วันเวลาปัจจุบัน 16 เม.ย. 2024, 15:38  



เขตเวลา GMT + 7 ชั่วโมง




กลับไปยังกระทู้  [ 14 โพสต์ ]    Bookmark and Share
เจ้าของ ข้อความ
โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 23 พ.ค. 2017, 08:42 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
สมาชิก ระดับ 2
สมาชิก ระดับ 2
ลงทะเบียนเมื่อ: 17 ก.ค. 2010, 16:44
โพสต์: 84

อายุ: 0

 ข้อมูลส่วนตัว


ถามเรื่อง มรรค ตัณหา ฉันทะ มีลักษณะต่างกันอย่างไรครับ

สาธุ :b8:


โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 23 พ.ค. 2017, 09:55 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
Moderators-1
Moderators-1
ลงทะเบียนเมื่อ: 24 พ.ค. 2011, 14:20
โพสต์: 8123


 ข้อมูลส่วนตัว


ธรรมดาครับ เขียน:
ถามเรื่อง มรรค ตัณหา ฉันทะ มีลักษณะต่างกันอย่างไรครับ

สาธุ :b8:


มรรค แปลว่า หนทาง ซึ่งหมายถึง ทางไปสู่พระนิพพาน ไปสู่อบายภูมิ ทางไปสู่สวรรค์ ทางไปสู่พรหมโลก ทางไปสู่มนุษย์

ตัณหา แปลว่า ความอยากได้ อยากมี อยากเป็น ซึ่งเป็นเครื่องร้อยรัดไปในภพภูมิทั้ง ๓

ฉันทะ แปลว่า มีความยินดีพอใจ เป็นได้ทั้งกุศล และอกุศล

.....................................................
พระธรรมคำสอน บัญญัติ ตรัส ไว้ดีแล้ว ไม่ต้องลด ไม่ต้องเพิ่ม ไม่ต้องแก้ไข ใดๆ ทั้งสิ้น


โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 24 พ.ค. 2017, 07:16 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
สมาชิก ระดับ 2
สมาชิก ระดับ 2
ลงทะเบียนเมื่อ: 17 ก.ค. 2010, 16:44
โพสต์: 84

อายุ: 0

 ข้อมูลส่วนตัว


:b8:
มีคนพูดไว้ อยากพ้นทุกข์ก็เป็นตัณหาเมือนกัน ท่านคิดว่าไงครับ :b10:


โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 24 พ.ค. 2017, 16:01 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
สมาชิกระดับสูงสุด
สมาชิกระดับสูงสุด
ลงทะเบียนเมื่อ: 14 ก.ค. 2008, 21:56
โพสต์: 3925

ชื่อเล่น: เช่นนั้น
อายุ: 0

 ข้อมูลส่วนตัว


ธรรมดาครับ เขียน:
:b8:
มีคนพูดไว้ อยากพ้นทุกข์ก็เป็นตัณหาเมือนกัน ท่านคิดว่าไงครับ :b10:

เป็นวิภวตัณหาก็ได้ เป็นการปรารภมรรค ก็ได้
เป็นวิภวตัณหา เพราะไม่อยากเป็นทุกข์ แต่อยากมีสุข
เป็นการปรารภมรรค เมื่อเห็นความทุกข์โดยความเป็นสิ่งน่าเบื่อหน่าย และใคร่หาทางสิ้นสุดความทุกข์

.....................................................
ธรรมะอันยิ่งใหญ่ ไม่อาจเอื้อนเอ่ย
บัญญัติ เป็นเพียงสิ่งต่ำต้อยแบกรับความยิ่งใหญ่


โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 24 พ.ค. 2017, 16:10 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
สมาชิกระดับสูงสุด
สมาชิกระดับสูงสุด
ลงทะเบียนเมื่อ: 14 ก.ค. 2008, 21:56
โพสต์: 3925

ชื่อเล่น: เช่นนั้น
อายุ: 0

 ข้อมูลส่วนตัว


ธรรมดาครับ เขียน:
ถามเรื่อง มรรค ตัณหา ฉันทะ มีลักษณะต่างกันอย่างไรครับ

สาธุ :b8:

มรรค : เป็นหนทางการปฏิบัติ การดำเนินชีวิต หากไม่ระบุเจาะจง จะหมายถึงสัมมามรรค คือปฏิปทาในการละกิเลส อันเป็นเหตุให้เกิดทุกข์

ตัณหา เป็นความกระเสือกกระสน ความดิ้นรนทะยานอยากของจิตที่จะก่อให้เกิดความทุกข์

ฉันทะ เป็นความพอใจของจิตที่จะกระทำ

.....................................................
ธรรมะอันยิ่งใหญ่ ไม่อาจเอื้อนเอ่ย
บัญญัติ เป็นเพียงสิ่งต่ำต้อยแบกรับความยิ่งใหญ่


โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 25 พ.ค. 2017, 06:09 
 
ออฟไลน์
สมาชิกระดับสูงสุด
สมาชิกระดับสูงสุด
ลงทะเบียนเมื่อ: 18 ก.ย. 2011, 21:51
โพสต์: 4941


 ข้อมูลส่วนตัว


tongue
"จะข้ามน้ำก็ต้องไปบนน้ำ"

"โคลนเกิดแต่น้ำ จะล้างโคลนก็ต้องใช้น้ำ"

"ความหลุดพ้นก็เริ่มต้นจาก ความอยากหลุดพ้น"

จงอาศัยตัณหานั้นแหละมาถอนตัณหา อย่าคิดมากเลยว่าจะถอนตัณหาได้โดยไม่อาศัยตัณหา เพราะนั่นคือการคิดอยู่บนหอคอยงาช้าง

พึงลงมาอยู่ติดดิน อยู่กับความจริงพื้นฐานที่เรามี
นิ่งรู้ นิ่งสังเกตลงไปในตัณหา ค้นคว้าและวิเคราะห์ว่า ตัณหามีเหตุเกิดมาจากไหนอะไรเป็นปัจจัยทำให้เกิด แล้วเอาสติปัญญาไปแก้ไขให้ตรงกับเหตุของตัณหาตามหลักอริยสัจ 4
ที่สุดก็จะถอนตัณหาออกได้ โดยอาศัยตัณหานั่นเอง

:b37:


โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 25 พ.ค. 2017, 08:00 
 
ออฟไลน์
สมาชิก ระดับ 2
สมาชิก ระดับ 2
ลงทะเบียนเมื่อ: 17 ก.ค. 2011, 16:42
โพสต์: 81


 ข้อมูลส่วนตัว


tongue
สวัสดีคุณธรรมดาครับ ค่ะ และขอน้อมกราบคุณลุงหมาน ท่านเช่นนั้น และท่านasoka ด้วยค่ะ
ขอแสดงความคิดเห็นตามความเข้าใจของตนเองด้วยนะคะ

ที่ถามเรื่อง มรรค ตัณหา ฉันทะ มีลักษณะต่างกันอย่างไร? นั้น ขอร่วมตอบด้วยในประเด็น
ถ้าจะให้อธิบายในความแตกต่างก็พอจะอธิบายได้เมื่อนำ อริยสัจจ์ ๔ มาจับเป็นประเด็นหัวข้อคือ

๑.ทุกข์ กล่าวโดยย่อคืออุปทานขันธ์ ๕
อุปทานขันธ์ ๕ มีฉันทะเป็นมูลเหตุ
ฉันทราคะในอุปทานขันธ์ ๕ เหล่านี้เป็นตัวอุปทาน
(การพ้นไปจากทุกข์ได้ต้องละฉันทราคะในขันธ์ทั้ง ๕ ให้ได้)
ฉันทะมีทั้งที่เป็นกุศลและอกุศล เช่นสิ่งเป็นกุศลอาทิ
การเจริญอิทธิบาท ๔ หรือการเจริญมรรคมีองค์ ๘ ด้วย เป็นต้น
ที่เป็นอกุศลอาทิ กามฉันทะ ฉันทราคะในอุปทานขันธ์ ๕ ค่ะ


โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 25 พ.ค. 2017, 08:01 
 
ออฟไลน์
สมาชิก ระดับ 2
สมาชิก ระดับ 2
ลงทะเบียนเมื่อ: 17 ก.ค. 2011, 16:42
โพสต์: 81


 ข้อมูลส่วนตัว


๒ สมุทัย คือ สาเหตุให้เกิดทุกข์ ได้แก่ ตัณหา ๓
โดยสรุป ตัณหาคือ สมุทัยเหตุให้เกิดทุกข์

ขอยกคำอธิบายตัณหาจากวิกิพีเดีย สารานุกรมเสรี
“...ตัณหา เป็นหลักธรรมข้อหนึ่งในพุทธศาสนา หมายถึง ความติดใจอยาก ความยินดี ยินร้าย หรือติดในรสอร่อยของโลก ประกอบด้วย ความกำหนัดด้วยอำนาจความพอใจ เพลิดเพลินยิ่งนักในอารมณ์นั้นๆ และ ตัณหาย่อมเจริญแก่ผู้ประพฤติประมาท ซ่านไปในอารมณ์ต่างๆ ครอบงำบุคคลใด ความโศกทั้งหลายย่อมเจริญแก่บุคคลนั้น ดังนั้น ความทุกข์ย่อมเกิดขึ้นบ่อยๆ เมื่อบุคคลยังถอนเชื้อตัณหาไม่ได้
ในหลักปฏิจจสมุปบาท ตัณหาเกิดจากเวทนาเป็นปัจจัย โดยมี อวิชชาเป็นมูลราก ควรเห็นตัณหา เป็นดังเครือเถาที่เกิดขึ้น แล้ว จงตัดรากเสียด้วยปัญญา...
ตัณหาแบ่งออกเป็น 3 อย่าง[แก้]
1. กามตัณหา คือ ความอยากหรือไม่อยาก ใน สัมผัสทั้ง 5
2. ภวตัณหา คือ ความอยากทางจิตใจ เมื่อได้สิ่งนั้นมาแล้ว ไม่ต้องการให้มันเปลี่ยนแปลง
3. วิภวตัณหา คือ ความไม่อยากทางจิต ความอยากดับสูญ
ควรเจริญอริยมรรคอันประกอบด้วยองค์ 8
เพื่อความรู้ยิ่ง เพื่อกำหนดรู้ เพื่อความสิ้นไป เพื่อละตัณหา 3 อย่างนี้...”


โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 25 พ.ค. 2017, 08:02 
 
ออฟไลน์
สมาชิก ระดับ 2
สมาชิก ระดับ 2
ลงทะเบียนเมื่อ: 17 ก.ค. 2011, 16:42
โพสต์: 81


 ข้อมูลส่วนตัว


๓ นิโรธ คือความดับทุกข์ ได้แก่ ดับสาเหตุที่ทำให้เกิดทุกข์ คือ ดับตัณหาทั้ง ๓

ที่มีคนพูดไว้ อยากพ้นทุกข์ก็เป็นตัณหาเหมือนกันนั้น
ที่ท่านเช่นนั้นตอบข้าพเจ้าเห็นด้วยทั้งหมด และขออธิบายตามความเข้าใจของตัวเองดังนี้

ถ้าบุคคลที่อยากพ้นทุกข์ไม่ได้เป็นผู้เจริญมรรคปฎิปทาก็เป็นวิภาวตัณหา

สำหรับท่านที่เจริญมรรคปฎิปทาก็จะเป็นการปรารภมรรค
ท่านผู้กล่าวว่า “อยากพ้นทุกข์ก็เป็นตัณหานั้น” เป็นผู้ยังไม่รู้ชัดในเรื่องตัณหา และเป็นผู้ที่ยังไม่มีสัมมาทิฎฐิ

ความอยากพ้นไปจากทุกข์และนำมรรคมีองค์ ๘ มาปฎิบัติ
เป็นปฎิปทาที่นำไปสู่ความดับทุกข์ เป็นมัชฌิมาปฎิปทา เป็นทางสายกลาง
เมื่อมีฉันทะที่จะปฎิบัติ หรือทำในสิ่งที่เป็นกุศล
รากเหง้าของกุศล ได้แก่ อโลภะ อโทสะ อโมหะ ค่ะ
อันเป็นการประพฤติไม่ประมาทค่ะ
ไม่เหมือนการเพลิดเพลินในตัณหาทั้ง ๓

ดังปรากฏในพระไตรปิฎก เล่มที่ ๑๒ พระสุตตันตปิฎกเล่มที่ ๔ มัชฌิมนิกาย มูลปัณณาสก์ เรื่อง สัมมาทิฎฐิสูตร
ท่านพระสารีบุตร ได้กล่าวไว้ขอสรุปความบางส่วนมาประกอบ
“...อกุศลเป็นไฉน? ได้แก่ ฆ่าสัตว์ ลักทรัพย์ ประพฤติผิดในกาม พูดเท็จ
พูดส่อเสียด พูดคำหยาบ พูดเพ้อเจ้อ อยากได้ของผู้อื่น ปองร้ายเขา เห็นผิด ...

รากเหง้าของอกุศลเป็นไฉน? ได้แก่ โลภะ โทสะ โมหะ ...

กุศลเป็นไฉน? ได้แก่ ความเว้นจากฆ่าสัตว์ ลักทรัพย์ ประพฤติผิด
ในกาม พูดเท็จ พูดส่อเสียด พูดคำหยาบ พูดเพ้อเจ้อ ไม่อยากได้ของผู้อื่น ไม่ปองร้ายเขา
เห็นชอบ ...

รากเหง้าของกุศลเป็นไฉน? ได้แก่ อโลภะ อโทสะ
อโมหะ ...”
http://84000.org/tipitaka/attha/v.php?B ... pagebreak=


แก้ไขล่าสุดโดย แก้วเก้า เมื่อ 25 พ.ค. 2017, 08:42, แก้ไขแล้ว 1 ครั้ง

โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 25 พ.ค. 2017, 08:03 
 
ออฟไลน์
สมาชิก ระดับ 2
สมาชิก ระดับ 2
ลงทะเบียนเมื่อ: 17 ก.ค. 2011, 16:42
โพสต์: 81


 ข้อมูลส่วนตัว


ในพระอภิธรรมได้แสดงถึงกิเลสไว้ ขอยกมากล่าวถึงเพียงบางส่วนคือใน

กิเลสโคจฉกะ
“ [๗๙๑] ธรรมเป็นกิเลส เป็นไฉน?
กิเลสวัตถุ ๑๐ คือ โลภะ โทสะ โมหะ มานะ ทิฏฐิ วิจิกิจฉา ถีนะ อุทธัจจะ
อหิริกะ อโนตตัปปะ…

… ธรรมไม่เป็นอารมณ์ของสังกิเลส เป็นไฉน?
มรรคและผลของมรรคที่เป็นโลกุตตระ และอสังขตธาตุ สภาวธรรมเหล่านี้ชื่อว่า
ธรรมไม่เป็นอารมณ์ของสังกิเลส….”


http://www.84000.org/tipitaka/pitaka3/v ... agebreak=0


โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 25 พ.ค. 2017, 08:05 
 
ออฟไลน์
สมาชิก ระดับ 2
สมาชิก ระดับ 2
ลงทะเบียนเมื่อ: 17 ก.ค. 2011, 16:42
โพสต์: 81


 ข้อมูลส่วนตัว


๔ มรรค คือ แนวปฎิบัติที่นำไปสู่การดับทุกข์หรือพ้นไปจากทุกข์ มี ๘ ประการ หรือที่เรียกว่า มรรคมีองค์ ๘

มรรคประกอบด้วยองค์ ๘ ขอคัดลอกข้อความบางส่วนในสติปัฎฐานสูตร มาค่ะ
“...สัมมาทิฏฐิ...ความรู้ในทุกข์ความรู้ในเหตุให้ทุกข์เกิด ความรู้ในความดับทุกข์
ความรู้ในข้อปฏิบัติให้ถึงความดับทุกข์...”

“...สัมมาสังกัปปะ... ความดำริในการออกจากกาม ความดำริในความไม่พยาบาท
ความดำริในอันไม่เบียดเบียน ...”

“...สัมมาวาจา... การงดเว้นจากการพูดเท็จ งดเว้นจากการพูดส่อเสียด
งดเว้นจากการพูดคำหยาบ งดเว้นจากการพูดเพ้อเจ้อ...”

“...สัมมากัมมันตะ... การงดเว้นจากการล้างผลาญชีวิต
งดเว้นจากการถือเอาสิ่งของที่เขามิได้ให้
งดเว้นจากการประพฤติผิดในกาม...”

“...สัมมาอาชีวะ...อริยสาวกในธรรมวินัยนี้ ละการเลี้ยงชีพที่ผิด สำเร็จการ
เลี้ยงชีพด้วยการเลี้ยงชีพที่ชอบ...”

“...สัมมาวายามะ... ภิกษุในธรรมวินัยนี้ ให้เกิดฉันทะ พยายาม ปรารภความเพียร
ระคองจิตไว้ ตั้งจิตไว้ เพื่อมิให้อกุศลธรรมอันลามกที่ยังไม่เกิดบังเกิดขึ้น
เพื่อละอกุศลธรรมอันลามกที่บังเกิดขึ้นแล้ว เพื่อให้
กุศลธรรมที่ยังไม่เกิดบังเกิดขึ้น เพื่อความตั้งอยู่ ไม่เลือนหาย เจริญยิ่ง ไพบูลย์ มีขึ้น เต็มเปี่ยม
แห่งกุศลธรรมที่บังเกิดขึ้นแล้ว ...”

“...สัมมาสติ...ภิกษุในธรรมวินัยนี้ พิจารณาเห็นกายในกายอยู่
มีความเพียร มีสัมปชัญญะ มีสติ กำจัดอภิชฌาและโทมนัส
ในโลกเสียได้ พิจารณาเห็นเวทนาในเวทนาอยู่ ...
พิจารณาเห็นจิตในจิตอยู่ ... พิจารณาเห็นธรรมในธรรมอยู่
มีความเพียร มีสัมปชัญญะ มีสติ กำจัดอภิชฌาและโทมนัสในโลกเสียได้...”

“...สัมมาสมาธิ ภิกษุในธรรมวินัยนี้ สงัดจากกาม สงัดจากอกุศลธรรม
บรรลุปฐมฌาน มีวิตกวิจาร มีปีติและสุขอันเกิดแต่วิเวกอยู่ เธอบรรลุทุติยฌาน มีความผ่องใส
แห่งจิตในภายในเป็นธรรมเอกผุดขึ้น เพราะวิตกวิจารสงบไป ไม่มีวิตก ไม่มีวิจาร มีปีติและสุข
อันเกิดแต่สมาธิอยู่ เธอมีอุเบกขา มีสติ มีสัมปชัญญะ เสวยสุขด้วยนามกาย เพราะปีติสิ้นไป
บรรลุตติยฌาน ที่พระอริยะทั้งหลายสรรเสริญว่า ผู้ได้ฌานนี้ เป็นผู้มีอุเบกขา มีสติ อยู่เป็นสุข
เธอบรรลุจตุตถฌาน ไม่มีทุกข์ ไม่มีสุข เพราะละสุข ละทุกข์ และดับโสมนัสโทมนัสก่อนๆ
ได้ มีอุเบกขาเป็นเหตุให้สติบริสุทธิ์อยู่ ...”http://84000.org/tipitaka/attha/v.php?B=12&A=1754&Z=2150&pagebreak=0


พระสูตรที่อธิบายสัมมาทิฎฐิ และมรรคมีองค์ ๘ ที่ ทำให้เข้าใจในมรรคมากขึ้นไปอีกคือ
สัมมาทิฎฐิสูตร และ มหาจัตตารีสกสูตร


แก้ไขล่าสุดโดย แก้วเก้า เมื่อ 25 พ.ค. 2017, 08:07, แก้ไขแล้ว 1 ครั้ง

โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 25 พ.ค. 2017, 08:06 
 
ออฟไลน์
สมาชิก ระดับ 2
สมาชิก ระดับ 2
ลงทะเบียนเมื่อ: 17 ก.ค. 2011, 16:42
โพสต์: 81


 ข้อมูลส่วนตัว


tongue :b17: :b17:


โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 25 พ.ค. 2017, 11:48 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
สมาชิกระดับสูงสุด
สมาชิกระดับสูงสุด
ลงทะเบียนเมื่อ: 14 ก.ค. 2008, 21:56
โพสต์: 3925

ชื่อเล่น: เช่นนั้น
อายุ: 0

 ข้อมูลส่วนตัว


:b45: :b46: :b8:

.....................................................
ธรรมะอันยิ่งใหญ่ ไม่อาจเอื้อนเอ่ย
บัญญัติ เป็นเพียงสิ่งต่ำต้อยแบกรับความยิ่งใหญ่


โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 26 พ.ค. 2017, 06:57 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
สมาชิก ระดับ 2
สมาชิก ระดับ 2
ลงทะเบียนเมื่อ: 17 ก.ค. 2010, 16:44
โพสต์: 84

อายุ: 0

 ข้อมูลส่วนตัว


ขอบพระคุณทุกท่านเป็นอย่างยิ่งครับ สาธุ :b8: :b1:


แสดงโพสต์จาก:  เรียงตาม  
กลับไปยังกระทู้  [ 14 โพสต์ ] 

เขตเวลา GMT + 7 ชั่วโมง


 ผู้ใช้งานขณะนี้

กำลังดูบอร์ดนี้: Google [Bot] และ บุคคลทั่วไป 28 ท่าน


ท่าน ไม่สามารถ โพสต์กระทู้ในบอร์ดนี้ได้
ท่าน ไม่สามารถ ตอบกระทู้ในบอร์ดนี้ได้
ท่าน ไม่สามารถ แก้ไขโพสต์ของท่านในบอร์ดนี้ได้
ท่าน ไม่สามารถ ลบโพสต์ของท่านในบอร์ดนี้ได้
ท่าน ไม่สามารถ แนบไฟล์ในบอร์ดนี้ได้

ค้นหาสำหรับ:
ไปที่:  
Google
ทั่วไป เว็บธรรมจักร