อนัตตา กับธรรมาอนัตตา ความหมายเดียวกันไหมครับ

เมื่อกล่าวถึง อนัตตา
ย่อมกล่าวถึง อนิจจัง และทุกขังด้วย





อุปปาทสูตร


[๕๗๖] ดูกรภิกษุทั้งหลาย เพราะตถาคตอุบัติขึ้นก็ตาม ไม่อุบัติขึ้นก็ตาม
ธาตุนั้น คือ ความตั้งอยู่ตามธรรมดา ความเป็นไปตามธรรมดา ก็คงตั้งอยู่อย่างนั้นเอง

ตถาคตตรัสรู้ บรรลุธาตุนั้นว่า สังขารทั้งปวงไม่เที่ยง
ครั้นแล้วจึงบอก แสดง บัญญัติ แต่งตั้ง เปิดเผย จำแนก
ทำให้เข้าใจง่ายว่า สังขารทั้งปวงไม่เที่ยง


ดูกรภิกษุทั้งหลาย เพราะตถาคตอุบัติขึ้นก็ตาม ไม่อุบัติขึ้นก็ตาม
ธาตุนั้น คือ ความตั้งอยู่ตามธรรมดา ความเป็นไปตามธรรมดา ก็คงตั้งอยู่อย่างนั้นเอง

ตถาคตตรัสรู้ บรรลุธาตุนั้นว่า สังขารทั้งปวงเป็นทุกข์
ครั้นแล้วจึงบอก แสดง บัญญัติ แต่งตั้ง เปิดเผย จำแนก
ทำให้เข้าใจง่ายว่า สังขารทั้งปวงเป็นทุกข์



ดูกรภิกษุทั้งหลาย เพราะตถาคตอุบัติขึ้นก็ตาม ไม่อุบัติขึ้นก็ตาม
ธาตุนั้น คือ ความตั้งอยู่ตามธรรมดา ความเป็นไปตามธรรมดา ก็คงตั้งอยู่อย่างนั้นเอง

ตถาคตตรัสรู้ บรรลุธาตุนั้นว่า ธรรมทั้งปวงเป็นอนัตตา
ครั้นแล้วจึงบอก แสดง บัญญัติ แต่งตั้ง เปิดเผย จำแนก
ทำให้เข้าใจง่ายว่า ธรรมทั้งปวงเป็นอนัตตา ฯ



หมายเหตุ;

อนิจจัง ไม่เที่ยง แปรปรวนตามเหตุและปัจจัย

ทุกขัง เพราะถือมั่น จึงเป็นทุกข์

อนัตตา เกิดเพราะเหตุ ดับเพราะเหตุ



อนิจจัง ทุกขัง อนัตตา มีเหตุปัจจัยของการมีเกิดขึ้นจาก โยนิโสมนสิการ


วิปัสสนา ตามพระธรรมคำสอน
การพิจรณาผัสสะ ที่มีเกิดขึ้น ขณะดำเนินชีวิตและขณะจิตเป็นสมาธิ
โดยความไม่เที่ยง
โดยความเป็นทุกข์
โดยความเป็นอนัตตา

อนัตตา คำหนึ่ง
ธรรมาอนัตตา ควรจะเขียนเป็นสัพเพธรรมาอนัตตา
ตามอุปปาทสูตร ซึ่งคุณวลัยพรยกมาประกอบ

สภาพธรรมทั้งหลาย ที่มีขึ้น ที่ดับไป ตามเหตุตามปัจจัย ไม่อาจยึดมั่นถือเอาเป็นของตน เป็นตน คือตน ได้

สภาพธรรมทั้งหลาย คือ ธาตุสอง (รูปธาตุ นามธาตุ) ขันธ์ห้า อายตนะภายใน ภายนอก ผัสสะ เป็นต้น ยกเว้นนิพพาน

เหตุที่ยกเว้น นิพพาน เพราะพระพุทธองค์ไม่เคยตรัสว่า นิพพาน มีความเกิดความดับตามเหตุตามปัจจัย

ถ้าจะแปลให้ตรงคำถามไม่ต้องพูดให้โยกโย้

อนัตตา แปลว่า ไม่มีตัวตน
ธรรมาอนัตตา แปลว่า ธรรมทั้งหลายไม่มีตัวตน
ก็แค่นี้แหละตรงคำถาม

ขออธิบายดังนี้ ..

- "อนัตตา" หนึ่งในไตรลักษณ์ คือ "อนิจจัง ทุกขัง อนัตตา" คือ เห็นความไม่เที่ยง ของรูปและนาม หมายถึง "กาย เวทนา สัญญา สังขาร วิญญาณ" เรียกว่า "ขันธ์ห้า" เห็นการเปลี่ยนแปลงไม่ยั่งยืน เห็นความไม่มีสาระของขันธ์ห้า เห็นทุกข์เพราะความยึดมั่นถือมั่นและคลายความยึดมั่นถือมั่นในขันธ์ห้าได้ เรียกว่าเห็นอนัตตา ..

- "ธรรมาอนัตตา" คือเห็นธรรม ได้แก่ "ศีล สมาธิ ปัญญา ฯลฯ" สามารถนำพาเรา ข้ามโอฆะสงสารได้ "จึงยึดเอาธรรมเหล่านั้นมาปฎิบัติ" จนสามารถข้ามโอฆะสงสาร เมื่อข้ามฝั่งได้แล้ว จึงปล่อยวางธรรมเหล่านั้น "ท่านเปรียบธรรมเหมือนเรือ พาเราข้ามฝั่ง" เมื่อถึงฝั่งแล้วเราก็ปล่อยเรือ(ธรรม)ไว้ตามเดิม เรียกว่าธรรมาอนัตตา ..

ความหมายเดียวกันไหม ก็ให้พิจารณาเอาเองครับ ..

อนัตตา =อะ+อัตตา
อะ=ไม่
อัตตา=ตัวตน
แปลรวมว่า ไม่ใช่ตัวตน
อรรถาธิบาย ....เมื่อไม่ใช่ตัวตนก็ยึดถือเอาเป็นเจ้าของไม่ได้
บังคับบัญชาไม่ได้ ไร้แก่นสาร ตัวตน

อนัตตา สำคัญตรงที่ว่า "บังคับบัญชาไม่ได้"

การพิสูจน์อนัตตาก็คือพิสูจน์ให้ได้ว่าทั้งกายใจนี้ไม่มีอะไรที่เราจะสามารถกำหนด สั่ง บังคับบัญชาให้เป็นไปดั่งใจได้
ถ้าพิสูจน์แล้วเห็นจริงตามนี้ นี่คือการเห็นและรู้ซึ้งอนัตตา
ธรรมาอนัตตา

คำนี้ขาดประธานไป และเขียนไม่ถูก ต้องเขียนว่า

ธัมมาอนัตตา

จะให้ครบต้องเขียนว่า "สัพเพธัมมา อนัตตา"
ธรรมทั้งหมดทั้งปวงบังคับบัญชาไม่ได้ ไม่ใช่ตัวตน

อนัตตา เป็นคำที่จบสมบูรณ์ในตัว เป็นยอดแห่งธรรม เป็นเหตุปัจจัยให้เกิดอนิจจังและทุกขัง ลองไปนั่งภาวนาสังเกตดูกันดีๆนะครับ

เพราะบังคับบัญชาไม่ได้จึงเป็นทุกขังคือทนตั้งอยู่ไม่ได้

เพราะทุกขังทนตั้งอยู่ไม่ได้จึงต้องดับสลายและเปลี่ยนแปลงไปเป็นอนิจจัง

ขอบคุณครับ