ้าของ:  ธรรมมา [ 07 ส.ค. 2017, 06:28 ]
หัวข้อกระทู้:  Re: การชำระจิตของตนให้ขาวรอบ

อ้างคำพูด:
เราคงเคยทราบกันแล้วว่า
จิตเกิดดับเร็วมากเร็วกว่าความเร็วของเสียงและแสงหลายร้อยหลายพันเท่า มีท่านผู้รู้กล่าวไว้ว่า
จิตเกิดดับด้วยความเร็ว
เท่ากับ 1 เติมด้วย 0 ถึง 22 ตัว ครั้ง ต่อวินาที


ถามจริงเถอะไปเอาที่ไหนมาพูดว่าเติม 0 ถึง 22 ตัว
ไม่ยอมทิ้งนิสัยมั่วๆเดิมๆ สักที

เจ้าของ:  ขณะจิต [ 07 ส.ค. 2017, 10:02 ]
หัวข้อกระทู้:  Re: การชำระจิตของตนให้ขาวรอบ

ผมคิดทีไรจมไปทุกทีเรื่องจิตเนี่ย เลยได้แต่ตามดูอย่างเดียว เลยอาศัยมาศึกษาจากพวกท่านๆเอา :b9: :b9: :b9: ติดตามครับ :b12: :b12:

เจ้าของ:  กบนอกกะลา [ 07 ส.ค. 2017, 21:12 ]
หัวข้อกระทู้:  Re: การชำระจิตของตนให้ขาวรอบ

คนดูจิตเป็น..นะดูง่าย..

หากไม่เห็นอาการที่แสดงออกทางกาย..ต่อจิตใดจิตหนึ่งเกิด..กระผมว่า..หลงแล้วละ..หลงว่าได้ดูจิต

หน้า 3 จากทั้งหมด 5 เขตเวลา GMT + 7 ชั่วโมง
Powered by phpBB © 2000, 2002, 2005, 2007 phpBB Group
http://www.phpbb.com/