วันเวลาปัจจุบัน 19 เม.ย. 2024, 07:09  



เขตเวลา GMT + 7 ชั่วโมง




กลับไปยังกระทู้  [ 30 โพสต์ ]  ไปที่หน้า 1, 2  ต่อไป  Bookmark and Share
เจ้าของ ข้อความ
โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 21 ต.ค. 2016, 16:56 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
สมาชิกระดับสูงสุด
สมาชิกระดับสูงสุด
ลงทะเบียนเมื่อ: 24 ต.ค. 2006, 12:36
โพสต์: 33766

อายุ: 0

 ข้อมูลส่วนตัว


รูปภาพ

ข้อมูลเชิงวิชาการ ประวัติศาสตร์ และ ข้อเท็จจริง

ในยุคกลางของยุโรป หรือ ที่เรียกกันว่า ยุคมืด คือ ยุคที่อยู่ใต้การปกครองของศริสตจักร แม่มดถูกประนามว่าเป็นสัญลักษณ์ของความชั่วร้าย เป็นคนของซาตาน จึงมีการไล่ล่าเพื่อกวาดล้างแม่มดอย่างเอาเป็นเอาตายจากบรรดาบาทหลวง ไม่ว่าจะเกิดเหตุร้ายผิดปกติอะไร เช่น ภัยธรรมชาติ โรคระบาด หรือ คนตายโดยไม่ทราบสาเหตุ มักจะมีการกล่าวหาว่าเป็นผลงานของแม่มด และ จะมีการระดมกำลังกันตามหาผู้ต้องสงสัย ซึ่งส่วนใหญ่มักจะเป็นแพะรับบาป

การกล่าวหาส่วนใหญ่เป็นไปอย่างเลื่อนลอย หลักเกณฑ์ที่ใช้ในการพิจารณาดูแล้วน่าสมเพช ใช้แค่การดูรูปลักษณ์ภายนอก ใครที่ดูแปลกๆกว่าคนอื่น จะโดนกล่าวหาได้ง่ายๆ เหยื่อส่วนใหญ่คือผู้หญิง โดยเฉพาะหญิงแก่ชรา มักถูกกล่าวหาว่าเป็นแม่มด และถูกลากมาเผาประจานทั้งเป็นอย่างน่าอเน็จอนาถ

ไม่ใช่แต่คนที่มีหน้าตาอัปลักษณ์เท่านั้น ผู้ที่มีหน้าตางดงาม สวยเกินไปก็มักถูกข้อกล่าวหานี้เช่นกัน เพราะสงสัยว่าเอาวิญญานเข้าแลกกับเรือนร่างอันน่างดงาม

แถมผู้ชายในสมัยนั้นยังชอบทารุนกรรมผู้หญิง โดยยกข้ออ้างจากไบเบิลขึ้นมาอ้างว่า ” สูเจ้าจะต้องไม่ทรมานแม่มดด้วยการปล่อยให้มีชีวิต Thou shlt not suffer a witch to live ” การเข่นฆ่าตอนนั้นจึงได้รับรองว่าเป็นสิ่งชอบธรรม

http://potterstoryweb.com/162/%e0%b8%9b ... 1%e0%b9%88

.....................................................
https://dhammachati.blogspot.com/


โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 21 ต.ค. 2016, 19:12 
 
ออฟไลน์
สมาชิกระดับสูงสุด
สมาชิกระดับสูงสุด
ลงทะเบียนเมื่อ: 25 เม.ย. 2009, 02:43
โพสต์: 12232


 ข้อมูลส่วนตัว


หน้าไหว้..หลังหลอก...

http://www.naewna.com/creative/241092

อ้างคำพูด:
หลังจากที่ก่อนหน้านี้ทางการไทยเคยขอความร่วมมือไปยังหลายประเทศเพื่อให้ควบคุมตัวขบวนการบ่อนทำลายสถาบันเบื้องสูงของไทยกลับมาดำเนินคดีตามมาตรา 112 ของประมวลกฎหมายอาญาว่าด้วยความผิดฐานหมิ่นพระมหากษัตริย์และราชวงศ์ ขณะที่เหล่าขบวนการบ่อนทำลายเบื้องสูงยังคงเคลื่อนไหวอย่างเหิมเกริมต่อเนื่องแม้ในยามที่คนไทย ทั้งประเทศกำลังเศร้าโศกจากการสวรรคตของพ่อแห่งแผ่นดินทำให้ล่าสุด พล.อ.ไพบูลย์ คุ้มฉายา รมว.ยุติธรรมได้แสดงท่าทีตอกย้ำของทางการไทย อีกครั้งด้วยการลงนามในหนังสือส่งถีงเอกอัครราชทูตต่างชาติประจำประเทศไทย 7 ประเทศ ซึ่งให้ที่พักพิงแก่แก๊งแดงบ่อนทำลายสถาบันเบื้องสูงซึ่งมีเกือบ 20 ราย เพื่อให้ส่งตัวกลับมาดำเนินการตามกฎหมายไทย

สำหรับประเทศที่ให้ที่พักพิงหรือช่วยเหลือแก่แก๊งแดงข้อหาบ่อนทำลายสถาบันเบื้องสูงอาทิ

ฝรั่งเศส ซึ่งให้สถานะผู้ลี้ภัยแก่ นายสมศักดิ์เจียมธีรสกุล อดีตอาจารย์มหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์นายจรัล ดิษฐาอภิชัย อดีตแกนนำเสื้อแดงนายศรัณย์ ฉุยฉาย หรือ “อั้ม เนโกะ” อดีตนักศึกษาเสื้อแดง มหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์

สหราชอาณาจักรอาทิ นายใจลส์ อึ๊งภากรณ์ อดีตอาจารย์ จุฬาฯ น.ส.ฉัตรวดีอมรพัฒน์ หรือ “โรส” ที่ได้สามีเป็นชาวอังกฤษ และอาจรวมถึงนายจักรภพ เพ็ญแข อดีตรมต.ประจำสำนักนายกฯยุครัฐบาลระบอบทักษิณและแกนนำเสื้อแดง

สหรัฐอเมริกา อาทิ นายชูพงศ์ถี่ถ้วน นายจอม เพชรประดับน.ส.สุดา รังกุพันธุ์ อดีตอาจารย์คณะอักษรศาสตร์ จุฬาฯ นายมนูญหรือ เอนก ชัยชนะ

นิวซีแลนด์ให้สถานะผู้ลี้ภัยแก่ นายเอกภาพ เหลือรา หรือ “ตั้ง อาชีวะ” หนึ่งในแกนนำแดงล้มเจ้า

ฟินแลนด์ ให้สถานะผู้อยู่อาศัยถาวรแก่ นางจรรยา ยิ้มประเสริฐ หนึ่งในแก๊งแดงบ่อนทำลายเบื้องสูง

ลาว ให้ที่พักพิงแก่ นายสุรชัย ด่านวัฒนานุสรณ์ หรือ แซ่ด่าน แกนนำแดงล้มเจ้าคนสำคัญ

ออสเตรเลีย ปล่อยให้ขบวนการบ่อนทำลายสถาบันเบื้องสูงเคลื่อนไหวอย่างอิสระ อาทิ นายองอาจ ธนกมลนันท์ นักจัดรายการวิทยุเสื้อแดง ฉายา “อาคม ซิดนีย์”

ทั้งนี้ขบวนการแดงบ่อนทำลายเบื้องสูงกลุ่มนี้นอกจากได้รับท่อน้ำเลี้ยงจากนายใหญ่ที่อยู่เบื้องหลังกลุ่มเสื้อแดงแล้ว ยังเชื่อว่าได้รับการช่วยเหลืออย่างลับๆ จากมหาอำนาจและชาติตะวันตกหลายประเทศ รวมทั้งสำนักงานข้าหลวงใหญ่ผู้ลี้ภัยแห่งสหประชาชาติซึ่งอยู่ภายใต้อิทธิพลการบงการของชาติมหาอำนาจตะวันตกที่หน้าไหว้หลังหลอกคิดล้มสถาบันเบื้องสูงอันเป็นจุดแข็งของไทยหวังปูทางเข้ายึดครองไทยซึ่งเป็นจุดยุทธศาสตร์สำคัญภายใต้ลัทธิล่าอาณานิคมยุคใหม่ ดังนั้นการขอความร่วมมือไปยัง 7 ชาติ ซึ่งเป็นแหล่งซ่องสุมของขบวนการแดงล้มเจ้าครั้งนี้จะเป็นการพิสูจน์ความจริงใจของประเทศเหล่านี้ที่หน้าฉากสร้างภาพเทิดทูนสถาบันเบื้องสูงและมีความสัมพันธ์อันดีกับไทย

ทีมข่าวการเมือง



โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 21 ต.ค. 2016, 19:49 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
สมาชิกระดับสูงสุด
สมาชิกระดับสูงสุด
ลงทะเบียนเมื่อ: 24 ต.ค. 2006, 12:36
โพสต์: 33766

อายุ: 0

 ข้อมูลส่วนตัว


กบนอกกะลา เขียน:
หน้าไหว้..หลังหลอก...

http://www.naewna.com/creative/241092

อ้างคำพูด:
หลังจากที่ก่อนหน้านี้ทางการไทยเคยขอความร่วมมือไปยังหลายประเทศเพื่อให้ควบคุมตัวขบวนการบ่อนทำลายสถาบันเบื้องสูงของไทยกลับมาดำเนินคดีตามมาตรา 112 ของประมวลกฎหมายอาญาว่าด้วยความผิดฐานหมิ่นพระมหากษัตริย์และราชวงศ์ ขณะที่เหล่าขบวนการบ่อนทำลายเบื้องสูงยังคงเคลื่อนไหวอย่างเหิมเกริมต่อเนื่องแม้ในยามที่คนไทย ทั้งประเทศกำลังเศร้าโศกจากการสวรรคตของพ่อแห่งแผ่นดินทำให้ล่าสุด พล.อ.ไพบูลย์ คุ้มฉายา รมว.ยุติธรรมได้แสดงท่าทีตอกย้ำของทางการไทย อีกครั้งด้วยการลงนามในหนังสือส่งถีงเอกอัครราชทูตต่างชาติประจำประเทศไทย 7 ประเทศ ซึ่งให้ที่พักพิงแก่แก๊งแดงบ่อนทำลายสถาบันเบื้องสูงซึ่งมีเกือบ 20 ราย เพื่อให้ส่งตัวกลับมาดำเนินการตามกฎหมายไทย

สำหรับประเทศที่ให้ที่พักพิงหรือช่วยเหลือแก่แก๊งแดงข้อหาบ่อนทำลายสถาบันเบื้องสูงอาทิ

ฝรั่งเศส ซึ่งให้สถานะผู้ลี้ภัยแก่ นายสมศักดิ์เจียมธีรสกุล อดีตอาจารย์มหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์นายจรัล ดิษฐาอภิชัย อดีตแกนนำเสื้อแดงนายศรัณย์ ฉุยฉาย หรือ “อั้ม เนโกะ” อดีตนักศึกษาเสื้อแดง มหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์

สหราชอาณาจักรอาทิ นายใจลส์ อึ๊งภากรณ์ อดีตอาจารย์ จุฬาฯ น.ส.ฉัตรวดีอมรพัฒน์ หรือ “โรส” ที่ได้สามีเป็นชาวอังกฤษ และอาจรวมถึงนายจักรภพ เพ็ญแข อดีตรมต.ประจำสำนักนายกฯยุครัฐบาลระบอบทักษิณและแกนนำเสื้อแดง

สหรัฐอเมริกา อาทิ นายชูพงศ์ถี่ถ้วน นายจอม เพชรประดับน.ส.สุดา รังกุพันธุ์ อดีตอาจารย์คณะอักษรศาสตร์ จุฬาฯ นายมนูญหรือ เอนก ชัยชนะ

นิวซีแลนด์ให้สถานะผู้ลี้ภัยแก่ นายเอกภาพ เหลือรา หรือ “ตั้ง อาชีวะ” หนึ่งในแกนนำแดงล้มเจ้า

ฟินแลนด์ ให้สถานะผู้อยู่อาศัยถาวรแก่ นางจรรยา ยิ้มประเสริฐ หนึ่งในแก๊งแดงบ่อนทำลายเบื้องสูง

ลาว ให้ที่พักพิงแก่ นายสุรชัย ด่านวัฒนานุสรณ์ หรือ แซ่ด่าน แกนนำแดงล้มเจ้าคนสำคัญ

ออสเตรเลีย ปล่อยให้ขบวนการบ่อนทำลายสถาบันเบื้องสูงเคลื่อนไหวอย่างอิสระ อาทิ นายองอาจ ธนกมลนันท์ นักจัดรายการวิทยุเสื้อแดง ฉายา “อาคม ซิดนีย์”

ทั้งนี้ขบวนการแดงบ่อนทำลายเบื้องสูงกลุ่มนี้นอกจากได้รับท่อน้ำเลี้ยงจากนายใหญ่ที่อยู่เบื้องหลังกลุ่มเสื้อแดงแล้ว ยังเชื่อว่าได้รับการช่วยเหลืออย่างลับๆ จากมหาอำนาจและชาติตะวันตกหลายประเทศ รวมทั้งสำนักงานข้าหลวงใหญ่ผู้ลี้ภัยแห่งสหประชาชาติซึ่งอยู่ภายใต้อิทธิพลการบงการของชาติมหาอำนาจตะวันตกที่หน้าไหว้หลังหลอกคิดล้มสถาบันเบื้องสูงอันเป็นจุดแข็งของไทยหวังปูทางเข้ายึดครองไทยซึ่งเป็นจุดยุทธศาสตร์สำคัญภายใต้ลัทธิล่าอาณานิคมยุคใหม่ ดังนั้นการขอความร่วมมือไปยัง 7 ชาติ ซึ่งเป็นแหล่งซ่องสุมของขบวนการแดงล้มเจ้าครั้งนี้จะเป็นการพิสูจน์ความจริงใจของประเทศเหล่านี้ที่หน้าฉากสร้างภาพเทิดทูนสถาบันเบื้องสูงและมีความสัมพันธ์อันดีกับไทย

ทีมข่าวการเมือง




ก็บอกแล้ว ว่ามันเหมือนกับสมัยสงครามเย็น ตอนนั้นให้เกลียดกลัวคอมมิวนิสต์ ปัจจุบันปั่นให้เกลียดกลัวทักสิน ระบอบทักสินๆๆๆๆๆๆๆ คิกๆๆ

https://scontent.fbkk5-2.fna.fbcdn.net/ ... e=589C4483

https://www.facebook.com/photo.php?fbid ... =3&theater

.....................................................
https://dhammachati.blogspot.com/


โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 21 ต.ค. 2016, 19:53 
 
ออฟไลน์
สมาชิกระดับสูงสุด
สมาชิกระดับสูงสุด
ลงทะเบียนเมื่อ: 25 เม.ย. 2009, 02:43
โพสต์: 12232


 ข้อมูลส่วนตัว


นักล่า..ในยุคปัจจุบัน...

ปรบมือให้ปินส์ที่ใจกล้า..บ้าบิ่น..แต่ได้ผล

http://www.naewna.com/inter/241073

อ้างคำพูด:
ปักกิ่ง (เอเอฟพี/รอยเตอร์) - ผู้นำฟิลิปปินส์บอกลาความสัมพันธ์สหรัฐระหว่างการเดินทางเยือนประเทศจีนอย่างเป็นทางการ ชี้ได้ผลประโยชน์เล็กน้อยจากการเป็นพันธมิตร ย้ำข้อพิพาททะเลจีนใต้ไม่เป็นอุปสรรคเชื่อมสัมพันธ์จีน

ประธานาธิบดีโรดริโก ดูเตอร์เต แห่งฟิลิปปินส์ กล่าวสุนทรพจน์บนเวทีพบปะชุมชนชาวฟิลิปปินส์ในกรุงปักกิ่ง ขณะเดินทางเยือนจีนอย่างเป็นทางการ 4 วัน ว่า ฟิลิปปินส์ได้รับผลประโยชน์เพียงเล็กน้อยจากการเป็นพันธมิตรกับสหรัฐมาอย่างยาวนาน ซึ่งเคยเป็นเจ้าอาณานิคมของฟิลิปปินส์ โดยเขาระบุว่า สหรัฐดำรงอยู่ในฟิลิปปินส์ก็เพื่อผลประโยชน์ของตนเอง ดังนั้นถึงเวลาแล้วที่จะบอกลาความสัมพันธ์กับสหรัฐและเขาจะไม่เดินทางไปสหรัฐอีก เพราะที่ผ่านมาถูกสหรัฐวิพากษ์วิจารณ์และพูดจาประชดประชันมาโดยตลอด โดยเฉพาะนโยบายทำสงครามปราบปรามยาเสพติดและอาชญากรรมของเขา ที่ทำให้มีผู้เสียชีวิตไปแล้วกว่า 3,000 คน

ผู้นำฟิลิปปินส์ ซึ่งก้าวขึ้นสู่อำนาจในเดือนมิถุนายนที่ผ่านมาระบุว่า เขารู้สึกผิดหวังกับนโยบายต่างประเทศของฟิลิปปินส์ในช่วงที่ผ่านมา ที่ถูกควบคุมโดยสหรัฐ และความสัมพันธ์ที่ห่างเหินระหว่างฟิลิปปินส์และจีนไม่ได้เกิดขึ้นเพราะฟิลิปปินส์

นับตั้งแต่นายดูเตอร์เตดำรงตำแหน่งประธานาธิบดีฟิลิปปินส์ เขาได้เปลี่ยนแปลงนโยบายต่างประเทศไปอย่างมาก จากนโยบายของอดีตประธานาธิบดีเบนิกโญ อาคีโน ซึ่งเป็นผู้ยื่นเรื่องฟ้องร้องศาลโลกให้ไต่สวนคดีพิพาททะเลจีนใต้กับจีนและศาลโลกตัดสินว่าจีนไม่มีสิทธิ อ้างกรรมสิทธ์ิในทะเลจีนใต้ ทำให้จีนไม่พอใจอย่างยิ่ง แต่นายดูเตอร์เตก็ไม่ได้ออกมาพูดจาโอ้อวดในเรื่องนี้ นอกจากนั้น ยังระงับการลาดตระเวนร่วมระหว่างสหรัฐและฟิลิปปินส์ ในทะเลจีนใต้และขู่ยกเลิกการซ้อมรบร่วมระหว่างสองประเทศด้วย

ด้านนายเปอร์เฟกโต ยาซาย รัฐมนตรีต่างประเทศ ฟิลิปปินส์ กล่าวในระหว่างที่ประธานาธิบดีดูเตอร์เต เยือนกรุงปักกิ่งเพื่อกระชับความสัมพันธ์ระหว่างสองประเทศว่า กรณีพิพาทเรื่องกรรมสิทธิ์เหนือน่านน้ำทะเลจีนใต้ ที่ฟิลิปปินส์และจีนอาจตกลงกันไม่ได้ และอาจต้องเป็นคู่ขัดแย้งกันไปจนชั่วชีวิตนั้น ไม่ถือเป็นอุปสรรคต่อการกระชับความสัมพันธ์กับจีนในขณะนี้แต่อย่างใด พร้อมทั้งย้ำว่า การกระชับสัมพันธ์จีนจะไม่ส่งผลกระทบต่อพันธมิตรชาติอื่นๆ ของฟิลิปปินส์ที่มีสัมพันธ์กันมายาวนานด้วย


โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 21 ต.ค. 2016, 19:57 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
สมาชิกระดับสูงสุด
สมาชิกระดับสูงสุด
ลงทะเบียนเมื่อ: 24 ต.ค. 2006, 12:36
โพสต์: 33766

อายุ: 0

 ข้อมูลส่วนตัว


กบนอกกะลา เขียน:
นักล่า..ในยุคปัจจุบัน...

ปรบมือให้ปินส์ที่ใจกล้า..บ้าบิ่น..แต่ได้ผล

http://www.naewna.com/inter/241073

อ้างคำพูด:
ปักกิ่ง (เอเอฟพี/รอยเตอร์) - ผู้นำฟิลิปปินส์บอกลาความสัมพันธ์สหรัฐระหว่างการเดินทางเยือนประเทศจีนอย่างเป็นทางการ ชี้ได้ผลประโยชน์เล็กน้อยจากการเป็นพันธมิตร ย้ำข้อพิพาททะเลจีนใต้ไม่เป็นอุปสรรคเชื่อมสัมพันธ์จีน

ประธานาธิบดีโรดริโก ดูเตอร์เต แห่งฟิลิปปินส์ กล่าวสุนทรพจน์บนเวทีพบปะชุมชนชาวฟิลิปปินส์ในกรุงปักกิ่ง ขณะเดินทางเยือนจีนอย่างเป็นทางการ 4 วัน ว่า ฟิลิปปินส์ได้รับผลประโยชน์เพียงเล็กน้อยจากการเป็นพันธมิตรกับสหรัฐมาอย่างยาวนาน ซึ่งเคยเป็นเจ้าอาณานิคมของฟิลิปปินส์ โดยเขาระบุว่า สหรัฐดำรงอยู่ในฟิลิปปินส์ก็เพื่อผลประโยชน์ของตนเอง ดังนั้นถึงเวลาแล้วที่จะบอกลาความสัมพันธ์กับสหรัฐและเขาจะไม่เดินทางไปสหรัฐอีก เพราะที่ผ่านมาถูกสหรัฐวิพากษ์วิจารณ์และพูดจาประชดประชันมาโดยตลอด โดยเฉพาะนโยบายทำสงครามปราบปรามยาเสพติดและอาชญากรรมของเขา ที่ทำให้มีผู้เสียชีวิตไปแล้วกว่า 3,000 คน

ผู้นำฟิลิปปินส์ ซึ่งก้าวขึ้นสู่อำนาจในเดือนมิถุนายนที่ผ่านมาระบุว่า เขารู้สึกผิดหวังกับนโยบายต่างประเทศของฟิลิปปินส์ในช่วงที่ผ่านมา ที่ถูกควบคุมโดยสหรัฐ และความสัมพันธ์ที่ห่างเหินระหว่างฟิลิปปินส์และจีนไม่ได้เกิดขึ้นเพราะฟิลิปปินส์

นับตั้งแต่นายดูเตอร์เตดำรงตำแหน่งประธานาธิบดีฟิลิปปินส์ เขาได้เปลี่ยนแปลงนโยบายต่างประเทศไปอย่างมาก จากนโยบายของอดีตประธานาธิบดีเบนิกโญ อาคีโน ซึ่งเป็นผู้ยื่นเรื่องฟ้องร้องศาลโลกให้ไต่สวนคดีพิพาททะเลจีนใต้กับจีนและศาลโลกตัดสินว่าจีนไม่มีสิทธิ อ้างกรรมสิทธ์ิในทะเลจีนใต้ ทำให้จีนไม่พอใจอย่างยิ่ง แต่นายดูเตอร์เตก็ไม่ได้ออกมาพูดจาโอ้อวดในเรื่องนี้ นอกจากนั้น ยังระงับการลาดตระเวนร่วมระหว่างสหรัฐและฟิลิปปินส์ ในทะเลจีนใต้และขู่ยกเลิกการซ้อมรบร่วมระหว่างสองประเทศด้วย

ด้านนายเปอร์เฟกโต ยาซาย รัฐมนตรีต่างประเทศ ฟิลิปปินส์ กล่าวในระหว่างที่ประธานาธิบดีดูเตอร์เต เยือนกรุงปักกิ่งเพื่อกระชับความสัมพันธ์ระหว่างสองประเทศว่า กรณีพิพาทเรื่องกรรมสิทธิ์เหนือน่านน้ำทะเลจีนใต้ ที่ฟิลิปปินส์และจีนอาจตกลงกันไม่ได้ และอาจต้องเป็นคู่ขัดแย้งกันไปจนชั่วชีวิตนั้น ไม่ถือเป็นอุปสรรคต่อการกระชับความสัมพันธ์กับจีนในขณะนี้แต่อย่างใด พร้อมทั้งย้ำว่า การกระชับสัมพันธ์จีนจะไม่ส่งผลกระทบต่อพันธมิตรชาติอื่นๆ ของฟิลิปปินส์ที่มีสัมพันธ์กันมายาวนานด้วย



ลิเก เขาแบ่งหน้าที่กันเล่น ผู้นำก็พูดไป แต่อีกฝ่ายไม่เอาด้วย :b32:

.....................................................
https://dhammachati.blogspot.com/


โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 21 ต.ค. 2016, 20:01 
 
ออฟไลน์
สมาชิกระดับสูงสุด
สมาชิกระดับสูงสุด
ลงทะเบียนเมื่อ: 25 เม.ย. 2009, 02:43
โพสต์: 12232


 ข้อมูลส่วนตัว


ผู้นำฟิลิปปินส์เปลี่ยนนโยบายมุ่งเข้าหาจีน เพิ่มความร่วมมือทางทะเล เตรียมลงนามข้อตกลงอีกกว่า 4 แสนล้าน

http://www.posttoday.com/world/news/461257

อ้างคำพูด:
เซาท์ ไชน่า มอร์นิ่ง โพสต์ รายงานว่า จีนและฟิลิปปินส์เห็นพ้องจัดตั้งหน่วยงานยามชายฝั่งร่วมเพื่อดูแลด้านความร่วมมือทางทะเลโดยเฉพาะ นอกจากนี้ จีนและฟิลิปปินส์ลงนามข้อตกลง 13 ฉบับวานนี้ ในด้านการค้า การลงทุน การท่องเที่ยว และการควบคุมยาเสพติด ขณะที่จีนจะยกเลิกการแจ้งเตือนการเดินทางไปยังฟิลิปปินส์ และอนุญาตให้นำเข้าผลไม้เขตร้อนจากฟิลิปปินส์เพิ่ม โดยรอยเตอร์สรายงานอ้าง รามอน โลเปซ รัฐมนตรีการค้าและอุตสาหกรรมของฟิลิปปินส์ว่า จีนและฟิลิปปินส์คาดว่าจะลงนามข้อตกลง 1.35 หมื่นล้านเหรียญสหรัฐ (ราว 4.72 แสนล้านบาท) ภายในสัปดาห์นี้



ค้าขายแลกเปลี่ยน...แบ่งปันผลประโยชน์..ดีกว่าถูกยุให้เป็นสนามรบ...จากมหาอำนาจบางประเทศ :b17: :b17: :b17:

ช่วงนี้..เมกากำลังปวดหัวกับปินส์...ไทยเลยได้พักเหนื่อยแว๊บ... :b32: :b32: :b32:


แก้ไขล่าสุดโดย กบนอกกะลา เมื่อ 21 ต.ค. 2016, 20:04, แก้ไขแล้ว 1 ครั้ง

โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 21 ต.ค. 2016, 20:02 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
สมาชิกระดับสูงสุด
สมาชิกระดับสูงสุด
ลงทะเบียนเมื่อ: 24 ต.ค. 2006, 12:36
โพสต์: 33766

อายุ: 0

 ข้อมูลส่วนตัว


กบนอกกะลา เขียน:
ผู้นำฟิลิปปินส์เปลี่ยนนโยบายมุ่งเข้าหาจีน เพิ่มความร่วมมือทางทะเล เตรียมลงนามข้อตกลงอีกกว่า 4 แสนล้าน

http://www.posttoday.com/world/news/461257

อ้างคำพูด:
เซาท์ ไชน่า มอร์นิ่ง โพสต์ รายงานว่า จีนและฟิลิปปินส์เห็นพ้องจัดตั้งหน่วยงานยามชายฝั่งร่วมเพื่อดูแลด้านความร่วมมือทางทะเลโดยเฉพาะ นอกจากนี้ จีนและฟิลิปปินส์ลงนามข้อตกลง 13 ฉบับวานนี้ ในด้านการค้า การลงทุน การท่องเที่ยว และการควบคุมยาเสพติด ขณะที่จีนจะยกเลิกการแจ้งเตือนการเดินทางไปยังฟิลิปปินส์ และอนุญาตให้นำเข้าผลไม้เขตร้อนจากฟิลิปปินส์เพิ่ม โดยรอยเตอร์สรายงานอ้าง รามอน โลเปซ รัฐมนตรีการค้าและอุตสาหกรรมของฟิลิปปินส์ว่า จีนและฟิลิปปินส์คาดว่าจะลงนามข้อตกลง 1.35 หมื่นล้านเหรียญสหรัฐ (ราว 4.72 แสนล้านบาท) ภายในสัปดาห์นี้



ค้าขายแลกเปลี่ยน...แบ่งปันผลประโยชน์..ดีกว่าถูกยุให้เป็นสนามรบ... :b17: :b17: :b17:



เมืองไทยพอเป็นสนามการค้า ก็ยุให้รบ คิกๆๆๆ

.....................................................
https://dhammachati.blogspot.com/


โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 21 ต.ค. 2016, 20:07 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
สมาชิกระดับสูงสุด
สมาชิกระดับสูงสุด
ลงทะเบียนเมื่อ: 24 ต.ค. 2006, 12:36
โพสต์: 33766

อายุ: 0

 ข้อมูลส่วนตัว


รูปภาพ

https://www.facebook.com/bygonreturn/ph ... =3&theater

.....................................................
https://dhammachati.blogspot.com/


โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 21 ต.ค. 2016, 20:48 
 
ออฟไลน์
สมาชิกระดับสูงสุด
สมาชิกระดับสูงสุด
ลงทะเบียนเมื่อ: 25 เม.ย. 2009, 02:43
โพสต์: 12232


 ข้อมูลส่วนตัว


นอกจากจะอยู่ในขบวนการสมคบคิด...คิดทำลายแล้ว...กักกายทำอะไรไปบ้าง...

ผมไม่เคยเห็นกักกาย...จะต่อว่าคนบางพวกเลย..แม้จะโกงสนั่นแค่ไหนก็ตาม..

มิหน่ำซ่ำ...เห็นแต่ใช้ทฤษฎีสมคบคิด..เพาะเชื้อเรื่อยๆ..ได้ตลอด....


จำได้นะ..ใครว่าผม..ปกป้องระบบโบราณ


โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 21 ต.ค. 2016, 20:57 
 
ออฟไลน์
สมาชิกระดับสูงสุด
สมาชิกระดับสูงสุด
ลงทะเบียนเมื่อ: 25 เม.ย. 2009, 02:43
โพสต์: 12232


 ข้อมูลส่วนตัว


ล่าแม่มดยุคใหม่...

นี้เลย..ข้ออ้าง..สิทธิมนุษยชน....ไม่เป็นประชาธิปไตย์..ค้ามนุษย์..


แต่เชื่อเหอะ...กากกาก...คิดไม่ออกหรอก..

อ่อ..ไม่แน่..

เพราะอยู่ในขบวนการสมคบคิดด้วย..ไม่ใช่รึ?


โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 22 ต.ค. 2016, 05:25 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
สมาชิกระดับสูงสุด
สมาชิกระดับสูงสุด
ลงทะเบียนเมื่อ: 24 ต.ค. 2006, 12:36
โพสต์: 33766

อายุ: 0

 ข้อมูลส่วนตัว


กบนอกกะลา เขียน:
ล่าแม่มดยุคใหม่...

นี้เลย..ข้ออ้าง..สิทธิมนุษยชน....ไม่เป็นประชาธิปไตย์..ค้ามนุษย์..


แต่เชื่อเหอะ...กากกาก...คิดไม่ออกหรอก..

อ่อ..ไม่แน่..

เพราะอยู่ในขบวนการสมคบคิดด้วย..ไม่ใช่รึ?



กบเอ้ย เอ็งตามไม่ทันเกมพวกเผด็จการหรอก

อ้างคำพูด:
หลังกระแสวิจารณ์ความเหมาะสมหญิงสวมเสื้อสมลงนามไว้อาลัย รวมทั้งจินตนาการเป็น 'ลูกเกด NDM' ไปจนถึงแผนล่อให้คนมาทำร้าย ล่าสุด ผู้ว่าฯ นนทบุรี แถลงยืนยันจากการตรวจสอบ เธอเป็นผู้ป่วยทางโรคจิตเฉียบพลัน


ผู้สื่อข่าวรายงานด้วยว่า กรณีผู้หญิงใส่เสื้อสีส้มนี้นอกจากมีการพยายามโยงกับ ชลธิชา แล้ว ยังมีความพยายามโยงว่า เธอ เข้ามากระทำการดังกล่าวเพื่อหวังให้คนมาทำร้ายหรือใช้ความรุนแรงกับเธอ


http://www.prachatai.com/journal/2016/10/68467

.....................................................
https://dhammachati.blogspot.com/


โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 22 ต.ค. 2016, 05:29 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
สมาชิกระดับสูงสุด
สมาชิกระดับสูงสุด
ลงทะเบียนเมื่อ: 24 ต.ค. 2006, 12:36
โพสต์: 33766

อายุ: 0

 ข้อมูลส่วนตัว


กบนอกกะลา เขียน:
นอกจากจะอยู่ในขบวนการสมคบคิด...คิดทำลายแล้ว...กักกายทำอะไรไปบ้าง...

ผมไม่เคยเห็นกักกาย...จะต่อว่าคนบางพวกเลย..แม้จะโกงสนั่นแค่ไหนก็ตาม..

มิหน่ำซ่ำ...เห็นแต่ใช้ทฤษฎีสมคบคิด..เพาะเชื้อเรื่อยๆ..ได้ตลอด....


จำได้นะ..ใครว่าผม..ปกป้องระบบโบราณ


กบเอ้ย คิกๆๆ ก

รูปภาพ

ก็บอกแล้วว่า ไม่ต่างจากยุคสงครามเย็น

.....................................................
https://dhammachati.blogspot.com/


โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 23 ต.ค. 2016, 07:48 
 
ออฟไลน์
สมาชิกระดับสูงสุด
สมาชิกระดับสูงสุด
ลงทะเบียนเมื่อ: 25 เม.ย. 2009, 02:43
โพสต์: 12232


 ข้อมูลส่วนตัว


ความสำเร็จ..
ผลงานของข้าราชการดีดี..


http://www.naewna.com/politic/columnist/20764

อ้างคำพูด:
วิภาคสื่อเทศ วิเทศสื่อไทย
สุทิน วรรณบวร
Tweet

ความสำเร็จทีมไทย...ทำคนแดนไกลกระอักเลือด


ปรบมือดังๆ ให้ทีมประเทศไทยที่ประสบความสำเร็จอย่างงดงาม ทำให้คณะตัวแทนไทยโดดเด่นในเวทีสากลในฐานะประธานกลุ่มจี 77 องค์กรความร่วมมือระดับรัฐบาลของกลุ่มประเทศกำลังพัฒนาที่มีสมาชิกรวม 134 ประเทศ และเป็นกลุ่มเจรจาที่ใหญ่ที่สุดในยูเอ็น ซึ่งประเทศกำลังพัฒนา ใช้เป็นเวทีส่งเสริมความร่วมมือทางเศรษฐกิจการพัฒนา

นายอภิชาติ ชินวรรโณ เอกอัครราชทูต ณ กรุงปารีส ในฐานะผู้แทนพิเศษของรัฐมนตรีว่าการกระทรวงการต่างประเทศกล่าวบนเวที แสดงความขอบคุณประเทศสมาชิกกลุ่ม จี 77 ที่ให้โอกาสประเทศไทยได้ดำรงตำแหน่งประธานกลุ่มจี 77 ซึ่งสะท้อนให้เห็นถึงความเชื่อมั่นต่อประเทศไทยในเวทีระหว่างประเทศ และเป็นการแสดงความพร้อมและบทบาทนำของไทยในการสานต่อความร่วมมือระหว่างประเทศกำลังพัฒนา


ขณะที่ นายวีรชัย พลาศรัย เอกอัครราชทูตผู้แทนถาวรไทยประจำยูเอ็น ซึ่งจะรับหน้าที่ประธานของกลุ่มจี 77 กล่าวว่า ไทยไม่ได้นำกลุ่มจี 77 มาเป็นตัวประกัน เพื่อสนองประโยชน์ของเรา แต่ทำงานเพื่อประโยชน์ของทุกชาติในโลกเท่าที่จะทำได้ การเป็นประธานกลุ่ม เป็นโอกาสที่จะแสดงความรับผิดชอบของไทยในฐานะผู้ร่วมก่อตั้ง โดยมีเป้าหมายคือ การพัฒนาที่ยั่งยืนและสานต่อความร่วมมือกับทุกประเทศ ไทยมองว่า กลุ่มจี 77 เป็นเครื่องมือให้ประเทศต่างๆ ในโลกร่วมมือกัน โดยจะใช้เอกลักษณ์ของคนไทยที่มีความยืดหยุ่น เกื้อกูล และนุ่มนวลเป็นแนวทางในการทำงาน

นายอภิชาติให้สัมภาษณ์ในเวลาต่อมาว่า ถ้าเราประสบความสำเร็จในการทำหน้าที่ และทำให้ประเทศอื่นเห็นศักยภาพของไทย จะส่งผลดีต่อการลงสมัครชิงเก้าอี้สมาชิกไม่ถาวรในคณะมนตรีความมั่นคงในยูเอ็น (ยูเอนเอสซี)

ความสำเร็จที่เกิดขึ้นเงียบๆ ไม่มีแพร่งพรายมาก่อน แสดงให้เห็นถึงศักยภาพในการทำงานของกระทรวงต่างประเทศ โดยการนำของ นายดอน ปรมัตถ์วินัย ซึ่งมีนายวีรชัย พลาศรัย เอกอัครราชทูตถาวรประจำยูเอ็น เป็นแกนนำหลักในนิวยอร์ก

การทำงานมุ่งมั่นรักษาผลประโยชน์ชาติของท่านทูตวีรชัยโดยไม่หวั่นเกรงอิทธิพลนักการเมืองทุนสามานย์ปล้นชาติ เช่นเมื่อคราวสู้คดีเขาพระวิหารในศาลโลก ท่านทูตวีรชัยเก็บเอกสารหลักฐานสำคัญไว้เป็นความลับ ไม่ยอมให้นักการเมืองนำไปแพร่งพรายให้ศัตรูรู้ล่วงหน้า

ความสำเร็จในครั้งนี้ ทำเอาสัมภเวสีหนีคุกที่ทุ่มเงินนับ 100 ล้านบาท ให้สมุนบริวารและสื่อทาส ทำลายชื่อเสียงพลเอกประยุทธ์ จันทร์โอชา ในฐานะตัวแทนประเทศไทย ในที่ประชุมยูเอ็นแทบกระอักเลือด เพราะแผนร้ายทำลายประเทศไทย กลายเป็นความจัญไรทำลายตัวเอง

ภาพคนไทยในนิวยอร์กให้การต้อนรับพลเอกประยุทธ์ อย่างอบอุ่น ผู้แทนจากต่างประเทศก็ขอลายเซ็น การได้รับเลือกให้เป็นประธานกลุ่มจี 77 การหารือกับ นายบัน คี-มูน เลขาฯยูเอ็น การพบปะประธานาธิบดีจีนนายสี จิ้น ผิง ฯลฯ ทำให้เห็นว่า บารมีลุงตู่เหนือชั้นกว่า ทักษิณ ชินวัตร มาก ทีมงานประเทศไทยภายใต้การนำของลุงตู่ มีศักยภาพและกลยุทธ์เหนือชั้นกว่าทีมงานแม้วจนเทียบกันไม่ได้เลย

สมัยเป็นนายกฯทักษิณใช้เงินมากมายมหาศาล ทำประชาสัมพันธ์ จ้างลอบบี้ยีสต์รณรงค์หาเสียงสนับสนุนผู้แทนไทยลงสมัครชิงตำแหน่งเลขาฯยูเอ็น ทักษิณตั้งตัวเป็นผู้นำทีมหาเสียงทุกเวทีประชุมสากล ทั้งในเวทียูเอ็น เวทีอาเซียน เวทีเอเชีย-ยุโรป ฯลฯ

การปรากฏตัวของทักษิณ ต้องยิ่งใหญ่อลังการ เช่นการหาเสียงก่อนถูกยึดอำนาจ ทักษิณและคณะเดินทางด้วยเครื่องบินไทยคู่ฟ้า เครื่องบินประจำตำแหน่งนายกฯ ไปยังประเทศฟินแลนด์ ทำภารกิจในฟินแลนด์เสร็จ จอดเครื่องบินไทยคู่ฟ้าไว้ที่เฮลซิงกิ
แล้วเช่าเหมาลำการบินไทยให้รับผู้โดยสาร 6 คน กับกระเป๋าขนาด 78 ใบ ให้ไปรับคณะเดินทางต่อไปที่นิวยอร์ก

ความยิ่งใหญ่ของทักษิณ เดินทางเที่ยวเดียวใช้เครื่องบินจัมโบ้ 2 ลำ พร้อมกระเป๋าเดินทางรวม 125 ใบ แต่ผลการหยั่งเสียง
ผู้สมัครเลขายูเอ็นรอบแรกปรากฏว่า ตัวแทนจากประเทศไทยอยู่ในอันดับ 3 อินเดียอันดับ 2 บังกลาเทศรั้งสุดท้าย

พลเอกประยุทธ์พร้อมคณะ 15 คน ออกเดินทางจากกรุงเทพฯด้วยสายการบินพาณิชย์ เพื่อประหยัดงบประมาณไปต่อเครื่องจากญี่ปุ่นไปนิวยอร์ก ไปถึงได้รับการต้อนรับอย่างอบอุ่นจากคนไทยรักชาติ เริ่มประชุมกันทีมงานประเทศไทยทันที วันต่อมาเข้าประชุมยูเอ็น ในฐานะผู้แทนจากประเทศไทยที่ได้เป็นประธานกลุ่มจี 77ซึ่งเป็นสัญญาณบวกในการชิงตำแหน่งใน
ยูเอนเอสซี

ปัจจัยแห่งความสำเร็จแน่นอนมาจากวิสัยทัศน์กว้างไกลของทีมงานประเทศไทย ที่มองเห็นว่าตะวันตกกำลังร่วงโรยในขณะที่ตะวันออกกำลังรุ่งโรจน์ การวางตำแหน่งประเทศที่เหมาะสมกับมหาอำนาจตะวันออก เช่น จีนและรัสเซีย จึงมีส่วนสำคัญทำให้ประเทศชาติเดินหน้าไปได้ ซึ่งตรงกันข้ามกับวิสัยทัศน์ของทักษิณ ที่ยึดอเมริกาเป็นสรณะ

คุณสมลักษณ์ ส่งสัมพันธ์ อดีตผอ.กองการต่างประเทศประจำสำนักนายกฯเคยเขียนไว้ในหนังสือ “รัฐบาลหอย ถึงรัฐบาลปู” 37 ปีไดอารี่การเมืองว่า “การเดินทางไปนิวยอร์ก(ทักษิณ) ครั้งนี้ เพื่อขอเสียงสนับสนุนจากประเทศสมาชิกให้กับนายสุรเกียรติ์ เสถียรไทย...ในเวลา 13.30 น. ท่านมีกำหนดไปรับประทานอาหารกลางวันและกล่าวสุนทรพจน์ที่ Council Of Foreign Relations (ซีเอฟอาร์) เมื่อเสร็จแล้วท่านเดินทางกลับเข้าโรงแรม Grand Hyatt โดยมีคนไทยจำนวนหนึ่งสวมเสื้อเหลืองมาประท้วง”

ซีเอฟอาร์ คือ องค์กรกงสีใหญ่ที่มีอิทธิพลเหนือทำเนียบขาวและนักการเมืองสหรัฐเพราะเป็นองค์กรระดมทุนสามานย์ไว้กำกับทิศทางนักการเมืองและแทรกแซงประเทศอื่น ครั้งหนึ่งประธานาธิบดี จอห์น เอฟ. เคนเนดี้ เคยเรียกว่า“องค์กรเถื่อน” ก่อนถูกยึดอำนาจไม่กี่ชั่วโมงทักษิณ ไปสุมหัวกับ ซีเอฟอาร์ ถึงวันนี้ระบอบทักษิณ กลุ่มต่อต้าน คสช. กลุ่มต่อต้าน กฎหมายอาญามาตรา 112 กลุ่มนักวิชาการเสื้อแดงยังคงใช้ซีเอฟอาร์ เป็นหนังคลุมหัวทำร้ายประเทศไทย

ความสำเร็จของพลเอกประยุทธ์ ในเวทียูเอ็นจึงสะท้อนให้เห็นว่า เมื่อไหร่ที่นักการทูตมืออาชีพได้ทำงานเพื่อชาติอย่างอิสระ ไม่ถูกครอบงำโดยนักการเมืองทุนสามานย์ปล้นชาติ ที่มีผลประโยชน์ธุรกิจส่วนตัวทับซ้อนกับผลประโยชน์ชาติ วันนั้นจะพบว่า ประเทศไทย เป็นที่ยอมรับของสังคมโลก ไม่ได้เป็นที่รังเกียจดังที่คนแดนไกลและสมุนบริวารพยายามทำให้เป็น

เช่นในนิวยอร์ก ขณะที่คนไทยส่วนหนึ่งรวมตัวให้กำลังใจนายกรัฐมนตรี พล.อ.ประยุทธ์นั้น นายจอมเพชรประดับ รายงานสดการชุมนุมต่อต้านคสช.ที่หน้ายูเอ็น โดยมีนายปวิน ชัชชวาลพงศ์พันธ์ ชูให้เห็นข้อป้ายความโจมตี พล.อ.ประยุทธ์ เป็นที่น่าสังเกตว่าการรายงานสดของนายจอม ออกอากาศผ่านช่อง iFreedom TV ซึ่งเป็นช่องชุมชนลาวในโอกลาโฮม่า

สมุนบริวารของสัมภเวสีหนีคุก ตกต่ำล้มเหลวถึงกับต้องใช้ช่อง iFreedomTv ของชุมชนลาวออกอากาศต่อต้านมาตรา 112 ด่าทอประเทศที่ฝังรกตัวเอง สื่อตะวันตกผีโม่แป้งที่เคยช่วยประโคมข่าว ไม่เหลียวมองคนพวกนี้แม้แต่หางตา สแกนดูสำนักข่าวต่างประเทศ พบว่าสื่อตะวันตกให้ความสนใจข่าวชาวยูเครนนิวยอร์กร่วมมือกับอเมริกันชน ประท้วงรัสเซียประณามการผนวกไครเมีย เป็นส่วนหนึ่งของรัสเซีย เพียงข่าวเดียว


สื่อตะวันตกวิเคราะห์ว่าการประชุมยูเอ็นครั้งที่ 70 เป็นเรื่องสัพเพเหระ ที่มีผู้นำเข้าร่วมประชุมมากมาย แต่ขาดคนที่มีภาวะผู้นำ เพราะไม่มีใครกล้ายกปัญหาสำคัญๆ เช่น วิกฤติผู้อพยพ ซึ่งเป็นปัญหาเฉพาะหน้าที่ต้องแก้ไขอย่างเร่งด่วนมาพูด นอกจากพระสันตะปาปาฟรังซิสที่ตรัสต่อที่ประชุมรัฐสภาสหรัฐซึ่งมีนัยสำคัญว่า “อเมริกันอย่ากลัวผู้อพยพ เพราะชาวอเมริกาส่วนมากก็เป็นลูกหลานผู้อพยพเช่นกัน เราต้องมองเขาเป็นคน ไม่ใช่มองพวกเขาเป็นตัวเลข”

ปัญหาสิทธิเสรีภาพและบทบาทสตรีทางการเมืองที่ประธานาธิบดีจีนนายสี จิ้น ผิง เสนอเป็นวาระสำคัญ แต่ผู้แทนประเทศที่เรียกร้องให้เคารพสิทธิและเสรีภาพสตรีอย่างแข็งขันเช่นประธานาธิบดีบารัค โอบามา และนายกรัฐมนตรีอังกฤษนายเดวิด คาเมรอน ไม่ได้ร่วมกล่าวถ้อยแถลงด้วยซ้ำ

ในส่วนของประเทศไทย ได้รับเลือกให้เป็นประธานกลุ่มประเทศจี 77 ได้หารือทวิภาคีกับนายบัน คี-มูน เลขาฯยูเอ็น ได้หารือทวิภาคีกับผู้นำประเทศต่างๆ พลเอกประยุทธ์ได้รับรางวัลผู้ส่งเสริมพื้นฐานการพัฒนาดิจิตอล ฯลฯถือเป็นความสำเร็จอันยิ่งใหญ่ของทีมไทย ที่ทำเอาคนแดนไกลกระอักเลือด

“สมุนบริวารของสัมภเวสีหนีคุกตกต่ำล้มเหลวถึงกับต้องใช้ช่อง iFreedomTv ของชุมชนลาวออกอากาศ ต่อต้านมาตรา 112 ด่าทอประเทศที่ฝังรกตัวเอง สื่อตะวันตกผีโม่แป้งที่เคยช่วยประโคมข่าวไม่เหลียวมองคนพวกนี้แม้แต่หางตา”


โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 23 ต.ค. 2016, 08:54 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
สมาชิกระดับสูงสุด
สมาชิกระดับสูงสุด
ลงทะเบียนเมื่อ: 24 ต.ค. 2006, 12:36
โพสต์: 33766

อายุ: 0

 ข้อมูลส่วนตัว


กบนอกกะลา เขียน:
ความสำเร็จ..
ผลงานของข้าราชการดีดี..


http://www.naewna.com/politic/columnist/20764

อ้างคำพูด:
วิภาคสื่อเทศ วิเทศสื่อไทย
สุทิน วรรณบวร
Tweet

ความสำเร็จทีมไทย...ทำคนแดนไกลกระอักเลือด


ปรบมือดังๆ ให้ทีมประเทศไทยที่ประสบความสำเร็จอย่างงดงาม ทำให้คณะตัวแทนไทยโดดเด่นในเวทีสากลในฐานะประธานกลุ่มจี 77 องค์กรความร่วมมือระดับรัฐบาลของกลุ่มประเทศกำลังพัฒนาที่มีสมาชิกรวม 134 ประเทศ และเป็นกลุ่มเจรจาที่ใหญ่ที่สุดในยูเอ็น ซึ่งประเทศกำลังพัฒนา ใช้เป็นเวทีส่งเสริมความร่วมมือทางเศรษฐกิจการพัฒนา

นายอภิชาติ ชินวรรโณ เอกอัครราชทูต ณ กรุงปารีส ในฐานะผู้แทนพิเศษของรัฐมนตรีว่าการกระทรวงการต่างประเทศกล่าวบนเวที แสดงความขอบคุณประเทศสมาชิกกลุ่ม จี 77 ที่ให้โอกาสประเทศไทยได้ดำรงตำแหน่งประธานกลุ่มจี 77 ซึ่งสะท้อนให้เห็นถึงความเชื่อมั่นต่อประเทศไทยในเวทีระหว่างประเทศ และเป็นการแสดงความพร้อมและบทบาทนำของไทยในการสานต่อความร่วมมือระหว่างประเทศกำลังพัฒนา


ขณะที่ นายวีรชัย พลาศรัย เอกอัครราชทูตผู้แทนถาวรไทยประจำยูเอ็น ซึ่งจะรับหน้าที่ประธานของกลุ่มจี 77 กล่าวว่า ไทยไม่ได้นำกลุ่มจี 77 มาเป็นตัวประกัน เพื่อสนองประโยชน์ของเรา แต่ทำงานเพื่อประโยชน์ของทุกชาติในโลกเท่าที่จะทำได้ การเป็นประธานกลุ่ม เป็นโอกาสที่จะแสดงความรับผิดชอบของไทยในฐานะผู้ร่วมก่อตั้ง โดยมีเป้าหมายคือ การพัฒนาที่ยั่งยืนและสานต่อความร่วมมือกับทุกประเทศ ไทยมองว่า กลุ่มจี 77 เป็นเครื่องมือให้ประเทศต่างๆ ในโลกร่วมมือกัน โดยจะใช้เอกลักษณ์ของคนไทยที่มีความยืดหยุ่น เกื้อกูล และนุ่มนวลเป็นแนวทางในการทำงาน

นายอภิชาติให้สัมภาษณ์ในเวลาต่อมาว่า ถ้าเราประสบความสำเร็จในการทำหน้าที่ และทำให้ประเทศอื่นเห็นศักยภาพของไทย จะส่งผลดีต่อการลงสมัครชิงเก้าอี้สมาชิกไม่ถาวรในคณะมนตรีความมั่นคงในยูเอ็น (ยูเอนเอสซี)

ความสำเร็จที่เกิดขึ้นเงียบๆ ไม่มีแพร่งพรายมาก่อน แสดงให้เห็นถึงศักยภาพในการทำงานของกระทรวงต่างประเทศ โดยการนำของ นายดอน ปรมัตถ์วินัย ซึ่งมีนายวีรชัย พลาศรัย เอกอัครราชทูตถาวรประจำยูเอ็น เป็นแกนนำหลักในนิวยอร์ก

การทำงานมุ่งมั่นรักษาผลประโยชน์ชาติของท่านทูตวีรชัยโดยไม่หวั่นเกรงอิทธิพลนักการเมืองทุนสามานย์ปล้นชาติ เช่นเมื่อคราวสู้คดีเขาพระวิหารในศาลโลก ท่านทูตวีรชัยเก็บเอกสารหลักฐานสำคัญไว้เป็นความลับ ไม่ยอมให้นักการเมืองนำไปแพร่งพรายให้ศัตรูรู้ล่วงหน้า

ความสำเร็จในครั้งนี้ ทำเอาสัมภเวสีหนีคุกที่ทุ่มเงินนับ 100 ล้านบาท ให้สมุนบริวารและสื่อทาส ทำลายชื่อเสียงพลเอกประยุทธ์ จันทร์โอชา ในฐานะตัวแทนประเทศไทย ในที่ประชุมยูเอ็นแทบกระอักเลือด เพราะแผนร้ายทำลายประเทศไทย กลายเป็นความจัญไรทำลายตัวเอง

ภาพคนไทยในนิวยอร์กให้การต้อนรับพลเอกประยุทธ์ อย่างอบอุ่น ผู้แทนจากต่างประเทศก็ขอลายเซ็น การได้รับเลือกให้เป็นประธานกลุ่มจี 77 การหารือกับ นายบัน คี-มูน เลขาฯยูเอ็น การพบปะประธานาธิบดีจีนนายสี จิ้น ผิง ฯลฯ ทำให้เห็นว่า บารมีลุงตู่เหนือชั้นกว่า ทักษิณ ชินวัตร มาก ทีมงานประเทศไทยภายใต้การนำของลุงตู่ มีศักยภาพและกลยุทธ์เหนือชั้นกว่าทีมงานแม้วจนเทียบกันไม่ได้เลย

สมัยเป็นนายกฯทักษิณใช้เงินมากมายมหาศาล ทำประชาสัมพันธ์ จ้างลอบบี้ยีสต์รณรงค์หาเสียงสนับสนุนผู้แทนไทยลงสมัครชิงตำแหน่งเลขาฯยูเอ็น ทักษิณตั้งตัวเป็นผู้นำทีมหาเสียงทุกเวทีประชุมสากล ทั้งในเวทียูเอ็น เวทีอาเซียน เวทีเอเชีย-ยุโรป ฯลฯ

การปรากฏตัวของทักษิณ ต้องยิ่งใหญ่อลังการ เช่นการหาเสียงก่อนถูกยึดอำนาจ ทักษิณและคณะเดินทางด้วยเครื่องบินไทยคู่ฟ้า เครื่องบินประจำตำแหน่งนายกฯ ไปยังประเทศฟินแลนด์ ทำภารกิจในฟินแลนด์เสร็จ จอดเครื่องบินไทยคู่ฟ้าไว้ที่เฮลซิงกิ
แล้วเช่าเหมาลำการบินไทยให้รับผู้โดยสาร 6 คน กับกระเป๋าขนาด 78 ใบ ให้ไปรับคณะเดินทางต่อไปที่นิวยอร์ก

ความยิ่งใหญ่ของทักษิณ เดินทางเที่ยวเดียวใช้เครื่องบินจัมโบ้ 2 ลำ พร้อมกระเป๋าเดินทางรวม 125 ใบ แต่ผลการหยั่งเสียง
ผู้สมัครเลขายูเอ็นรอบแรกปรากฏว่า ตัวแทนจากประเทศไทยอยู่ในอันดับ 3 อินเดียอันดับ 2 บังกลาเทศรั้งสุดท้าย

พลเอกประยุทธ์พร้อมคณะ 15 คน ออกเดินทางจากกรุงเทพฯด้วยสายการบินพาณิชย์ เพื่อประหยัดงบประมาณไปต่อเครื่องจากญี่ปุ่นไปนิวยอร์ก ไปถึงได้รับการต้อนรับอย่างอบอุ่นจากคนไทยรักชาติ เริ่มประชุมกันทีมงานประเทศไทยทันที วันต่อมาเข้าประชุมยูเอ็น ในฐานะผู้แทนจากประเทศไทยที่ได้เป็นประธานกลุ่มจี 77ซึ่งเป็นสัญญาณบวกในการชิงตำแหน่งใน
ยูเอนเอสซี

ปัจจัยแห่งความสำเร็จแน่นอนมาจากวิสัยทัศน์กว้างไกลของทีมงานประเทศไทย ที่มองเห็นว่าตะวันตกกำลังร่วงโรยในขณะที่ตะวันออกกำลังรุ่งโรจน์ การวางตำแหน่งประเทศที่เหมาะสมกับมหาอำนาจตะวันออก เช่น จีนและรัสเซีย จึงมีส่วนสำคัญทำให้ประเทศชาติเดินหน้าไปได้ ซึ่งตรงกันข้ามกับวิสัยทัศน์ของทักษิณ ที่ยึดอเมริกาเป็นสรณะ

คุณสมลักษณ์ ส่งสัมพันธ์ อดีตผอ.กองการต่างประเทศประจำสำนักนายกฯเคยเขียนไว้ในหนังสือ “รัฐบาลหอย ถึงรัฐบาลปู” 37 ปีไดอารี่การเมืองว่า “การเดินทางไปนิวยอร์ก(ทักษิณ) ครั้งนี้ เพื่อขอเสียงสนับสนุนจากประเทศสมาชิกให้กับนายสุรเกียรติ์ เสถียรไทย...ในเวลา 13.30 น. ท่านมีกำหนดไปรับประทานอาหารกลางวันและกล่าวสุนทรพจน์ที่ Council Of Foreign Relations (ซีเอฟอาร์) เมื่อเสร็จแล้วท่านเดินทางกลับเข้าโรงแรม Grand Hyatt โดยมีคนไทยจำนวนหนึ่งสวมเสื้อเหลืองมาประท้วง”

ซีเอฟอาร์ คือ องค์กรกงสีใหญ่ที่มีอิทธิพลเหนือทำเนียบขาวและนักการเมืองสหรัฐเพราะเป็นองค์กรระดมทุนสามานย์ไว้กำกับทิศทางนักการเมืองและแทรกแซงประเทศอื่น ครั้งหนึ่งประธานาธิบดี จอห์น เอฟ. เคนเนดี้ เคยเรียกว่า“องค์กรเถื่อน” ก่อนถูกยึดอำนาจไม่กี่ชั่วโมงทักษิณ ไปสุมหัวกับ ซีเอฟอาร์ ถึงวันนี้ระบอบทักษิณ กลุ่มต่อต้าน คสช. กลุ่มต่อต้าน กฎหมายอาญามาตรา 112 กลุ่มนักวิชาการเสื้อแดงยังคงใช้ซีเอฟอาร์ เป็นหนังคลุมหัวทำร้ายประเทศไทย

ความสำเร็จของพลเอกประยุทธ์ ในเวทียูเอ็นจึงสะท้อนให้เห็นว่า เมื่อไหร่ที่นักการทูตมืออาชีพได้ทำงานเพื่อชาติอย่างอิสระ ไม่ถูกครอบงำโดยนักการเมืองทุนสามานย์ปล้นชาติ ที่มีผลประโยชน์ธุรกิจส่วนตัวทับซ้อนกับผลประโยชน์ชาติ วันนั้นจะพบว่า ประเทศไทย เป็นที่ยอมรับของสังคมโลก ไม่ได้เป็นที่รังเกียจดังที่คนแดนไกลและสมุนบริวารพยายามทำให้เป็น

เช่นในนิวยอร์ก ขณะที่คนไทยส่วนหนึ่งรวมตัวให้กำลังใจนายกรัฐมนตรี พล.อ.ประยุทธ์นั้น นายจอมเพชรประดับ รายงานสดการชุมนุมต่อต้านคสช.ที่หน้ายูเอ็น โดยมีนายปวิน ชัชชวาลพงศ์พันธ์ ชูให้เห็นข้อป้ายความโจมตี พล.อ.ประยุทธ์ เป็นที่น่าสังเกตว่าการรายงานสดของนายจอม ออกอากาศผ่านช่อง iFreedom TV ซึ่งเป็นช่องชุมชนลาวในโอกลาโฮม่า

สมุนบริวารของสัมภเวสีหนีคุก ตกต่ำล้มเหลวถึงกับต้องใช้ช่อง iFreedomTv ของชุมชนลาวออกอากาศต่อต้านมาตรา 112 ด่าทอประเทศที่ฝังรกตัวเอง สื่อตะวันตกผีโม่แป้งที่เคยช่วยประโคมข่าว ไม่เหลียวมองคนพวกนี้แม้แต่หางตา สแกนดูสำนักข่าวต่างประเทศ พบว่าสื่อตะวันตกให้ความสนใจข่าวชาวยูเครนนิวยอร์กร่วมมือกับอเมริกันชน ประท้วงรัสเซียประณามการผนวกไครเมีย เป็นส่วนหนึ่งของรัสเซีย เพียงข่าวเดียว


สื่อตะวันตกวิเคราะห์ว่าการประชุมยูเอ็นครั้งที่ 70 เป็นเรื่องสัพเพเหระ ที่มีผู้นำเข้าร่วมประชุมมากมาย แต่ขาดคนที่มีภาวะผู้นำ เพราะไม่มีใครกล้ายกปัญหาสำคัญๆ เช่น วิกฤติผู้อพยพ ซึ่งเป็นปัญหาเฉพาะหน้าที่ต้องแก้ไขอย่างเร่งด่วนมาพูด นอกจากพระสันตะปาปาฟรังซิสที่ตรัสต่อที่ประชุมรัฐสภาสหรัฐซึ่งมีนัยสำคัญว่า “อเมริกันอย่ากลัวผู้อพยพ เพราะชาวอเมริกาส่วนมากก็เป็นลูกหลานผู้อพยพเช่นกัน เราต้องมองเขาเป็นคน ไม่ใช่มองพวกเขาเป็นตัวเลข”

ปัญหาสิทธิเสรีภาพและบทบาทสตรีทางการเมืองที่ประธานาธิบดีจีนนายสี จิ้น ผิง เสนอเป็นวาระสำคัญ แต่ผู้แทนประเทศที่เรียกร้องให้เคารพสิทธิและเสรีภาพสตรีอย่างแข็งขันเช่นประธานาธิบดีบารัค โอบามา และนายกรัฐมนตรีอังกฤษนายเดวิด คาเมรอน ไม่ได้ร่วมกล่าวถ้อยแถลงด้วยซ้ำ

ในส่วนของประเทศไทย ได้รับเลือกให้เป็นประธานกลุ่มประเทศจี 77 ได้หารือทวิภาคีกับนายบัน คี-มูน เลขาฯยูเอ็น ได้หารือทวิภาคีกับผู้นำประเทศต่างๆ พลเอกประยุทธ์ได้รับรางวัลผู้ส่งเสริมพื้นฐานการพัฒนาดิจิตอล ฯลฯถือเป็นความสำเร็จอันยิ่งใหญ่ของทีมไทย ที่ทำเอาคนแดนไกลกระอักเลือด

“สมุนบริวารของสัมภเวสีหนีคุกตกต่ำล้มเหลวถึงกับต้องใช้ช่อง iFreedomTv ของชุมชนลาวออกอากาศ ต่อต้านมาตรา 112 ด่าทอประเทศที่ฝังรกตัวเอง สื่อตะวันตกผีโม่แป้งที่เคยช่วยประโคมข่าวไม่เหลียวมองคนพวกนี้แม้แต่หางตา”



ก็บอกแล้วว่า มันเหมือนยุคสงครามเย็น ยุคตุลาวิปโยค :b32: สืบเนื่องถึง เมษา พฤษภา 53 จนถึงปัจจุบันนี้

กบดูให้ได้นะ ไม่ดูโกดตาย กดดู :b32:

https://1.bp.blogspot.com/-s1vKAC6lEeA/ ... 5273_n.jpg

.....................................................
https://dhammachati.blogspot.com/


โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 23 ต.ค. 2016, 17:01 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
สมาชิกระดับสูงสุด
สมาชิกระดับสูงสุด
ลงทะเบียนเมื่อ: 24 ต.ค. 2006, 12:36
โพสต์: 33766

อายุ: 0

 ข้อมูลส่วนตัว


ฟุล๊คโพสต์โดนข่มขู่ หลัง FB live ช่วย ยิ่งลักษณ์จ่ายค่าเสียหายจำนำข้าว

https://www.youtube.com/watch?v=qDvu6a_TTmE

ข่าวคืบหน้า :b13:

http://prachatai.org/journal/2016/10/68490

ว่าปิดเพจไปแล้ว :b1:

.....................................................
https://dhammachati.blogspot.com/


แก้ไขล่าสุดโดย กรัชกาย เมื่อ 24 ต.ค. 2016, 09:31, แก้ไขแล้ว 1 ครั้ง

แสดงโพสต์จาก:  เรียงตาม  
กลับไปยังกระทู้  [ 30 โพสต์ ]  ไปที่หน้า 1, 2  ต่อไป

เขตเวลา GMT + 7 ชั่วโมง


 ผู้ใช้งานขณะนี้

กำลังดูบอร์ดนี้: ไม่มีสมาชิก และ บุคคลทั่วไป 49 ท่าน


ท่าน ไม่สามารถ โพสต์กระทู้ในบอร์ดนี้ได้
ท่าน ไม่สามารถ ตอบกระทู้ในบอร์ดนี้ได้
ท่าน ไม่สามารถ แก้ไขโพสต์ของท่านในบอร์ดนี้ได้
ท่าน ไม่สามารถ ลบโพสต์ของท่านในบอร์ดนี้ได้
ท่าน ไม่สามารถ แนบไฟล์ในบอร์ดนี้ได้

ค้นหาสำหรับ:
ไปที่:  
Google
ทั่วไป เว็บธรรมจักร