พระพุทธเจ้าทรงบอกหลักในการพิจารณาว่าธรรมนั้นๆใช่ธรรมะที่พระพุทธเจ้าทรงสอนไว้หรือไม่ จำง่ายๆไม่ต้องไปค้นตำราหรือเทียบเคียงปริยัติอะไรมากว่า

"ธรรมใดที่กล่าวถึงเรื่องทุกข์ เหตุเกิดทุกข์ ความดับเหตุทุกข์ และวิธีทำให้ถึงความดับเหตุทุกข์ได้ นั่นคือคำสอนของเราตถาคต" ....(นอกจากนี้ไม่ใช่)

อีกนัยยะหนึ่งคือ ธรรมใดที่เป็นไปตามอริยสัจ 4 นั่นคือธรรมะที่พระพุทธเจ้าทรงสอนถ้านอกเหนือจากนั้นคือไม่ใช่ เป็นมิจฉาทิฏฐิ

มายก๊อต ท่านอโศกเห็นผิด เป็นมิจฉาทิฏฐิไปสะแล้ว

พระพุทธเจ้าสั่งสอนธรรมอยู่ถึง ๔๕ ปี ดังนั้น คำสอนของพระองค์จึงมีมากมาย ถึง ๘๔๐๐๐ พระธรรมขันธ์ แต่ท่านอโศกบอกไม่ใช่

นรกยกโทษให้ท่านอโศกด้วยเถิด

น่าเสียดายกรัชกายนักวิชาการใหญ่ผู้ใบ้บื้อ ตีความจับประเด็นธรรมที่พระพุทธเจ้าทรงสอนทั้ง 84,000 พระธรรมขันธ์ไม่ออก

ทั้ง 84,000 นั้น เมื่อพิจารณาให้ดีและลึกซึ้งล้วนเกี่ยวกับเรื่องของ

ทุกข์

เหตุเกิดทุกข์

ความดับทุกข์

และวิธีดับ(เหตุ)ทุกข์

ทั้งสิ้น

กลับไปวิเคราะห์ธรรมดูใหม่ให้ดีๆไป๊ กรัชกายผู้ใบ้บื้อ

นิพพานัง ปรมังสุขขัง นิพพานัง ปรมังสุญญัง เป็นเรื่องของนิโรธสัจจะ ในอริยสัจ 4 เป็นเรื่องของผล ยังไม่ต้องศึกษารายละเอียดอะไรมากเพราะอาจจะทำให้เกิดตัณหาและความโลภในผล

พึงศึกษาเน้นหนักในเรื่องของทุกข์ สมุทัยสัจจะและมรรคสัจจะให้มากๆและละเอียดลึกซึ้งจึงจะเป็นการดีต่อการปฏิบัติจริงให้ถึงธรรม

แล้วโพธิปักขิยธรรมที่อ้างล่ะ จะว่าไง

ไหนลองบอกวิธีปฏิบัติอริยสัจ 4 ให้ดูสิ ทำไง เอ้า

วิธีเจริญ อริยสัจ 4 ตีความในรูปให้แตกก็จะได้ครบทั้งภาคทฤษฎีและปฏิบัติของอริยสัจ 4 นะ

ส่วนโพธิปักขิยธรรม 37 ประการนั้น เป็นสรุปวิธีปฏิบัติเพื่อให้รู้ทุกข์(มรรค)
เห็นเหตุเกิดทุกข์แล้วเอามันออก
จนได้รับนิโรธ ทั้ง 9 เป็นผลสุดท้าย

ไปวิเคราะห์ หรือทำธรรมวิจัยมาให้ดี กรัชกาย

ทำเป็นไหม....ธรรมวิจัยสัมโพชงค์

วิธีปฏิบัติของท่านอโศกคือนั่งตีความเอา ทำยังกะ ตลก.เมืองไทย เอะอะอะไรก็ตีความๆ คิกๆๆ

เพราะตีความจับประเด็นจากปริยัติที่ศึกษาไม่เป็น จึงแทบไม่ได้ประโยชน์อะไรจากเรื่องและปริยัติมากมายที่ท่วมหัว หู ตา
ของกรัชกาย จนแม้กระทั่งความรู้สึกในใจที่เป็นกูเป็นเราก็ยังจับเอามาทำลายไม่ป็น

สัตว์โลกจึงต้องไปตามกรรมนะ

ยังไม่รู้สึกอีกแนะ คิกๆๆ



นี่แหละความคิดแบบพราหมณ์ที่คิดว่ากายใจนี่มีอาตมันคอยบ่งการบังคับบัญชาชีวิตจิตใจให้เป็นนั่นนี่

ท่านอโศกค้นหาอัตตา (บาลี) อาตมัน (สันสกฤต) ตัวนี้แหละมิจฉาทฺิฏฐิ ความเห็นผิดนะขอรับ

จะตั้งโจทก์ให้ท่านอโศกทำนะขอรับ เอ้า

ถ้าไฟไหม้บ้านตัวเองอยู่ ท่านอโศกจะดับเลย หรือรอให้ถึงพรุ่งนี้มะรืนนี้มะเรื่องหนึ่งก่อนจึงค่อยดับ จึงค่อยโทรแจ้งหน่วยดับเพลิงขอรับ

ลองตอบลองทำโจทก์นี้ดูสิครับ

ดีแล้ว ๆ ที่กรัชกายยกคำถามนี้มาถาม อันเป็นเหตุปัจจัยให้ได้แสดงธรรม

ปุถุชนทั้งหลายเปรียบเหมือนคนที่ไฟทุกข์ ไฟกิเลสตัณหา อัตตา กำลังลุกไหม้อยู่บนศีรษะของตนเองอยู่เลย ไม่ใช่ไฟไหม้บ้านอย่างที่กรัชกายเปรียบเทียบ

มีบุคคลอยู่ 2-3 กลุ่มที่เกี่ยวข้องกับเรื่องนี้

กลุ่มที่ 1 คือพวกที่ถูกโมหะอวิชชาปิดบังตามืดบอดจนไม่รู้ตัวว่ากำลังมีไฟไหม้อยู่บนหัวของตัวเอง

กลุ่มที่ 2 ได้เรียนรู้ปริยัติคำสอนของพระพุทธเจ้าแล้วรู้โดยทฤษฎีว่า มีไฟลุกไหม้อยู่บนหัวของปุถุชนทุกคน รวมทั้งตัวเองด้วยแต่ไม่รู้ตัวไม่เจ็บแสบร้อนเพราะพิษไฟเนื่องจากหลงภูมิใจ ดีใจว่าตนได้รู้เรื่องดีๆอย่างนี้ จึงเที่ยววิ่งแล่นไปบอกกล่าวคนโน้นคนนี้ถึงวิธีดับไฟบนหัวตามที่พระพุทธเจ้าทรงสั่งสอนไว้ตั้ง 21,000 วิธีตามมีในพระสูตร จากนั้นก็มอมเมาตนเองให้ลืมเรื่องไฟไหม้หัว ด้วยความสำคัญผิดคิดว่าตัวเองได้สร้างมหากุศลอันยิ่งใหญ่ด้วยการก้อปปี้คำสอนของพระพุทธเจ้าในคัมภีร์มาบอกกล่าวผู้คน ตนต้องพ้นจากพิษไฟที่ไหม้ลามอยู่บนหัวนี้แน่ๆ

กลุ่มที่ 3 คือกลุ่มคนที่ฉลาดได้เรียนรู้ข้อธรรมแม้เพียงไม่กี่ข้อจากพระบรมศาสดาจนสามารถจับประเด็นธรรม แก่นคำสอน หลักการปฏิบัติธรรมตามคำสอนของพระพุทธเจ้าได้จึงรีบนำมาใส่ใจลงมือปฏิบัติดัดกายใจตนเองจนไฟที่ลุกไหม้อยู่บนหัวของตัวเองดับไปมอดไป ทุกวี่วันก็มีงานถอนฟืน 1,500 ท่อน ดับไฟ 108 กองให้หมดไป สิ้นไป ลดน้อยถอยลงไปตลอดเวลา ที่ละ 1% 2% 3% ไปจนถึง 25% ก็ได้นั่งแท่นทางธรรม บรรเทาความร้อนจากพิษไฟ ได้พักจิตพักใจรวมพลังดับไฟถอนฟืนต่อไปอีกจนกว่าจะดับได้ 50% 75% และ 100% ในที่สุดคือถึงที่ที่ไฟและเชื้อไฟบนหัวหมดสิ้นดับสนิทไม่ลุกได้อีก

บุคคลกลุ่มที่ 3 นี้ยังต้องมีชีวิตเกี่ยวข้องกับเพื่อนมนุษย์ร่วมโลก ได้เห็นเพื่อนมนุษย์ที่กำลังมีไฟไหม้อยู่เต็มหัวลุกโชนอยู่ไม่รู้ตัว ไม่รู้จักวิธีดับไฟ จึงมีเมตตา กรุณา นำเอาประสบการณ์จริงวิธีการจริงๆที่ตนดับไฟถอนพิษไฟให้เบาบางจางลงได้ มาบอกกล่าวแบ่งปันแก่เพื่อนมนุษย์ผู้จมอยู่ในทุกข์ห้วงเดือดร้อนทั้งให้รู้ตัว รู้วิธีแล้วลงมือดับไฟบนหัวของตัวเองทันที สังเกตง่ายๆคนที่ดับไฟบนหัวตัวเองให้เบาบางได้บ้างหรือดับหมดไปแล้วท่านจะพูดสอนใช้บัญญัติตามภาษาพื้นฐานง่ายๆของชุมชนเชื้อชาตินั้นถ่ายทอดธรรมและวิธีดับไฟไปอาจไม่เหมือนสมมุติบัญญัติในคัมภีร์ที่พระพุทธเจ้าทรงสอน แต่เนื้อหาปรมัตถ์นั่นเป็นอันเดียวกัน
ช่างน่าอัศจรรย์ในธรรมะที่พระพุทธเจ้าทรงสอน ว่าเป็นสากล
สามารถสื่อออกได้ทุกภาษาและบัญญัติของโลกปัจจุบัน ไม่มีขีดขั้นใดๆจากใจคนที่ถึงธรรมแล้ว

ดับไฟที่ลุกไหม้บนหัวและในใจของกรัชกายให้ได้ก่อนแล้วค่อยมาถามผมนะครับ

แล้วเวลาถามใครอย่าไปบังคับขืนใจเขาให้ตอบทั้งทางตรงทางอ้อมอย่างที่ล็อคคำถามคำตอบมาอย่างนี้ มันเข้าลักษณะเผด็จการ ไม่เป็นธรรมนะครับ

กรัชกายก็ไม่ชอบเผด็จการไม่ใช่หรือ

เขาถามว่า ไปไหนมา ? เราไปไหนมาก็ตอบไปตรงๆ เช่น เรา เจียงใหม่มา ก็ตอบว่า ไปเจียงใหม่มาจ้าว

ไม่ใช่เขาถามว่า ไปไหนมาขอรับท่านอโศก? สามวาสองศอกจ้าว ถ้าแบบนี้ไม้หน้าสามขอรับ