วันเวลาปัจจุบัน 25 เม.ย. 2024, 11:07  



เขตเวลา GMT + 7 ชั่วโมง




กลับไปยังกระทู้  [ 16 โพสต์ ]  ไปที่หน้า 1, 2  ต่อไป  Bookmark and Share
เจ้าของ ข้อความ
โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 06 ม.ค. 2017, 06:07 
 
ออฟไลน์
สมาชิกระดับสูงสุด
สมาชิกระดับสูงสุด
ลงทะเบียนเมื่อ: 25 เม.ย. 2009, 02:43
โพสต์: 12232


 ข้อมูลส่วนตัว


ใครมีความรู้....ก็ลองช่วยหน่อยนะครับ :b13: :b13:
.............................................
จุดเทียน..แล้วดูที่เปลวไฟ...จำภาพ...หลับตา...เห็นเปลวไฟ..แต่ไม่กี่วินาที...เปลวไฟก็ดับเหลือแต่ใส้เทียนดำ..ดำ..มีควันสีขาวลอยเอื่อยๆ..ซะด้วย....ผมก็ลืมตามาดูเปลวไฟใหม่..จำภาพ..แล้วก็หลับตาลง...แล้วมันก็เป็นอย่างเดิมอีก..คือ..เปลวไฟดับเหลือแต่ใสัดำดำกับควันขาวๆลอยเอื่อยๆ...บางครั้ง...ก็มีประเภท...เปลวไฟค่อยๆ..หรี่ลง..หรี่ลง...จนดับไปเหลือแต่ใส้เทียนดำดำ..กับควันขาวๆลอยเอื่อยๆ...นี้ยิ่งช้ำใจหนัก...

ใครมาดับไฟผม...ไม่ทราบ...ครับ...ต้องการอะไรหน่อ?

ใครรู้...ช่วยที
................................................

:b9: :b9: :b9:


โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 06 ม.ค. 2017, 07:20 
 
ออฟไลน์
สมาชิกระดับสูงสุด
สมาชิกระดับสูงสุด
ลงทะเบียนเมื่อ: 18 ก.ย. 2011, 21:51
โพสต์: 4941


 ข้อมูลส่วนตัว


:b12:
อุปาทาน

สร้างอุปาทานและนิมิตมาหลอกตัวเอง
เร่งดึงสติสัมปชัญญะที่สมบูรณ์กลับมาเร็วๆ
:b11:


โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 06 ม.ค. 2017, 12:29 
 
ออฟไลน์
สมาชิก ระดับ 5
สมาชิก ระดับ 5
ลงทะเบียนเมื่อ: 19 ก.พ. 2013, 19:24
โพสต์: 300

อายุ: 0

 ข้อมูลส่วนตัว


มันไม่ใช่เรื่องใหญ่โตอะไรเลย เป็นธรรมชาติของจิตเขาที่จะต้องแสวงหาอารมณ์ใหม่ เพราะคุณไปบังคับจิตให้รู้ในอารมณ์เดียว เมื่อเป็นเช่นนั้นจิตก็ไปปรุงแต่งอารมณ์ให้เกิดขึ้น คนที่ฝึกจิตมาทางด้านนี้โดยที่ขาดการศึกษาก่อน มักจะเพื้ยนไปตามอารมณ์นั้น ฝึกเองโดยขาดครูบาจารย์คอยแนะนำ บางคนยิ่งไปกว่านั้นมีเยอะแยะเลย ไปนรกสวรรค์ได้รู้เห็นอะไรต่อมิอะไไปต่างๆนาๆ ขอแนะนำครับให้เลิกฝึกตรงนี้เสีย แล้วเซาะแสวงหาผู้แล้วไต่ถามครับ ไม่งั้นคุณจะต้องเข้าโรงพยาบาลอย่างแน่นอน


โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 06 ม.ค. 2017, 12:35 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
สมาชิกระดับสูงสุด
สมาชิกระดับสูงสุด
ลงทะเบียนเมื่อ: 14 ก.ค. 2008, 21:56
โพสต์: 3925

ชื่อเล่น: เช่นนั้น
อายุ: 0

 ข้อมูลส่วนตัว


กบนอกกะลา เขียน:
ใครมีความรู้....ก็ลองช่วยหน่อยนะครับ :b13: :b13:
.............................................
จุดเทียน..แล้วดูที่เปลวไฟ...จำภาพ...หลับตา...เห็นเปลวไฟ..แต่ไม่กี่วินาที...เปลวไฟก็ดับเหลือแต่ใส้เทียนดำ..ดำ..มีควันสีขาวลอยเอื่อยๆ..ซะด้วย....ผมก็ลืมตามาดูเปลวไฟใหม่..จำภาพ..แล้วก็หลับตาลง...แล้วมันก็เป็นอย่างเดิมอีก..คือ..เปลวไฟดับเหลือแต่ใสัดำดำกับควันขาวๆลอยเอื่อยๆ...บางครั้ง...ก็มีประเภท...เปลวไฟค่อยๆ..หรี่ลง..หรี่ลง...จนดับไปเหลือแต่ใส้เทียนดำดำ..กับควันขาวๆลอยเอื่อยๆ...นี้ยิ่งช้ำใจหนัก...

ใครมาดับไฟผม...ไม่ทราบ...ครับ...ต้องการอะไรหน่อ?

ใครรู้...ช่วยที
................................................

:b9: :b9: :b9:



https://youtu.be/7h-QKkDsfzE

คงต้องกินยา

พวกที่เพ่งเปลวเทียน เพื่อให้นิมิตติดตา
แรกๆ ก็เป็นแบบนั้น
พยายามต่อไป

.....................................................
ธรรมะอันยิ่งใหญ่ ไม่อาจเอื้อนเอ่ย
บัญญัติ เป็นเพียงสิ่งต่ำต้อยแบกรับความยิ่งใหญ่


โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 06 ม.ค. 2017, 12:55 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
สมาชิกระดับสูงสุด
สมาชิกระดับสูงสุด
ลงทะเบียนเมื่อ: 24 ต.ค. 2006, 12:36
โพสต์: 33766

อายุ: 0

 ข้อมูลส่วนตัว


asoka เขียน:
:b12:
อุปาทาน

สร้างอุปาทานและนิมิตมาหลอกตัวเอง
เร่งดึงสติสัมปชัญญะที่สมบูรณ์กลับมาเร็วๆ


บอกไม่จำเด๋วก็ทุ่มด้วยรถตู้ เออ :b32:

คือ บอกว่า เจตสิกกับจิตมันเป็นสัมปยุตกันเกิดพร้อมกันดับพร้อมกันมีอารมณ์เป็นอย่างเดียวกัน จะดึงแต่สติไม่ได้ มันต้องดึงจิตด้วย เออ

.....................................................
https://dhammachati.blogspot.com/


โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 06 ม.ค. 2017, 13:25 
 
ออฟไลน์
สมาชิก ระดับ 5
สมาชิก ระดับ 5
ลงทะเบียนเมื่อ: 19 ก.พ. 2013, 19:24
โพสต์: 300

อายุ: 0

 ข้อมูลส่วนตัว


การเพ่งไฟถ้ามันดีจริงทำไมชฏิล ๓ พี่น้องยังจะต้องให้พระพุทธเจ้ามาสอน
ทำไมไม่บรรลุก่อนหน้านั้น คุณกบโดนผีหลอกแล้วขืนทำไปอีกบ้าแน่ๆ


โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 06 ม.ค. 2017, 13:46 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
สมาชิกระดับสูงสุด
สมาชิกระดับสูงสุด
ลงทะเบียนเมื่อ: 24 ต.ค. 2006, 12:36
โพสต์: 33766

อายุ: 0

 ข้อมูลส่วนตัว


กบนอกกะลา เขียน:
ใครมีความรู้....ก็ลองช่วยหน่อยนะครับ :b13: :b13:
.............................................
จุดเทียน..แล้วดูที่เปลวไฟ...จำภาพ...หลับตา...เห็นเปลวไฟ..แต่ไม่กี่วินาที...เปลวไฟก็ดับเหลือแต่ใส้เทียนดำ..ดำ..มีควันสีขาวลอยเอื่อยๆ..ซะด้วย....ผมก็ลืมตามาดูเปลวไฟใหม่..จำภาพ..แล้วก็หลับตาลง...แล้วมันก็เป็นอย่างเดิมอีก..คือ..เปลวไฟดับเหลือแต่ใสัดำดำกับควันขาวๆลอยเอื่อยๆ...บางครั้ง...ก็มีประเภท...เปลวไฟค่อยๆ..หรี่ลง..หรี่ลง...จนดับไปเหลือแต่ใส้เทียนดำดำ..กับควันขาวๆลอยเอื่อยๆ...นี้ยิ่งช้ำใจหนัก...

ใครมาดับไฟผม...ไม่ทราบ...ครับ...ต้องการอะไรหน่อ?

ใครรู้...ช่วยที
................................................



ใส้เทียนจะขาว (เขาทำด้วยด้าย) ก็ตอนที่เรายังไม่จุดไฟแม่นก่อ พอเราจุดเทียนแล้วไฟดับ ไส้เทียนก็ดำๆเพราะมันไหม้ไฟ จะให้มันขาวเหมือนเดิมได้ยังไงกันล่ะ เออ ถ้าจะให้ขาวเหมือนเดิม เราก็เอาของมีคมตัดเทียนทิ้งสะหน่อยก็จะเห็นไส้ขาวๆข้างในอีก :b1: ลองทำดูซี่

ที่ว่าควันขาวๆลอยไป ก็เหมือนเราสูบบุหรี่แล้วพ่นควันออกจากปาก เราก็จะเห็นควันขาวๆลอยคลุ้งไป :b32: แม่นก่อ ไม่มีอะไรผิดปกติ

ปล.ที่ว่าไฟดับ เพราะเราไปนั่งที่ที่มีลมพัดเทียนก็ดับเป็นธรรมดา ลองเปลี่ยนไปนั่งในโลงเย็นซึ่งเป็น 0 ยากาสดิ เทียนก็จะติดได้หมดเล่ม :b32:

.....................................................
https://dhammachati.blogspot.com/


โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 06 ม.ค. 2017, 15:44 
 
ออฟไลน์
สมาชิก ระดับ 5
สมาชิก ระดับ 5
ลงทะเบียนเมื่อ: 19 ก.พ. 2013, 19:24
โพสต์: 300

อายุ: 0

 ข้อมูลส่วนตัว


เช่นนั้น เขียน:
กบนอกกะลา เขียน:
ใครมีความรู้....ก็ลองช่วยหน่อยนะครับ :b13: :b13:
.............................................
จุดเทียน..แล้วดูที่เปลวไฟ...จำภาพ...หลับตา...เห็นเปลวไฟ..แต่ไม่กี่วินาที...เปลวไฟก็ดับเหลือแต่ใส้เทียนดำ..ดำ..มีควันสีขาวลอยเอื่อยๆ..ซะด้วย....ผมก็ลืมตามาดูเปลวไฟใหม่..จำภาพ..แล้วก็หลับตาลง...แล้วมันก็เป็นอย่างเดิมอีก..คือ..เปลวไฟดับเหลือแต่ใสัดำดำกับควันขาวๆลอยเอื่อยๆ...บางครั้ง...ก็มีประเภท...เปลวไฟค่อยๆ..หรี่ลง..หรี่ลง...จนดับไปเหลือแต่ใส้เทียนดำดำ..กับควันขาวๆลอยเอื่อยๆ...นี้ยิ่งช้ำใจหนัก...

ใครมาดับไฟผม...ไม่ทราบ...ครับ...ต้องการอะไรหน่อ?

ใครรู้...ช่วยที
................................................

:b9: :b9: :b9:



https://youtu.be/7h-QKkDsfzE

คงต้องกินยา

พวกที่เพ่งเปลวเทียน เพื่อให้นิมิตติดตา
แรกๆ ก็เป็นแบบนั้น
พยายามต่อไป


คนเขากำลังสับสนยังจะไปยุให้เขาทำอีก


โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 07 ม.ค. 2017, 08:35 
 
ออฟไลน์
สมาชิกระดับสูงสุด
สมาชิกระดับสูงสุด
ลงทะเบียนเมื่อ: 25 เม.ย. 2009, 02:43
โพสต์: 12232


 ข้อมูลส่วนตัว


asoka เขียน:
:b12:
อุปาทาน

สร้างอุปาทานและนิมิตมาหลอกตัวเอง
เร่งดึงสติสัมปชัญญะที่สมบูรณ์กลับมาเร็วๆ
:b11:


อุปาทาน...

เห็นพูดกันเยอะ....แต่ไม่แน่ใจว่าที่พูดๆกัน...เข้าใจดีมั้ยนะ..คำนี้นะ

อโสกะ...คับ..ยังงัยรึคับ...อุปาทาน..นี้นะ..ยังงัยถึงเป็นอปาทาน..ยังงัยไม่เป็นอุปาทาน..??
:b9: :b9:


โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 07 ม.ค. 2017, 09:08 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
Moderators-1
Moderators-1
ลงทะเบียนเมื่อ: 24 พ.ค. 2011, 14:20
โพสต์: 8123


 ข้อมูลส่วนตัว


กบนอกกะลา เขียน:
asoka เขียน:
:b12:
อุปาทาน

สร้างอุปาทานและนิมิตมาหลอกตัวเอง
เร่งดึงสติสัมปชัญญะที่สมบูรณ์กลับมาเร็วๆ
:b11:


อุปาทาน...

เห็นพูดกันเยอะ....แต่ไม่แน่ใจว่าที่พูดๆกัน...เข้าใจดีมั้ยนะ..คำนี้นะ

อโสกะ...คับ..ยังงัยรึคับ...อุปาทาน..นี้นะ..ยังงัยถึงเป็นอปาทาน..ยังงัยไม่เป็นอุปาทาน..??
:b9: :b9:


ขอแยกคำว่า"อุปาทาน"ให้เป็นรูปธรรมเพื่อจะได้มองภาพออก
ตัณหา+อุปาทาน ซึ่งเป็นองค์ธรรมเดียวกัน คือ โลภะเจตสิก
ที่นี้เราจะแยกให้เห็นว่าอุปาทานเกิดขึ้นขณะใด ก็ต้องยกอุปมาอุปมัย

เช่นว่าเราเดินไปในห้างฯ เกิดเห็นแว่นตาที่เขาวางขายเกิดความยินดีชอบใจในแว่นนั้นว่าสวย (ตัณหา) และก็ได้เจรจาข้อซื้อเป็นที่เรียบร้อย ตรงนี้แหละ "อุปาทาน" ได้เกิดขึ้นแล้ว มีความเห็นว่าแว่นอันนี้เป็นแว่นของเรา เกิดการหวงแหนขึ้นมาทันที ใครจะมาแย่งชิงเอาไปไม่ได้

จะเห็นได้ชัดเจนว่าอุปาทานเกิดขึ้นต่อจากความยินดีพอใจก็ได้แก่ตัณหานั่นเอง ขณะนั้นตัณหาได้ดับไปแล้วคงเหลือแต่อุปานทำงานอยู่ และใขณะเดียวกันนั้นเราก็ได้เดินต่อไปอีก เราก็เห็นแว่นอีกร้านหนึ่ง ซึ่งมีความสวยกว่าอันที่ซื้อมาอีก อยากได้อันที่เห็นขึ้นมาอีก ชณะที่อยากได้ของใหม่ ตัณหา + อุปาทานเก่าก็ได้ดับไป ตัณหา+อุปาทาน ได้เกิดใหม่อีก ก็จะเป็นเช่นนี้ตลอดไปจนกว่าจะมีสติรู้เท่าทัน

.....................................................
พระธรรมคำสอน บัญญัติ ตรัส ไว้ดีแล้ว ไม่ต้องลด ไม่ต้องเพิ่ม ไม่ต้องแก้ไข ใดๆ ทั้งสิ้น


โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 07 ม.ค. 2017, 10:44 
 
ออฟไลน์
สมาชิกระดับสูงสุด
สมาชิกระดับสูงสุด
ลงทะเบียนเมื่อ: 18 ก.ย. 2011, 21:51
โพสต์: 4941


 ข้อมูลส่วนตัว


กบนอกกะลา เขียน:
asoka เขียน:
:b12:
อุปาทาน

สร้างอุปาทานและนิมิตมาหลอกตัวเอง
เร่งดึงสติสัมปชัญญะที่สมบูรณ์กลับมาเร็วๆ
:b11:


อุปาทาน...

เห็นพูดกันเยอะ....แต่ไม่แน่ใจว่าที่พูดๆกัน...เข้าใจดีมั้ยนะ..คำนี้นะ

อโสกะ...คับ..ยังงัยรึคับ...อุปาทาน..นี้นะ..ยังงัยถึงเป็นอปาทาน..ยังงัยไม่เป็นอุปาทาน..??
:b9: :b9:

อุปาทานในเรื่องนี้คือ สร้างภาพเทียนดับ(นิมิต)แล้วยึดไว้เอามาหลอกตัวเองให้ปรุงแต่งต่อเป็นนั่นเป็นนี่ จนสุดท้ายปรุงว่าใครมาดับเทียนของฉัน (กู)

อุปาทาน= ความผูกยึด ความยึดติด
:b38:


โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 07 ม.ค. 2017, 20:54 
 
ออฟไลน์
สมาชิกระดับสูงสุด
สมาชิกระดับสูงสุด
ลงทะเบียนเมื่อ: 25 เม.ย. 2009, 02:43
โพสต์: 12232


 ข้อมูลส่วนตัว


asoka เขียน:
กบนอกกะลา เขียน:
asoka เขียน:
:b12:
อุปาทาน

สร้างอุปาทานและนิมิตมาหลอกตัวเอง
เร่งดึงสติสัมปชัญญะที่สมบูรณ์กลับมาเร็วๆ
:b11:


อุปาทาน...

เห็นพูดกันเยอะ....แต่ไม่แน่ใจว่าที่พูดๆกัน...เข้าใจดีมั้ยนะ..คำนี้นะ

อโสกะ...คับ..ยังงัยรึคับ...อุปาทาน..นี้นะ..ยังงัยถึงเป็นอปาทาน..ยังงัยไม่เป็นอุปาทาน..??
:b9: :b9:

อุปาทานในเรื่องนี้คือ สร้างภาพเทียนดับ(นิมิต)แล้วยึดไว้เอามาหลอกตัวเองให้ปรุงแต่งต่อเป็นนั่นเป็นนี่ จนสุดท้ายปรุงว่าใครมาดับเทียนของฉัน (กู)

อุปาทาน= ความผูกยึด ความยึดติด
:b38:


ว่าแล้ว...อีเหล๊าะนี้..... :b9: :b9:

อุปาทาน...พูด..พูด...พูด....ก็สักแต่ว่าพูดกันไป..จริงจริง..

อุปาทาน..ที่ว่ายึด..นั้นนะ..ก็ถูกแล้ว...พวกตั้งเอาใว้ก่อน..คิดเอาใว้ก่อน..แล้วหลับตา..แล้วก็เห็นอย่างที่คิดใว้..นั้นแหละ..เรียกว่ามี...อุปาทาน...ที่อโสกะมักเป็นบ๋อยๆ....จะวาง..จะปล่อย..ฝึกวาง..ฝึกปล่อย...ไม่แน่นะ..สแกนแล้วสั่น..นี้..ก็ไม่แน่... :b32: :b32: :b32:

แต่ที่ไปเข้าใจว่ามัน..สร้างภาพ..ได้นั้นนะ..มันผิดนะคราบท่าน.. :b13: :b13:

คุณอโสกะคราบ....โปรด..เข้าใจอุปาทาน..ใหม่ซะนะครับ...


แก้ไขล่าสุดโดย กบนอกกะลา เมื่อ 07 ม.ค. 2017, 21:15, แก้ไขแล้ว 1 ครั้ง

โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 07 ม.ค. 2017, 21:12 
 
ออฟไลน์
สมาชิกระดับสูงสุด
สมาชิกระดับสูงสุด
ลงทะเบียนเมื่อ: 25 เม.ย. 2009, 02:43
โพสต์: 12232


 ข้อมูลส่วนตัว


ลุงหมาน เขียน:
กบนอกกะลา เขียน:
asoka เขียน:
:b12:
อุปาทาน

สร้างอุปาทานและนิมิตมาหลอกตัวเอง
เร่งดึงสติสัมปชัญญะที่สมบูรณ์กลับมาเร็วๆ
:b11:


อุปาทาน...

เห็นพูดกันเยอะ....แต่ไม่แน่ใจว่าที่พูดๆกัน...เข้าใจดีมั้ยนะ..คำนี้นะ

อโสกะ...คับ..ยังงัยรึคับ...อุปาทาน..นี้นะ..ยังงัยถึงเป็นอปาทาน..ยังงัยไม่เป็นอุปาทาน..??
:b9: :b9:


ขอแยกคำว่า"อุปาทาน"ให้เป็นรูปธรรมเพื่อจะได้มองภาพออก
ตัณหา+อุปาทาน ซึ่งเป็นองค์ธรรมเดียวกัน คือ โลภะเจตสิก
ที่นี้เราจะแยกให้เห็นว่าอุปาทานเกิดขึ้นขณะใด ก็ต้องยกอุปมาอุปมัย

เช่นว่าเราเดินไปในห้างฯ เกิดเห็นแว่นตาที่เขาวางขายเกิดความยินดีชอบใจในแว่นนั้นว่าสวย (ตัณหา) และก็ได้เจรจาข้อซื้อเป็นที่เรียบร้อย ตรงนี้แหละ "อุปาทาน" ได้เกิดขึ้นแล้ว มีความเห็นว่าแว่นอันนี้เป็นแว่นของเรา เกิดการหวงแหนขึ้นมาทันที ใครจะมาแย่งชิงเอาไปไม่ได้

จะเห็นได้ชัดเจนว่าอุปาทานเกิดขึ้นต่อจากความยินดีพอใจก็ได้แก่ตัณหานั่นเอง ขณะนั้นตัณหาได้ดับไปแล้วคงเหลือแต่อุปานทำงานอยู่ และใขณะเดียวกันนั้นเราก็ได้เดินต่อไปอีก เราก็เห็นแว่นอีกร้านหนึ่ง ซึ่งมีความสวยกว่าอันที่ซื้อมาอีก อยากได้อันที่เห็นขึ้นมาอีก ชณะที่อยากได้ของใหม่ ตัณหา + อุปาทานเก่าก็ได้ดับไป ตัณหา+อุปาทาน ได้เกิดใหม่อีก ก็จะเป็นเช่นนี้ตลอดไปจนกว่าจะมีสติรู้เท่าทัน


:b8:

ครับ...

เห็นบ๋อย..ทำสมาธิ..อยากเป็นสมาธิ...รู้อยู่ก่อนแล้วว่า...พอถึงฌานลึกๆ...จะไม่รู้สึกว่ามีลมหายใจ...พอลงมือทำ....ก็เอาแหละ..เริ่มผ่อนลมหายใจ...โดยไม่รู้ตัว...พออากาศไม่เพียงพอกับร่างกาย..ก็เกิดความอึดอัด....บางคนอยากเห็นเทวดา..อยากดี..ก็ได้เห็นเทวดาอย่างที่เคยๆเห็นตามรูปภาพ..เป็นต้น..


โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 07 ม.ค. 2017, 21:38 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
สมาชิกระดับสูงสุด
สมาชิกระดับสูงสุด
ลงทะเบียนเมื่อ: 14 ก.ค. 2008, 21:56
โพสต์: 3925

ชื่อเล่น: เช่นนั้น
อายุ: 0

 ข้อมูลส่วนตัว


ธรรมมา เขียน:

คนเขากำลังสับสนยังจะไปยุให้เขาทำอีก

เขาเพียงรำพึง
ไม่ได้สงสัยจริงหรอก
ก็ต้องพยายามต่อไป

.....................................................
ธรรมะอันยิ่งใหญ่ ไม่อาจเอื้อนเอ่ย
บัญญัติ เป็นเพียงสิ่งต่ำต้อยแบกรับความยิ่งใหญ่


โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 07 ม.ค. 2017, 21:41 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
สมาชิกระดับสูงสุด
สมาชิกระดับสูงสุด
ลงทะเบียนเมื่อ: 14 ก.ค. 2008, 21:56
โพสต์: 3925

ชื่อเล่น: เช่นนั้น
อายุ: 0

 ข้อมูลส่วนตัว


ผู้ปฏิบัติท่านนี้
เท่าที่ยกมา
ไม่มีข้อไหน บอกว่าเขาต้องการปฏิบัติเพื่อพ้นทุกข์
เขาอาจจะมุ่งหวังเพียงนิมิตติดตาเป็นหลัก
แต่ จะมีเจตนาเพ่งให้ติดตาเพื่อประการอื่นใด ไม่มีข้อมูลชี้ชัด
จึงต้องพยายามต่อไปให้สมความตั้งใจ

.....................................................
ธรรมะอันยิ่งใหญ่ ไม่อาจเอื้อนเอ่ย
บัญญัติ เป็นเพียงสิ่งต่ำต้อยแบกรับความยิ่งใหญ่


แสดงโพสต์จาก:  เรียงตาม  
กลับไปยังกระทู้  [ 16 โพสต์ ]  ไปที่หน้า 1, 2  ต่อไป

เขตเวลา GMT + 7 ชั่วโมง


 ผู้ใช้งานขณะนี้

กำลังดูบอร์ดนี้: ไม่มีสมาชิก และ บุคคลทั่วไป 123 ท่าน


ท่าน ไม่สามารถ โพสต์กระทู้ในบอร์ดนี้ได้
ท่าน ไม่สามารถ ตอบกระทู้ในบอร์ดนี้ได้
ท่าน ไม่สามารถ แก้ไขโพสต์ของท่านในบอร์ดนี้ได้
ท่าน ไม่สามารถ ลบโพสต์ของท่านในบอร์ดนี้ได้
ท่าน ไม่สามารถ แนบไฟล์ในบอร์ดนี้ได้

ค้นหาสำหรับ:
ไปที่:  
Google
ทั่วไป เว็บธรรมจักร