วันเวลาปัจจุบัน 29 มี.ค. 2024, 12:03  



เขตเวลา GMT + 7 ชั่วโมง




กลับไปยังกระทู้  [ 38 โพสต์ ]  ไปที่หน้า 1, 2, 3  ต่อไป  Bookmark and Share
เจ้าของ ข้อความ
โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 25 ต.ค. 2016, 17:34 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
สมาชิกระดับสูงสุด
สมาชิกระดับสูงสุด
ลงทะเบียนเมื่อ: 24 ต.ค. 2006, 12:36
โพสต์: 33766

อายุ: 0

 ข้อมูลส่วนตัว


ถ้าท่านอโศก กบนอกกะลา เช่นนั้น ... ไม่พูดไม่จา จขกท. คงลำบากใจ ไปไม่เป็น ครั้นท่านพูดอะไรขึ้นแล้ว สัญญา สติ ได้ทำฮาน :b1:

นี่มาอีกแระ บอกให้บอกเทคนิคลบสัญญา :b32: ลบความจำเสียแล้ว คนจะต่างอะไรกับคอมพิวเตอร์ที่ปราศแรมอ้านะ :b13:

อ้างคำพูด:
อโศกะ
บอกเทคนิควิธีการลบสัญญามาให้ฟังหน่อย กรัชกาย นักวิชาการใหญ่ จะไปค้นไปหาในตำราเล่มไหนมาอ้างอิงให้เห็นจริงและน่าเชื่อถือด้วยก็ได้ ครับ


จาก

viewtopic.php?f=1&t=53292


รูปภาพ

.....................................................
https://dhammachati.blogspot.com/


โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 25 ต.ค. 2016, 17:45 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
สมาชิกระดับสูงสุด
สมาชิกระดับสูงสุด
ลงทะเบียนเมื่อ: 24 ต.ค. 2006, 12:36
โพสต์: 33766

อายุ: 0

 ข้อมูลส่วนตัว


สัญญา สติ - ความจำ


มักมีความเข้าใจสับสนกันในเรื่องความจำว่าตรงกับธรรมข้อใด คำว่า สัญญา ก็มักแปลกันว่า ความจำ คำว่า สติ โดยทั่วไปแปลว่า ความระลึกได้

บางครั้งก็แปลว่า ความจำ และมีตัวอย่างที่เด่น เช่น พระอานนท์ ได้รับยกย่องเป็นเอตทัคคะในทางทรงจำพุทธพจน์ คำบาลีในกรณีนี้ ท่านใช้คำว่า สติ ดังพุทธพจน์ว่า "อานนท์เป็นเลิศ กว่าประดาสาวกของเราผู้มีสติ" (องฺ.เอก.20/149/32)

เรื่องนี้ในทางธรรมไม่มีความสับสน ความจำไม่ใช่กิจของธรรมข้อเดียว แต่เป็นกิจของกระบวนธรรม และในกระบวนธรรมแห่งความจำนี้ สัญญาและสติเป็นองค์ธรรมใหญ่ ทำหน้าที่เป็นหลัก มีบทบาทสำคัญที่สุด

สัญญาก็ดี สติก็ดี มีความหมายคาบเกี่ยว และเหลื่ยมกันกับความจำ กล่าวคือ ส่วนหนึ่งของสัญญาเป็นส่วนหนึ่งของความจำ อีกส่วนหนึ่งของสัญญาอยู่นอกเหนือความหมายของความจำ

แม้สติก็เช่นเดียวกัน ส่วนหนึ่งของสติเป็นส่วนหนึ่งของความจำ อีกส่วนหนึ่งของสติอยู่นอกเหนือความหมายของกระบวนการทรงจำ

.....................................................
https://dhammachati.blogspot.com/


โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 25 ต.ค. 2016, 17:57 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
สมาชิกระดับสูงสุด
สมาชิกระดับสูงสุด
ลงทะเบียนเมื่อ: 24 ต.ค. 2006, 12:36
โพสต์: 33766

อายุ: 0

 ข้อมูลส่วนตัว


ข้อที่พึงกำหนดหมาย และระลึกไว้อย่างสำคัญ คือ สัญญา และ สติ ทำหน้าที่คนละอย่างในกระบวนการทรงจำ


สัญญา กำหนดหมาย หรือหมายรู้อารมณ์ไว้ เมื่อประสบอารมณ์อีก ก็เอาข้อที่กำหนดหมายไว้นั้่น มาจับเทียบหมายรู้ว่าตรงกันเหมือนกันหรือไม่

ถ้าหมายรู้ว่าตรงกัน เรียกว่าจำได้ ถ้ามีข้อต่างก็หมายรู้เพิ่มเข้าไว้ การกำหนดหมาย จำได้ หรือหมายรู้อารมณ์ไว้ว่า เป็นนั่นเป็นนี่ ใช่นั่น ใช่นี่ (การเทียบเคียงและเก็บข้อมูล) ก็ดี

สิ่งที่กำหนดหมายไว้ (ตัวข้อมูลที่สร้างและเก็บไว้นั้น) ก็ดี เรียกว่าสัญญา ตรงกับความจำในแง่ที่เป็นการสร้างปัจจัยแห่งความจำ

ลักษณะสำคัญของสัญญา คือ ทำงานกับอารมณ์ที่ปรากฏตัวอยู่แล้ว กล่าวคือ เมื่ออารมณ์ปรากฏอยู่ต่อหน้า จึงกำหนดได้ หมายรู้หรือจำได้ซึ่งอารมณ์นั้น


สติ มีหน้าที่ดึงอารมณ์มาสู่จิต เหนี่ยวอารมณ์ไว้กับจิต คุมหรือกำกับจิตไว้กับอารมณ์ ตรึงเอาไว้ไม่ยอมให้ลอยผ่านหรือคลาดกันไป จะเป็นการดึงมาซึ่งอารมณ์ที่ผ่านไปแล้ว หรือดึงไว้ซึ่งอารมณ์ที่จะผ่านไป ก็ได้

สติจึงมีขอบเขตความหมายคลุมถึง การระลึก นึกถึง นึกไว้ นึกได้ ระลึกได้ ไม่เผลอ

สติเป็นการริเริ่มเองจากภายใน โดยอาศัยพลังแห่งเจตนา หรือเจตจำนง ในเมื่ออารมณ์อาจจะไม่ปรากฏอยู่ต่อหน้า เป็นฝ่ายจำนงต่ออารมณ์ จึงจัดอยู่ในพวกสังขาร



สัญญา บันทึกเก็บไว้ สติดึงออกมาใช้

สัญญาดี คือ รู้จักกำหนดหมายให้ชัดเจน เป็นระเบียบ สร้างขึ้นเป็นรูปร่างที่มีความหมายและเชื่อมโยงกันดี (ซึ่งอาศัยความใส่ใจ เป็นต้น อีกต่อหนึ่ง) ก็ดี

สติดี คือมีความสามารถในการระลึก (ซึ่งอาศัยสัญญาดี และการหมั่นใช้สติ ตลอดจนสภาพจิตที่สงบผ่องใส ตั้งมั่น เป็นต้น อีกต่อหนึ่ง) ก็ดี ย่อมเป็นองค์ประกอบ ที่ช่วยให้เกิดความจำดี




นายแดง กับ นายดำ เคยรู้จักกันดี แล้วแยกจากกันไป ต่อมาอีกสิบปี นายแดงพบนายดำอีก จำได้ว่า ผู้ที่ตนพบนั้นคือนายดำ แล้วระลึกนึกได้ต่อไปอีกว่าตน กับ นายดำ เคยไปเที่ยวด้วยกันที่นั่นๆ ได้ทำสิ่งนั้นๆ ฯลฯ การจำได้เมื่อพบนั้นเป็นสัญญา การนึกได้ต่อไปถึงเรื่องราวที่ล่วงแล้ว เป็นสติ

วันหนึ่ง นาย ก. ได้พบปะสนทนา กับ นาย ข. ต่อมาอีกหนึ่งเดือน นาย ก. ถูกเพื่อนถามว่า เมื่อเดือนที่แล้ววันที่เท่านั้นๆ นาย ก. ได้พบปะสนทนากับใคร นาย ก. นึกทบทวนดู ก็จำได้ว่าพบปะสนทนากับ นาย ข. การจำได้ในกรณีนี้ เป็นสติ

เครื่องโทรศัพท์ตั้งอยู่มุมห้องข้างหนึ่ง สมุดหมายเลขโทรศัพท์อยู่อีกมุมห้องด้านหนึ่ง นายเขียวเปิดสมุดหา เลขหมายโทรศัพท์ที่ตนต้องการ ระหว่างเดินไปก็นึกหมายเลขนั้นไว้ตลอด การอ่านและกำหนดหมายเลขที่สมุดโทรศัพท์ เป็นสัญญา การนึกหมายเลขนั้นตั้งแต่ละจากสมุดโทรศัพท์ เป็นสติ


เมื่ออารมณ์ปรากฏอยู่ต่อหน้าแล้ว ก็กำหนดหมายได้ทันที

แต่เมื่ออารมณ์ไม่ปรากฏอยู่ และถ้าอารมณ์นั้นเป็นธรรมารมณ์ (เรื่องในใจ) ก็ใช้สติดึงอารมณ์นั้นมาแล้วกำหนดหมาย

อนึ่ง สติสามารถระลึกถึงสัญญา คือดึงเอาสัญญาที่มีอยู่เก่ามาเป็นอารมณ์ของจิต แล้วสัญญาจะกำหนดหมายอารมณ์นั้น สำทับเข้าอีกให้ชัดเจนแน่นแฟ้นยิ่งขึ้น หรือกำหนดหมายแนวใหม่เพิ่มเข้าไปตามวัตถุประสงค์อีกอย่างหนึ่งก็ได้

.....................................................
https://dhammachati.blogspot.com/


โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 25 ต.ค. 2016, 18:15 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
สมาชิกระดับสูงสุด
สมาชิกระดับสูงสุด
ลงทะเบียนเมื่อ: 24 ต.ค. 2006, 12:36
โพสต์: 33766

อายุ: 0

 ข้อมูลส่วนตัว


จงกรม เดินไปมาโดยมีสติกำกับ

รูปภาพ


ยืน เดิน นั่ง กิน ดื่ม ทำงานนั่นนี่ ใช้...เป็นฐานเป็นที่ฝึกสติ เป็นต้น ได้ทั้งนั้น ควบคุมจิตให้อยู่กับสิ่งที่ทำ ก็ใช้ได้แล้ว

.....................................................
https://dhammachati.blogspot.com/


โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 25 ต.ค. 2016, 19:23 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
สมาชิกระดับสูงสุด
สมาชิกระดับสูงสุด
ลงทะเบียนเมื่อ: 14 ก.ค. 2008, 21:56
โพสต์: 3925

ชื่อเล่น: เช่นนั้น
อายุ: 0

 ข้อมูลส่วนตัว


Quote Tipitaka:
[๑๔๙] ดูกรภิกษุทั้งหลาย พระอานนท์ เลิศกว่าพวกภิกษุสาวกของเรา
ผู้เป็นพหูสูต ฯ
พระอานนท์ เลิศกว่าพวกภิกษุสาวกของเราผู้มีสติ ฯ
พระอานนท์ เลิศกว่าพวกภิกษุสาวกของเราผู้มีคติ ฯ
พระอานนท์ เลิศกว่าพวกภิกษุสาวกของเราผู้มีความเพียร ฯ
พระอานนท์ เลิศกว่าพวกภิกษุสาวกของเราผู้เป็นอุปัฏฐาก ฯ


อรรถกถา เขียน:
วรรคที่ ๔ สูตรที่ ๑ พึงทราบวินิจฉัยดังต่อไปนี้.
พึงทราบวินิจฉัยในคำว่า พหุสฺสุตานํ เป็นต้นดังนี้.
แม้พระเถระรูปอื่นๆ ที่เป็นพหูสูต มีธิติทรงจำและเป็นอุปัฏฐากก็มีอยู่. ส่วนท่านพระอานนท์นี้เล่าเรียนพระพุทธวจนะ ก็ยึดยืนหยัดอยู่ในปริยัติดุจผู้รักษาเรือนคลัง ในศาสนาของพระทศพล เพราะเหตุนั้น ท่านจึงชื่อว่าเป็นยอดของเหล่าภิกษุสาวกผู้เป็นพหูสูต.
อนึ่ง สติที่เล่าเรียนพระพุทธวจนะแล้ว ทรงจำไว้ของพระเถระนี้เท่านั้นก็มีกำลังกว่าพระเถระรูปอื่นๆ เพราะเหตุนั้น ท่านจึงชื่อว่าเป็นยอดของเหล่าภิกษุสาวกผู้มีสติทรงจำ.
อนึ่ง ท่านพระอานนท์นี้นี่แลยืนหยัดยึดอยู่ บทเดียวก็ถือเนื้อความได้ถึงหกหมื่นบท จำได้ทุกบทโดยทำนองที่พระศาสดาตรัสไว้นั่นแล เพราะเหตุนั้น ท่านจึงชื่อว่าเป็นยอดของเหล่าภิกษุสาวกผู้มีคติ.
อนึ่ง ความเพียรเล่าเรียน ความเพียรท่องบ่น ความเพียรทรงจำและความเพียรอุปัฏฐากพระศาสดาของท่านพระอานนท์รูปนั้นเท่านั้น ที่ภิกษุอื่นๆ เทียบไม่ได้ เพราะเหตุนั้น ท่านจึงชื่อว่าเป็นยอดของเหล่าภิกษุสาวกผู้มีธิติ.
อนึ่ง ท่านพระอานนท์รูปนี้ เมื่ออุปัฏฐากพระตถาคต ก็ไม่อุปัฏฐากด้วยอาการอุปัฏฐากของเหล่าภิกษุผู้อุปัฏฐากรูปอื่นๆ ด้วยว่าเหล่าภิกษุผู้อุปัฏฐากรูปอื่นๆ เมื่ออุปัฏฐากพระตถาคต อุปัฏฐากอยู่ไม่ได้นาน ทั้งอุปัฏฐากยึดพระหฤทัยของพระพุทธะทั้งหลายไว้ไม่ได้. ส่วนพระเถระนับแต่วันที่ได้ตำแหน่งพระอุปัฏฐากก็เป็นผู้ปรารภความเพียร อุปัฏฐากยึดพระหฤทัยของพระตถาคตไว้ได้ เพราะเหตุนี้ ท่านจึงชื่อว่าเป็นยอดของเหล่าภิกษุสาวกผู้อุปัฏฐาก.


กำลังสติ ของพระอานนท์เถระ คือ กำลังของการระลึกได้ในบทปริยัติที่จำได้มาก แม้นานก็ไม่ลืมเลือน.
จึงชื่อว่าเป็นยอดของเหล่าภิกษุสาวกผู้มีสติทรงจำ

http://84000.org/tipitaka/pitaka2/v.php?B=20&A=675&Z=693&pagebreak=0
http://84000.org/tipitaka/attha/attha.php?b=20&i=149

.....................................................
ธรรมะอันยิ่งใหญ่ ไม่อาจเอื้อนเอ่ย
บัญญัติ เป็นเพียงสิ่งต่ำต้อยแบกรับความยิ่งใหญ่


โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 25 ต.ค. 2016, 19:48 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
สมาชิกระดับสูงสุด
สมาชิกระดับสูงสุด
ลงทะเบียนเมื่อ: 14 ก.ค. 2008, 21:56
โพสต์: 3925

ชื่อเล่น: เช่นนั้น
อายุ: 0

 ข้อมูลส่วนตัว


การลบสัญญา ไม่มีจริง
มีแต่ระลึกได้ หรือไม่ได้เท่านั้น

แต่การสิ้นไปของความจำ และสติที่อาศัยระบบสมองของคนในมนุษยโลกมีจริง
ซึ่งเกี่ยวกับเนื้อสมอง และระบบประสาทที่เกิดขึ้นที่เนื้อสมอง


^ ^

สติ และสัญญา ซึ่งมีกับจิตไม่อิงระบบสมองของคนสัตว์ในภพภูมินี้ก็มีจริง
เช่น สติ และสัญญาของเทวดาในชั้นกามาพจร เป็นต้น.

(รูปนาม เป็นปัจจัยแก่วิญญาณ
แม้วิญญาณ ก็เป็นปัจจัยแก่นามรูป)

.....................................................
ธรรมะอันยิ่งใหญ่ ไม่อาจเอื้อนเอ่ย
บัญญัติ เป็นเพียงสิ่งต่ำต้อยแบกรับความยิ่งใหญ่


โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 26 ต.ค. 2016, 06:30 
 
ออฟไลน์
สมาชิกระดับสูงสุด
สมาชิกระดับสูงสุด
ลงทะเบียนเมื่อ: 18 ก.ย. 2011, 21:51
โพสต์: 4941


 ข้อมูลส่วนตัว


:b8:
หน้าที่ของสติมี 3 คือ
1.รู้ทัน....(รู้ทันปัจจุบันอารมณ์)....ไม่ใช้สัญญา....ไม่มีสัญญา มาเกี่ยวข้อง

2.ระลึกได้.....(จำได้).....ใช้สัญญา

3.ไม่ลืม.....เก็บรายละเอียดไว้ได้อย่างมั่นคง.....ใช้สัญญา

การลบสัญญา เป็นภาษาพูดสั้นๆให้รู้เรื่องเร็ว
ท่านเช่นนั้นบอกว่าสัญญาลบไม่ได้ ได้แค่ระลึกไม่รู้ ก็อาจจะใช่

ในวิทยาศาสตร์ปัจจุบันเครื่องบันทึกเสียงและภาพเป็นตัวอย่างของการเก็บสัญญาที่ดี เพราะสัญญาเก็บไว้ในเซลสมองและจิต ส่วนสัญญาณภาพและเสียงเก็บไว้ในแถบบันทึกฮาร์ดดิสก์ เมมโมรี่การ์ด หรือไมโครชิพ

แถบบันทึกฮาร์ดดิสก์ เมมโมรี่การ์ด หรือไมโครชิพสามารถลบได้ บันทึกใหม่ได้ เซลสมองก็น่าจะลบได้ เรื่องในจิตก็น่าจะลบออกได้นะ เพราะขนาด นิสัย อุปนิสัย สันดาน สัญชาตญาณยังสามารถลบทิ้งได้ด้วยวิปัสสนาภาวนา แต่เรายังไม่ได้ทำการค้นคว้าทดสอบทดลองเรื่องนี้เป็นการเฉพาะพิเศษกันเท่านั้นเอง หรือใครท่านใดอาจมีผลวิจัยหรือวิทยานิพนธ์เรื่องนี้กันบ้างแล้วก็เอามาเล่าสู่กันฟังนะครับ

การลบสัญญาชั่วคราวสามารถลบได้ด้วยการทำสติให้ทันปัจจุบันอารมณ์ เพราะที่ปัจจุบันอารมณ์ สัญญาจะไม่ทำงาน

การลบสัญญาเสมือนถาวรอาจทำได้ด้วยมรรค 4 ผล 4 นิพพาน 1 เพราะท่านที่ถึงมรรคแล้วอาจหยุดความคิดนึกได้
และสั่งใช้ความคิดนึกได้ตามเหตุปัจจัยและความต้องการ
s004


โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 26 ต.ค. 2016, 09:25 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
สมาชิกระดับสูงสุด
สมาชิกระดับสูงสุด
ลงทะเบียนเมื่อ: 24 ต.ค. 2006, 12:36
โพสต์: 33766

อายุ: 0

 ข้อมูลส่วนตัว


asoka เขียน:



การลบสัญญา เป็นภาษาพูดสั้นๆให้รู้เรื่องเร็ว
ท่านเช่นนั้นบอกว่าสัญญาลบไม่ได้ ได้แค่ระลึกไม่รู้ ก็อาจจะใช่



เริ่มเป๋แระ คิกๆๆ นี่ถ้านอนคิดอยู่คนเดียวก็ว่า เออใช่ล่ะถูกละ ข้าคิดถูกแล้ว แล้วก็ยิ้มแก้มตุ่ย นึกว่าธรรมๆๆ :b13:

พูดให้คิดนะขอรับ ทุกวันนี้ ท่านอโศกจำทิศทางจาก อ.ฝาง ไปเจียงใหม่ได้นะ นั่นแหละสัญญา ความจำได้หมายรู้ ทีนี้ถ้าท่านอโศกต้องการจะลบความจำเสีย เป็นไง จำอะไรได้ทีนี้ มิเดินลงเหวแถวๆ เจียงดาวหรอ :b1:

อ้อ นึกได้พอดี เมื่อไม่กี่วันมานี้ มีภิกษุชราอายุ 80 กว่า รูปหนึ่ง ไปตลาดแล้วจำทางกลับวัดไม่ได้ คือท่านหลงๆลืมๆเป็นบางครั้ง แล้วไปถามร้านค้า ทีนี้มีผู้หวังดีประสงค์ร้ายต่อทา่น เลี้ยงอาหาร แล้วเอาเหล้าให้ท่านดื่ม ก็เมาสิ แล้วถ่ายคลิปประจาน

คือเหล้าเนี่ยมันไม่เลือกว่าคนเฒ่าคนแก่คนสติดีไม่ดี ใครดื่มเข้าแล้วเมาไม่เลือกหน้า เดินไม่ตรงทางแผ่นดินโคลงแคลงๆ สูงๆต่ำๆ เหมือนนั่งเรืออยู่ในทะเลฉะนั้น

ถ้าท่านอโศกลบหน่วยความจำคือสัญญาเสียแล้ว คงได้เดินข้ามภูเขาเข้า ปท.เมียนมาร์หรอกขอรับ :b32:

อยู่ดีไม่ว่าดี เดี๋ยวก็ฟาดได้ไม้หน้าสาม :b12:

.....................................................
https://dhammachati.blogspot.com/


โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 26 ต.ค. 2016, 09:43 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
สมาชิกระดับสูงสุด
สมาชิกระดับสูงสุด
ลงทะเบียนเมื่อ: 24 ต.ค. 2006, 12:36
โพสต์: 33766

อายุ: 0

 ข้อมูลส่วนตัว


ไปต้องคิดลบนั่นลบนี่ดอด ทำให้ถูกเถอะแล้วมันเลิกมันล่ะของมันเอง ตัวอย่าง

แฟนเป็นคนที่เสเพลมาก กินเหล้า แบบว่าไม่ได้เรื่องน่ะค่ะ

แต่มีหมอดูหลายท่านทักว่าถ้าแฟนได้ศึกษาธรรมะอย่างจริงจังจะบวชไม่สึกตลอดชีวิต
ตอนแรกดิฉันคบกับแฟนก็ไม่ทราบหรอกนะคะว่ามีหมอดูเคยทักไว้กับพ่อแม่แฟน

ดิฉันเป็นคนชอบทำบุญทำทาน นั่งสมาธิและสวดมนต์ แฟน ก็ทำตามดิฉันเพราะดิฉันบังคับแรกๆเมื่อไม่กี่วันนี้พาแฟนไปนั่งสมาธิมา (แบบยุบหนอพองหนอ) แค่ไม่กี่ชั่วโมง แฟนดิฉันก็ผิดปกติไปค่ะ

เค้าตื่นมาจากสมาธิ เค้าถามดิฉันว่า รู้สึกถึงลมหายใจที่ชัดเห็นเค้ารู้สึกว่าส่วนท้องเค้ามันยุบลงไปแค่ไหนอย่างไรเวลาหายใจเข้าออก เวลาเดินจงกรม เค้ารู้สึกถึงเท้าที่ย่ำลงพื้นว่าส่วนไหนที่กระทบพื้นชัดเจน

เค้าถามดิฉันว่ามันคืออะไร ดิฉันได้แต่นั่ง ไม่เคยเป็นแบบนี้เลยค่ะ

กลับมาจากวัดเค้าพูดว่า เค้าสดชื่น จับพวงมาลัยรถรู้ว่า มือเค้าจับพวงมาลัย รู้สึกชัดเจนมากๆ มีสติ
เค้าบอกเค้าเข้าใจถึงคำว่า ผู้รู้ ผู้ตื่น ผู้เบิกบานว่ามันมีจริงๆ เหมือนคนใส่เเว่นมัวๆมาแล้วเช็ดจนมันใสชัดเจน

เค้าพูดแต่เรื่องนั่งสมาธิ กลับมาเค้าไม่ดื่มเหล้า สวดมนต์ นั่งสมาธิ ยิ้ม ใจเย็นและดูจะอิ่มบุญมากมาหลายวันแล้วค่ะ

ดิฉันดีใจค่ะที่เค้าเป็นแบบนี้ เค้าบอกเค้ากลัวที่ไปสูบบุหรี่ หรือ กินเหล้าอีก ความรู้สึกแบบนี้จะหายไป
เค้ากำลังเข้าถึงสมาธิใช่ไหมคะ ดิฉันจะพาเค้าไปนั่งบ่อยๆเค้าจะได้เป็นคนดี

ดิฉันอยากนั่งได้แบบเค้าจังเลยค่ะ ทำมาตั้งนานก็ยังไม่เป็นเหมือนเค้า เค้านั่งแป๊บเดียวเองไม่เคยสนใจเรื่องนี้ด้วย

มันน่าน้อยใจนัก!!

.....................................................
https://dhammachati.blogspot.com/


โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 26 ต.ค. 2016, 17:56 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
สมาชิกระดับ 19
สมาชิกระดับ 19
ลงทะเบียนเมื่อ: 29 ต.ค. 2009, 15:06
โพสต์: 7503

อายุ: 0

 ข้อมูลส่วนตัว


asoka เขียน:
:b8:
หน้าที่ของสติมี 3 คือ
1.รู้ทัน....(รู้ทันปัจจุบันอารมณ์)....ไม่ใช้สัญญา....ไม่มีสัญญา มาเกี่ยวข้อง

2.ระลึกได้.....(จำได้).....ใช้สัญญา

3.ไม่ลืม.....เก็บรายละเอียดไว้ได้อย่างมั่นคง.....ใช้สัญญา

การลบสัญญา เป็นภาษาพูดสั้นๆให้รู้เรื่องเร็ว
ท่านเช่นนั้นบอกว่าสัญญาลบไม่ได้ ได้แค่ระลึกไม่รู้ ก็อาจจะใช่

ในวิทยาศาสตร์ปัจจุบันเครื่องบันทึกเสียงและภาพเป็นตัวอย่างของการเก็บสัญญาที่ดี เพราะสัญญาเก็บไว้ในเซลสมองและจิต ส่วนสัญญาณภาพและเสียงเก็บไว้ในแถบบันทึกฮาร์ดดิสก์ เมมโมรี่การ์ด หรือไมโครชิพ

แถบบันทึกฮาร์ดดิสก์ เมมโมรี่การ์ด หรือไมโครชิพสามารถลบได้ บันทึกใหม่ได้ เซลสมองก็น่าจะลบได้ เรื่องในจิตก็น่าจะลบออกได้นะ เพราะขนาด นิสัย อุปนิสัย สันดาน สัญชาตญาณยังสามารถลบทิ้งได้ด้วยวิปัสสนาภาวนา แต่เรายังไม่ได้ทำการค้นคว้าทดสอบทดลองเรื่องนี้เป็นการเฉพาะพิเศษกันเท่านั้นเอง หรือใครท่านใดอาจมีผลวิจัยหรือวิทยานิพนธ์เรื่องนี้กันบ้างแล้วก็เอามาเล่าสู่กันฟังนะครับ

การลบสัญญาชั่วคราวสามารถลบได้ด้วยการทำสติให้ทันปัจจุบันอารมณ์ เพราะที่ปัจจุบันอารมณ์ สัญญาจะไม่ทำงาน

การลบสัญญาเสมือนถาวรอาจทำได้ด้วยมรรค 4 ผล 4 นิพพาน 1 เพราะท่านที่ถึงมรรคแล้วอาจหยุดความคิดนึกได้
และสั่งใช้ความคิดนึกได้ตามเหตุปัจจัยและความต้องการ
s004

wink
:b32:
เก่งแท้หนอ...สั่งได้ตามต้องการ...ลองสั่งไม่ให้แก่สิ...เป็นอัมพาตลองสั่งให้เดินได้ตามต้องการหรืิอ
:b32: :b32: :b32:
...ธรรมทั้งหลายเป็นอนิจจัง ทุกขัง อนัตตา ไม่อยู่ในอำนาจบังคับบัญชาและความต้องการของใคร...
...จิตเกิดดับทีละ 1 ขณะเป็นวงจรคือจากไม่มีแล้วเกิดมีขึ้นแล้วตั้งอยู่ชั่วคราวแล้วก็ดับไปทีละ1ทาง...
...วงจรแต่ละ1ขณะเกิดผ่านขันธ์ทุกขันธ์...ซึ่งแต่ละขันธ์ต่างทำหน้าที่ในการเกิด-ดับแต่ละ1ไม่ปนกัน...
...เป็นการทำงานนามคือจิต(วิญญาณขันธ์)ร่วมกับเจตสิก(เวทนาขันธ์/สัญญาขันธ์/สังขารขันธ์)เพื่อ...
...ไปรู้รูปคือรูปขันธ์...ไม่ขาดขันธ์5ที่รับรู้ผ่านอายตนะ6ประกอบด้วยการทำงานของจิต+เจตสิก+รูป...
:b32: :b32: :b32:
...หัวข้อว่าสัญญา สติ - ความจำ เนี่ยนะ...สัญญา กับ สติ เป็นคนละขันธ์กันนะคะ...คนละหน้าที่...
...สัญญาเจตสิก เป็น สัญญาขันธ์ ทำหน้าที่ 2 อย่าง 1.คือจำหรือจำได้ 2.คือจำไม่ได้หรือลืม...
...แล้วสัญญาเจตสิกเนี่ยเกิดกับจิตได้ทั้งฝ่ายกุศลและฝ่ายอกุศลเป็นคนละขณะกันไม่ปนกันเลย...
...เพราะฉะนั้นทุกขณะจิตมีความจำเกิดด้วยตลอดแล้วแต่ว่าจำถูกหรือจำผิดจากความจริงที่ปรากฏ...
:b1: :b12: :b16:
...ส่วนสติเป็นโสภณเจตสิกเป็นเจตสิกฝ่ายดีที่ปรุงแต่งจิตให้เป็นกุศลเท่านั้นไม่เกิดกับอกุศลจิตเลย...
...สติทำหน้าที่อย่างเดียวเท่านั้นคือระลึกได้ตรงและถูกต้องตามคำสอนแล้วก็จำได้ถูกจึงเป็นกุศล...
...ขณะที่สัญญาจำว่าเป็นสิ่งหนึ่งสิ่งใดเพราะมีอุปาทานยึดมั่นในขันธ์ที่ปรากฏนั่นเป็นอกุศลนะคะ...
...ขณะเกิดกุศลจิตที่มีสติระลึกได้ตรงตามคำสอนพร้อมกับความเข้าใจถูกความเห็นถูกจำถูกนะคะ...
:b44: :b44: :b44:
...สรุปสัญญาเกิดกับจิตทุกขณะทั้งกุศลจิตและอกุศลจิต...
...ส่วนสติไม่เกิดกับอกุศลจิตที่ยึดมั่นเป็นตัวตนว่าสั่งได้ค่ะ...
...เพราะอนัตตาล้วนแล้วแต่เหตุปัจจัยเลือกไม่ได้สั่งไม่ได้...
onion onion onion


โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 26 ต.ค. 2016, 21:16 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
สมาชิกระดับสูงสุด
สมาชิกระดับสูงสุด
ลงทะเบียนเมื่อ: 24 ต.ค. 2006, 12:36
โพสต์: 33766

อายุ: 0

 ข้อมูลส่วนตัว


ท่านอโศกศึกษาพุทธศาสนาไปๆๆ กรัชกายเป็นห่วงว่า ท่านอโศกจะตัดมือ ตัดเท้าตัวเอง (เท่าที่พอตัดได้) คิกๆๆ

เอาเป็นว่า

ขอถามท่านอโศกสั้นๆว่า :b1:

สัญญาตามที่ตัวเองเข้าใจ ได้แก่ อะไร ขอรับ :b10:

.....................................................
https://dhammachati.blogspot.com/


โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 27 ต.ค. 2016, 06:25 
 
ออฟไลน์
สมาชิกระดับสูงสุด
สมาชิกระดับสูงสุด
ลงทะเบียนเมื่อ: 18 ก.ย. 2011, 21:51
โพสต์: 4941


 ข้อมูลส่วนตัว


กรัชกาย เขียน:
ท่านอโศกศึกษาพุทธศาสนาไปๆๆ กรัชกายเป็นห่วงว่า ท่านอโศกจะตัดมือ ตัดเท้าตัวเอง (เท่าที่พอตัดได้) คิกๆๆ

เอาเป็นว่า

ขอถามท่านอโศกสั้นๆว่า :b1:

สัญญาตามที่ตัวเองเข้าใจ ได้แก่ อะไร ขอรับ :b10:

:b13: :b12:
ฟังลำนำนี้ไปพลางๆก่อนนะกรัชกาย+น้องรสรินคนเก่ง

https://youtu.be/E23UuNHTt9g

จำโอวาทปาติโมกข์ 3 ข้อแรกกันได้ไหมครับ

1.ละบาป
2.ทำแต่บุญ
3.ชำระจิตของตนให้ขาวรอบ

ละบาป=ลบสัญญาที่เกี่ยวกับบาปอกุศลทิ้งให้หมดด้วย "วิปัสสนาภาวนา"

ทำบุญ=ย้ำบันทึกสัญญาที่เกี่ยวกับการเจริญบุญกิริยาวัตถุ 10 ย่างให้แน่นแฟ้นในตอนแรก จนส่งถึงการได้นั่งแท่นทางธรรม(โสดาปัตติผล) แล้วจึงลบกุศลสัญญาทั้งหลายทิ้งให้หมดด้วยวิปัสสนาภาวนา

เมื่อลบทิ้งสัญญาทั้งบาปบุญกุศล อกุศลทั้งหมดออกจากจิตใจได้แล้วด้วยวิปัสสนาภาวนาก็จักได้รับหรือเสวยผลเป็นความสะอาดบริสุทธิ์ ขาวรอบของจิต

onion


โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 27 ต.ค. 2016, 08:59 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
สมาชิกระดับสูงสุด
สมาชิกระดับสูงสุด
ลงทะเบียนเมื่อ: 24 ต.ค. 2006, 12:36
โพสต์: 33766

อายุ: 0

 ข้อมูลส่วนตัว


asoka เขียน:
กรัชกาย เขียน:
ท่านอโศกศึกษาพุทธศาสนาไปๆๆ กรัชกายเป็นห่วงว่า ท่านอโศกจะตัดมือ ตัดเท้าตัวเอง (เท่าที่พอตัดได้) คิกๆๆ

เอาเป็นว่า

ขอถามท่านอโศกสั้นๆว่า :b1:

สัญญาตามที่ตัวเองเข้าใจ ได้แก่ อะไร ขอรับ :b10:

:b13: :b12:
ฟังลำนำนี้ไปพลางๆก่อนนะกรัชกาย+น้องรสรินคนเก่ง

https://youtu.be/E23UuNHTt9g

จำโอวาทปาติโมกข์ 3 ข้อแรกกันได้ไหมครับ

1.ละบาป
2.ทำแต่บุญ
3.ชำระจิตของตนให้ขาวรอบ

ละบาป=ลบสัญญาที่เกี่ยวกับบาปอกุศลทิ้งให้หมดด้วย "วิปัสสนาภาวนา"

ทำบุญ=ย้ำบันทึกสัญญาที่เกี่ยวกับการเจริญบุญกิริยาวัตถุ 10 ย่างให้แน่นแฟ้นในตอนแรก จนส่งถึงการได้นั่งแท่นทางธรรม(โสดาปัตติผล) แล้วจึงลบกุศลสัญญาทั้งหลายทิ้งให้หมดด้วยวิปัสสนาภาวนา

เมื่อลบทิ้งสัญญาทั้งบาปบุญกุศล อกุศลทั้งหมดออกจากจิตใจได้แล้วด้วยวิปัสสนาภาวนาก็จักได้รับหรือเสวยผลเป็นความสะอาดบริสุทธิ์ ขาวรอบของจิต


จับตรงนั้นตรงนี้บ้างมาผสมปรุงให้เข้ากับจริตตน พูดภาษาวัยรุ่นว่า มโนนั่นแล.

สรุปก็มวยไม่มีครูนั่นเอง เลอะเทอะ :b13:

.....................................................
https://dhammachati.blogspot.com/


โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 27 ต.ค. 2016, 16:24 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
สมาชิกระดับ 19
สมาชิกระดับ 19
ลงทะเบียนเมื่อ: 29 ต.ค. 2009, 15:06
โพสต์: 7503

อายุ: 0

 ข้อมูลส่วนตัว


asoka เขียน:
กรัชกาย เขียน:
ท่านอโศกศึกษาพุทธศาสนาไปๆๆ กรัชกายเป็นห่วงว่า ท่านอโศกจะตัดมือ ตัดเท้าตัวเอง (เท่าที่พอตัดได้) คิกๆๆ

เอาเป็นว่า

ขอถามท่านอโศกสั้นๆว่า :b1:

สัญญาตามที่ตัวเองเข้าใจ ได้แก่ อะไร ขอรับ :b10:

:b13: :b12:
ฟังลำนำนี้ไปพลางๆก่อนนะกรัชกาย+น้องรสรินคนเก่ง

https://youtu.be/E23UuNHTt9g

จำโอวาทปาติโมกข์ 3 ข้อแรกกันได้ไหมครับ

1.ละบาป
2.ทำแต่บุญ
3.ชำระจิตของตนให้ขาวรอบ

ละบาป=ลบสัญญาที่เกี่ยวกับบาปอกุศลทิ้งให้หมดด้วย "วิปัสสนาภาวนา"

ทำบุญ=ย้ำบันทึกสัญญาที่เกี่ยวกับการเจริญบุญกิริยาวัตถุ 10 ย่างให้แน่นแฟ้นในตอนแรก จนส่งถึงการได้นั่งแท่นทางธรรม(โสดาปัตติผล) แล้วจึงลบกุศลสัญญาทั้งหลายทิ้งให้หมดด้วยวิปัสสนาภาวนา

เมื่อลบทิ้งสัญญาทั้งบาปบุญกุศล อกุศลทั้งหมดออกจากจิตใจได้แล้วด้วยวิปัสสนาภาวนาก็จักได้รับหรือเสวยผลเป็นความสะอาดบริสุทธิ์ ขาวรอบของจิต

onion

:b32: :b32: :b32: :b32: :b32:
อ้างคำพูด:
ละบาป=ลบสัญญาที่เกี่ยวกับบาปอกุศลทิ้งให้หมดด้วย "วิปัสสนาภาวนา

จิตเกิดดับสะสมไม่มีลบออกไปไหนเลย
นักธรรมประเภทเลยคำสอนนี่เก่งจริงๆ
สัญญาจำถูกว่าเป็นธัมมะคือ...กุศลจิต
สัญญาจำผิดเป็นสิ่งหนึ่งสิ่งใดเป็นอกุศลจิต
พระพุทธเจ้าสอนให้ลบสัญญาเจตสิกงั้นหรือ
เอเห็นแต่พระองค์สอนว่าให้รู้ทุกข์ละสมุทัยน๊า
แล้วพระองค์ก็สอนว่ามีอุปาทานขันธ์5ในจิตคือมิจฉาทิฏฐิ
สัญญาเจตสิกก็คือสัญญาขันธ์ที่เกิดดับพร้อมกับจิตทุกขณะ
ใครมันเป็นบ้าไปลบสัญญาเจตสิกออกจากจิตได้หว่า55555
สัญญาขันธ์ไม่มีเหลือแค่4ขันธ์ถูกต้องไหมมันใช่เหรอท่านอโศกะ
:b12: :b13: :b32: :b32: :b32:


โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 27 ต.ค. 2016, 19:16 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
สมาชิกระดับสูงสุด
สมาชิกระดับสูงสุด
ลงทะเบียนเมื่อ: 24 ต.ค. 2006, 12:36
โพสต์: 33766

อายุ: 0

 ข้อมูลส่วนตัว


asoka เขียน:
กรัชกาย เขียน:
ท่านอโศกศึกษาพุทธศาสนาไปๆๆ กรัชกายเป็นห่วงว่า ท่านอโศกจะตัดมือ ตัดเท้าตัวเอง (เท่าที่พอตัดได้) คิกๆๆ

เอาเป็นว่า

ขอถามท่านอโศกสั้นๆว่า :b1:

สัญญาตามที่ตัวเองเข้าใจ ได้แก่ อะไร ขอรับ :b10:


จำโอวาทปาติโมกข์ 3 ข้อแรกกันได้ไหมครับ

1.ละบาป
2.ทำแต่บุญ
3.ชำระจิตของตนให้ขาวรอบ

ละบาป=ลบสัญญาที่เกี่ยวกับบาปอกุศลทิ้งให้หมดด้วย "วิปัสสนาภาวนา"

ทำบุญ=ย้ำบันทึกสัญญาที่เกี่ยวกับการเจริญบุญกิริยาวัตถุ 10 ย่างให้แน่นแฟ้นในตอนแรก จนส่งถึงการได้นั่งแท่นทางธรรม (โสดาปัตติผล) แล้วจึงลบกุศลสัญญาทั้งหลายทิ้งให้หมดด้วยวิปัสสนาภาวนา

เมื่อลบทิ้งสัญญาทั้งบาปบุญกุศล อกุศลทั้งหมดออกจากจิตใจได้แล้วด้วยวิปัสสนาภาวนาก็จักได้รับหรือเสวยผลเป็นความสะอาดบริสุทธิ์ ขาวรอบของจิต



่นี้พอเรียก อกุศลสัญญาได้ จึงขออนุญาตถามวิธีลบสัญญาจากท่านอโศกด้วยตัวอย่างนี้ ว่าไปครับ

อ้างคำพูด:
นั่งสมาธิแล้วมีภาพเจ้ากรรมนายเวรลอยมาให้เห็นครับ

เวลาผมนั่งสมาธิ พอภาวนาไปซักพัก เริ่มตัดภาวนาไปแล้วทีนี้ก็จะเกิดอาการขนลุกเย็นทั้งตัว แล้วหลังจากนั้นก็จะมีภาพ คน สัตว์ แมลง ที่เราเคยทำร้ายเคยทำให้เค้าตาย หรือเจ็บลอยมาให้เห็น คือ แปลกใจว่า บางเรื่องเป็นเรื่องที่นานมากบางเรื่องเป็นเรื่องสมัยเด็กๆอยู่ด้วยซ้ำ ซึ่งบางทีนึกถึงยังนึกไม่ออกเลย เพราะนานมาก แต่พอมานั่งสมาธิ ก็ลอยมาให้เห็นเฉยเลย

.....................................................
https://dhammachati.blogspot.com/


แสดงโพสต์จาก:  เรียงตาม  
กลับไปยังกระทู้  [ 38 โพสต์ ]  ไปที่หน้า 1, 2, 3  ต่อไป

เขตเวลา GMT + 7 ชั่วโมง


 ผู้ใช้งานขณะนี้

กำลังดูบอร์ดนี้: Google [Bot] และ บุคคลทั่วไป 26 ท่าน


ท่าน ไม่สามารถ โพสต์กระทู้ในบอร์ดนี้ได้
ท่าน ไม่สามารถ ตอบกระทู้ในบอร์ดนี้ได้
ท่าน ไม่สามารถ แก้ไขโพสต์ของท่านในบอร์ดนี้ได้
ท่าน ไม่สามารถ ลบโพสต์ของท่านในบอร์ดนี้ได้
ท่าน ไม่สามารถ แนบไฟล์ในบอร์ดนี้ได้

ค้นหาสำหรับ:
ไปที่:  
Google
ทั่วไป เว็บธรรมจักร